ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คำปฏิเสธและคำสารภาพแห่งรัก
Phase 10 คำปฏิเสธและคำสารภาพแห่งรัก
"เฮ้อ..."เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มผมสีกาแฟดังขึ้นอีกครั้งในห้องเป็นรอบที่ร้อยพอดี ทำให้เพื่อนสนิทและน้องสาวฝาแฝดจำต้องหันกลับมาดูอีกครั้ง
"นี่คิระนายเป็นอะไรของนายน่ะ"เพื่อนสนิทถาม
"ทำไมเหรอ..."ท่าทางคนที่ถูกถามจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นถอนหายใจมาตลอดตั้งแต่หลังอาหารเที่ยงแล้วด้วยซ้ำจนทำให้น้องสาวสุดน่ารัก(?)ต้องรู้สึกฉุนเล็กน้อย
"คิระนี่นายไม่รู้ตัวเลยรึไง ชั้นกับอัสรันน่ะนั่งฟังเสียงนายถอนหายใจมาครบร้อยแล้วนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า"ตอนแรกๆก็ออกแนวบ่นแต่พอมาถึงท้ายประโยคน้องสาวก็ลดเสียงลงและแสดงอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นตามปกติเขาคงปลื้มใจน่าดูเพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่
"ไม่..."คำตอบสั้นๆทำเอาคางาริทำหน้ามุ่ย ยกเว้นแต่เพื่อนสนิทที่รู้ทันพูดขัดขึ้นมา
"ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะไม่มีเรื่องกลุ้มใจน่ะ นี่คิระฉันเป็นเพื่อนนายมาสิบกว่าปีแล้วนะ"
"ปล่าวฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"คิระรีบตอบกลับเพราะกลัวเพื่อนเข้าใจความหมายที่พูดผิด
"แล้วยังไงล่ะ"น้องสาวถาม
"...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"เฮ้อ......."คราวนี้พอได้ฟังคำตอบจากชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากคิระที่ถอนหายใจอยู่มาเป็นอัสรันและคางาริแทนทันที แต่เนตรสีไวโอเล็ตก็ไม่ได้สนใจทั้งสองยังคงนั่งเหม่อต่อไป
'ในตอนนั้นเราทำไมถึงได้ทำแบบนั้นนะ...'และแล้วภาพในวันนั้นที่เขากอดหญิงสาวเจ้าของผมสีซากุระไว้โดยไม่รู้ตัวก็ย้อนกลับมาใบหน้ากร้านขึ้นสีเล็กน้อยแต่อีกสองคนในห้องก็ไม่ได้ทันสังเกต
'เราทำไมถึงได้....กอดท่านลักซ์ ก็เราไม่ได้คิดอะไรกับเธอนี่นาหรือว่าเรา...'ยิ่งคิดยิ่งสับสนและว้าวุ่นใจ เขาไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของตนเองได้เลยจึงได้แต่มองไปบนท้องฟ้าสีครามสีเดียวกับนัยน์ตาของเธอคนนั้นผ่านหน้าต่างกรอบสีไม้โอ๊คเงา ในขณะนั้นเองเจ้าของผมสีทานตะวันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างลอยมตามลม หญิงสาวจึงถามชายที่ยืนอยู่ข้างกาย
"อัสรันได้ยินใช่มั้ย"เขาพยักหน้าน้อยๆแล้วเงี่ยหูฟัง
"นี่มัน..เสียงเปียโนนี่นา"แน่นอนคนที่ได้ยินเสียงนี้ไม่ใช่เพียงชายหนุ่มและหญิงสาวยังมีเขาอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งมองท้องนภาอยู่ ทันทีที่เสียงเพลงลอยมากระทบกับโสตประสาทเขาก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ต่างจากตอนนี้ บทเพลงนั้นฟังดูอบอุ่น อ่อนโยนและนุ่มนวล
'เสียงนี้...ไพเราะเหลือเกิน ราวกับเรากำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกสบายเหลือเกิน'รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาทำให้อีกสองคนในห้องรู้สึกโล่งใจ
"...อัสรัน นายว่าใครเหรอที่กำลังเล่นเปียโนอยู่"เขาถามเพื่อนที่ยืนยิ้มอยู่
"ไม่รู้สิ นายลองออกไปตามหาดีมั้ย"เพื่อนสนิทเสนอ คนฟังรู้สึกถูกใจในคำตอบเขาพยักหน้าเชิงรับแล้วเดินออกไปจากห้อง
"อย่างงี้ค่อยสมเป็นคิระหน่อยเนอะ"น้องสาวฝาแฝดกล่าวหลังจากที่มองพี่ชายของตนเองเดินออกไปแล้ว
"ใช่แล้ว ว่าแต่...แล้วอย่างไหนถึงจะสมเป็นคางาริล่ะ"เสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้นหลังจากที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน ใช่หลังจากวันที่เขาต้องง้อเธออยู่นาน เพราะสาวน้อยคนนี้ดันงอนที่เขาเสน่ห์แรงซะได้ ทำให้ตอนนี้ชักเริ่มอยากจะแกล้งเธอขึ้นมาแล้วเหมือนเอาคืน
"พูดอะไรของนายน่ะอัสรัน"ท่าทางเธอจะยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังคิดจะกระทำและมันก็กำลังจะไม่ใช่แค่คิดแล้วด้วย
"...ก็ฉันชักอยากจะเห็นคางาริในแบบที่อยากจะเห็นน่ะสิ"ไม่ว่าเปล่ามือใหญ่ได้โอบกอดหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนเธอสะดุ้ง
"อ..อ...อัสรัน"หญิงสาวรู้ตัวก็เมื่อสายไปแล้วตอนนี้เธอได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่ชายหนุ่มกลับกอดเธออย่างสบายอารมณ์ โลหิตสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าจนทำให้หน้าเนียนๆสีขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารักตบท้ายด้วยใบหน้าเขินๆของเธอเมื่อชายหนุ่มหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
"หยุดนะอัสรัน!"เสียงเล็กๆกล่าวประท้วงแต่ชายหนุ่มในตอนนี้กลับทำหูทวนลมแถมยังยิ้มอย่างสบายใจเฉิบ แล้วยังเริ่มไล่จูบร้อนไปตามลำคอขาวๆอีกด้วย
"บอกว่า...ให้หยุดไงเล่า!"คราวนี้ไม่พูดเปล่าเธอกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องเขาเต็มๆเล่นเอาซะเจ็บไม่น้อย
"โอ้ย! คางาริมันเจ็บนะ"คนโดนดีโอดครวญพลางยืนกุมท้องด้วยความเจ็บ
"หึ ไม่สนแล้ว"ว่าแล้วร่างเพรียวก็รีบจ้ำเท้ากลับห้องอย่างรวดเร็ว เนตรสีมรกตมองตามอย่างขำๆ
"โอยเจ็บ แต่แบบนี้ก็สมเป็นคางาริล่ะนะ"พูดจบเจ้าตัวดีก็เดินกลับห้องบ้าง แต่ว่าจะเลิกลาแค่นี้แน่เหรอ อัสรัน ซาล่า
