คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [BuHik]--「The books without your name」:: 01/31st-Y.K.--
「The books without your name」
เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างขมักเขม้น บนโต๊ะรายล้อมไปด้วยตั้งหนังสือนานาวิชาที่ไม่สามารถเล่าจะบรรยายบอกไปได้หมด
ดวงตาเรียวจดจ่ออยู่ที่ตัวหนังสือจนคิ้วแทบจะขมวดเป็นปม มือขวาพลางดันแว่นที่มักจะใส่เฉพาะเวลาอ่านหนังสือขึ้นเป็นระยะๆ หน้าตาของเขาแทบจะบูดเหมือนกับข้าวที่เสียมาได้สองสัปดาห์ครึ่ง ซึ่งเหตุจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเพื่อนตัวดีของเขาไม่ชวนไปเที่ยวต้อนรับปีใหม่ โดยไม่สนใจสักนิดว่าเขาใกล้จะสอบแล้ว (และอีกฝ่ายก็เหมือนกัน)
ขณะนี้เข้าใกล้การสอบของคณะเต็มทีแล้วและคณะอื่นๆก็เช่นเดียวกัน จะสังเกตได้ว่านักศึกษาจะเริ่มจับกลุ่มกันอ่านหนังสือตามสถานที่ต่างๆมากขึ้น เช่น ห้องสมุด ม้านั่งตามสวนตามหน้าตึกคณะ และสภาพแต่ละคนก็ไม่ต่างกันเท่าไร คือ มีอาการเหม่อลอยเป็นบางครั้ง ใต้ดวงตาคล้ำซีดเซียว บางทีเจอหน้ากันยังอดที่จะแอบตกใจไม่ได้
ฤดูการสอบของที่นี้มันโหดเหลือเกิน
เขากำลังคิดว่าถ้าหากผ่านพ้นวันสอบไปได้และสอบผ่านได้อย่างฉิวเฉียดเขาก็พร้อมที่จะปิดซอยฉลอง แต่ถ้าหากผลออกมาเลวร้าย เพื่อนตัวแสบของเขาก็คงไม่สามารถเหยียบย่างกรายเข้ามาในห้องของเขาได้อีก
“ เฮ้อ กะอีแค่อ่านหนังสือทำไมมันเหนื่อยกว่าไปเที่ยวอีกเนี่ย ” เสียงทุ้มบ่นขึ้นมาพึมพำภายในห้องพัก โดยไม่ทันสังเกตว่ารูมเมดของตนนั้นได้เข้ามาเรียบร้อยแล้ว
“ งั้นนายคงอยากไปเที่ยวกับยาโอโตเมะอีกล่ะสิ ” อีกฝ่ายถามกลับมา ถ้าอ่านหนังสือเหนื่อยนักก็ไปเที่ยวซะให้รู้แล้วรู้รอดเลยสิ “ รู้งี้ฉันไปด้วยดีกว่า ไม่น่านั่งอ่านหนังสืออย่างนายเล้ย โคตะคุง... ”
“ ยูยะ...ถ้านายได้ไปด้วย นายจะรู้สึกอยากอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องมากกว่า ” โคตะปิดหนังสือดังฉับก่อนที่จะถอดแว่นวางไว้ข้างๆแล้วนวดขมับตัวเองน้อยๆ “ ฮิคารุเนี่ย ไฮเปอร์สุดๆ เดินไปนู่นออกมานี่อย่างกับลิง ฉันเองก็นั่งตามมองตาละห้อย เผลอแป๊ปเดียวก็บอกว่าไปต่อที่อื่นกันเหอะ เป็นนายจะไปด้วยไม๊ล่ะ ”
ยูยะส่ายหน้ารัวปฏิเสธความคิดของโคตะอย่างฉับพลัน
“ เห็นไม๊ล่ะนายก็คิดเหมือนฉันแหละ ” โคตะเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
ทว่าเขาก็รู้ทั้งรู้ว่าใกล้จะสอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังยอมไปเที่ยวกับฮิคารุโดยไม่ปฏิเสธไป เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำเช่นนั้น แล้วถูกเจ้าตัวงอนไปนานเป็นเดือน กว่าจะไปตามง้อได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปเลยทีเดียว ก็ข้อแม้มันเยอะเสียเหลือเกิน
นั่นคือถ้าชวนไปเที่ยวแล้วต้องไป ห้ามหนีห้ามเบี้ยว แต่ว่าโคตะก็ได้สิ่งที่เรียกว่าห่วงใยกลับมาจากอีกฝ่ายด้วย
สำหรับโคตะแล้วฮิคารุไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทวัยเด็กคนสำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงคนรัก
ฮิคารุเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสและแอกทีฟสุดๆ ยามใดที่ว่างมักจะชวนโคตะไปนู่นไปนี่บ่อยๆจนยูยะเริ่มที่จะรู้ใจรูมเมดของตน เวลาใดที่เขากลับมาที่ห้องแล้วไม่พบโคตรก็เป็นอันรู้ได้ว่าต้องไปที่ไหนสักแห่งกับฮิคารุแน่ๆ แถมยังเดือดร้อนยูยะนิดหน่อยต้องซื้อข้าวปลาอาหารมาเผื่อเพราะกลับมาจากเที่ยวทีไรโคตะจะอดข้าวทุกที ไม่รู้ไปทำอะไรกันมาถึงได้อดข้าวอดปลา
