คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Ep.2 ความจริง
# โรงพยาบาลกลาง
2 วันผ่านไปนับตั้งแต่วันที่แม่เข้ามาถามเรื่องของขวัญวันเกิดกับคิระทว่าตัวเขานั้นรู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆนั้นคือการได้เห็นรอยยิ้มของแม่และการได้เห็นแม่มีความสุข ดังนั้นไม่ว่าแม่จะหาอะไรมาให้เขาก็จะยิ้มรับมันอย่างมีความสุขซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำให้แม่ได้
ในวันนี้นอกจากคุณแม่ที่แวะเข้ามาถามถึงหนังสือที่เขาอยากได้แล้วยังมีพี่สาวพยาบาลและหมออีกหลายคนเข้ามาถามถึงของขวัญวันเกิดในปีนี้ของเขา ซึ่งตามปกติแล้วโรงพยาบาลทั่วๆไปคงไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องนี้มันมีสาเหตุของมันอยู่...
คิระอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลนี้มาตั้งแต่จำความได้เพราะอาการป่วยชนิดพิเศษของเขาที่คณะแพทย์ต้องการศึกษาเพื่อหาวิธีรักษา 'โรคประสาทสั่งการร่างกายบกพร่อง'
อาการของโรคดังกล่าวนั้นคือสภาวะผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาท ซึ่งสมองของคิระนั้นมีการทำงานเป็นปกติดี ทว่าร่างกายและระบบประสาทของเขากลับไม่มีการตอบสนองต่อการสั่งการของสมอง ซึ่งส่งผลให้คิระในยามปกตินั้นมีสภาพไม่ต่างกับเจ้าชายนิทราหรือผักที่หายใจได้เพียงอย่างเดียว...
ตามปกติแล้วโรคแบบนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปแต่ในกรณีของคิระนั้นแปลกกว่าเคสทั่วๆไป เพราะแม้ร่างกายจะไม่ตอบสนองกับสมองแต่เมื่อใช้เครื่องตรวจจับคลื่นสมองดูจะพบว่าสมองของคิระสามารถรับรู้ต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นสี กลิ่น สัมผัส การเคลื่อนไหว และอื่นๆจากการทดลองด้วยเครื่องจักรและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ด้วยเหตุนี้เองทางโรงพยาบาลจึงขอรับคิระเข้ามาเพื่อศึกษาหาวิธีรักษาอาการผิดปกตินี้ และหลังจากใช้เวลาศึกษาอยู่หลายปี ผ่านการทดลองหลากกรรมวิธีในที่สุดคิระก็สามารถสั่งการร่างกายในบางส่วนได้เป็นครั้งแรก
ด้วยการฝังเครื่องจักรขนาดเล็กลงไปตามส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อขยายการรับรู้ของระบบประสาททำให้ร่างกายของคิระตอบสนองกับการสั่งการของสมองได้ แม้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนคนทั่วๆไป แต่การที่คิระสามาระพูดคุยโต้ตอบและขยับร่างกายได้นั้นก็ทำให้ผู้เป็นแม่ร่ำไห้ด้วยความปลาบปลื้มได้แล้ว
อารัมภพบทมาตั้งนานแต่เรื่องหลักๆที่ต้องการจะสื่อว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของคิระ เพราะทางโรงพยาบาลยินดีออกค่าใช้จ่ายค่ารักษาครึ่งหนึ่งให้กับคิระรวมไปถึงสวัสดิการของผู้เป็นแม่อีกด้วยทำให้คิระสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งแห่งนี้ได้โดยที่แม่ของเขาไม่ต้องทำงานหนักเหมือนช่วงแรกๆที่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ (แต่ก็ยังต้องทำงานหนักอยู่พอสมควร) ดังนั้นหมอและพยาบาลทั้งหลายในโรงพยาบาลนี้จึงเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของคิระเช่นกัน
หลังจากใช้เวลาตอบคำถามเหล่าพยาบาลและหมอที่เข้ามาถามถึงของขวัญวันเกิดในวันพรุ่งนี้ของเขาจนครบทุกคนก็ล่วงเข้าไปเป็นช่วงค่ำๆเสียแล้ว คิระจึงไม่รอช้าและทิ้งตัวลงนอนเพื่อสานต่อความฝันที่ดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาสำคัญของมัน ซึ่งคิระคาดว่าน่าจะใกล้ถึงจุดจบของความฝันนี้แล้ว...
