ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic G Seed&Destiny]เทพีแห่งความรักผู้โดดเดี่ยว

    ลำดับตอนที่ #3 : หยาดน้ำใสที่โปรยปราย

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 49


    Phase 3 หยาดน้ำใสที่โปรยปราย

    ท้องฟ้าที่มืดครึ้มแสดงว่าเข้าสู่ช่วงฤดูฝนของวันนี้ทำให้แขกทั้ง 3 คนของเมืองนี้ไปไหนไม่ได้เพราะกลัวว่าฝนจะตก พวกเขานั่งมองท้องฟ้าอย่างเบื่อๆเพราะหลายวันแล้วที่ทั้ง 3 คนต้องทนอยู่ในห้องออกไปไหนไม่ได้

    "วันนี้ฝนก็คงตกเหมือนเคยเนอะ"เจ้าของผมสีทานตะวันพูดโดยที่ดวงตาสีอำพันยังคงมองไปยังท้องฟ้าที่มีเมฆดำลอยไปมา

    "นั่นสินะ.."ชายหนุ่มผู้พี่พูดโดยไม่มองนหน้าน้องสาวเช่นกัน ในใจเขากำลังคิดถึงสาวน้อยผมสีกุหลาบคนนั้นอยู่

    'เธอจะเป็นไงบ้างนะ  ลองไปดูดีกว่า'เมื่อตัดสินใจได้ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อนอกสีดำขึ้นมาสวม

    "อ้าว คิระจะไปไหนน่ะ"เพื่อนสนิทถามขณะที่ยกแก้วน้ำชาสีขาวขึ้นจิบ

    "นั่นสิฝนจะตกแล้วนะคิระ"น้องสาวบอกอย่างเป็นห่วงว่าจะกลัวพี่ชายเปียกฝน

    "พอดีมีเรื่องต้องไปทำน่ะ ไปก่อนนะ"แล้วเขาก้เดินลับไป

    "ไปไหนของเขานะ"แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากแล้วหันไปยกแก้วชาขึ้นมาจิบบ้าง

    -------------------------------------

    เส้นทางที่เขาเดินอยู่นั้นรายล้อมไปด้วยใบเมเปิ้ลสีเขียวสด ถ้าหากเป็นช่วงฤดูใบ้ไม้ร่วงสีของมันคงเป็นสีส้มสวยอย่างแน่นอน ชายหนุ่มเดินไปได้ไม่นานสายฝนก็เริ่มโปรยปราย แสงแดดอ่อนๆที่น้อยนิดได้หายไปกับสายฝน เขารีบวิ่งไปหลบที่ใต้ต้นแอปเปิ้ลต้นใหญ่ก่อนที่เขาจะเปียกไปมากกว่านี้

    "ฝนตกซะแล้ว เฟรย์จะเป็นอะไรมั้ยนะ"เขาเปรยออกมาพลางจัดทรงผมที่เปียกฝนให้เข้าที่

    'แต่เราก็อดห่วงไม่ได้เลย ท่าทางของเธอดูยึดติดกับหน้าที่เหลือเกินจนดูเหมือนกับว่ามันไม่ใช่แค่หน้าที่เท่านั้น หวือว่าเธอจะ...'เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็รีบไปยังทางเข้าเมืองทันที

    .........

    "แฮ่ก...แฮ่ก"เขาหอบด้วยความเหนื่อยเมื่อมาถึงจุดหมาย  ที่นั่นเขาได้พบกับเธอ เธอคนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย เธอยังคงร้องเพลงและเล่นเครื่องสายของเธอต่อไปทั้งที่เสียงของมันถูกกลบไปด้วยเสียงของสายฝน ร่างบางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำแต่เธอก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อยและไม่ได้รู้ถึงการมาของเขาเลยจนกระทั่ง...

