คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [NakaYama]--WHO???--
WHO???
รูปร่างที่ดูคุ้นตาราวกับเคยสัมผัสอยู่ทุกเมื่อ
มืออันแสนอบอุ่นที่คอยกอบกุมไปทุกที่
ใบหน้าที่เคยมักจะจ้องมองอยู่ทุกวัน
รอยยิ้มราวกับแสงตะวันที่ทำให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้
ทุกๆอย่างช่างดูคุ้นตาไปเสียจนหมด แต่ทว่ากลับนึกไม่ออกไปมากกว่านี้ทั้งชื่อ นามสกุล หรือความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้กันมาก่อน เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาขวางกันไม่ให้นึกออก ยามใดที่ภาพแห่งความทรงจำเริ่มแจ่มชัด มักจะมีหยดน้ำมากมายราวกับสายฝนที่โหมกระหน่ำลบเลือนภาพนั้นออกไป
พอรู้สึกตัวอีกที ขอบตาทั้งสองก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
อาจจะเป็นน้ำตา ที่ทำให้ไม่สามารถเรียกภาพเดิมๆกลับมาได้
ทว่าเมื่อพยายามลืม กลับกลายเป็นยิ่งจำและยิ่งตอกย้ำมากขึ้นกว่าเดิม
เด็กน้อยสองคนกำลังพูดกระซิบกระซาบกันอยู่ราวกับกลัวใครบางคนจะได้ยิน
“ นี่ๆเรียวจัง-- ” เด็กน้อยคนสูงกว่าเรียกออกมา “ โตขึ้นเรียวจังต้องเป็นเจ้าสาวของฉันนะ ”
อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นจึงเบ้ปากด้วยความไม่พอใจขึ้นมา “ ได้ยังไงล่ะ ฉันเป็นผู้ชายนะ ยังไงก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวสิ!! ”
แต่เด็กชายอีกคนไม่ยอมเถียงกลับไปด้วยความเร็วว่า “ ก็เรียวจังน่ารักกว่าฉันนี่นา ต้องเป็นเจ้าสาวของฉันสิถึงจะถูก ฉันต้องเป็นเจ้าบ่าว เพราะฉันหล่อกว่านะ ”
เด็กใบหน้ากลมทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง “ ก็ได้ถ้าฉันเป็นเจ้าสาว โตะรินต้องสัญญากับฉันว่าต้องเป็นเจ้าบ่าวนะ ห้ามลืมเด็ดขาดนะ ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารัว
“ ห้ามหนีหายไปไหนด้วย--!! ถ้าโกหกต้องกินเข็มพันเล่มนะ ” เสียงหวานพูดข่มขู่ขึ้นมา อีกฝ่ายชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวพร้อมกับสัญญาที่จะจดจำตลอดไป
“ เรียกชื่อฉัน...แล้วฉันจะไปอยู่ข้างๆนายเอง ”
ท้องฟ้าสีดำสนิทๆเริ่มถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองที่ถักทอมากจากพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมาจากขอบฟ้า เมฆสีครึ้มต่างพากันหลบทางให้ แต่ไม่นานแสงจ้าของดวงตะวันก็ถูกบดบังด้วยตึกสูงระฟ้าซึ่งตั้งตระหง่านดั่งกับของเล่นของเด็กน้อย นี่เป็นบรรยากาศของทุกๆวันในเมืองหลวง
ทาวเฮ้าส์หลังหนึ่งมุงหลังคาด้วยสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล บ้านหลังนี้ถูกซื้อมาในราคาถูกๆ แต่ถ้าดูจากสภาพภายนอกก็ไม่อาจสามารถรับรู้ได้เลย พอเข้าไปข้างในก็จะรู้ได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดบ้านหลังนี้ราคาถูกมาก
ทั้งแคบทั้งเหม็นอับ อีกทั้งยังมีปัญหาในด้านท่อน้ำประปาอีกด้วย ยังไม่นับฝ้าที่มักจะรั่วเวลาฝนตก ต้องคอยหาถังน้ำมารองกันแทบไม่ทัน แต่ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีปัญหาแล้ว เหลือเพียงท่อน้ำที่มักจะแตกเสมอๆในเวลาคับขัน
“ อ๊า!! เคย์-- ท่อน้ำแตกอีกแล้ว ” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นระหว่างอาบน้ำอยู่ จนต้องคว้าผ้าขนหนูผืนน้อยพันรอบเอวก่อนจะเปิดประตูตะโกนลงไปบอกรุ่นพี่รุ่นน้องของตนที่กำลังทำรออยู่ข้างล่าง
“ อาบน้ำเสร็จหรือยังล่ะ ” เสียงนุ่มๆถามกลับขึ้นมา “ อาบให้มันเสร็จก่อนฉันถึงจะขึ้นไปซ่อม เดี๋ยวเป็นแบบคราวที่แล้วอีก ”
คราวที่แล้วที่ว่าคือวันแรกๆของการที่น้องชายของเคย์ย้ายเข้ามาใหม่ๆ ตอนนั้นร่างบางก็ตะโกนเรียกเคย์ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายรีบวิ่งแจ้นขึ้นมาเปิดประตูห้องน้ำโดยไม่บอกกล่าว ร่างเล็กแทบจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาปกปิดร่างกายแทบไม่ทัน ผิวขาวๆราวกับน้ำนมนั่นทำให้เคย์กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่
สายน้ำใสๆจากท่อน้ำที่แตก(พุ่งแรง)เข้าไปเต็มๆหน้าเคย์พร้อมกับเสียงร้องของเรียวสุเกะที่ดังขึ้นอย่างเป็นห่วงเรียกสติเคย์กลับคืนมาได้ชงัก
นั้นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์น่าระลึกใจเหลือเกิน(สำหรับเคย์)
เคย์ค่อยๆเดินขึ้นไปบนชั้นสองก่อนจะพบใบหน้ากลมที่โผล่ออกมาห้องของตัวเองแล้วยิ้มหวานมาให้ “ รบกวนซ่อมห้องน้ำให้ด้วยนะ ขอบคุณฮะ ”
“ เอ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิ เรียวสุเกะ ”
ไม่นานสองพี่น้องก็ก้าวออกมาจากบ้านด้วยสภาพที่โดนน้ำกระเซ็นกันมาคนละนิดคนละหน่อยเพราะต้องซ่อมท่อน้ำก่อนออกมาจากบ้าน เขาทั้งสองคนคงไม่ปรารถนาให้บ้านกลายเป็นทะเลสาบเวลากลับมาตอนเย็นเท่าไรนัก
ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยเคย์เข้ามาอยู่ที่โตเกียวก่อนเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตอนแรกเขาก็มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ แต่อยู่ไปอยู่มาก็มีชายคนนึงที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหนี้ของคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้มาหาที่บ้านพร้อมกับบอกว่าเขาจะขายให้ในราคาถูกๆ พอเคย์ถามถึงเจ้าของคนก่อนหน้าก็ได้รับคำตอบว่าหายสาบสูญไปแล้ว เขาจึงยอมซื้อต่อบ้านหลังนี้มา (อยู่ไปนานๆเข้าก็ไม่เห็นเจ้าของคนเดิมกลับมา จนเคย์คิดว่าคงหายสาบสูญจริงๆ)
พอผ่านมาได้ปีกว่าๆพ่อของเขาก็ติดต่อมาว่าจะส่งเรียวสุเกะมาเรียนต่อ พอถามถึงคุณพ่อกับคุณแม่ของเจ้าตัวก็ได้รับคำตอบแบบเดิมว่าหายสาบสูญไปเหมือนกัน จนเคย์แอบคิดไม่ได้ว่าเขาควรจะเรียนด้านพลังเหนือธรรมชาติดีหรือไม่
ตอนนี้ก็ผ่านมาไม่กี่เดือนที่เรียวสุเกะได้ย้ายมาอยู่กับเขา มีปัญหาเล็กน้อยก็ตรงที่ดูเหมือนน้องชายของเขาจะมีปัญหาอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่โรงเรียน แต่ซักเท่าไรๆก็บอกแค่ว่าตนซุ่มซ่ามเอง
ในที่สุดทั้งคู่ก็แยกกันตรงทางแยก โดยเคย์จะไปตรงรถไฟเพื่อไปมหาวิทยาลัย ส่วนเรียวสุเกะจะเดินไปหารุ่นพี่ที่สนิทและเป็นรุ่นน้องของเคย์ที่เคยรู้จักกันที่นัดไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวัน
“ วันนี้ก็เปียกอีกตามเคยนะยามะจัง ” รุ่นพี่ที่ยืนรออยู่พบกับสภาพของเรียวสุเกะที่มักจะต่อสู้กับท่อน้ำทุกวันจนเป็นเรื่องที่ชินตาไปเสียแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอย่างขำๆเสียไม่ได้ “ ฉันว่าคราวหลังให้พ่อฉันไปซ่อมให้ดีกว่านะ ” พ่อของเขาเป็นช่างประปาผู้ยิ่งใหญ่ในเขตนี้เลยทีเดียว
“ ไม่ดีกว่า รบกวนคุณพ่อไดจังออก ” เรียวสุเกะพูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ อีกอย่างถ้าพอได้รบกวนไปแล้วเรื่องนึง เดี๋ยวเรื่องอื่นๆก็จะตามมาอีก เขาไม่อยากรบกวนไดกิไปมากกว่านี้
“ ถ้างั้นไปโรงเรียนกันดีกว่านะ ” ไดกิขยี้หัวรุ่นน้องด้วยความเอ็นดูก่อนจะพากันไปโรงเรียน
ทันทีที่เรียวสุเกะเดินพ้นธรณีประตูโรงเรียนเข้ามา นักเรียนเกือบจะทุกคนก็แทบจะหันกันมามองร่างเล็กนั่น เรียวสุเกะๆได้แต่เดินก้มหน้างุดหนีจนไดกิต้องตบบ่าเบาๆเพื่อเรียกกำลังใจกลับมา
ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนรองเท้าที่ล็อกเกอร์นั่นเอง ไดกิก็รีบพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงตัวของเรียวสุเกะมาข้างกาย
“ อะไรเหรอไดจัง ” เสียงหวานถามอย่างงุนงง
ไดกิมองใบหน้าซื่อด้วยความเอือมระอา “ ถ้าโดนแกล้งแบบเมื่อวานอีกจะทำยังไง ”
เหตุผลสำคัญที่ทำให้เคย์ต้องฝากน้องชายตัวเองไว้กับไดกิ รุ่นน้องของเขาเพราะเรียวสุเกะมักจะถูกแกล้งเสมอ ด้วยอาจจะเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนนึงหรือว่าเป็นเด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามากลางเทอม แต่ไม่ว่าเหตุผลใดเขาก็พยายามที่จะปกป้องเรียวสุเกะเต็มที่
ไดกิเปิดล็อกเกอร์ออกช้าๆ ทว่าก็ไม่มีอะไรผิดปกติโผล่ออกมา เรียวสุเกะจึงเดินออกมาจากข้างหลังรุ่นพี่ของตนก่อนที่จะไปยืนหน้าล็อกเกอร์
จู่ๆน้ำเหนียวสีแดงสดก็พุ่งปรี๊ดออกมาฉีดเข้าเต็มๆหน้ากลม มือทั้งสองข้างปัดป้องความแรงของน้ำ ดวงตาหลับตาแน่นเพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าตา เรียกเสียงหัวเราะครืนได้จากบรรดานักเรียนรอบข้าง จนไดกิโมโหแทบจะทุบบล็อกเกอร์ให้พังเลยทีเดียว
“ หัวเราะทำไม! อยากโดนหักคะแนนนักหรือไง ” ไดกิตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธจนทำให้นักเรียนคนอื่นๆพากันเงียบกริบ เขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นเพราะอยู่ในคณะกรรมการนักเรียน แต่อันที่จริงก็แค่ขู่เท่านั้นเอง
มือหนึ่งลากตัวเรียวสุเกะออกมาให้พ้นรัศมีของการฉีดน้ำที่ในที่สุดก็หยุดลงไปเพราะมืออีกข้างของไดกิผลักบานล็อกเกอร์ปิดลง
ทั้งสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง แต่จู่ๆเรียวสุเกะก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบงัน
“ อ๊ะ แย่จังเลย ” เสียงสั่นๆของเรียวสุเกะดังขึ้นมาจนไดกิแอบใจสั่นไปด้วยไม่ได้ “ เดี๋ยวก็ไปไม่ทันเวรหรอกไดจัง เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพยาบาลเองก็ได้ไม่ต้องห่วงนะ ”
