คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [Takachii]--First love , First sight :: 03/26th-T.Y.--
First love , First sight
‘ อย่าไปเดินผ่านหน้าบ้านหลังนั้นเชียว! ’
‘ นี่...เค้าว่ากันว่าลูกชายบ้านนั่นเค้าไม่ปกตินะ ’
‘ พอภรรยาคนเก่าตายไป สามีก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่สนใจลูก ’
‘ บ้านช่องไม่กลับ ทำเหมือนกับทิ้งลูกไปแล้วอย่างนั้นล่ะ ’
‘ ไม่แน่ว่าช็อคที่แม่ตายหรือพ่อมีแฟนใหม่ก็ไม่รู้ ’
‘ น่าสงสารจริงๆเลย ทั้งที่ออกจะหน้าตาดีแท้ๆ ’
คำนินทาร้ายกาจต่อเจ้าของบ้านและลูกชายตระกูลทาคาคิของบรรดาเพื่อนบ้านหลายๆคนถูกส่งต่อกันไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่งเหตุเพราะเจ้าของบ้านอาจจะไม่ค่อยมีสัมพันธ์ที่ดีเท่าไรนักกับบรรดาเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังมีบ้านใหญ่โตอลังการเกินควรในละแวกนั้น
เมื่อประมาณสองสามปีที่ผ่านมานี้ ภรรยาของบ้านนี้ได้เสียชีวิตกะทันหัน และดูเหมือนว่านายทาคาคิเองก็จะปกปิดความลับของสาเหตุการตายนี้ไว้ไม่ให้ลูกชายได้รับรู้ ซ้ำยิ่งลูกชายถามมากเท่าไรก็ยิ่งได้รับแต่ความเงียบกลับมาจนเกิดเหตุทะเลาะกันบ่อยครั้ง ในที่สุดนายทาคาคิก็ตัดสินใจทำสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของลูกชายมากที่สุด นั่นคือการหาแม่คนใหม่ให้แก่ลูกชายของเขา ซึ่งดูเด็กพอๆกัน
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับพ่อของตนและแม่คนใหม่เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องนอนของตน แต่มีหรือข่าวความร้าวฉานของคนในครอบครัวจะไม่มีวันหลุดเล็ดรอดออกมาได้ จนทำให้กลายเป็นเรื่องพูดคุยกันระหว่างแม่บ้าน ถือเป็นเรื่องประจำเขตเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วนายทาคาคิก็ยอมจำนนเลิกกับหญิงสาวคนนั้น และไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกเลย
“ คุณหนูคะ ” เสียงแหบแห้งของหญิงชราซึ่งเป็นผู้ดูแลดังขึ้นมาปลุกให้คนที่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อท่วมตัวสะดุ้งขึ้นมา “ คุณยูยะ-- ”
ยูยะลุกขึ้นมาช้าๆพร้อมกับปาดเหงื่อที่ซึมออกมาทั้งๆที่เป็นหน้าหนาว ชายหนุ่มอายุได้ยี่สิบปีเต็มพร้อมกับมีบ้านหลังใหญ่โต หากแต่ก็ต้องอยู่คนเดียวถึงแม้จะมีคนคอยดูแลทว่าก็อดที่จะรู้สึกเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ
ผมสีชายุ่งเหยิงเป็นเพราะพึ่งตื่นนอนในตอนเช้า เสื้อนอนสีเทาอ่อนหลุดลุ่ยจากการนอนดิ้นเผยให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งอยู่ภายใน ดวงตาที่คมกริบแสดงอาการอ่อนล้าและเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด มือหนายกขึ้นมากุมขมับเล็กน้อยเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขามาถึงหนึ่งปีเต็ม
“ วันนี้จะมีเด็กคนใหม่เข้ามาทำงานในบ้านนะคะ ” หญิงชราเล่าถึงสาเหตุที่ต้องมาปลุกแต่เช้าตรู่ “ จะลงไปรับด้วยกันไม๊คะ-- ”
ยูยะส่ายหน้าเบาๆ
“ อย่างนั้นจะให้ดิฉันบอกไม๊คะว่าไม่ให้เข้าใกล้ห้องนี่ ”
ยูยะส่ายหน้าอีกครั้ง
“ เฮ้อ...คุณยูยะคะ อย่างน้อยอยู่กับดิฉันก็พูดได้บอกได้นะคะ ” เสียงเศร้าพูดอย่างท้อแท้และเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ “ ทีเวลาโคตะซังมาพูดน้ำไหลไฟดับเลยนะคะ-- ”
“ คานาโกะซัง... ” ยูยะเรียกชื่อคนเฒ่าคนแก่ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กด้วยเสียงทุ้มอันแหบแห้ง “ ผมแค่คอแห้งเฉยๆ เห็นคุณพูดเลยไม่อยากขัดจังหวะ ”