---------------------------------
เสียงเปียโนดังกึกก้องไปทั่วห้อง เสียงนั้นเกิดจากเปียโนหลังใหญ่สีดำขลับและเงาวับที่ตั้งอยู่ในห้องกว้างสีครีม พื้นถูปูด้วยพรมสีแดงไร้ลวดลายใดๆ โต๊ะน้ำชาสีขาวตัดกับผืนพรมวางอยู่ห่างเปียโนไม่มากนักที่โต๊ะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีเขียวเข้มนั่งอยู่ผมสีช็อกโกแลตถูกรวบเอาไว้สูงประดับด้วยดอกไม้มือซ้ายถือถ้วยชากระเบื้องสีครีมลายดอกลาเวนเดอร์ไปพลาง ใช้เนตรสีองุ่นมองอีกบุคคลหนึ่งที่นั่งอยู่ที่เปียโนหลังใหญ่ ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มผมสีหยกกำลังดีดเปียโนอยู่บนเก้าอี้สีดำข้างเปียโน ดวงตาสีคาราเมลไล่เลียงตัวโน๊ตไปตามแถวประสานกับมือทั้งสองที่คอยดีดไปบนแผงเรื่อยๆ รอยยิ้มอ่อนโยนผุดอยู่ยนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์สลับกับตัวโน๊ตที่ถูกร้อยเรียงออกมาทีละตัวจนก่อกำเนิดบทเพลงที่สะท้อนถึงความอบอุ่นและอ่อนโยน เมื่อโน๊ตตัวสุดท้ายได้ถูกบรรเลงออกไปหญิงสาวที่นั่งอยู่ค่อยๆเยื้องกายมาหาเขาพร้อมยื่นถ้วยชาใบสวยที่มีกลิ่นหอมกรุ่นให้เขา
"ยังเล่นได้ดีเหมือนเดิมนะ"เสียงหวานๆกล่าวชม
"ขอบคุณครับ พี่ชิโฮะ"เขากล่าวขอบคุณพร้อมรับถ้วยชามาอย่างมีมารยาท
"จะว่าไปพี่ก็ไม่ได้ฟังเพลงของเธอมานานแล้วนะ"
"นั่นสิครับ ครั้งสุดท้ายก็คงก่อนที่ท่านเทพแห่งตะวันจะหายไปน่ะครับ"เขากล่าวสนับสนุนแล้วยกชาขึ้นจิบอีกครั้งแล้วพูดต่อ
"จะว่าไปพอท่านเทพแห่งตะวันไม่อยู่แล้วทุกคนดูเศร้าจังนะครับ"
"ก็ท่านเป็นคนสำคัญของพวกเราทุกคนนี่นา"
"นั่นสิครับ พี่ชิโฮะ"เด็กหนุ่มระบายยิ้มเศร้าเล็กน้อยแล้วเริ่มบทสนทนาใหม่
"ว่าแต่พี่ครับ หลังจากมาที่นี่แล้วได้ไปหาเค้าคนนั้นรึยังครับ"พลันนั้นใบหน้าที่เคยสงบนิ่งก็กลับขึ้นสีอย่างรวดเร็ว
"แก่แดดจังนะเรา"มีบางเคาะหัวเด็กหนุ่มเบาๆ
"นี่นิโคลถ้าเธอจะเล่นต่อก็ไม่เป็นไรแต่พี่ไปก่อนนะ"
"จะไปหาเค้าใช่มั้ยครับ"เขากล่าวอย่างรู้ทันทำให้หน้านั้นแดงขึ้นอีกครั้ง
"เด็กบ้า..."เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวออกจากห้องไป
"ถ้าผมไม่พูดก่อนก็คงจะไม่ยอมไปสินะครับ ทั้งที่อยากจะไปหาเค้าก่อนเลยแท้ๆ"เจ้าของนามนิโคลพูดกับตัวเองแล้วเริ่มเล่นเปียโนต่อไป
--------------------
บนระเบียงทางเดินนั้นมีเพียงคนสองคนเดินอยู่ คนหนึ่งมีผิวสีเข้มผมสีทองส่วนอีกคนผิวขาวผมสีเงินภาพนี้คงสร้างความขบขันใหกับผู้เห็นที่ยังไม่ชินตาไม่น้อยทีเดียว เดินได้ซักพักฝ่ายนายผิวเข้มจึงเริ่มบทสนทนา
"อิซ้าค นายว่าเมื่อไหร่อีก5คนถึงจะมา"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่รีบมาเร็วๆยิ่งดี เพราะฉันเริ่มเป็นห่วงท่านผู้นั้นไม่น้อย"คนตอบตีสีหน้าเครียดและจริงจัง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อก็มีเสียงเดินดังใกล้เข้ามา เสียงเหมือนกับรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นและดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีชาด
"สวัสดีอิซ้าค ดิอัคก้า"เมื่อหันไปนัยน์ตาสองคู่ก็พบกับหญิงสาวผมสีช็อกโกแลตยาว ใบหน้านั้นฉายแววดีใจอยู่
"ชิโฮะ"เจ้าของเนตรสีครามเอ่ยนามของเธออกมาเบาๆขณะที่เธอเดินเข้ามาจนใกล้กับเขาทั้งสอง
"หวัดดีชิโฮะ"นายผิวเข้มกล่าวทักทาย
"จะว่าไปพวกเราก็เพิ่งได้มาทักทายกันแบบนี้นะ"ดิอัคก้ากล่าวอย่างอารมณ์ดีในขณะที่คนข้างๆกลับตีสีหน้านิ่ง
"แล้วนิโคลล่ะ"คนตีหน้านิ่งถาม
"อ๋อ นิโคลกำลังเล่นเปียโนอยู่น่ะ"
"งั้นเหรอ"คนตอบรับง่ายๆพลางมองสถาณการณ์ตอนนี้แล้วท่าทางหญิงสาวอยากจะอยู่คุยกับเจ้าเพื่อนซี้แน่ๆ ว่าแล้วจึงรีบปลีกตัวอย่างรวดเร็ว
"อ้ะ ใช่ฉันนัดกับมิลี่ไว้ ไปก่อนนะ"ไม่ต้องรอให้นายผมเงินพูดเจ้าตัวดีรีบเดินลิ่วออกไปอย่างรวดเร็วซึ่งถูกใจหญิงสาวตรงนี้ไม่น้อยทีเดียว
"ค..คือว่า.."น้ำเสียงเขินอายหลุดออกมาจากริมฝีปากสีชาดอย่างตะกุกตะกัก เนตรสีน้ำเงินชายตามามองก่อนเริ่มต้นถาม
"มีอะไรเหรอ"
"คือว่า...เธอพอจะมีเวลาว่างมั้ย"
"....ก็พอมี"น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยตอบ
"งั้นไปเดินเล่นกันนะ"ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วเดินไปพร้อมกับเธอ เดินไปได้ซักพักเธอและเขาก็พบกับชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ ฝ่ายหญิงนั้นไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใครเพราะเธอมีเส้นผมสีซากุระกับนัยน์ตาสีครามและท่าทางที่แสนสง่าแน่นอนว่าคือเจ้าหญิงแห่งนครนี้ ฝ่ายชายนั้นเธอต้องใช้เวลามองสักนิดเขามีเส้นผมสีกาแฟกับนัยน์ตาสีไวโอเล็ตน้ำงาม เพียงแต่ความรู้สึกนี้...เหมือนเคยพบที่ไหนมาก่อน...ที่ไหนกันนะ แล้วเธอก็ต้องตื่นจากภวังค์เมื่อท่านหญิงเอ่ยทักทายเธอและชายที่อยู่ข้างกัน
"สวัสดีค่ะ ท่านชิโฮะ ท่านอิซ้าคมาเดินเล่นหรือคะ"ใบหน้าหวานเปื้อนยิ้มอ่อนโยนเอ่ยถาม
"ค่ะ ท่านลักซ์แล้วท่านผู้นี้คือ.."เนตรสีองุ่นมองใบหน้าของคนที่มีดวงตาสีเดียวกัน
"ท่านผู้นี้คือนักเดินทางที่เดินทางมาที่นี่น่ะค่ะ"เธอกล่าวชี้แจง ชายข้างตัวคลี่ยิ้มบางแล้วเริ่มแนะนำตนเอง
"ผมคิระ ยามาโตะยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"เช่นกันค่ะ ข้าชิโฮะ ฮาร์เนทฟูสยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าเป็นหนึ่งในพระญาติขอท่านลักซ์พึ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่กี่วัน"เธอแนะนำตัวอย่างมีไมตรีเพียงแต่ชายตรงหน้ากลับมีความรู้สึกสงสัย
