ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Okaryu]--My Present :: 04/06th-M.R.--
:: My Present :: 04/06th
*ฟิคแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิงค่ะ ไม่ได้ต้องการให้ตัวไอดอลเสียหาย อาจจะอิงมาจากเรื่องจริงบางเรื่อง แต่ที่สำคัญคือส่วนใหญ่แต่งขึ้นมาค่ะ*
หลังจากเคย์โตะมารับน้องเล็กที่บ้าน ริวทาโร่ก็แอบหลงดีใจว่าจะได้ไปหาอะไรกินกัน
ทว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายพาไปกลับกลายเป็นที่บริษัท ริวทาโร่หน้ามุ่ยอยู่นาน
แต่เมื่อได้พบเรียวสุเกะที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว
เขาจึงได้ตระหนักว่าวันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ก่อนคอนเสิร์ตของพวกเขา (คอนเสิร์ตจัดวันที่ 2 เมษายน)
เด็กน้อยถอนหายใจพลางนึกในใจว่าเขินจนกระทั่งหลงวันหลงเดือนเลยหรือ
“ ริว นายตื่นหรือยังเนี่ย ” เรียวสุเกะเดินเข้ามาทัก เขาตกใจว่ารุ่นพี่ของตัวเองเดินเข้ามาตอนไหน “ ไปซ้อมกันหรือยัง ”
ริวทาโร่รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองยืนอยู่คนเดียว ก็ในเมื่อตอนเข้ามาเขายังเดินมากับเคย์โตะ แล้วตอนนี้หายไปไหน
“ ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี่ย-- ” ใบหน้ากลมของคนที่อายุมากกว่าเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดใส่ เมื่อเห็นว่าน้องน้อยของวงทำท่าเหมือนไม่ได้ยินที่ตัวเองพูด
“ ฉันไปแล้วนะ-- ”
“ ยามะจัง เห็นเคย์โตะหรือเปล่า “
เรียวสุเกะถลึงตามองอย่างโมโห จนริวทาโร่แทบอยากจะจนขดตัวหายไปจากตรงนี้เสียให้ได้ ก่อนที่จะกล่าวขอโทษ
“ ขะ ขอโทษ ผมไม่ได้ฟัง ผมมากับเคย์โตะคุงแล้วตอนนี้เขาไปไหนก็ไม่รู้ ”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงท่าทีกังวลออกมา เรียวสุเกะจึงหายโกรธ
“ ฉันเห็นนายยืนอยู่คนเดียวตั้งนานแล้วนะ ไม่ยอมเข้าไปสักที เลยเดินเข้ามาหา เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรไปหาก็ได้ ”
เด็กน้อยพยักหน้า ก่อนวิ่งเหยาะๆตามเรียวสุเกะเข้าไปในห้องซ้อม
ทว่าเจอกับน้องชายของตนที่กำลังจะเดินเข้าไปอีกห้องเพื่อซ้อมเช่น กัน(คอนเสิร์ตของ JUMP มักมีชินทาโร่ไปแจมอยู่เสมอ เพื่อจะได้เล่นมุกพี่น้องได้)
“ ไงชินทาโร่-- ”
“ ไม่ต้องมาทำเป็นทักเลย จู่ๆก็ออกมากับพี่เคย์โตะ ทิ้งผมไว้ที่บ้านคนเดียวเลย ผมต้องขอให้แม่มาส่งเลยนะเนี่ย ”
ชินทาโร่พูดด้วยเสียงหงุดหงิด ก่อนเบ้หน้าให้ “ จำไว้เลยนะ ” แถมพูดทิ้งท้ายอย่างเจ็บใจ แล้วเข้าห้องซ้อม
ริวทาโร่ถึงกับพูดไม่ออก แต่ก็คิดว่าจริง เพราะเมื่อเคย์โตะโทรมาตามเขาออกไป
เขาก็รีบวิ่งออกไปเลย จนลืมชินทาโร่ไว้ที่บ้าน เขาหัวเราะในใจ (ความจริงริวทาโร่แอบสะใจที่ลืมน้องชายไว้ที่บ้าน ชินทาโร่ชอบแกล้งเขาบ่อยๆ)
พอเข้ามาในห้องซ้อมเขาก็รีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดที่คล่องตัว เพราะไม่อย่างนั้นจะซ้อมได้ลำบาก ถ้าใส่เสื้อกันหนาวซ้อม
ระหว่างที่ซ้อมนั้น เขาเหม่อบ่อยมากเพราะมัวแต่มองหาเคย์โตะที่ยังไม่มาซ้อม
กระทั่งถูกพี่ใหญ่เตือน และสมาชิกบางคนก็มองเขาอย่างเอือมระอาเช่นเดียวกัน ทำให้ริวทาโร่รู้สึกผิด พร้อมทั้งขอโทษและตั้งสมาธิใหม่
เมื่อซ้อมกันไปได้สักพัก ประตูก็เปิดผางออกมา คนที่ซ้อมอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ฮิคารุวิ่งปรี่เข้าไปหาผู้ที่มาใหม่อย่างรวดเร็ว
“ ถึงวันนี้จะเป็นวันเกิดนายแต่ก็กรุณาอย่าอู้จะได้หรือเปล่า ” ฮิคารุต่อว่าทันที ร้อนถึงเพื่อนรักอย่างโคตะต้องรีบเข้ามาห้ามทัพ
ที่จริงเป็นอันรู้กันว่าถ้าหากฮิคารุจะตลก ก็สามารถปล่อยมุกได้แบบกู่ไม่กลับ แต่ถ้าหากจะเครียดและจริงจัง ก็จะดูหน้ากลัวขึ้นมาทันที
“ ถ้านายอยากได้งานวันเกิด-- ซ้อมวันนี้เสร็จเดี๋ยวจะซื้อเค้กให้เลย ”
“ เอาน่า ที่จริงริวทาโร่ก็เล่าเลยไม่ใช่เหรอว่ามาพร้อมกันน่ะ แต่จู่ๆก็หายตัวไป สงสัยมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปมั้ง ” โคตะกล่าวติดตลกขึ้นมา
ฮิคารุเลิกคิ้วขึ้นมองเคย์โตะเผื่อว่าจะมีข้อแก้ตัวอะไรมาอ้าง แต่เมื่อเงียบไปก็แสดงว่ายอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ริวทาโร่สังเกตเห็นว่าเคย์โตะหน้าตาดูซีดเซียวไร้สีเลือด แต่คิดว่าอาจจะกลัวฮิคารุก็ได้จึงไม่ได้คิดอะไร
