ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Hey! Say! JUMP

    ลำดับตอนที่ #8 : [NakaYama]--WHO???--

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 54


    WHO???         

     



    รูปร่างที่ดูคุ้นตาราวกับเคยสัมผัสอยู่ทุกเมื่อ

                    มืออันแสนอบอุ่นที่คอยกอบกุมไปทุกที่

                    ใบหน้าที่เคยมักจะจ้องมองอยู่ทุกวัน

                    รอยยิ้มราวกับแสงตะวันที่ทำให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้

                    ทุกๆอย่างช่างดูคุ้นตาไปเสียจนหมด  แต่ทว่ากลับนึกไม่ออกไปมากกว่านี้ทั้งชื่อ  นามสกุล  หรือความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้กันมาก่อน  เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาขวางกันไม่ให้นึกออก  ยามใดที่ภาพแห่งความทรงจำเริ่มแจ่มชัด  มักจะมีหยดน้ำมากมายราวกับสายฝนที่โหมกระหน่ำลบเลือนภาพนั้นออกไป

                    พอรู้สึกตัวอีกที  ขอบตาทั้งสองก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

                    อาจจะเป็นน้ำตา  ที่ทำให้ไม่สามารถเรียกภาพเดิมๆกลับมาได้

    ทว่าเมื่อพยายามลืม  กลับกลายเป็นยิ่งจำและยิ่งตอกย้ำมากขึ้นกว่าเดิม

     

    เด็กน้อยสองคนกำลังพูดกระซิบกระซาบกันอยู่ราวกับกลัวใครบางคนจะได้ยิน

    นี่ๆเรียวจัง-- ”  เด็กน้อยคนสูงกว่าเรียกออกมา  โตขึ้นเรียวจังต้องเป็นเจ้าสาวของฉันนะ

    อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นจึงเบ้ปากด้วยความไม่พอใจขึ้นมา  ได้ยังไงล่ะ  ฉันเป็นผู้ชายนะ  ยังไงก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวสิ!! ”

    แต่เด็กชายอีกคนไม่ยอมเถียงกลับไปด้วยความเร็วว่า  ก็เรียวจังน่ารักกว่าฉันนี่นา  ต้องเป็นเจ้าสาวของฉันสิถึงจะถูก  ฉันต้องเป็นเจ้าบ่าว  เพราะฉันหล่อกว่านะ

    เด็กใบหน้ากลมทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง  ก็ได้ถ้าฉันเป็นเจ้าสาว  โตะรินต้องสัญญากับฉันว่าต้องเป็นเจ้าบ่าวนะ  ห้ามลืมเด็ดขาดนะ

    อีกฝ่ายพยักหน้ารัว

    ห้ามหนีหายไปไหนด้วย--!!  ถ้าโกหกต้องกินเข็มพันเล่มนะเสียงหวานพูดข่มขู่ขึ้นมา  อีกฝ่ายชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวพร้อมกับสัญญาที่จะจดจำตลอดไป

    เรียกชื่อฉัน...แล้วฉันจะไปอยู่ข้างๆนายเอง

     

    ท้องฟ้าสีดำสนิทๆเริ่มถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองที่ถักทอมากจากพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมาจากขอบฟ้า  เมฆสีครึ้มต่างพากันหลบทางให้  แต่ไม่นานแสงจ้าของดวงตะวันก็ถูกบดบังด้วยตึกสูงระฟ้าซึ่งตั้งตระหง่านดั่งกับของเล่นของเด็กน้อย  นี่เป็นบรรยากาศของทุกๆวันในเมืองหลวง

    ทาวเฮ้าส์หลังหนึ่งมุงหลังคาด้วยสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล  บ้านหลังนี้ถูกซื้อมาในราคาถูกๆ  แต่ถ้าดูจากสภาพภายนอกก็ไม่อาจสามารถรับรู้ได้เลย  พอเข้าไปข้างในก็จะรู้ได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดบ้านหลังนี้ราคาถูกมาก

    ทั้งแคบทั้งเหม็นอับ  อีกทั้งยังมีปัญหาในด้านท่อน้ำประปาอีกด้วย  ยังไม่นับฝ้าที่มักจะรั่วเวลาฝนตก  ต้องคอยหาถังน้ำมารองกันแทบไม่ทัน  แต่ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีปัญหาแล้ว  เหลือเพียงท่อน้ำที่มักจะแตกเสมอๆในเวลาคับขัน

    อ๊า!!  เคย์--  ท่อน้ำแตกอีกแล้ว    เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นระหว่างอาบน้ำอยู่  จนต้องคว้าผ้าขนหนูผืนน้อยพันรอบเอวก่อนจะเปิดประตูตะโกนลงไปบอกรุ่นพี่รุ่นน้องของตนที่กำลังทำรออยู่ข้างล่าง

    อาบน้ำเสร็จหรือยังล่ะ  เสียงนุ่มๆถามกลับขึ้นมา  อาบให้มันเสร็จก่อนฉันถึงจะขึ้นไปซ่อม  เดี๋ยวเป็นแบบคราวที่แล้วอีก

    คราวที่แล้วที่ว่าคือวันแรกๆของการที่น้องชายของเคย์ย้ายเข้ามาใหม่ๆ  ตอนนั้นร่างบางก็ตะโกนเรียกเคย์ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ  ทำให้ผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายรีบวิ่งแจ้นขึ้นมาเปิดประตูห้องน้ำโดยไม่บอกกล่าว  ร่างเล็กแทบจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาปกปิดร่างกายแทบไม่ทัน  ผิวขาวๆราวกับน้ำนมนั่นทำให้เคย์กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่

    สายน้ำใสๆจากท่อน้ำที่แตก(พุ่งแรง)เข้าไปเต็มๆหน้าเคย์พร้อมกับเสียงร้องของเรียวสุเกะที่ดังขึ้นอย่างเป็นห่วงเรียกสติเคย์กลับคืนมาได้ชงัก

    นั้นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์น่าระลึกใจเหลือเกิน(สำหรับเคย์)

    เคย์ค่อยๆเดินขึ้นไปบนชั้นสองก่อนจะพบใบหน้ากลมที่โผล่ออกมาห้องของตัวเองแล้วยิ้มหวานมาให้  รบกวนซ่อมห้องน้ำให้ด้วยนะ  ขอบคุณฮะ

