ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic G Seed&Destiny]เทพีแห่งความรักผู้โดดเดี่ยว

    ลำดับตอนที่ #2 : นางฟ้าเส้นผมสีซากุระ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 49


    มาต่อตอนที่สองแล้วค่าทำไมมีคนเม้นต์คนเดียวเองง่าช่างเถอะก็ยังดีขอขอบพระคุณที่มาเม้นต์นะคะ ส่วนรูปนี่ไว้จะทำเป็นลิ้งมาให้นะคะ

    Phase 2 นางฟ้าเส้นผมสีซากุระ

    ในเช้าวันใหม่ชายหนุ่มเส้นผมสีน้ำตาลเงาลุกขึ้นจากเตียงอันแสนอ่อนนุ่มแล้วเดินไปเปิดม่าน ภาพยามเช้าของเมืองนี้ทำให้เขาเบิกบานใจไม่น้อยเมืองสีขาวนวลที่ถูกฉาบไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้ากับเสียงของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ดังก้องไปทั่วราวกับนาฬิกาบิ๊กเบน เขายืนมองภาพนี้ซักครู่แล้วจึงหันหลังกลับไปทำกิจวัตรประจำวัน  ไม่นานเขาก็เดินออกไปข้างนอกห้อง ที่ข้างนอกเขาได้เจอกับเพื่อนผมสีครามเดินมาที่หน้าห้องน้องสาวเขา

    "อ้าวอัสรัน อรุณสวัสดิ์"เขาทักเพื่อนอย่างสดชื่น

    "อืม อรุณสวัสดิ์"เพื่อนของเขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้าที่สดชื่นเช่นเดียวกับเขา

    "จะไปปลุกคางาริเหรอ"

    "เอ่อ..ใช่ ดูสิยังไม่ตื่นเลย"เขาตอบอย่างเซ็งๆ

    "จริงด้วย สงสัยต้องใช้ไม้เดิมฝากด้วยนะอัสรัน"คิระยิ้มเล็กๆแล้วเดินไปที่ห้องรวม

    "อืม"อัสรันตอบแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องพลางเดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ

    ขณะที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเดินไปที่ห้องรวมเขาก็พบกับมิลิอาเรียกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่

    "อ้ะ อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านคิระ"เธอทักเขาด้วยรอยยิ้ม

    "อืม อรุณสวัสดิ์"แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าเธอมองไปทางขวาทีซ้ายที

    "เอ่อ..แล้วท่านอัสรันกับท่านคางาริล่ะคะ"เธอถามทันทีเมื่อไม่เห็นแขกอีกสองคน

    "อ๋อ อัสรันเขากำลังไปปลุกคางา..."คิระยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงดังลั่นมาจากห้องของคางาริ

    "อัสรัน!!!!!! นี่นายอีกแล้วเหรอ!"สิ้นเสียงไม่นานประตูห้องของน้องสาวฝาแฝดของเขาก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มเพื่อนสนิทของเขาก้าวออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่ทะเล้น

    "ฮะๆๆ...ว่าไงอัสรันวันนี้ก็เหมือนเดิมสินะ"คิระบอกพลางหัวเราะออกมา

    "เอ่อ  ก็นะ"อัสรันตอบพร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย

    "นี่มัน..เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ.."สาวน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนถามแบบงงๆ

    -----------------------------------

    ย้อนกลับไปตอนที่อัสรันเข้ามาในห้องของคางาริ

    ชายหนุ่มก้าวเดินมาที่เตียงใหญ่สีขาวบริสุทธิ์อย่างเงียบๆแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออก ทำให้มีแสงส่องเข้ามาในห้องทำให้เห็นว่าบนเตียงมีสาวน้อยผมทองในชุดกระโปรงสีขาวนอนหลับอย่างมีความสุข  เส้นผมสีทองที่ปล่อยสยายที่ส่องประกายรับแสงแดดยามเช้าและใบหน้ายามหลับของสาวน้อยจอมแก่นทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ เขาค่อยๆขึ้นไปบนเตียงอย่างเบาๆแล้วใช้มือของเขาลูบไล้ไปบนเส้นผมสีทองของเธอก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงไปถึงใบหน้าอันสวยน่ารักของเธอ เธอขยับตัวเล็กน้อยราวกับรู้สึกถึงการสัมผัสของเขา แต่สาวน้อยกลับยังไม่ยอมลืมตาตื่น