"...คือว่าพวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่เหรอครับ"
"เอ๋?"เสียงอุทานตกใจระคนประหลาดใจดังมาจากหญิงสาวโดยที่ชายอีกคนหนึ่งก็มีท่าทีแปลกไปเล็กน้อย
"คือ เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีพระญาติของท่านลักซ์มาถึง5ท่านแล้ว พวกคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ"คำถามธรรมดาที่เขาเอ่ยออกมาทำให้เธอมีสีหน้าลำบากใจรวมทั้งท่านหญิงด้วย แต่ก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาช่วย
"พวกข้านานๆทีก็มารวมตัวกันอย่างนี้แหละก็คล้ายๆกับวันพบญาติน่ะแหละ"คำตอบที่แฝงความไม่พอใจนิดๆทำเอาบุรุษนามคิระมีสีหน้าไม่ค่อยดี
"งั้นเหรอครับ ขอโทษครับที่เสียมารยาท"คำขอโทษถูกกล่าวออกมาเมื่อเห็นท่าทางของชายที่ดูเย็นชา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"สาวผมสีช็อกโกแลตเห็นท่าทางสำนึกผิดของเขารีบบอก
"ว่าแต่คุณมาทำอะไนที่นี่หรือคะ"ชิโฮะถามคิระด้วยความสงสัยเล็กน้อย
"อ๋อ คือตอนที่ผมนั่งอยู่ในห้องผมได้ยินเสียงเปียโนที่เพราะมากเลยอยากจะพบกับคนที่เล่นเปียโนน่ะครับแต่ก็บังเอิญมาเจอกับท่านลักซ์น่ะครับ คุณทราบรึเปล่าครับว่าใครเป็นคนเล่นเปียโน"คำถามถูกถามออกมาพร้อมคำตอบ
"ทราบค่ะ คนที่เล่นเปียโนคือ นิโคล อามาร์ฟี่พระญาติอีกคนหนึ่งของท่านลักซืที่เดินทางมาพร้อมกับข้าเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ก็อยู่ที่ห้องเปียโนทางด้านโน้นน่ะค่ะ"เธอตอบ
"งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ"ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไป ท่านหญิงเมื่อไม่มีกิจอะไรแล้วก็ขอตัวแล้วเดินไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน
"ไปกันต่อเถอะนะ"เธอหันมากล่าวโดยมีชายหนุ่มพยักหน้ารับ
-----------------------------
"ว้าว ดอกไม้สวยจังเลย"เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้าไปใกล้กับดอกกุหลาบสีขาวที่บานสะพรั่ง
"ว่ามั้ยอิซ้าค"เธอถามความเห็นเขา แต่ว่าเขาไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น
"นี่อิซ้าคดอกไม้พวกนี้นี่สวยนะแล้วยังดูเข้มแข็งอีกด้วย"เธอกล่าว
".......ไม่หรอก ดอกไม้น่ะอ่อนแอ"คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจในทันทีแม้มันจะเป็นสิ่งที่เขาพูดก็ตาม
"..อะไรกัน ทำไมถึงได้พูดเช่นนั้น"น้ำเสียงของเธอสั่นเครือฟังดูน่าใจหาย เขาเดินไปเด็ดกุหลาบขาวขึ้นมาดอกหนึ่ง
"รึว่าไม่จริง ดอกไม้น่ะอ่อนแอ อยู่ได้ไม่นานก็ร่วงโรยแล้วยังดับสลายได้ง่ายอีกด้วย อย่างเช่นถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงนี้ยังไงล่ะ"ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีแดงแผดเผาดอกกุหลาบงามดอกนั้นจนกระทั่งมันเหลือแต่เพียงขี้เถ้าที่ปลิวไปกับสายลม เนตรสีองุ่นเบิกกว้างกับการกระทำของเขาพร้อมกับคำต่อว่า
"ทำไมกัน ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ กว่าที่พวกมันจะโตขึ้นมาได้ต้องพยายามขนาดไหน ต้องอดทนต่อแสงแดดที่แรงกล้าอดทนต่อสายฝนที่โหมกระหน่ำจนในที่สุดก็สามารถผลิดอกที่สวยงามได้ แล้วทำไมถึงได้ทำลายมันเช่นนี้"เนตรสีน้ำเงินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาทำให้เธอถึงกับต้องชะงักไปเล็กน้อย
"สำหรับข้าแล้วมันไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่แล้วและต่อให้ข้าไม่ได้ทำลายมันแต่สุดท้ายดอกไม้ดอกนี้ก้ต้องร่วงโรยไปอยู่ดีแล้วถ้าอย่างนั้นมันจะต่างกันที่ตรงไหน"มือบางสั่นระริกด้วยความเศร้ามิใช่ความโกรธเธอต้องรวบรวมความกล้าพอสมควรจนในที่สุดก็ได้ถามออกไป
"..แล้วข้าล่ะ ข้าเองก็ไม่ได้ต่างจากดอกกุหลาบดอกนี้เลย ถ้าอย่างนั้นข้าล่ะมีความสำคัญต่อเธอบ้างไหม เธอ...เธอเคยรักชั้น..บ้างไหม"สายตาของเธอที่ทอดมองไปทางเขานั้นแฝงไปด้วยความใคร่รู้และความหวัง หวังว่าเขาจะตอบในสิ่งที่เธอต้องการ ทว่าคำตอบที่ได้รับมานั้นกำลังจะทำให้หวังนั้นต้องสลายไป
"ฉัน..ไม่ได้รักเธอ"แค่คำเพียงคำเดียวก็เรียกน้ำใสให้ไหลรื้นเปื้อนดวงหน้างามได้และไม่ต้องรอให้ฝ่ายชายพูดอะไรมากไปกว่านี้เสียงที่แหบพร่าและแผ่วเบานั้นก็พูดขึ้นมา
"..งั้นหรือ ตลอดมาชั้นก็แค่คิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ..ถ้างั้นก็..."เธอมิได้กล่าวจนจบความจรงแล้วไม่อาจกล่าวออกมาได้ต่างหาก เธอไม่สามารถพูดคิว่า"ลาก่อน"ได้ทั้งที่ได้คำตอบจากเขาแล้ว ร่างบางวิ่งออกไปจากที่แห่งนั้นโดยเร็วหวังจะให้หันกลับไปแล้วไม่พบเขา เขาที่เธอรักและเขาที่ไม่ได้รักเธอ เจ้าของเนตรสีครามมองตามเธอไปด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อยเขามองดูเธอวิ่งลับตาไป เพียงแค่นั้นจริงๆ จากนั้นเขาจึงได้กล่าวออกมา
"ขอโทษนะชิโฮะแต่ฉันน่ะไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้หรอก เพราะงั้นก่อนที่ฉันจะทำให้เธอเสียใจมากกว่านี้ก็ขอให้มันจบลงที่ตรงนี้เถอะนะ.."แล้วสายตานั้นก็เลื่อนลงมามองดอกกุหลาบขาวที่เขาว่าอ่อนแอ
"ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่ไหม ท่านเทพแห่งตะวัน"
-----------------------
แกร๊ก..แอ๊ด....
