ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Ep.3 สู่โลกใหม่
Ep.3 สู่โลกใหม่
#โรงพยาบาลกลาง
ฮ้าววว~* เสียงหาวดังขึ้นเมื่อคิระบิดขี้เกียจยามตื่นนอน พร้อมสายตางัวเงียที่จดจ้องไปยังบริเวณปลายเตียงที่เขาได้พูดคุยกับหญิงปริศนาเมื่อคืนนี้
'... สงสัยเราจะฝันต่อเนื่องซะละมั้ง?'
เพราะไม่น่าจะมีใครเข้ามาหาเขาได้ในช่วงหลังเวลาเยี่ยม ดังนั้นคิระจึงปักใจเชื่อว่าเขาคงฝันไปเอง แต่ลึกๆแล้วเขาก็หวังให้มันไม่ใช่ความฝันอยู่เหมือนกัน
"อะ... ว้าว~!!!"
หลังจากสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไปเสร็จสายตาของคิระถึงเหลือบไปเห็นกองของขวัญจำนวนมากบริเวณมุมห้องซึ่งมีตั้งแต่กล่องขนาดเล็กไปจนถึงกล่องขนาดใหญ่โดยมีป้ายขนาดย่อมๆแขวนเอาไว้ว่า 'Happy Birth Day [ Kira~♥ ]'
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก? ทุกๆคนเพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ลูกตื่นสายขนาดนี้น่ะ"
"ว้า... นี่กี่โมงแล้วครั้บแม่?"
"9 โมงกว่าแล้วจ้ะ ทุกคนบอกว่าช่วงพักเที่ยงพวกเขาจะมาร่วมกันแสดงความยินดีกับลูกอีกรอบนึงนะแต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับไปทำงานกันก่อนน่ะ"
ได้ยินแบบนั้นคิระจึงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะตามปกติแล้วเขาตื่นช่วงเวลาประมาณ 7 โมงเช้าและไม่เคยตื่นเกิน 7 โมงครึ่งเลยสักครั้ง เรียกได้ว่านี่เป็นการตื่นสายที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยทีเดียว
"ตอนแรกแม่และคนอื่นๆก็ตกใจนะที่ลูกหลับไม่ตื่นแบบนี้ เล่นเอาทั้งแม่ทั้งบรรดาหมอๆวิ่งวุ่นกันใหญ่เพราะคิดว่าลูกอาจจะมีอาการอะไรแทรกซ้อน จนกระทั่งลูกละเมอออกมาว่า 'ผมกินไม่ไหวแย้วค้าบ~*' นั่นแหละที่ทุกคนเลิกกังวลน่ะ"
"แหงะ... นี่ผมละเมอออกมาแบบนั้นเลยเหรอครับ?"
"นอกจากนี้ก็มี 'แม่คร้าบ ผมไม่อยากกินผัก / แม่จ๋า แครอทไม่เอานะ / ม่ายยย ไม่ฉีดยานะค้าบ~*' และก็อื่นๆอีกเยอะแยะเลยละจ้ะ"
"....."
คิระก้มหน้างุดและซุกหน้าแดงๆของตนลงกับผืนผ้าห่ม... ก็ไอ้ที่แม่ว่ามาน่ะมันไม่น่าอายซะเมื่อไหร่กันล่ะ แล้วนี้จากที่เล่ามาแปลว่าบรรดาหมอและพยาบาลได้เห็นเขาละเมอกันยกก๊วนเลยใช่มั้ย? อาย โอ๊ย อายยย~!!!
"ฮะๆๆๆ แม่ครับขอผมแกะห่อของขวัญเลยได้มั้ยครับ อยากรู้จังเลยว่าปีนี้จะได้อะไรบ้างน้า..."
"อ้ะ ได้สิจ้ะ อยากเริ่มแกะจากห่อไหนดีเอ่ย?"
"อันไหนมาก่อนก็ได้ครับ เร็วๆเข้า!!!"
คิระเบี่ยงประเด็นไปที่กองของขวัญแทน ทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มกริ่มกับท่าทีน่ารักของลูกชายก่อนจะหยิบของขวัญจากกองมาให้คิระแกะทีะห่อๆ จนข้างเตียงของคิระเกิดกองกระดาษห่อของขวัญขนาดย่อมขึ้นจากการตะลุยแกะของขวัญตลอกช่วงเช้าของเด็กหนุ่ม
เช่นเดียวกับทุกๆปี ของขวัญของคิระส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกตุ้กตา หนังสือ หรือพวกขนมต่างๆซะส่วนใหญ่ ส่วนน้อยนั้นจะเป็นพวกเครื่องเล่นเกมหรือพวกหนังดังๆที่เขาเปรยๆไปว่าอยากดูนั่นเอง
ส่วนของขวัญจากแม่ของเขานั้นเป็นชุดหนังสือรวมภาพสัตว์ในเทพนิยายต่างๆทั่วโลกที่เขาเคยบอกแม่ไปว่าอยากได้ในปีที่แล้ว น่าแปลกที่ในปีก่อนเขาอยากได้มันใจจะขาด แต่พอได้มันมาจริงๆเขากลับมีสิ่งอื่นที่อยากได้แทน
"... ขอบคุณครับแม่"
คิระยิ้มส่งให้กับแม่และรับหนังสือนั้นมาเปิดอ่านด้วยท่าทีดีอกดีใจเพื่อเอาใจแม่ และพยายามข่มความรู้สึกอยากได้เอาไว้ภายในด้วยรอยยิ้ม...
โดยไม่รู้เลยว่าแม่ของตนกำลังแอบยิ้มกับท่าทีของลูกและขอตัวออกจากห้องไป
ช่วงพักกลางวันมาถึงและผ่านไปอย่างเช่นทุกๆวัน จะต่างกันนิดหน่อยที่วันนี้ทั้งนายแพทย์และพยาบาลทั้งหลายแวะเวียนเข้ามาแสดงความยินดีฉลองครบรอบอายุ 16 ของเขาจนครบทุกคน
แต่คิระลองนับของขวัญดูแล้วกลับพบว่ามันน้อยกว่าทุกๆปี ซึ่งหัวหน้าพยาบาลแอบกระซิบกับคิระว่าหัวหน้าและคณะแพทย์ที่รับหน้าที่ดูแลคิระอยู่วางแผนจะทำเซอร์ไพรส์กับเขาในตอนเย็น ทำให้คิระตั้งหน้าตั้งตารอให้ตอนเย็นมาถึงอย่างกระตือรือร้น
ปุ้งๆๆ!!!