    'คงยังไม่ยอมตื่นสินะ'เขามองหน้าเธอพลางคิด

    ไม่รอช้าชายหนุ่มอุ้มร่างของสาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาเป็นจังหวะพอดีที่เธอพลิกตัวทำให้ใบหน้าของเธอมาประจันหน้ากับเขาใบหน้าของเขาและเธอห่างกันไม่กี่คืบ

    "อืม.."ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย จนทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงนี้อดใจไม่ไหวก้มหน้าลงไปใกล้ๆเธอ แต่ทว่าตอนนั้นเอง

    ฟึ่บ!

    คงเพราะความไออุ่นจากตัวเขาทำให้เธอตื่นขึ้น เธอจ้องหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้ริมฝีปากห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น

    "อ.อรุณสวัสดิ์คางาริ"ชายหนุ่มกล่าวพร้อมยิ้มแห้งๆ

    "อัสรัน!!!!!! นี่นายอีกแล้วเหรอ!"คางาริตะโกนพร้อมกับผลักอัสรันออกไป

    "นายคิดจะทำอะไรน่ะ!"เธอถามอย่างหัวเสียปนเขิน

    "ก..ก็ปลุกเธอไง..อุ๊บ!"เธอปาหมอนใส่เขาเต็มแรงจนเขาเซไปเลย

    "ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะออกไปเลย!"แฟนสาวไล่ให้ชายหนุ่มออกไป

    "โธ่..คางาริอย่าใจร้ายอย่างนั้นสิ แค่จะปลุกเองรึว่าอยากให้ทำอย่างอื่น"ชายหนุ่มไม่วายแหย่สาวน้อยเล่นพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    "ออกไป๊!"เธอปาหมอนใส่เขาอีกใบแต่คราวนี้ชายหนุ่มหลบพ้น

    "จ้าไปแล้วจ้า คุณหญิงคางาริ ซาล่า"เขาพูดพร้อมทั้งเปิดประตูโดยมีเสียงของคางาริตะโกนตามหลัง

    "อ.อ้าสร๊าน!!!!!!!!"เธอตะโกนอย่างฉุนเฉียวพร้อมกับนั่งหน้าแดงพลางหอบอยู่นานจนพอตั้งสติได้แล้วจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว

    -------------------------------------------------

    เมื่อประตูห้องของสาวน้อยเปิดออกสาวน้อยผมสีทานตะวันได้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงจนพี่ชายของเธอแทบจะไม่กล้าทัก

    "อ.อรุณสวัสดิ์ คางาริ"

    "อรุณสวัสดิ์!"เธอตอบห้วนๆพร้อมส่งสายตาที่บอกว่าโมโหสุดๆออกไป

    "ค..คางาริ"ชายหนุ่มเรียกชื่อแฟนสาวอย่างเกรงๆ

    "อะไร!"เธอหันควับไปหาอัสรันด้วยสายตาที่น่ากลัวกว่าเดิม

    "คือว่า..อย่าโกรธเลยนะ"

    "ไม่ได้โกรธ!"ถึงคำพูดจะบอกว่าไม่ได้โกรธแต่สายตากับน้ำเสียงของเธอไม่ได้บอกอย่างนั้นเลย

    "อย่าไปโกรธอัสรันเลยน่า"คิระที่สงสารอัสรันช่วยปรามคางาริแต่ท่าทางชายหนุ่มจะคิดผิดซะแล้ว

    "ก็บอกว่าไม่ได้โกรธ!"เสียงของเธอยิ่งฟังดูน่ากลัวมากขึ้น

    'ก็โกรธอยู่นี่ไง'ชายหนุ่มทั้ง 2 คิด อัสรันนิ่งไปซักพักก็ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรออก ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาคางาริที่ยืนกระฟัดกระเฟียดอย่างอารมณ์เสีย

    "คางาริ"

    "อะไร..!"แล้วสาวน้อยก็ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มได้ก้มหน้าลงมาหอมแก้มเนียนของเธอ  ไม่เพียงทำให้คางาริตกใจเท่านั้นมิลี่กับคิระเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