“ แต่ว่า... ” ไดกิพยายามจะขัดแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวสีแดงจึงต้องยอม พร้อมกับเสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังของตนเพื่อเรียกไปทำเวร
“ รุ่นพี่อาริโอกะ...ไปกันได้แล้วครับ ”
สองในคณะกรรมการซึ่งสูงโปร่งราวกับนายแบบเดินมาคู่กัน คนหนึ่งตาตี่ผมชี้ ส่วนอีกคนใบหน้าเรียวดวงตาโตกว่าแต่เรียวเล็กน้อยจ้องมองเขม็งมายังเรียวสุเกะ
“ เดี๋ยวสิโอคาโมโตะคุง! ยามะจังน่ะ... ” ไดกิพูดได้แค่นั้นแล้วเหลือบมองไปยังเรียวสุเกะที่มองมายังเด็กหนุ่มที่ไดกิเรียกว่าโอคาโมโตะ
“ อ๊ะ...อีกแล้วเหรอ ขอโทษนะเดี๋ยวฉันจะจับคนร้ายตัวจริงให้ได้เลย ” เคย์โตะพูดออกมาอย่างอ่อนโยนจนเรียวสุเกะถึงกับเคลิ้มไปได้เลยทีเดียว “ ถ้างั้นให้ยูโตะไปเป็นเพื่อนก็ได้ หมอนี่ไม่ใช่เวรวันนี้ ”
ไดกิพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเดินไปกับเคย์โตะ โดยยังกำชับให้เพื่อนของอีกฝ่ายช่วยดูแลรุ่นน้องสุดที่รักของตน
“ นาคาจิมะคุง...ฝากด้วยนะ ”
เรียวสุเกะแหงนมองคนข้างๆที่พยักหน้าเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“ ใส่ชุดนี่ไปก่อนนะ แล้วก็นี่ผ้าเช็ดตัว ส่วนเสื้อผ้าที่เลอะวางไว้หน้าห้องน้ำนั่นล่ะ ” ยูโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆจนเรียวสุเกะอดที่จะหดตัวลงไปไม่ได้ “ ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ หรือไม่อยากถอดเอง ”
“ ม่ะ-- ไม่ ขอบใจนะ เอ่อ...ขอโทษนะ ” เรียวสุเกะรีบคว้าของทุกอย่างที่อีกฝ่ายยื่นมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ยูโตะยืนมองด้วยสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เมื่อเสียงประตูปิดลงเขาก็กระตุกยิ้มออกมา
ทางด้านเรียวสุเกะที่วิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อเห็นสภาพของตัวเองถูกย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงก็ยิ้มออกอย่างอ่อนระโหยให้กับความอ่อนแอไม่ได้เรื่องของตนเอง
นี่เป็นการแกล้งที่เขาคิดว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยโดนมา แรกๆก็แค่โดนขโมยของเอาไปซ่อน ต่อมาก็โดนขโมยโต๊ะบ้างเก้าอี้บ้าง แล้วหลังจากนั้นก็ดูเหมือนคนแกล้งจะขี้เกียจจนกระทั้งเมื่อวานมีคนเอาตุ๊กตาแปลกๆมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์ พอเรียวสุเกะเปิดออกมาก็พุ่งเข้าชนหน้าหวานจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่าด้วยความตกใจกลัว
แต่วันนี้ที่โดนเล่นซะขนาดนี้เขาคิดว่าคงไม่ใช่การกลั่นแกล้งจากคนคนเดียวกันอย่างแน่นอน
“ ยามาดะ! เสร็จหรือยัง ” ยูโตะเรียกแล้วเคาะประตูรัว เรียวสุเกะจึงรีบแต่งตัวอย่างไม่คิดชีวิตเพราะกลัวคนข้างนอกจะโมโหเอาเสียก่อน
เรียวสุเกะสวมชุดพละอันหลวมโพรกของยูโตะอยู่จึงทำให้ตัวเล็กลงไปถนัดตา เขาสังเกตเห็นถึงสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจนทำให้อดจะขนลุกซู่ขึ้นมาได้ แต่เหมือนยูโตะจะรู้ว่าเรียวสุเกะเห็นอาการของตนจึงกระแอมเบาๆแก้เขินและเดินหันหลังไปเพื่อปิดบังใบหน้าที่แดงระเรื่อของตน
“ จะไปไหน...มาคุยกันก่อนสิ ” เสียงต่ำเรียกเรียวสุเกะที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับฉุดข้อมือบางจนร่างบางมานั่งบนตักแข็งๆของตน แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ “ ไว้ใกล้ๆโฮมรูมค่อยเข้าก็ได้ ฉันไปส่งไม่มีปัญหาแน่นอน ”
เรียวสุเกะขืนตัวออกจากอ้อมกอดกลายๆของคนคนนี้ ทว่าดิ้นเท่าไรแขนแกร่งก็ยิ่งโอบรัดมากขึ้นเท่านั้น จนต้องเปิดปากอ้อนวอน “ ยะ...อย่านะ ปล่อยฉันเถอะ ”
จู่ๆใบหน้าของยูโตะก็ไปซ้อนทับกับภาพของคนในอดีตที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก ทั้งที่คิดว่าคนคนนั้นคือเคย์โตะแท้ๆ เขาจะได้กลับมาทวงคำสัญญานั้น แต่ในใจกลับสับสนอย่างมาก ความรู้สึกโหยหาถึงเคย์โตะตลอดมา ตั้งแต่ตอนที่ย้ายมาไม่กี่เดือนพอเห็นร่างหนาครั้งแรกก็คิดว่าต้องเป็นคนคนนี้ทันที ทว่าภาพของยูโตะกลับซ้อนทับกับเด็กชายในอดีต อดีตที่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่
“ อย่าร้องไห้สิ ” ยูโตะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกอย่างเบามือ “ เกลียดฉันถึงขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน ”
เรียวสุเกะส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่ได้เกลียดยูโตะเลย เพียงแค่กลัวเฉยๆ
“ ฉันรู้นะ...ความลับของนายน่ะ ”
เรียวสุเกะตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา ยูโตะพอใจที่เห็นอาการแบบนั้นจึงพูดต่อ