คานาโกะยิ้มแห้งๆบ่งบอกได้ว่าเขินเต็มที ซึ่งยูยะก็ยิ้มตอบรับเช่นเดียวกันทว่าเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูมีความสุขเอาเสียเลยกลับแฝงไว้ด้วยความทุกข์ใจและความโหยหาอยู่ลึกๆอย่างบอกไม่ถูก อาจจะมีโคตะซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดเพียงคนเดียวที่สามารถดึงรอยยิ้มที่แท้จริงออกมาได้
ถ้าจะถามว่ายูยะนั้นได้ไปเรียนหรือทำงานหรือไม่ คงตอบได้แค่เพียงว่าอาจจะทั้งสองอย่าง เขาเรียนโดยไม่ต้องไปที่มหาวิทยาลัยแต่มีโคตะที่คอยช่วยเขาทำรายงานหรือเอาเนื้อหาการเรียนมาให้ที่บ้าน ส่วนในเรื่องการทำงานนั้นถึงแม้จะทะเลาะกับผู้เป็นพ่อจนอาจดูเหมือนถูกตัดขาดกันแล้วโดยสิ้นเชิง แท้จริงแล้วนายทาคาคิก็ได้ส่งงานที่บริษัทมาให้ทำอยู่บ่อยๆ เพียงแต่ไม่เคยคุยกันเลยนับตั้งแต่คนคนนั้นออกจากบ้านไป
ชีวิตที่ดูเหมือนจะแน่และเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง แต่ในความแย่และเลวร้ายนั้นก็ยังคงมีเรื่องดีๆอยู่บ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามที
~ปิ๊งป่อง~
“ สงสัยจะมาแล้วล่ะค่ะ ” คานาโกะเอ่ยขึ้นมา “ อาหารเช้าดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วนะคะ ”
ยูยะพยักหน้าตอบรับอีกครั้งก่อนจะเดินลุกจากเตียงไป
หญิงชราค่อยๆเดินลงมาชั้นสองอย่างช้าๆท่ามกลางบ้านอันเงียบสงัด ข้าวของจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไม่มีใครแตะต้องเพราะยูยะที่เป็นเจ้าของบ้านมักจะเก็บตัวแต่อยู่บนห้อง จนทำให้ฝุ่นเริ่มเกาะเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
อันที่จริงคานาโกะจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านเดือนละครั้ง หล่อนเองก็ไม่ใช่คนวัยหนุ่มสาวที่จะกระฉับกระเฉงทำนู่นนี่ได้ตลอดเวลา สุขภาพของหล่อนเป็นเรื่องสำคัญซึ่งยูยะก็รับรู้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าเขายังคงเป็นฮิคิโคโมริอยู่แบบนี้ จึงประกาศหาคนทำความสะอาดบ้านตามอินเตอร์เนตจนได้เด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งซึ่งสนใจติดต่อมา ยูยะจึงนำเรื่องนี้ไปบอกคานาโกะซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด
“ แล้วหนูชื่ออะไรจ้ะ ” คานาโกะถามเด็กมัธยมปลายคนที่เธอออกไปรับถึงหน้าบ้าน เด็กคนนี้แก้มกลมใสชมพูระเรื่อด้วยความหนาว ความสูงที่ดูเหมือนกับเด็กมัธยมต้น ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาโตที่มองแล้วสดใส
“ ยูริ...จิเนน ยูริฮะ ”
คานาโกะดูอึ้งไปสักพักแต่ก็รีบปรับสีหน้ากลับเป็นอย่างเดิมได้อย่างรวดเร็ว “ เด็กผู้ชายสินะ ”
“ เอ่อ-- ครับ ”
“ ไม่ต้องเกร็งหรอกนะคะ เรียกดิฉันว่าคานาโกะก็ได้ ” ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มทำให้ยูริรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “ ที่นี่ไม่ต้องการอะไรมาก แค่ว่างวันไหนก็มาช่วยทำความสะอาดก็พอนะจ้ะ แต่มาอย่างน้อยเดือนละครั้ง แล้วก็จะพาเดินดูรอบๆบ้านก่อนนะ ”
ยูริเดินตามคานาโกะที่พาเดินแนะนำห้องภายในบ้านอย่างงงๆ ดูเหมือนงานนี้จะดูสบายเกินไปจนหน้าสงสัยขึ้นมา อีกทั้งคนที่ประกาศในอินเตอร์เนตกับหญิงคนดังกล่าวนี้จะเป็นคนละคนกัน แต่ยูริก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ เพราะหลังจากอ่านเจอประกาศสมัครงานเพื่อนของเขาก็มาเตือนด้วยความหวังดี แต่ยูริก็คิดว่าเขาน่าจะพอเอาตัวรอดจากเรื่องไม่ดีได้
ความจริงบ้านของยูริก็ไม่ได้ประสบปัญหาทางการเงิน แต่คนตัวเล็กเพียงที่จะอยากกแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ของตนบ้าง แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
“ นี่เป็นห้องครัวนะ ” ยูริมองตามมือที่ผายออกไปเห็นห้องครัวขนาดใหญ่พร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ภายใน พร้อมกับมื้อเช้าอันแสนหอมกรุ่นที่ยังไม่มีใครแตะต้อง