                    เอ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิ  เรียวสุเกะ

                    ไม่นานสองพี่น้องก็ก้าวออกมาจากบ้านด้วยสภาพที่โดนน้ำกระเซ็นกันมาคนละนิดคนละหน่อยเพราะต้องซ่อมท่อน้ำก่อนออกมาจากบ้าน  เขาทั้งสองคนคงไม่ปรารถนาให้บ้านกลายเป็นทะเลสาบเวลากลับมาตอนเย็นเท่าไรนัก

                    ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน  โดยเคย์เข้ามาอยู่ที่โตเกียวก่อนเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย  ตอนแรกเขาก็มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่  แต่อยู่ไปอยู่มาก็มีชายคนนึงที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหนี้ของคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้มาหาที่บ้านพร้อมกับบอกว่าเขาจะขายให้ในราคาถูกๆ  พอเคย์ถามถึงเจ้าของคนก่อนหน้าก็ได้รับคำตอบว่าหายสาบสูญไปแล้ว  เขาจึงยอมซื้อต่อบ้านหลังนี้มา  (อยู่ไปนานๆเข้าก็ไม่เห็นเจ้าของคนเดิมกลับมา  จนเคย์คิดว่าคงหายสาบสูญจริงๆ)

                    พอผ่านมาได้ปีกว่าๆพ่อของเขาก็ติดต่อมาว่าจะส่งเรียวสุเกะมาเรียนต่อ  พอถามถึงคุณพ่อกับคุณแม่ของเจ้าตัวก็ได้รับคำตอบแบบเดิมว่าหายสาบสูญไปเหมือนกัน  จนเคย์แอบคิดไม่ได้ว่าเขาควรจะเรียนด้านพลังเหนือธรรมชาติดีหรือไม่

                    ตอนนี้ก็ผ่านมาไม่กี่เดือนที่เรียวสุเกะได้ย้ายมาอยู่กับเขา  มีปัญหาเล็กน้อยก็ตรงที่ดูเหมือนน้องชายของเขาจะมีปัญหาอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่โรงเรียน  แต่ซักเท่าไรๆก็บอกแค่ว่าตนซุ่มซ่ามเอง

    ในที่สุดทั้งคู่ก็แยกกันตรงทางแยก  โดยเคย์จะไปตรงรถไฟเพื่อไปมหาวิทยาลัย  ส่วนเรียวสุเกะจะเดินไปหารุ่นพี่ที่สนิทและเป็นรุ่นน้องของเคย์ที่เคยรู้จักกันที่นัดไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวัน

    วันนี้ก็เปียกอีกตามเคยนะยามะจัง  รุ่นพี่ที่ยืนรออยู่พบกับสภาพของเรียวสุเกะที่มักจะต่อสู้กับท่อน้ำทุกวันจนเป็นเรื่องที่ชินตาไปเสียแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอย่างขำๆเสียไม่ได้  ฉันว่าคราวหลังให้พ่อฉันไปซ่อมให้ดีกว่านะ  พ่อของเขาเป็นช่างประปาผู้ยิ่งใหญ่ในเขตนี้เลยทีเดียว

    ไม่ดีกว่า  รบกวนคุณพ่อไดจังออก  เรียวสุเกะพูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ  อีกอย่างถ้าพอได้รบกวนไปแล้วเรื่องนึง  เดี๋ยวเรื่องอื่นๆก็จะตามมาอีก  เขาไม่อยากรบกวนไดกิไปมากกว่านี้

    ถ้างั้นไปโรงเรียนกันดีกว่านะ  ไดกิขยี้หัวรุ่นน้องด้วยความเอ็นดูก่อนจะพากันไปโรงเรียน

     

    ทันทีที่เรียวสุเกะเดินพ้นธรณีประตูโรงเรียนเข้ามา  นักเรียนเกือบจะทุกคนก็แทบจะหันกันมามองร่างเล็กนั่น  เรียวสุเกะๆได้แต่เดินก้มหน้างุดหนีจนไดกิต้องตบบ่าเบาๆเพื่อเรียกกำลังใจกลับมา

    ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนรองเท้าที่ล็อกเกอร์นั่นเอง  ไดกิก็รีบพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงตัวของเรียวสุเกะมาข้างกาย

    อะไรเหรอไดจัง  เสียงหวานถามอย่างงุนงง

    ไดกิมองใบหน้าซื่อด้วยความเอือมระอา  ถ้าโดนแกล้งแบบเมื่อวานอีกจะทำยังไง

    เหตุผลสำคัญที่ทำให้เคย์ต้องฝากน้องชายตัวเองไว้กับไดกิ  รุ่นน้องของเขาเพราะเรียวสุเกะมักจะถูกแกล้งเสมอ  ด้วยอาจจะเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนนึงหรือว่าเป็นเด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามากลางเทอม  แต่ไม่ว่าเหตุผลใดเขาก็พยายามที่จะปกป้องเรียวสุเกะเต็มที่

    ไดกิเปิดล็อกเกอร์ออกช้าๆ  ทว่าก็ไม่มีอะไรผิดปกติโผล่ออกมา  เรียวสุเกะจึงเดินออกมาจากข้างหลังรุ่นพี่ของตนก่อนที่จะไปยืนหน้าล็อกเกอร์

    จู่ๆน้ำเหนียวสีแดงสดก็พุ่งปรี๊ดออกมาฉีดเข้าเต็มๆหน้ากลม  มือทั้งสองข้างปัดป้องความแรงของน้ำ  ดวงตาหลับตาแน่นเพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าตา  เรียกเสียงหัวเราะครืนได้จากบรรดานักเรียนรอบข้าง  จนไดกิโมโหแทบจะทุบบล็อกเกอร์ให้พังเลยทีเดียว

    หัวเราะทำไม!  อยากโดนหักคะแนนนักหรือไง  ไดกิตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธจนทำให้นักเรียนคนอื่นๆพากันเงียบกริบ  เขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นเพราะอยู่ในคณะกรรมการนักเรียน  แต่อันที่จริงก็แค่ขู่เท่านั้นเอง 

    มือหนึ่งลากตัวเรียวสุเกะออกมาให้พ้นรัศมีของการฉีดน้ำที่ในที่สุดก็หยุดลงไปเพราะมืออีกข้างของไดกิผลักบานล็อกเกอร์ปิดลง