"สุขสันต์วันเกิดจ้าคิระ~*"
ประทัดทรงกรวยถูกดึงจุดสร้างสีสันภายในห้องพักของคิระ โดยในห้องนั้นเต็มไปด้วยเหล่าแพทย์และพยาบาลที่ออกเวรกันเป้็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในห้องมีการจัดโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยของชอบของคิระทั้งนั้น
บรรยากาศในงานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลา 1 ทุ่มตรง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมการมาของคนกลุ่มใหญ่ที่นำโดยชายผมเงินสวมแว่นตาในชุดนายแพทย์ที่ดูฉลาดเฉลียว ตามมาด้วยนักศึกษาที่ตะโกนตามหลังเข้ามาภายในห้องว่า
"เอาล่ะๆ คราวนี้เราก็มาถึงช่วงเวลาหลักของวันนี้แล้ว ขอเชิญหัวหน้าคณะแพทย์ ศาสตราจารย์ ไลท์ โนเวล~*"
"ชื่อของชั้นคือไลท์ แต่ไม่ได้มีนมสกุลโนเวลนะ เดี๋ยวปัดสั่งหักหน่วยกิตซะนี่..."
"แหงะ... / ฮ่าๆๆๆๆ~*"
คณะแพทย์นำโดยนักศึกษาแพทย์กล่าวนำการมาของกลุ่มแพทย์ที่รับหน้าที่ดูแลคิระ ซึ่งหัวหน้าแพทย์เองก็รับมุขของนักศึกษาจนเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
ดร. ไลท์ เป็นแพทย์หนุ่มอายุ 27 ซึ่งนับได้ว่าเด็กมากสำหรับตำแหน่งดอกเตอร์ แม้จะเป็นยุคที่การเรียนการสอนมีการเร่งรัดให้มีการจบไว แต่กระนั้นตามมาตรฐานของคนวุฒิดอกเตอร์ในยุคนี้ยังคงมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29-30 ปีซะส่วนใหญ่ แต่ไลท์นั้นสามารถจบวุฒิดอกเตอรื์ด้ตั้งแต่อายุ 20 ปีและเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลกลางนับตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ให้ความสนใจและยื่นเรื่องเพื่อนำคิระเข้ามาศึกษาในโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณกับคิระมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ด้วยอายุที่ไม่ห่างจากนักศึกษาแพทย์จนเกินไปนี้เองทำให้เขาสามารถคุยกับคิระรวมไปถึงนักศึกษาอื่นๆได้อย่างเป็นกันเอง ทำให้คิระนับถือไลท์เป็นเหมือนพี่ชายของตนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับไลท์ที่มองคิระเป็นน้องชายคนหนึ่งเหมือนกัน
"สวัสดีครับพี่ไลท์ ปีนี้ผมยังไม่เห็นของวัญของพี่เลยนะครับ"
"หึๆๆ เจ้าน้องตัวยุ่ง เจอหน้ากันก็ทวงของขวัญกันเลยเหรอ?"
"แหะๆๆ... ก็แหม ของขวัญจากพี่ชายตัวเองถ้าไม่ทวงมันก็กระไรอยู่นะครับ"
"จุ๊ๆๆ เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นเยอะนะเรา นอกจากพูดแล้วน่าจะเพิ่มการบริหารร่างกายเข้าไปด้วยนะจะได้ลุกขึ้นมาเดินได้ไวๆ"
"ครับ ผมจะพยายามเดินให้ได้ไวๆ"
ไลท์ที่เห็นคิระมาตั้งแต่ช่วงที่อีกฝ่ายยังนอนเป็นผักนั้นเฝ้าดูพัฒนาการของอีกฝ่ายเรื่อยมา ดังนั้นเขาที่เป็นผู้ฝังชิปลงไปตามจุดต่างๆย่อมรู้ดีว่าขอบเขตความสามารถของคิระในตอนนี้สามารถ-ไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง โดยในตอนนี้หากคิระพยายามมากพอเข้าจะสามารถเดินได้ เพียงแต่คิระนั้นขาดแรงกระตุ้นที่จะทำให้เขาหมั่นทำการภาพบำบัด ดังนั้นในวันนี้ไลท์จึงเตรียมของขวัญพิเศษมาเพื่อกระตุ้นให้คิระขยันทำกายภาพบำบัดโดยเฉพาะ
"เอาล่ะ... พี่ขอรวบรัดเลยก็แล้วกันนะ ก่อนที่พี่จะให้ของขวัญชิ้นนี้กับน้องพี่อยากให้น้องรับปากก่อนว่านับแต่นี้ต่อไปทุกวันน้องต้องขยันทำกายภาพบำบัดอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นพี่คงต้องริบของขวัญชิ้นนี้เอาไว้"
"เอ๋~* ทำไมเป็นแบบนั้นอ้ะ~!!!"
"เพราะของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากน่ะสิ ดังนั้นถ้าน้องไม่รับปาก หรือรับปากแล้วทำไม่ได้พี่ก็จะยึดของขวัญชิ้นนี้คืนเหมือนกัน"
"แง..."
คิระส่งเสียงครางเบาๆออกมา ดูน่ารักน่าหยิกเป็นที่สุดเล่นเอาบรรดานักศึกษาและพยาบาลอดเคลิ้มไปไม่ได้ กระทั่งไลท์เองยังต้องแกล้งใช้นิ้วดันแว่นของตนขึ้นเพื่อสะกดกลั้นตัวเองไม่ให้ประเคนของขวัญชิ้นนี้ให้กับคิระไปโดยไม่ได้ต่อรองอะไร
"ให้ผมสัญญาโดยที่ไม่รู้ว่าของขวัญเป็นอะไรแบบนี้มันขี้โกงกันนี่นา~*"
"พี่รับรองได้ว่านี่ต้องเป็นของที่น้องอยากได้แน่ๆ แต่ถ้าน้องไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไรก็ไม่ต้องสัญญามาก็ได้ พี่จะได้เอามันไปคืน"
"ง่า..."
คราวนี้คิระทำหน้ามุ่ยน้ำตาคลอจนพยาบาลบางคนแทบจะโผเข้าไปกอดและโอ๋พ่อตัวดีให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่มีบรรดานักศึกษาแพทย์ช่วยกันยื้อเอาไว้ รวมไปถึงไลท์ที่พยายามกัดฟันข่มตัวเองเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้ตนประเคนของที่ว่าให้กับคิระในทันที
"สัญญาก็ได้ครับแต่ถ้าผมไม่อยากได้ของที่ว่านั่นผมสามารถล้มเลิกสัญญาได้ใช่มั้ย?"