“ บางทียาโอโตเมะเค้าอาจจะไม่อยากให้นายเครียดเรื่องสอบก็ได้มั้ง ” ยูยะหาข้อแก้ตัวมาให้
“ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่บางทีมันก็ทำให้เครียดกว่าเดิม ” โคตะกุมขมับแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม “ ฉันก็เข้าใจอยู่หรอกว่าแฟนกันห่วงกัน แต่บางทีให้มันน้อยๆหน่อยไม่ได้หรือยังไงกันนะ ฉันเองก็ไม่ได้เก่งขนาดที่ไม่ได้อ่านหนังสือแล้วสอบผ่านได้ง่ายๆแบบฮิคารุซักหน่อย ”
ยูยะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยสุดๆ เพราะผลสอบออกมาทีไรฮิคารุมักจะได้คะแนนดีเสมอๆ ไม่รู้ว่าไปซุ่มแถวไหน วันๆเห็นเอาแต่ชวนแฟนไปเดท จนโคตะแทบจะอ่านหนังสือจนตัวเป็นเกลียว
โคตะปิดตาลงก่อนที่จะได้ยินเสียงยูยะดังแว่วมา
“ อย่าไปพูดแบบนั้นให้เค้าได้ยินจะดีกว่านะ ”
อยากจะเอาขาก่ายหน้าผากเสียให้ได้จริงๆเล้ย
แสงที่ทองทอแสงเข้ามาผ่านหน้าตาบานน้อยข้างเตียงของโคตะ เขาหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ ร่างโปร่งลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าพลางสอดส่องสายตามองไปรอบๆไม่พบกับรูมเมด ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆ ปกติยูยะจะตื่นสายกว่าเขามาก แต่คราวนี้กลับไม่พบเจ้าตัวภายในห้อง
“ ทาคาคิคุงพึ่งออกไปเมื่อกี้นี่เอง ” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาโต๊ะหนังสือที่เขาพึ่งนั่งเมื่อคืน สายตาพลันไปพบกับแฟนของตนเองกำลังนั่งหันหน้าจ้องมองมายังตน “ อรุณสวัสดิ์ นี่ๆ... ”
“ วันนี้ออกไปเที่ยวที่ไหนกันดีใช่ไม๊ ” โคตะพูแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงนี่มันใกล้จะสอบแล้วนะ จะไม่ให้เวลาอ่านหนังสือกันบ้างเลยหรือยังไงกัน เอะอะอะไรๆก็จะเที่ยวๆ
ใจนึงก็อยากจะร้องออกไปเช่นกัน แต่คงต้องหาวิธีดีๆบอกดีกว่า ไม่งั้นได้เจอของดีแหงๆ
บางทีเขาก็อยากจะขอเวลานอกบ้าง
“ ช่วงนี้ขอเว้นไว้ซักระยะไม่ได้เหรอ...” ร่างโปร่งลองหยั่งเชิงถามดู แต่เมื่อสบตากับฮิคารุที่นั่งทำตาละห้อยอยู่ปลายเตียงนั้นก็เริ่มรู้สึกที่จะใจอ่อนขึ้นมาอีกครั้งเสียไม่ได้ สายตาที่ดูแปลกๆไปแบบนั้นเข้าก็เริ่มที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาในความรู้สึกจริงๆของคนตรงหน้าไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วนั้นอยากจะทำอะไรกันแน่ “ ทำหน้าตาแบบนั้นมีอะไรหรือเปล่า ”
ฮิคารุเริ่มอึกอักขึ้นมาทำนองว่าหาคำตอบไว้ไม่ทัน ซึ่งก็ผิดปกติอีกสำหรับคนคนนี้ที่มักจะเป็นฝ่ายเถียงเขาชนะเสมอกลับมานั่งจนคำพูด
เมื่อคนรักของตนนั้นไม่ยอมตอบ โคตะจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแล้วลูบผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือเป็นเชิงบอกว่าถ้าไม่อยากจะพูดก็ไม่เป็นไร
ทั้งคู่นั้นค่อนข้างจะรู้ใจกันมากกว่าที่คิด เพียงแค่มองตาหรือแค่อ้าปากก็สามารถรู้ความในใจได้ อาจจะเป็นเพราะรู้จักกันมานานแล้วก็ได้จนความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาและเปลี่ยนไป
“ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน ” โคตะบอกคนรักเบาๆ “ แล้วก็คิดไว้ด้วยว่าจะไปเที่ยวไหน แต่ขอใกล้ๆนะ ”
