ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dimension Fantasy : การเดินทางของเจ้าชายสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #3 : Ep.2 ผมไม่ใช่เจ้าชายหรอกครับ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 56


         Ep.2 ผมไม่ใช่เจ้าชายหรอกครับ


         
    [ แซ่ดๆๆๆ... ฮะๆๆๆ!!! ]
         [ กุบกับๆ ]



         ม้าหนุ่มรูปงามก้าวเดินไปตามท้องถนนซึ่งเป้นจุดสนใจของบรรดาพ่อค้าแม่ขายและผุ้คนตามท้องตลาดอย่างมาก เนื่องจากผุ้ที่กำลังขี่อาชาแสนงามตัวนี้คือบุรุษหน้าตาหมดจดที่ดึงดูดสายตาของผู้คนไม่แพ้กัน

         ใบหน้าเนียนไร้ราคี นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตฉายแววระริกราวกับไม่เคยเห็นตลาดมาก่อนในชีวิต ชุดคลุมสีน้ำตาลไม่อาจบดบังชุดผ้าฝ้ายที่ตัดเย็บอย่างดี ดาบเรเปีย (Rapier) เล่มงามซึ่งฝังเพชรตระการตาถูกห้อยเอาไว้ข้างเอว เมื่อรวมกับผิวพรรณที่หมดจดบนเรือนร่างงามนั้นแล้ว คงไม่มีใครคิดว่าบุรุษผู้นี้คือสามัญชนธรรมดาๆอย่างแน่นอน

         เนื่องจากฟาวน์ไม่เคยเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณะชนมาก่อน เนื่องจากผุ้เป็นบิดาค่อนข้างเข้มงวดกับการอบรมและจัดวิชาเรียนให้โดยมิขาด สหายที่คบหากันก็ต้องเป็นเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่ตัดสรรมาอย่างดี ทำให้ฟาวน์ไม่เคยได้ออกไปจากปราสาทมาก่อน

         ดังนั้นฟาวน์จึงไม่รู้ว่าชุดที่ตนใส่อยู่ในตอนนี้มันเด่นสะดุดตาผู้คนขนาดไหน ทว่าความตื่นเต้นที่ได้อยู่ท่ามกลางฝูงชนได้บดบังความจริงในข้อนี้ไปจากความคิดของเขาจนมิดเสียแล้ว

         "ว้าว ผลไม้นี่น่าทานจังเลยท่านป้า มันเรียกว่าอะไรรึ?"

         [ ฮึบ... / ตุบ!!! ]
         [ พรืดด... ]



         ร่างสูงกระโดดลงจากหลังอาชาคู่ใจ ที่ส่งเสียงครืดคราดเบาๆหลังจากได้เห็นผลไม้สีแดงสดที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจมันยิ่งนัก แม่ค้าร่างท้วมที่อยู่หลังแผลขายจึงรีบกุลีกุจอวิ่งออกมาหน้าร้านของตนและแนะนำสินค้าบนแผลในทันที

         "โอ้ สิ่งนี้เรียกว่าแอปเปิ้ลเจ้าค่ะ เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหาน บนแผงนี้เพิ่งเด็กมาจากสวนสดๆเมื่อเช้า กรอบ อร่อย แถมสดใหม่จากต้นแน่นอนจ้ะ"

         "อ๋อ นี่คือแอปเปิ้ลนั่นเหรอ? ปกติมีแต่คนปอกใส่จานมาให้เรียบร้อยเลย สภาพก่อนปอกเป็นแบบนี้เองสินะ..."

         "สนใจลองทานสักลูกมั้ยล่ะเจ้าคะ?"

         "อื้ม!!! งั้นเราขอลูกนึง"


         เมื่อได้รัยคำตอบ แม่ค้าร่างท้วมจึงไม่รอช้ารีบหยิบผลไม้สีสดยื่นให้กับชายหนุ่มซึ่งรับมันไปเพ่งพินิจอย่างสนอกสนใจอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งชายหนุ่มลองกัดผลไม้ลูกนั้นเข้าไป

         [ กร้วม ]

         "... อร่อยจัง!!! แบบไม่ปอกนี่ก็ปร่อยไปอีกแบบนะเนี่ย"

         "โฮะๆๆๆ แน่นอนอยู่แล้วละจ้ะ ผลไม้ที่ผ่านการปอกหรือจะสุ้ผลไม้สดๆได้"


         แม่ค้าวัยกลางคนหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจเมื่อชายหนุ่มรับประทานผลไม้ของตนอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ผู้คนโดยรอบเริ่มหยุดเดินและหันมาจ้องมองภาพเหล่านั้นด้วยความสนอกสนใจ จนกระทั่งอาชาข้างกายของฟาวน์ส่งเสียงครืดคราดและเอาจมูกมาดุนแก้มของชายหนุ่มราวกับจะเรียกความสนใจจากอีกฝ่าย