"หึๆๆ... ถ้าน้องเห็นของขวัญแล้วไม่อยากได้จะเลิกสัญญาก็ได้นะ แต่พี่รับประกันได้เลยว่าน้องไม่มีทางล้มเลิกสัญญาอย่างแน่นอน"
"แล้วไหนของขวัญล่ะครับ? พี่ไม่ได้เอามาด้วยเหรอ? หรืออยู่นอกห้องอะครับ?"
"จึ้ๆๆ... ของขวัญชิ้นนี้เอามาให้น้องไม่ได้หรอกเพราะห้องกว้างไม่พอ น้องต้องไปหาของขวัญชิ้นนั้นด้วยตัวเองแล้วละ"
"เอ๋? หวาๆๆ~*"
บุรุษพยาบาลนำรถเข็นเข้ามาพร้อมเหล่านักศึกษาแพทย์ที่อุ้มคิระลงมาจากเตรียงขณะที่กลุ่มพยาบาลตรงเข้ามาเอาผ้าปิดตาคิระเอาไว้ราวกับนัดกันไว้ก่อน เมื่อเห็นท่าทีลนลานของลูกชายแม่ของคิระเลยปรามลูกชายเสียงเรียบว่า
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ พวกพี่ๆเค้าจะพาลูกไปดูของขวัญวันเกิดลูกยังไงละจ้ะ"
"แง ไม่ต้องปิดตาไม่ได้เหรอครับ?"
"แบบนั้นมันก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิจ๊า~* จริงมั้ยพวกเรา?"
ช่ายยย~* กลุ่มพยาบาล บุรุษพยาบาล รวมไปถึงนักศึกษาแพทย์ต่างประสานเสียงรับกันเป็นทอดๆอย่างพร้อมเพรียงกันจนคิระแอบสงสัยว่าของขวัญที่ว่านั้นคืออะไร?
หลังจากถูกปิดตาพร้อมอุ้มขึ้นรถเข็น กลุ่มของคิระก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากห้องไปตามระเบียงทางเดินที่คิระมั่นใจว่าตนไม่เคยผ่านมายังเส้นทางนี้เพราะเป็นเขตหวงห้าม จนกระทั่งล้อรถเข็นหยุดลงนั้นเองที่เสียงของไลท์ซึ่งเงียบไปตั้งแต่ก้าวออกจากห้องเอ่ยกับคิระอีกครั้งหนึ่งว่า
"ขอพี่ทวนสัญญาอีกครั้งนะ ถ้าน้องไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้จะไม่รับมันก็ได้แต่ถ้าน้องชอบต้องทำกายภาพบำบัดวันละ 2 ชั่วโมงนะ"
"อ้าว ตะกี้ยังบอก 1-2 ชั่วโมงอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสองชั่วโมงเป๊ะเลยเหรอครับ"
"มาคิดๆดูแล้วเดี๋ยวถ้าไม่กำหนดเวลาที่แน่นอนน้องจะไม่ยอมฝึกเกิน 1 ชั่วโมงน่ะสิ เลยขอกำหนดเป็นสองชั่วโมงเป๊ะๆเลยดีกว่า"
"โห เปลี่ยนใจไม่เอาทันมั้ยครับเนี่ย?"
"หึๆๆ ไว้เปิดผ้าปิดตาแล้วพี่จะให้เวลาน้องตัดสินใจก็แล้วกัน แต่ให้เวลาแค่ 30 วิเท่านั้นนะ"
"แหงะ กำหนดเวลาอีกแล้วเหรอ"
คิระส่งเสียงอ่อยขณะที่พยาบาลข้างกายเขาค่อยๆแกะผ้าปิดตาออกให้หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปประจำตามจุดต่างๆตามที่นัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว
"....."
คิระกระพริบตาสู้แสงหลังจากผ้าคลายออกเพียงไม่กี่วิ พร้อมภาพของวัตถุบางอย่างที่ปรากฏสู่สายตาของเขา...
เตียงจักรกลที่ดูล้ำยุคซึ่งด้านข้างตัวเครื่องมีแผงวงจรที่ดูสลับซับซ้อนซึ่งนักศึกษาแพทย์หลายคนกำลังทำการตั้งค่าอะไรบางอย่างอยู่ บนตัวเตียงนั้นมีผ้านวมท่าทางนุ่มสบายปูเอาไว้อย่างดีซึ่งบริเวณหัวเตียงนั้นมีเครื่องจักรรูปร่างโค้งงอคล้ายกับอุบกรณ์ในการยึดต้นคอร่วมกับมงกุฏที่เชื่อมอยู่กับสายไฟจำนวนหนึ่ง
คิระรู้จักมันดีเพราะมันเพิ่งจะเป็นที่ฮือฮาในโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่นานมานี้ ถึงการมาของ BED รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการจำกัดจำนวนผลึตออกมาเพียง 20 เครื่องในโลกเท่านั้น!!!
"โอ้โห!!! นี่มัน BED รุ่นใหม่ล่าสุดเลยใช่มั้ยครับเนี่ย!?! พี่ไปเอามาได้ยังไงน่ะ?"
"เหลือเวลาคิดอีก 10 วินะคิระ... น้องจะเอาของขวัญชิ้นนี้รึเปล่า?"
"เอาครับ เอาๆๆๆ~!!! ผมจะเอาของขวัญชิ้นนี้ครับ!!!"
ฮ่าๆๆๆ~* ทุกคนในห้องต่างส่งเสียงหัวเราะกังวานออกมาเมื่อได้เห็นท่าทีลนลานกลัวจะไม่ได้ของขวัญตรงหน้าของคิระ
คิระพยายามหมุนล้อรถเข็นเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆเตียง BED และค่อยๆลูบมันราวกับกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตา แต่สัมผัสของโลหะตรงหน้าก็ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นของจริง
"พี่ลองทำวิทยานิพนท์เกี่ยวกับอาการของน้องและทฤษฏีในการรักษาน้องส่งเข้าสภาแพทย์ผ่านระบบของคอร์ ซึ่งศาสตราจารย์ท่านต่างๆให้ความสนใจกับเคสของน้องมากและลงคะแนนเสียงให้น้องเป็นเคสสำหรับศึกษาของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก"
คิระหยุดลูบๆคลำๆของขวัญตรงหน้าแล้วหันมามองไลท์ด้วยท่าทีตื่นๆ... แปลว่าเขาจะกลายเป็นหนูทดลองงั้นเหรอ?
