คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [Nakayama]--don't play.please--
[SF] don’t play,please
“ อย่าเลยนะยามะจัง ” ยูโตะพูดด้วยเสียงออดอ้อนเต็มที่ พลางเกาะแขนเรียวสุเกะแน่น
“ ไม่ได้หรอกยังไงก็ต้องทำนี่นา ” อีกฝ่ายพยายามแกะมือปลาหมึกออก มืออีกข้างพลางดันหัวทุยที่กำลังซบบ่าออก แต่ก็ไม่เป็นผล
“ ม่ายอาวววววววววว-- ”
“ นี่นาย... ” เรียวสุเกะชักจะหมดความอดทน มือขวาเงื้อขึ้นสูงตั้งท่าจะชกอีกฝ่าย ยูโตะสบโอกาสจึงรวบมือทั้งสองไว้แล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายทางด้านหลังแน่น เรียวสุเกะได้แต่ดิ้นขลุกขลักภายใต้อ้อมแขนแกร่ง ซึ่งเขาคิดว่าการที่ยูโตะได้หมั่นฝึกตีกลองมันทำให้แข็งแรงขึ้นจริงๆ “ ปล่อยเซ่!!! ”
“ ม่ายยปล่อยยยยย ” ยูโตะยิ่งเพิ่มแรงกอดเข้าไปมากยิ่งขึ้น จนเรียวสุเกะนิ่วหน้าเพราะข้อมือกำลังถูกบีบรัดจากมือหยาบ “ ถ้าฉันปล่อยสัญญาสิว่าจะไม่ทำ ”
“ ไม่ได้!!! ”
เหตุการณ์นี้อยู่ภายในสายตาของจัมพ์ที่เหลืออีกแปดคน ซึ่งดูการทะเลาะกันแบบแปลกๆของสองคนนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว โดยปกติแล้วเวลาทั้งสองคนทะเลาะกันมักจะจบท้ายที่เรียวสุเกะงอนยูโตะเสมอๆ ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนยูโตะจะไม่ยอมละความพยายามไปง่ายๆ
ไดกิมักจะเป็นคนห้ามทัพระหว่างสองคนนี้เสมอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์จึงขออยู่วงนอก
จนในที่สุดโคตะซึ่งทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากขึ้นมา
“ ไปๆซ้อมได้แล้ว...ปล่อยให้สองคนนี้จัดการกันเองก็แล้วกัน ”
เมื่อสิ้นคำตัดสินของพี่ใหญ่แล้วสมาชิกทั้งแปดต่างก็พร้อมใจกันลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยโคตะเดินนำไปโดยไม่หันกลับมามอง ฮิคารุซึ่งเดินกอดคอกับเคย์ที่กำลังจูงมือไดกิคุยกันหัวเราะร่วนกับสภาพของเรียวสุเกะและยูโตะที่ร่างสูงกอดเอวโดยที่คนตัวเล็กข้างหน้ากำลังยื้อโต๊ะแต่งตัวไว้อยู่
ส่วนเคย์โตะก็หันกลับมาไปคุยกับริวทาโรพักหนึ่งก่อนมาเตือนยูโตะแล้วเดินออกไปจากห้อง
“ ระวังโดนโกรธนะ ”
ส่วนอีกสองคนที่เหลือยังคงนั่งมองทั้งคู่เถียงกันต่อไป
“ ก็ขึ้นแค่ตอนแรกก็พอนี่นา เดี๋ยวฉันจะลองไปขอร้องผู้จัดการให้ก็ได้ ” ยูโตะเริ่มหันกลับมาใช้วิธีเจรจาต่อรองแทน “ ตอนซ้อมยามะจังก็เหงื่อออกท่วมมือเลยนี่นา ”
“ ก็ทำไงเล่า มันเป็นงาน นายเข้าใจหน่อยสิ ”
ยูโตะยิ้มขึ้นมาอย่างเข้าทาง “ เพราะงานไงถ้าไม่รักษาตัวดีๆจะทำต่อไปได้ไม๊ล่ะ หืม-- ”