ครืนนน... ซู่ๆๆ...
ท้องนภาสีเทาหม่นส่งเสียงคำรามโหยหวนอย่างเจ็บปวด ขณะที่พื้นสมุทรเบื้องล่างปั่นป่วนอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเกรงกลัวบางสิ่งบางอย่างที่ทรงอานุภาพยิ่ง
โครมๆๆ!!!
เปรี้ยงงง!!!
เกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่เคลื่อนชนกันเองและร่วงหล่นลงมาจากผืนฟ้าขณะที่อัสนีแล่นผ่ามวลอากาศลงมายังผืนดินเบื้องล่างอย่างต่อเนื่องและแผดเผาผืนป่าจนวอดวาย
ครืนนนน!!!
ตูมๆๆ!!!
ผืนดินปริแตกส่งหินหลอมเหลวสีแดงระอุให้พุ่งทะลักออกมาตามรอยแยกเหล่านั้นขณะที่คลื่นยักษ์ถาโถมกวาดล้างตัวเมืองและผู้คนจนหมดสิ้น...
...โลกแห่งนี้กำลังจะถึงคราวล่มสลาย...
ผู้คนบางส่วนทำได้เพียงกรีดร้องและจมหายไปในเกลียวคลื่นหรือเปลวไฟ บ้างทำได้เพียงหนีตายเอาตัวรอด... และคนบางกลุ่ม... กำลังแหงนมองท้องฟ้าเบื้องบนเพื่อเฝ้ามอง 'ความหวัง' ของพวกเขา...
ในความฝันเมื่อสองวันก่อนคิระได้ทราบความจริงจากมังกรทั้ง 8 ว่าโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นไม่ใช่โลกที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว แต่ยังมีโลกอื่นๆที่แยกจากกันอย่างเป็นเอกเทศอีกด้วย จนกระทั่งใครบางคนเริ่มทำลายกฏเหล่านั้นด้วยการเดินทางข้ามโลกต่างๆตามวิธีการของโลกนั้นๆ
เพียงแค่การเดินทางเฉยๆอาจไม่ส่งผลกระทบขั้นร้ายแรงนัก กลับกันมันอาจจะเป็นผลดีเพราะโลกต่างๆจะได้แลกเปลี่ยนวิทยาการ ความรู้ วัฒนธรรม ทรัพยากร หรืออื่นๆที่สร้างสรรค์ผลประโยชน์อันดีงาม
ทว่าหากมีใครคนหนึ่งที่มีพลังเทียบเคียงหรือเหนือกว่าพระเจ้าของโลกนั้นๆ เกิดมีความคิดที่จะทำลายโลกต่างๆเพื่อให้เหลือโลกของตนเพียงหนึ่งเดียวขึ้นมาล่ะ? ผลกระทบของมันจะเลวร้ายแค่ไหนกัน???
"พวกท่านจะบอกว่ามีใครบางคนกำลังพยายามทำลายโลกต่างๆอย่างงั้นเหรอ?"