         [ พรืด พรืด~* ]

     
       "หืม? นายอยากกินด้วยเหรอ"

         "ฮี้~*"


         เจ้าม้าส่งเสียงร้องรับอย่างรู้งาน ทำให้ฟาวน์หยิบแอปเผปิ้ลลูกใหม่ป้อนให้กับมันซึ่งอ้าปากกันผลแอปเปิ้ลอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ชายหนุ่มเองก็กัดผลไม้ในมือตนเช้นกัน ซึ่งภาพที่ชายหนุ่มกับอาชาคู่ใจต่างทานผลไม้ด้วยกันนั้นทำให้ผู้คนตามท้องตลาดลอบยิ้มออกมากับภาพอันงดงามนั้นไม่ได้

         "อา ผมว่าฟิลลิปน่าจะอิ่มแล้วล่ะ คิดราคาทั้งหมดเท่าไรห่ครับ?"

         "เอ่อ... ขอคิดสักแปบนะจ้ะ"


         ฟาวน์เอ่ยถามราคาเมื่อม้าคู่ใจของเขาเลิกเอาจมูกมาดุนเพื่อขอแอปเปิ้ลเพิ่ม ซึ่งแม่ค้าร่างท้วมใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งตกลงราคากันได้ในที่สุึด

         "ราคาทั้งหมดคิดเป็น 300 บรีซ (Breeze) จ้ะพ่อหนุ่มน้อย"

         ".....!!!"


         เหล่าแม่ค้าในแผงโดยรอบต่างเบิกตาด้วยความคื่นตะลึง เพราะราคาของแอป้ปิ้ลเหล่านั้นต่อให้กินจนหมดแผงก็ไม่น่าจะเกิน 200 บรีซ แต่ฟาวน์และม้าของเขากินไปไม่ถึง 1 ใน 4 ของแผงเสียด้วยซ้ำ แล้วราคาที่ว่ามานั่นมันอะไรกัน!?!

         "อืม... รอเดี๋ยวก่อนนะครับ"

         "จ้า~"


         แม่ค้าหน้าเลือดเอ่ยรับอย่างเบิกบานที่เด็กหนุ่มตรงหน้าทำท่าจะตกหลุมพรางของเธอเข้าอย่างจัง และด้วยเส้นสายที่ค่อนข้างใหญ่ในแผงตลาดนี้ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามแผงอื่นๆไม่กล้าสอดปากขึ้นมา... จนกระทั่งวินาทีที่ฟาวน์หยิบถุงเงินขึ้นมานั้นเองที่ร่างของใครบางคนเบียดเข้ามาหาร่าวของชายหนุ่มเสียก่อน

         [ ปั่บ!!! ]
         [ ... เอ๋? ]


       
     ถุงผ้าสีหม่นที่ฟาวน์ใช้เก็บเงินถูกบุรุษแปลกหน้าฉกไปจากมือ ก่อนที่ร่างในชุดคลุมสีดำจะเดินแทรกฝูงชนออกไปท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของแม่ค้าเจ้าของแผงแอปเปิ้ลนั้น

         "ตายแล้ว ขโมยยย~!!! พ่อหนุ่มรีบตามไปเร็ว เจ้าหมอนั่นมันขโมยเงินของเธอไปแล้วนะ"

         "อ๋อ... นี่สินะเรียกว่าการขโมย เจอกับตัวแล้วรุ้สึกแปลกๆแฮะ"

         "เอ้า ยังจะยืนงงอีกเดี๋ยวก็ตามมันไม่ทันหรอก!!!"

         "อ้อนั่นสินะครับ ไปกันเถอะฟิลลิป!!!"

         [ ควับ... กึก!!!]
         [ ย่าห์~!!! / ฮี้~!!! ]



         ส่งเสียงร้องและกระตุกบังเหียนเพียงครั้งเดียว อาชาคู่ใจก็เริ่มห้อตะบึงฝ่าฝูงชนไปอย่างทุลักทุเล เพราะผู้คนต่างเบียดเสียดตามท้องถนนเต็มไปหมด จนฟาวน์ต้องดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้าและตบคอของมันเบาๆเป้นเชิงให้สงบ

         "รอชั้นอยู่นี่ก่อนนะฟิลลิป เดี๋ยวชั้นกลับมา... นายค่อยๆเดินตามชั้นมาก็แล้วกันนะ"

         "พรืดดด..."