เสียงลูกบิดประตูไม้สลักดังขึ้นพร้อมเสียงประตูห้องที่แง้มออกมีคนๆหนึ่งเดินย่างก้าวเข้ามาภายในห้องทำให้ผู้ที่อยู่ก่อนเอ่ยทักออกไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากโน๊ตเพลงที่ตนกำลังเขียนอยู่
"กลับมาแล้วเหรอครับ พี่ชิโฮะ เมื่อกี๊นี้มีคนชื่อคิระมาด้วยล่ะครับ เค้าบอกว่าผมเล่นเปียโนได้เก่งมากเลยแล้วก็ยัง..."เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เขาพูดด้วยเลยแม้แต่น้อยทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเนตรสีองุ่นงามนั้นชื้นไปด้วยน้ำใสที่คลออยู่
"พี่ชิโฮะ พี่เป็นอะไรไป!"น้ำเสียงตกใจถูกเปล่งออกมาพร้อมกับลุกขึ้นไปหาเธอ
"นิโคล..."เธอยิ้มบางก่อนจะตอบ
"ไม่มีอะไรก็แค่...อกหักเท่านั้นเอง"เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เธอ สายตาของเขาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
"อกหักงั้นเหรอ..หมายความว่าคุณอิซ้าค.."ไม่ต้องรอให้เด็กหนุ่มพูดจบเธอก็พยักหน้าก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา น้ำตามันไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายกับเสียงสะอื้นที่เปล่งออกมาเป็นระยะเด็กหนุ่มมองเธอด้วยความสงสารจับใจจึงได้อยู่ข้างเธอจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้ซึ่งมันก็นานพอดู
"ไม่เป็นไรแล้วนะฮะ พี่ชิโฮะ"หญิงสาวพยักหน้ากับคำถามก่อนตอบว่า
"จ้ะ..พี่ไม่เป็นไรแล้ว"แม้ปากจะบอกแต่สายตากลับแสดงออกอีกอย่างที่ต่างกัน
"ร้องไห้จนหน้าหมดสวยแล้วนะครับ พี่ชิโฮะ"เขาพูดแซวเธอและยิ้มให้เผื่อว่าเธอจะยิ้มออกแต่กลับไม่ใช่
"..นั่นสินะ แต่ว่าถึงสวยไปเขาก็ไม่ได้รักพี่เพราะงั้นตอนนี้ถึงไม่สวยก็ไม่เห็นจะต่างกันซักนิด"เสียงที่ส่งออกมาส่อแววตัดพ้อชายที่คิดถึงอย่างเห็นได้ชัดทำให้รอยยิ้มของเด็กหนุ่มจางลงไปทันที
"พี่น่ะ คิดถึงเขามาตลอด แอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่ว่า...เขาคนนั้นไม่ได้รักพี่เลย"
"พี่ชิโฮะ.."เด็กหนุ่มจับบ่าเธอเป็นเชิงปลอบใจแล้วนิ่งฟังเธอพูดต่อ
"ทำไมพี่ถึงไม่ถามเขาให้เร็วกว่านี้ ทำไมถึงไม่ถามก่อนที่จะรักเขามากจนต้องเจ็บปวดแบบนี้..."และแล้วคำพูดของเธอก็จบลงเพียงแค่นั้น เธอปรายตาไปมองเด็กหนุ่มผมสีหยกแล้วถามขึ้น
"นี่นิโคล พี่ว่าพี่คงจะไม่มีทางสมหวังในรักหรอกจริงมั้ย.."เธอส่งยิ้มให้เพียงแต่เป็นยิ้มเศร้าๆทำให้กำปั้นของเด็กหนุ่มกำแน่น เขาคงทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ท่าทีที่สิ้นหวังและเศร้าศร้อยของเธอทำให้เขาต้องเอ่ยปากออกไป
"แต่พี่ก็น่าจะทำให้คนอื่นสมหวังในรักได้ไม่ใช่เหรอครับ"คำพูดของเขาสร้างความแปลกใจให้เธอไม่ใช่น้อยแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเสียใจจางลงเลย
"ทำให้คนอื่นสมหวังในรักน่ะเหรอ ฮึฮึ..อย่างพี่เนี่ยนะขนาดตัวเองยังต้องผิดหวังแล้วจะทำให้คนอื่นสมหวังในรักได้ยังไง"เธอตอบเบาๆพร้อมหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเองแต่มันก็ต้องหยุดไปเมื่อเนตรสีสวยของเธอไปสบเข้ากับดวงตาที่ฉายแววจริงจังของเขา
"ได้สิฮะ..แค่ตอบรับความรู้สึกจากคนอื่นเท่านั้นเอง"
"..จากใครงั้นหรือ"เธอเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นและเริ่มคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่
"ถ้าบอกว่า..จากผมล่ะครับ"เขายิ้มน้อยๆกับคำตอบที่เพิ่งพูดออกไป แต่หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ยิ้มด้วยเลยเพราะคำตอบของเขา
"!..หมายความว่า"แต่ไม่ต้องรอให้เธอพูดเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
"พี่ชิโฮะครับ ผมชอบพี่"
#############################
"เฮ้อ..."เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มผมสีกาแฟดังขึ้นอีกครั้งในห้องเป็นรอบที่ร้อยพอดี ทำให้เพื่อนสนิทและน้องสาวฝาแฝดจำต้องหันกลับมาดูอีกครั้ง
"นี่คิระนายเป็นอะไรของนายน่ะ"เพื่อนสนิทถาม
"ทำไมเหรอ..."ท่าทางคนที่ถูกถามจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นถอนหายใจมาตลอดตั้งแต่หลังอาหารเที่ยงแล้วด้วยซ้ำจนทำให้น้องสาวสุดน่ารัก(?)ต้องรู้สึกฉุนเล็กน้อย
"คิระนี่นายไม่รู้ตัวเลยรึไง ชั้นกับอัสรันน่ะนั่งฟังเสียงนายถอนหายใจมาครบร้อยแล้วนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า"ตอนแรกๆก็ออกแนวบ่นแต่พอมาถึงท้ายประโยคน้องสาวก็ลดเสียงลงและแสดงอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นตามปกติเขาคงปลื้มใจน่าดูเพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่
"ไม่..."คำตอบสั้นๆทำเอาคางาริทำหน้ามุ่ย ยกเว้นแต่เพื่อนสนิทที่รู้ทันพูดขัดขึ้นมา
"ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะไม่มีเรื่องกลุ้มใจน่ะ นี่คิระฉันเป็นเพื่อนนายมาสิบกว่าปีแล้วนะ"