ฮิคารุพยักหน้าเห็นด้วยอย่างว่าง่าย ร่างโปร่งจึงโน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่มก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ระหว่างที่โคตะกำลังอาบน้ำอยู่นั้นก็ได้ยินโครมครามดังออกมาจากนอกห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไรเพราะปกติฮิคารุค่อนข้างจะซุ่มซ่ามอยู่แล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไปพายเรือกันก็เกือบๆจะตกน้ำไปอยู่แล้ว ดีที่ยื้อไว้ทัน เขาจึงต้องคอยดูแลอีกฝ่ายราวกับพี่ห่วงน้องชาย
ไม่นานทั้งคู่ก็พากันออกจากห้องเดินลงไปข้างล่างเพื่อหาอาหารเช้ารับประทานกัน
“ เมื่อกี้ตอนที่ฉันอยู่ในห้องน้ำได้ยินเสียงโครมครามเป็นอะไรหรือเปล่า ” โคตะถามขึ้นมา เพราะเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำกลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆภายในห้อง มีแต่เพียงรอยเลื่อนของเก้าอี้ที่เห็นได้ชัด
ฮิคารุยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธพร้อมกับหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อน แต่สายตาอันเฉียบคมของเขากลับพบรอยถลอกที่แขนข้างขวานั่นแล้วคว้าขึ้นมาดู
“ แล้วนี่เรียกว่าอะไร... ” โคตะซักต่อไป
“ เอ่อ...รอยถลอก ” ฮิคารุตอบแบบตะกุกตะกัก
โคตะมักจะแสดงสีหน้าเหนื่อยใจเวลาเห็นฮิคารุตอบไม่ตรงคำถาม แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าที่อีกฝ่ายทำไปเช่นนั้นฮิคารุทำเพื่อไม่อยากให้โคตะไม่สบายใจ
“ เดี๋ยวก็หายไม่เป็นไรหรอก ”
“ ไม่เป็นไรได้ยังไง แผลขนาดนี้ ” โคตะพูดพลางลากฮิคารุไปยังก๊อกน้ำใกล้ๆก่อนที่จะค่อยๆบรรจงลากแผลด้วยน้ำเปล่า “ แผลถลอกโดนน้ำแสบหน่อยนะ ”
ฮิคารุกัดริมฝีปากแน่นด้วยความแสบ
เมื่อล้างเสร็จโคตะก็ดึงผ้าเช็ดหน้าของตนซับน้ำออก แล้วเก็บเข้ากระเป๋า
“ เดี๋ยว...ฉันขอเลยดีกว่า ” ฮิคารุเรียกไว้ได้ทันควัน โคตะทำหน้างงแต่ก็ยื่นให้ “ เผื่อเป็นแผลอีกไง จะได้ใช้เลย... ขอบคุณนะ ”
โคตะยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของแฟนของตนเอง
ไม่ให้รักไม่ให้ตามใจได้ยังไงกันล่ะ ก็น่ารักเอาซะขนาดนี้
ทั้งคู่เดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนตอนหลังๆฮิคารุจะไม่ค่อยเรื่อยๆสักเท่าไร เริ่มเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น จนโคตะต้องขอตัวหาที่นั่งรอในคอฟฟี่ช็อป
กาแฟร้อนๆช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศอันหนาวเหน็บ ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมายคับคั่งแต่อุณหภูมิกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“ ก็ยูริไม่อยากนั่งตรงนี้นี่นา ” เสียงหวานแหลมดังเข้ามาในหู จนต้องทำให้เหลียวกลับไปมอง พบร่างของรูมเมดของตนยืนจับมือเด็กตัวเล็กคนนึงดูเหมือนเป็นน้องชาย ยูยะกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“ ที่อื่นเต็มแล้วนี่ ครับ ” อีกฝ่ายพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ งั้นไปนั่งร้านอื่นกันไม๊ ”
“ แต่ยูยะบอกว่าอยากดื่มโกโก้ของที่นี่ไม่ใช่เหรอ ” ยูริช้อนตามองด้วยสีหน้าออดอ้อน ปนไปด้วยความรู้สึกผิด
“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปลองร้านอื่นก็ได้ ”
ยูริที่ยังคงทำสีหน้าแปลกๆอยู่ ร่างสูงจึงลูบกลุ่มผมสีดำขลับเบาๆพลางปลอบว่าไม่เป็นไร สีหน้าของคนตัวเล็กกว่าจึงดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ งั้นไปเดินเที่ยวอีกซักหน่อยแล้วหาข้าวเย็นทานกันไม๊ ”
