ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : นางฟ้า
“ เบาๆหน่อยได้มั้ยคะ คุณกรินขา… ”
คำพูดกึ่งประชด กึ่งตำหนิของคุณหญิงกุลธิดาดังขึ้น พร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังการกระทำของบุตรสาวที่ช่างทำให้เธออยากหายาดม ยาลม ยาหมองมาดมในคราวเดียวกัน ดูสิ! กริยามารยาทที่เธอผู้ได้ชื่อว่าเป็นมารดาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เกิด มันได้หายไปไหนจนหมดสิ้น ดูทำเข้านี่ขนาดเธอทำท่าทาง น้ำเสียงไม่พอใจ ลูกสาวที่แสนดีก็แทบจะไม่เงยหน้ามามองเธอเลย ลูกคนนี้นี่จริงๆเลย
“ ไปละนะแม่ วันนี้มีนัด ”
พูดจบกริญญาก็กระโจนเข้ามาหอมแก้มผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออกว่าตอนนี้มารดากำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะเรียกรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม่ลูกกันนี่นา…จุดอ่อนแม่เธออยู่ตรงไหนมีเหรอที่เธอผู้เป็นลูกสาวจะไม่รู้ มุขอ้อนใช้มาตั้งแต่เด็ก โตมาก็ยังได้ผล…
คุณหญิงกุลธิดาส่ายหน้าน้อยๆ จับใม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆลูกคนนี้ แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ คลี่ออกมา ลูกสาวของเธอคนนี้ออกแนวแข็งนอกอ่อนใน ถ้ายิ่งเธอไปบังคับก็จะยิ่งถูกลูกสาวคนนี้ต่อต้าน สู้เธอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว อาจดูไม่เรียบร้อยเข้าตาไปสักหน่อย แต่ขอให้เข้าใจกันเป็นดีที่สุด
“ ป้านิ่มจ๊ะ ขอกาแฟให้ฟ้าซักแก้วสิคะ ”
ฟ้าลดาเดินลงมาจากชั้นสอง พร้อมกับหันมาสั่งแม่บ้าน วันนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองตื่นสายมากเป็นพิเศษ สงสัยเมื่อคืนเธอคงนอนดึกมากไป ทำให้รู้สึกเพลียๆ ว่าแต่คนที่บอกจะรีบมาหาตั้งแต่เช้ากลับเงียบเข้ากลีบเมฆ ดีนะที่เธอไม่รีบตื่นแต่เช้ามานั่งรอ ไม่งั้นละ น่าดูเชียว
“ มาแล้วค่า มาแล้ว ”
น้ำเสียงที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ฟ้าลดาหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ที่จริงเธอก็อยากจะแกล้งโกรธคนที่บอกจะมาตั้งแต่เช้า ดูสิว่าจะทำยังไง แต่พอหันไปเห็นดวงตาที่แสนใสซื่อของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ตัดใจแกล้งไม่ได้
ฟ้าลดา เดินตรงเข้าไปหาคนที่ยืนมองเธออยู่ห่างๆ ไม่ยักกะเดินเข้ามาหาเธอซักที จนเป็นเธอเองที่ต้องเดินเข้าไปใกล้
“ เป็นอะไรคะ หิวหรือเปล่า ”
น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ส่งผ่านมาทั้งแววตา รอยยิ้ม ทำให้คนฟังรู้สึกนุ่มหูที่ได้ยินซะนี่กะไร ดูสิ นี่ขนาดเธอมาสาย คนตรงหน้ายังไม่มีท่าทีที่จะโกรธ หรือแม้แต่งอนเธอ แต่กลับมีแต่ความอ่อนโอน ห่วงใย ใส่ใจ โชคดีที่สุด ที่เธอได้รู้จักและรักผู้หญิงคนนี้ ฟ้าลดา กิตติอมรกุล นางฟ้าของเธอ
“ ว่าไงคะ มองพี่ขนาดนี้ หิวหรือจะอ้อนเอาอะไร ”
ฟ้าลดาเดินเข้าไปเกี่ยวแขนคนที่ยังไม่ยอมพูดให้ได้เดินตามเธอเข้ามาในบ้าน แล้วบอกให้แม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารเช้าสำหรับสองที่
“ ที่จริงกรินกินมาแล้ว แต่จะกินเป็นเพื่อนพี่ฟ้าแล้วกันนะคะ ดูสิ ผอมลงตั้งเยอะ ”
กริญญาไม่พูดเปล่า เธอใช้มือจับแขนคนข้างๆ ยกขึ้นมาดู ดูสิ มันเล็กมากจนเธอออกจะแปลกใจว่าคนที่เธอจับแขนอยู่วันๆ กินข้าวบ้างหรือเปล่า ผู้หญิงก็งี้ เอะอะก็กลัวอ้วน กลัวอ้วน แล้วไม่คิดว่าถ้าผอมเกินไปมันจะดูไม่งามบ้างเหรอ แต่จู่ๆกริญญาก็ต้องอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ก็จะอะไรซะอีก เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดันมาวิจารย์ผู้หญิงด้วยกัน หยั่งกะตัวเองเป็นผู้ชาย ซะงั้น….