"ปล่าวฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"คิระรีบตอบกลับเพราะกลัวเพื่อนเข้าใจความหมายที่พูดผิด
"แล้วยังไงล่ะ"น้องสาวถาม
"...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"เฮ้อ......."คราวนี้พอได้ฟังคำตอบจากชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากคิระที่ถอนหายใจอยู่มาเป็นอัสรันและคางาริแทนทันที แต่เนตรสีไวโอเล็ตก็ไม่ได้สนใจทั้งสองยังคงนั่งเหม่อต่อไป
'ในตอนนั้นเราทำไมถึงได้ทำแบบนั้นนะ...'และแล้วภาพในวันนั้นที่เขากอดหญิงสาวเจ้าของผมสีซากุระไว้โดยไม่รู้ตัวก็ย้อนกลับมาใบหน้ากร้านขึ้นสีเล็กน้อยแต่อีกสองคนในห้องก็ไม่ได้ทันสังเกต
'เราทำไมถึงได้....กอดท่านลักซ์ ก็เราไม่ได้คิดอะไรกับเธอนี่นาหรือว่าเรา...'ยิ่งคิดยิ่งสับสนและว้าวุ่นใจ เขาไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของตนเองได้เลยจึงได้แต่มองไปบนท้องฟ้าสีครามสีเดียวกับนัยน์ตาของเธอคนนั้นผ่านหน้าต่างกรอบสีไม้โอ๊คเงา ในขณะนั้นเองเจ้าของผมสีทานตะวันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างลอยมตามลม หญิงสาวจึงถามชายที่ยืนอยู่ข้างกาย
"อัสรันได้ยินใช่มั้ย"เขาพยักหน้าน้อยๆแล้วเงี่ยหูฟัง
"นี่มัน..เสียงเปียโนนี่นา"แน่นอนคนที่ได้ยินเสียงนี้ไม่ใช่เพียงชายหนุ่มและหญิงสาวยังมีเขาอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งมองท้องนภาอยู่ ทันทีที่เสียงเพลงลอยมากระทบกับโสตประสาทเขาก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ต่างจากตอนนี้ บทเพลงนั้นฟังดูอบอุ่น อ่อนโยนและนุ่มนวล
'เสียงนี้...ไพเราะเหลือเกิน ราวกับเรากำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกสบายเหลือเกิน'รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาทำให้อีกสองคนในห้องรู้สึกโล่งใจ
"...อัสรัน นายว่าใครเหรอที่กำลังเล่นเปียโนอยู่"เขาถามเพื่อนที่ยืนยิ้มอยู่
"ไม่รู้สิ นายลองออกไปตามหาดีมั้ย"เพื่อนสนิทเสนอ คนฟังรู้สึกถูกใจในคำตอบเขาพยักหน้าเชิงรับแล้วเดินออกไปจากห้อง
"อย่างงี้ค่อยสมเป็นคิระหน่อยเนอะ"น้องสาวฝาแฝดกล่าวหลังจากที่มองพี่ชายของตนเองเดินออกไปแล้ว
"ใช่แล้ว ว่าแต่...แล้วอย่างไหนถึงจะสมเป็นคางาริล่ะ"เสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้นหลังจากที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน ใช่หลังจากวันที่เขาต้องง้อเธออยู่นาน เพราะสาวน้อยคนนี้ดันงอนที่เขาเสน่ห์แรงซะได้ ทำให้ตอนนี้ชักเริ่มอยากจะแกล้งเธอขึ้นมาแล้วเหมือนเอาคืน
"พูดอะไรของนายน่ะอัสรัน"ท่าทางเธอจะยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังคิดจะกระทำและมันก็กำลังจะไม่ใช่แค่คิดแล้วด้วย
"...ก็ฉันชักอยากจะเห็นคางาริในแบบที่อยากจะเห็นน่ะสิ"ไม่ว่าเปล่ามือใหญ่ได้โอบกอดหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนเธอสะดุ้ง
"อ..อ...อัสรัน"หญิงสาวรู้ตัวก็เมื่อสายไปแล้วตอนนี้เธอได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่ชายหนุ่มกลับกอดเธออย่างสบายอารมณ์ โลหิตสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าจนทำให้หน้าเนียนๆสีขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารักตบท้ายด้วยใบหน้าเขินๆของเธอเมื่อชายหนุ่มหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
"หยุดนะอัสรัน!"เสียงเล็กๆกล่าวประท้วงแต่ชายหนุ่มในตอนนี้กลับทำหูทวนลมแถมยังยิ้มอย่างสบายใจเฉิบ แล้วยังเริ่มไล่จูบร้อนไปตามลำคอขาวๆอีกด้วย
"บอกว่า...ให้หยุดไงเล่า!"คราวนี้ไม่พูดเปล่าเธอกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องเขาเต็มๆเล่นเอาซะเจ็บไม่น้อย
"โอ้ย! คางาริมันเจ็บนะ"คนโดนดีโอดครวญพลางยืนกุมท้องด้วยความเจ็บ
"หึ ไม่สนแล้ว"ว่าแล้วร่างเพรียวก็รีบจ้ำเท้ากลับห้องอย่างรวดเร็ว เนตรสีมรกตมองตามอย่างขำๆ
"โอยเจ็บ แต่แบบนี้ก็สมเป็นคางาริล่ะนะ"พูดจบเจ้าตัวดีก็เดินกลับห้องบ้าง แต่ว่าจะเลิกลาแค่นี้แน่เหรอ อัสรัน ซาล่า
---------------------------------
เสียงเปียโนดังกึกก้องไปทั่วห้อง เสียงนั้นเกิดจากเปียโนหลังใหญ่สีดำขลับและเงาวับที่ตั้งอยู่ในห้องกว้างสีครีม พื้นถูปูด้วยพรมสีแดงไร้ลวดลายใดๆ โต๊ะน้ำชาสีขาวตัดกับผืนพรมวางอยู่ห่างเปียโนไม่มากนักที่โต๊ะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีเขียวเข้มนั่งอยู่ผมสีช็อกโกแลตถูกรวบเอาไว้สูงประดับด้วยดอกไม้มือซ้ายถือถ้วยชากระเบื้องสีครีมลายดอกลาเวนเดอร์ไปพลาง ใช้เนตรสีองุ่นมองอีกบุคคลหนึ่งที่นั่งอยู่ที่เปียโนหลังใหญ่ ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มผมสีหยกกำลังดีดเปียโนอยู่บนเก้าอี้สีดำข้างเปียโน ดวงตาสีคาราเมลไล่เลียงตัวโน๊ตไปตามแถวประสานกับมือทั้งสองที่คอยดีดไปบนแผงเรื่อยๆ รอยยิ้มอ่อนโยนผุดอยู่ยนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์สลับกับตัวโน๊ตที่ถูกร้อยเรียงออกมาทีละตัวจนก่อกำเนิดบทเพลงที่สะท้อนถึงความอบอุ่นและอ่อนโยน เมื่อโน๊ตตัวสุดท้ายได้ถูกบรรเลงออกไปหญิงสาวที่นั่งอยู่ค่อยๆเยื้องกายมาหาเขาพร้อมยื่นถ้วยชาใบสวยที่มีกลิ่นหอมกรุ่นให้เขา