         เจ้าม้าส่ายหัวไปมาอย่างขัดใจแต่ก็ยิมยืนนิ่งๆอย่างว่าง่าย ทำให้ฟาวน์สามารถกระโดดจากหลังของมันขึ้นไปบนแผงลอยในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสะดวกแก่การมองหาอีกฝ่ายมากกว่าบนท้องถนน ขณะที่อาชาคู่ใจค่อยๆเดินแหวกฝูงชนตามเจ้านายของตนไปทีหลัง

         "... อยู่นั่นสินะ"


         เรือนผมสีเงินของคนที่แย่งถุงเงินไปจากฟาวน์เดินแหวกฝูงชนไปอย่างร้อนรนอยู่เบื้องหน้า ทำให้ชายหนุ่มรีบเรียกใช้สายลมให้มารวมตัวกันอยู่ที่เท้าและออกแรงกระโจนไปในทันที

         [ ตึก ตึก ตึก!!! ]
         [ เฮ้ย!?! / ว้าย? / กรี้ด~!!! ]


         
    เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อเท้าของฟาวน์กระทบกับหลังคาของแผงต่างๆ สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนและพ่อค้าตามแผงต่างๆ ซึ่งเจ้าของชุดคลุมด้านหน้าเองก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงความผิดปกตินี้ รอยยิ้มบางจึงค่อยๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากนั้น พร้อมกับร่างในชุดคลุมที่เลี้ยวเข้าตรอกข้างทางไปอย่างร้อนรน

         "อ้ะ อย่าหนีนะ!!!"


         ฟาวน์ไม่รอช้าและรีบกระโดดตามอีกฝ่ายเข้าไปในตรอกในทันที ทว่าสองเท้าของชายหนุ่มกลับต้องหยุดชะงักเมื่อร่างในชุดคลุมสีดำยืนกอดอกพิงกำแพงอยุ่ในตรอกนั้น พลางควงถึงเงินของเขาเอาไว้ในมือด้วยท่าทีสบายๆเสียอย่างนั้น

         "เอ้า นี่เงินนาย..."

         [ ฟิ้ว... หมับ!!! ]


         ตัวถุงถูกโยนกลับมาอย่างว่าง่าย ขณะที่ฟาวน์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีงุนงงว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะขโมย แล้วเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?

         "เจ้าของแผงนั่นต้องการจะโกงเงินนาย... ชั้นเลยต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้นายเสียเงินโดยใช่เหตุน่ะ"

         "แต่ยังไงการทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ เพราะมันจะทำให้พ่อค้าแม่ค้ารู้สึกเสียขวัญได้"

         "... ดูท่านายไม่แปลกใจเลยนะที่ชั้นบอกว่าแม่ค้าคนนั้นตั้งใจจะโกงนายน่ะ?"


         ร่างในชุดคลุมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อสีหน้าของฟาวน์ฉายชัดว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าแม่ค้าคนนั้นคิดเงินเกินราคา แต่เขาก็ยังเต็มใจควักเงินจ่ายให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ทักท้วงซะอย่างนั้น

         "ยังไงซะนั่นก็เป็นอาหารมือแรกที่ผมได้ทานหลังจากออกเดินทาง ดังนั้นผมเลยยินดีที่จะจ่ายเงินให้ แม้จะรู้ว่ามูลค่าของผลไม้เหล่านั้นไม่ถึงที่เธอเสนอมาครับ"

         "....."


         ร่างในชุดคลุมเลิกคิ้มขึ้นด้วยความประหลาดใจ พร้อมรอยยิ้มบางที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าอย่างขบขัน

         "นายนี่น่าสนใจจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าโดนหลอกแต่นายก็ยังเต็มใจจะให้เขาหลอกอย่างงั้นเหรอ?"

         "ผมไม่คิดว่าตัวเองโดนหลอกครับ แต่ผมเต็มใจให้เขาด้วยตนเอง"

         "ฮะๆๆ... ฮ่าๆๆๆ!!! นายนี่น่าสนใจจริงๆด้วย"


         ร่างในชุดคลุมค่อยๆขยับผ้าคลุมหัวออก เผยให้เห็นเรือนผมสีเงินและนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ฉายแววระริกราวกับพบเรื่องสนุกก็ไม่ปาน ก่อนที่คนเบื้องหน้าจะเอ่ยทักทายพร้อมยื่นนมือให้ฟับฟาวน์อย่างเป็นมิตร

         "ชื่อของชั้นคือ มานูอิด นอยเออร์ (Manuid Neuer) จะเรียก นอย ก็ได้นะชั้นไม่ถือ"

         "ฟาลโก้ วิสเปอร์ ครับ... เรียกผมว่า ฟาวน์ ก็ได้ถ้าไม่รังเกียจ"

         "วิสเปอร์? อย่าบอกนะว่านาย..."


         แววตาของนอยฉายแววระริกยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ทราบชื่อของอีกฝ่าย เพราะสุกลวิสเปอร์นั้นทั่วทั้งอาณาจักรนี้ก็คงมีเพียงเชื้อประวงศ์ของผู้ครองอาณาจักร และด้วยอายุอานามของคนตรงหน้านี้แล้ว คงเป้นอื่นไปไม่ได้นอกจากรัชทายาทเพียงคนเดียวของราชาองค์ปัจจุบัน

         'หึๆๆ... เรื่องนี้ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ' นอยครุ่นคิดอยู่ภายในใจขณะที่คนทั้งคู่จับมือเพื่อทักทายกันหลังจากแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว...


    .....
     

         [ แซ่กๆๆ... ]
         [ ตุบ!!! ]


         หลังจากเดินเข้าป่ามาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดความเหนื่อยล้าก็มีชัยเหนือความถึก เมื่อร่างของบิลทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรงพลางปลดเป้สัมภาระของตนลงไว้ข้างกาย โดยขนาดของเป้นั้นเมื่อวางเทียบกับบิลแล้วร่างขององครักษ์หนุ่มจึงดูเล็กไปถนัดตาแม้ว่าร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาจะสูงถึง 190 Cm. ซึ่งนับได้ว่าสูงมากแล้วก็ตาม

         "แฮ่กๆๆ... พอมานั่งดูแบบนี้แล้วก็น่าสงสัยอยู่นะว่าเราแบกไอ้กระเป๋านี่วิ่งมาได้ไงทั้งคืนเนี่ย?"


         บิลเอ่ยถามกับตัวเองขณะที่สองมือของเขาคว้าถุงบรรจุน้ำขึ้นมาดื่มพลางนั่งพักด้วยความเหนื่อย... กระเป๋าเป้นี่ไม่ใช่ของที่เขาจัดเตรียมขึ้นมา แต่เป็นของที่องค์ราชาและราชินีสั่งให้ทหารหามาให้เขาและบรรจงคัดสรรของที่เขาต้องพกมาด้วยตัวพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน มุ้ง เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวต่างๆของเจ้าชาย อาหารแห้่ง อุปกรณ์ทำครัว ฟืน อุปกรณ์จุดไฟ และสารพัดสิ่งของที่นักเดินทางควรจะมี

         ทว่าคนที่ต้องรับหน้าที่ยกของเหล่านี้กลับกลายเป็นบิลซะอย่างนั้น!!! เนื่องจากข่าวการหายตัวไปขององค์ชายไม่อาจแพร่งพรายออกไปให้สาธารณะชนทราบได้ ดังนั้นบิลจึงต้องออกเดินทางเพียงลำพัง แถมด้วยสัมภาระที่ดูเหมือนกับจะยัดบ้านใส่มาในกระเป๋าได้นั้นทำให้ไม่มีม้าตัวไหนยอมให้บิลเข้าใกล้แม้แต่ตัวเดียว

         (ลองให้บิลขึ้นไปนั่งเกรงว่าม้าตัวนั้นคงสติไม่ดีหรือวอยหาที่ตายเป็นแน่แท้...)


         ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นรวมกับคำขู่เบาๆที่ราชินีกระซิบข้างหูของเขาทำให้บิลต้องออกแรงวิ่งทั้งที่มีสัมภาระเต็มอัตรามาตลอดทั้งคืน เนื่องจากคำขู่ขององค์ราชินีนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่บิลจะยอมให้เกิดขึ้นได้

         ทว่าแม้จะออกแรงวิ่งมาตลอดทั้งคืนแล้วแต่องครักษ์หนุ่มก็ยังไม่เห้นวี่แววของฟาวน์ เจ้าชายตัวแสบที่เป้นต้นเหตุให้เขาต้องออกเดินทางเลยแม้แต่น้อย

         "โอย... เห็นสัมภาระแบบนี้แล้วชักอยากตามตัวฟาวน์กลับไปเร็วๆซะแล้วสิ... ฟาวน์โว้ยนายอยู่หนาย!!!"

         [ ซ่าๆๆ... ]


         เสียงใบไม้พลิ้วไหวยามต้องลมดังขึ้นราวกับจะตอบคำถามของบิล ทว่าองครักษ์หนุ่มที่ไม่มีความสามารถเหมือนกับฟาวน์จึงทำได้เพียงทรุดกายนั่งนิ่งๆเพื่อพักให้หายเหนื่อยและดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบกายไปพลางๆ

         จนกระทั่งเสียงพูดคุยเบาๆที่แววมาตามสายลมดึงความสนใจของบิลให้เงี่ยหูฟังประโยคเหล่านั้น...