    ทั้งสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง  แต่จู่ๆเรียวสุเกะก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบงัน

    อ๊ะ  แย่จังเลย  เสียงสั่นๆของเรียวสุเกะดังขึ้นมาจนไดกิแอบใจสั่นไปด้วยไม่ได้  เดี๋ยวก็ไปไม่ทันเวรหรอกไดจัง  เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพยาบาลเองก็ได้ไม่ต้องห่วงนะ

    แต่ว่า...  ไดกิพยายามจะขัดแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวสีแดงจึงต้องยอม  พร้อมกับเสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังของตนเพื่อเรียกไปทำเวร

    รุ่นพี่อาริโอกะ...ไปกันได้แล้วครับ 

    สองในคณะกรรมการซึ่งสูงโปร่งราวกับนายแบบเดินมาคู่กัน  คนหนึ่งตาตี่ผมชี้  ส่วนอีกคนใบหน้าเรียวดวงตาโตกว่าแต่เรียวเล็กน้อยจ้องมองเขม็งมายังเรียวสุเกะ

    เดี๋ยวสิโอคาโมโตะคุง!   ยามะจังน่ะ...  ไดกิพูดได้แค่นั้นแล้วเหลือบมองไปยังเรียวสุเกะที่มองมายังเด็กหนุ่มที่ไดกิเรียกว่าโอคาโมโตะ

    อ๊ะ...อีกแล้วเหรอ  ขอโทษนะเดี๋ยวฉันจะจับคนร้ายตัวจริงให้ได้เลย  เคย์โตะพูดออกมาอย่างอ่อนโยนจนเรียวสุเกะถึงกับเคลิ้มไปได้เลยทีเดียว  ถ้างั้นให้ยูโตะไปเป็นเพื่อนก็ได้  หมอนี่ไม่ใช่เวรวันนี้

    ไดกิพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเดินไปกับเคย์โตะ  โดยยังกำชับให้เพื่อนของอีกฝ่ายช่วยดูแลรุ่นน้องสุดที่รักของตน

    นาคาจิมะคุง...ฝากด้วยนะ

    เรียวสุเกะแหงนมองคนข้างๆที่พยักหน้าเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆ

     

    ใส่ชุดนี่ไปก่อนนะ  แล้วก็นี่ผ้าเช็ดตัว  ส่วนเสื้อผ้าที่เลอะวางไว้หน้าห้องน้ำนั่นล่ะ  ยูโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆจนเรียวสุเกะอดที่จะหดตัวลงไปไม่ได้  ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ  หรือไม่อยากถอดเอง

    ม่ะ--  ไม่  ขอบใจนะ  เอ่อ...ขอโทษนะ  เรียวสุเกะรีบคว้าของทุกอย่างที่อีกฝ่ายยื่นมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป

    ยูโตะยืนมองด้วยสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อย  แต่เมื่อเสียงประตูปิดลงเขาก็กระตุกยิ้มออกมา

    ทางด้านเรียวสุเกะที่วิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา  เมื่อเห็นสภาพของตัวเองถูกย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงก็ยิ้มออกอย่างอ่อนระโหยให้กับความอ่อนแอไม่ได้เรื่องของตนเอง

    นี่เป็นการแกล้งที่เขาคิดว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยโดนมา  แรกๆก็แค่โดนขโมยของเอาไปซ่อน  ต่อมาก็โดนขโมยโต๊ะบ้างเก้าอี้บ้าง  แล้วหลังจากนั้นก็ดูเหมือนคนแกล้งจะขี้เกียจจนกระทั้งเมื่อวานมีคนเอาตุ๊กตาแปลกๆมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์  พอเรียวสุเกะเปิดออกมาก็พุ่งเข้าชนหน้าหวานจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่าด้วยความตกใจกลัว

    แต่วันนี้ที่โดนเล่นซะขนาดนี้เขาคิดว่าคงไม่ใช่การกลั่นแกล้งจากคนคนเดียวกันอย่างแน่นอน

    ยามาดะ!  เสร็จหรือยัง  ยูโตะเรียกแล้วเคาะประตูรัว  เรียวสุเกะจึงรีบแต่งตัวอย่างไม่คิดชีวิตเพราะกลัวคนข้างนอกจะโมโหเอาเสียก่อน

    เรียวสุเกะสวมชุดพละอันหลวมโพรกของยูโตะอยู่จึงทำให้ตัวเล็กลงไปถนัดตา  เขาสังเกตเห็นถึงสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจนทำให้อดจะขนลุกซู่ขึ้นมาได้  แต่เหมือนยูโตะจะรู้ว่าเรียวสุเกะเห็นอาการของตนจึงกระแอมเบาๆแก้เขินและเดินหันหลังไปเพื่อปิดบังใบหน้าที่แดงระเรื่อของตน

    จะไปไหน...มาคุยกันก่อนสิ  เสียงต่ำเรียกเรียวสุเกะที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับฉุดข้อมือบางจนร่างบางมานั่งบนตักแข็งๆของตน  แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ  ไว้ใกล้ๆโฮมรูมค่อยเข้าก็ได้  ฉันไปส่งไม่มีปัญหาแน่นอน

    เรียวสุเกะขืนตัวออกจากอ้อมกอดกลายๆของคนคนนี้  ทว่าดิ้นเท่าไรแขนแกร่งก็ยิ่งโอบรัดมากขึ้นเท่านั้น  จนต้องเปิดปากอ้อนวอน  ยะ...อย่านะ  ปล่อยฉันเถอะ

    จู่ๆใบหน้าของยูโตะก็ไปซ้อนทับกับภาพของคนในอดีตที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก  ทั้งที่คิดว่าคนคนนั้นคือเคย์โตะแท้ๆ เขาจะได้กลับมาทวงคำสัญญานั้น  แต่ในใจกลับสับสนอย่างมาก   ความรู้สึกโหยหาถึงเคย์โตะตลอดมา  ตั้งแต่ตอนที่ย้ายมาไม่กี่เดือนพอเห็นร่างหนาครั้งแรกก็คิดว่าต้องเป็นคนคนนี้ทันที  ทว่าภาพของยูโตะกลับซ้อนทับกับเด็กชายในอดีต  อดีตที่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่