    "อ..อัสรัน"สาวน้อยผมทานตะวันพูดด้วยใบหน้าที่แดงจัด ชายหนุ่มได้จ้องมองลึกลงไปในเนตรสีอำพันของเธอจนเธอต้องหลบตาด้วยความเขิน

    "อย่าโกรธเลยนะคางาริ"เจ้าของเนตรสีมรกตส่งสายตาอ้อนวอนไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้หันกลับมาสบตากับเขาแล้ว

    "ก.ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ"เสียงของคางารินุ่มลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างสบายใจ ทั้ง 2 มองตากันหวาดหยดจนกระทั่งชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนี้อีกคนเริ่มทนไม่ได้

    "อะแฮ่ม!"คิระกระแอมออกมาเสียงดังจนคู่หนุ่มสาวทั้ง 2 สะดุ้งสุดตัว

    "ถึงจะเป็นคู่หมั้นกันแต่ก็ไม่ควรจะทำอะไรเกินเลยนะ"

    'นั่นไงออกมาแล้วคิระเวอร์ชั่นหวงน้องสาว'ทั้ง 2 คนคิดพลางมองหน้าชายหนุ่มที่มาขัดความหวานของพวกตนไว้

    ".รู้แล้วน่า"น้องสาวตอบอย่างเขินๆ

    "งั้นไปกินข้าวเช้ากันเถอะ"อัสรันบอกพลางเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร


    ---------------------------------------------------------

    "นี่คิระแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกันน่ะ"น้องสาวหันมาถามพี่ชายฝาแฝดของเธอ

    "อืมก็เมื่อวานชั้นไปมาแล้วนี่นาวันนี้เธอไปกับอัสรันละกัน"พี่ชายตอบ

    "อืมงั้นไปแล้วนะ"น้องสาวบอกพลางเดินออกจากประตูไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม

    ชายหนุ่มเส้นผมสีน้ำตาลเงานั่งอยู่ในห้องได้ซักพักก็ลุกขึ้นพร้อมกับบอกว่า

    "เมื่อวานไปดูเมืองมาแล้ว วันนี้ก็ลองเดินดูในคฤหาสน์มั่งดีกว่า"ว่าแล้วมือก็หยิบเสื้อนอกสีดำขึ้นมาสวมแล้วเดินออกไปจากห้อง

    ทางเดินที่เขาเดินอยู่ในคฤหาสน์นั้นถูกปูด้วยพรมสีแดงตลอดทางผนังสีครีมนวลดูเข้ากับพรมสีแดงและบนผนังยังคงมีโคมไฟดวงเล็กๆที่ไม่ได้ถูกจุดติดเอาไว้ บนฝ้าเพดานก็มีลวดลายคล้ายๆตัวโน๊ตสีดำประดับเอาไว้ทั่ว  เขาเดินไปเรื่อยๆจนพบกับห้องโถงใหญ่ที่กว้างพอสมควร  ที่นี่เองก็ถูกปูด้วยพรมสีแดงทั่วไปหมดเพียงแต่บนพรมนั้นมีลายดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ ฝาผนังเองก็มีสีขาวปนส้มมากกว่าสีครีมบนเพดานเป็นกระจกแก้วใส โดยตรงกึ่งกลางเพดานนั้นมีภาพของดวงตะวันสีทองอยู่ ชายหนุ่มเพ่งมองที่ภาพนั้นแล้วก็รู้สึกว่ามีภาพอะไรบางอย่างซ้อนอยู่ในภาพของดวงตะวันนั้นเพียงแต่เขากลับไม่สามารถมองดูมันได้เพราะแสงตะวันที่สาดส่องเข้ามาในดวงตาของเขาทำให้เขามองดูภาพนั้นพร่ามัว