“ นายรักเคย์โตะใช่ไม๊ล่ะ ” ทั้งๆที่พูดได้ตรงกับใจของเรียวสุเกะ แต่ร่างเล็กไม่มีทางรู้หรอกว่ากว่าที่ยูโตะจะตัดสินใจพูดประโยคนี้ออกมาได้ หัวใจของเขานั้นสั่นไหวมากถึงเพียงใด
ยิ่งเมื่อเห็นเรียวสุเกะพยักหน้าตอบรับ เขาก็ยิ่งเจ็บใจ
คนตัวเล็กกว่านั่งร้องไห้บนตักแข็งนิ่งไม่พูดอะไรออกไปจนกระทั่งเสียงกระดิ่งเริ่มสัญญาณเรียนดังขึ้น เรียวสุเกะก็รีบวิ่งหายออกไปจากห้องทันที
หลังจากวันนั้นเรียวสุเกะก็หลบหน้ายูโตะตลอดมา เพื่อที่จะได้เก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไปและจะได้ไม่รู้สึกแปลกๆอะไรอีกกับยูโตะ
ทว่าเขากลับโดนแกล้งหนักขึ้นทุกวัน และทุกๆครั้งยูโตะก็จะเป็นคนช่วยเขาไว้เสมอ แล้วเขาก็ต้องหลบหน้าเสอมทุกครั้งไป จนกระทั่งไดกิยังอดสงสัยกับพฤติกรรมที่แปลกไปของรุ่นน้องไม่ได้
“ ช่วงนี้ยามะจังแปลกๆไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า ” ไดกิถามขึ้นมาระหว่างช่วงพักเที่ยง ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่สวนหน้าตึกเรียน “ วันนั้นนาคาจิมะคุงทำอะไรนายหรือเปล่า ”
“ ปละ...เปล่า ”
“ อย่ามาปฏิเสธเลยนะ รุ่นพี่เคย์เองก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย เมื่อวานก็โทรมาหาฉันบอกว่านายดูเหม่อๆเศร้าๆมาหลายวันแล้ว ” ไดกิบอกความจริงไป “ มีอะไรก็ต้องบอกกันสิ ถึงจะไม่เป็นห่วงตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่ว่าคนอื่นเขาก็เป็นห่วงอยู่นะ ”
เรียวสุเกะปล่อยโฮออกมาทั้งๆที่มือถือขนมปังสตรอเบอร์รี่อยู่ ไดกิลูบหัวเบาๆเพื่อปลอบโยนคนที่เด็กกว่าเพราะรู้ดีว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เด็กน้อยผู้แสนเปราะบางนี้หยุดร้องไห้ได้ และก็ได้ผลทุกครั้งตลอดมา เมื่อหยุดร้องไห้เรียวสุเกะจึงยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันนั้นให้ฟัง รวมถึงเหตุผลที่หลบหน้ายูโตะ รวมทั้งความรู้สึกของตนที่ดูเหมือนจะคิดว่าเคย์โตะคือคนในความทรงจำ
“ สรุปว่าความรู้สึกของนายคิดว่าเป็นโอคาโมโตะคุง แต่ว่านาคาจิมะคุงดันไปเป็นภาพซ้อนกับความทรงจำของยามะจัง ทั้งๆที่โอคาโมโตะคุงเองไม่เคยซ้อนทับกับภาพนั้น ” ไดกิลองเล่าตามที่ตนเข้าใจ “ ใช่ไม๊.... ”
“ อื้อ ”
“ โธ่เอ้ย...เรื่องแค่นี้เอง ” ไดกิพูดราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สำหรับเรียวสุเกะแล้วก็ยังสับสนอยู่ดี รุ่นพี่แอบขำกับอาการของคนเด็กกว่าจึงพูดออกมา “ ลองเปิดใจให้กว้าง...แล้วจะเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเอง ”
“ เปิดใจ... เข้าใจความรู้สึกเหรอ... ” เรียวสุเกะทวน
เมื่อเสียงกระดิ่งบอกสัญญาณว่าหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว ไดกิก็รีบขอตัวกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็วปล่อยให้เรียวสุเกะนั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา แล้วเดินไปเข้าเรียนอย่างงงๆ
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน เรียวสุเกะพุ่งไปหาเคย์โตะซึ่งหน้าอยู่หลังห้องอย่างรวดเร็ว แล้วลากออกมานอกห้องภายใต้สายตาที่จ้องเขม็งมองมาอย่างไม่รู้ตัว
ร่างหนาเดินตามหลังมาโดยไม่พูดอะไร จนกระทั้งเรียวสุเกะหันมาเผชิญหน้าด้วย
“ มีอะไรหรือเปล่ายามาดะ ” เสียงทุ้มแต่อ่อนโยนถามขึ้นมา ทำให้เพิ่มความกล้าให้เรียวสุเกะมากขึ้น
“ โอคาโมโตะคุงจำสัญญาตอนเด็กๆได้ไม๊ ”
เคย์โตะเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ จำไม่ได้เหรอ ”
“ ขอโทษนะ แต่ตอนเด็กๆฉันอยู่ต่างประเทศน่ะ ” เคย์โตะพูดเรียบๆออกมา
“ งั้นเหรอ... ” เรียวสุเกะพยักหน้าอย่างเข้าใจ งั้นก็แสดงว่าอีกคนนึงก็ต้องเป็นเด็กชายในความทรงจำของเขาอย่างแน่นอน “ ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆออกไปนะ ”
คนสูงกว่ายิ้มออกมาแล้วยกมือลูกศีรษะทุยเบาๆ ก่อนจะขอตัวไปประชุมกรรมการนักเรียนต่อ โดยกำชับนักกำชับหนาว่าให้เรียวสุเกะรีบกลับ เพราะตอนนี้เหลือเพียงแค่ระดับชั้นของเขาเท่านั้น นอกนั้นก็เลิกเรียนกลับไปกันไปเกือบหมดแล้ว
เรียวสุเกะเดินกลับไปที่ห้องอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาสามารถหาคนในความทรงจำนั้นเจอแล้ว
ร่างโปร่งเพรียวคุ้นตายืนเด่นอยู่กลางห้องยิ่งทำให้คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว่าเข้าไปอีก ไม่รอช้าเรียวสุเกะรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ นี่ๆ นาคาจิมะคุง ” เสียงเรียกเบาๆแต่ก็ดังพอให้ยูโตะหันกลับมามองด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ซักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหยียดหยันที่ทำให้ร่างบางต้องก้าวถอยหลังออกไป