         "ฮี่ๆๆ~* ตกลงจะยอมไปกับพวกเราดีๆมั้ยพี่สาว?"

         "แหม~... โดนชายหนุ่มตั้ง 5 คนล้อมแบบนี้ชั้นคงไม่มีสิทธิปฎิเสธไม่ใช่เหรอคะ"

         "ใช่แล้ว ดังนั้นพี่สาวว่าง่ายๆแล้วตามพวกเรามาซะจะดีกว่านะ"

         "แหมๆ~... พี่สาวชักกลัวแล้วละสิ ก็พวกเธอมีกันตั้ง 5 คนนี่นา..."

         "ไม่ต้องห่วง พวกเราจะนุ่มนวลกับพี่สาวนะ ถ้าพี่สาวไม่ขัดขืนพวกเรามากจนเกินพอดีน่ะ"


         ประโยคดังกล่าวช่วยกระตุ้นแรงฮึดที่ดับวูบของบิลได้อย่างชะงัด เมื่อร่างสูงทำการคลานต่ำ (?) ตามเสียงเหล่านั้นไปและค่อยๆแหวกพุ่มไม้ออกเพื่อแอบดูสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งชายกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมกรอบหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่แต่งกายด้วยชุดกิโมโนของทางตะวันออก... เกรงว่าเธอจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ผ่านทางมาเท่านั้น

         ทว่าการแต่งกายของกลุ่มชายเหล่านั้นกลับดูมอซอและเปรอะเปื้อนแถมยังมีอาวุธจำพวกขวาน ดาบ และธนูประดับอยู่บนร่างของพวกนั้นอีกต่างหาก เมื่อรวมกับภูมิทัศน์ที่เป็นป่าด้วยแล้วเกรงว่าชายหลุ่มนี้จะเป้นโจรป่าที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้

         "แหม~... แบบนี้พี่สาวก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากตามพวกเธอไปดีๆสินะจ้ะ"

         "โอ้ พี่สาวคนนี้เข้าใจอะไรง่ายดีนี่นา"

         "เอ... แต่ถ้าพี่สาวชอบความรุนแรงล่ะ พวกเธอจะช่วยสนองให้พี่สาวได้มั้ยจ้ะ?"

         "... โชคดีแล้วเว้ยพวกเรา!!! พี่สาวคนนี้ชอบความรุนแรงว่ะ"

         "เดี๋ยวพวกเราจะจัดให้พี่แบบถึงใจอย่างแน่นอน!!!"


         บรรดาชายหนุ่มเริ่มย่างสุขุมเข้ามาหาหญิงสาวซึ่งก้าวถอยหลังไปจนชิดตัวต้นไม้ ซึ่งหลังจากหมดทางหนีเป้นที่เรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาเมื่อตนไม่สามารถถ่วงเวลาต่อไปได้อีก แถมทางหนีของเธอก็ถูกปิดตายด้วยชายฉกรรจ์ถึง 5 นาย... ท่าทางงานนี้เธอคงไม่วายต้องเปลืองตัวฟรีเสียแล้ว


         [ เปรี้ยง!!! / โครม~!!! ]
         [ หา? / เฮ้ย!?! / อะไรวะ!!! ]



         ทว่าจู่ๆเงาร่างสุงใหญ่ก็พุงออกมาจากพุ่มไม้พร้อมซักร่างของชายคนหนึ่งจนปลิวไปกระแทกกับตัวต้นไม้ ทำให้กลุ่มโจรที่เหลือซึ่งเห็นเงาร่างตรงหน้าต่างส่งเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ

         "มะ... หมี~!!!"

         "เสียใจด้วย แต่ชั้นเป็นคนโว้ย!!!"

         [ ผัวะ!!! / โอ๊ก~!!! ]


         ชายอีกคนหนึ่งตกเป็นเหยื่อของกำปั้นขนาดยักษ์เมื่อบิลฉุนขาดที่โดนเข้าใจผิดว่าตนเป็นหมี... ถึงตัวเขาจะสูงใหญ่แบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะชอบให้คนมาว่าหรอกนะ!!!

         "ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยพี่สาว?"

         "เอ่อ... จ้ะ"


         บิลรีบใช้ร่างของตนเป้นโล่และขยับร่างให้หญิงสาวหลบอยู่ข้างหลังตนพลางแสดงท่าทีคุกคามออกมาอย่างเห็นได้ชัด
    ทำให้กลุ่มโจรโดนรอบต่างขวัญเสียและรีบร้อนชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อมโจมตี

         "อย่ามายุ่งดีกว่าน่า พี่สาวคนนั้นเขาตกลงไปกับพวกเราแล้วนะโว้ยไอ้หมียักษ์"

         "ถ้าพวกนายไม่ใช้คนจำนวนมากมาขู่ชั้นว่าเธอคงไม่อยากไปกับพวกพี่ชายหรอกว่ะ... แล้วอีกอย่าง... ชั้นเป้นคนโว้ยไม่ใช่หมี!!!"