    "เฟรย์!"เสียงของชายหนุ่มกล่าวเรียกเธอ ทำให้เธอหันกลับมาแทบจะทันที

    "ท่านคิระ! มีอะไรเหรอคะ"

    "ทำไมคุณไม่ไปหาที่หลบฝนล่ะครับ"เขาถามด้วยความเป็นห่วง แต่หญิงสาวที่ถูกถามดูจะแปลกใจกับคำถามนี้

    "มันเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องคอยบรรเลงบทเพลงคอยนำทางทุกคนที่ต้องการจะมาที่นี่ ข้าจึงไม่มีสิทธ์ที่จะไปจากที่นี่จนกว่าจันทราจะขึ้นอีกครั้ง"

    "แต่ว่า..ถ้าคุณไม่สบายไปจะทำยังไง"

    "แม้ว่าข้าจะเจ็บป่วยเพียงใด แต่ข้าก็จะยังคงมาที่นี่แน่นอน ท่านควรจะห่วงตนเองมากกว่าขอให้ท่านกลับที่พักไปเถอะค่ะ"เธอกล่าวออกมาโดยที่สีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนแม้แต่น้อย

    "แต่ผมจะปล่อยคุณไว้แบบนี้ได้ยังไง"เขาพยายามรบเร้าให้เธอหาที่หลบฝนแต่ก็ไม่เป็นผล

    "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ท่านคิระโปรดกลับไปเถอะค่ะ"เธอพูดกับเขาด้วยสำเนียงที่เป็นเชิงขอร้อง ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้

    "...งั้นเหรอ"สิ้นเสียงเขาก็เดินกลับไปขณะที่เดินลงบันไดไปเขาได้มองกลับมาที่เธออีกครั้ง ในตอนนั้นเขาเริ่มรู้สึกสงสัยในหน้าที่ของเธอและเหตุผลที่เธออยู่ตรงนี้เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้นหรือ

    ----------------------------------

    3วันต่อมา

    "เฮ้อ น่าเบื่อจริงจริ๊ง.......ฝนตกแบบนี้ออกไปไหนก็ไม่ได้"สาวน้อยผมสีดอกทานตะวันโอดครวญที่ต้องทนอยู่แบบนี้ออกไปไหนไม่ได้ซึ่งขัดกับนิสัยของเธอ

    "นั่นสิฝนตกแบบนี้ก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ"แฟนหนุ่มของเธอเองก็เบื่อที่จะอยู่แต่ในห้องเช่นเดียวกัน

    "คิระ นายคิดอะไรที่พอจะแก้เบื่อได้บ้างมั้ย"น้องสาวหันไปถามพี่ชายที่มองออกไปทางหน้าต่างอยู่ แต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่งมองสายฝนต่อไป

    "คิระ คิระ!"น้องสาวเร่งเสียงขึ้นจนในที่สุดเขาก็ได้ยิน

    "! อะไรเหรอคางาริ"เขาถามกลับ

    "ช่วงนี้นายเป็นอะไรของนายน่ะ"น้องสาวถามกลับอย่างสงสัย

    "จริงด้วย เดี๋ยวนี้นายชอบเหม่ออยู่เรื่อยเลย"เพื่อนสนิทของเขาเองก็สงสัยไม่แพ้กัน

    "จริงด้วย"แฟนสาวสนับสนุน

    "งั้นเหรอ.."เขารับอย่างง่ายๆเรียบๆ

    "ว่าแต่เมื่อกี๊เรียกฉันทำไมเหรอ"เขาถาม

    "ชั้นถามว่านายมีอะไรที่พอจะทำให้หายเบื่อได้บ้างมั้ย"

    "อืม....ไม่มีแฮะ"เขาตอบทำให้น้องสาวของเธอถึงกับต้องถอนหายใจ

    "เฮ้อ~~ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้"และหลังจากนั้นบรรยากาศในห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบจนกระทั่ง...

    ก๊อก..ก๊อก..