เมื่อเห็นทั้งสองที่ดูเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้วกำลังจะเดินอออกจากร้านไปโคตะจึงพยายามเรียก
“ ยูยะ!! ” เมื่อยูยะหันตามมาต้นเสียง โคตะจึงชวนมานั่งด้วยกัน “ นั่งด้วยกันไม๊ พอดีรอฮิคารุอยู่น่ะ ” ตอบคำถามทางสีหน้าของยูยะ
“ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกำลังจะไปแล้วล่ะ ” ยูยะปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ก่อนที่จะหันไปหายูริซึ่งยืนแอบอยู่ข้างหลังตน “ นี่รูมเมดยูยะครับ ชื่อยาบุ โคตะ ” พร้อมกับแนะนำให้เสร็จสรรพ
ยูริโค้งตัวเล็กน้อยให้โคตะซึ่งยิ้มตอบรับ แล้วกลับไปแอบข้างหลังตามเดิม
“ ยูริเค้าขี้อายน่ะ ” ยูยะบอกอาการที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ นายรอยาโอโตเมะเหรอ ก่อนมานี่ฉันเห็นอยู่ที่ร้านดนตรีแน่ะ ”
“ อ้อ...อื้ม ขอบใจมาก ”
“ พวกฉันไปก่อนก็แล้วกันนะ ” ยูยะกล่าวคำอำลาก่อนจะเดินจูงมือยูริไป
โคตะซึ่งมองอยู่ตลอดก็สังเกตได้ว่าทั้งสองคนดูจะมีความสุขกันมากเลยทีเดียว
เขาเคยคิดว่าทำไมตัวเขาเองจึงมารักกับฮิคารุได้ แต่คำตอบก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ทั้งรอยยิ้มที่สามารถมอบความอบอุ่นให้ตลอดเวลา การกระทำบางอย่างที่ดูเหมือนจะลึกลับแต่ว่ามอบความแปลกใจให้เขาเสมอๆ คำพูดแต่ละคำมันก็ทำให้หัวใจพองโตเสมอ
คิดไม่ผิดที่หลงรักคนที่ชื่อว่ายาโอโตเมะ ฮิคารุ
“ คิดอะไรคนเดียวอีกแล้ว ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับมือบางที่จิ้มเข้าที่แก้มของเขา “ รอฉันนานหรือเปล่าขอโทษนะ ” ถึงแม้ฮิคารุจะมีมุมเอาแต่ใจตนเองบ้างเป็นบางครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะคอยห่วงใยโคตะเสมอๆ
“ ปกติไม่เห็นจะเคยขอโทษ วันนี้โดนมอมยาหรือเปล่าเนี่ยหืม ” โคตะซึ่งนั่งอยู่แซวออกมากับท่าทางที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ หรือวันนี้จะไข้ขึ้นอากาศออกจะหนาวหน่อยนี่นะ ”
ฮิคารุทำแก้มพองเพื่อบ่งบอกว่าไม่พอใจก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มร้อนๆ
“ อ้าว งอนซะแล้ว โคตะขอโทษนะครับ ” โคตะเริ่มปฏิบัติการง้อคนรัก แต่เมื่อไม่มีเสียงหรืออาการใดๆตอบรับจึงแกล้งเลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ๆ “ น่า...นะ คืนดีกันนะครับ ” ร่างโปร่งยืนนิ้วก้อยออกไป
“ โคตะก็แบบนี้ตลอด ” ฮิคารุพูดพึมพำขึ้นมา
โคตะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ ทำแบบนี้ฉันก็ใจอ่อนแย่เลยสิ ” มือบางยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก่อนที่จะหันมายิ้มร่าให้
และโคตะไม่เคยรู้เลยว่านั่นคือรอยยิ้มสุดท้ายที่เขาจะได้รับ
ถัดจากวันนั้นมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฮิคารุก็ชวนโคตะออกเที่ยวตลอดโดยไม่สนใจคำคัดค้านของเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่บอกว่าเตรียมตัวสอบ ขอเวลาอ่านหนังสือ และขอเลื่อนเวลาเที่ยว โคตะได้แต่นั่งน้ำตาตกในในความใจอ่อนของตน ซึ่งโคตะก็ได้ไปตามนัดบ้างเป็นบางครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาปฏิเสธไปก็มักจะต้องโทรศัพท์ไปตามง้อเสมอๆทุกครั้ง
ครั้งแรกเสียงดุๆที่ดูงอนๆคุ้นเคยทุกครั้ง
ครั้งต่อมาเสียงดูเหมือนจะอ่อนลงไปบ้างเล็กน้อย
ครั้งที่สามฮิคารุพูดน้อยลงไปกว่าทุกครั้ง จนโคตะแอบแปลกใจ
และครั้งสุดท้าย...