    อย่าร้องไห้สิ  ยูโตะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  แล้วใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกอย่างเบามือ  เกลียดฉันถึงขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน

    เรียวสุเกะส่ายหน้าปฏิเสธ  เขาไม่ได้เกลียดยูโตะเลย  เพียงแค่กลัวเฉยๆ

    ฉันรู้นะ...ความลับของนายน่ะ

    เรียวสุเกะตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา  ยูโตะพอใจที่เห็นอาการแบบนั้นจึงพูดต่อ

    นายรักเคย์โตะใช่ไม๊ล่ะ  ทั้งๆที่พูดได้ตรงกับใจของเรียวสุเกะ  แต่ร่างเล็กไม่มีทางรู้หรอกว่ากว่าที่ยูโตะจะตัดสินใจพูดประโยคนี้ออกมาได้  หัวใจของเขานั้นสั่นไหวมากถึงเพียงใด

    ยิ่งเมื่อเห็นเรียวสุเกะพยักหน้าตอบรับ  เขาก็ยิ่งเจ็บใจ

    คนตัวเล็กกว่านั่งร้องไห้บนตักแข็งนิ่งไม่พูดอะไรออกไปจนกระทั่งเสียงกระดิ่งเริ่มสัญญาณเรียนดังขึ้น  เรียวสุเกะก็รีบวิ่งหายออกไปจากห้องทันที

     

    หลังจากวันนั้นเรียวสุเกะก็หลบหน้ายูโตะตลอดมา  เพื่อที่จะได้เก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไปและจะได้ไม่รู้สึกแปลกๆอะไรอีกกับยูโตะ

    ทว่าเขากลับโดนแกล้งหนักขึ้นทุกวัน  และทุกๆครั้งยูโตะก็จะเป็นคนช่วยเขาไว้เสมอ  แล้วเขาก็ต้องหลบหน้าเสอมทุกครั้งไป  จนกระทั่งไดกิยังอดสงสัยกับพฤติกรรมที่แปลกไปของรุ่นน้องไม่ได้

    ช่วงนี้ยามะจังแปลกๆไปนะ  เป็นอะไรหรือเปล่า  ไดกิถามขึ้นมาระหว่างช่วงพักเที่ยง  ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่สวนหน้าตึกเรียน  วันนั้นนาคาจิมะคุงทำอะไรนายหรือเปล่า

    ปละ...เปล่า

    อย่ามาปฏิเสธเลยนะ  รุ่นพี่เคย์เองก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย  เมื่อวานก็โทรมาหาฉันบอกว่านายดูเหม่อๆเศร้าๆมาหลายวันแล้ว  ไดกิบอกความจริงไป  มีอะไรก็ต้องบอกกันสิ  ถึงจะไม่เป็นห่วงตัวเองก็ไม่เป็นไร  แต่ว่าคนอื่นเขาก็เป็นห่วงอยู่นะ

    เรียวสุเกะปล่อยโฮออกมาทั้งๆที่มือถือขนมปังสตรอเบอร์รี่อยู่  ไดกิลูบหัวเบาๆเพื่อปลอบโยนคนที่เด็กกว่าเพราะรู้ดีว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เด็กน้อยผู้แสนเปราะบางนี้หยุดร้องไห้ได้  และก็ได้ผลทุกครั้งตลอดมา   เมื่อหยุดร้องไห้เรียวสุเกะจึงยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันนั้นให้ฟัง  รวมถึงเหตุผลที่หลบหน้ายูโตะ  รวมทั้งความรู้สึกของตนที่ดูเหมือนจะคิดว่าเคย์โตะคือคนในความทรงจำ

    สรุปว่าความรู้สึกของนายคิดว่าเป็นโอคาโมโตะคุง  แต่ว่านาคาจิมะคุงดันไปเป็นภาพซ้อนกับความทรงจำของยามะจัง  ทั้งๆที่โอคาโมโตะคุงเองไม่เคยซ้อนทับกับภาพนั้น  ไดกิลองเล่าตามที่ตนเข้าใจ  ใช่ไม๊....

    อื้อ

    โธ่เอ้ย...เรื่องแค่นี้เอง  ไดกิพูดราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ  แต่สำหรับเรียวสุเกะแล้วก็ยังสับสนอยู่ดี  รุ่นพี่แอบขำกับอาการของคนเด็กกว่าจึงพูดออกมา  ลองเปิดใจให้กว้าง...แล้วจะเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเอง

    เปิดใจ...  เข้าใจความรู้สึกเหรอ...  เรียวสุเกะทวน

    เมื่อเสียงกระดิ่งบอกสัญญาณว่าหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว  ไดกิก็รีบขอตัวกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็วปล่อยให้เรียวสุเกะนั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา  แล้วเดินไปเข้าเรียนอย่างงงๆ

    จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน  เรียวสุเกะพุ่งไปหาเคย์โตะซึ่งหน้าอยู่หลังห้องอย่างรวดเร็ว  แล้วลากออกมานอกห้องภายใต้สายตาที่จ้องเขม็งมองมาอย่างไม่รู้ตัว

    ร่างหนาเดินตามหลังมาโดยไม่พูดอะไร  จนกระทั้งเรียวสุเกะหันมาเผชิญหน้าด้วย

    มีอะไรหรือเปล่ายามาดะ  เสียงทุ้มแต่อ่อนโยนถามขึ้นมา  ทำให้เพิ่มความกล้าให้เรียวสุเกะมากขึ้น

    โอคาโมโตะคุงจำสัญญาตอนเด็กๆได้ไม๊

    เคย์โตะเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย

    จำไม่ได้เหรอ 

    ขอโทษนะ  แต่ตอนเด็กๆฉันอยู่ต่างประเทศน่ะ  เคย์โตะพูดเรียบๆออกมา

    งั้นเหรอ...  เรียวสุเกะพยักหน้าอย่างเข้าใจ  งั้นก็แสดงว่าอีกคนนึงก็ต้องเป็นเด็กชายในความทรงจำของเขาอย่างแน่นอน  ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆออกไปนะ

    คนสูงกว่ายิ้มออกมาแล้วยกมือลูกศีรษะทุยเบาๆ  ก่อนจะขอตัวไปประชุมกรรมการนักเรียนต่อ  โดยกำชับนักกำชับหนาว่าให้เรียวสุเกะรีบกลับ  เพราะตอนนี้เหลือเพียงแค่ระดับชั้นของเขาเท่านั้น  นอกนั้นก็เลิกเรียนกลับไปกันไปเกือบหมดแล้ว