“ ผมมารบกวนเวลาอาหารเช้าคานาโกะซังหรือเปล่าครับ ” ยูริถามด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ ไม่หรอกจ้ะ...นี่สำหรับเจ้าของบ้าน ” คานาโกะบอกความจริงที่ยูริกำลังสงสัยอยู่พอดีออกมา “ คนที่ลงประกาศนั่นจ้ะถ้าหนูกำลังสงสัยเรื่องนี่อยู่นะ ”
คนตัวเล็กอึ้งไปเล็กน้อยเพราะคนตรงหน้าเขาอ่านใจออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ และอีกเรื่องนึงก็คือห้องของคุณยูยะ ดิฉันต้องขอร้องว่าห้ามเข้าไปน่ะค่ะ ”
“ เอ๊ะ...ครับ ”
“ อาจจะดูน่าสงสัยไปหน่อย แต่หนูยูริก็คงได้ยินที่เพื่อนบ้านเค้าเล่ากันแต่ว่าจะให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าจริงบ้างเท็จบ้าง ” คานาโกะยังงคงชวนยูริคุยแบบตามสบาย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ ถ้าหนูยินดีรับงานนี้ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้นะจ้ะ แต่ว่าถ้าฟังดูไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไรนะ ”
ยูริส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่าจะเริ่มงานวันนี้เลย
“ ถ้างั้นส่วนของห้องนั่งเล่นรอหนูอยู่นะจ้ะ ”
ตอนแรกยูริคิดว่าเหล่าแม่บ้านคนก่อนคงจะพอทำงานกันมากแล้วบ้าง แต่พอมาพบกับสภาพความเป็นจริงมันทำให้ยูริเริ่มท้อใจกับงานในครั้งนี้ ฝุ่นฟุ้งไปทั่วทุกมุม เครื่องเรือนบางอย่างถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นจนหาสีเดิมไม่เจอ ชั้นวางของต่างๆก็เขรอะไปหมด หากจะทำความสะอาดเพียงจุดนี้จุดเดียวก็คงต้องทำกันทั้งวัน ยูริจึงเริ่มนำบรรดาของสะสมของเจ้าของบ้านลงมาจากชั้นไม่ว่าจะเป็นแจกันดอกไม้ กรอบรูปนับไม่ถ้วน
ดอกไม้สีหวานหม่นหมองเพราะฝุ่นสีเทาเข้มยูริต้องค่อยๆเช็ดอย่างถนุถนอม ส่วนกรอบรูปนั้นบางรูปแทบจะเลือนหายไปกับกรอบ บางรูปก็ถูกขีดเขียนเลอะเทอะไปหมด คนตัวเล็กใช้เวลานานมากกับการพยายามเช็ดฝุ่นตามกรอบรูปและชั้นวางของ
รูปใบหนึ่งดูดึงดูดสายตาของยูริ อาจะเป็นรูปครอบครัวของบ้านทาคาคิก็เป็นได้ ชายคนหนึ่งทางซ้ายมือดูเหมือนคนที่เคยออกข่าวทางทีวีน่าจะเป็นนายทาคาคิ ส่วนหญิงทางขวาร่างบางสูงเลยไหล่ของนายทาคาคิอาจจะเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน ใบหน้าละม้ายคล้ายกับยูริเล็กน้อย ส่วนเด็กหนุ่มคนตรงหน้า ดวงตาอันคมกริบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาผิวสีแทนอ่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างร่าเริง ซึ่งยูริคิดว่าอาจจะเป็นยูยะ ที่เป็นคนลงประกาศในอินเตอร์เนต
~แกร๊ก~
เสียงของบานประตูค่อยๆแง้มออกจนยูริต้องหันควับไปดู พบกับเจ้าของดวงตาคมแอบมองจากช่องประตูมายังยูริ แต่เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่ายูริเองก็จ้องกลับไปเช่นกันจึงรีบปิดประตู
ยูริยังคงยืนค้างมองไปยังประตูซึ่งปิดสนิทอยู่ราวกับถูกดวงตานั้นสาปไว้
ดวงตาที่เคยแจ่มใสดูมีความสูขอยู่ในรูป แต่เมื่อครู่กลับเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ ความเศร้าใจ และความทรมานที่ร่างเล็กก็สามารถรับรู้ได้
และก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเสมอๆเมื่อยูริมาทำงานที่นี้ จะพบกับร่างสูงที่คอยแอบดูตนอยู่เสมอๆภายในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็นหลังเลิกเรียนที่คนตัวเล็กมักจะไปช่วยคานาโกะซื้อของเข้าบ้าน หรือวันหยุดต่างๆที่ยูริมักจะมาขลุกอยู่ที่บ้านนี้ทั้งวัน จนยูริอดที่จะขนลุกไม่ได้
“ คานาโกะซังครับ ” ยูริตัดสินใจที่จะบอกคานาโกะไม่ใช่เพราะว่าทนไม่ไหว แต่ว่ารู้สึกกลัวเสียมากกว่า “ คะ..คือว่า...ผมรู้สึกเหมือนถูกมอง...เอ่อ...เวลาทำงาน-- ”