“ ขอโทษจริงๆนะ แต่ว่าฉันยังอ่านไม่จบอีกตั้งสามตัว ” โคตะพูดกรอกลงโทรศัพท์ไปพลางหัวเราะกลบเกลื่อนในความโง่เขลาของตนเอง “ หลังสอบเสร็จฉันจะพาทั่วญี่ปุนเลยเอ้า!!! ”
‘ อื้อ ‘
“ อะไรกัน ตอบกลับแค่นี้ได้ยังไง ” โคตะบ่นออกมาอย่างน้อยใจ “ ความฝันของฮิคารุคือการเที่ยวรอบญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ”
‘ ก็ใช่... ’
“ เป็นอะไรหรือเปล่า พูดอะไรที่มันมากกว่านี้หน่อยสิ ” เขาเริ่มรู้สึกผิดสังเกตในน้ำเสียงของฮิคารุผู้ปกติมักจะร่าเริงแจ่มใส แต่วันนี้เขาเหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังมาจากปลายจาก
‘ ปละเปล่า คะ...แค่คิดถึงเฉยๆ ’ ฮิคารุตอบกลับมาเพียงแค่นั้นแล้ววางสายไป ซึ่งโคตะก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไร เพราะฮิคารุมักชอบใช้เหตุผลนี้อ้างขึ้นมาบ่อยๆเวลาโทรศัพท์มาหา
“ ขอโทษนะ...แต่ว่ายังไงเรื่องเรียนก็ต้องมาก่อนความรัก ” โคตะพูดขึ้นมา “ แต่ฉันก็รักฮิคารุมากนะรู้ไม๊... ”
นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีโทรศัพท์เข้ามาแม้แต่สายเดียวที่มีชื่อเรียกเข้าว่า ‘ฮิคารุ’ ปรากฏบนหน้าจอ ทางโคตะเองก็วุ่นวายทั้งเตรียมอ่านหนังสือสอบและโปรเจ็คจบระดับชั้นปี จนไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่าย แม้แต่อาหารก็กินมื้อเว้นมื้อ ร้อนถึงยูยะซึ่งเป็นรูมเมดต้องมาดูแล
“ โคตะ...กินข้าวเหอะ นายโทรมมากเลยนะช่วงนี้ ” ยูยะพูดขึ้นมาระหว่างที่เขากำลังอ่านหนังสือบทสุดท้ายและเล่มสุดท้าย โปรเจ็คทุกอย่างใกล้จะจบลงแล้ว ทว่าสภาพของยูยะเองก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก ดวงตาลึกโหลอดหลับอดนอนมาหลายวัน แต่ยังดีที่เจ้าตัวไม่หักโหมเท่ารูมเมดของตน
“ ใกล้จบแล้วอีกไม่กี่หน้าเอง ” โคตะยังคงบ่ายเบี่ยง
วันพรุ่งนี้เขาก็จะสอบแล้ว และพอสอบเสร็จเขาก็จะไปเซอร์ไพรส์ฮิคารุที่บ้านและชวนไปเที่ยวรอบญี่ปุ่นตามสัญญาที่เคยได้บอกเอาไว้
เขาคิดถึงฮิคารุมาก ช่วงเวลาที่อ่านหนังสือนั่นมันทั้งทุกข์ทรมาน ปกติเขาจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วดังมาเป็นระยะๆขัดกับการอ่านหนังสือของเขา แต่หลายวันมานี่แม้แต่เสียงก็ยังไม่ได้ยินมันทำให้เขารู้สึกโหยหาเสียเหลือเกิน
“ ทะเลาะอะไรกับฮิคารุหรือเปล่า ”
โคตะส่ายหน้าเบาๆ
“ ไม่โทรศัพท์ไปหาหน่อยเหรอ ”
โคตะส่ายหน้าอีกครั้ง
“ ถ้าเค้าโกรธนายอยู่ล่ะ ”
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังสอบเสร็จจะไปง้อน่ะ ” โคตะพูดแล้วเขวี้ยงหนังสือทิ้ง “ จบแล้ว... ”
ยูยะมองตามสภาพหนังสือที่ถูกทิ้งอย่างไม่ไยดีบนพื้น ก่อนจะยืมชามราเมงชามโตให้ร่างโปร่งที่เดินมาหาด้วยสภาพที่อิดโรย ดูเหมือนว่าอาหารชามนี้จะเป็นมื้อแรกของวัน ทั้งๆที่เป็นตอนเย็นแล้ว
“ เออออ ใช่ แล้วแฟนนายล่ะ พักหลังไม่ค่อยออกไปหาเลยนี่ ” โคตะถามถึงยูริแฟนของยูยะซึ่งเห็นในวันที่เขาไปเที่ยวกับฮิคารุ