"ยังเล่นได้ดีเหมือนเดิมนะ"เสียงหวานๆกล่าวชม
"ขอบคุณครับ พี่ชิโฮะ"เขากล่าวขอบคุณพร้อมรับถ้วยชามาอย่างมีมารยาท
"จะว่าไปพี่ก็ไม่ได้ฟังเพลงของเธอมานานแล้วนะ"
"นั่นสิครับ ครั้งสุดท้ายก็คงก่อนที่ท่านเทพแห่งตะวันจะหายไปน่ะครับ"เขากล่าวสนับสนุนแล้วยกชาขึ้นจิบอีกครั้งแล้วพูดต่อ
"จะว่าไปพอท่านเทพแห่งตะวันไม่อยู่แล้วทุกคนดูเศร้าจังนะครับ"
"ก็ท่านเป็นคนสำคัญของพวกเราทุกคนนี่นา"
"นั่นสิครับ พี่ชิโฮะ"เด็กหนุ่มระบายยิ้มเศร้าเล็กน้อยแล้วเริ่มบทสนทนาใหม่
"ว่าแต่พี่ครับ หลังจากมาที่นี่แล้วได้ไปหาเค้าคนนั้นรึยังครับ"พลันนั้นใบหน้าที่เคยสงบนิ่งก็กลับขึ้นสีอย่างรวดเร็ว
"แก่แดดจังนะเรา"มีบางเคาะหัวเด็กหนุ่มเบาๆ
"นี่นิโคลถ้าเธอจะเล่นต่อก็ไม่เป็นไรแต่พี่ไปก่อนนะ"
"จะไปหาเค้าใช่มั้ยครับ"เขากล่าวอย่างรู้ทันทำให้หน้านั้นแดงขึ้นอีกครั้ง
"เด็กบ้า..."เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวออกจากห้องไป
"ถ้าผมไม่พูดก่อนก็คงจะไม่ยอมไปสินะครับ ทั้งที่อยากจะไปหาเค้าก่อนเลยแท้ๆ"เจ้าของนามนิโคลพูดกับตัวเองแล้วเริ่มเล่นเปียโนต่อไป
--------------------
บนระเบียงทางเดินนั้นมีเพียงคนสองคนเดินอยู่ คนหนึ่งมีผิวสีเข้มผมสีทองส่วนอีกคนผิวขาวผมสีเงินภาพนี้คงสร้างความขบขันใหกับผู้เห็นที่ยังไม่ชินตาไม่น้อยทีเดียว เดินได้ซักพักฝ่ายนายผิวเข้มจึงเริ่มบทสนทนา
"อิซ้าค นายว่าเมื่อไหร่อีก5คนถึงจะมา"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่รีบมาเร็วๆยิ่งดี เพราะฉันเริ่มเป็นห่วงท่านผู้นั้นไม่น้อย"คนตอบตีสีหน้าเครียดและจริงจัง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อก็มีเสียงเดินดังใกล้เข้ามา เสียงเหมือนกับรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นและดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีชาด
"สวัสดีอิซ้าค ดิอัคก้า"เมื่อหันไปนัยน์ตาสองคู่ก็พบกับหญิงสาวผมสีช็อกโกแลตยาว ใบหน้านั้นฉายแววดีใจอยู่
"ชิโฮะ"เจ้าของเนตรสีครามเอ่ยนามของเธออกมาเบาๆขณะที่เธอเดินเข้ามาจนใกล้กับเขาทั้งสอง
"หวัดดีชิโฮะ"นายผิวเข้มกล่าวทักทาย
"จะว่าไปพวกเราก็เพิ่งได้มาทักทายกันแบบนี้นะ"ดิอัคก้ากล่าวอย่างอารมณ์ดีในขณะที่คนข้างๆกลับตีสีหน้านิ่ง
"แล้วนิโคลล่ะ"คนตีหน้านิ่งถาม
"อ๋อ นิโคลกำลังเล่นเปียโนอยู่น่ะ"
"งั้นเหรอ"คนตอบรับง่ายๆพลางมองสถาณการณ์ตอนนี้แล้วท่าทางหญิงสาวอยากจะอยู่คุยกับเจ้าเพื่อนซี้แน่ๆ ว่าแล้วจึงรีบปลีกตัวอย่างรวดเร็ว
"อ้ะ ใช่ฉันนัดกับมิลี่ไว้ ไปก่อนนะ"ไม่ต้องรอให้นายผมเงินพูดเจ้าตัวดีรีบเดินลิ่วออกไปอย่างรวดเร็วซึ่งถูกใจหญิงสาวตรงนี้ไม่น้อยทีเดียว
"ค..คือว่า.."น้ำเสียงเขินอายหลุดออกมาจากริมฝีปากสีชาดอย่างตะกุกตะกัก เนตรสีน้ำเงินชายตามามองก่อนเริ่มต้นถาม
"มีอะไรเหรอ"
"คือว่า...เธอพอจะมีเวลาว่างมั้ย"
"....ก็พอมี"น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยตอบ
"งั้นไปเดินเล่นกันนะ"ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วเดินไปพร้อมกับเธอ เดินไปได้ซักพักเธอและเขาก็พบกับชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ ฝ่ายหญิงนั้นไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใครเพราะเธอมีเส้นผมสีซากุระกับนัยน์ตาสีครามและท่าทางที่แสนสง่าแน่นอนว่าคือเจ้าหญิงแห่งนครนี้ ฝ่ายชายนั้นเธอต้องใช้เวลามองสักนิดเขามีเส้นผมสีกาแฟกับนัยน์ตาสีไวโอเล็ตน้ำงาม เพียงแต่ความรู้สึกนี้...เหมือนเคยพบที่ไหนมาก่อน...ที่ไหนกันนะ แล้วเธอก็ต้องตื่นจากภวังค์เมื่อท่านหญิงเอ่ยทักทายเธอและชายที่อยู่ข้างกัน
"สวัสดีค่ะ ท่านชิโฮะ ท่านอิซ้าคมาเดินเล่นหรือคะ"ใบหน้าหวานเปื้อนยิ้มอ่อนโยนเอ่ยถาม
"ค่ะ ท่านลักซ์แล้วท่านผู้นี้คือ.."เนตรสีองุ่นมองใบหน้าของคนที่มีดวงตาสีเดียวกัน
"ท่านผู้นี้คือนักเดินทางที่เดินทางมาที่นี่น่ะค่ะ"เธอกล่าวชี้แจง ชายข้างตัวคลี่ยิ้มบางแล้วเริ่มแนะนำตนเอง
"ผมคิระ ยามาโตะยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"เช่นกันค่ะ ข้าชิโฮะ ฮาร์เนทฟูสยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าเป็นหนึ่งในพระญาติขอท่านลักซ์พึ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่กี่วัน"เธอแนะนำตัวอย่างมีไมตรีเพียงแต่ชายตรงหน้ากลับมีความรู้สึกสงสัย
"...คือว่าพวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่เหรอครับ"
"เอ๋?"เสียงอุทานตกใจระคนประหลาดใจดังมาจากหญิงสาวโดยที่ชายอีกคนหนึ่งก็มีท่าทีแปลกไปเล็กน้อย