“ นายหลังซ้อมเสร็จก็ซ้อมกีต้าร์ต่อด้วยล่ะกัน ” ฮิคารุบอก
สมาชิกทุกคนล้วนแต่จริงจังกับงานทุกๆอย่างที่ทำเพราะต้องการให้ทุกอย่างออก มาดีและน่าพอใจสำหรับแฟนคลับ
ถึงแม้ว่าคิดว่าตอนนี้พยายามมามากพอแล้ว แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานชิ้นเดียวกันนี้อีกครั้ง(อย่างเช่นคอนเสิร์ตที่ โตเกียวโดม)
ก็ต้องทำให้ดีมากกว่าครั้งก่อนๆ เพื่อแสดงถึงการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ปกติแล้วก่อนวันขึ้นคอนเสิร์ตพวกเขาควรจะได้ซ้อมบนเวทีจริง แต่มีเหตุบางประการที่ทำให้มีเพียงวันนี้วันเดียวที่ต้องกลับมาซ้อมที่ บริษัท
แต่ซ้อมไปไม่เท่าไรก็ต้องย้ายไปซ้อมที่สถานที่จริง ทุกคนจริงรีบอพยบกันใหญ่
หลังจากซ้อมเสร็จพวกเขาก็ต้องไปพักที่โรงแรมที่ใกล้กับสถานที่จัดคอนเสิร์ต และมีห้องอาหารที่จัดเป็นส่วนตัวเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ
“ ขอตัวก่อนนะ-- ” เคย์โตะที่กินข้าวมื้อเย็นเสร็จแล้วกล่าวขึ้นมา “ ไปซ้อมกีต้าร์ เดี๋ยวฮิคารุคุงโกรธน่ะ ” เขาตอบคำถามของริวทาโร่ที่ถามมาด้วยสายตา
“ ไม่เป็นอะไรแน่นะ ผมเห็นพี่หน้าซีดมากๆเลย ” ริวทาโร่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ อันที่จริงอยู่กินเค้กก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือ ” น้องเล็กมองด้วยสายตาอ้อนวอน
เขาอุตส่าส์ออกไปซื้อเค้กหลังซ้อมเสร็จกับฮิคารุ(ทั้งๆที่เคย์โตะสัญญาว่าจะ ไปกิน)แต่ถ้าจู่ๆเจ้าของวันเกิดกลับไม่อยู่ จะกินโดยไม่มีเจ้าของวันเกิดก็คงไม่ดี
เคย์โตะส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมทั้งบอกให้สมาชิกจัดการกับเค้กได้เลย แถมบอกให้ยูโตะช่วยจัดการส่วนของตัวเองด้วย แล้วเดินออกจากห้องไป
ในวันแรกพวกเขาต้องเริ่มแสดงคอนเสิร์ตช่วงเย็น ริวทาโร่ยิ่งสังเกตอาการเหนื่อยล้าของเคย์โตะอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพราะตัวเขาเองก็ต้องจัดการกับหน้าที่ของตัวเอง เช่นกัน
คอนเสิร์ตได้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงของจูเนียร์ที่ต้องออกมาแสดง คั่นเวลาเพื่อให้สมาชิก JUMP ได้พักและใช้เวลาช่วงนี้เปลี่ยนชุด
เคย์โตะทรุดนั่งลงบนพื้น ริวทาโร่รีบวิ่งเข้าไปดูอาการ
“ ริว-- ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา “ ไปเปลี่ยนชุดซะ เดี๋ยวไม่ทัน ”
ริวทาโร่ไม่ขยับ ก่อนที่จะพยายามฉุดพี่ชายให้ลุกขึ้นมา แต่อีกฝ่ายสบัดแขนหนี พร้อมทั้งตะคอกใส่ จนทำให้สมาชิกที่เหลือหันมามอง
ยูโตะซึ่งเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วรีบมาแก้ไขสถานการณ์ “ ริวไปเปลี่ยนชุด ส่วนนายจะเครียดหรือเหนื่อยยังไงก็อย่าไปพาล เป็นอะไรไป ปกติไม่เคยเห็นนายตวาดใครเลยนะ-- ”
น้องเล็กวิ่งออกมาจากทั้งคู่ด้วยใบหน้าอ่อนล้า นี่เขาจะทะเลาะกันในวันที่พึ่งบอกรักกันเลยหรือ เขาคิดพลางส่ายหัวเพื่อขับไล่ความคิดที่แย่ๆออกไป
หลังจากโดนตะคอกในคอนเสิร์ตวันแรกที่ผ่านไปริวทาโร่ก็ไม่ยอมเฉียดเข้าไปใกล้ เคย์โตะอีกเลย
เขารู้สึกเสียใจที่อีกฝ่ายเองก็ไม่คิดจะตามมาง้อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
อาการของทั้งคู่นี่เองทำให้เรียวสุเกะรู้สึกอยากจะคุยกับริวทาโร่ (ส่วนทางด้านเคย์โตะก็ยกให้เพื่อนสนิทอย่างยูโตะจัดการไป)
“ เขาเกลียดผมแล้วล่ะมั้ง-- ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“ สงสัยผมจะจุ้นจ้านมากเกินไป บอกรักเสร็จก็อกหักเลย ในโลกคงมีไม่มีกี่คน ” ริวทาโร่ตัดพ้อขึ้นมา
เรียวสุเกะหัวเราะเครียดๆใส่
เขาเองก็เคยมีปัญหาแบบนี้กับยูโตะจึงแนะนำบางอย่างให้แก่น้องไป “ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ เคย์โตะคุงน่ะแค่เหนื่อย เลยพาลเท่านั้นเอง ”
ริวทาโร่ส่ายหัวให้ “ แล้วเป็นเฉพาะกับผมเนี่ยนะ พอยูโตะคุงพูดด้วยไม่เห็นจะโดนตะคอกเลย ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆราวกับไม่ต้องการจะรับรู้อะไรอีกแล้ว เรียวสุเกะรับรู้ได้ว่าบทสนทนานี้ได้จบลงไปแล้วจึงไปไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก
คอนเสิร์ตที่ Yoyogi กำลังจะจบลงในวันที่ 4 เมษานี้