'ไม่ใช่พยายาม แต่โลกต่างๆกำลังถูกทำลายลงไปเรื่อยๆในขณะที่พวกเราพูดคุยกันอยู่นี้'
เหล่ามังกรต่างเล่าเรื่องราวต่างๆให้คิระฟังอย่างเชื่องช้าและพยายามบอกเล่าเนื้อหาหลักๆรวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดเท่าที่พวกตนจะเล่าได้ ซึ่งนั่นรวมไปถึงความจริงที่น่าสะพรึงกลัวที่ว่า
มังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 เคยปะทะกับผู้รุกราณมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีตซึ่งผลการต่อสู้นั้นแม้จะสามารถไล่ผู้รุกราณกลับไปได้แต่เหล่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็บอบช้ำเกินกว่าจะเรียกได้ว่าพวกตนชนะ โดยเหล่ามังกรรู้ดีว่าผู้รุกราณจะกลับมาเพื่อทำลายโลกนี้อีกเป็นแน่ดังนั้นเหล่ามังกรจึงคิดจะเฟ้นหาวิธีที่จะต่อกรกับผู้รุกราณ จนกระทั่งทั้ง 8 คิดวิธีขึ้นมาได้ว่า
ด้วยเหตุนี้เหล่ามังกรจึงเฟ้นหาผู้ที่จะถือครองพลังของพวกตนจนมาสู่การคัดเลือกมนุษย์ทั้ง 8 เพื่อค้นหาผู้เพียบพร้อมไปทั้งพลัง ปัญญา ไหวพริบ ความกล้าและอื่นๆจากทั้ง 8 คนนี้ซึ่ง คิระ ก็คือผลพวงจากการทดสอบดังกล่าวนั่นเอง...
'ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น... คิระเอ๋ย เจ้าพร้อมจะแบกรับพลังของพวกเราพร้อมชะตาของโลกนี้หรือไม่?'
"....."
คิระหลับตานิ่งและครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ซึ่งเหล่ามังกรก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจกันได้ง่ายๆ แต่คิระกลับยิ้มและหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวกับเหล่ามังกรทั้ง 8 ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความมั่นใจว่า
"ถ้าพวกท่านคิดว่ามนุษย์ตัวจ้อยอย่างข้าเหมาะสมกับภาระอันยิ่งใหญ่นั้น ข้าก็จะขอแบกรับมันเอาไว้เอง!!!"
ฟ้าว...
เปรี้ยงๆๆ!!!
แสงสีทองและดำแล่นเข้าปะทะกันบนท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวลงไปถึงพื้นดินเบื้องล่าง ขณะที่ก้อนแสงสีทองปลิวกระเด็นออกมาจากการปะทะอย่างเสียศูนย์
วาบ... ฟุ่บๆๆๆๆ!!!
เกิดวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นเบื้องหน้าก้อนแสงสีดำก่อนที่กระสุนเวทย์สีเดียวกันจะถูกสาดออกมาอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายอยู่ที่อีกฝ่ายหนึ่งที่กำลังบินห่างออกไปนั้นเอง
"ฮ่าๆๆๆ!!! สู้กับนายสนุกกว่าสู้กับพวกมังกรนั่นจริงๆซะด้วย!!! มาดูซิว่าคราวนี้นายจะหลบท่านี้ได้มั้ย? รับนี่ไป มหามนตราแห่งความมืดที่ชั้นช่วงชิงมาจากโลกที่ล่มสลาย"
Endless Pain domination!!!
วู้ม... เปรี๊ยะๆๆ วงแหวนมนตราขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งหากแต่คราวนี้สิ่งที่ปรากฏออกมากลับมีเพียงลูกบอลแสงสีดำขนาดยักษ์ที่กำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนสามารถถล่มเมืองให้ราบได้ในครั้งเดียว
"ตายซะเถอะ ผู้ถือครองพลังแห่งมังกร!!!"
ฟ้าว!!! บอลแสงขนาดใหญ่พุ่งลงมายังร่างแสงสีทองที่บินอยู่ต่ำกว่า... มันง่ายที่จะหลบการจู่โจมในครั้งนี้ทว่าหากเขาหลบการโจมตีนี้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่เบื้องล่างจะต้องบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน 'ยังไงก็ต้องรับการโจมตีครั้งนี้เอาไว้ให้ได้!!!' เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วร่างสีทองจึงยุติการเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมรับการโจมตีในครั้งนี้อย่างสุดความสามารถ
"ข้าขอปลดผนึกเจ้าจากพันธนาการ... วานรเทวะผู้เคยก้าวย่างบนสรวงสวรรค์ หงอคง!!! มังกรทมิฬผู้เคยทำลายทั้งอาณาจักรในชั่วราตรี เทียแมต!!! จิ้งจอกเก้าหางผู้มีอำนาจท้าทายเหนือภพทั้งสาม กูมิโฮ!!!"