“ หิวจริงๆด้วยนะคะ ”
เจ้าของบ้านคนสวยคลี่ยิ้มบางๆ แค่เห็นคนตรงหน้ากินได้เธอก็เหมือนจะอิ่มไปด้วย ก็คนตรงหน้าเธอเล่นกินซะเยอะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บตุนไว้ที่ส่วนไหน จะว่าคนตรงหน้าอ้วนก็ใช่ที่ ดูสิหุ่นดี ยิ่งกว่าเธอซะอีก
“ กรินเสียดายของอะคะ แหมฝีมือแม่ครัวที่นี่ มาทีไรไม่เค้ย…ทำให้ผิดหวัง ”
คำพูดนี้คนพูดก็ชอบพูดเหลือเกินว่าอาหารที่บ้านของเธออร่อยซะจนปล่อยให้เหลือไม่ได้ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าบ้านคนกินจุรวยล้นฟ้าขนาดไหน เธอคงจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้กินอะไรดีๆมานานหลายเดือน แต่พอเห็นก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ เห็นแล้วก็ชื่นใจคนทำ ดูสิ แม่บ้านเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นคนกินฝีมือตัวเองจนเกลี้ยง แทบจะไม่ต้องล้างจาน
“ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีใจซะอีกที่กรินกินได้… ”
เจ้าของบ้านคนสวยลากเสียงยาวพร้อมกับจ้องลงไปยังจานอาหารที่ตอนนี้กลายเป็นของว่างด้วยฝีมือคนตรงหน้า แล้วก็เอ่ยแบบยิ้มๆออกมา
“ กินได้ขนาดนี้ แอบเอาไปตุนไว้ที่แก้มหรือเปล่าเนื๊ย ไหนดูหน่อยสิ ”
ไม่พูดเปล่า เมื่อฟ้าลดาคว้าแก้มขาวเนียมมาบบีบเล่นอย่างมันเคี้ยว ทำเอาคนกินจุถึงกับร้องลั่นบ้าน แต่คนบีบก็ไม่ลดละในการบีบเพราะยิ่งได้ยิ่งเสียงคนตรงหน้าร้องเธอก็นึกหมั่นไส้อยากแกล้งอีก แกล้งอีก จนคนถูกบีบยกมือยอมแพ้ เธอถึงเลิกแกล้งแต่ยังคงหัวเราะน้อยๆกับปฏิกิริยาคนตรงหน้า
“ พี่ฟ้าอะ แก้มคนนะไม่ใช่แฮนด์รถ บีดเอาบีดเอา ”
“ ก็พี่อยากรู้ว่ากรินเอาอาหารไปซ่อนไว้ที่กระพุ้งแก้มหรือเปล่า ”
“ คนนะไม่ใช่หนูแฮม… จะได้เอาไว้ได้ ”
กริญญามองคนตรงหน้าอย่างเคืองๆ แต่มีหรือที่เธอจะเคืองได้นานเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มากมายจากคนตรงหน้า แนะ! ยังไม่หยุดหัวเราะเธออีก แต่เธอก็…อดหัวเราะตามไม่ได้ คนอะไรหัวเราะแล้วก็ทำให้คนอื่นยิ้มตามได้ทุกครั้ง แปลก…แต่ก็…น่ารักอ่ะ!