“ ก็ยูโตะคุงยังโหนสลิงตอนตีกลองไทโกะเลย ยามะจังทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ” จู่ๆยูริก็พูดแทรกขึ้นมาเป็นเชิงเข้าข้างเพื่อนสนิท ยูยะเองก็เห็นด้วยกับยูริเหมือนกัน ซึ่งประโยคนี้ฟังยังไงๆก็เป็นการเข้าข้างเรียวสุเกะอยู่ดี
ถ้ามันเป็นงานที่ทำให้คนดูสนุกได้ยังไง ๆก็ต้องทำ ข้อนี้ถือว่าเป็นคติสำคัญในการเป็นไอดอลอย่างจัมพ์
ทว่ายูโตะตอนนี้นั้นห่วงเรียวสุเกะมากเกินไปจนกระทั่งลืมข้อนี้ไป
“ มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ ฉันไม่ได้กลัวความสูง แต่ยามะจังกลัวความสูงนี่นา ”
“ เหมือนสิ...เพราะมันเป็นงานไงล่ะ ” เรียวสุเกะเริ่มขึ้นเสียงขึ้นมาอีกครั้ง จนทั้งยูริและยูยะเริ่มสังเกตเห็นลางร้าย “ ยูโตะก็พูดอย่างกับจะแช่งฉันอย่างนั้นล่ะ ”
ยูโตะถึงกับเงียบไปเลย
สาเหตุจริงๆที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันก็มาจากการที่ยูโตะเห็นสคริปต์การแสดงโลดโผนของเรียวสุเกะ ตั้งแต่ตอนเปิดคอนเสิร์ตซัมมารีที่ทุกคนในจัมพ์จะต้องใส่ชุดขาวแล้วโหนสลิงหมุนเป็นวงกลมนั่นยังพอเข้าใจว่าทำกันทุกคน แต่ว่าตอนโซโล่เดียวของเจ้าตัวเพลง asia no yoru นี่สิ มันจะเกินไปหรือเปล่า ที่เรียวสุเกะซึ่งกลัวความสูงต้องโหนผ้าแบบรุ่นพี่โคอิจิที่ปลื้ม พอเตือนว่ามันอันตรายเท่านั้นล่ะ จึงคุยกันจนทะเลาะจนถึงตอนนี้
“ เดี๋ยวพวกฉันไปก่อนนะ ” ยูยะเอ่ยขึ้นมาก่อนลากยูริออกไปจากห้อง
“ ถ้าไม่กลัวโดนยาบุคุงว่า ก็ระวังโดนผู้จัดการว่านะ ” ยูริโผล่ออกมาจากหลังประตูก่อนจะเดินหายไปพร้อมกับทาคาคิ
เรียวสุเกะผลักยูโตะซึ่งเผลอผ่อนแรงออก แล้ววิ่งตามทั้งคู่ไป
ยูโตะได้แต่นั่งกองอยู่กับพื้นด้วยความหงุดหงิดใจ
“ ทำไมนายถึงมองไม่เห็นความห่วงใยของฉันบ้างนะ ”
การซ้อมได้เริ่มดำเนินไปอย่างตื่นเต้นตลอดหลายวัน เรียวสุเกะซึ่งยังคงโกรธยูโตะอยู่แสดงให้เห็นว่าการซ้อมของเขานั้นมันใช้ความพยายามมากแค่ไหน โดยการซ้อมเป็นไปด้วยความราบรื่นเสมอมา ส่วนทางด้านยูโตะเองก็ต้องซ้อมทั้งการแสดงทั้งจัมพ์แบนด์ จนไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะไปง้ออีกฝ่าย
จนกระทั่งวันนี้
การโหนสลิงในชุดขาวเป็นอย่างแรกที่ซ้อมกันจนเป็นปกติทุกวัน แต่วันนี้อาจจะเป็นโชคร้ายของเคย์โตะพ่อหนุ่มจอมซุ่มซ่าม ที่ตอนลงมาจากสลิงลื่นน้ำพุล้มกลิ้งไม่เป็นท่า แต่กลับลุกขึ้นมาเกาหัวหัวเราะแหะๆได้อย่างสบาย ยูโตะตกใจเล็กน้อยขณะที่เพื่อนสนิทของตนนั้นล้ม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจึงพลอยบรรเทาความกังวลใจได้ ต่างกับเรียวสุเกะ
“ ยามะจังเป็นอะไรหรือเปล่า ” ยูริถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าคนยืนข้างๆนั้นซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยืนดูยูโตะซ้อมโหนสลิงตีกลองกับโคตะ