         "อย่าอยู่เลยโว้ยไอ้หมีหน้าคน!!!"

         "ก็บอกแล้วว่าตูเป็นคน~!!!"


         บรรดาโจรป่าต่างกระโจนเข้าหาบิลพลางตวัดด้ามขวานและดาบเข้าใส่ ทว่าบิลกลับยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นและกางแขนของตนออกเล็กน้อย... จนกระทั่งใบดาบและคมขวานเข้าถึงระยะโจมตีนั้นแหละที่บิลตวัดแขนทั้งสองของตนด้วยความเร็วสูง!!!

         [ เปรี้ยงๆ!!! / กร๊อบ... ]
         [ ฮะ... เฮ้ย? ]



         ทั้งใบดาบและคมขวานต่างหักสะบั้นเมื่อบิลตวัดมือเข้าใส่อาวุธทั้งสองในอาศาที่พอเหมาะด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ส่งผลให้อาวุธทั้งสองถูกทำลายลงในชั่วพริบตา ทว่าชายอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมโจมตีด้วยรีบฉวยโอกาสที่บิลเปิดช่องว่างพุ่งเข้าหาองครักษ์หนุ่มจากด้านข้างในทันที

         "ตายซะเถอะ ไอ้มนุษย์หมี!!!"

         "แย่แล้ว!!!"


         คมดาบพุ่งเข้าหาสีข้างของบิล ขณะที่ชายหนุ่มพยายามบิดตัวกลับมาเพื่อรับการโจมตีนั้น ทว่าร่างในชุดขาวเคลื่อนกายเข้ามาขวางคมดาบเอาไว้ท่ามกลางสีหน้าตื่นตะลึงของทุกๆคนในบริเวณดังกล่าว

         "เฮ้ย หลบไป!!! / พี่สาว!!!"

         "....."


         หญิงสาวขยับร่างเข้ามาขวางคมดาบและบิลเอาไว้ จนโจรป่าที่พุ่งเข้ามาเผลอชะงักเท้า ทำให้เธอเผยรอยยิ้มบางๆออกมาพลางก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่ายในจังหวะเดียวกัน

         [ วูบ... กึก... โครม!!! ]
         [ ...เอ๋? / หา? / เฮ้ย??? ]



         ใบดาบเฉียดผ่านร่างของหญิงสาวไปเมื่อเธอบิดตัวผ่านคมดาบเข้าไป ขณะเดียวกันเท้าของเธอก็ก้าวเข้าไปขัดขาของอีกฝ่าย พร้อข้อมือที่ซัดตรงเข้าใส่ปลายคางอย่างแม่นยำ ส่งผลให้ร่างขอโจรป่ารายนั่นร่วงลงไปกองอยู่บนตัวพื้น ท่ามกลางอาการตื่นตะลึงของบิลที่เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมด

         การเคลื่อนไหวของเธอไม่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่กลับแฝงเอาไวด้วยความอ่อนช้อยและหนักแน่นซึ่งคงความงดงามเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

         "เห็นแก่พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ที่เข้ามาช่วย พี่สาวจะยอมปล่อยพวกเธอไป... แต่ถ้าพวกเธอคิดจะลงมือต่อแล้วละก็"

         "เพ้ออะไรของหล่อนวะ? พวกเราลุยโว้ย!!!"

         "... ยังมีพวกเหลืออยู่อีกเหรอครับ?"


         น้ำเสียงของบิลที่ซัดโจรป่าอีกคนหนึ่งจนหมอบคามือเอ่ยถามกับโจรคนสุดท้าย ที่เหลืออยู่เพียงลำพัง ทำให้ใบหน้านั้นแสดงความตื่นตระหนกออกมาพร้อมประโยคประจำของตัวร้ายที่ถูกใช้กันมาอย่างเนิ่นนาน...

         "ฝะ... ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!!!"