"แน่นอนว่าพี่ตอบปฏิเสธไปและเสนอให้ใช้เตียง BED เพื่อทำการวิเคราะห์คลื่นสมองของน้องโดยละเอียดโดยคอร์ สุดยอดคอมพิวเตอร์ของโลกและให้เหล่าศาสตราจารย์ต่างๆไปขอข้อมูลของคอร์เพื่อการศึกษาต่ออีกทีหนึ่งเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย แต่เหตุผลจริงๆของพี่นั้นมีอยู่สามข้อด้วยกัน"
ไลท์เว้นช่วงไปครู่หนึ่งและมองดูแววตาสงสัยของคิระก่อนจะยิ้มและกล่าวต่อไปว่า
"ข้อแรก... พี่ไม่อยากปล่อยให้น้องกลายเป็นหนูทดลองให้กับบรรดาศาสตราจารย์จิตป่วยพวกนั้น แต่ละคนกระหายการทดลองกันมากซึ่งหนึ่งในนั้นพี่ได้ยินมาว่าเขาสามารถฆ่าคนเพื่อการทดลองได้ด้วย แต่สังคมสมัยนี้มันไม่ดี แค่เขาจับขโมยขึ้นบ้านไปทดลองแล้วบอกว่าทำเพื่อป้องกันตัวตำรวจก็ยอมปล่อยๆกันแล้ว"
"ข้อต่อมา ในทฤษฏีการรักษาที่พี่คิดขึ้นมานั้นมีทฤษฏีหนึ่งที่ใช้การกระตุ้นคลื่นสมองด้วยสัญญาณไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนอง แต่การจะทำแบบนั้นได้ต้องใช้อุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อนมากๆแถมยังต้องใช้ระบบการควบคุมชั้นเลิศ ดังนั้นพี่เลยแกล้งแหย่ๆไปว่าถ้าให้คอร์รักษาละก็น่าจะได้กรณีศึกษามากกว่า แค่นั้นแหละบรรดาดอกเตอร์จิตป่วยทั้งหลายก็ร่วมหุ้นกันประมูล BED หลังนี้แล้วส่งมาให้พี่นี่ไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ"
ไลท์ส่งเสียงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจเมื่อทราบตัวเลขที่แท้จริงว่าพวกดอกเตอร์โรคจิตทั้งหลายทุ่มงบมากมายขนาดไหนเพื่อซื้อ BED หลังนี้มา... บอกให้ก็ได้ว่ามันเป็นตัวเลขสูงถึง 9 หลักเลยทีเดียว...
"... แล้วข้อสุดท้ายละครับพี่ไลท์?"
"ถามแปลกๆ... เพราะพี่อยากให้มันเป็นของขวัญวันเกิดกับน้องชายตัวแสบของพี่นี่ไงล่ะ น้องน่ะอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาลคงเบื่อแย่ แต่ถ้าน้องใช้ BED ละก็น้องจะได้เข้าไปผจญภัยในเกมออนไลน์ต่างๆได้ยังไงล่ะ~*"
ไลท์ตอบพลางบยี้หัวคิระอย่างมันมือ... ตามจริงแล้ว BED หลังนี้น่าจะมาส่งราวๆเดือนหน้า แต่เพราะแม่ของคิระมาปรึกษากับเขาว่าคิระอยากได้ BED สำหรับเข้าไปเล่นเกม BTO ไลท์เลยจัดการโทรไปบี้เหล่าศาสตราจารย์ให้ลงขันกันซื้อ BED มาให้เร็วๆไม่อย่างงั้นเขาจะปฏิเสธการให้เคสของคิระสำหรับศึกษาผ่านคอร์
ปิ๊บๆๆๆ...
"ตั้งระบบเสร็จแล้วครับดอกเตอร์"
"อืม ดีมาก... น้องจะเข้าไปใน BED เลยรึเปล่า?"
"เข้าไปได้เลยเหรอครับ!?!"
"พี่ให้ทุกคนช่วยกันตั้งเครื่องเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เหลือแค่ให้น้องเข้าไปนอนในเครื่องแล้วตั้งค่าอีกนิดหน่อยน้องก็เล่นเกมได้แล้วล่ะ"
"เย้~!!!"
เมื่อได้เห็นท่าทีของคนตรงหน้าความเหนื่อยที่สั่งสมมาในหลายวันนี้ก็พลอยมลายหายไปจนหมด ซึ่งคณะแพทย์พยาบาลเองก็ค่อยๆจับคิระอุ้มไปใส่ในเครื่อง BED พร้อมจัดแจงสวมมงกุฏโลหะและจับคิระนอนให้รับกับเครื่องจักรที่ทำหน้าที่รับต้นคอของคิระเอาไว้จนเรียบร้อย ก่อนที่ฝาแก้วครอบใสจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาครอบตัวเตียงเอาไว้
"น้องบอกว่าจะเข้าไปเล่นเกม BTO ใช่มั้ย? พี่เองก็เล่นเกมนั้นดังนั้นพี่จะเข้าไปหาน้องที่เกาะเริ่มต้นทันทีที่เคลียร์งานเสร็จ ถ้ายังไงพี่แนะนำให้น้องทำความเข้าใจกับระบบของเกมให้ดีก่อนที่จะเข้าเกมก็แล้วกันนะ"
"แหงะ แล้วใครจะสอนผมเล่นเกมละครับพี่ไลท์?"
"เข้าเกมไปแล้วคอร์จะสอนทุกๆอย่างให้กับน้องเองแหละ เอาหละพี่ว่าน่าจะได้เวลาแล้ว... เชื่อมต่อระบบ BED เข้ากับคอร์ได้!!!"
ปิ๊บ... วู้มๆๆ...
เสียงเครื่องจักรทำงานดังขึ้นโดยรอบพร้อมอากาศภายในครอบแก้วที่ค่อยๆเย็นลงช้าๆ ขณะที่บนตัวครอบปรากฏเส้นแสงจำนวนมากวิ่งสลับไปมาจนลานตา ก่อนที่สติของคิระจะค่อยๆหลุดลอยไปราวกับจมดิ่งลงไปในโลกแห่วความฝัน
สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่จะผลอยหลับไปก็คือประโยคสั้นๆว่า...