“ เป็นไงล่ะ...เคย์โตะรับรักนายหรือยัง ” วาจาเสียดแทงพุ่งเข้ามาโจมตี “ หลายวันที่ผ่านมาอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมนายต้องหลบหน้าฉันตลอดเวลา ”
“ คะ คือ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ” เรียวสุเกะพยายามปฏิเสธ แต่คนตรงหน้ากลับพุ่งเข้ามาจับข้อมือแน่น “ เจ็บ... ”
“ เจ็บงั้นเหรอ-- ” ยูโตะพ่นลมหายใจราวกับไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน “ แล้วมีเหตุผลอื่นอีกหรือยังไงถ้าไม่ใช่ว่านายต้องการบอกรักเคย์โตะมัน... แสดงว่าตลอดเวลาที่ฉันแกล้งนายไปนั่น มันไม่ทำให้นายรู้ตัวเลยใช่ไม๊ว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเคย์โตะ ”
เรียวสุเกะยืนแข็งทื่อ ตลอดเวลาที่เขาโดนแกล้ง กลับกลายเป็นเพียงเหตุการณ์ที่บอกแค่ว่าห้ามยุ่งกับเพื่อนสนิทของยูโตะเท่านั้น ยูโตะเกลียดเขามากถึงขนาดนั้นเชียวหรืออย่างไรกัน “ ใจร้าย...เกลียดนายที่สุดเลย ”
คำๆนั้นเปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของยูโตะ จมูกโด่งฝังลงบนแก้มป่องที่เจ้าตัวพยายามเบือนหน้าหนี ปากพลางร้องห้าม แต่ร่างสูงกลับใช้ริมฝีปากอุ่นๆของตนปิดไว้ ลิ้นหนากวาดไปทั่วไล่ต้อนลิ้นของอีกฝ่าย เรียวสุเกะเบิกตากว้างตกใจพร้อมทั้งออกแรงผลักคนตรงหน้า จนยูโตะเสียหลักจนเกือบล้มลงไป แต่มือหนายังคงกำข้ออีกร่างเล็กไว้แล้วดันร่างเล็กล้มไปนอนกับพื้นแทน
ยูโตะรวบข้อมือทั้งสองด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือหนึ่งพลางลูบไล้สัดส่วนตั้งแต่ช่วงเอวลงไปถึงขาอ่อนจนทำให้เรียวสุเกะสะดุ้ง ทันใดนั้นยูโตะก็ผละออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ แต่ยังคงดูดดึงริมฝีปากที่แดงอยู่แล้วให้แดงยิ่งขึ้นไปอีก
“ ขอร้อง... ” เรียวสุเกะพึมพำขึ้นมา ยูโตะมองหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใส่ใจ “ --โตะริน ”
ยูโตะผงะไปเมื่อได้ยินสรรพนามเรียกชื่อตนที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน ร่างโปร่งลุกขึ้นมาช้าๆพร้อมกับยืนดูคนตัวเล็กที่นอนน้ำตาไหลอาบแก้มเงียบๆซึ่งกำลังคู้ตัวเพื่อหลบสายตาของเขา
มือกร้านดึงเรียวสุเกะที่สั่นด้วยความกลัวขึ้นมาพร้อมกับดึงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาออกเบาๆ สายตาที่มองไปยังเรียวสุเกะปนไปด้วยความผิดมากมาย
ดวงตากลมจ้องมองมายังยูโตะด้วยสายตาอันว่างเปล่าที่ยูโตะไม่สามารถหยั่งถึงได้
ทันใดนั้นเรียวสุเกะก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปจากห้องอีกครั้งนึง
“ นายวิ่งหนีฉันไปอีกแล้วนะ....เรียวจัง ”
ชายหนุ่มกำลังไขกุญแจประตูหน้าบ้านอย่างยากลำบาก เพราะสนิมเกาะกินเกือบจะหมดแล้ว หมุนไปหมุนมา กลับลูกกุญแจก็แล้ว ก็ยังไม่สามารถไขออกได้ จนกระทั่งชายหนุ่มกระชากแม่กุญแจออกมา พบว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยชิ้นเหล็กซึ่งถูกสนิมเกาะกินจนร่วงกราว
ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นพอสมควร แต่เขาก็ยังไม่เห็นน้องชายที่ปกติมักจะกลับมาถึงบ้านก่อน จนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
จู่ๆก็มีร่างหนึ่งพุ่งข้างมากอดเอวเขาจากข้างหลังแน่น เมื่อก้มลงไปก็พบกับเรียวสุเกะที่ร้องไห้จนตัวโยน
“ ฮึก เคย์ ”
“ เรียวสุเกะ!! ” เคย์ที่เห็นสภาพน้องชายตรงหน้าก็เริ่มใจเสียขึ้นมาได้แต่ยืนกอดอยู่อย่างนั้น “ เป็นเพราะนาคาจิมะใช่ไม๊-- ”
เรียวสุเกะได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธชื่อนี้ เขาไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้ว ไม่อยากบอกเล่าเหตุการณ์นี้ให้ใครได้รับรู้
“ เฮ้อ...งั้นก็ร้องไห้ออกมาให้หมดเถอะร้องซะไห้พอ ” เคย์พูดปลอบ
น้องชายได้แต่ยืนซบหน้ากับบ่ากว้างปล่อยโฮออกมาเสียงดัง เขาไม่ได้ร้องออกมาเพราะโกรธหรือโมโหยูโตะ แต่เขาโกรธตัวเองที่ไม่กล้าเพียงพอที่จะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างออกไป
อยากจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไป
หรือไม่อยากที่จะพบกับความจริงอันโหดร้าย
มีเพียงเจ้าของภาพๆนั้นในความทรงจำเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินได้
ในที่สุดเรียวสุเกะก็ร้องไห้จนหลับไป ดูท่าตื่นมาจะต้องปวดหัวแน่ๆ เคย์อุ้มน้องชายขึ้นไปนอนในห้องนอนก่อนจะห่มผ้าห่มให้แล้วเดินออกมาด้วยเสียงอันเบา
สุดท้ายแล้วก็เป็นจริงดังที่เคย์คาดไว้ เพราะเมื่อยามเช้ามาถึงเขาไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆดังออกมาจากห้องของเรียวสุเกะเลยแม้แต่น้อย เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเรียวสุเกะยังคงนอนคุ้ดคู้ใต้ผ้มห่มหนา ทั้งๆที่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ฤดูหนาว