“ เอ๊ะ...เปล่านี่นา ทำไมเหรอ ”
“ หน้านายซีดมากๆเลยนะ หรือว่า!!! ” ยูริบอก “ นายจะห่วงยูโตะ โหนสลิงสูงซะขนาดนั้นนี่นะ ”
“ ใครจะไปห่วงคนพรรค์นั้นที่มาแช่งตัวเองกันล่ะ ” เรียวสุเกะพูดใส่อารมณ์ จนยูริจับได้ว่าความโกรธของคนคนนี้มันยังไม่หายไปเลย “ เดี๋ยวฉันก็ต้องซ้อมขึ้นไปสู้กับมังกรแล้วล่ะ ไปก่อนนะ ”
ยูริชูสองนิ้วเพื่อเป็นกำลังใจให้อีกฝ่าย โดยที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาของยูโตะ
“ ทำไมนายไม่เข้าไปง้อซักทีละ ” เคย์โตะถามขึ้นมาอย่างสงสัย โดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องอยู่ที่เรียวสุเกะซึ่งโหนสลิงไปเรียบร้อยแล้ว “ ถึงจะซ้อมกลองกับจัมพ์แบนด์ก็เถอะ แต่เวลาก็ยังเหลือบ้างนิดหน่อยนี่นา ”
“ ปล่อยให้เขาทำตามใจเถอะ อย่างน้อยมันก็เพื่อความสบายใจของเขาเอง ” ยูโตะตอบพลางขวมดคิ้ว ซึ่งขัดกับคำพูดของเขาสุดๆ “ ฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามอะไรหรอก ”
“ ห้ามไม่ได้แต่ก็เป็นห่วงได้ไม่ใช่หรือยังไง ” คำพูดของเคย์โตะทำให้ยูโตะถึงกับสะดุ้งขึ้นมา
นั่นสินะ...ห้ามไม่ได้ แต่ก็ห่วงได้
“ นายยังไม่เคยบอกล่ะสิท่า ” เคย์โตะยิ้มในใจเมื่อเห็นอาการดังกล่าวของเพื่อนชายของตน
เมื่อการซ้อมได้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงโซโล่ของเรียวสุเกะซึ่งทุกคนมักจะใจเต้นทุกครั้งที่เขาตีลังการบนอากาศ ในตอนแรกที่ซ้อมจะมีเบาะลมมารอง แต่หลังๆมากลับมีเพียงเบาะบางๆ โดยให้เหตุผลแค่ว่าเวลาแสดงจริงไม่มีอะไรมารองรับหรอกนะ
เรียวสุเกะเอนตัวลงมาโดยมือไม่ได้จับผ้าไว้ ยูโตะก็แทบจะวิ่งไปบนเวทีด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ ยังดีที่เคย์โตะกระชากแขนเป็นเชิงเตือน ถัดมาร่างบางโหนตัวเองไว้กับผ้าที่ลอดใต้แขนทั้งสองข้างไว้แล้วตีลังกาโดยขาอยู่ข้างบน จังหวะนั้นมันรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน
ร่างบางค่อยๆร่วงหล่นลงมา Jr.ที่อยู่ข้างล่างต่างวิ่งกรูกันมาอย่างรวดเร็ว ยูโตะได้แต่ยืนตะโกนร้องเรียกอยู่ข้างเวที เมมเบอร์ทั้งแปดของจัมพ์เองต่างก็อยู่ในภาวะตกใจมากเช่นเดียวกัน
“ เรียวสุเกะ!!!! ”
โคตะเป็นคนแรกที่วิ่งไปถึงตัวเรียวสุเกะก่อน น้องชายนั่งคู้ตัวบนเวทีด้วยอาการหอบสั่นอย่างน่ากลัว ยูโตะวิ่งตามมาด้วยความเร็วแสง
ใบหน้าหวานซีดราวกับกระดาษ หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าด้วยความอ่อนล้า มือบางวางข้างตัวไว้ไม่ไหวติง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ทุกๆคนต่างเงียบสนิท มีเพียงเสียงหอบหายใจของเรียวสุเกะที่ดังแว่วมา