“ ป่ะ ไปซื้อของกัน ”
คนตัวสูงยื่นมือมาหาคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ฟ้าลดาลดหนังสือลง พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เพราะปกติคนตรงหน้าไม่ชอบเดินเที่ยวห้างหรือซื้อของอะไร แต่วันนี้มาแปลกกว่าทุกวัน จะแกล้งอะไรเธอหรือเปล่านะ เมื่อนึกย้อนไปเรื่องที่เธอแกล้งเมื่อเช้า
“ ซื้ออะไรคะ ”
“ กรินกำลังจะย้ายที่เรียน ”
คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว ส่วนคนพูดก็รีบเอามือมาแยกคิ้วคนที่กำลังทำหน้าสงสัยหนัก เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“ กรินจะย้ายมาเรียน…ที่…เดียว…กับ…พี่ฟ้า ”
ฟ้าลดาอ้างปากจะถามกลับไปแต่คนพูดยกมือปิดไว้ซะก่อน
“ กรินอยากอยู่ใกล้ๆพี่ฟ้า อยากดูแล จนกว่า… ”
แต่ไม่ทันจะพูดจบประโยคคนที่ถูกเอามือปิดปากก็ดึงเอามือคนตรงหน้าออก
“ จะดีเหรอกริน ที่มหาลัยเดิมพี่ก็ว่ามันเหมากับกรินแล้วนะ ถ้าย้ายมาจะเสียเรื่องเรียนหรือเปล่า ”
“ ไม่หรอกคะ เดี๋ยวนี้เขาโอนย้ายกันเยอะแยะ ”
“ ถ้ากรินจะย้ายมาเพราะเป็นห่วงพี่ตัดไปได้เลยนะ พี่ดูแลตัวเองได้ ”
คำพูดที่เด็ดขาดและน้ำเสียงที่จริงจังทำให้คนฟังต้องรีบคิดเหตุผลใหม่ๆ ที่พอจะเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้ กริญญาลุกขึ้น เดินไปที่ริมหน้าต่าง เธอหลับตาลงนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้กับคนที่นั่งรอฟังเหตุผลใหม่ๆ
“ กริน…ย้ายไปแล้วคะ ไม่ทันแล้ว ”
รอยยิ้มบางๆผสมกับหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเจ้าเลห์ปรากฏขึ้น มันฉายแววออกมาจนคนฟังได้แต่อ้างปากค้างเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาทำให้คนตรงหน้ายอมจำนนได้ซะที และสุดท้ายกริญญาก็ชนะและสามารถลากตัวคนตัวเล็กไปเดินซื้อของเพื่อใช้เริ่มต้นในการเข้าเรียนในที่ใหม่ได้สำเร็จ
กริญญาเดินนำคนตัวเล็กอย่างช้าๆ เธอออกจะอายอยู่เหมือนกันที่เหตุผลของเธอไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่ แต่พอจะคิดเหตุผลใหม่ๆ เธอกลับเลือกใช้วิธีรวบรัดตัดตอนเช่นนี้ ช่างน่าขันแต่ก็เอาเถอะนะ ในเมื่อมันทำให้คนที่เดินอยู่ข้างหลังหมดข้อโต้แย้ง เธอก็ควรจะพอใจ
“ พี่ฟ้าโกรธกรินเพรอคะ ”
จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าเธอก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมาพูดอ้อนเธอ มาไม้นี้คิดเหรอว่าเธอจะใจอ่อน( ซะเมื่อไหร่ )
“ พี่น่ะเหรอจะกล้าโกรธกริน ”
น้ำเสียงงอนๆ ที่ส่งมามีหรือที่คนฟังจะฟังไม่ออก ไม่โกรธ แต่! งอน ฟันธง!