Seal Break!!! & Release!!!
วาบๆๆ...
แสงสีแดง ดำและทองพุ่งออกมาจากอุปกรณ์ในมือของชายหนุ่มก่อนที่ก้อนแสงทั้งสามนั้นจะกลายร่างเป็นวานรสีแดงควงกระบองทองคำ มังกรสีดำทมิฬซึ่งกางปีกอันใหญ่โตสยายบนผืนฟ้าและจิ้งจอกเก้าหางสีทองขนาดยักษ์ ก่อนที่สัตว์ทั้งสามจะพุ่งเข้าหาก้อนแสงสีดำขนาดยักษ์เบื้องหน้าในทันที
บรึ้มมม!!! แสงสีดำสว่างวาบไปทั่วท้องฟ้าภายหลังการระเบิดครั้งใหญ่... ก่อนที่ร่างขนาดเล็กจำนวน 3 ร่างจะพุ่งออกมาจากแรงระเบิดนั้นจนชายหนุ่มผมดำต้องรีบบินเข้าไปรับร่างทั้งหมดนั้นอย่างร้อนรน
หมับๆๆ ลิงสีแดง... มังกรจิ๋วสีดำ... และจิ้งจอกเก้าหางสีทองตัวกะเปี๊ยกส่งเสียงครางเบาๆอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างอ่อนแรง ขณะทีสัตว์ยักษ์ทั้งสามตัวก่อนหน้านี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สัตว์ทั้งสามยังคงมีลมหายใจอยู่...
"ขอบใจพวกเจ้ามาก... แค่นี้ก็พอแล้วละ..."
"หงิงๆ~?"
จิ้งจอกเก้าหางเงยหน้าขึ้นมามองเจ้านายของตนพลางเลียหน้าผู้เป็นนายด้วยความรัก หากแต่ชายหนุ่มกลับมีรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
"ชั้นไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกแล้ว... นอกจากต้องสละชีวิตของชั้นเพื่อทำลายมันไปพร้อมๆกัน... นี่คือหน้าที่ๆชั้นได้รับมอบหมายมา"
"งี้ดๆๆ!!!"
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจพร้อมๆกับสัตว์อีกสองตัวในอ้อมกอดของเขา... ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยิบอุปกรณ์ชิ้นเดิมขึ้นมาและชูมันใส่สัตว์ทั้งสามในอ้อมกอดของตนด้วยสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดอย่างสุดล้ำออกมา...
"ลาก่อนนะ... ทั้งสามคน..."
Upload All
วู้มๆๆ... ซู่ว!!!
ร่างของสัตว์ทั้งสามกลายเป็นลำแสงและถูกดูดกลับเข้าไปในอุปกรณ์ประหลาดก่อนที่ชายหนุ่มจะชูมันขึ้นเหนือศีรษะและร่ายมนตร์ตราแห่งการจากลาออกมา
"ข้าขอปลดปล่อยพันธะทั้งหมดที่ข้ามีต่อพวกเจ้า ความทรงจำและประสบการณ์ที่เรามีร่วมกันจะเลือนหายไปจากใจเจ้าแต่มันจะสถิตย์อยู่ในใจของเราไปตลอดกาล... สลายพันธะ!!!"
Contact Break!!!
วาบๆๆ
แสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปยังทั่วทุกสารทิศอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนที่อุปกรณ์ดังกล่าวจะดับแสงลงไป พร้อมมือของชายหนุ่มที่เก็บมันลงอกเสื้อไปอย่างทะนุถนอม
"อ้าวๆ... ศึกสุดท้ายระหว่างเราทั้งทีนี่นายคิดจะสู้เพียงลำพังอย่างงั้นเหรอ?"
