ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Hey! Say! JUMP

    ลำดับตอนที่ #5 : [Keidai]--??? :: 06/22th--

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 54



                    คุณเชื่อในความบังเอิญหรือเปล่า

     







    เด็กสาวสองสามคนซึ่งหนึ่งในนั้นเกือบจะได้เป็นดาวของคณะนิเทศฯ  ยืนจับกลุ่มคุยกันส่งหัวเราะคิกคัก  พลางเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนั่งจมกองเอกสารและหนังสือ  ทำให้บรรดาชายหนุ่มบางคนที่หวังจะพิชิตใจสาวน้อยคนนั้นถึงกับอิจฉาเด็กหนุ่มที่นั่งหัวฟูอยู่

    ถ้าใครชอบที่จะเข้าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยบ่อยๆมักจะพบกับเด็กหนุ่มผมยักศกสีดำกำลังเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะในห้องสมุดมุมหนึ่ง  ซึ่งเป็นที่ประจำของเขา  และมีกองหนังสือตั้งสูงเกือบจะบังเด็กหนุ่มไว้มิด  บางทีก็ชอบที่จะเท้าคางใบหน้าดูเหม่อลอยพิกลนั้นทำให้สาวๆชอบที่จะมาแอบเหล่มอง (อันที่จริงนึกถึงการบ้านมากมายที่อาจารย์ได้มอบไว้)

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

    ไม่เสร็จอย่าหวังที่จะได้คะแนน 

    เสียงของอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าทั้งโหดและหินดังติดหู  จนทำให้เขาท้อใจอยู่บ่อยๆว่าที่เลือกเข้ามาเรียนคณะนี้มันถูกแล้วหรือ

    ใบหน้าหล่อติดสวยน้อยๆแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย  ก่อนที่จะปิดหนังสือและเก็บข้าวของเพื่อจะกลับบ้าน  ทว่าเด็กสาวคนหนึ่งสูงพอๆกับเขาดูเหมือนจะพึ่งเดินจากการพูดคุยกันเมื่อครู่  ยืนประจันหน้ากับเขา  เพื่อนของเจ้าหล่อนทั้งสองคนก็แอบยืนดูอยู่ห่างๆ  ดูเหมือนจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบไม่ให้เขามองเห็น



                     ริมฝีปากของเด็กหนุ่มกระตุกขึ้นยิ้มอย่างน่าขัน  เมื่ออีกฝ่ายเริ่มแนะนำตัว

    ฉันชื่อ อายาเสะ ริกะ  คณะนิเทศฯ  อิโนคุงจะคบกับฉันได้หรือเปล่า  เธอถามออกมาอย่างมั่นใจ

    นักศึกษาชายทั้งหลายที่หวังหมายปองริกะต่างพากันส่งสายตาอาฆาตมาให้เคย์  ที่ตอนนี้แสดงสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินคำพูดของหล่อน

    เคย์มักพบกับเด็กสาวหลายคนที่มักจะมาสารภาพรักกับเขาในห้องสมุดนี้  ทั้งสาวเรียบร้อย  สาวขี้อาย  สาวจอมแก่น  หรือแม้กระทั้งเด็กสาวผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง  แต่ทว่าทุกๆรายก็มักจะถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเดียวกันกลับไปเสมอ

    แม้แต่เด็กคนนี้ก็ตาม

    ขอโทษนะ  ฉันยังไม่ต้องการ

    บางคนก็ร้องไห้วิ่งหนีไป  บางคนก็ตะคอกกลับ  ทว่าเขาก็ไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ  แต่ที่ทำให้เขารังเกียจที่สุดคือการทำเป็นออดอ้อนและยื้อเขาไว้

    ...มารยาผู้หญิง...


    เด็กสาวยืนนิ่งราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่  แต่เคย์ก็ไม่สนใจ  ถึงแม้เขาจะดูเย็นชาแต่หลายๆคนก็ชอบเขา  เพราะความรับผิดชอบรวมถึงความตั้งใจ  ถึงอย่างไรก็ตามเคย์ก็ยังคงมีแฟนคลับติดตามอย่างเหนียวแน่น  เนื่องจากส่วนใหญ่คนที่รู้จักเขาจริงๆมักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเคย์เป็นคนใจดี

    ริกะยังคงยืนนิ่งขวางไม่ให้ไปไหน  จนเคย์เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา

    อายาเสะซัง... กรุณาอย่าขวางจะได้หรือเปล่าครับ  เคย์กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ  พร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเผินๆจะอบอุ่นใจดี  แต่แฝงไปด้วยความรังเกียจ  จากนั้นจึงรีบหิ้วกระเป๋าและเดินอ้อมโต๊ะออกไป

    เขาอยากอยู่เงียบๆก็เท่านั้นเอง  แค่การบ้านที่ได้มาก็เครียดพอแล้ว  นี่มีปัญหาหัวใจพ่วงมาด้วย

     

    ...เหนื่อยเหลือเกิน...