    เรียวสุเกะเดินกลับไปที่ห้องอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาสามารถหาคนในความทรงจำนั้นเจอแล้ว

    ร่างโปร่งเพรียวคุ้นตายืนเด่นอยู่กลางห้องยิ่งทำให้คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว่าเข้าไปอีก  ไม่รอช้าเรียวสุเกะรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    นี่ๆ  นาคาจิมะคุง  เสียงเรียกเบาๆแต่ก็ดังพอให้ยูโตะหันกลับมามองด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย  แต่ซักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหยียดหยันที่ทำให้ร่างบางต้องก้าวถอยหลังออกไป

    เป็นไงล่ะ...เคย์โตะรับรักนายหรือยัง  วาจาเสียดแทงพุ่งเข้ามาโจมตี  หลายวันที่ผ่านมาอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมนายต้องหลบหน้าฉันตลอดเวลา

    คะ คือ  ไม่ใช่แบบนั้นนะ  เรียวสุเกะพยายามปฏิเสธ  แต่คนตรงหน้ากลับพุ่งเข้ามาจับข้อมือแน่น  เจ็บ...

    เจ็บงั้นเหรอ-- ”  ยูโตะพ่นลมหายใจราวกับไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน  แล้วมีเหตุผลอื่นอีกหรือยังไงถ้าไม่ใช่ว่านายต้องการบอกรักเคย์โตะมัน...  แสดงว่าตลอดเวลาที่ฉันแกล้งนายไปนั่น  มันไม่ทำให้นายรู้ตัวเลยใช่ไม๊ว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเคย์โตะ

    เรียวสุเกะยืนแข็งทื่อ  ตลอดเวลาที่เขาโดนแกล้ง  กลับกลายเป็นเพียงเหตุการณ์ที่บอกแค่ว่าห้ามยุ่งกับเพื่อนสนิทของยูโตะเท่านั้น  ยูโตะเกลียดเขามากถึงขนาดนั้นเชียวหรืออย่างไรกัน  ใจร้าย...เกลียดนายที่สุดเลย 

    คำๆนั้นเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของยูโตะ  จมูกโด่งฝังลงบนแก้มป่องที่เจ้าตัวพยายามเบือนหน้าหนี  ปากพลางร้องห้าม  แต่ร่างสูงกลับใช้ริมฝีปากอุ่นๆของตนปิดไว้  ลิ้นหนากวาดไปทั่วไล่ต้อนลิ้นของอีกฝ่าย  เรียวสุเกะเบิกตากว้างตกใจพร้อมทั้งออกแรงผลักคนตรงหน้า  จนยูโตะเสียหลักจนเกือบล้มลงไป  แต่มือหนายังคงกำข้ออีกร่างเล็กไว้แล้วดันร่างเล็กล้มไปนอนกับพื้นแทน

    ยูโตะรวบข้อมือทั้งสองด้วยมือเพียงข้างเดียว  อีกมือหนึ่งพลางลูบไล้สัดส่วนตั้งแต่ช่วงเอวลงไปถึงขาอ่อนจนทำให้เรียวสุเกะสะดุ้ง  ทันใดนั้นยูโตะก็ผละออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ  แต่ยังคงดูดดึงริมฝีปากที่แดงอยู่แล้วให้แดงยิ่งขึ้นไปอีก

    ขอร้อง...  เรียวสุเกะพึมพำขึ้นมา   ยูโตะมองหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใส่ใจ  “ --โตะริน

    ยูโตะผงะไปเมื่อได้ยินสรรพนามเรียกชื่อตนที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน   ร่างโปร่งลุกขึ้นมาช้าๆพร้อมกับยืนดูคนตัวเล็กที่นอนน้ำตาไหลอาบแก้มเงียบๆซึ่งกำลังคู้ตัวเพื่อหลบสายตาของเขา

    มือกร้านดึงเรียวสุเกะที่สั่นด้วยความกลัวขึ้นมาพร้อมกับดึงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาออกเบาๆ  สายตาที่มองไปยังเรียวสุเกะปนไปด้วยความผิดมากมาย

    ดวงตากลมจ้องมองมายังยูโตะด้วยสายตาอันว่างเปล่าที่ยูโตะไม่สามารถหยั่งถึงได้

    ทันใดนั้นเรียวสุเกะก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปจากห้องอีกครั้งนึง

    นายวิ่งหนีฉันไปอีกแล้วนะ....เรียวจัง

     

    ชายหนุ่มกำลังไขกุญแจประตูหน้าบ้านอย่างยากลำบาก  เพราะสนิมเกาะกินเกือบจะหมดแล้ว  หมุนไปหมุนมา  กลับลูกกุญแจก็แล้ว  ก็ยังไม่สามารถไขออกได้  จนกระทั่งชายหนุ่มกระชากแม่กุญแจออกมา  พบว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยชิ้นเหล็กซึ่งถูกสนิมเกาะกินจนร่วงกราว

    ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นพอสมควร  แต่เขาก็ยังไม่เห็นน้องชายที่ปกติมักจะกลับมาถึงบ้านก่อน  จนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

    จู่ๆก็มีร่างหนึ่งพุ่งข้างมากอดเอวเขาจากข้างหลังแน่น  เมื่อก้มลงไปก็พบกับเรียวสุเกะที่ร้องไห้จนตัวโยน

    ฮึก  เคย์

    เรียวสุเกะ!! ”  เคย์ที่เห็นสภาพน้องชายตรงหน้าก็เริ่มใจเสียขึ้นมาได้แต่ยืนกอดอยู่อย่างนั้น  เป็นเพราะนาคาจิมะใช่ไม๊-- ”

    เรียวสุเกะได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธชื่อนี้  เขาไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้ว  ไม่อยากบอกเล่าเหตุการณ์นี้ให้ใครได้รับรู้