         [ ฟ้าววว~!!! ]
         [ ..... ]


         ร่างสูงของบิลมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปจนลับสายตา ก่อนที่เขาจะหันกลับมาเพื่อเตรียมเก็บกวาดซากของกลุ่มโจรที่เหลือ ทว่าบนพื้นกลับปรากฏเพียงความว่างเปล่า เมื่อกลุ่มโจรบนตัวพื้นแอบคลานหนีไปเงียบๆโดยไม่มีใครรู้ตัวก่อนแล้ว

         "บร้ะ... หนีไวดีแท้ไอ้พวกนี้"

         "คิกๆๆ"


         เสียงหัวเราะเบาๆของหญิงสาวทำให้ใบหน้าของบิลขึ้นสีจางๆ เมื่อคิดได้ว่าตนแสดงเรื่องที่ไม่สมควรให้อีกฝ่ายได้เห็น แต่เขากลับตกเป็นฝ่ายถูกช่วยเอาไว้เสียเอง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าอับอายในฐานะองครักษ์อย่างมาก

         'เฮ้อ... ครั้งแรกก็ปล่อยให้ฟาวน์หนีไปได้ ครั้งนี้ก็ยังมาโดนพี่สาวคนนี้ช่วยเอาไว้อีก แบบนี้เราจะเป้นองครักษ์ที่ดีได้ยังไง?' บิลแอบครุ่นคิดอยู่ภายในใจพลางหันกลับมาพินิจหญิงสาวข้างกายที่กำลังยืนยิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตรและจริงใจ

         หญิงสาวมีส่วนสูงอยู่บริเวณระดับอกของเขาเท่านั้น น่าจะสูงไม่เกิน 165 Cm. ผิวขาวเนียนราวหิมะ สวมทับด้วยกิโมโนสีขาวซึ่งรับกับเรือนผมสีเดียวกันซึ่งซอยระลำคออย่างสวยงาม แววตาสีแดงทับทิมแลดูน่ากลัว ทว่าแววตาที่เธอเผยออกมานั้นช่างดูอ่อนโยนขัดกับสีที่เจิดจ้านั้นเสียจริง

         ดูจากหน้าตาและท่าทางที่เธอแสดงออกแล้วช่างชวนให้ผู้คนโดยรอบเรียกเธอว่า 'พี่สาว' เสียจริง เพราะด้วยท่าทีและกริยาที่ดูอ่อนช้อยนั้นรวมกับใบหน้าที่ดูอ่อนโยนแล้วทำให้เธอดูเป็นสาวที่มีอายุแม้ว่าใบหน้าของเธอจะดูอ่อนเยาว์ก็ตามที

         "ขอบใจเธอมากเลยนะที่เข้ามาช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพวกนั้นคงลากพี่สาวไปทำมิดีมิร้ายเป็นแน่"

         "ไม่เป็นไรครับ... ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เข้ามาช่วยผมเอาไว้เมื่อครู่นี้"

         "แหม~ นอกจากเป็นคนดีแล้วยังถ่อมตัวอีกด้วยนะเนี่ย"

         "แหะๆๆ..."


         คนตุวสูงลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเขิน เพราะน้อยครั้งนักที่เขาจะได้รับคำชมแบบนี้เนื่องจากปกติต้องคอยอยู่ข้างกายฟาวน์ตลอดเวลา ทำให้นี่เป้นคำชมแรกที่เขาได้รับในรอบหลายปีมานี้เลยทีเดียว

         "เอ้อ เกือบลืมแนะนำตัวแน่ะ... ผมชื่อบิล บิ๊กกาย ครับ พี่สาวล่ะมีชื่อว่าอะไร?"

         "หืม~? พี่สาวชื่อ วิโอล่า จ้ะ วิโอล่า ซิโฟร์ (Viola Scifo) ยินดีที่ได้รู้จักน้ะจ้ะบิล
    "


     
    .....

         [ ง่ำ!!! กรุบๆๆๆ ]

         "เห... งั้นนายก็คือเจ้าชายแห่งตระกูลวิสเปอร์ เจ้าผู้ครองประเทศนี้จริงๆสินะ?"

         "ครับ แต่ผมเบื่อชีวิตในวังเลยอยากจะลองออกมาสัมผัสชีวิตในโลกภายนอกบ้างน่ะ ง่ำๆๆ ไอ้นี่อร่อยดีนะครับ"


         หลังจากได้ทำความรู้จักกับนอยแล้วพูดคุยกัน อีกฝ่ายจึงยอมลอมเข้าไปจ่ายเงินค่าแอปเปิ้ลตามใจฟาวน์และกลับมาพาอีกฝ่ายเดินเที่ยวในตัวเมือง เนื่องจากเขาพักอาศัยอยู่ในเมืองนี้อยู่แล้วดังนั้นการพาเที่ยวในตัวเมืองจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก จนกระทั่งเพื่อนใหม่ของเขารู้สึกเหนื่อย นอยจึงชวนอีกฝ่ายซื้ออะไรบางอย่างมานั่งกินกันข้างทางอย่างที่เห็นนี้

         "ไอ่นี่เหรอ? เรียกว่าไก่ทอดไม่มีกระดูกไง... แจ้บๆๆ... ในวังไม่มีอะไรแบบนี้รึยังไง?์"

         "ไม่หรอกครับ เพราะส่วนใหญ่อาหารในวังจะเป้นพวกอาหารที่ปรุงใส่จานมาแบบสวยงามซะมากกว่า ผมเพิ่งเคยจะได้กินอะไรแบบนี้เป้นครั้งแรกนี่ละ งั่มๆๆ... แถมในวังการพูดไปกินไปก็ทำไม่ได้ด้วยนะครับ มันเสียมารยาทน่ะ... ท่วาแม่ว่างั้น"

         "... ในวังก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องดีสินะ? ฟังจากที่นายเล่ามาขืนให้ใช้ชีวิตแบบนายมีหวังชั้นได้เครียดตายกัยพอดี กรุบๆๆ..."