#โรงพยาบาลกลาง
ฮ้าววว~* เสียงหาวดังขึ้นเมื่อคิระบิดขี้เกียจยามตื่นนอน พร้อมสายตางัวเงียที่จดจ้องไปยังบริเวณปลายเตียงที่เขาได้พูดคุยกับหญิงปริศนาเมื่อคืนนี้
'... สงสัยเราจะฝันต่อเนื่องซะละมั้ง?'
เพราะไม่น่าจะมีใครเข้ามาหาเขาได้ในช่วงหลังเวลาเยี่ยม ดังนั้นคิระจึงปักใจเชื่อว่าเขาคงฝันไปเอง แต่ลึกๆแล้วเขาก็หวังให้มันไม่ใช่ความฝันอยู่เหมือนกัน
"อะ... ว้าว~!!!"
หลังจากสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไปเสร็จสายตาของคิระถึงเหลือบไปเห็นกองของขวัญจำนวนมากบริเวณมุมห้องซึ่งมีตั้งแต่กล่องขนาดเล็กไปจนถึงกล่องขนาดใหญ่โดยมีป้ายขนาดย่อมๆแขวนเอาไว้ว่า 'Happy Birth Day [ Kira~♥ ]'
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก? ทุกๆคนเพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ลูกตื่นสายขนาดนี้น่ะ"
"ว้า... นี่กี่โมงแล้วครั้บแม่?"
"9 โมงกว่าแล้วจ้ะ ทุกคนบอกว่าช่วงพักเที่ยงพวกเขาจะมาร่วมกันแสดงความยินดีกับลูกอีกรอบนึงนะแต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับไปทำงานกันก่อนน่ะ"
ได้ยินแบบนั้นคิระจึงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะตามปกติแล้วเขาตื่นช่วงเวลาประมาณ 7 โมงเช้าและไม่เคยตื่นเกิน 7 โมงครึ่งเลยสักครั้ง เรียกได้ว่านี่เป็นการตื่นสายที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยทีเดียว
"ตอนแรกแม่และคนอื่นๆก็ตกใจนะที่ลูกหลับไม่ตื่นแบบนี้ เล่นเอาทั้งแม่ทั้งบรรดาหมอๆวิ่งวุ่นกันใหญ่เพราะคิดว่าลูกอาจจะมีอาการอะไรแทรกซ้อน จนกระทั่งลูกละเมอออกมาว่า 'ผมกินไม่ไหวแย้วค้าบ~*' นั่นแหละที่ทุกคนเลิกกังวลน่ะ"
"แหงะ... นี่ผมละเมอออกมาแบบนั้นเลยเหรอครับ?"
"นอกจากนี้ก็มี 'แม่คร้าบ ผมไม่อยากกินผัก / แม่จ๋า แครอทไม่เอานะ / ม่ายยย ไม่ฉีดยานะค้าบ~*' และก็อื่นๆอีกเยอะแยะเลยละจ้ะ"
"....."
คิระก้มหน้างุดและซุกหน้าแดงๆของตนลงกับผืนผ้าห่ม... ก็ไอ้ที่แม่ว่ามาน่ะมันไม่น่าอายซะเมื่อไหร่กันล่ะ แล้วนี้จากที่เล่ามาแปลว่าบรรดาหมอและพยาบาลได้เห็นเขาละเมอกันยกก๊วนเลยใช่มั้ย? อาย โอ๊ย อายยย~!!!
"ฮะๆๆๆ แม่ครับขอผมแกะห่อของขวัญเลยได้มั้ยครับ อยากรู้จังเลยว่าปีนี้จะได้อะไรบ้างน้า..."
"อ้ะ ได้สิจ้ะ อยากเริ่มแกะจากห่อไหนดีเอ่ย?"
"อันไหนมาก่อนก็ได้ครับ เร็วๆเข้า!!!"
คิระเบี่ยงประเด็นไปที่กองของขวัญแทน ทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มกริ่มกับท่าทีน่ารักของลูกชายก่อนจะหยิบของขวัญจากกองมาให้คิระแกะทีะห่อๆ จนข้างเตียงของคิระเกิดกองกระดาษห่อของขวัญขนาดย่อมขึ้นจากการตะลุยแกะของขวัญตลอกช่วงเช้าของเด็กหนุ่ม
เช่นเดียวกับทุกๆปี ของขวัญของคิระส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกตุ้กตา หนังสือ หรือพวกขนมต่างๆซะส่วนใหญ่ ส่วนน้อยนั้นจะเป็นพวกเครื่องเล่นเกมหรือพวกหนังดังๆที่เขาเปรยๆไปว่าอยากดูนั่นเอง
ส่วนของขวัญจากแม่ของเขานั้นเป็นชุดหนังสือรวมภาพสัตว์ในเทพนิยายต่างๆทั่วโลกที่เขาเคยบอกแม่ไปว่าอยากได้ในปีที่แล้ว น่าแปลกที่ในปีก่อนเขาอยากได้มันใจจะขาด แต่พอได้มันมาจริงๆเขากลับมีสิ่งอื่นที่อยากได้แทน
"... ขอบคุณครับแม่"
คิระยิ้มส่งให้กับแม่และรับหนังสือนั้นมาเปิดอ่านด้วยท่าทีดีอกดีใจเพื่อเอาใจแม่ และพยายามข่มความรู้สึกอยากได้เอาไว้ภายในด้วยรอยยิ้ม...
โดยไม่รู้เลยว่าแม่ของตนกำลังแอบยิ้มกับท่าทีของลูกและขอตัวออกจากห้องไป
.....
ช่วงพักกลางวันมาถึงและผ่านไปอย่างเช่นทุกๆวัน จะต่างกันนิดหน่อยที่วันนี้ทั้งนายแพทย์และพยาบาลทั้งหลายแวะเวียนเข้ามาแสดงความยินดีฉลองครบรอบอายุ 16 ของเขาจนครบทุกคน
แต่คิระลองนับของขวัญดูแล้วกลับพบว่ามันน้อยกว่าทุกๆปี ซึ่งหัวหน้าพยาบาลแอบกระซิบกับคิระว่าหัวหน้าและคณะแพทย์ที่รับหน้าที่ดูแลคิระอยู่วางแผนจะทำเซอร์ไพรส์กับเขาในตอนเย็น ทำให้คิระตั้งหน้าตั้งตารอให้ตอนเย็นมาถึงอย่างกระตือรือร้น
ปุ้งๆๆ!!!