    เสียงจังหวะเคาะประตูดังขึ้น สาวน้อยผมสีทานตะวันจึงถามกลับไปทันที

    "ใครน่ะ"

    "ข้ามิลิอาเลียค่ะ"เสียงหวานของสาวน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนตอบกลับมา

    "มิลี่เหรอ  รอเดี่ยวนะ"สาวน้อยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้

    "มีอะไรเหรอ"

    "ท่านลักซ์ให้มาเชิญพวกท่านไปร่วมพิธีร่ายรำถวายดวงตะวันค่ะ"เธอตอบ

    "เอ๋ ตอนนี้เลยเหรอ"คางาริถามกลับ

    "ค่ะ"มิลี่ตอบรับอย่างเรียบๆ

    "นี่คิระ อัสรันว่าไง"เธอหันไปถามพี่ชายกับแฟนหนุ่ม

    "ก็ต้องไปสิเค้าอุตส่าห์มาเชิญทั้งทีแล้วยังไงก็ว่างอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"แฟนหนุ่มตอบพลางลุกจากเก้าอี้ไม้

    "โอเคงั้นนำทางไปเลยนะมิลี่"คางาริหันไปบอกสาวน้อยผมสั้น

    "ค่ะ ท่านคางาริเชิญทางนี้ค่ะ"เธอโค้งรับแล้วเดินนำทางไปโดยมีแขกทั้ง 3 คนเดินตามไป เธอเดินไปจนถึงเส้นทางที่คิระรู้สึกคุ้นตา

    'ที่นี่ทางที่เรามาเมื่อวันก่อนนี่นา'เขาคิดขณะที่มองผนังสีครีมไปเรื่อยๆซึ่งในระหว่างนั้นสาวน้อยจอมแก่นก็ถามสาวน้อยผู้เรียบร้อยว่า

    "นี่มิลี่พิธีที่ว่าเนี่ยมันเป็นยังไงเหรอ"

    "อ๋อ ในพิธีจะมีการจัดงานเลี้ยงน่ะค่ะแล้วเราก็จะให้เจ้าหญิงประจำนครนี้ออกมาร่ายรำพร้อมกับร้องเพลงถวายแด่ดวงตะวันที่มอบความสุขแก่นครนี้ค่ะ แต่ช่างเป็นที่น่าเสียดายที่อากาศในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยทำให้เห็นดวงตะวันได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร"มิลี่อธิบายให้คางาริฟัง

    "แย่จังเลยนะ"คางาริพูดเมื่อได้ฟังที่มิลี่บอก

    "อ้ะ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะยังไงท่านลักซ์ก็ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้วคงมีสักครั้งที่เราได้เห็นท่านลักซ์ได้ร่ายรำท่ามกลางแสงตะวันแน่นอนค่ะ"สาวน้อยผมสั้นรีบบอกคางาริอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย เมื่อเดินไปได้อีกเล็กน้อยทุกคนก็พบกับห้องโถงใหญ่ที่มีพรมสีแดงลายดอกกุกุหลาบปูทั่ว ผนังสีขาวปนส้มดูอบอุ่นที่เนตรสีไวโอเล็ตเคยเห็นมาแล้ว เขาจำได้ทันที่ว่าเมื่อหลายวันก่อนเขาเคยมาที่นี่แล้วเพียงแต่คราวนี้ในห้องโถงนั้นมีโต๊ะที่มีผ้าคลุมโต๊ะสีครีมอยู่ทั่วห้อง บนโต๊ะมีอาหารหลายหลายชนิดที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ตรงกลางห้องโถงทรงกลมถูกปล่อยโล่งไว้กว้างพอสมควรซึ่งเดาได้ว่าต้องเตรียมไว้เต้นรำเป็นแน่

    ในห้องนั้นมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนในคฤหาสน์แทบทั้งสิ้น ผู้หญิงทุกคนต่างสวมชุดกระโปรงสีขาวสะอาดส่วนพวกผู้ชายก็สวมเสื้อสีขาวเช่นเดียวกันพวกเขาทุกคนยืนรอกันได้ไม่นานบทเพลงที่ถูกขับร้องมาจากเสียงอันหวานใสก็ดังขึ้น

    Shizukana Yoru ni 

    shizukana kono yoru ni anata wo matteru no
    ยามราตรีนี้ เงียบงันและเงียบเหงา แต่ฉันก็ยัง คอยเฝ้ารอเธออยู่
    ano toki wasureta hohoemi wo tori ni kite
    หัวใจก็รู้ว่าตอนพรากจากกัน รอยยิ้มของเธอ เลือนหายไปแสนไกล
    are kara sukoshi dake jikan ga sugite
    และเมื่อผ่านห้วงกาลเวลาที่ไหลไป อย่างที่ผู้ใดไม่อาจรั้ง (ไม่มีใครรั้งได้)
    omoide ga yasashiku natta ne.
    แต่อย่างไรก็ตาม ความทรงจำที่ตรึงตราก็ย้อนมา