“ เดี่ยวกรินเลี้ยงไอศกรีมนะคะ คนสวยจะได้อารมณ์ดี ”
คนสวยหันมามองคนที่บอกจะเลี้ยง แล้วก็เชิดหน้างอนเล็กน้อย
“ ทุ่มหมดตัว! ”
ไม่พูดเปล่า กริญญารรีบควักกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาโชว์ พร้อมกับทำทางเขย่ากระเป๋าไปมาจนคนที่งอนอดหัวเราะกับท่าทางและใบหน้าทะเล้นนั้นไม่ได้
“ ดี จะกินให้หมดตัวเลย ”
เมื่อพูดจบฟ้าลดาก็เดินลิ่วๆ นำหน้าตรงดิ่งไปยังร้านไอศกรีม เอาของโปรดมาล่อเหรอได้เดี่ยวจะกินจนไม่มีเงินเหลือกลับบ้านเลย คอยดู…
“ ธีร์ พิมพ์ว่าเราไปร้านอื่นกันดีกว่านะ ”
“ ทำไมละ…พิมพ์ ”
ธีรทัศน์หันไปถามเพื่อนสาวที่อยู่ในท่าทางแปลกๆ พร้อมกับหันไปมองทางเดียวกับคนที่บอกจะเปลี่ยนร้าน และในวินาทีนั้นเอง เขาแทบจะทรุดลงตรงนั้นเลย ฟ้าลดา! กับผู้หญิงคนนั้น ท่าทางที่สนิทสนม หยอกล้อกันจนไม่คิดจะสนใจคนรอบข้าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดใจ ด้านคนที่ยังไม่รู้ว่าถูกซุ่มดูก็ยังคงหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ จนในที่สุด กริญญาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยให้เหตุผลว่ากินเยอะจนต้องขอระบายทำเอาคนฟังรีบยกมือไล่ตะเพิดออกไปอย่างเร็ว
“ ทำไมเร็วจัง ”
คนถามถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะคิดว่าเป็นคนที่เพิ่งลุกไป เธอกะจะแซวซักหน่อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบว่าไม่ใช่คนที่เธอรอ
“ สวัสดีฟ้า ”
คำทักทายสั้นๆ พร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ ถูกส่งมาทำให้คนฟังต้องรีบยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ ด้วยเกรงว่าเพื่อนที่เข้ามาทักจะรู้สึกไมดีที่จู่ๆเธอก็หุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อนคนนี้
“ สวัสดีธีร์ , พิมพ์ ”
“ สวัสดีฟ้า มากินไอศกรีมเหรอ แล้วมากะใคร มาทำไม…. ”
คำถามที่ถูกส่งมาเยอะแยะมากมายจนคนถูกถามเริ่มอึดอัด เลยส่งสายตาเป็นเชิงปรามๆ คนตรงหน้า ทำให้คนถามถึงกับทำหน้าเหวอด้วยเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มมากไปจริงๆ
“ อากาศร้อนต้องกินไอศกรีมเนาะ เดี๋ยวพิมพ์กับธีร์ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันที่มหาลัย ”
พูดจบพิมวราก็ลากตัวเพื่อนชายออกมาจากที่เกิดเหตุเพราะสายตาของเธอแลเห็นคนที่เป็นเจ้าของโต๊ะอีกคนกำลังเดินกลับมา และหากมาประชันหน้ากันอะไรๆก็คงจะแย่ลงยิ่งกว่านี้ ตรงกับสุภาษิตที่ว่า รู้หลบเป็นหลีก รู้หลีกเป็นหลบ เอ…แปลกๆ อ้อ! ที่จริงต้อง รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางต่างหากละคุณพิมวราจ๋า….