    ในขณะที่เขาพยายามมองดูภาพนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเพลงอันแสนหวานลอยมากระทบกับโสตประสาทของเขา เขายืนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปตามต้นเสียงที่เขาได้ยิน เสียงเพลงนั้นลอยมาจากเส้นทางที่เปิดโล่งออกไปข้างนอก เขาเดินออกไปอย่างช้าๆภายนอกนั้นเป็นสวนดอกไม้เล็กๆที่มีโต๊ะกลมสีขาวอมชมพูตั้งอยู่ และที่เก้าอี๊ตัวหนึ่งหญิงสาวเส้นผมสีซากุระกำลังขับขานบทเพลงอันอ่อนหวานอยู่

    "  รอยยิ้มของเธอที่อบอุ่นดั่งดวงตะวัน
    ในตอนนี้อยู่ที่ใดกันนะ
    เธอยังคงได้ยินเสียงของชั้นอยู่ใช่ไหม
    ยังคงคิดถึงชั้นอยู่ใช่ไหม...

        หากแม้นเมื่อคราที่เธอจากไป
    อยากจะแผ่สยายปีกอันบริสุทธิ์
    แล้วโบยบินสู่ท้องนภาเพื่อพบเธอ
    อยากโผเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของเธอ

        แต่ปีกของชั้นมันได้มลายสิ้นไปแล้ว
    แต่ชั้นยังคงเหลือสิ่งนั้นอยู่
    ความรักที่มีให้เธอมันยังคงอยู่
    หากเวลานั้นมาถึงชั้นจะสร้างปีกขึ้นมาใหม่
    แล้วโบยบินไปหาเธออีกครั้งแน่นอน..."

    ในเวลานั้นเองชายหนุ่มได้รู้สึกว่าเขาได้เห็นปีกสีขาวบริสุทธิ์บนแผ่นหลังของเธอและในขณะเดียวกันเธอก็หันมาหาเขาราวกับรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้พร้อมกล่าวทักทายเขาด้วยถ้อยคำอันแสนไพเราะ

    "สวัสดีค่ะท่านยามาโตะ ไม่สิคงต้องเรียกว่าท่านคิระสินะคะ"เธอยิ้มหวานจนเขาเกือบจะลืมตอบกลับไป

    "เอ่อ..ครับสวัสดีครับท่านลักซ์"

    "วันนี้ท่านมิได้ออกไปชมเมืองกับพวกท่านอัสรันหรอกหรือคะ"

    "คือเมื่อวานผมให้เฟรย์พาไปมาแล้วน่ะครับ"

    "งั้นเหรอคะ"ชั่วแว่บหนึ่งเขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของเหรอเศร้าลงแต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา

    "ท่านคิระเป็นคนที่ไหนเหรอคะ"เธอถามเขา

    "อ๋อ ผมเกิดที่เมืองเฮลิโอโปลิสน่ะครับ"

    "เฮลิโอโปลิส?"เธอทวน

    "ใช่ครับคางาริก็ด้วยส่วนอัสรันเค้าเกิดที่ซาฟท์แต่มาโตที่เฮลิโอโปลิสน่ะครับ"คิระเริ่มเล่าเรื่องของเขาและพวกของเขาให้เธอฟัง โดยทางเจ้าหญิงผมสีซากุระก็ดูมีความสุขมาก

    "ว่าแต่คุณเกิดที่นี่เหรอครับ"ชายหนุ่มลองถามเธอบ้าง

    "ค่ะ ข้าน่ะเกิดและโตที่นี่ค่ะ"เธอบอกอย่างเรียบๆ

    "แล้วไม่เคยออกจากที่นี่เลยเหรอครับ"

    "..ค่ะ"เขาสังเกตว่าน้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความเศร้า

    "ทำไมล่ะครับ"เขาถามต่อ

    "คือว่า..."เธอรู้สึกลังเลที่จะตอบแต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้น

    "ท่านลักซ์คะได้เวลาแล้วค่ะ"มีเด็กสาวผมสีน้ำตาลยาวเดินมาเรียกเธอไป

    "งั้นหรือ ขอบใจนะเจสสิก้าข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ"ร่างบางในชุดสีขาวลุกขึ้นจากเก้าอี้สีขาวอมชมพู