         ฟาวน์เล่าถึงสาเหตุที่ตนหนีออกมาจากวังให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะนอยนั้นแม้ภายนอกจะดูน่าสงสัย ทว่าสายลมที่พัดอยู่รอบๆร่างของเขานั้นดูซื่อตรงไม่เสแสร้ง ทำให้หาวน์กล้าเล่าเรื่องจริงให้อีกฝ่ายฟังโดยไม่มีการปิดบัง

         ทางนอยเองก็แสดงจริงใจด้วยการพาฟาวน์เดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในตัวเมืองและเล่าเรื่องราวเกียวกับโลกภายนอกให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบังจนทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็ว

         "หงุบๆๆ... เอื๊อก!!! เอาล่ะฟาวน์ จำเอาไว้อย่างนะว่านายไม่ควรเปิดเผยตนว่าเป็นเจ้าชาย"

         "เอื๊อก!!! เอ๋ ทำไมละครับ?"


         หลังจากกินชิ้นไก่กันจนหมดแล้วนอยจึงหันมาช่วยเตือนฟาวน์ให้ปิดบังสถานะของตนเอาไว้ ซึ่งพ่อตัวดีก็รีบกลืนไก่ในปากและหันไปถามอีกฝ่ายด้วนสีหน้าฉงนในทันที

         "ก็นะ... ถ้านายเปิดเผยตัวว่าเป็นเจ้าชายละก็ประชาชนคงตามติดนายแจ... พ่อแม่นายก็คงตามตัวนายถูก และอีกไใ่นานนายก็คงโดนพากลับวังใช่มั้ยล่ะ? ถ้าปบบนั้นนายคงไม่ได้เดินทางตามที่นายต้องการแบ้วละ"

         "อา... นั่นสินะครับ"


         ประโยคของนอยทำให้ฟาวน์เข้าใจถึงเหตุผลของการปิดบังฐานะ ซึ่งในตอนนั้นเองที่เด็กสาวคนหนึ่งหันมาเห็นชุดและการแต่งกายของฟาวน์และฟรี่เข้ามาทักชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

         "นี่ๆ พี่ชายแต่งตัวแบบนี้พี่ชายเป้นเจ้าชายใช่รึเปล่าคะ?"

         "....."


         ประโยคของเธอทำให้ผู้คนโดยรอบรีบหันมามองฟาวน์ที่แต่งตัวเหมือนเจ้าชายด้วยความสงสัยแบบเดียวกัน จนนอยที่เห็นท่าทีตะลึงค้างของเพื่อนข้างกายต้องเอาข้อศอกกระทุ้งฟาวน์เพื่อเตือนสติ ทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มจริงใจตอบกลับไปพลางชูกล่องใส่ไก่ทอดในมือ

         "ผมน่ะไม่ใช่เจ้าชายหรอกครับ เจ้าชายที่ไหนจะมานั่งกินไก่ทอดริมถนนแบบนี้ล่ะจริงมั้ย? ว่าแต่สนไก่ทอดสักชิ้นมั้ย?"

         "เอาสิคะพี่ชายรูปหล่อ~♥"


         แม้จะรู้สึกเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ใช่เจ้าชาย แต่เด็กสาวก็เต็มใจรับชิ้นไก่จากมือของชายหนุ่ม ท่ามกลางรอยยิ้มของผู้คนโดยรอบที่กลับไปเดินซื้อของกันตามเดิม และรอยยิ้มของนอยที่พึงพอใจกับการแก้ตัวเฉพาะฟน้าของฟาวน์ ก่อนที่ตนจะหยิบชิ้นไก่ในมือขึ้นกินต่ออย่างสบายอารมณ์


     
    -----

    [ โปรดติดตามตอนต่อไป ]

     
    -----

     
    พิเศษ ภาพประกอบของตัวละครใหม่

     


     
    มานูอิด นอยเออร์ หรือ นอย



    วิโอล่า สาวสวยที่บิลบังเอิญผ่านไปเจอกลางป่าวิสเพอเรีย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×