ทางด้านคนที่เพิ่งเดินกลับมาก็หันไปมองตามคนที่เพิ่งเดินออกไปจากโต๊ะเธอ เห็นหลังไวๆ ใครกันนะ
“ เพื่อนพี่เอง กรินไม่รู้จักหรอก ”
คนพูดกล่าวออกมายิ้มๆ
“ แล้วนี่หมดตัวหรือยังอะเรา ”
กริญญาหันมายิ้มกว้าง ก่อนจะตอบออกมาอย่างอายๆ
“ ไม่เท่าไหร่คะ แต่ถ้าให้กินทั้งร้านก็…ไหว๋อยู่ ”
จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน จะว่าไปทุกครั้งที่เธออยู่กับคนตรงหน้าเธอก็พบเจอแต่รอยยิ้ม กริญญาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ไม่รู้สึกเหงาเลย ฟ้าลดาหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆให้กับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ “ ขอบคุณนะคะ ”
คำพูดกึ่งประชด กึ่งตำหนิของคุณหญิงกุลธิดาดังขึ้น พร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังการกระทำของบุตรสาวที่ช่างทำให้เธออยากหายาดม ยาลม ยาหมองมาดมในคราวเดียวกัน ดูสิ! กริยามารยาทที่เธอผู้ได้ชื่อว่าเป็นมารดาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เกิด มันได้หายไปไหนจนหมดสิ้น ดูทำเข้านี่ขนาดเธอทำท่าทาง น้ำเสียงไม่พอใจ ลูกสาวที่แสนดีก็แทบจะไม่เงยหน้ามามองเธอเลย ลูกคนนี้นี่จริงๆเลย
“ ไปละนะแม่ วันนี้มีนัด ”
พูดจบกริญญาก็กระโจนเข้ามาหอมแก้มผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออกว่าตอนนี้มารดากำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะเรียกรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม่ลูกกันนี่นา…จุดอ่อนแม่เธออยู่ตรงไหนมีเหรอที่เธอผู้เป็นลูกสาวจะไม่รู้ มุขอ้อนใช้มาตั้งแต่เด็ก โตมาก็ยังได้ผล…
คุณหญิงกุลธิดาส่ายหน้าน้อยๆ จับใม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆลูกคนนี้ แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ คลี่ออกมา ลูกสาวของเธอคนนี้ออกแนวแข็งนอกอ่อนใน ถ้ายิ่งเธอไปบังคับก็จะยิ่งถูกลูกสาวคนนี้ต่อต้าน สู้เธอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว อาจดูไม่เรียบร้อยเข้าตาไปสักหน่อย แต่ขอให้เข้าใจกันเป็นดีที่สุด
“ ป้านิ่มจ๊ะ ขอกาแฟให้ฟ้าซักแก้วสิคะ ”
ฟ้าลดาเดินลงมาจากชั้นสอง พร้อมกับหันมาสั่งแม่บ้าน วันนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองตื่นสายมากเป็นพิเศษ สงสัยเมื่อคืนเธอคงนอนดึกมากไป ทำให้รู้สึกเพลียๆ ว่าแต่คนที่บอกจะรีบมาหาตั้งแต่เช้ากลับเงียบเข้ากลีบเมฆ ดีนะที่เธอไม่รีบตื่นแต่เช้ามานั่งรอ ไม่งั้นละ น่าดูเชียว
“ มาแล้วค่า มาแล้ว ”
น้ำเสียงที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ฟ้าลดาหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ที่จริงเธอก็อยากจะแกล้งโกรธคนที่บอกจะมาตั้งแต่เช้า ดูสิว่าจะทำยังไง แต่พอหันไปเห็นดวงตาที่แสนใสซื่อของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ตัดใจแกล้งไม่ได้
ฟ้าลดา เดินตรงเข้าไปหาคนที่ยืนมองเธออยู่ห่างๆ ไม่ยักกะเดินเข้ามาหาเธอซักที จนเป็นเธอเองที่ต้องเดินเข้าไปใกล้
“ เป็นอะไรคะ หิวหรือเปล่า ”
น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ส่งผ่านมาทั้งแววตา รอยยิ้ม ทำให้คนฟังรู้สึกนุ่มหูที่ได้ยินซะนี่กะไร ดูสิ นี่ขนาดเธอมาสาย คนตรงหน้ายังไม่มีท่าทีที่จะโกรธ หรือแม้แต่งอนเธอ แต่กลับมีแต่ความอ่อนโอน ห่วงใย ใส่ใจ โชคดีที่สุด ที่เธอได้รู้จักและรักผู้หญิงคนนี้ ฟ้าลดา กิตติอมรกุล นางฟ้าของเธอ
“ ว่าไงคะ มองพี่ขนาดนี้ หิวหรือจะอ้อนเอาอะไร ”
ฟ้าลดาเดินเข้าไปเกี่ยวแขนคนที่ยังไม่ยอมพูดให้ได้เดินตามเธอเข้ามาในบ้าน แล้วบอกให้แม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารเช้าสำหรับสองที่
“ ที่จริงกรินกินมาแล้ว แต่จะกินเป็นเพื่อนพี่ฟ้าแล้วกันนะคะ ดูสิ ผอมลงตั้งเยอะ ”
กริญญาไม่พูดเปล่า เธอใช้มือจับแขนคนข้างๆ ยกขึ้นมาดู ดูสิ มันเล็กมากจนเธอออกจะแปลกใจว่าคนที่เธอจับแขนอยู่วันๆ กินข้าวบ้างหรือเปล่า ผู้หญิงก็งี้ เอะอะก็กลัวอ้วน กลัวอ้วน แล้วไม่คิดว่าถ้าผอมเกินไปมันจะดูไม่งามบ้างเหรอ แต่จู่ๆกริญญาก็ต้องอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง ก็จะอะไรซะอีก เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดันมาวิจารย์ผู้หญิงด้วยกัน หยั่งกะตัวเองเป็นผู้ชาย ซะงั้น….