    เสียงฝีเท้าของริกะก้าวเข้ามาประชิดอย่างรวดเร็ว

    ทำไมล่ะ

    เคย์ยืนหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่จะหันกลับไปเจอสาวน้อยที่ยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่ตรงหน้า

    เขารู้ว่ามันออกจะใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับการกระทำเช่นนี้  แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะทำร้ายตัวเองเอง

    ฉันบอกเธอไปแล้วนี่

    ริกะร้องไห้โฮและวิ่งออกไป



     

    ตอนนี้แป็นเวลาเย็นพอสมควร  สถานีรถไฟจึงมีคนเยอะแยะมากมายทำให้เกิดการเบียดเสียดอย่าง(ไม่)เล็กน้อยเกิดขึ้นในระหว่างการขึ้นรถไฟ

    เคย์หนีบกระเป๋าไว้ข้างหนึ่งและถือพิมพ์เขียวงานชิ้นสำคัญที่ใกล้จะถืงกำหนดส่งไว้อย่างดี  เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาแล้ว  บรรดาพนักงานบริษัทที่พึ่งกลับมาจากงานก็พากันกรูลงมา  เขาซึ่งถูกชายคนหนึ่งกระแทกเพื่อเบียดที่จะขึ้นรถไฟนั้นจนทำให้พิมพ์เขียวหลุดออกจากมือ  เขาอยากจะตะโกนต่อว่าแต่เนื่องจากจำนวนคนที่มากมายเช่นนั้นทำให้ชายคนนั้นหายไปจากสายตาบนรถไฟ  พร้อมกับที่เคย์เองก็ถูกดันไปบนรถไฟเช่นกัน

    สัญญาณเตือนดังขึ้น  และประตูรถไฟก็ปิดลง

    เขาพยายามที่จะมองออกไปนอกกระจกเพื่อตามหางานชิ้นนั้น  แต่รถไฟก็วิ่งจากชานชาลาไปอย่างรวดเร็ว

    ...แย่ที่สุดเลย...

    เด็กหนุ่มขยี้ผมด้วยความหงุดหงิด  ทว่าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนั่งเหม่อลอยอีกครั้ง

    เคย์นั่งซึมกระทืออยู่นานจนไม่รู้สึกตัวว่ามีคนกำลังสะกิดเขาอยู่


    ขอโทษนะครับ

    เด็กชายที่ดูเหมือนจะอยู่มัธยมต้นแต่ชุดนักเรียนกลับบ่งบอกถึงความเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายอย่างชัดเจนกำลังเอียงคอเรียกอยู่  ในมือข้างหนึ่งถือกระเป๋านักเรียน

    อีกข้างถือม้วนกระดาษรูปร่างคุ้นตาอยู่จนเคย์จ้องมองอย่างตกตะลึงและความโล่งใจ

    อีกฝ่ายสังเกตได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจนลอบยิ้มด้วยความดีใจ

    ของคุณสินะ...

    เขาเอื้อมมือไปรับของชิ้นสำคัญ  อืม..  เอ่อ...ขอบใจนะ  เมื่อเด็กชายได้รับคำขอบคุณจึงยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่จนเห็นแก้มกลมๆ  เคย์ยิ้มด้วยความเอ็นดู  แต่รอยยิ้มก็เริ่มจางลงไปเมื่อพบว่ามีคนแอบเปิดม้วนเอกสารชิ้นสำคัญ  นายแอบเปิดหรือเปล่า  เขาถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด  งานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นแรก  ซึ่งมันแย่มากจนเขาไม่อยากให้ใครเห็น

    ขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  คือ มันเปิดอยู่แล้วผมเลย...  เด็กชายเบ้หน้าเหมือนกับจะร้องไห้