“ ยามะจัง... ” ยูโตะปรี่เข้ามาหา เมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้าเขาก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา “ วันนี้ขอให้ยามะจังพักก่อนได้ไม๊ครับ ” เขาหันไปถามผู้จัดการกับโปรดิวเซอร์ซึ่งยืนอยู่ด้วยกันด้วยสายตาอ้อนวอน
เมื่อได้รับการอนุญาตแล้วเขาจึงค่อยๆประคองร่างบางเดินไปยังห้องพัก โดยที่เมมเบอร์ที่เหลือฝากให้เขาดูแลเรียวสุเกะแทน
“ ยามะจังนอนก่อนนะ ” ยูโตะพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงในอ้อมแขนลงบนโซฟา ก่อนที่จะนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้ากลม “ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้นี่ล่ะ ”
“ ยูโตะ... ” เรียวสุเกะเรียกร่างโปร่งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ “ ขอโทษนะ ”
“ ขอโทษทำไม ยูโตะต่างหากที่ต้องขอโทษ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นงานแต่ก็ยังพยายามห้าม ” ยูโตะเองก็รู้สึกผิดเช่นเดียวกัน รู้ทั้งรู้ว่าเรียวสุเกะพยายามมามากมายเพื่อแฟนๆ แต่ก็ยังห้าม “ ฉันเป็นห่วงยามะจังจริงๆนะ ”
เรียวสุเกะนั่งก้มหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร ยูโตะจึงก้มลงไปมองพบว่าร่างเล็กกำลังอมยิ้มอยู่
“ เอ๊ะ... ”
“ ขอบคุณนะ ” เรียวสุเกะพูดออดมาเบาๆอย่างเขินอาย “ ขอบคุณที่เป็นห่วงฉัน...จริงนะ ” เรียวสุเกะพูดย้ำออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของยูโตะ
“ ก็ไม่ได้บอกซักหน่อยนี่นาว่าจะไม่เชื่อ ”
“ เหรอ-อ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ” เรียวสุเกะถามกลับแถมด้วยทำแก้มพองลมซึ่งเป็นอันรู้ว่าเจ้าตัวกำลังจะโกรธ “ ไม่รู้แล้ว ฉันจะนอนแล้ว ”
ยูโตะเห็นคนตรงหน้าแกล้งทำเป็นงอนนอนหันหลังให้ จึงโน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่ม
“ ทำแบบนี้ทำไม ” เรียวสุเกะลุกขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ จนยูโตะรู้สึกผิดขึ้นมา
“ ขะ..ขอโทษนะ ”
“ แบบนี้ต้องเอาคืน ” ทันทีที่เรียวสุเกะพูดจบก็ดึงคอเสื้อของร่างสูงให้โน้มตัวลงมา ก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างของยูโตะแล้วจุ๊บปากเบาๆอีกหนึ่งที
ยูโตะได้แต่ยิ่งอึ้งกับสิ่งที่เรียวสุเกะทำลงไป จนไม่ทันได้สังเกตว่าคนตรงหน้านอนคลุมโปงไปแล้วเรียบร้อย
“ นอนจริงๆแล้วนะ บ๊ายบาย ” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่ม ยูโตะกระโจนไปเลิกผ้าห่มออก
แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักเหลือเกิน--
“ ร้ายจริงๆเจ้าคนดื้อ มาให้ฉันเอาคืนซะดีๆ ”
~fin~ <<จบดีกว่า
ความคิดเห็น