ซึ่งนั่นหมายความว่าริวทาโร่จะยังพอมีเวลาได้คุยกับเคย์โตะก่อนที่จะเริ่ม คอนเสิร์ตครั้งถัดไปซึ่งจะจัดปลายเดือน
เขาหวังว่าจะได้พบกับกับเคย์โตะที่บริษัท
แต่เจ้าตัวกลับไม่มา ทำให้ริวทาโร่หงุดหงิด เลยโทรศัพท์ไปหา
“ เคย์โตะคุง ทำไมไม่มา ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยนะ ไม่ใช่คุยกันทางโทรศัพท์ด้วยนะ- ” ริวทาโร่พูดกรอกใส่โทรศัพท์มืถือของตน
ทว่าปลายสายไม่ตอบอะไรกลับมา “ โอ๊ย! ผมเกลียดพี่จริงๆเลย ” เมื่อวางสายจึงตระหนักได้ว่าเขาพูดอะไรแบบไม่ทันคิดอีกแล้ว เขาเคยถูกว่าบ่อยๆด้วยเรื่องเช่นนี้
ริวทาโร่โกรธตัวเองมากจึงปิดเครื่องเพื่อหนีความจริง
ทั้งวันนี้ที่มาบริษัทเหมือนกับมาประชุมย่อยๆเพื่อเตรียมคอนเสิร์ตครั้งต่อ ไปมากกว่าจะมาซ้อม
แต่เมื่อขาดเคย์โตะไป ก็เหมือนกับว่าขาดคนถูกแกล้งไปหนึ่งคน เขาจึงโดนแกล้งหนักกว่าเดิม(รับส่วนของเคย์โตะไปด้วย)
จนเมื่อถึงเวลาตอนเย็นก็ได้พากันแยกย้ายกลับบ้านไป
ยูโตะรีบวิ่งตามคนตัวเล็กกว่ามา เมื่อเขากำลังจะก้าวออกจากประตูไป
“ นาย ริว ปิดเครื่องทำไม หยุดฟังก่อน ” พี่ชายอีกคนของเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ --เคย์โตะเจ็บคอจนพูดไม่ได้ ก่อนหน้าวันเกิดเขา นายก็ได้ยินที่เขาพูดไม่ใช่เหรอว่าอาการไม่ดีจะรีบกลับบ้าน จนเมื่อวันแสดงที่เขาตะคอกใส่นายน่ะเพราะเสียงกำลังจะหายตะหากล่ะ และที่ไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเพราะว่า ”
“ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะว่าอะไรล่ะ-- ” ริวทาโร่ย้อนถามอย่างมีอารมณ์
ร่างสูงเริ่มอึกอักเพราะอันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าในตอนนั้นเขาแค่พยุงตัวอีกฝ่ายเฉยๆไม่ได้อยากจะคุย เคย์โตะเองก็ทำหน้าจะร้องไห้ใส่ยูโตะเช่นกัน
“ เพราะกลัวว่าเสียงของเขาจะไปไม่ถึงนายไงล่ะ-- ” เรียวสุเกะพูดขึ้นมา “ เคย์โตะกลัวกว่าถ้าไม่พูดออกไป นายก็จะมัวแต่เป็นห่วงเขาจนลืมหน้าที่ของตัวเองไป ”
ริวทาโร่คิดไม่ตกว่าเขาควรจะทำยังไงดี เรียวสุเกะก็บอกว่า “ เคย์โตะอยู่ที่บ้านนะ ” แล้วพยายามเขย่งตัวขึ้นเพื่อขยี้หัวรุ่นน้อง
“ ขอบคุณฮะ! ”
น้องเล็กรีบวิ่งมาขึ้นรถไฟเพื่อไปบ้านของคนที่กำลังรออยู่ ทว่ารถไฟที่ว่าเร็วแล้วแต่ยังช้ากว่าใจ เขารีบส่งอีเมล์ไปหาเคย์โตะ
‘ ขอโทษครับ ผมกำลังไปหาพี่นะ ’
โชคดีที่บ้านเคย์โตะอยู่ไม่ห่างจากสถานีเท่าไรนัก ริวทาโร่ก้าวยาวๆเพื่อจะได้ไปถึงโดยเร็วที่สุด (ถ้าเป็นเมื่อ 2 ปีก่อนเขาคิดว่าคงไม่มาถึงเร็วได้ขนาดนี้)
จนในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของเคย์โตะ
ราวกับวางแผนกันไว้ก่อน มีซองจดหมายแปะไว้ที่ประตูบ้านจ่าหน้าถึงตัวเขาเอง ริวทาโร่รีบแกะซองออกพบกับกุญแจหนึ่งดอก เจ้าตัวเล็กรีบไขประตูวิ่งเข้าไปในตัวบ้านแต่ไม่พบใคร
เขาได้ยินเสียงของกีต้าร์โปร่งที่มักจะได้ยินบ่อยๆเวลานั่งอยู่ในห้อง ซ้อม(อันที่จริงริวทาโร่แค่ได้ยินเสียงแว่วๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกคุ้นหูอย่างหน้าประหลาด)
เสียงนั้นดังมาจากข้างบน เขาค่อนข้างรู้สึกผิดที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร
ทว่าขานั้นเดินพาเจ้าของขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้อง ซึ่งเสียงดนตรีดังมากที่สุด
ริวทาโร่ทำเป็นใจกล้าค่อยๆเปิดเข้าไป
เคย์โตะยังคงใส่ชุดนอนสีฟ้าอ่อนๆและแว่นตากรอบเหลี่ยมสีดำ ซึ่งไดกิเคยพูดว่ามันดูเหมาะกับเคย์โตะมาก
หัวยุ่งๆของเขายิ่งทำให้ดูเหมือนเม่นที่มีหนามยาวมาก เขานั่งอยู่เตียงปูด้วยผ้าสีเทาเข้าชุดกับผ้าม่านได้เป็นอย่างดี
ริวทาโร่แอบลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะว่าเขาอย่างไร แต่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายูโตะบอกว่าเคย์โตะเจ็บคอ
เมื่อน้องเล็กดูเหมือนจะล่องลอยไปกับความคิดของตัวเอง เคย์โตะจึงแกล้งเล่นกีต้าร์เสียงดังขึ้นอีก ทำให้ริวทาโร่สดุ้งหันมามองเคย์โตะจนได้
‘ เป็นอะไรไป ’ พี่ชายหัวเม่นหยิบกระดาษที่เขียนขึ้นมา ‘ กลัวฉันโกรธเหรอ ที่นายบอกว่าเกลียดฉันน่ะ ’
ริวทาโร่น้ำตาคลอเบ้าที่เห็นว่าพี่ชายสุดรักเจ็บคอจนพูดไม่ได้จริงๆ เขาทั้งโกรธและเจ็บใจตัวเองที่ทำเป็นหงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบจึงเปลี่ยนเป็นกระดาษอีกแผ่น ‘ แต่จริงๆโกรธนิดหน่อยที่นายปิดเครื่องหนีน่ะ-- ใจร้ายจังนะ ’