"ชั้นไม่อยากให้พวกนั้นต้องมาตายในการต่อสู้ครั้งนี้ถ้าจะมีคนตายขอแค่ชั้นคนเดียวก็พอ!!!"
"เปล่าประโยชน์น่า นายเอาชนะชั้นไม่ได้หรอก และโลกนี้ก็ต้องล่มสลายเหมือนกับโลกทั้งหลายที่ชั้นเดินทางผ่านมานั่นแหละ นายทำอะไรไม่ได้หรอก"
เงาร่างสีดำลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าคิระ เผยให้เห็นบุรุษผมสีเงินที่มีแววตาคมกริบซึ่งแอบฉายแววขี้เล่นอยู่ภายใน ชุดคลุมสีดำนั้นมีรอยขาดวิ่นจากการต่อสู้อยู่หลายต่อหลายแห่งทว่าโดยรวมแล้วสภาพของมันนับว่ายังดูดีอยู่มาก หากมองเผินๆจะดูเหมือนนักเดินทางธรรมดาๆที่พบเห็นได้ทั่วไปเท่านั้น
"ทำไม? นายไล่ทำลายโลกต่างๆไปเพื่ออะไรกัน?"
"นั่นสินะ... เมื่อก่อนเหมือนชั้นจะรู้นะว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ตอนนี้ลืมไปหมดแล้วละ"
"ในเมื่อไม่มีเหตุผลแล้วนายจะไล่ทำลายโลกต่างๆไปเพื่ออะไรกัน!?!"
"เหตุผลเหรอมีสิ... เพราะตอนนี้มันเป็นหลักฐานการคงอยู่เพียงอย่างเดียวของคนที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วอย่างชั้นละมั้ง? ถ้าจะให้พูด... ความรู้สึกของชั้นบอกว่ามันเป็นหน้าที่ๆชั้นต้องทำนั่นแหละ"
"สูญเสียความจำ? หน้าที่???"
คิระขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่ฉายแววเศร้าสร้อยเพียงชั่วพริบตาของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้พูดอะไรต่อและกลับไปตีหน้าเคร่งขรึมแกมทะเล้นตามเดิม
"หมดเวลาพูดคุยกันเท่านี้แหละ... ถึงเวลาที่โลกนี้จะต้องดับสูญแล้ว"
"ไม่มีทาง!!! ถ้านายจะทำลายโลกนี้ก็ต้องข้ามศพของชั้นไปก่อน!!!"
คิระประกาศเสียงกร้าวเพราะตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้สู้อยู่เพียงลำพัง เพราะจิตวิญญาณมังกรทั้ง 8 นั้นสถิตย์อยู่ในกายของเขาจากการรวมพลังของทั้ง 8 ให้เป็นหนึ่งเดียว... จะกล่าวง่ายๆก็คือหากเขาตายไปเทพเจ้าทั้ง 8 ก็ต้องตายตกไปตามกันกับเขา แถมโลกนี้ก็จะถูกทำลายลงไปด้วย ดังนั้นเขาจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด!!!
"ดูท่าทางนายจะไม่รู้อะไรเลยนะ... การจะทำลายโลกน่ะคือการทำลายสิ่งที่ผู้คนในโลกนั้นเชื่อมั่น ดังนั้นการที่นายรวมพลังและชีวิตของ 8 มังกรนั่นเอาไว้ที่ตัวนายถึงมันจะช่วยให้นายมีพลังพอจะต่อกรกับชั้นได้แต่หากชั้นฆ่านายได้โลกนี้ก็จะล่มสลายลงไปพร้อมๆกับนายนั่นแหละ"
.....!!! ความจริงที่ไม่คาดคิดทำให้คิระรมไปถึง 8 มังกรในร่างของเขาพลอยตะลึงไปตามๆกัน เพราะเหตุนี้สินะที่ชายตรงหน้าพุ่งเป้ามาเล่นงานเหล่า 8 มังกรก่อนเป็นอันดับแรก... ไม่ใช่เพราะต้องการกำจัดตัวเกะกะแต่เพราะพวกตนเป็นเป้าหมายอยู่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!!!