    เคย์เห็นเข้าจึงรีบปลอบ

    ไม่เป็นไรหรอก  งานมันแย่เลยไม่อยากให้ใครเห็นก็เท่านั้นเอง  ขอโทษนะที่พูดแบบนั้น

    ผมว่าสุดยอดมากเลยๆล่ะครับ  ร่างเล็กกว่าพูดแทรกขึ้นมา  เคย์จึงพยักหน้าให้อย่างงงๆ  คุณเท่มากๆเลยล่ะ  คณะนี้เรียกว่าอะไรเหรอ

    หา... เอ่อ...สถาปัตยกรรม  พวกออกแบบตึกรูปทรงต่างๆที่นายเห็นเวลาเดินบนถนนนั่นแหละ  ว่าแต่ฉันไม่เท่พอให้นายชมหรอกนะ  เคย์พูดก่อนหัวเราะแก้เขิน

    ทั้งสองต่างก็แลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับการออกแบบ  จนสถานีแล้วสถานีเล่า

    เด็กชายจึงลุกขึ้น  พร้อมกับโค้งบอกลา

    ขอบคุณสำหรับคำปรึกษานะครับ

    เคย์รู้สึกเสียดายที่พบคนคุยถูกคอ

    อีกฝ่ายหันหลังให้และกำลังเดินลงจากรถไฟ

    เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้  จากรอยยิ้มของเด็กคนนั้น

    ฉันชื่อ อิโน เคย์ นายมีอะไรปรึกษาฉันได้นะ

    เด็กชายยืนอย่างงงๆแล้วส่งยิ้มหวานให้  ปากพะงาบๆทำท่าจะบอกชื่อแต่ไร้เสียงออกมา ก่อนที่ประตูรถไฟจะปิดลงอย่างช้าๆ   ทว่าเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วสำหรับเคย์ที่หงุดหงิดตัวเอง(อีกครั้ง)ที่ไม่สามารถฟังชื่อของเด็กคนนั้นได้

    ได... ไดอะไรนะ  ไดจังก็แล้วกัน

    เคย์เดินยิ้มร่าพร้อมกับกอดพิมพ์เขียวชิ้นสำคัญ  และคำชื่นชมที่เขาจะเก็บในใจเพียงคนเดียว

    รวมถึงรอยยิ้มและแก้มกลมๆบนใบหน้านั้น

    ...น่ารักจังเลยนะ...



     

    หลังจากวันนั้น  เคย์ก็พยายามกลับบ้านให้ตรงกับช่วงเวลาเลิกเรียนของเด็กมัธยมปลาย  เมื่อถึงสถานีแล้วก็คอยแต่มองหาเด็กคนนั้นตลอดเวลา  แม้กระทั่งปกติแล้วเคย์มักจะชอบนั่งหลับบนรถไฟ  แต่เขากลับสอดส่องรอบข้างราวกับจะได้ยินเสียงเรียกของนักเรียนมัธยมปลายคนนั้น  ไดจัง... 

    เขาก็ไม่ได้พบอีกเลย

    นายมองหาใครน่ะ  เสียงเพื่อนรักถามขึ้นมาอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการนี้มาหลายต่อหลายครั้งเวลาขึ้นรถไฟ  เหมือนโรคจิตเลยนะเนี่ยเคย์

    เพื่อนชายยิ้มเยาะเย้ยอวดฟันเขี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์

    หุบปากไปเลย  หรือจะให้ฉันเอาพิมพ์เขียวยัดเข้าปากนาย

    ...แล้วนายจะเอางานที่ไหนส่ง  หา! ”

    เคย์รู้สึกโมโหกับท่าทางกวนๆของเพื่อนของตนที่เอาไม้บาตองมาแหย่ผมของเขา  แทนที่จะเอาไว้โบกและยังคำพูดที่ชวนหงุดหงิด  กระแนะกระแหน

    ไม่เป็นแบบเขาบ้างให้รู้ไป

    คนผมสีน้ำตาลอ่อนรู้สึกถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาโดยรอบ  จึงค่อยเก็บไม้บาตองเข้ากล่อง (ไม่อย่างนั้นแล้วเคย์อาจจะเอาไปเข้ากับคู่ตะเกียบที่บ้านของเขาก็ได้)  ก่อนที่จะหยิบโน้ตเพลงขึ้นมา

    เขาเหลือบมองเพื่อนชายของตนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ว่าที่สถาปนิกหยิบหูฟังคู่โปรดออกมาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องฟังเสียงเพื่อนชายที่มักจะชอบเหน็บแนม  ในใจกำลังพาลนึกถึงใบหน้าหวาน  รอยยิ้มที่มากับแก้มกลมนั่นช่างน่าเอ็นดู  จนแอบยิ้มน้อยๆออกมา

    คนที่มัวแต่ฟังเพลงอยู่จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเพื่อนของตนกำลังคุยกับใครอยู่

    กระทั่งถูกดึงหูฟังออกจากหูจึงได้พบว่าคนที่กำลังมองหามาหลายวันมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วนี่เอง

    ...โลกมันกลม  ขัดกับทฤษฏีเกินไป...