เคย์โตะรีบเขียนประโยคใหม่ขึ้นมาอีก ‘ จะส่งอีเมล์ไปหาแต่ แบตก็หมด หาที่ชาร์ตไม่เจออีก ไม่รู้จะทำยังไง เลยใช้โทรศัพท์บ้านโทรเข้าเครื่องยูโตะรินน่ะ ’
เขาเขียนหวัดๆให้ดู ริวทาโร่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะลายมือของเขาเหมือนเด็กที่พึ่งหัดเขียน ‘ ขำอะไร? มาถึงก็เอาแต่ทำน้ำตาคลอ ไม่พูดอะไร แถมทำเป็นยิ้มเยาะเย้ยใส่อีก-- ’
“ ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่นา ไม่สิ ขอโทษที่พูดแบบนั้นนะครับ ” ริวทาโร่รู้สึกผิด และโค้งตัวลงเพื่อขอโทษ
เคย์โตะฉวยโอกาสนี้แกล้งใช้สมุดโน้ตซึ่งเขียนข้อความตอบโต้กับเด็กน้อยตีเบา อีกฝ่ายเบาๆ “ แกล้งผมอีกแล้ว -- ”
เคย์โตะเขียนอะไรยุกยิกอีกสองสามประโยคก่อนเปิดให้ดู ‘ ขอ โทษที นายมันน่าแกล้ง ’
และก้มเขียนต่อ ระหว่างนั้นริวทาโร่อ้อมไปด้านหลังของเคย์โตะอย่างเงียบๆ
ทำให้อีกฝ่ายต้องหันขวับเมื่อเขากอดเอวพี่ชาย และเหลือบเห็นข้อความที่พึ่งเขียนเสร็จ
‘ I love you -- ’ เป็นประโยคที่ริวทาโร่คิดว่าเคย์โตะเขียนได้สวยที่สุดแล้วเพราะมันเป็นภาษา อังกฤษ ‘ แอบดูนี่นา ’
“ ผมจะรอฟังคำๆนี้จากปากของพี่นะ ไว้พี่หายดี ผมจะขอให้พี่พูดอีกครั้งนึง ”
เคย์โตะเผยรอยยิ้มจางๆออกก่อนก้มหน้าเขียนต่อ ‘ จะพูดให้ ฟังจนเบื่อเลยเจ้าตัวเล็ก ’
ซึ่งที่เขาเขียนมันก็ไม่ค่อยจะถูกนัก ริวทาโร่ซึ่งยังคงกอดเขาอยู่พร้อมกับเอาคางเกยไหล่ของเขา ตัวก็ค่อนข้างสูงจะพอๆกับเขาแล้วด้วยซ้ำไป
“ พี่ไปไหนมาตอนถึงบริษัท -- ” ริวทาโร่เริ่มเปิดฉากซักฟอกคนป่วย “ ผมยืนรอตั้งนานนะ นึกว่าพี่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวแบบที่ยาบุคุงพูดซะอีก ถ้ายามะจังไม่ชวนผมเข้าไปผมคงยืนรอพี่จนเอาขาพาดคอได้เลยล่ะมั้ง หายแล้วไปขอบคุณเขาด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณพี่ยูโตะด้วยล่ะ เขาอุตส่าห์บอกผมว่าพี่ป่วย เจ็บคอจนพูดไม่ได้ ไม่งั้นผมผมคงโกรธพี่ถึงชาติหน้าแน่ๆ เออ ใช่-! พี่ป่วยแล้วทำไมไม่ยอมบอกเลยห๊ะ! ”
คนป่วยทำหน้ามึนๆเมื่ออีกฝ่ายพูดรัวเป็นชุดจนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี เจ้าตัวเล็กก็ยืนเท้าเอวรอคำตอบจากเขาอยู่เหมือนกัน จึงตัดสินใจเขียนอะไรออกมา
“ จะ- ตอบ- ที- ละ- คำถาม อย่า พึ่ง ขัด- ” ริวทาโร่อ่านตามทีละคำ เคย์โตะพยักหน้าให้
‘ พี่ไปห้องพยาบาล รู้สึกปวดหัว ’
“ แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ ” ริวทาโร่พูดอย่างน้อยใจ “ ผมก็เดินมากับพี่นะ-- ” ก่อนที่จะได้ร่ายยาวอะไรเคย์โตะก็ทำท่าปิดปากไว้
‘ เดี๋ยวหายแล้วจะไปขอบคุณทั้งวงเลยก็แล้วกัน แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง ’
“ อืม... ”
‘ ส่วน ที่ไม่บอกใคร เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ใกล้คอนเสิร์ตมีเรื่องให้กังวลเยอะ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระกับใคร อยากให้นายกับทุกๆคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ’ ริวทาโร่อ่านข้อความสุดท้ายจบแล้วนึกถึงที่เรียวสุเกะพูดก่อนที่จะมาที่นี่ “ เคย์โตะกลัวกว่าถ้าไม่พูดออกไป นายก็จะมัวแต่เป็นห่วงเขาจนลืมหน้าที่ของตัวเองไป ”
ทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก(เคย์โตะเริ่มเมื่อยเมื่อต้องเขียน ประโยคยาวๆเป็นเวลานาน) จนกระทั่งริวทาโร่นึกถึงวันเกิดของตัวเองขึ้นมาได้
“ เคย์โตะคุงจำเมื่อวันเกิดของตัวเองได้หรือเปล่า-- ” เขาเว้นช่วง เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามพยักหน้าจึงเริ่มพูดต่อ “ พี่บอกว่าผมเป็นของขวัญที่ดีสุดสำหรับพี่ ผมก็เหมือนกัน พี่คือของขวัญที่สุดดีสุดสำหรับผม แต่-- ”
เคย์โตะทำท่าทางดีใจที่น้องชายที่รักคิดเหมือนตน แต่ก็แทบจะหุบยิ้มเมื่อมีแต่ตามท้าย
“ --แต่ ถ้าเคย์โตะคุงไม่ป่วยหรือบอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่านี้ ” ริวทาโร่พูดไม่ทันจบก็สูดจมูดขึ้นเสียงดังเสียก่อน ทันใดนั้นคนป่วยดึงตัวน้องชายเข้ามากอด ก่อนจะทำให้ประหลาดใจด้วยการจูบหน้าผากเบาๆ
‘ --และถ้าผมกับพี่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็จะเป็นของขวัญที่ผมอยากได้มากที่สุด เลย ’ ริวทาโร่พูดต่อในใจจนจบประโยค