"เอาล่ะ... มายอมตายซะดีๆชั้นจะได้ไปทำลายโลกอื่นๆต่อ... เผื่อว่าสักวันชั้นจะนึกออกว่าเหตุผลที่ชั้นต้องทำลายโลกต่างๆนั้นคืออะไร?"
"ไม่มีทาง!!! การเดินทางของนายต้องสิ้นสุดลงที่นี่แหละ... ดีเคด!!! (Decade)"
"ถ้ามีปัญญาหยุดชั้นก็เข้ามาเลย คิระ!!!"
โอ้ววววววว~!!! ทั้งสองฝ่ายต่างกู่ร้องเสียก้องก่อนที่แสงสีทองจะพุ่งเข้าปะทะกัน ก่อให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าดั่งดวงตะวันที่ฉายแสงอาบโลกเป็นคราสุดท้าย ตามมาด้วยความมืดมิดอนธกาลเมื่อโลกแห่งนั้นถูกทำลายจนพินาศสิ้น...
พรึ่บ!!! ร่างบอบบางของชายหนุ่มในชุดผู้ป่วยผุดลุกขึ้นโดยที่ร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬที่เปียกซ่กทั้งๆที่ในห้องพักแห่งนี้ติดแอร์เอาไว้อย่างเย็นฉ่ำ ทั้งยังการหายใจอย่างเหนื่อยหอบเหมือนคนที่ออกแรงมาเป็นเวลานาน ทั้งที่ร่างกายของเขานั้นนอนพักอยู่บนเตียงและไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนซักนิด
แหมะๆๆ... หยาดน้ำไสเอ่อล้นบริเวณของตนและหยดลงบนผ้าห่มผืนหน้าบนหน้าตัก... ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่งแต่น้ำตาและความรู้สึกที่จุกแน่นอยู่บนหน้าอกนี้มันคืออะไรกันนะ?
'ดูท่า... เวลาคงจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคิด...'
".....???"
น้ำเสียงหวานทว่าเต็มไปท่วงทำนองของอำนาจที่ยากจะหยั่งถึงดังขึ้นภายในห้องอันว่างเปล่าไร้ผู้คน ก่อนที่บริเวณปลายเตียงของคิระจะค่อยๆปรากฏร่างรางๆของใครบางคนขึ้น
"อึก... ฮึก... ใครน่ะ?"
คิระพยายามปาดน้ำตาที่นองหน้าของตนและจ้องมองผู้มาใหม่แต่ด้วยปริมาณน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาราวเขื่อนแตกนั้นทำให้คิระเห็นเพียงเงารางๆของผุ้หญิงคนหนึ่งที่แม้จะเห็นไม่ชัดคิระก็บอกได้เลยว่าเธอเป็นคนที่สวยมากราวกับไม่ใช่มนุษย์ โดยไม่ทันสังเกตว่าร่างของเธอคนนั้นเป็นเพียงเงารางๆใสคล้ายวิญญาณที่พยายามปรากฏกายให้มนุษย์เห็น
"เวลาของเรามีไม่มากนักคิระ... ความทรงจำของเจ้าเริ่มกลับมาแล้วทีละน้อยๆ แสดงให้เห็นว่ามันคงถึงแก่เวลาแล้วดังนั้นเราจะชี้ทางให้กับเจ้า และที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้าเป็นผู้เลือก"
"ความทรงจำ? ชี้ทาง???"