    เฮ้อ...งั้นก็ร้องไห้ออกมาให้หมดเถอะร้องซะไห้พอ  เคย์พูดปลอบ

    น้องชายได้แต่ยืนซบหน้ากับบ่ากว้างปล่อยโฮออกมาเสียงดัง  เขาไม่ได้ร้องออกมาเพราะโกรธหรือโมโหยูโตะ  แต่เขาโกรธตัวเองที่ไม่กล้าเพียงพอที่จะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างออกไป

    อยากจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไป

    หรือไม่อยากที่จะพบกับความจริงอันโหดร้าย

    มีเพียงเจ้าของภาพๆนั้นในความทรงจำเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินได้

    ในที่สุดเรียวสุเกะก็ร้องไห้จนหลับไป  ดูท่าตื่นมาจะต้องปวดหัวแน่ๆ  เคย์อุ้มน้องชายขึ้นไปนอนในห้องนอนก่อนจะห่มผ้าห่มให้แล้วเดินออกมาด้วยเสียงอันเบา

    สุดท้ายแล้วก็เป็นจริงดังที่เคย์คาดไว้  เพราะเมื่อยามเช้ามาถึงเขาไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆดังออกมาจากห้องของเรียวสุเกะเลยแม้แต่น้อย  เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเรียวสุเกะยังคงนอนคุ้ดคู้ใต้ผ้มห่มหนา  ทั้งๆที่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ฤดูหนาว

    เรียวสุเกะไหวไม๊เคย์สะกิดเรียก  เรียวสุเกะจึงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย  ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ที่เคย์สัมผัสได้  วันนี้หยุดอยู่บ้านไม๊  แต่ว่าฉันคงอยู่ด้วยไม่ได้มีสอบน่ะ  ขอโทษนะ

    เรียวสุเกะส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับยันตัวขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำ  งั้นผมไปโรงเรียนดีกว่า  อยู่บ้านคนเดียวมันน่ากลัวด้วย  เคย์รอผมแป๊ปนึงนะฮะ

    เคย์พยักหน้าเบาๆ  เด็กคนนี้พอได้ดื้อแล้วก็จะดื้อจนถึงที่สุด  ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์  กลับกันเคย์ก็คิดว่าอย่างน้อยไปโรงเรียนก็มีคนอยู่มากมาย  โดยเฉพาะไดกิคงจะดูแลน้องชายของตนได้อย่างดี

    วันนี้เคย์มาส่งเรียวสุเกะให้ถึงมือไดกิเพราะจะได้ฝากอีกคนให้ดูแล

    ไดจัง...ฝากดูแลเด็กคนนี้ด้วยนะ  เคย์กระซิบเบาๆก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟ

    ไดกิซึ่งกำลังยืนอึ้งๆเล็กน้อยหันมามองเรียวสุเกะที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆกำแพง  พร้อมกับแหงนใบหน้าแดงๆขึ้นมาก็เข้าใจทันที

    มาโรงเรียนทำไมเนี่ยยามะจัง  ไดกิถามแล้วช่วยพยุงคนป่วยขึ้น  วันนี้นอนห้องพยาบาลไปก่อนก็แล้วกัน  ไม่ต้องเข้าห้องเรียนก็ได้มั้ง

    ทว่าเรียวสุเกะส่ายหน้า  ถ้ามาโรงเรียนแล้วไม่เข้าเรียนจะมีประโยชน์อะไร

    ถ้าอย่างนั้นมีอะไรก็บอกโอคาโมโตะคุงนะ  สัญญานะ  ไดกิกำชับ

    ช่วงเช้าเรียวสุเกะเข้าเรียนตามปกติ  แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันเพราะเขาไม่ได้โดนแกล้งเลยแม้แต่น้อย  เขาแอบสงสัยว่ายูโตะคงจะเลิกพยายามกลั่นแกล้งเขาแล้ว

    ยามาดะซัง! ”  เสียงทุ้มของคุณครูที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องดังขึ้นเรียกให้เรียวสุเกะตอบคำถาม

    เรียวสุเกะยืนขึ้นทันควัน  ซึ่งนั้นทำให้เลือดหมุนเวียนไม่ทัน  สายตาของร่างเล็กเริ่มถูกปกคลุมไม่ด้วยหมอกควันสีดำสนิท  เปลือกตาปิดลงอย่างช้าๆ  ก่อนที่ร่างกายจะเซถลาล้มลงไปกับพื้น

     

    เฮ้ย..พวกแกล็อกประตูเด้ะ! ”

    อะไรวะ  แล้วงี้จะหนีไง

    ก็อย่าให้โดนจับได้สิวะ... โง่เปล่าเนี่ย

    เสียงผู้ชายถกเถียงกันดังขึ้นมาในโสตประสาท  ทำให้เรียวสุเกะขยับตัวไปมาเล็กน้อย  และพบว่าร่างกายของตนถูกมัดตรึงไว้กับเตียง  ปากถูกอุดด้วยผ้าเช็ดหน้า  เหงื่อเม็ดโตที่จากไข้ที่พึ่งบรรเทาลงไปผุดขึ้นมาอีกครั้ง

    พูดเสียงดัง...ไก่ตื่นหมดแล้วเว้ย

    เรียวสุเกะลืมตาโพลงขึ้นมาพบกับเด็กหนุ่มสามคนยืนล้อมไว้อยู่

    วันนี้คงดีใจล่ะสิว่าไม่โดนแกล้งแต่เช้า  หนึ่งในนั้นถามขึ้นมา  เพราะนาคาจิมะคนเดียว

    เขาเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย  ในเมื่อยูโตะบอกเขาเองว่าเป็นคนแกล้งตน  แล้วทำไม่สามคนนี่ถึงได้รู้เรื่องแบบนั้นได้

    อีกคนขยายความ  นาคาจิมะมันส่งเรื่องเข้าที่ประชุมน่ะสิว่าพวกฉันแกล้งนาย

    เพราะฉะนั้นต้องขอเอาคืนซะหน่อย..ถึงนายจะป่วยอยู่ก็เถอะนะ

    เรียวสุเกะส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว  ความร้อนระอุบนหน้าผากจนสามารถรับรู้ได้

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนนิ่งอยู่นานเดินเข้ามาบีบคางเรียวสุเกะแน่นแล้วดึงผ้าที่อุดปากไว้ออก

    พอนายเข้ามา...แฟนฉันก็หันไปเป็นแฟนคลับนาย!!! ”

    เอ๊ะ--! ”  เรียวสุเกะร้องออกมาอย่างงุงงง  แฟนนาย...แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ

    เพราะนาย...ย้ายเข้ามาแฟนฉันถึงเปลี่ยนไป  แต่ถ้านายออกไป...ก็ไม่แน่  เสียงสั่นๆพูดออกมาอย่างแค้นเคือง  แต่เหตุผลแบบนี้ทำให้เขารับไม่ได้เลยจริงๆแม้แต่น้อย  เรียวสุเกะผิดที่ไม่รู้เรื่องหรือตัวหมอนั่นเองกันแน่ที่ไม่รู้จักดูแลแฟนตัวเองให้ดี

    แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ  เรียวสุเกะถาม  แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ  กลับมองไปยังเพื่อนอีกสองคนเป็นเชิงส่งสัญญาณอีกคนเตรียมกล้องถ่ายรูป  ส่วนอีกคนเดินเข้ามาใกล้

    ทำให้นายอายจนต้องกลับบ้านนอกไปยังไงล่ะ  พูดจบก็ลงมือทันที  มือหยาบกร้านปลดกระดุมของคนที่นอนอยู่ออก  เรียวสุเกะได้แต่บิดตัวหนีเพราะถูกมัดตรึงไว้กับเตียง  ริมฝีปากสีสวยกำลังอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือกลับถูกอีกมือหนึ่งปิดไว้  เด็กหนุ่มอีกคนค่อยๆปลดกางเกงนักเรียนสีเข้มออก  แต่เรียวสุเกะกลับใช้เข่ากระแทกเข้าท้องน้อย  จนอีกฝ่ายลงไปกองอยู่กับพื้น

    เพี๊ยะ!!

    อีกคนตบใบหน้าของเรียวสุเกะจนหันไปตามแรง  รอยแดงขึ้นบนแก้มนิ่ม

    ปล่อยนะ!! ”  เรียวสุเกะได้โอกาสร้องขอความช่วยเหลือ  แต่ก็ถูกมือกร้านปิดอีกครั้งหนึ่ง  ในใจของเขาสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด  ทว่ากลับมีประโยคๆหนึ่งซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในสมอง

    เรียกชื่อฉัน...แล้วฉันจะไปอยู่ข้างๆนายเอง

    หยาดน้ำตาใสๆหลั่งรินออกมา   ทำให้เด็กหนุ่มผละออกมาเล็กน้อย

    ยูโตะ!!! ”  เรียวสุเกะกรีดเสียงเรียกคนๆนั้น  เด็กหนุ่มรีบกระชากเสื้อเชิ๊ตสีขาวออกพบกับร่างกายสีขาวอมชมพูราวกับผู้หญิง

    หุบปากซะ

    ผลั่ก!!!

    เด็กหนุ่มที่ยืนถือกล้องทรุดลงไป  เผยให้เห็นยูโตะซึ่งยืนเงื้อหมัดแน่นอยู่ด้านหลัง  ดวงตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  แต่นั่นกลับทำให้เรียวสุเกะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากกว่า

    ลุกออกจากเรียวสุเกะเดี๋ยวนี้  ยูโตะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอันเย็นเฉียบกับเด็กหนุ่มอีกสองคน  ซึ่งหันมามองด้วยสายตาเคียดแค้น  ทว่าเมื่อสบตากับยูโตะที่จ้องเขม็งอย่างไม่วางตา  ก็ปฏิบัติตามก่อนจะวิ่งลากเพื่อนที่สลบอีกคนหนึ่งออกไปด้วย

    ยูโตะรีบวิ่งไปแก้มัดเรียวสุเกะที่ตอนนี้รอบข้อมือและเท้าเต็มไปด้วยรอยแดงๆ  ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น

    เรียวสุเกะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก  ทั้งด้วยความกลัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่และความดีใจที่ได้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้กลับคืนมาอีกครั้งนึง

    ร่างสูงจัดการใส่เสื้อให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้มือสั่นจนไม่เป็นอันทำอะไร  แล้วเกลี่ยผมม้าออกเข้างๆพื่อเช็ดน้ำตาเม็ดโตที่หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย

    ยังตัวร้อนอยู่เลยนะ  เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเมื่ออังมือที่หน้าผาก  ก่อนที่เรียวสุเกะจะซบหน้าลงกับบ่ากว้าง  มือหนาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือ  นอนอยู่ที่นี้จนเลิกเรียนเลยดีกว่านะ  

    ใบหน้ากลมส่ายหน้าปฏิเสธรัว  ร้อนถึงคนตัวสูงกว้างต้องหาทางปลอบ

    งั้นฉันจะนั่งเฝ้าก็แล้วกันนะ

    “ --จับมือด้วยนะเสียงสั่นๆดังขึ้นมา

    เอ๊ะ...  ยูโตะทำหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมา  มากกว่าจับมือฉันก็ทำได้นะ  แถมพูดล้อแกมหยอกใส่อีกชุดนึง  จนเรียวสุเกะเขินหน้าแดงล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมมิดศีรษะ

    ยูโตะมองก้อนกลมๆบนเตียง  ก่อนจะกระชับมือนิ่มจับไว้แน่น

     

    ผ่านไปไม่กี่วัน  ทั้งโรงเรียนต่างก็มีข่าวซุบซิบกันมาขึ้นเรื่องแฟนของคณะกรรมการนักเรียนของยูโตะ  แต่มีหรือคนอย่างร่างโปร่งจะใส่ใจ  กลับทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่เองเสียอีก

    เรียวจัง--!!! ”  ยูโตะพุ่งตัวเข้ามาหาที่โต๊ะอย่างรวดเร็วพร้อมกับเท้าคางมองใบหน้ากลมอย่างอ้อนๆ

    เรียวสุเกะยิ้มกว้างก่อนจะจุ๊ปากเบาๆ  อีกแล้วเหรอ...