~fin~
*ฟิคแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิงค่ะ ไม่ได้ต้องการให้ตัวไอดอลเสียหาย อาจจะอิงมาจากเรื่องจริงบางเรื่อง แต่ที่สำคัญคือส่วนใหญ่แต่งขึ้นมาค่ะ*
หลังจากเคย์โตะมารับน้องเล็กที่บ้าน ริวทาโร่ก็แอบหลงดีใจว่าจะได้ไปหาอะไรกินกัน
ทว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายพาไปกลับกลายเป็นที่บริษัท ริวทาโร่หน้ามุ่ยอยู่นาน
แต่เมื่อได้พบเรียวสุเกะที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว
เขาจึงได้ตระหนักว่าวันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ก่อนคอนเสิร์ตของพวกเขา (คอนเสิร์ตจัดวันที่ 2 เมษายน)
เด็กน้อยถอนหายใจพลางนึกในใจว่าเขินจนกระทั่งหลงวันหลงเดือนเลยหรือ
“ ริว นายตื่นหรือยังเนี่ย ” เรียวสุเกะเดินเข้ามาทัก เขาตกใจว่ารุ่นพี่ของตัวเองเดินเข้ามาตอนไหน “ ไปซ้อมกันหรือยัง ”
ริวทาโร่รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองยืนอยู่คนเดียว ก็ในเมื่อตอนเข้ามาเขายังเดินมากับเคย์โตะ แล้วตอนนี้หายไปไหน
“ ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี่ย-- ” ใบหน้ากลมของคนที่อายุมากกว่าเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดใส่ เมื่อเห็นว่าน้องน้อยของวงทำท่าเหมือนไม่ได้ยินที่ตัวเองพูด
“ ฉันไปแล้วนะ-- ”
“ ยามะจัง เห็นเคย์โตะหรือเปล่า “
เรียวสุเกะถลึงตามองอย่างโมโห จนริวทาโร่แทบอยากจะจนขดตัวหายไปจากตรงนี้เสียให้ได้ ก่อนที่จะกล่าวขอโทษ
“ ขะ ขอโทษ ผมไม่ได้ฟัง ผมมากับเคย์โตะคุงแล้วตอนนี้เขาไปไหนก็ไม่รู้ ”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงท่าทีกังวลออกมา เรียวสุเกะจึงหายโกรธ
“ ฉันเห็นนายยืนอยู่คนเดียวตั้งนานแล้วนะ ไม่ยอมเข้าไปสักที เลยเดินเข้ามาหา เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรไปหาก็ได้ ”
เด็กน้อยพยักหน้า ก่อนวิ่งเหยาะๆตามเรียวสุเกะเข้าไปในห้องซ้อม
ทว่าเจอกับน้องชายของตนที่กำลังจะเดินเข้าไปอีกห้องเพื่อซ้อมเช่น กัน(คอนเสิร์ตของ JUMP มักมีชินทาโร่ไปแจมอยู่เสมอ เพื่อจะได้เล่นมุกพี่น้องได้)
“ ไงชินทาโร่-- ”
“ ไม่ต้องมาทำเป็นทักเลย จู่ๆก็ออกมากับพี่เคย์โตะ ทิ้งผมไว้ที่บ้านคนเดียวเลย ผมต้องขอให้แม่มาส่งเลยนะเนี่ย ”
ชินทาโร่พูดด้วยเสียงหงุดหงิด ก่อนเบ้หน้าให้ “ จำไว้เลยนะ ” แถมพูดทิ้งท้ายอย่างเจ็บใจ แล้วเข้าห้องซ้อม
ริวทาโร่ถึงกับพูดไม่ออก แต่ก็คิดว่าจริง เพราะเมื่อเคย์โตะโทรมาตามเขาออกไป
เขาก็รีบวิ่งออกไปเลย จนลืมชินทาโร่ไว้ที่บ้าน เขาหัวเราะในใจ (ความจริงริวทาโร่แอบสะใจที่ลืมน้องชายไว้ที่บ้าน ชินทาโร่ชอบแกล้งเขาบ่อยๆ)
พอเข้ามาในห้องซ้อมเขาก็รีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดที่คล่องตัว เพราะไม่อย่างนั้นจะซ้อมได้ลำบาก ถ้าใส่เสื้อกันหนาวซ้อม
ระหว่างที่ซ้อมนั้น เขาเหม่อบ่อยมากเพราะมัวแต่มองหาเคย์โตะที่ยังไม่มาซ้อม
กระทั่งถูกพี่ใหญ่เตือน และสมาชิกบางคนก็มองเขาอย่างเอือมระอาเช่นเดียวกัน ทำให้ริวทาโร่รู้สึกผิด พร้อมทั้งขอโทษและตั้งสมาธิใหม่
เมื่อซ้อมกันไปได้สักพัก ประตูก็เปิดผางออกมา คนที่ซ้อมอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ฮิคารุวิ่งปรี่เข้าไปหาผู้ที่มาใหม่อย่างรวดเร็ว
“ ถึงวันนี้จะเป็นวันเกิดนายแต่ก็กรุณาอย่าอู้จะได้หรือเปล่า ” ฮิคารุต่อว่าทันที ร้อนถึงเพื่อนรักอย่างโคตะต้องรีบเข้ามาห้ามทัพ
ที่จริงเป็นอันรู้กันว่าถ้าหากฮิคารุจะตลก ก็สามารถปล่อยมุกได้แบบกู่ไม่กลับ แต่ถ้าหากจะเครียดและจริงจัง ก็จะดูหน้ากลัวขึ้นมาทันที
“ ถ้านายอยากได้งานวันเกิด-- ซ้อมวันนี้เสร็จเดี๋ยวจะซื้อเค้กให้เลย ”
“ เอาน่า ที่จริงริวทาโร่ก็เล่าเลยไม่ใช่เหรอว่ามาพร้อมกันน่ะ แต่จู่ๆก็หายตัวไป สงสัยมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปมั้ง ” โคตะกล่าวติดตลกขึ้นมา
ฮิคารุเลิกคิ้วขึ้นมองเคย์โตะเผื่อว่าจะมีข้อแก้ตัวอะไรมาอ้าง แต่เมื่อเงียบไปก็แสดงว่ายอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ริวทาโร่สังเกตเห็นว่าเคย์โตะหน้าตาดูซีดเซียวไร้สีเลือด แต่คิดว่าอาจจะกลัวฮิคารุก็ได้จึงไม่ได้คิดอะไร
“ นายหลังซ้อมเสร็จก็ซ้อมกีต้าร์ต่อด้วยล่ะกัน ” ฮิคารุบอก