“ หิวจริงๆด้วยนะคะ ”
เจ้าของบ้านคนสวยคลี่ยิ้มบางๆ แค่เห็นคนตรงหน้ากินได้เธอก็เหมือนจะอิ่มไปด้วย ก็คนตรงหน้าเธอเล่นกินซะเยอะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บตุนไว้ที่ส่วนไหน จะว่าคนตรงหน้าอ้วนก็ใช่ที่ ดูสิหุ่นดี ยิ่งกว่าเธอซะอีก
“ กรินเสียดายของอะคะ แหมฝีมือแม่ครัวที่นี่ มาทีไรไม่เค้ย…ทำให้ผิดหวัง ”
คำพูดนี้คนพูดก็ชอบพูดเหลือเกินว่าอาหารที่บ้านของเธออร่อยซะจนปล่อยให้เหลือไม่ได้ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าบ้านคนกินจุรวยล้นฟ้าขนาดไหน เธอคงจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้กินอะไรดีๆมานานหลายเดือน แต่พอเห็นก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ เห็นแล้วก็ชื่นใจคนทำ ดูสิ แม่บ้านเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นคนกินฝีมือตัวเองจนเกลี้ยง แทบจะไม่ต้องล้างจาน
“ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีใจซะอีกที่กรินกินได้… ”
เจ้าของบ้านคนสวยลากเสียงยาวพร้อมกับจ้องลงไปยังจานอาหารที่ตอนนี้กลายเป็นของว่างด้วยฝีมือคนตรงหน้า แล้วก็เอ่ยแบบยิ้มๆออกมา
“ กินได้ขนาดนี้ แอบเอาไปตุนไว้ที่แก้มหรือเปล่าเนื๊ย ไหนดูหน่อยสิ ”
ไม่พูดเปล่า เมื่อฟ้าลดาคว้าแก้มขาวเนียมมาบบีบเล่นอย่างมันเคี้ยว ทำเอาคนกินจุถึงกับร้องลั่นบ้าน แต่คนบีบก็ไม่ลดละในการบีบเพราะยิ่งได้ยิ่งเสียงคนตรงหน้าร้องเธอก็นึกหมั่นไส้อยากแกล้งอีก แกล้งอีก จนคนถูกบีบยกมือยอมแพ้ เธอถึงเลิกแกล้งแต่ยังคงหัวเราะน้อยๆกับปฏิกิริยาคนตรงหน้า
“ พี่ฟ้าอะ แก้มคนนะไม่ใช่แฮนด์รถ บีดเอาบีดเอา ”
“ ก็พี่อยากรู้ว่ากรินเอาอาหารไปซ่อนไว้ที่กระพุ้งแก้มหรือเปล่า ”
“ คนนะไม่ใช่หนูแฮม… จะได้เอาไว้ได้ ”
กริญญามองคนตรงหน้าอย่างเคืองๆ แต่มีหรือที่เธอจะเคืองได้นานเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มากมายจากคนตรงหน้า แนะ! ยังไม่หยุดหัวเราะเธออีก แต่เธอก็…อดหัวเราะตามไม่ได้ คนอะไรหัวเราะแล้วก็ทำให้คนอื่นยิ้มตามได้ทุกครั้ง แปลก…แต่ก็…น่ารักอ่ะ!