คานาโกะตกใจพร้อมเบิกตากว้าง “ ตายจริง...สงสัยจะเป็นคุณยูยะละมั้งคะ แปลกจังเลย ”
“ เอ๊ะ...หมายความว่ายังไงเหรอฮะ ”
“ ปกติคุณยูยะเธอจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร แม่บ้านหลายๆคนที่มาทำงานดิฉันก็ไม่เคยเธอจะมาดูเลยนะคะ ” คานาโกะเล่าให้ฟังถึงความแปลกใจของหล่อน “ แล้วก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเลย ขนาดดิฉันยังถามคำตอบคำ แต่ว่าจะมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยคนนึงที่คุณยูยะสนิทด้วยเอามากๆตั้งแต่เด็ก เจอหน้ากันทีไรพูดไม่หยุดเลยล่ะค่ะ ”
“ ช็อคจากคุณทาคาคิหรือเปล่าครับ ” ยูริกลั้นใจถามออกไป
“ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้งจ้ะ ” คานาโกทำหน้าครุ่นคิด “ แต่หนูยูริเป็นคนแรกเลยที่ทำให้คุณยูยะยอมลงมาจากข้างบนนั้นได้ ถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากให้หนูลองขึ้นไปคุยกับเธอน่ะค่ะ ”
ยูริได้แต่ทำหน้าเหวอ จะให้เขาไปถามตรงๆหรืออย่างไรว่าทำไมต้องมาแอบดูด้วย แบบนั้นก็เหมือนจะกล่าวหากันมากเกินไป
“ แต่ติดอยู่แค่ว่าคุณยูยะจะไม่ยอมคุยกับคนอื่นเลยนี่สิจ้ะ เฮ้อ...เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆสิจะแย่เอา ”
“ อะ...ถ้าเป็นไปได้ผมจะลองคุยด้วยก็แล้วกันนะฮะ ” ยูริบอกด้วยความหวังดี จริงๆแล้วเขาเองก็แอบถูกชะตากับยูยะอยู่บ้างเหมือนกัน แต่พูดให้ถูกอาจจะเป็นเพราะความสงสารและสงสัยด้วยก็ได้
คานาโกะแย้มยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะขอตัวไปทำงานที่ห้องครัวต่อ ทางด้านยูริก็รู้สึกแปลกใจในตัวเองที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่ว่ามันก็คาใจจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่ยูริอยากจะรีบทำให้เสร็จก็คือการทำความสะอาดโซฟาซึ่งมีคราบกาแฟเลอะไปหมด หากจะถามว่างานของยูริคืบหน้าไปบ้างหรือไม่ก็คงจะบอกได้ว่านิดหน่อย เพราะห้องนั่งเล่นนี่กว้างเหลือเกินแถมฝุ่นเยอะอย่างกับบ้านร้าง ใจจริงยูริอยากจะรีบทำให้เสร็จเพื่อจัดการส่วนอื่น แต่คานาโกะก็มักจะเดินเข้ามาพูดคุยพร้อมกับของว่างเล็กๆมาให้ยูริเสมอ พร้อมกับกำชับว่าไม่ต้องโหมทำมากนักก็ได้
ขณะที่ยูริกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดโซฟา อีกด้านหนึ่งของหลังประตูก็ปรากฏดวงตาคู่หนึ่งมองมายังยูริอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ยูริกลับไม่ใส่ใจที่จะมองกลับ แต่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆประตูบานนั้นอย่างช้าๆ โดยที่สายตาของยูยะซึ่งเต็มไปด้วยความงุงงก็เคลื่อนตามมายังยูริเองเช่นกัน
“ จับได้แล้ว!!! ” ยูริกระชากประตูเปิดพร้อมกับคว้าข้อมือของยูยะแล้วร้องออกมาอย่างดีใจ
ยูยะยืนอึ้งแต่สายตากลับยังคงจ้องมองคนตัวเตี้ยกว่าไม่วางตา
“ ขอบคุณที่จ้างผมมานะฮะ... ” ร่างเล็กส่งยิ้มหวานให้แล้วโค้งตัวลง
ยูยะเลิ่กลั่กมองหาหนทางที่จะหนีออกไปจากเหตุการณ์นี้
“ ทาคาคิ ยูยะซังที่เป็นเจ้าของบ้านใช่ไม๊ฮะ ”
ยูยะพยักหน้าตอบรับ
“ ว่าแต่ทำไมต้องมาแอบมองผมเกือบๆทุกวันด้วยล่ะฮะ มันรู้สึกอึดอัดนะฮะบางทีเนี่ย เหมือนกับรู้สึกว่าคุณไม่ไว้ใจผมเลยบอกไม่ถูก ” ยูริรีบระบายอารมณ์ตัวเองในขณะนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว “ อย่างน้อยจ้างมาแล้วก็ควรไว้ใจกันบ้างนะฮะ มาจ้องๆมองๆแบบนี้ผมก็ไม่เป็นอันทำงานพอดีน่ะสิ ”
ยูยะอ้าปากค้างกับความไวแสงของยูริ ก่อนที่จะพยายามแกะมือเล็กๆออก
“ นี่...อย่างน้อยก็พูดต้อนรับหรืออะไรก็ได้หน่อยสิฮะ...นะฮะ ” ยูริเริ่มปฏิบัติการตามที่ได้บอกกับคานาโกะเอาไว้ แถมยังมิวายรวบมือยูยะทั้งสองข้างมากุมไว้แน่น