"สุขสันต์วันเกิดจ้าคิระ~*"
ประทัดทรงกรวยถูกดึงจุดสร้างสีสันภายในห้องพักของคิระ โดยในห้องนั้นเต็มไปด้วยเหล่าแพทย์และพยาบาลที่ออกเวรกันเป้็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในห้องมีการจัดโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยของชอบของคิระทั้งนั้น
บรรยากาศในงานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงเวลา 1 ทุ่มตรง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมการมาของคนกลุ่มใหญ่ที่นำโดยชายผมเงินสวมแว่นตาในชุดนายแพทย์ที่ดูฉลาดเฉลียว ตามมาด้วยนักศึกษาที่ตะโกนตามหลังเข้ามาภายในห้องว่า
"เอาล่ะๆ คราวนี้เราก็มาถึงช่วงเวลาหลักของวันนี้แล้ว ขอเชิญหัวหน้าคณะแพทย์ ศาสตราจารย์ ไลท์ โนเวล~*"
"ชื่อของชั้นคือไลท์ แต่ไม่ได้มีนมสกุลโนเวลนะ เดี๋ยวปัดสั่งหักหน่วยกิตซะนี่..."
"แหงะ... / ฮ่าๆๆๆๆ~*"
คณะแพทย์นำโดยนักศึกษาแพทย์กล่าวนำการมาของกลุ่มแพทย์ที่รับหน้าที่ดูแลคิระ ซึ่งหัวหน้าแพทย์เองก็รับมุขของนักศึกษาจนเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
ดร. ไลท์ เป็นแพทย์หนุ่มอายุ 27 ซึ่งนับได้ว่าเด็กมากสำหรับตำแหน่งดอกเตอร์ แม้จะเป็นยุคที่การเรียนการสอนมีการเร่งรัดให้มีการจบไว แต่กระนั้นตามมาตรฐานของคนวุฒิดอกเตอร์ในยุคนี้ยังคงมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29-30 ปีซะส่วนใหญ่ แต่ไลท์นั้นสามารถจบวุฒิดอกเตอรื์ด้ตั้งแต่อายุ 20 ปีและเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลกลางนับตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ให้ความสนใจและยื่นเรื่องเพื่อนำคิระเข้ามาศึกษาในโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณกับคิระมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ด้วยอายุที่ไม่ห่างจากนักศึกษาแพทย์จนเกินไปนี้เองทำให้เขาสามารถคุยกับคิระรวมไปถึงนักศึกษาอื่นๆได้อย่างเป็นกันเอง ทำให้คิระนับถือไลท์เป็นเหมือนพี่ชายของตนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับไลท์ที่มองคิระเป็นน้องชายคนหนึ่งเหมือนกัน
"สวัสดีครับพี่ไลท์ ปีนี้ผมยังไม่เห็นของวัญของพี่เลยนะครับ"
"หึๆๆ เจ้าน้องตัวยุ่ง เจอหน้ากันก็ทวงของขวัญกันเลยเหรอ?"
"แหะๆๆ... ก็แหม ของขวัญจากพี่ชายตัวเองถ้าไม่ทวงมันก็กระไรอยู่นะครับ"
"จุ๊ๆๆ เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นเยอะนะเรา นอกจากพูดแล้วน่าจะเพิ่มการบริหารร่างกายเข้าไปด้วยนะจะได้ลุกขึ้นมาเดินได้ไวๆ"
"ครับ ผมจะพยายามเดินให้ได้ไวๆ"
ไลท์ที่เห็นคิระมาตั้งแต่ช่วงที่อีกฝ่ายยังนอนเป็นผักนั้นเฝ้าดูพัฒนาการของอีกฝ่ายเรื่อยมา ดังนั้นเขาที่เป็นผู้ฝังชิปลงไปตามจุดต่างๆย่อมรู้ดีว่าขอบเขตความสามารถของคิระในตอนนี้สามารถ-ไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง โดยในตอนนี้หากคิระพยายามมากพอเข้าจะสามารถเดินได้ เพียงแต่คิระนั้นขาดแรงกระตุ้นที่จะทำให้เขาหมั่นทำการภาพบำบัด ดังนั้นในวันนี้ไลท์จึงเตรียมของขวัญพิเศษมาเพื่อกระตุ้นให้คิระขยันทำกายภาพบำบัดโดยเฉพาะ
"เอาล่ะ... พี่ขอรวบรัดเลยก็แล้วกันนะ ก่อนที่พี่จะให้ของขวัญชิ้นนี้กับน้องพี่อยากให้น้องรับปากก่อนว่านับแต่นี้ต่อไปทุกวันน้องต้องขยันทำกายภาพบำบัดอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นพี่คงต้องริบของขวัญชิ้นนี้เอาไว้"
"เอ๋~* ทำไมเป็นแบบนั้นอ้ะ~!!!"
"เพราะของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากน่ะสิ ดังนั้นถ้าน้องไม่รับปาก หรือรับปากแล้วทำไม่ได้พี่ก็จะยึดของขวัญชิ้นนี้คืนเหมือนกัน"
"แง..."
คิระส่งเสียงครางเบาๆออกมา ดูน่ารักน่าหยิกเป็นที่สุดเล่นเอาบรรดานักศึกษาและพยาบาลอดเคลิ้มไปไม่ได้ กระทั่งไลท์เองยังต้องแกล้งใช้นิ้วดันแว่นของตนขึ้นเพื่อสะกดกลั้นตัวเองไม่ให้ประเคนของขวัญชิ้นนี้ให้กับคิระไปโดยไม่ได้ต่อรองอะไร
"ให้ผมสัญญาโดยที่ไม่รู้ว่าของขวัญเป็นอะไรแบบนี้มันขี้โกงกันนี่นา~*"
"พี่รับรองได้ว่านี่ต้องเป็นของที่น้องอยากได้แน่ๆ แต่ถ้าน้องไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไรก็ไม่ต้องสัญญามาก็ได้ พี่จะได้เอามันไปคืน"
"ง่า..."
คราวนี้คิระทำหน้ามุ่ยน้ำตาคลอจนพยาบาลบางคนแทบจะโผเข้าไปกอดและโอ๋พ่อตัวดีให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่มีบรรดานักศึกษาแพทย์ช่วยกันยื้อเอาไว้ รวมไปถึงไลท์ที่พยายามกัดฟันข่มตัวเองเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้ตนประเคนของที่ว่าให้กับคิระในทันที
"สัญญาก็ได้ครับแต่ถ้าผมไม่อยากได้ของที่ว่านั่นผมสามารถล้มเลิกสัญญาได้ใช่มั้ย?"