    "ข้าขอตัวก่อนนะคะ เชิญท่านเดินดูคฤหาสน์นี้ตามสบายนะคะ"เธอบอกแล้วเดินจากไป

    ตัวชายหนุ่มมองทางไปมาไม่นานเขาก็เห็นเส้นทางที่เดินออกไปจากที่นี่เท้าของชายหนุ่มได้นำพาเขาไปทางนั้นทันที สถานที่ที่ประตูนั้นเชื่อมไปก็คือเส้นทางในเมืองทรงยุโรปที่แสนงดงาม แม้จะมีรอยแตกร้าวอยู่ตามตึกก็ตาม

    "เป็นเมืองที่เงียบจริงๆ..."ขณะที่เนตรสีแอมทิมิสต์มองไปรอบๆนั่นเอง พลันนั้นสายตาของเขาก็สังเกตเห็นรอยแตกขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังของตึก

    "หืม?...มีรอยใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย"ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ตรงนั้นทันที พอได้มองดูดีๆก็ทำให้ได้รู้ว่ามันใหญ่ขนาดที่เขาสามารถลอดผ่านเข้าไปได้ทีเดียว ชายหนุ่มไม่รอช้าลองลอดเข้าไปทันที เบื้องหลังของรอยแตกนั้นก็คือ...

    "นี่มัน..."

    -------------------------

    "ฮ้า...เหนื่อยจังเล้ย......"เสียงของสาวน้อยเปรยออกมาเมื่อเดินเข้าไปในห้องของตนเอง

    "งั้นให้ผมช่วยนะ"เสียงเจ้าเล่ห์อันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง

    "เอ๋?..ว้าย!"เธอร้องอุทานออกมาก็จะไม่ให้ร้องได้ยังไงก็เมื่อมีอันแข็งแรงของแฟนหนุ่มได้โอบอุ้มเธอขึ้นมา

    "ไง รู้สึกสบายขึ้นรึยัง"ชายหนุ้มเย้าแหย่หญิงสาว

    "นี่ปล่อยชั้นนะ!"แต่สาวน้อยไม่เล่นด้วยพร้อมกับเริ่มโวยวายและดิ้นอยู่ในวงแขนของเขา

    "นี่อย่าดิ้นสิเดี๋ยวก็..."

    โครม!

    ไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มพูดจบทั้ง 2 ก็ลงไปกองกับพื้นซะแล้ว

    "อะ อูย"สาวน้อยส่งเสียงด้วยความมึน

    "ไม่เป็นไรนะ"เสียงของชายหนุ่มถาม

    "อ อืม..เอ้ะ!"เธอเริ่มสงสัยว่าทำไมเสียงมันดังมาจากข้างล่าง พอดูดีๆตอนนี้เธอล้มทับอยู่บนตัวชายหนุ่มซะแล้วแถมชายหนุ่มยังมือไวคว้าเธอไปกอดอีกต่างหาก

    "นี่ปล่อยสิ"เธอส่งเสียงบอก แต่คำตอบที่ได้คือ

    "ไม่ปล่อย"ชัดเจนมากชัดเจนจนเธอเริ่มโมโห

    "ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ"เธอเริ่มขึ้นเสียงจนชายหนุ่มต้องยอม

    "..ก็ได้"มือที่กอดเธออยู่คลายออกเธอค่อยๆลุกขึ้นยืนแต่พอเธอลุกขึ้นได้ไม่นานขาเจ้ากรรมก็ดันไปสะดุดกับเก้าอี้อีก คราวนี้เธอเกือบจะล้มลงไปแล้วดีที่ชายหนุ่มลุกขึ้นรับไว้ได้ทัน

    "ไหนว่าให้ปล่อยไง"ชายหนุ่มกระเซ้าเย้าแหย่เธอ

    "งั้นรับไว้ทำไมล่ะ"สาวน้อยกล่าวด้วยเสียงงอนเล็กๆที่แฟนหนุ่มเอาแต่แหย่เธอ

    "โอ๋..อย่าโกรธสิครับก็ผมจะปล่อยให้สุดที่รักของผมมีบาดแผลได้ยังไงกัน"ชายหนุ่มป้อนคำหวานจนสาวน้อยหน้าแดง

    "บ.บ้าน่ะ พูดอะไรน่ะ"เธอเบือนหน้าหนีด้วยความเขิน ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วเคลื่อนใบหน้าไปข้างหูของสาวน้อย

    "นี่คางาริขอต่อจากเมื่อเช้าได้มั้ย"แค่คำเดียวความแดงก็เลยขึ้นไปถึงใบหูของเจ้าหล่อน

    "คนบ้า.."