"คือ เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีพระญาติของท่านลักซ์มาถึง5ท่านแล้ว พวกคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ"คำถามธรรมดาที่เขาเอ่ยออกมาทำให้เธอมีสีหน้าลำบากใจรวมทั้งท่านหญิงด้วย แต่ก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาช่วย
"พวกข้านานๆทีก็มารวมตัวกันอย่างนี้แหละก็คล้ายๆกับวันพบญาติน่ะแหละ"คำตอบที่แฝงความไม่พอใจนิดๆทำเอาบุรุษนามคิระมีสีหน้าไม่ค่อยดี
"งั้นเหรอครับ ขอโทษครับที่เสียมารยาท"คำขอโทษถูกกล่าวออกมาเมื่อเห็นท่าทางของชายที่ดูเย็นชา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"สาวผมสีช็อกโกแลตเห็นท่าทางสำนึกผิดของเขารีบบอก
"ว่าแต่คุณมาทำอะไนที่นี่หรือคะ"ชิโฮะถามคิระด้วยความสงสัยเล็กน้อย
"อ๋อ คือตอนที่ผมนั่งอยู่ในห้องผมได้ยินเสียงเปียโนที่เพราะมากเลยอยากจะพบกับคนที่เล่นเปียโนน่ะครับแต่ก็บังเอิญมาเจอกับท่านลักซ์น่ะครับ คุณทราบรึเปล่าครับว่าใครเป็นคนเล่นเปียโน"คำถามถูกถามออกมาพร้อมคำตอบ
"ทราบค่ะ คนที่เล่นเปียโนคือ นิโคล อามาร์ฟี่พระญาติอีกคนหนึ่งของท่านลักซืที่เดินทางมาพร้อมกับข้าเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ก็อยู่ที่ห้องเปียโนทางด้านโน้นน่ะค่ะ"เธอตอบ
"งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ"ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไป ท่านหญิงเมื่อไม่มีกิจอะไรแล้วก็ขอตัวแล้วเดินไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน
"ไปกันต่อเถอะนะ"เธอหันมากล่าวโดยมีชายหนุ่มพยักหน้ารับ
-----------------------------
"ว้าว ดอกไม้สวยจังเลย"เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้าไปใกล้กับดอกกุหลาบสีขาวที่บานสะพรั่ง
"ว่ามั้ยอิซ้าค"เธอถามความเห็นเขา แต่ว่าเขาไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น
"นี่อิซ้าคดอกไม้พวกนี้นี่สวยนะแล้วยังดูเข้มแข็งอีกด้วย"เธอกล่าว
".......ไม่หรอก ดอกไม้น่ะอ่อนแอ"คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจในทันทีแม้มันจะเป็นสิ่งที่เขาพูดก็ตาม
"..อะไรกัน ทำไมถึงได้พูดเช่นนั้น"น้ำเสียงของเธอสั่นเครือฟังดูน่าใจหาย เขาเดินไปเด็ดกุหลาบขาวขึ้นมาดอกหนึ่ง
"รึว่าไม่จริง ดอกไม้น่ะอ่อนแอ อยู่ได้ไม่นานก็ร่วงโรยแล้วยังดับสลายได้ง่ายอีกด้วย อย่างเช่นถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงนี้ยังไงล่ะ"ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีแดงแผดเผาดอกกุหลาบงามดอกนั้นจนกระทั่งมันเหลือแต่เพียงขี้เถ้าที่ปลิวไปกับสายลม เนตรสีองุ่นเบิกกว้างกับการกระทำของเขาพร้อมกับคำต่อว่า
"ทำไมกัน ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ กว่าที่พวกมันจะโตขึ้นมาได้ต้องพยายามขนาดไหน ต้องอดทนต่อแสงแดดที่แรงกล้าอดทนต่อสายฝนที่โหมกระหน่ำจนในที่สุดก็สามารถผลิดอกที่สวยงามได้ แล้วทำไมถึงได้ทำลายมันเช่นนี้"เนตรสีน้ำเงินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาทำให้เธอถึงกับต้องชะงักไปเล็กน้อย
"สำหรับข้าแล้วมันไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่แล้วและต่อให้ข้าไม่ได้ทำลายมันแต่สุดท้ายดอกไม้ดอกนี้ก้ต้องร่วงโรยไปอยู่ดีแล้วถ้าอย่างนั้นมันจะต่างกันที่ตรงไหน"มือบางสั่นระริกด้วยความเศร้ามิใช่ความโกรธเธอต้องรวบรวมความกล้าพอสมควรจนในที่สุดก็ได้ถามออกไป
"..แล้วข้าล่ะ ข้าเองก็ไม่ได้ต่างจากดอกกุหลาบดอกนี้เลย ถ้าอย่างนั้นข้าล่ะมีความสำคัญต่อเธอบ้างไหม เธอ...เธอเคยรักชั้น..บ้างไหม"สายตาของเธอที่ทอดมองไปทางเขานั้นแฝงไปด้วยความใคร่รู้และความหวัง หวังว่าเขาจะตอบในสิ่งที่เธอต้องการ ทว่าคำตอบที่ได้รับมานั้นกำลังจะทำให้หวังนั้นต้องสลายไป
"ฉัน..ไม่ได้รักเธอ"แค่คำเพียงคำเดียวก็เรียกน้ำใสให้ไหลรื้นเปื้อนดวงหน้างามได้และไม่ต้องรอให้ฝ่ายชายพูดอะไรมากไปกว่านี้เสียงที่แหบพร่าและแผ่วเบานั้นก็พูดขึ้นมา
"..งั้นหรือ ตลอดมาชั้นก็แค่คิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ..ถ้างั้นก็..."เธอมิได้กล่าวจนจบความจรงแล้วไม่อาจกล่าวออกมาได้ต่างหาก เธอไม่สามารถพูดคิว่า"ลาก่อน"ได้ทั้งที่ได้คำตอบจากเขาแล้ว ร่างบางวิ่งออกไปจากที่แห่งนั้นโดยเร็วหวังจะให้หันกลับไปแล้วไม่พบเขา เขาที่เธอรักและเขาที่ไม่ได้รักเธอ เจ้าของเนตรสีครามมองตามเธอไปด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อยเขามองดูเธอวิ่งลับตาไป เพียงแค่นั้นจริงๆ จากนั้นเขาจึงได้กล่าวออกมา
"ขอโทษนะชิโฮะแต่ฉันน่ะไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้หรอก เพราะงั้นก่อนที่ฉันจะทำให้เธอเสียใจมากกว่านี้ก็ขอให้มันจบลงที่ตรงนี้เถอะนะ.."แล้วสายตานั้นก็เลื่อนลงมามองดอกกุหลาบขาวที่เขาว่าอ่อนแอ
"ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่ไหม ท่านเทพแห่งตะวัน"
-----------------------
แกร๊ก..แอ๊ด....