"หึๆๆ... ถ้าน้องเห็นของขวัญแล้วไม่อยากได้จะเลิกสัญญาก็ได้นะ แต่พี่รับประกันได้เลยว่าน้องไม่มีทางล้มเลิกสัญญาอย่างแน่นอน"
"แล้วไหนของขวัญล่ะครับ? พี่ไม่ได้เอามาด้วยเหรอ? หรืออยู่นอกห้องอะครับ?"
"จึ้ๆๆ... ของขวัญชิ้นนี้เอามาให้น้องไม่ได้หรอกเพราะห้องกว้างไม่พอ น้องต้องไปหาของขวัญชิ้นนั้นด้วยตัวเองแล้วละ"
"เอ๋? หวาๆๆ~*"
บุรุษพยาบาลนำรถเข็นเข้ามาพร้อมเหล่านักศึกษาแพทย์ที่อุ้มคิระลงมาจากเตรียงขณะที่กลุ่มพยาบาลตรงเข้ามาเอาผ้าปิดตาคิระเอาไว้ราวกับนัดกันไว้ก่อน เมื่อเห็นท่าทีลนลานของลูกชายแม่ของคิระเลยปรามลูกชายเสียงเรียบว่า
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ พวกพี่ๆเค้าจะพาลูกไปดูของขวัญวันเกิดลูกยังไงละจ้ะ"
"แง ไม่ต้องปิดตาไม่ได้เหรอครับ?"
"แบบนั้นมันก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิจ๊า~* จริงมั้ยพวกเรา?"
ช่ายยย~* กลุ่มพยาบาล บุรุษพยาบาล รวมไปถึงนักศึกษาแพทย์ต่างประสานเสียงรับกันเป็นทอดๆอย่างพร้อมเพรียงกันจนคิระแอบสงสัยว่าของขวัญที่ว่านั้นคืออะไร?
หลังจากถูกปิดตาพร้อมอุ้มขึ้นรถเข็น กลุ่มของคิระก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากห้องไปตามระเบียงทางเดินที่คิระมั่นใจว่าตนไม่เคยผ่านมายังเส้นทางนี้เพราะเป็นเขตหวงห้าม จนกระทั่งล้อรถเข็นหยุดลงนั้นเองที่เสียงของไลท์ซึ่งเงียบไปตั้งแต่ก้าวออกจากห้องเอ่ยกับคิระอีกครั้งหนึ่งว่า
"ขอพี่ทวนสัญญาอีกครั้งนะ ถ้าน้องไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้จะไม่รับมันก็ได้แต่ถ้าน้องชอบต้องทำกายภาพบำบัดวันละ 2 ชั่วโมงนะ"
"อ้าว ตะกี้ยังบอก 1-2 ชั่วโมงอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสองชั่วโมงเป๊ะเลยเหรอครับ"
"มาคิดๆดูแล้วเดี๋ยวถ้าไม่กำหนดเวลาที่แน่นอนน้องจะไม่ยอมฝึกเกิน 1 ชั่วโมงน่ะสิ เลยขอกำหนดเป็นสองชั่วโมงเป๊ะๆเลยดีกว่า"
"โห เปลี่ยนใจไม่เอาทันมั้ยครับเนี่ย?"
"หึๆๆ ไว้เปิดผ้าปิดตาแล้วพี่จะให้เวลาน้องตัดสินใจก็แล้วกัน แต่ให้เวลาแค่ 30 วิเท่านั้นนะ"
"แหงะ กำหนดเวลาอีกแล้วเหรอ"
คิระส่งเสียงอ่อยขณะที่พยาบาลข้างกายเขาค่อยๆแกะผ้าปิดตาออกให้หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปประจำตามจุดต่างๆตามที่นัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว
"....."
คิระกระพริบตาสู้แสงหลังจากผ้าคลายออกเพียงไม่กี่วิ พร้อมภาพของวัตถุบางอย่างที่ปรากฏสู่สายตาของเขา...
เตียงจักรกลที่ดูล้ำยุคซึ่งด้านข้างตัวเครื่องมีแผงวงจรที่ดูสลับซับซ้อนซึ่งนักศึกษาแพทย์หลายคนกำลังทำการตั้งค่าอะไรบางอย่างอยู่ บนตัวเตียงนั้นมีผ้านวมท่าทางนุ่มสบายปูเอาไว้อย่างดีซึ่งบริเวณหัวเตียงนั้นมีเครื่องจักรรูปร่างโค้งงอคล้ายกับอุบกรณ์ในการยึดต้นคอร่วมกับมงกุฏที่เชื่อมอยู่กับสายไฟจำนวนหนึ่ง
คิระรู้จักมันดีเพราะมันเพิ่งจะเป็นที่ฮือฮาในโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่นานมานี้ ถึงการมาของ BED รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการจำกัดจำนวนผลึตออกมาเพียง 20 เครื่องในโลกเท่านั้น!!!
"โอ้โห!!! นี่มัน BED รุ่นใหม่ล่าสุดเลยใช่มั้ยครับเนี่ย!?! พี่ไปเอามาได้ยังไงน่ะ?"
"เหลือเวลาคิดอีก 10 วินะคิระ... น้องจะเอาของขวัญชิ้นนี้รึเปล่า?"
"เอาครับ เอาๆๆๆ~!!! ผมจะเอาของขวัญชิ้นนี้ครับ!!!"
ฮ่าๆๆๆ~* ทุกคนในห้องต่างส่งเสียงหัวเราะกังวานออกมาเมื่อได้เห็นท่าทีลนลานกลัวจะไม่ได้ของขวัญตรงหน้าของคิระ
คิระพยายามหมุนล้อรถเข็นเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆเตียง BED และค่อยๆลูบมันราวกับกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตา แต่สัมผัสของโลหะตรงหน้าก็ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นของจริง
"พี่ลองทำวิทยานิพนท์เกี่ยวกับอาการของน้องและทฤษฏีในการรักษาน้องส่งเข้าสภาแพทย์ผ่านระบบของคอร์ ซึ่งศาสตราจารย์ท่านต่างๆให้ความสนใจกับเคสของน้องมากและลงคะแนนเสียงให้น้องเป็นเคสสำหรับศึกษาของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก"
คิระหยุดลูบๆคลำๆของขวัญตรงหน้าแล้วหันมามองไลท์ด้วยท่าทีตื่นๆ... แปลว่าเขาจะกลายเป็นหนูทดลองงั้นเหรอ?