“ อ๋อ รายนั้นเค้าบอกไปเรียนพิเศษอยู่ แล้วช่วงนี้ฉันก็สอบอยู่เลยกะว่าหลังสอบเสร็จค่อยเจอกันน่ะ ” ยูยะตอบอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะยกซดราเมงเสียงดัง “ ฝากนายล้างด้วยล่ะกัน ฉันขอนอนก่อนเหอะ ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ”
โคตะพยักหน้าจนเส้นราเมงสีเหลืองที่คาปากอยู่ส่ายไปมา
เขาก็พอจะเข้าใจถึงความเหน็ดเหนื่อยในการเรียนนี่ แต่ว่าอีกไม่กี่ปีก็จะจบแล้ว เขาก็อยากจะทำมันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตของเขาเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อฮิคารุคำสำคัญที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะเรียนต่อ
ในที่สุดโคตะก็ต้านทานความง่วงไม่ไหว เขาวางถ้วยราเมงซ้อนกันไว้ข้างเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงนอนตามยูยะที่อยู่เตียงตรงกันข้ามกับเขา
“ สอบ... ” โคตะพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า “ ...เสร็จแล้วเว้ย!!! ” ก่อนจะเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความร่าเริงจนเพื่อนรอบข้างแทบจะอยากกระโดดทับใส่ “ เออ...ขอตัวไปก่อนนะ โชคดี เปิดเทอมหน้าเจอกัน ”
ก่อนที่จะยินดีไปกับปิดเทอมหรรษานั้น เขายังมีภารกิจที่สำคัญอยู่นั่นคือโทรศัพท์หาสุดที่รักของเขา
“ โอยย รับซักทีเหอะ โคตะจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะครับ ” โคตะบ่นใส่โทรศัพท์ตัวเองที่โทรไปหาฮิคารุแล้วปลายสายไม่ยอมรับ “ เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย... ”
เมื่อโทรศัพท์ไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ไม่มีแม้แต่สัญญาณ โคตะเริ่มว้าวุ่นใจจนต้องรีบขึ้นรถไฟบึ่งไปที่บ้านของฮิคารุที่อยู่ไม่ไกลไปจากมหาลัยที่เรียนอยู่
ในใจนึกภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมา
ขายาวรีบสาวไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งคุ้นเคยก่อนที่จะพุ่งไปกดกริ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทว่ากดเท่าไรๆก็ไม่มีคนออกมา
“ บ้าเอ้ย ” ร่างสูงสบถออกมาเบาๆพลางมองซ้ายขวาเพื่อที่จะหาทางเข้าไปข้างใน
โคตะเดินอ้อมไปหลังเพื่อไปหากุญแจสำรองที่มักจะเก็บไว้บริเวณนี้ แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงเดินออกมาด้วยความใจหาย
“ เอ๊ะ...โคจังหรือเปล่า ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจนโคตะต้องหันตามไป “ อ้าว..ไม่มาแถวนี้ซะนานเลยนะจ้ะ ”
“ อ๊ะ!! สวัสดีครับคุณป้า ” โคตะทักทายกลับไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แล้วถามเรื่องสำคัญออกไป “ คือ ฮิคารุน่ะครับ คุณป้าเห็นเค้าบ้างหรือเปล่า ”
“ เอ๋...ฮิคาริจังน่ะเหรอ ” คุณป้าเอียงหัวเล็กน้อย “ ย้ายออกไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วล่ะมั้งจ๊ะ ถ้าจำไม่ผิด ”
โคตะแทบอยากจะทรุดลงไปกับพื้น