คิระยังคงขยี้ตาเพราะน้ำตาที่ยังคั่งค้างมันบดบังสายตาของเขา ซึ่งคนตรงหน้าเองก็ไม่รีรอให้คิระได้เช็ดน้ำตาออกไปและกล่าวต่อไปในทันที
"สิ่งที่เจ้าฝันเห็นนั้นไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความทรงจำในภพก่อนของตัวเจ้าเอง... เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ได้แต่หากเจ้าเชื่อเจ้ามีทางเลือกอยู่ 2 ทางด้วยกัน"
หญิงสาวตรงหน้าเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
"ทางแรกก็คือการอยู่ที่โลกนี้ต่อไปในฐานะผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งนี้และจมอยู่กับร่างกายที่ถูกช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปนั้น หรือกลับไปยังโลกของเจ้าเพื่อเติมเต็มภาระหน้าที่ๆคั่งค้างของเจ้าเสีย"
"....."
ในที่สุดคิระก็จัดการกับน้ำตาบนหน้าของตนเสร็จ ก่อนที่เขาจะได้เห็นภาพของหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น พร้อมทั้งเห็นว่าร่างของเธอนั้นโปรงแสงจนดูเหมือนภาพอันเลือนลางอีกด้วย
"คุณเป็นใคร? แล้วทำไมร่างกายของคุณถึง..."
"เรามีเวลาไม่มากนักคิระ... เลือกทางเลือกของเจ้ามาก่อนที่เราจะหายไปซะ"
ในตอนแรกคิระตั้งใจจะถามต่อแต่เมื่อเห็นว่าร่างของอีกฝ่ายกำลังจะจางหายไปเด็กหนุ่มจึงอยู่ในอาการตะลึง เฉกเช่นหญิงสาวตรงหน้าที่เร่งรัดให้คิระตัดสินใจเลือกเส้นทางของตน
"เจ้าจะอยู่ในโลกนี้ด้วยร่างกายที่เหมือนตายทั้งเป็น หรือกลับไปโลดแล่นผจญภัยในโลกของเจ้าเฉกเช่นกาลก่อน?"
"ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด..."
"เช่นนั้นนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน ขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตใหม่ที่สงบสุขและไร้ซึ่งการต่อสู้นี้นะคิระ..."
"....."
คิระตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างสับสน พร้อมภาพของเธอที่ใกล้จะจางหายไปพร้อมสีหน้าอันเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายราวกับว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของทั้งสอง คิระที่สังเกตเห็นแววตานั้นจึงสลัดความลังเลทิ้งไปและรีบตอบหญิงสาวกลับไปว่า
"ผมจะไป!!! ถ้าผมไปยังโลกแห่งนั้นแล้วคุณจะไม่ทำหน้าเศร้าสร้อยแบบนั้นละก็ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนๆผมก็จะไป!!!"
"....."
หญิงสาวคลายสีหน้าและหันมาส่งยิ้มให้กับคิระก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะหายไปว่า
"วันพรุ่งนี้ ข้าจะส่งของขวัญที่พิเศษที่สุดมาให้เจ้า ขอให้เจ้าใช้มันเพื่อข้ามโลกกลับมาหาพวกเรา... แล้วสักวัน..."
ร่างของหญิงสาวจางหายไปพร้อมเสียงทิ้งท้ายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่ดังก้องอยู่ในหูของคิระว่า
'แล้วสักวัน... พวกเราคงได้พบกัน...'
..... คิระยังคงมองค้างไปยังจุดที่หญิงสาวปรากฏกายเมื่อครู่นี้ พลางเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้ายามราตรีโดยไม่รู้เลยว่ากงล้อแห่งโชคชะตาของเขาที่ยุติลงในภพที่แล้วกำลังเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่งเมื่อความจริงทั้งหมดในอดีตถูกเผยให้ชายหนุ่มในโลกใหม่แห่งนี้รับรู้...
[ โปรดติดตามตอนต่อไป... ]
-----
เพิ่มเติม โฉมหน้าของดีเคด...
(ใครเก็ทมุขนี้แปลว่าคอเดียวกัน เหอๆๆ...
ความคิดเห็น