"แน่นอนว่าพี่ตอบปฏิเสธไปและเสนอให้ใช้เตียง BED เพื่อทำการวิเคราะห์คลื่นสมองของน้องโดยละเอียดโดยคอร์ สุดยอดคอมพิวเตอร์ของโลกและให้เหล่าศาสตราจารย์ต่างๆไปขอข้อมูลของคอร์เพื่อการศึกษาต่ออีกทีหนึ่งเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย แต่เหตุผลจริงๆของพี่นั้นมีอยู่สามข้อด้วยกัน"
ไลท์เว้นช่วงไปครู่หนึ่งและมองดูแววตาสงสัยของคิระก่อนจะยิ้มและกล่าวต่อไปว่า
"ข้อแรก... พี่ไม่อยากปล่อยให้น้องกลายเป็นหนูทดลองให้กับบรรดาศาสตราจารย์จิตป่วยพวกนั้น แต่ละคนกระหายการทดลองกันมากซึ่งหนึ่งในนั้นพี่ได้ยินมาว่าเขาสามารถฆ่าคนเพื่อการทดลองได้ด้วย แต่สังคมสมัยนี้มันไม่ดี แค่เขาจับขโมยขึ้นบ้านไปทดลองแล้วบอกว่าทำเพื่อป้องกันตัวตำรวจก็ยอมปล่อยๆกันแล้ว"
"ข้อต่อมา ในทฤษฏีการรักษาที่พี่คิดขึ้นมานั้นมีทฤษฏีหนึ่งที่ใช้การกระตุ้นคลื่นสมองด้วยสัญญาณไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนอง แต่การจะทำแบบนั้นได้ต้องใช้อุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อนมากๆแถมยังต้องใช้ระบบการควบคุมชั้นเลิศ ดังนั้นพี่เลยแกล้งแหย่ๆไปว่าถ้าให้คอร์รักษาละก็น่าจะได้กรณีศึกษามากกว่า แค่นั้นแหละบรรดาดอกเตอร์จิตป่วยทั้งหลายก็ร่วมหุ้นกันประมูล BED หลังนี้แล้วส่งมาให้พี่นี่ไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ"
ไลท์ส่งเสียงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจเมื่อทราบตัวเลขที่แท้จริงว่าพวกดอกเตอร์โรคจิตทั้งหลายทุ่มงบมากมายขนาดไหนเพื่อซื้อ BED หลังนี้มา... บอกให้ก็ได้ว่ามันเป็นตัวเลขสูงถึง 9 หลักเลยทีเดียว...
"... แล้วข้อสุดท้ายละครับพี่ไลท์?"
"ถามแปลกๆ... เพราะพี่อยากให้มันเป็นของขวัญวันเกิดกับน้องชายตัวแสบของพี่นี่ไงล่ะ น้องน่ะอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาลคงเบื่อแย่ แต่ถ้าน้องใช้ BED ละก็น้องจะได้เข้าไปผจญภัยในเกมออนไลน์ต่างๆได้ยังไงล่ะ~*"
ไลท์ตอบพลางบยี้หัวคิระอย่างมันมือ... ตามจริงแล้ว BED หลังนี้น่าจะมาส่งราวๆเดือนหน้า แต่เพราะแม่ของคิระมาปรึกษากับเขาว่าคิระอยากได้ BED สำหรับเข้าไปเล่นเกม BTO ไลท์เลยจัดการโทรไปบี้เหล่าศาสตราจารย์ให้ลงขันกันซื้อ BED มาให้เร็วๆไม่อย่างงั้นเขาจะปฏิเสธการให้เคสของคิระสำหรับศึกษาผ่านคอร์
ปิ๊บๆๆๆ...
"ตั้งระบบเสร็จแล้วครับดอกเตอร์"
"อืม ดีมาก... น้องจะเข้าไปใน BED เลยรึเปล่า?"
"เข้าไปได้เลยเหรอครับ!?!"
"พี่ให้ทุกคนช่วยกันตั้งเครื่องเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เหลือแค่ให้น้องเข้าไปนอนในเครื่องแล้วตั้งค่าอีกนิดหน่อยน้องก็เล่นเกมได้แล้วล่ะ"
"เย้~!!!"
เมื่อได้เห็นท่าทีของคนตรงหน้าความเหนื่อยที่สั่งสมมาในหลายวันนี้ก็พลอยมลายหายไปจนหมด ซึ่งคณะแพทย์พยาบาลเองก็ค่อยๆจับคิระอุ้มไปใส่ในเครื่อง BED พร้อมจัดแจงสวมมงกุฏโลหะและจับคิระนอนให้รับกับเครื่องจักรที่ทำหน้าที่รับต้นคอของคิระเอาไว้จนเรียบร้อย ก่อนที่ฝาแก้วครอบใสจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาครอบตัวเตียงเอาไว้
"น้องบอกว่าจะเข้าไปเล่นเกม BTO ใช่มั้ย? พี่เองก็เล่นเกมนั้นดังนั้นพี่จะเข้าไปหาน้องที่เกาะเริ่มต้นทันทีที่เคลียร์งานเสร็จ ถ้ายังไงพี่แนะนำให้น้องทำความเข้าใจกับระบบของเกมให้ดีก่อนที่จะเข้าเกมก็แล้วกันนะ"
"แหงะ แล้วใครจะสอนผมเล่นเกมละครับพี่ไลท์?"
"เข้าเกมไปแล้วคอร์จะสอนทุกๆอย่างให้กับน้องเองแหละ เอาหละพี่ว่าน่าจะได้เวลาแล้ว... เชื่อมต่อระบบ BED เข้ากับคอร์ได้!!!"
ปิ๊บ... วู้มๆๆ...
เสียงเครื่องจักรทำงานดังขึ้นโดยรอบพร้อมอากาศภายในครอบแก้วที่ค่อยๆเย็นลงช้าๆ ขณะที่บนตัวครอบปรากฏเส้นแสงจำนวนมากวิ่งสลับไปมาจนลานตา ก่อนที่สติของคิระจะค่อยๆหลุดลอยไปราวกับจมดิ่งลงไปในโลกแห่วความฝัน
สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่จะผลอยหลับไปก็คือประโยคสั้นๆว่า...
ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ผู้กล้าของพวกเรา...
-----
โปรดติดตามตอนต่อไป...
-----
โปรดติดตามตอนต่อไป...
-----
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น