ทำไมไปไหนไม่เคยบอกกันบ้างเลย เด็กดื้อ
“ เห็นว่าจะย้ายไปเซนไดน่ะจ้ะ ”
“ ครับขอบคุณมากๆครับคุณป้า ” โคตะกล่าวขอบคุณเมื่อได้รับข้อมูลที่สำคัญมา “ รักษาตัวด้วยนะครับ ”
โคตะวิ่งกระหืดกระหอบไปพลางยกหูขึ้นโทรศัพท์อีกหลายครั้ง จนในที่สุดก็สามารถโทรไปหาคนที่เขากำลังคิดถึงมากที่สุดได้
“ ฮิคารุ!!! ฮิคารุได้ยินโคตะไม๊ ” เขาพูดกรอกลงไป “ ทำไมไปไหนไม่บอกฉันเลย อย่างน้อยโทรมาครั้งนึง ส่งเมสเซจมาก็ยังดี แปะโน้ตไว้ก็ได้ ทำไมกัน-- ”
‘ ขอโทษนะ-- ’ ฮิคารุพูดออกมาได้คำเดียวก็กลับเงียบไป
“ นี่เป็นอะไรไป ตอบกลับหน่อยสิ พูดอะไรบ้างสิ ” โคตะวิ่งไปตะโกนไปเพราะความเหนื่อยหอบ จนกระทั่งเขากลับมาถึงสถานีรถไฟ “ ฮิคารุยังโกรธโคตะอยู่เหรอ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ”
‘ โคตะไม่ผิดหรอก นายต้องตั้งใจเรียนนะรู้ไม๊ ’ ฮิคารุพูดกลับมา ‘ ฉันเองอาจจะไม่มีโอกาสย้ายกลับไปที่นั่นอีก ฮึก ฮือ-- ’
เสียงสะอื้นของฮิคารุซึ่งนานๆทีจะได้ยิน มันทำให้หัวใจของโคตะแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจที่ติดขัดกลับเริ่มไม่มีอากาศเข้าไปราวกับมีใครปิดถังออกซิเจนเอาไว้ รอบๆตัวราวกับกับมีคนมาหยุดเวลาเอาไว้
ถึงมันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทว่ากลับแสนเจ็บปวดนานแสนนาน
‘ พ่อกับแม่ฉันเลิกกัน ฉันต้องย้ายตามแม่มาที่เซนได ’ ฮิคารุค่อยๆเล่าออกมาตามด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ ‘ ขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนนะ แต่ฉันไม่อยากให้นายรู้ ’
“ เด็กดื้อ...กลัวฉันเสียใจหรือยังไง ” โคตะดุเบาๆแล้วยิ้มจางๆออกมา “ แต่นายทำแบบนี้ฉันเสียใจกว่ารู้ไม๊ ”
‘ ขอโทษนะ ’
“ ไม่เป็นไรหรอก เซนไดกับโตเกียว ฉันไปหาทุกวันยังได้ ”
‘ นายอย่ามาปล่อยมุขแถวนี้น๊า ฮ่าๆ ’
ทั้งคู่คุยกันจนกระทั่งโคตะรู้สึกตัวว่าตนได้มายืนอยู่หน้าห้องของตนแล้ว
‘ โคตะ..นายมาถึงห้องหรือยัง ’
“ถึงแล้ว...มีอะไรหรือเปล่า ” โคตะถามกลับไปพร้อมกับไขกุญแจเข้าไปในห้อง พบกับกล่องใบขนาดย่อมใบหนึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะประจำของเขาอย่างดี ห่อด้วยสีแดงอ่อนลายทางสีน้ำตาลเข้ม “ เอ๊ะ...ให้ฉันเหรอ ”
‘ อื้อ...สุขสันต์วันเกิดนะ ขอโทษที่ไม่ได้อวยพรต่อหน้า ’ ฮิคารุขอโทษขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ พอเถอะฉันไม่อยากได้ยินแล้ว คำขอโทษของนายยน่ะ ” โคตะพูดกลับไป ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปนานเสียจนเขานึกว่าวางสายไปแล้ว “ บอกไปแล้วไงว่าฮิคารุไม่ได้ผิดอะไร ไม่ต้องพูดแล้วนะคำว่าขอโทษเนี่ย ”
‘ ก็ฉันอยากพูดนี่นา ’ ฮิคารุยังเถียงมาไม่หยุด ‘ จริงๆฉันฝากไว้กับทาคาคิคุงล่ะ แต่อยากไปว่าเค้านะเพราะเค้าก็ไม่รู้หรอกว่าฉันมาเซนได บอกแค่ว่ามีธุระเฉยๆ ’
“ ถึงว่าล่ะ...เมื่อวันก่อนยังเห็นถามมถึงนายอยู่เลย แบบนี้นี่เอง ”