“ ป่ะ ไปซื้อของกัน ”
คนตัวสูงยื่นมือมาหาคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ฟ้าลดาลดหนังสือลง พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เพราะปกติคนตรงหน้าไม่ชอบเดินเที่ยวห้างหรือซื้อของอะไร แต่วันนี้มาแปลกกว่าทุกวัน จะแกล้งอะไรเธอหรือเปล่านะ เมื่อนึกย้อนไปเรื่องที่เธอแกล้งเมื่อเช้า
“ ซื้ออะไรคะ ”
“ กรินกำลังจะย้ายที่เรียน ”
คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว ส่วนคนพูดก็รีบเอามือมาแยกคิ้วคนที่กำลังทำหน้าสงสัยหนัก เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“ กรินจะย้ายมาเรียน…ที่…เดียว…กับ…พี่ฟ้า ”
ฟ้าลดาอ้างปากจะถามกลับไปแต่คนพูดยกมือปิดไว้ซะก่อน
“ กรินอยากอยู่ใกล้ๆพี่ฟ้า อยากดูแล จนกว่า… ”
แต่ไม่ทันจะพูดจบประโยคคนที่ถูกเอามือปิดปากก็ดึงเอามือคนตรงหน้าออก
“ จะดีเหรอกริน ที่มหาลัยเดิมพี่ก็ว่ามันเหมากับกรินแล้วนะ ถ้าย้ายมาจะเสียเรื่องเรียนหรือเปล่า ”
“ ไม่หรอกคะ เดี๋ยวนี้เขาโอนย้ายกันเยอะแยะ ”
“ ถ้ากรินจะย้ายมาเพราะเป็นห่วงพี่ตัดไปได้เลยนะ พี่ดูแลตัวเองได้ ”
คำพูดที่เด็ดขาดและน้ำเสียงที่จริงจังทำให้คนฟังต้องรีบคิดเหตุผลใหม่ๆ ที่พอจะเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้ กริญญาลุกขึ้น เดินไปที่ริมหน้าต่าง เธอหลับตาลงนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้กับคนที่นั่งรอฟังเหตุผลใหม่ๆ
“ กริน…ย้ายไปแล้วคะ ไม่ทันแล้ว ”
รอยยิ้มบางๆผสมกับหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเจ้าเลห์ปรากฏขึ้น มันฉายแววออกมาจนคนฟังได้แต่อ้างปากค้างเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาทำให้คนตรงหน้ายอมจำนนได้ซะที และสุดท้ายกริญญาก็ชนะและสามารถลากตัวคนตัวเล็กไปเดินซื้อของเพื่อใช้เริ่มต้นในการเข้าเรียนในที่ใหม่ได้สำเร็จ
กริญญาเดินนำคนตัวเล็กอย่างช้าๆ เธอออกจะอายอยู่เหมือนกันที่เหตุผลของเธอไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่ แต่พอจะคิดเหตุผลใหม่ๆ เธอกลับเลือกใช้วิธีรวบรัดตัดตอนเช่นนี้ ช่างน่าขันแต่ก็เอาเถอะนะ ในเมื่อมันทำให้คนที่เดินอยู่ข้างหลังหมดข้อโต้แย้ง เธอก็ควรจะพอใจ
“ พี่ฟ้าโกรธกรินเพรอคะ ”
จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าเธอก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมาพูดอ้อนเธอ มาไม้นี้คิดเหรอว่าเธอจะใจอ่อน( ซะเมื่อไหร่ )
“ พี่น่ะเหรอจะกล้าโกรธกริน ”
น้ำเสียงงอนๆ ที่ส่งมามีหรือที่คนฟังจะฟังไม่ออก ไม่โกรธ แต่! งอน ฟันธง!