    นี่เพื่อนฉันเอง  อาริโอกะ ไดกิ  ไดจังนี่เพื่อนฉันที่มหาลัยนะ  แต่คนละคณะกัน

    เคย์พึ่งค้นพบว่าตนเองนั้นหลงใหลรอยยิ้มนั้นมากเพีนงใด  กว่าจะรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงไดกิพูด

    ฮิคารุคุง  ผมรู้จักอิโนคุงแล้วล่ะ  ว่าแต่ผมเป็นรุ่นน้องไม่ใช่เหรอ  ไดกิส่งยิ้มหวานให้เคย์  ก่อนที่จะกระแนะกระแหนฮิคารุ

    อีกฝ่ายที่พึ่งรู้ว่าทั้งสองคนเคยพบมาก่อนหน้านี้แล้วจึงคาดคั้นเอาคำตอบจากเคย์

    ฉันทำพิมพ์เขียวหล่น  ไดจังเก็บได้เลยเอามาคืนไงเล่า!  ฮิคารุนายอย่าหัวเราะน่า...  ฮิคารุยิ้มแบบมีเล่ห์นัย  เมื่อรถไฟจอดที่ชานชาลาจึงรีบโบกมือแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว

    ฮิคารุคุง! ”  เสียงไดกิเรียกอีกฝ่ายที่จู่ๆก็ได้หายตัวไป  ก่อนที่จะเบ้หน้าด้วยความโมโห

    เคย์ที่เห็นสีหน้านั้นจึงคิดอยากจะแกล้งขึ้นมา

    ...หน้าแบบนี้เนี่ย  อยากเห็นแค่คนเดียวจัง...

    หน้าแบบนี้ไม่อยากกลับบ้านกับฉันเหรอ 

    ไดกิส่ายหน้าปฏิเสธคำตัดพ้อของร่างสูงกว่า  แถมก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าเขา

    เอ้อ...นึกว่าอยากจะคุยเรื่องเรียนต่อนะเนี่ย

    เมื่ออีกฝ่ายไม่ส่งเสียงหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาจึงแกล้งพูดต่อไปเรื่อยๆ

    ฉันพึ่งรู้นะเนี่ยว่าฮิคารุมีรุ่นน้องกับเขาด้วย  เห็นปกติไม่ค่อยจะทำตัวให้น่าเคารพเท่าไรเลย  ทำตัวเรื่อยเปื่อยไปวันๆ  แต่ดันสอบได้ดีกว่าฉันที่นั่งอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน  เคย์เริ่มพูดต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาฟัง  แต่ก็เทียบกันไม่ได้หรอกนะ  ฉันเรียนสถาปัตย์แต่หมอนั่นเรียนดนตรี  ว่าแต่ไดจังใจร้ายจังเลยนะให้ฉันพูดคนเดียวเนี่ย  หืม...

    ไดกิเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆ

    ผมชอบฟังอิโนคุงพูดนี่นา  ดูมีความสุขจังเลย...

    เคย์อมยิ้มและยีผมคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู



     

    หลังจากนั้นเกือบทุกวันเคย์ก็มักจะชอบมาคุยกับไดกิบนรถไฟเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน  เที่ยว  สารพัดเรื่องที่จะขุดคุ้ยมาคุยกันได้

    ในบางวันเลิกเร็ว  เคย์ก็ชอบจะมายืนรอไดกิเพื่อกลับด้วยกัน

    หรือไม่ว่าเขาจะเลิกเย็นแค่ไหนจนอาจจะคิดว่าไม่ได้เจอคนที่อยากพบ  ก็กลับบังเอิญเจอเสมอ

    จนทำให้หอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายก็เฝ้ารอเขาอยู่



     

    ...นี่มันเป็นความบังเอิญจริงๆนะเหรอ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×