    ก็อยากรู้นี่นาว่าวันนี้ทำอะไรมาให้กิน  ยูโตะพูดเบะปากเล็กน้อย

    ตั้งแต่เหตุการณ์จากยูโตะที่เคร่งขรึมขี้เก๊ก(หน่อยๆ)กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นเด็กขี้อ้อนเสมอ(เมื่ออยู่ต่อหน้าเรียวสุเกะ)  อีกฝ่ายเองก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอคนคนนั้นในความทรงจำ

    งั้นก็ได้...เจ้าสาวของฉันทำอาหารอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว  ประโยคนี้ของยูโตะทำให้เคย์โตะซึ่งพึ่งเดินเข้ามาถึงกับยืนค้างไปชั่วครู่  เรียวสุเกะจึงตีแขนเบาๆด้วยความเขิน  ก็ฉันเป็นเจ้าบ่าวไง

    ร่างเล็กได้แต่นิ่งเงียบไปจนทำให้ยูโตะอดคิดไม่ได้ว่าหยอกแรงไปหรือเปล่า

    อ๊า  ขอโทษนะ พอเห็นคนน่ารักแล้วอดแกล้งไม่ได้เลย  ยูโตะขอโทษพลางยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

    พูดถึงแกล้ง...  เรียวสุเกะเริ่มเท้าความจนทำให้ยูโตะอดที่จะใจหายขึ้นมาแว้บนึง  ยูโตะแกล้งฉันแรงมากเลยนะรู้หรือเปล่า

    เอ๊ะ...ถ้าแค่ตอนของหายแล้วมันเดินกลับมาเองได้น่ะฉันยอมรับนะว่าทำจริงๆ  ยูโตะเล่าความจริงออกมา  โดยเรียวสุเกะอดที่จะแสดงที่หน้าเคืองๆออกมาไม่ได้  เดี๋ยวก่อนสิที่ฉันทำไปน่ะเพราะอยากให้เรียวจังรู้ว่าฉันคือคนคนนั้นในความทรงจำตะหากล่ะ  ส่วนที่มันแรงๆน่ะก็พวกสามคนนั้นตะหาก  แล้วฉันก็จัดการไปเรียบร้อยแล้วด้วย    ยูโตะแสดงสีหน้าขึงขังออกมา

    แล้วทำไมไม่บอกมาตรงๆเลยล่ะ

    ยูโตะเสมองไปทางอื่นก่อนจะบ่นพึมพำออกมา  ก็ตอนนั้นใครก็ไม่รู้ไปตกหลุมรักคนอื่น

    เรียวสุเกะก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความสำนึกผิด(แต่ไม่ได้ผิดสักหน่อย)  ต่างคนต่างเงียบกันไปพักใหญ่จนยูโตะต้องหันกลับมามองคนตัวเล็กซึ่งนั่งไม่พูดไม่จา

    ดวงตาหวานรื้นน้ำตา  ดูท่าทางว่าเจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นเอาไว้มากเหลือเกิน  ยูโตะลุกขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะดึงตัวร่างเล็กกว่าเข้ามากอดแน่น

    แต่ตอนนี้ฉันรักยูโตะแค่คนเดียว  เรียวสุเกะพูดเบาราวกับเสียงกระซิบ  แต่ก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยเล็กน้อย

    ยูโตะซบลงกับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนก่อนจะครางตอบกลับไป  ฉันก็เหมือนกัน... รักเรียวจังแค่คนเดียวนะ

     

    ถึงแม้ว่าจะมั่นใจในความรู้สึกเพียงใด  แต่พอพบกับความจริงมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้

    มีเพียงความทรงจำอันเลือนลางเท่านั้นที่จะคงอยู่

    ไม่ว่าจะลังเลสักเพียงใด  แต่ก็สามารถมั่นใจได้ในภายหลัง

     

    รูปร่างที่ดูคุ้นตาราวกับเคยสัมผัสอยู่ทุกเมื่อ  กลับมาอยู่เคียงข้างกายอีกครั้ง

                    มืออันแสนอบอุ่นที่คอยกอบกุมไปทุกที่  กลับมาแน่นขึ้นกว่าเดิม

                    ใบหน้าที่เคยมักจะจ้องมองอยู่ทุกวัน  กลับมาใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

                    รอยยิ้มราวกับแสงตะวันที่ทำให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้  กลับมาเป็นของฉันตลอดไป

     

                    จากนี้--  จะไม่มีวันลืมคนคนนี้อีกต่อไปตลอดกาล 





    (FIN)


     

    ~Omake

    ไดกิซึ่งยืนแอบอยู่หลังประตูยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจที่ในที่สุดรุ่นน้องของตนก็ได้ปรับความเข้าใจกับยูโตะเสียที  จนอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปหาเคย์

    ฮะๆ  ดูเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้ว  ไดกิพูดไปยิ้มไป 

    ค่อยสบายใจหน่อย  ฉันเองก็ลุ้นเหมือนกัน  กลับบ้านไปสองสามวันนี้ทำหน้าตาแปลกๆอยู่ตั้งนาน

    อาจจะเป็นระยะปรับความเข้าใจกันก็ได้มั้งฮะ  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

    เคย์เงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมา  นั่นน่ะสิ...พี่ขอตัวก่อนนะพอดีเพื่อนเรียกแล้วล่ะ

    งั้นแค่นี้ก่อนนะฮะ  ไดกิพูดอย่างร่าเริง  แต่สีหน้ากลับเหงาหงอยลงไปทันตา

    เคย์โตะซึ่งออกมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยอดที่จะแซวรุ่นพี่ไม่ได้  แล้วรุ่นพี่กับพี่ชายยามาดะเมื่อไหร่จะลงเอยแบบนี้กันบ้างล่ะครับ

    ไดกิค้อนกลับไปก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องเรียนโดยที่เรียวสุเกะเดินออกมาจากห้องพอดี

    มีอะไรกันหรือเปล่า

    เคย์โตะหัวเราะเบาๆกับคำถามของเรียวสุเกะ  อ้อ...แค่คนมีความรักวิ่งไปเท่านั้นเอง



    (FIN)

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาอีกแล้วค่ะสำหรับนาคายามะ ช่วงนี้ถี่เหลือเกิน
    เรื่องนี้แต่งได้เรื่อยเปื่อยมากค่ะ กว่าจะวนมาจบได้ เล่นเอาเหงื่อตก
    ตอนแรกนึกว่าจะเป็นฟิคยาวซะแล้ว

    ส่วน blanc นั้นค่อยๆเขียนอยู่ค่ะ แบบว่า..ใกล้ถึงไคลแมกซ์แล้ว
    เขียนเรื่อยเปื่อยมาน๊านนาน

    #Pray for JAPAN

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×