“ เรียวสุเกะไหวไม๊ ” เคย์สะกิดเรียก เรียวสุเกะจึงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ที่เคย์สัมผัสได้ “ วันนี้หยุดอยู่บ้านไม๊ แต่ว่าฉันคงอยู่ด้วยไม่ได้มีสอบน่ะ ขอโทษนะ ”
เรียวสุเกะส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับยันตัวขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำ “ งั้นผมไปโรงเรียนดีกว่า อยู่บ้านคนเดียวมันน่ากลัวด้วย เคย์รอผมแป๊ปนึงนะฮะ ”
เคย์พยักหน้าเบาๆ เด็กคนนี้พอได้ดื้อแล้วก็จะดื้อจนถึงที่สุด ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ กลับกันเคย์ก็คิดว่าอย่างน้อยไปโรงเรียนก็มีคนอยู่มากมาย โดยเฉพาะไดกิคงจะดูแลน้องชายของตนได้อย่างดี
วันนี้เคย์มาส่งเรียวสุเกะให้ถึงมือไดกิเพราะจะได้ฝากอีกคนให้ดูแล
“ ไดจัง...ฝากดูแลเด็กคนนี้ด้วยนะ ” เคย์กระซิบเบาๆก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟ
ไดกิซึ่งกำลังยืนอึ้งๆเล็กน้อยหันมามองเรียวสุเกะที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆกำแพง พร้อมกับแหงนใบหน้าแดงๆขึ้นมาก็เข้าใจทันที
“ มาโรงเรียนทำไมเนี่ยยามะจัง ” ไดกิถามแล้วช่วยพยุงคนป่วยขึ้น “ วันนี้นอนห้องพยาบาลไปก่อนก็แล้วกัน ไม่ต้องเข้าห้องเรียนก็ได้มั้ง ”
ทว่าเรียวสุเกะส่ายหน้า ถ้ามาโรงเรียนแล้วไม่เข้าเรียนจะมีประโยชน์อะไร
“ ถ้าอย่างนั้นมีอะไรก็บอกโอคาโมโตะคุงนะ สัญญานะ ” ไดกิกำชับ
ช่วงเช้าเรียวสุเกะเข้าเรียนตามปกติ แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันเพราะเขาไม่ได้โดนแกล้งเลยแม้แต่น้อย เขาแอบสงสัยว่ายูโตะคงจะเลิกพยายามกลั่นแกล้งเขาแล้ว
“ ยามาดะซัง! ” เสียงทุ้มของคุณครูที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องดังขึ้นเรียกให้เรียวสุเกะตอบคำถาม
เรียวสุเกะยืนขึ้นทันควัน ซึ่งนั้นทำให้เลือดหมุนเวียนไม่ทัน สายตาของร่างเล็กเริ่มถูกปกคลุมไม่ด้วยหมอกควันสีดำสนิท เปลือกตาปิดลงอย่างช้าๆ ก่อนที่ร่างกายจะเซถลาล้มลงไปกับพื้น
“ เฮ้ย..พวกแกล็อกประตูเด้ะ! ”
“ อะไรวะ แล้วงี้จะหนีไง ”
“ ก็อย่าให้โดนจับได้สิวะ... โง่เปล่าเนี่ย”
เสียงผู้ชายถกเถียงกันดังขึ้นมาในโสตประสาท ทำให้เรียวสุเกะขยับตัวไปมาเล็กน้อย และพบว่าร่างกายของตนถูกมัดตรึงไว้กับเตียง ปากถูกอุดด้วยผ้าเช็ดหน้า เหงื่อเม็ดโตที่จากไข้ที่พึ่งบรรเทาลงไปผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ พูดเสียงดัง...ไก่ตื่นหมดแล้วเว้ย ”
เรียวสุเกะลืมตาโพลงขึ้นมาพบกับเด็กหนุ่มสามคนยืนล้อมไว้อยู่
“ วันนี้คงดีใจล่ะสิว่าไม่โดนแกล้งแต่เช้า ” หนึ่งในนั้นถามขึ้นมา “ เพราะนาคาจิมะคนเดียว ”
เขาเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย ในเมื่อยูโตะบอกเขาเองว่าเป็นคนแกล้งตน แล้วทำไม่สามคนนี่ถึงได้รู้เรื่องแบบนั้นได้
อีกคนขยายความ “ นาคาจิมะมันส่งเรื่องเข้าที่ประชุมน่ะสิว่าพวกฉันแกล้งนาย ”
“ เพราะฉะนั้นต้องขอเอาคืนซะหน่อย..ถึงนายจะป่วยอยู่ก็เถอะนะ ”
เรียวสุเกะส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว ความร้อนระอุบนหน้าผากจนสามารถรับรู้ได้
เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนนิ่งอยู่นานเดินเข้ามาบีบคางเรียวสุเกะแน่นแล้วดึงผ้าที่อุดปากไว้ออก
“ พอนายเข้ามา...แฟนฉันก็หันไปเป็นแฟนคลับนาย!!! ”
“ เอ๊ะ--! ” เรียวสุเกะร้องออกมาอย่างงุงงง “ แฟนนาย...แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ”
“ เพราะนาย...ย้ายเข้ามาแฟนฉันถึงเปลี่ยนไป แต่ถ้านายออกไป...ก็ไม่แน่ ” เสียงสั่นๆพูดออกมาอย่างแค้นเคือง แต่เหตุผลแบบนี้ทำให้เขารับไม่ได้เลยจริงๆแม้แต่น้อย เรียวสุเกะผิดที่ไม่รู้เรื่องหรือตัวหมอนั่นเองกันแน่ที่ไม่รู้จักดูแลแฟนตัวเองให้ดี
“ แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ ” เรียวสุเกะถาม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ กลับมองไปยังเพื่อนอีกสองคนเป็นเชิงส่งสัญญาณอีกคนเตรียมกล้องถ่ายรูป ส่วนอีกคนเดินเข้ามาใกล้
“ ทำให้นายอายจนต้องกลับบ้านนอกไปยังไงล่ะ ” พูดจบก็ลงมือทันที มือหยาบกร้านปลดกระดุมของคนที่นอนอยู่ออก เรียวสุเกะได้แต่บิดตัวหนีเพราะถูกมัดตรึงไว้กับเตียง ริมฝีปากสีสวยกำลังอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือกลับถูกอีกมือหนึ่งปิดไว้ เด็กหนุ่มอีกคนค่อยๆปลดกางเกงนักเรียนสีเข้มออก แต่เรียวสุเกะกลับใช้เข่ากระแทกเข้าท้องน้อย จนอีกฝ่ายลงไปกองอยู่กับพื้น
เพี๊ยะ!!