‘ แกะของขวัญดูสิ ’ เสียงหวานเร่งเร้า
โคตะแนบหูไว้กับโทรศัพท์ก่อนจะค่อยๆบรรจงแกะห่อขวัญออก พบกับเสื้อกันหนาวสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งเขากำลังคิดว่าสีมันค่อนข้างจัดจ้านพอสมควร
‘ กำลังคิดว่าสีจัดใช่ไม๊ล่ะ ’ ฮิคารุถามอย่างรู้ทัน ‘ เพราะสีเหลืองมันเหมือนกับความอบอุ่นที่เราสองคนมีให้กัน ทั้งความห่วงใย ความคิดถึง เวลาใส่จะได้คิดถึงแต่ฉันคนเดียวไง ’
ร่างโปร่งไม่พูดอะไรกลับไปเพราะได้แต่ยิ้มกลับคำพูดหวานออดอ้อนออเซาะของคนรัก ทั้งๆที่น้ำตาของเขากำลังหลั่งไหลออกมา มันปนเปไปทั้งความรู้สึกเสียใจที่คนรักต้องจากไปไกล ความดีใจ ความโหยหาห่วงหาอาทร
ยากเหลือเกินที่จะกลั่นความรู้สึกนี้ออกมาทางคำพูดได้
‘ นี่!! ชอบไม๊ ตอบหน่อยสิ ’
“ ชอบสิ ชอบมากๆเลย ชอบที่สุดเลย ฮิคารุ ” โคตะบรรจงใส่ความรู้ผ่านทางคำพูดออกไป เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้ากัน ไม่ได้สัมผัสกัน เพียงแค่เสียงก็สามารถนำพาความรักไปหาได้
‘ ดีใจจัง คิดแล้วที่เลือกตัวนี้ ’
โคตะยิ้มร่าให้กับความสุขความดีใจของฮิคารุ
‘ ช่วงนี้อากาศหนาวนะ นายต้องใส่ทุกวัน ’
โคตะหัวเราะน้อยๆออกมาให้กับความขี้เป็นห่วงของฮิคารุ
‘ นายต้องใส่นะ จะได้ไม่ลืมฉัน ’
โคตะเม้มริมฝีปากเน้นเพื่อไม่ให้ฮิคารุรับรู้ถึงความทรมาน
‘ และก็นาย...ฮึก ต้องรักฉันตลอดไปนะ ’
โคตะหลั่งน้ำตาออกมาตามความเศร้าของฮิคารุ
‘ สัญญานะ-- ’
“ อื้อ...สัญญา ”
แม้ใครบ้างคนจะบอกว่าคำสัญญาเพียงลมปากนั้นมันไม่สามารถเชื่อถือได้
แต่สำหรับใครบางคน เพียงแค่คำพูดเพียงน้อยนิด ก็สามารถยึดเหนี่ยวความรู้สึกไว้ได้
กาลเวลาที่กำลังจะเปลี่ยนไปนับตั้งแต่นี้
ถึงแม้อะไรหลายๆอย่างอาจจะกำลังเปลี่ยนไป
ทว่าความรักของเราสองคนนั้นจะไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้
ขอแค่บอกมาว่ารักเพียงคำเดียวเท่านั้น โคตะก็จะสัญญาด้วยหัวใจตลอดไป
(fin)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
HBD Yabu Kota 01/31st ฟิคย้อนหลังไม่กี่วันเองนะคะเนี่ย
ก็แบบว่านั่งอ่านหนังสือสอบอยู่แล้วพล็อตมันก็วิ่งมา
ขอลงแซง blanc หน่อยเถอะค่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์
เขียนตอนแรกอยากจะให้ออกอารมณ์หวานๆซึ้งๆ
แบบว่างอนไปง้อมาก็รักกันมากกว่าเดิม
แต่ไงกลายเป็นรักแท้ต้องสู้ระยะทางก็ไม่รู้นะคะเนี่ย
อยากเขียนให้ยาบุคุงแบบว่ามุ่งเรียนเรียนมากไปหน่อย
จนลืมถึงความรู็สึกของคนที่อยู่ข้างหลังอย่างฮิคารุที่คอยห่วงใยเสมอจนวินาทีสุดท้าย
ทั้งๆที่อยากจะอยู่ด้วยกันจนใจจะขาด แต่ก็ทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้ยาบุอ่านหนังสือต่อไปได้
โดยไม่ต้องคิดเพียงแต่เรื่องของตนเพียงคนเดียว
ฮิคารุเสียสละมากเลยใช่ไม๊ล่ะคะ...เพื่อคนที่รัก ถึงเราจะเจ็บยังไง แต่ก็ต้องยอม
อ๊าาาา คราวหน้าสัญญาว่าจะแต่งไม่เศร้าแล้วล่ะค่ะ TvT
อ่านฟิคให้สนุกนะคะ
ความคิดเห็น