“ เดี่ยวกรินเลี้ยงไอศกรีมนะคะ คนสวยจะได้อารมณ์ดี ”
คนสวยหันมามองคนที่บอกจะเลี้ยง แล้วก็เชิดหน้างอนเล็กน้อย
“ ทุ่มหมดตัว! ”
ไม่พูดเปล่า กริญญารรีบควักกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาโชว์ พร้อมกับทำทางเขย่ากระเป๋าไปมาจนคนที่งอนอดหัวเราะกับท่าทางและใบหน้าทะเล้นนั้นไม่ได้
“ ดี จะกินให้หมดตัวเลย ”
เมื่อพูดจบฟ้าลดาก็เดินลิ่วๆ นำหน้าตรงดิ่งไปยังร้านไอศกรีม เอาของโปรดมาล่อเหรอได้เดี่ยวจะกินจนไม่มีเงินเหลือกลับบ้านเลย คอยดู…
“ ธีร์ พิมพ์ว่าเราไปร้านอื่นกันดีกว่านะ ”
“ ทำไมละ…พิมพ์ ”
ธีรทัศน์หันไปถามเพื่อนสาวที่อยู่ในท่าทางแปลกๆ พร้อมกับหันไปมองทางเดียวกับคนที่บอกจะเปลี่ยนร้าน และในวินาทีนั้นเอง เขาแทบจะทรุดลงตรงนั้นเลย ฟ้าลดา! กับผู้หญิงคนนั้น ท่าทางที่สนิทสนม หยอกล้อกันจนไม่คิดจะสนใจคนรอบข้าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดใจ ด้านคนที่ยังไม่รู้ว่าถูกซุ่มดูก็ยังคงหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ จนในที่สุด กริญญาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยให้เหตุผลว่ากินเยอะจนต้องขอระบายทำเอาคนฟังรีบยกมือไล่ตะเพิดออกไปอย่างเร็ว
“ ทำไมเร็วจัง ”
คนถามถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะคิดว่าเป็นคนที่เพิ่งลุกไป เธอกะจะแซวซักหน่อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบว่าไม่ใช่คนที่เธอรอ
“ สวัสดีฟ้า ”
คำทักทายสั้นๆ พร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ ถูกส่งมาทำให้คนฟังต้องรีบยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ ด้วยเกรงว่าเพื่อนที่เข้ามาทักจะรู้สึกไมดีที่จู่ๆเธอก็หุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อนคนนี้
“ สวัสดีธีร์ , พิมพ์ ”
“ สวัสดีฟ้า มากินไอศกรีมเหรอ แล้วมากะใคร มาทำไม…. ”
คำถามที่ถูกส่งมาเยอะแยะมากมายจนคนถูกถามเริ่มอึดอัด เลยส่งสายตาเป็นเชิงปรามๆ คนตรงหน้า ทำให้คนถามถึงกับทำหน้าเหวอด้วยเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มมากไปจริงๆ
“ อากาศร้อนต้องกินไอศกรีมเนาะ เดี๋ยวพิมพ์กับธีร์ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันที่มหาลัย ”
พูดจบพิมวราก็ลากตัวเพื่อนชายออกมาจากที่เกิดเหตุเพราะสายตาของเธอแลเห็นคนที่เป็นเจ้าของโต๊ะอีกคนกำลังเดินกลับมา และหากมาประชันหน้ากันอะไรๆก็คงจะแย่ลงยิ่งกว่านี้ ตรงกับสุภาษิตที่ว่า รู้หลบเป็นหลีก รู้หลีกเป็นหลบ เอ…แปลกๆ อ้อ! ที่จริงต้อง รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางต่างหากละคุณพิมวราจ๋า….
ทางด้านคนที่เพิ่งเดินกลับมาก็หันไปมองตามคนที่เพิ่งเดินออกไปจากโต๊ะเธอ เห็นหลังไวๆ ใครกันนะ
“ เพื่อนพี่เอง กรินไม่รู้จักหรอก ”
คนพูดกล่าวออกมายิ้มๆ
“ แล้วนี่หมดตัวหรือยังอะเรา ”
กริญญาหันมายิ้มกว้าง ก่อนจะตอบออกมาอย่างอายๆ
“ ไม่เท่าไหร่คะ แต่ถ้าให้กินทั้งร้านก็…ไหว๋อยู่ ”
จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน จะว่าไปทุกครั้งที่เธออยู่กับคนตรงหน้าเธอก็พบเจอแต่รอยยิ้ม กริญญาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ไม่รู้สึกเหงาเลย ฟ้าลดาหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆให้กับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ “ ขอบคุณนะคะ ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น