อีกคนตบใบหน้าของเรียวสุเกะจนหันไปตามแรง รอยแดงขึ้นบนแก้มนิ่ม
“ ปล่อยนะ!! ” เรียวสุเกะได้โอกาสร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ถูกมือกร้านปิดอีกครั้งหนึ่ง ในใจของเขาสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ทว่ากลับมีประโยคๆหนึ่งซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในสมอง
‘ เรียกชื่อฉัน...แล้วฉันจะไปอยู่ข้างๆนายเอง ‘
หยาดน้ำตาใสๆหลั่งรินออกมา ทำให้เด็กหนุ่มผละออกมาเล็กน้อย
“ ยูโตะ!!! ” เรียวสุเกะกรีดเสียงเรียกคนๆนั้น เด็กหนุ่มรีบกระชากเสื้อเชิ๊ตสีขาวออกพบกับร่างกายสีขาวอมชมพูราวกับผู้หญิง
“ หุบปากซะ ”
ผลั่ก!!!
เด็กหนุ่มที่ยืนถือกล้องทรุดลงไป เผยให้เห็นยูโตะซึ่งยืนเงื้อหมัดแน่นอยู่ด้านหลัง ดวงตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นั่นกลับทำให้เรียวสุเกะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากกว่า
“ ลุกออกจากเรียวสุเกะเดี๋ยวนี้ ” ยูโตะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอันเย็นเฉียบกับเด็กหนุ่มอีกสองคน ซึ่งหันมามองด้วยสายตาเคียดแค้น ทว่าเมื่อสบตากับยูโตะที่จ้องเขม็งอย่างไม่วางตา ก็ปฏิบัติตามก่อนจะวิ่งลากเพื่อนที่สลบอีกคนหนึ่งออกไปด้วย
ยูโตะรีบวิ่งไปแก้มัดเรียวสุเกะที่ตอนนี้รอบข้อมือและเท้าเต็มไปด้วยรอยแดงๆ ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น
เรียวสุเกะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ทั้งด้วยความกลัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่และความดีใจที่ได้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้กลับคืนมาอีกครั้งนึง
ร่างสูงจัดการใส่เสื้อให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้มือสั่นจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วเกลี่ยผมม้าออกเข้างๆพื่อเช็ดน้ำตาเม็ดโตที่หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย
“ ยังตัวร้อนอยู่เลยนะ ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเมื่ออังมือที่หน้าผาก ก่อนที่เรียวสุเกะจะซบหน้าลงกับบ่ากว้าง มือหนาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือ “ นอนอยู่ที่นี้จนเลิกเรียนเลยดีกว่านะ ”
ใบหน้ากลมส่ายหน้าปฏิเสธรัว ร้อนถึงคนตัวสูงกว้างต้องหาทางปลอบ
“ งั้นฉันจะนั่งเฝ้าก็แล้วกันนะ ”
“ --จับมือด้วยนะ ” เสียงสั่นๆดังขึ้นมา
“ เอ๊ะ... ” ยูโตะทำหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมา “ มากกว่าจับมือฉันก็ทำได้นะ ” แถมพูดล้อแกมหยอกใส่อีกชุดนึง จนเรียวสุเกะเขินหน้าแดงล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมมิดศีรษะ
ยูโตะมองก้อนกลมๆบนเตียง ก่อนจะกระชับมือนิ่มจับไว้แน่น
ผ่านไปไม่กี่วัน ทั้งโรงเรียนต่างก็มีข่าวซุบซิบกันมาขึ้นเรื่องแฟนของคณะกรรมการนักเรียนของยูโตะ แต่มีหรือคนอย่างร่างโปร่งจะใส่ใจ กลับทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่เองเสียอีก
“ เรียวจัง--!!! ” ยูโตะพุ่งตัวเข้ามาหาที่โต๊ะอย่างรวดเร็วพร้อมกับเท้าคางมองใบหน้ากลมอย่างอ้อนๆ
เรียวสุเกะยิ้มกว้างก่อนจะจุ๊ปากเบาๆ “ อีกแล้วเหรอ... ”
“ ก็อยากรู้นี่นาว่าวันนี้ทำอะไรมาให้กิน ” ยูโตะพูดเบะปากเล็กน้อย
ตั้งแต่เหตุการณ์จากยูโตะที่เคร่งขรึมขี้เก๊ก(หน่อยๆ)กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นเด็กขี้อ้อนเสมอ(เมื่ออยู่ต่อหน้าเรียวสุเกะ) อีกฝ่ายเองก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอคนคนนั้นในความทรงจำ
“ งั้นก็ได้...เจ้าสาวของฉันทำอาหารอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว ” ประโยคนี้ของยูโตะทำให้เคย์โตะซึ่งพึ่งเดินเข้ามาถึงกับยืนค้างไปชั่วครู่ เรียวสุเกะจึงตีแขนเบาๆด้วยความเขิน “ ก็ฉันเป็นเจ้าบ่าวไง ”
ร่างเล็กได้แต่นิ่งเงียบไปจนทำให้ยูโตะอดคิดไม่ได้ว่าหยอกแรงไปหรือเปล่า
“ อ๊า ขอโทษนะ พอเห็นคนน่ารักแล้วอดแกล้งไม่ได้เลย ” ยูโตะขอโทษพลางยกมือขึ้นเหนือศีรษะ