สมาชิกทุกคนล้วนแต่จริงจังกับงานทุกๆอย่างที่ทำเพราะต้องการให้ทุกอย่างออก มาดีและน่าพอใจสำหรับแฟนคลับ
ถึงแม้ว่าคิดว่าตอนนี้พยายามมามากพอแล้ว แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานชิ้นเดียวกันนี้อีกครั้ง(อย่างเช่นคอนเสิร์ตที่ โตเกียวโดม)
ก็ต้องทำให้ดีมากกว่าครั้งก่อนๆ เพื่อแสดงถึงการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ปกติแล้วก่อนวันขึ้นคอนเสิร์ตพวกเขาควรจะได้ซ้อมบนเวทีจริง แต่มีเหตุบางประการที่ทำให้มีเพียงวันนี้วันเดียวที่ต้องกลับมาซ้อมที่ บริษัท
แต่ซ้อมไปไม่เท่าไรก็ต้องย้ายไปซ้อมที่สถานที่จริง ทุกคนจริงรีบอพยบกันใหญ่
หลังจากซ้อมเสร็จพวกเขาก็ต้องไปพักที่โรงแรมที่ใกล้กับสถานที่จัดคอนเสิร์ต และมีห้องอาหารที่จัดเป็นส่วนตัวเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ
“ ขอตัวก่อนนะ-- ” เคย์โตะที่กินข้าวมื้อเย็นเสร็จแล้วกล่าวขึ้นมา “ ไปซ้อมกีต้าร์ เดี๋ยวฮิคารุคุงโกรธน่ะ ” เขาตอบคำถามของริวทาโร่ที่ถามมาด้วยสายตา
“ ไม่เป็นอะไรแน่นะ ผมเห็นพี่หน้าซีดมากๆเลย ” ริวทาโร่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ อันที่จริงอยู่กินเค้กก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือ ” น้องเล็กมองด้วยสายตาอ้อนวอน
เขาอุตส่าส์ออกไปซื้อเค้กหลังซ้อมเสร็จกับฮิคารุ(ทั้งๆที่เคย์โตะสัญญาว่าจะ ไปกิน)แต่ถ้าจู่ๆเจ้าของวันเกิดกลับไม่อยู่ จะกินโดยไม่มีเจ้าของวันเกิดก็คงไม่ดี
เคย์โตะส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมทั้งบอกให้สมาชิกจัดการกับเค้กได้เลย แถมบอกให้ยูโตะช่วยจัดการส่วนของตัวเองด้วย แล้วเดินออกจากห้องไป
ในวันแรกพวกเขาต้องเริ่มแสดงคอนเสิร์ตช่วงเย็น ริวทาโร่ยิ่งสังเกตอาการเหนื่อยล้าของเคย์โตะอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพราะตัวเขาเองก็ต้องจัดการกับหน้าที่ของตัวเอง เช่นกัน
คอนเสิร์ตได้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงของจูเนียร์ที่ต้องออกมาแสดง คั่นเวลาเพื่อให้สมาชิก JUMP ได้พักและใช้เวลาช่วงนี้เปลี่ยนชุด
เคย์โตะทรุดนั่งลงบนพื้น ริวทาโร่รีบวิ่งเข้าไปดูอาการ
“ ริว-- ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา “ ไปเปลี่ยนชุดซะ เดี๋ยวไม่ทัน ”
ริวทาโร่ไม่ขยับ ก่อนที่จะพยายามฉุดพี่ชายให้ลุกขึ้นมา แต่อีกฝ่ายสบัดแขนหนี พร้อมทั้งตะคอกใส่ จนทำให้สมาชิกที่เหลือหันมามอง
ยูโตะซึ่งเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วรีบมาแก้ไขสถานการณ์ “ ริวไปเปลี่ยนชุด ส่วนนายจะเครียดหรือเหนื่อยยังไงก็อย่าไปพาล เป็นอะไรไป ปกติไม่เคยเห็นนายตวาดใครเลยนะ-- ”
น้องเล็กวิ่งออกมาจากทั้งคู่ด้วยใบหน้าอ่อนล้า นี่เขาจะทะเลาะกันในวันที่พึ่งบอกรักกันเลยหรือ เขาคิดพลางส่ายหัวเพื่อขับไล่ความคิดที่แย่ๆออกไป
หลังจากโดนตะคอกในคอนเสิร์ตวันแรกที่ผ่านไปริวทาโร่ก็ไม่ยอมเฉียดเข้าไปใกล้ เคย์โตะอีกเลย
เขารู้สึกเสียใจที่อีกฝ่ายเองก็ไม่คิดจะตามมาง้อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
อาการของทั้งคู่นี่เองทำให้เรียวสุเกะรู้สึกอยากจะคุยกับริวทาโร่ (ส่วนทางด้านเคย์โตะก็ยกให้เพื่อนสนิทอย่างยูโตะจัดการไป)
“ เขาเกลียดผมแล้วล่ะมั้ง-- ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“ สงสัยผมจะจุ้นจ้านมากเกินไป บอกรักเสร็จก็อกหักเลย ในโลกคงมีไม่มีกี่คน ” ริวทาโร่ตัดพ้อขึ้นมา
เรียวสุเกะหัวเราะเครียดๆใส่
เขาเองก็เคยมีปัญหาแบบนี้กับยูโตะจึงแนะนำบางอย่างให้แก่น้องไป “ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ เคย์โตะคุงน่ะแค่เหนื่อย เลยพาลเท่านั้นเอง ”
ริวทาโร่ส่ายหัวให้ “ แล้วเป็นเฉพาะกับผมเนี่ยนะ พอยูโตะคุงพูดด้วยไม่เห็นจะโดนตะคอกเลย ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆราวกับไม่ต้องการจะรับรู้อะไรอีกแล้ว เรียวสุเกะรับรู้ได้ว่าบทสนทนานี้ได้จบลงไปแล้วจึงไปไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก
คอนเสิร์ตที่ Yoyogi กำลังจะจบลงในวันที่ 4 เมษานี้
ซึ่งนั่นหมายความว่าริวทาโร่จะยังพอมีเวลาได้คุยกับเคย์โตะก่อนที่จะเริ่ม คอนเสิร์ตครั้งถัดไปซึ่งจะจัดปลายเดือน
เขาหวังว่าจะได้พบกับกับเคย์โตะที่บริษัท