    "แล้วไม่ได้เหรอ.."ชายหนุ่มส่งเสียงอ้อนหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วจับเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา

    "ก.ก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ว่าชั้นเขินนะ"เธอพยายามหลบเนตรสีมรกตคู่งามที่ทำให้เธอถึงกับอ่อนไหว

    "งั้นก็หลับตาสิ"ชายหนุ่มเสนอ สาวน้อยผนักหน้าเบาๆแล้วเงยหน้าขึ้น  ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าของตนเองเข้าไปใกล้กับหญิงสาวจนทั้ง 2 รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกันซึ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้น ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่กี่เซนเท่านั้น ทว่าในขณะนั้นเอง...

    "ขอโทษนะ ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ"เสียงของมารผจญที่เข้ามาขัดความสุขของทั้ง 2 ไม่ใช่ใครอื่น คิระนั่นเอง

    "ค.คิ..คิระ.."คู่หนุ่มสาวที่โดนขัดโดยคนที่คาดไม่ถึงทำเอาแทบพูดไม่ออกทีเดียว  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ดวงเนตรอันสุกสว่างของเขายังคงจ้องมองทั้งคู่อยู่

    "แล้วจะอยู่ในท่านั้นอีกนานไหม"เสียงของเขาดุดันขึ้นเล็กน้อย  จนทั้งคู่ต้องรีบผละออกจากันโดยเร็ว

    "เอ่อ..งั้นชั้นไปก่อนนะคางาริ"ชายหนุ่มผมสีครามรีบเดินออกจากห้องไปก่อนที่พี่ชายของแฟนสาวจะออกอาการ"หวงน้องสาว"มากกว่านี้  สาวน้อยผมสีทานตะวันก็พยักหน้าพอเห็นเพื่อนสนิทออกไปพี่ชายฝาแฝดของสาวน้อยจึงออกไปบ้าง เมื่อประตูห้องปิดลงอัสรันก็โวยเพื่อนรักทันที

    "โธ่...คิระนายไม่น่ามาขัดเลย"อัสรันบอกอย่างเสียดาย

    "แล้วถ้าชึ้นไม่เข้าไปขัดพวกนายจะทำอะไรกันต่อล่ะ"เพื่อนสนิทตอกกลับไป(เน้นนะว่า ตอก)

    ".............."ไร้เสียงตอบกลับจากอัสรัน

    "แล้วถ้าเกิดคุณพ่อคุณแม่กับคุณลุงแพทริกรู้เข้าจะทำยังไงแล้วยังมีป้ารีนัวร์อีก"คิระเล่นเอาญาติโกโหติกามาอ้างจนเพื่อนผมสีครามนิ่งไปเลย

    "...ก.ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ยังไงคางาริก็เป็นคู่หมั้นชั้นนะ"เมื่อได้สติชายหนุ่มก็ตอบเพื่อนรักกลับไป

    'ก็จริงนะ..เฮ้อช่วยไม่ได้'คิระบ่นอยู่ในใจ

    "งั้นคราวนี้ชั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นละกัน เอาล่ะชั้นไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์"คิระบอกพลางหันไปเปิดประตูห้องของตนเอง

    "อืม ราตรีสวัสดิ์"ขณะที่อัสรันกำลังจะก้าวขานั่นเอง

    "นี่อัสรันนายอย่าได้คิดจะแอบเข้าไปในห้องคางาริเชียวนะ"คิระส่งสายตาประมาณว่า ถ้าแอบเข้าไปได้มีเรื่องแน่ๆมาให้

    "ร.รู้แล้วน่า"ชายหนุ่มเมื่อได้ฟังก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจที่เพื่อนสนิทดันรู้ทันความคิดของตน  พอคิระปิดประตูไปอัสรันก็พูดขึ้นมาแทบจะทันทีว่า

    "เอาเถอะไว้คราวหน้าค่อยไปหาคางาริก็ได้"แล้วเขาก็เดินเข้าห้องของตนไปอีกคน

    #############################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×