“ พูดถึงแกล้ง... ” เรียวสุเกะเริ่มเท้าความจนทำให้ยูโตะอดที่จะใจหายขึ้นมาแว้บนึง “ ยูโตะแกล้งฉันแรงมากเลยนะรู้หรือเปล่า ”
“ เอ๊ะ...ถ้าแค่ตอนของหายแล้วมันเดินกลับมาเองได้น่ะฉันยอมรับนะว่าทำจริงๆ ” ยูโตะเล่าความจริงออกมา โดยเรียวสุเกะอดที่จะแสดงที่หน้าเคืองๆออกมาไม่ได้ “ เดี๋ยวก่อนสิที่ฉันทำไปน่ะเพราะอยากให้เรียวจังรู้ว่าฉันคือคนคนนั้นในความทรงจำตะหากล่ะ ส่วนที่มันแรงๆน่ะก็พวกสามคนนั้นตะหาก แล้วฉันก็จัดการไปเรียบร้อยแล้วด้วย ” ยูโตะแสดงสีหน้าขึงขังออกมา
“ แล้วทำไมไม่บอกมาตรงๆเลยล่ะ ”
ยูโตะเสมองไปทางอื่นก่อนจะบ่นพึมพำออกมา “ ก็ตอนนั้นใครก็ไม่รู้ไปตกหลุมรักคนอื่น ”
เรียวสุเกะก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความสำนึกผิด(แต่ไม่ได้ผิดสักหน่อย) ต่างคนต่างเงียบกันไปพักใหญ่จนยูโตะต้องหันกลับมามองคนตัวเล็กซึ่งนั่งไม่พูดไม่จา
ดวงตาหวานรื้นน้ำตา ดูท่าทางว่าเจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นเอาไว้มากเหลือเกิน ยูโตะลุกขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะดึงตัวร่างเล็กกว่าเข้ามากอดแน่น
“ แต่ตอนนี้ฉันรักยูโตะแค่คนเดียว ” เรียวสุเกะพูดเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่ก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยเล็กน้อย
ยูโตะซบลงกับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนก่อนจะครางตอบกลับไป “ ฉันก็เหมือนกัน... รักเรียวจังแค่คนเดียวนะ ”
ถึงแม้ว่าจะมั่นใจในความรู้สึกเพียงใด แต่พอพบกับความจริงมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
มีเพียงความทรงจำอันเลือนลางเท่านั้นที่จะคงอยู่
ไม่ว่าจะลังเลสักเพียงใด แต่ก็สามารถมั่นใจได้ในภายหลัง
รูปร่างที่ดูคุ้นตาราวกับเคยสัมผัสอยู่ทุกเมื่อ กลับมาอยู่เคียงข้างกายอีกครั้ง
มืออันแสนอบอุ่นที่คอยกอบกุมไปทุกที่ กลับมาแน่นขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าที่เคยมักจะจ้องมองอยู่ทุกวัน กลับมาใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
รอยยิ้มราวกับแสงตะวันที่ทำให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้ กลับมาเป็นของฉันตลอดไป
จากนี้-- จะไม่มีวันลืมคนคนนี้อีกต่อไปตลอดกาล
(FIN)
~Omake
ไดกิซึ่งยืนแอบอยู่หลังประตูยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจที่ในที่สุดรุ่นน้องของตนก็ได้ปรับความเข้าใจกับยูโตะเสียที จนอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปหาเคย์
“ ฮะๆ ดูเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้ว ” ไดกิพูดไปยิ้มไป
‘ ค่อยสบายใจหน่อย ฉันเองก็ลุ้นเหมือนกัน กลับบ้านไปสองสามวันนี้ทำหน้าตาแปลกๆอยู่ตั้งนาน ’
“ อาจจะเป็นระยะปรับความเข้าใจกันก็ได้มั้งฮะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ”
เคย์เงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมา ‘ นั่นน่ะสิ...พี่ขอตัวก่อนนะพอดีเพื่อนเรียกแล้วล่ะ ’
“ งั้นแค่นี้ก่อนนะฮะ ” ไดกิพูดอย่างร่าเริง แต่สีหน้ากลับเหงาหงอยลงไปทันตา
เคย์โตะซึ่งออกมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยอดที่จะแซวรุ่นพี่ไม่ได้ “ แล้วรุ่นพี่กับพี่ชายยามาดะเมื่อไหร่จะลงเอยแบบนี้กันบ้างล่ะครับ ”
ไดกิค้อนกลับไปก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องเรียนโดยที่เรียวสุเกะเดินออกมาจากห้องพอดี
“ มีอะไรกันหรือเปล่า ”
เคย์โตะหัวเราะเบาๆกับคำถามของเรียวสุเกะ “ อ้อ...แค่คนมีความรักวิ่งไปเท่านั้นเอง ”
(FIN)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาอีกแล้วค่ะสำหรับนาคายามะ ช่วงนี้ถี่เหลือเกิน
เรื่องนี้แต่งได้เรื่อยเปื่อยมากค่ะ กว่าจะวนมาจบได้ เล่นเอาเหงื่อตก
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นฟิคยาวซะแล้ว
ส่วน blanc นั้นค่อยๆเขียนอยู่ค่ะ แบบว่า..ใกล้ถึงไคลแมกซ์แล้ว
เขียนเรื่อยเปื่อยมาน๊านนาน
#Pray for JAPAN
ความคิดเห็น