แต่เจ้าตัวกลับไม่มา ทำให้ริวทาโร่หงุดหงิด เลยโทรศัพท์ไปหา
“ เคย์โตะคุง ทำไมไม่มา ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยนะ ไม่ใช่คุยกันทางโทรศัพท์ด้วยนะ- ” ริวทาโร่พูดกรอกใส่โทรศัพท์มืถือของตน
ทว่าปลายสายไม่ตอบอะไรกลับมา “ โอ๊ย! ผมเกลียดพี่จริงๆเลย ” เมื่อวางสายจึงตระหนักได้ว่าเขาพูดอะไรแบบไม่ทันคิดอีกแล้ว เขาเคยถูกว่าบ่อยๆด้วยเรื่องเช่นนี้
ริวทาโร่โกรธตัวเองมากจึงปิดเครื่องเพื่อหนีความจริง
ทั้งวันนี้ที่มาบริษัทเหมือนกับมาประชุมย่อยๆเพื่อเตรียมคอนเสิร์ตครั้งต่อ ไปมากกว่าจะมาซ้อม
แต่เมื่อขาดเคย์โตะไป ก็เหมือนกับว่าขาดคนถูกแกล้งไปหนึ่งคน เขาจึงโดนแกล้งหนักกว่าเดิม(รับส่วนของเคย์โตะไปด้วย)
จนเมื่อถึงเวลาตอนเย็นก็ได้พากันแยกย้ายกลับบ้านไป
ยูโตะรีบวิ่งตามคนตัวเล็กกว่ามา เมื่อเขากำลังจะก้าวออกจากประตูไป
“ นาย ริว ปิดเครื่องทำไม หยุดฟังก่อน ” พี่ชายอีกคนของเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ --เคย์โตะเจ็บคอจนพูดไม่ได้ ก่อนหน้าวันเกิดเขา นายก็ได้ยินที่เขาพูดไม่ใช่เหรอว่าอาการไม่ดีจะรีบกลับบ้าน จนเมื่อวันแสดงที่เขาตะคอกใส่นายน่ะเพราะเสียงกำลังจะหายตะหากล่ะ และที่ไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเพราะว่า ”
“ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะว่าอะไรล่ะ-- ” ริวทาโร่ย้อนถามอย่างมีอารมณ์
ร่างสูงเริ่มอึกอักเพราะอันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าในตอนนั้นเขาแค่พยุงตัวอีกฝ่ายเฉยๆไม่ได้อยากจะคุย เคย์โตะเองก็ทำหน้าจะร้องไห้ใส่ยูโตะเช่นกัน
“ เพราะกลัวว่าเสียงของเขาจะไปไม่ถึงนายไงล่ะ-- ” เรียวสุเกะพูดขึ้นมา “ เคย์โตะกลัวกว่าถ้าไม่พูดออกไป นายก็จะมัวแต่เป็นห่วงเขาจนลืมหน้าที่ของตัวเองไป ”
ริวทาโร่คิดไม่ตกว่าเขาควรจะทำยังไงดี เรียวสุเกะก็บอกว่า “ เคย์โตะอยู่ที่บ้านนะ ” แล้วพยายามเขย่งตัวขึ้นเพื่อขยี้หัวรุ่นน้อง
“ ขอบคุณฮะ! ”
น้องเล็กรีบวิ่งมาขึ้นรถไฟเพื่อไปบ้านของคนที่กำลังรออยู่ ทว่ารถไฟที่ว่าเร็วแล้วแต่ยังช้ากว่าใจ เขารีบส่งอีเมล์ไปหาเคย์โตะ
‘ ขอโทษครับ ผมกำลังไปหาพี่นะ ’
โชคดีที่บ้านเคย์โตะอยู่ไม่ห่างจากสถานีเท่าไรนัก ริวทาโร่ก้าวยาวๆเพื่อจะได้ไปถึงโดยเร็วที่สุด (ถ้าเป็นเมื่อ 2 ปีก่อนเขาคิดว่าคงไม่มาถึงเร็วได้ขนาดนี้)
จนในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของเคย์โตะ
ราวกับวางแผนกันไว้ก่อน มีซองจดหมายแปะไว้ที่ประตูบ้านจ่าหน้าถึงตัวเขาเอง ริวทาโร่รีบแกะซองออกพบกับกุญแจหนึ่งดอก เจ้าตัวเล็กรีบไขประตูวิ่งเข้าไปในตัวบ้านแต่ไม่พบใคร
เขาได้ยินเสียงของกีต้าร์โปร่งที่มักจะได้ยินบ่อยๆเวลานั่งอยู่ในห้อง ซ้อม(อันที่จริงริวทาโร่แค่ได้ยินเสียงแว่วๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกคุ้นหูอย่างหน้าประหลาด)
เสียงนั้นดังมาจากข้างบน เขาค่อนข้างรู้สึกผิดที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร
ทว่าขานั้นเดินพาเจ้าของขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้อง ซึ่งเสียงดนตรีดังมากที่สุด
ริวทาโร่ทำเป็นใจกล้าค่อยๆเปิดเข้าไป
เคย์โตะยังคงใส่ชุดนอนสีฟ้าอ่อนๆและแว่นตากรอบเหลี่ยมสีดำ ซึ่งไดกิเคยพูดว่ามันดูเหมาะกับเคย์โตะมาก
หัวยุ่งๆของเขายิ่งทำให้ดูเหมือนเม่นที่มีหนามยาวมาก เขานั่งอยู่เตียงปูด้วยผ้าสีเทาเข้าชุดกับผ้าม่านได้เป็นอย่างดี
ริวทาโร่แอบลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะว่าเขาอย่างไร แต่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายูโตะบอกว่าเคย์โตะเจ็บคอ
เมื่อน้องเล็กดูเหมือนจะล่องลอยไปกับความคิดของตัวเอง เคย์โตะจึงแกล้งเล่นกีต้าร์เสียงดังขึ้นอีก ทำให้ริวทาโร่สดุ้งหันมามองเคย์โตะจนได้
‘ เป็นอะไรไป ’ พี่ชายหัวเม่นหยิบกระดาษที่เขียนขึ้นมา ‘ กลัวฉันโกรธเหรอ ที่นายบอกว่าเกลียดฉันน่ะ ’
ริวทาโร่น้ำตาคลอเบ้าที่เห็นว่าพี่ชายสุดรักเจ็บคอจนพูดไม่ได้จริงๆ เขาทั้งโกรธและเจ็บใจตัวเองที่ทำเป็นหงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบจึงเปลี่ยนเป็นกระดาษอีกแผ่น ‘ แต่จริงๆโกรธนิดหน่อยที่นายปิดเครื่องหนีน่ะ-- ใจร้ายจังนะ ’