เสียงลูกบิดประตูไม้สลักดังขึ้นพร้อมเสียงประตูห้องที่แง้มออกมีคนๆหนึ่งเดินย่างก้าวเข้ามาภายในห้องทำให้ผู้ที่อยู่ก่อนเอ่ยทักออกไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากโน๊ตเพลงที่ตนกำลังเขียนอยู่
"กลับมาแล้วเหรอครับ พี่ชิโฮะ เมื่อกี๊นี้มีคนชื่อคิระมาด้วยล่ะครับ เค้าบอกว่าผมเล่นเปียโนได้เก่งมากเลยแล้วก็ยัง..."เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เขาพูดด้วยเลยแม้แต่น้อยทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเนตรสีองุ่นงามนั้นชื้นไปด้วยน้ำใสที่คลออยู่
"พี่ชิโฮะ พี่เป็นอะไรไป!"น้ำเสียงตกใจถูกเปล่งออกมาพร้อมกับลุกขึ้นไปหาเธอ
"นิโคล..."เธอยิ้มบางก่อนจะตอบ
"ไม่มีอะไรก็แค่...อกหักเท่านั้นเอง"เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เธอ สายตาของเขาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
"อกหักงั้นเหรอ..หมายความว่าคุณอิซ้าค.."ไม่ต้องรอให้เด็กหนุ่มพูดจบเธอก็พยักหน้าก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา น้ำตามันไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายกับเสียงสะอื้นที่เปล่งออกมาเป็นระยะเด็กหนุ่มมองเธอด้วยความสงสารจับใจจึงได้อยู่ข้างเธอจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้ซึ่งมันก็นานพอดู
"ไม่เป็นไรแล้วนะฮะ พี่ชิโฮะ"หญิงสาวพยักหน้ากับคำถามก่อนตอบว่า
"จ้ะ..พี่ไม่เป็นไรแล้ว"แม้ปากจะบอกแต่สายตากลับแสดงออกอีกอย่างที่ต่างกัน
"ร้องไห้จนหน้าหมดสวยแล้วนะครับ พี่ชิโฮะ"เขาพูดแซวเธอและยิ้มให้เผื่อว่าเธอจะยิ้มออกแต่กลับไม่ใช่
"..นั่นสินะ แต่ว่าถึงสวยไปเขาก็ไม่ได้รักพี่เพราะงั้นตอนนี้ถึงไม่สวยก็ไม่เห็นจะต่างกันซักนิด"เสียงที่ส่งออกมาส่อแววตัดพ้อชายที่คิดถึงอย่างเห็นได้ชัดทำให้รอยยิ้มของเด็กหนุ่มจางลงไปทันที
"พี่น่ะ คิดถึงเขามาตลอด แอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่ว่า...เขาคนนั้นไม่ได้รักพี่เลย"
"พี่ชิโฮะ.."เด็กหนุ่มจับบ่าเธอเป็นเชิงปลอบใจแล้วนิ่งฟังเธอพูดต่อ
"ทำไมพี่ถึงไม่ถามเขาให้เร็วกว่านี้ ทำไมถึงไม่ถามก่อนที่จะรักเขามากจนต้องเจ็บปวดแบบนี้..."และแล้วคำพูดของเธอก็จบลงเพียงแค่นั้น เธอปรายตาไปมองเด็กหนุ่มผมสีหยกแล้วถามขึ้น
"นี่นิโคล พี่ว่าพี่คงจะไม่มีทางสมหวังในรักหรอกจริงมั้ย.."เธอส่งยิ้มให้เพียงแต่เป็นยิ้มเศร้าๆทำให้กำปั้นของเด็กหนุ่มกำแน่น เขาคงทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ท่าทีที่สิ้นหวังและเศร้าศร้อยของเธอทำให้เขาต้องเอ่ยปากออกไป
"แต่พี่ก็น่าจะทำให้คนอื่นสมหวังในรักได้ไม่ใช่เหรอครับ"คำพูดของเขาสร้างความแปลกใจให้เธอไม่ใช่น้อยแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเสียใจจางลงเลย
"ทำให้คนอื่นสมหวังในรักน่ะเหรอ ฮึฮึ..อย่างพี่เนี่ยนะขนาดตัวเองยังต้องผิดหวังแล้วจะทำให้คนอื่นสมหวังในรักได้ยังไง"เธอตอบเบาๆพร้อมหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเองแต่มันก็ต้องหยุดไปเมื่อเนตรสีสวยของเธอไปสบเข้ากับดวงตาที่ฉายแววจริงจังของเขา
"ได้สิฮะ..แค่ตอบรับความรู้สึกจากคนอื่นเท่านั้นเอง"
"..จากใครงั้นหรือ"เธอเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นและเริ่มคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่
"ถ้าบอกว่า..จากผมล่ะครับ"เขายิ้มน้อยๆกับคำตอบที่เพิ่งพูดออกไป แต่หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ยิ้มด้วยเลยเพราะคำตอบของเขา
"!..หมายความว่า"แต่ไม่ต้องรอให้เธอพูดเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
"พี่ชิโฮะครับ ผมชอบพี่"
#############################
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น