ร่างสูงขยับปากเล็กน้อยแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
ยูริเริ่มหงุดหงิดกับอาการของคนตรงหน้าจึงพยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยูยะให้มากที่สุด
“ เหมือน... ” เสียงทุ้มพูดออกมา ทำให้หัวใจยูริแอบสั่นไหวไปบ้างเล็กน้อยด้วยเสียงกระซิบข้างหู
“ เหมือน...เหมือนอะไรฮะ ”
“ แม่...เหมือนแม่เลย ” ทันทีที่ยูยะพูดจบก็รีบปิดปากตัวเองพร้อมกับทำหน้าเหลือเชื่อออกมาเอง ราวกับไม่เคยพูดคุยกับคนอื่นมาก่อน(ในรอบปี) ใบหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ
คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักขึ้นมา เพราะร่างสูงทำตัวเหมือนเด็กน้อยไม่กล้าเจอคนแปลกหน้า
“ อะ..อะไร.. ” ยูยะถามออกมาอย่างงงๆ
“ ผมชื่อยูริ จิเนน ยูริ ” ยูริแนะนำตัวกับผู้ที่ลงประกาศไว้ “ ผม...เป็นเพื่อนกับคุณได้ใช่ไม๊ ”
ยูยะชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพร้อมกับมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าหวานกับมือหนาของตนแล้วพยักหน้าให้เบาๆ
“ ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยนะฮะ ”
ร่างโปร่งยิ้มแหยๆตอบซึ่งยูริก็ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็จะพยายามให้ยูยะกล้าออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้ ถึงแม้โลกภายนอกจะดูหมิ่นเขาไว้มากก็ตาม
“ ไม่ใช่แบบนั้นฮะ ” ยูริบอกยูยะที่กำลังถูกพื้นอยู่ “ ต้องถูแบบเลขแปดฝุ่นจะได้ไม่ฟุ้งกลับที่เดิม แล้วก็ต้องเดินถอยหลังถูด้วยไม่อย่างน้อยเวลาแห้งจะเป็นรอยเท้านะฮะ ”
ยูยะลองถูใหม่ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ยูยะจะลงมาทำงาน(เล่น)ข้างล่างบ่อยขึ้นจนคานาโกะเองก็อดที่จะทักขึ้นมาไม่ได้
“ คุณยูยะขยันทำงานจังนะคะ แบบนี้ต้องเพิ่มโบนัสให้หนูยูริซะแล้วสิ ” ยูริซึ่งได้ยินเข้าก็แอบดีใจไม่ได้ทั้งได้ค่าแรงเพิ่มและเหนื่อยน้อยลง แถมสนุกกับการสอนยูยะอีกตะหาก
“ คานาโกะซังอะ... ” ยูยะเบ้ปากใส่ก่อนจะก้มหน้าก้มตาถูพื้นตามที่ยูริสอนไว้
ยูริสังเกตว่าเวลาที่ยูยะพูดกับคานาโกะจะเหมือนเด็กน้อยวัยอนุบาลขี้อ้อน แต่พอพูดกับเขาแต่ล่ะทีกว่าจะนึกแต่ละคำออกมาได้ ยูริแทบอยากจะพูดแทนเสียจริง
“ ถ้างั้นตรงนี้ปล่อยให้คุณยูยะทำดีกว่า หนูยูริมาช่วยตามดิฉันมาหน่อยนะคะ ” คานาโกะแกล้งยูยะให้ทำงานต่อแล้วกวักมือเรียกยูริให้เดินตามมาที่สวนหลังบ้าน เมื่อมองดูโดยรอบแล้วไม่เห็นวี่แววของยูยะจึงหันกลับมาคุยกับยูริต่อ “ ใกล้ถึงวันเกิดของคุณยูยะแล้วนะคะ ”
“ เอ๊ะ.... ” ยูริแปลกใจนิดหน่อยที่คานาโกะเกริ่นเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
“ ถ้าเป็นไปได้อยากให้หนูยูริช่วยชวนคุณยูยะออกไปรับประทานอาหารข้างบ้านน่ะค่ะ ” คานาโกะพูดออกมาตรงๆ “ ปกติแล้วคุณแม่ของคุณยูยะจะเป็นคนพาออกไป แต่ว่าสองสามปีที่ท่านเสียไปคุณยูยะก็เอาแต่เงียบจนน่าป็นห่วงมากๆเลยนะคะ ”
“ จะลองพยายามดูก็แล้วกันฮะ ” ยูริตอบไปยิ้มไป เพราะเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่ารู้สึกดีๆกับยูยะ “ ถ้างั้นเอาเป็นแถวใกล้ๆบ้านก็แล้วกันนะฮะ ”
ทั้งคู่เดินเข้ามาพบกับยูยะที่ถูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วจัดเตรียมน้ำและขนมสามชุดไว้รออยู่ในห้องครัว ทำให้ยูริยิ้มกว้างด้วยความดีใจพร้อมลงนั่งที่เก้าอี้เตรียมพร้อม
“ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ” คานาโกะโค้งตัวแล้วเดินออกไปปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันสองคน
ยูยะทำตัวไม่ถูกเมื่อแม่นมคนสนิทเดินออกไป ร่างสูงมองยูริที่นั่งรออยู่ด้วยใบหน้าใสซื่อแล้วก็หัวเราะออกมา ทำให้ยูริซึ่งอารมณ์ดีอยู่แล้วยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีกเพราะเห็นคนตรงหน้าหัวเราะออกมาด้วยความร่าเริงอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นคนสูงกว่าไม่ยอมนั่งเสียทียูริจึงผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะดึงมือยูยะให้มานั่งที่เก้าอี้ของตน
“ คุณยูยะถูบ้านมาเหนื่อย เพราะฉะนั้นกินขนมก่อนเน้อะ ” ยูริพูดเสียงหวานจนยูยะแทบจะเคลิ้มตาม มือเล็กหยิบคุกกี้ก่อนจะส่งเข้าปากของอีกฝ่ายที่อ้าปากรอไว้ราวกับรู้หน้าที่ “ อร่อยไม๊ฮะ ”
ใบหน้าเรียวพยักหน้า
“ ของอร่อยๆยังมีอีกเยอะนะฮะ ” ยูริเอ่ยขึ้นมา “ คือ...จะวันเกิดคุณยูยะแล้ว...ผมอยากชวนไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน คุณยูยะพอจะว่างไปกับผมไม๊ ” ดวงตาหวานช้อนตามอง
“ เรียกยูยะสิ ” เสียงทุ้มบอก “ ได้ไม๊...ยูริ ”
แก้มกลมขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะสรรพนามที่ให้เรียกและถูกเรียกมานั้นถึงขั้นสนิทสนมกันอย่างมาก
“ ไม่ได้...เหรอ ”
“ งั้น...วันเกิดไปเที่ยวกับผมนะฮะ...ยูยะ ” ทันทีที่พูดจบยูยะก็โปรยยิ้มออกมาอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความดีใจ ที่คราวนี้ถูกส่งมอบให้ยูริเป็นคนแรก
ยูยะพยักหน้าตอบรับก่อนจะแกล้งพูดเบาๆให้ยูริโน้มตัวเข้ามาหา
“ อะ...อะไร-- ” ทันทีที่โน้มตัวลงมามากพอก็ถูกยูยะประกบปากเข้าด้วยกัน ถึงจะเป็นเพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน แต่ก็ทำให้หัวใจของยูริเต้นแรงขึ้นมาได้มากพอสมควร นี่เป็นสิ่งเดียวที่คนพูดไม่เก่งอย่างยูยะจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อยูริได้
“ ขอโทษ ” ยูยะพูดขึ้นทันทีที่ถอนริมฝีปากออก
ยูริหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิม
“ วันนี้วันเกิดฉัน ” ยูยะพูดเบาๆออกมาพลางกระชับมือของยูริไว้แน่นราวกับกลัวบางสิ่งบางอย่างพรากมือเล็กๆนั่นให้ลอยห่างออกไปกว่าเดิม
แสงสว่างที่เขาได้รับ
ความอบอุ่นที่เขาโหยหา
เขาไม่อยากจะให้หลุดจากไปอีกครั้ง
“ จะเลี้ยงเองนะ ”
ยูริยิ้มกว้างพร้อมกำชับมือหยาบแน่น
ยูยะที่ไม่ได้ออกมาจากข้างนอกนานกลับรู้จักร้านอาหารในย่านนี้ดีกว่ายูริเสียอีก ทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูที่ต้องต่อคิวกันเข้า ร้านอาหารฝรั่งเศษที่ต้องใส่สูทและจองร้าน ร้านอาหารอิตาเลียนที่รสชาติดีเยี่ยมตติดอันดับแมกกาซีนร้านอาหารยิดนิยม แม้กระทั่งร้านอาหารจานด่วนธรรมดาๆสำหรับพนักงานบริษัท
สรุปแล้วทั้งคู่ก็เข้าร้านอาหารจานด่วนเพราะยูริไม่อยากรบกวนยูยะมากเกินไป
เมื่อรับประทานเสร็จก็พากันไปสวนสนุกบ้าง ไปร้านขนมหวานเพื่อซื้อเค้กก้อนโตกลับไปฝากคานาโกะซึ่งรออยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเข้ายามเย็น
“ จะไปส่ง ” ยูยะพูดสั้นๆ
“ เอ๊ะ...ไม่เป็นไรหรอกฮะ เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้วนี่ก็ยังไม่มืดเลย บ้านยูยะไกลกว่าอีกนะฮะ ” ยูริรีบปฏิเสธ “ เดี๋ยวกลับช้าคานาโกะซังที่รออยู่ที่บ้านคงเป็นห่วงแย่เลย เพราะฉะนั้นแยกกันตรงนี้ก็ได้นะฮะ ”
เป็นอีกครั้งที่ยูยะไม่สามารถพูดแทรกเด็กคนนี้ได้
“ ถ้างั้นวันพรุ่งนี้ผมจะรีบไปนะฮะ จะได้ทานเค้กกันสามคน ” ร่างเล็กบอก สายตาจับจ้องไปยังเค้กที่ยูยะถือไว้ในมือ
“ ตัวประกัน ” ร่างโปร่งหยอดมุขใส่ เพราะเขาคิดว่าถ้ามีเค้กนี่อยู่ที่บ้านยังไงยูริก็คงมาอยู่แล้ว
ยูริหัวเราะร่วนออกมาก่อนจะเดินแยกจากไป แล้วหันกลับมามองยูยะที่ยังคงโบกมือลาอยู่
ขณที่ยูริเดินกลับไปได้สักพักจู่ๆก็มีรถตำรวจวิ่งผ่านหน้าเขาไป บรรดาแม่บ้านที่ยืนคุยกันระหว่างทางกลับมาจากซุปเปอร์มาเกตก็คุยกันอย่างออกรส