เคย์โตะรีบเขียนประโยคใหม่ขึ้นมาอีก ‘ จะส่งอีเมล์ไปหาแต่ แบตก็หมด หาที่ชาร์ตไม่เจออีก ไม่รู้จะทำยังไง เลยใช้โทรศัพท์บ้านโทรเข้าเครื่องยูโตะรินน่ะ ’
เขาเขียนหวัดๆให้ดู ริวทาโร่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะลายมือของเขาเหมือนเด็กที่พึ่งหัดเขียน ‘ ขำอะไร? มาถึงก็เอาแต่ทำน้ำตาคลอ ไม่พูดอะไร แถมทำเป็นยิ้มเยาะเย้ยใส่อีก-- ’
“ ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่นา ไม่สิ ขอโทษที่พูดแบบนั้นนะครับ ” ริวทาโร่รู้สึกผิด และโค้งตัวลงเพื่อขอโทษ
เคย์โตะฉวยโอกาสนี้แกล้งใช้สมุดโน้ตซึ่งเขียนข้อความตอบโต้กับเด็กน้อยตีเบา อีกฝ่ายเบาๆ “ แกล้งผมอีกแล้ว -- ”
เคย์โตะเขียนอะไรยุกยิกอีกสองสามประโยคก่อนเปิดให้ดู ‘ ขอ โทษที นายมันน่าแกล้ง ’
และก้มเขียนต่อ ระหว่างนั้นริวทาโร่อ้อมไปด้านหลังของเคย์โตะอย่างเงียบๆ
ทำให้อีกฝ่ายต้องหันขวับเมื่อเขากอดเอวพี่ชาย และเหลือบเห็นข้อความที่พึ่งเขียนเสร็จ
‘ I love you -- ’ เป็นประโยคที่ริวทาโร่คิดว่าเคย์โตะเขียนได้สวยที่สุดแล้วเพราะมันเป็นภาษา อังกฤษ ‘ แอบดูนี่นา ’
“ ผมจะรอฟังคำๆนี้จากปากของพี่นะ ไว้พี่หายดี ผมจะขอให้พี่พูดอีกครั้งนึง ”
เคย์โตะเผยรอยยิ้มจางๆออกก่อนก้มหน้าเขียนต่อ ‘ จะพูดให้ ฟังจนเบื่อเลยเจ้าตัวเล็ก ’
ซึ่งที่เขาเขียนมันก็ไม่ค่อยจะถูกนัก ริวทาโร่ซึ่งยังคงกอดเขาอยู่พร้อมกับเอาคางเกยไหล่ของเขา ตัวก็ค่อนข้างสูงจะพอๆกับเขาแล้วด้วยซ้ำไป
“ พี่ไปไหนมาตอนถึงบริษัท -- ” ริวทาโร่เริ่มเปิดฉากซักฟอกคนป่วย “ ผมยืนรอตั้งนานนะ นึกว่าพี่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวแบบที่ยาบุคุงพูดซะอีก ถ้ายามะจังไม่ชวนผมเข้าไปผมคงยืนรอพี่จนเอาขาพาดคอได้เลยล่ะมั้ง หายแล้วไปขอบคุณเขาด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณพี่ยูโตะด้วยล่ะ เขาอุตส่าห์บอกผมว่าพี่ป่วย เจ็บคอจนพูดไม่ได้ ไม่งั้นผมผมคงโกรธพี่ถึงชาติหน้าแน่ๆ เออ ใช่-! พี่ป่วยแล้วทำไมไม่ยอมบอกเลยห๊ะ! ”
คนป่วยทำหน้ามึนๆเมื่ออีกฝ่ายพูดรัวเป็นชุดจนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี เจ้าตัวเล็กก็ยืนเท้าเอวรอคำตอบจากเขาอยู่เหมือนกัน จึงตัดสินใจเขียนอะไรออกมา
“ จะ- ตอบ- ที- ละ- คำถาม อย่า พึ่ง ขัด- ” ริวทาโร่อ่านตามทีละคำ เคย์โตะพยักหน้าให้
‘ พี่ไปห้องพยาบาล รู้สึกปวดหัว ’
“ แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ ” ริวทาโร่พูดอย่างน้อยใจ “ ผมก็เดินมากับพี่นะ-- ” ก่อนที่จะได้ร่ายยาวอะไรเคย์โตะก็ทำท่าปิดปากไว้
‘ เดี๋ยวหายแล้วจะไปขอบคุณทั้งวงเลยก็แล้วกัน แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง ’
“ อืม... ”
‘ ส่วน ที่ไม่บอกใคร เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ใกล้คอนเสิร์ตมีเรื่องให้กังวลเยอะ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระกับใคร อยากให้นายกับทุกๆคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ’ ริวทาโร่อ่านข้อความสุดท้ายจบแล้วนึกถึงที่เรียวสุเกะพูดก่อนที่จะมาที่นี่ “ เคย์โตะกลัวกว่าถ้าไม่พูดออกไป นายก็จะมัวแต่เป็นห่วงเขาจนลืมหน้าที่ของตัวเองไป ”
ทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก(เคย์โตะเริ่มเมื่อยเมื่อต้องเขียน ประโยคยาวๆเป็นเวลานาน) จนกระทั่งริวทาโร่นึกถึงวันเกิดของตัวเองขึ้นมาได้
“ เคย์โตะคุงจำเมื่อวันเกิดของตัวเองได้หรือเปล่า-- ” เขาเว้นช่วง เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามพยักหน้าจึงเริ่มพูดต่อ “ พี่บอกว่าผมเป็นของขวัญที่ดีสุดสำหรับพี่ ผมก็เหมือนกัน พี่คือของขวัญที่สุดดีสุดสำหรับผม แต่-- ”
เคย์โตะทำท่าทางดีใจที่น้องชายที่รักคิดเหมือนตน แต่ก็แทบจะหุบยิ้มเมื่อมีแต่ตามท้าย
“ --แต่ ถ้าเคย์โตะคุงไม่ป่วยหรือบอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่านี้ ” ริวทาโร่พูดไม่ทันจบก็สูดจมูดขึ้นเสียงดังเสียก่อน ทันใดนั้นคนป่วยดึงตัวน้องชายเข้ามากอด ก่อนจะทำให้ประหลาดใจด้วยการจูบหน้าผากเบาๆ
‘ --และถ้าผมกับพี่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็จะเป็นของขวัญที่ผมอยากได้มากที่สุด เลย ’ ริวทาโร่พูดต่อในใจจนจบประโยค
~fin~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น