‘ จำเด็กบ้านนั้นได้ไม๊ที่ว่าไม่ปกติน่ะ ’
‘ อ้อ...ที่บ้านเค้ามีปัญหากันระหว่างลูกชายกับพ่อของเขาน่ะเหรอ ’
‘ แต่ได้ยินว่าแยกกันอยู่ แล้วลูกชายเอาแต่เก็บตัว ’
‘ เมื่อกี้ฉันยังเดินสวนทางอยู่กับเขาเลย แปลกมาก ’
“ อะไรแปลกเหรอฮะ ” ยูริอดไม่ไหวที่จะเข้าไปขัดเหล่าแม่บ้านที่กำลังคุยถึงบุคคลที่เขารู้จัก “ ยูยะมีอะไรแปลกเหรอฮะ ” เขาถามออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเหล่าหญิงสาวที่ป้องปากคุยกันต่อ
“ จิเนนคุงนี่เอง ” ป้าคนนึงแกล้งทำเป็นพึ่งเห็น “ เมื่อกี้เห็นเดินกับทาคาคิซัง...แยกกันมาแล้วเหรจ้ะ ”
ยูริพยักหน้าเพราะไม่อยากสาวความยาวมาก
“ แล้วทำงานที่บ้านทาคาคิเห็นยังไงบ้างจ้ะ ” ป้าอีกคนถามขึ้นมา
“ ก็ยูยะใจดีมากๆเลยฮะ ” ยูริตอบตามความเป็นจริงที่รู้สึก แต่ดูเหมือนเหล่าป้าแม่บ้านจะทำหน้าเหลือเชื่อ
“ ถ้าอย่างนั้น...จิเนนคุงตั้งใจฟังที่ป้าจะบอกดีๆนะ ” แม่คนแรกเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับจับบ่าของยูริไว้แน่น “ เมื่อกี้มีคนไปช่วยเด็กที่กำลังจะถูกรถชน-- ”
ยูริพยายามตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“ เด็กปลอดภัยดี แต่ว่าคนช่วย...ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ” แม่บ้านอีกคนพูดแทรกขึ้นมา “ ป้าเห็นหน้าแล้วคุ้นๆเหมือนจะเป็นทาคาคิ-- ซัง ”
ร่างเล็กแทบอยากจะทรุดตัวลงไปกับพื้นให้ได้เสียเดี๋ยวนั้น แต่ขากลับไวกว่า พาเจ้าตัววิ่งกลับไปทางเดิมที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆจนยูริไม่มีเวลาที่จะสนใจวิ่งหลบ
หัวใจของเขามันร้อนรนเสียยิ่งกว่ามีกองไฟมาจุดเผาพร้อมกับเจ็บแปลบน้อยๆ ดวงตาจ้องมองเขม็งไปยังทางที่วิ่งไป มืออันแสนเย็นเฉียบเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อผุดขึ้นมาประปรายจากความเหนื่อยหอบและร้อนใจ
ภาพตรงหน้าคือคนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณแม่วัยยังสาวกำลังโอบกอดปลอบลูกตัวน้อยที่ร้อไห้ตัวโยน ยูริพยายามเดินเข้าไปใกล้ให้ได้มากที่สุดเพื่อจะสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ คะ..คุณน้า ” ยูริเรียกด้วยเสียงสั่นๆ เมื่อหญิงสาวหันกลับมาจึงเปิดฉากถาม “ ลูกคุณน้า..ไม่เป็นไรใช่ไม๊ฮะ ”
หญิงสาวพยักหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“ แล้วคนที่ช่วย-- ” เสียงของคนตัวเล็กหยุดไปอยู่แค่นั้น เมื่อหันไปตามทิศทางที่คุณแม่ยังสาวมองไป
รอยเลือดสีแดงฉานดั่งดอกกุหลาบวันแห่งความรักที่ถูกบดขยี้เลอะเทอะไปทั่ว เปรอะเป็นทางยาวตั้งแต่ขอบถนนลากพาดผ่านไปจนถึงกลางถนน รอยล้อรถเหยียบทับกองเลือดแล้ววิ่งผ่านไปยังคงเห็นเด็ดชัดอยู่ ร่างของคนที่คุ้นเคยนอนอยู่บนถนนด้วยท่าทางแปลกๆ เสื้อสีขาวกลับชุ่มไปด้วยโลหิตที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด กางเกงสแลคสีดำขาดวิ่น มือข้างนึ่งยังคงกำถุงใส่กล่องเค้กไว้แน่น ทว่าเค้กก็กลับหายไปจากกล่อง
ยูริเดินมุ่งหน้าไปหาอย่างช้าๆท่ามกลางสายตาคนโดยรอบที่มองอย่างสงสาร แต่ภายในดวงตาของยูรินั้นกลับเข้มแข็งและดูแน่วแน่
ร่างบางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ ยูยะ-- ” เสียงสั่นๆเรียกคนเจ็บให้ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เคยมอบให้ “ จะ...เจ็บ...มากไม๊ ” ยูริถามอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ในใจแล้วก็เจ็บปวดมากพอกัน
สำหรับยูยะ...ถึงแม้เขาจะได้รับความรักจากพ่อแม่ แต่หลังจากวันที่แม่เสียไป เขาก็ไม่เคยได้รับมันอีก พ่อที่เคยรักเขา เอ็นดูเขากลับกลายเป็นเหมือนเรื่องโกหกในชั่วพริบตา หลังจากที่พ่อทิ้งเขาไปแล้ว เขาก็เลยปิดใจ ไม่ยอมให้ใครได้รับรู้ความรู้สึกของเขาอีก เขาไม่ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้อีกต่อไป
“ ยะ...ยูริ ละ...ลืม บอก-- ยูยะ ” ยูริเริ่มสะอื้นทั้งๆที่ไม่มีน้ำตา แต่ดวงตาคู่สวยกับแดงระเรื่อเพราะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ สุขสันต์วันเกิดนะ... ” มือบางดึงมือของอีกฝ่ายมาจับไว้แน่นก่อนจะแนบเข้ากับใบหน้าซึ่งขาวซีดของตน พร้อมกับร้องเพลงวันเกิดให้
“ ขอบคุณ ” ยูยะหลับตาพูดออกมาดังราวเสียงกระซิบเมื่อฟังเพลงจนจบ จนยูริต้องแนบใบหน้าของตนกับแก้มของอีกฝ่าย “ บอก...ยูริ ”
เสียงของยูยะขาดหายเป็นช่วงๆ พร้อมกับไอเบาๆ ทว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่าง
“ รัก...ยูริ ” ถ้อยคำบอกรักของยูยะ ถึงแม้จะสั้นและห้วน แต่น้ำเสียงที่พยายามเปล่งออกมานั้น มันช่างอบอุ่นเหลือเกินสำหรับยูริ ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความใกล้ชิดสามารถทำให้รับรู้ได้ถึงเรื่องราวดีๆที่มีต่อกันได้มากมาย “ มี-- ความสุข ” ยูยะปรารถนาแค่จะให้มีใครสักคนได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขา ขอเพียงแค่นั้น
“ พรุ่งนี้...จะไปกินเค้กที่บ้านนะ ” ยูริบอก ดวงตาสวยรื้นไปด้วยน้ำตา
ยูยะพยักหน้าอย่างอ่อนแรงพร้อมกับปิดเปลือกตาลง
มือหนาคลายออกจากมือเล็กๆที่พยายามบีบไว้แน่น และตกลงข้างตัว
คอหนาตกลงในท่าที่แปลกประหลาด เหมือนกับว่าเผลอหลับไปชั่วขณะหนึ่ง
ดวงตาคมช้ำไปด้วยแรงกระแทกเริ่มขึ้นสีคล้ำขึ้นมา
ทว่าริมฝีปากกลับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนราวกับจะช่วยปลอบโยนยูริ
“ แล้วพรุ่งนี้...ยูริจะกินเค้กกับใคร ” ร่างบางร้องไห้ออกมาโฮอย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน
รอยยิ้มนั่นฉันขอจะจดจำมันไว้ตลอดไป
“ แล้วใครจะช่วยยูริทำงานบ้านล่ะ ” หยาดน้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงอย่างไม่ขาดสาย
มืออันอบอุ่นคู่นี้ฉันของจะกอบกุมจนวินาทีสุดท้าย
“ แล้วจากนี้ไป...ยูริจะไปบ้านหลังนั้นทำไม ” ดวงตาแดงจัดจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง
คำพูดแสนหวานนั่นจะหล่อหลอมหัวใจของฉันขึ้นมาใหม่
“ ตื่นก่อนสิยูยะ!!! ” ร่างเล็กกรีดเสียงร้องออกมา “ ยูริ...รักยูยะนะ... ”
ความรักที่ยูยะไม่เคยมีให้ใครมากก่อน จะจบลงอยู่ตรงนี้ กับคนคนนี้ ซึ่งเป็นทั้งคนแรกและคนสุดท้าย
ไม่หวังจะหวนกลับคืนมา
แค่อยากจะให้มีใครบางคนคอยจดจำ
ทั้งชื่อ ทั้งเรื่องราว ทั้งความฝัน ความเป็นไป
ขอเพียงแค่นี้...มันจะมากเกินไปหรือเปล่านะ
ตอนนี้....เขามีค่ามากพอที่ควรจะจดจำแล้วหรือยัง
~fin~
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
HBD Takaki Yuya 03.26th
ฟิคเรื่องนี้ปั่นเร็วสุดๆในประวัติศาสตร์ค่ะ แบบว่าเฮ้ยจะวันเกิดคุณยูยะแล้ว
พล็อตๆๆๆๆ เขียนๆๆๆๆ ลงเลย ตู้ม!!!!
สั้นไปหน่อย และก็อาจจะรวบรัดไปนิด แต่ก็พยายามเข็นมาลงให้ทันค่ะ
อาจจะมีคนถามว่าจบแบบนี้อีกแล้วจะดีเหรอ วันเกิดยูยะเชียวนะ
ขอตอบเลยว่าจุนคิดตอบจบออกมาได้ก่อนเริ่มเนื้อเรื่องซะอีกค่ะ
ยังไงก็ต้องจบแบบนี้ค่ะ ถึงเรื่องนี้ยูยะจะน่าสงสารไปนิดนึง
แต่ขอบอกได้เลยว่า เขาจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปค่ะ
ชอบเขียนแต่เรื่องเศร้าๆ...orzlll ไม่รู้ทำไมเหมือนกันค่ะ
เดือนหน้ามีทั้งวันเกิดคุณเคต ริวจัง ไดจัง... สามคนในหนึ่งเดือน
แล้วแบบนี้จะได้อัพเรื่องยาวไม๊เนี่ยยยยยยยย TvT โหดร้ายค่ะ
ปล. จะครบรอบหนึ่งปีที่เขียนฟิคแล้ว~ เรื่องแรกก็เรื่อง My present นี่ล่ะค่ะ
จะเขียนตอนต่อเลยดีไม๊คะเนี่ย???
ความคิดเห็น