    เธอคนนั้นค่อยๆเยื้องกายออกมาอย่างช้าๆ เส้นผมสีซากุระถูกมัดแบ่งเป็น 2 ข้างและประดับด้วยที่ครอบผมสีเงินเงา ที่ติดผมรูปปีกสีทองถูกเปลี่ยนเป็นรูปใบไม้คู่สีทองชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อนผ่าข้างเผยให้เห็นกระโปรงสั้นสีครีมนวลข้างในรองเท้าบูทส้นสูงของน้ำเงินถูกประดับด้วยริบบิ้นสีเงินอมน้ำเงิน

    hoshi no furu basho de
    มองดวงดาวที่ตกจากฟากฟ้า
    anata ga waratte irukoto wo
    จะภาวนา ห่วงหาให้เธอมีเพียงแต่รอยยิ้มอยู่ทุกครั้ง
    itsumo negatteta
    แม้เราจะจากกัน คงมีอีกครั้งที่
    ima tookutemo mata aeru yo ne
    เราสองได้ย้อนมาพบกันอีก

    ร่างบางในชุดสวยเดินไปตรงกลางโถงที่ปล่อยโล่งไว้แล้วเริ่มร่ายรำด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงาม ปลายเท้าที่ขยับไปมารับกับจังหวะมีที่ร่ายรำ เส้นผมสีซากุระสะบัดไปมาตามการขยับ สายตาของทุกคนต่างจ้องมองเธอ ทุกคนไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้แล้วรวมทั้งเนตรสีไวโอเล็ตของชายหนุ่มก็เช่นกัน

    itsu kara hohoemi wa konna ni hakanakute
    ตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ตัวสักนิด ที่รอยยิ้มเราหมองหม่นไปมากมาย
    hitotsu no machigaide kowarete shimau kara
    เพียงความผิดนี้ ข้อเดียวกลับทำร้าย ทำลายทุกสิ่ง ไม่เหลืออะไรเลย
    taisetsuna mono dake wo hikari ni kaete
    ทำไมจึงไม่ลอง ค้นหาสิ่งล้ำค่า และทำให้เป็นแสงส่องทาง
    tooi sora koete yuku tsuyosade
    เดินไปให้พร้อมกัน ลำนำสู่ฟ้าไกล ด้วยความกล้าแกร่ง

    บทเพลงนั้นดำเนินไปเน่นนานราวกับเวลาได้หยุดนิ่งมีเพียงเธอเท่านั้นที่กาลเวลายังคงหมุนเวียนอยู่  ทุกท่วงท่าสอดคล้องกับจังหวะเพลงไม่มีสะดุดแม้เพียงนิดเดียวใบหน้าที่ไร้การเติมแต่งฉายเสน่ห์ในตัวเธอให้ทุกคนได้ประจักษ์

    hoshi no furu basho e
    จากดวงดาวที่ตกจากฟากฟ้า
    omoi wo anata ni todoketai
    ส่งไปถึงเธอ ความรู้สึกที่ดี ๆ จะคอยข้างเคียงทุกครั้ง
    itsumo soba ni iru sono tsumetasa wo dakishimeru kara
    เมื่อเธอนั้นเหน็บหนาว ฉันจะคอยสวมกอดเสมอ
     ima toukutemo, kitto aerune
    แม้ว่าเราต้องไกลห่างก็ต้องได้พบกันอีกและได้อยู่ด้วยกันอีก

    ในบทเพลงท่อนสุดท้ายเธอเอามือขวากุมไว้ที่อกข้างซ้ายแล้วสะบัดมืออกพร้อมกับเส้นผมสีซากุระ

    shizukanayoruni
    แม้ราตรีนี้เหงาเพียงใด

    ตัวเธอได้หยุดลงตรงกึ่งกลางห้องโถงใหญ่เนตรสีครามของเธอจับจ้องไปบนภาพดวงตะวันสีอำพันพร้อมกับกล่าวอะไรบางอย่างด้วยเสียงที่แผ่วเบาในที่นั้นมีคิระเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น เมื่อมีเสียงปรบมือดังขึ้นเธอก็ย่อตัวพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ

    "ขอบคุณมากค่ะ ต่อไปนี้ก็ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยงได้เลยนะคะ"พอเธอพูดจบเธอก็เดินหายไปจากที่ตรงนั้น ทุกคนจึงเริ่มแยกย้ายไปตามโต๊ะอาหารเมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงคู่หนุ่มสาวที่มีอยู่เพียงน้อยนิดต่างกุมมือกันแล้วออกไปเต้นรำด้วยกัน เนตรสีมรกตเห็นดังนั้นจึงได้หันไปหาแฟนสาวทันที

    "คางาริไปเต้นรำกันเถอะ"ชายหนุ่มเอ่ยถามแต่แทนที่สาวน้อยจะดีใจกลับทำท่าทางลังเล

    "ม.ไม่ดีกว่าชั้นเต้นรำไม่เก่งที่สำคัญ ชั้นแต่งตัวแบบนี้คงไม่เหมาะ"เธอพูดไปพลางมองชุดเสื้อยืดแนบเนื้อสีแดงกับกางเกงยีนสีดำที่ดูแล้วตอนนี้เธอเหมือนผู้ชายมาก

    "ไม่เป็นไรค่ะ ขอเชิญท่านคางาริมาทางนี้สักครู่นะคะ"มิลี่หันมาบอกพลางเรียกเพื่อนมาพาคางาริไป  พอหายไปซักพักก็มีเสียงโวยวายดังลั่น

    "ไม่เอ๊า! ชั้นไม่ใส่นะ!"หลังจากนั้นเสียงก็เงียบไปไม่นานร่างบางในชุดกระโปรงยาวสีเขียวที่มีระบายสีขาวก็ถูกพาออกมา เส้นผมสีดอกทานตะวันที่เคยปล่อยไว้ถูกมัดอย่างเรียบร้อย ภาพของสาวน้อยทำให้ใจของชายหนุ่มเต้นแรงและไม่อาจละสายตาจากเธอได้จนกระทั่ง

    "อะไรเล่า!"สาวน้อยเริ่มออกเสียงเมื่อถูกชายหนุ่มจ้องมอง

    "ก็แบบว่า เธอสวยมากจนฉันละสายตาไม่ได้เลย"ชายหนุ่มป้อนคำหวานให้เธอจนสาวน้อยหน้าแดง

    "บ.บ้าน่ะ"เธอพูดด้วยความเขิน ชายหนุ้มยิ้มเล็กๆแล้วเดินไปหาเธอพร้อมกับโค้งคำนับเธอ

    "ได้โปรดเต้นรำกับผมนะครับ คุณผู้หญิง"เธอซึ่งเจอสถานการณ์แบบนี้ก็มีแต่ต้องย่อตัวคำนับเขาแล้วเดินควงแขนเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำ ฝ่ายพี่ชายของสาวน้อยก็อดยิ้มไม่ได้ที่ได้เห็นน้องสาวแต่งตัวสวยแบบนี้และแล้วเสียงหวานใสที่ขับขานบทเพลงเมื่อซักครู่ก็เรียกเขา

    "ท่านคิระคะ"คราวนี้เธอเดินออกมาในชุดกระโปรงสีฟ้าระบายสีขาว เสื้อผ้าสีฟ้าบางเบาช่างเข้ากับผิวสีขาวผ่องของเธอ

    "เอ่อ ครับ"เขาหันไปตอบกลับสาวน้อยผมสีซากุระ

    "คือว่า ท่านช่วยเต้นรำกับข้าได้ไหมคะ"เธอถามด้วยใบหน้าที่มีสีแดงเจือนิดๆ

    "..ด้วยความยินดีครับ"เขายิ้มรับและยื่นมือไปให้เธอจับ เมื่อเธอยื่นมือมาจับทั้งคู่ก็เดินเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำอีกคู่ ลักซ์เองก็เต้นรำได้ดีมากทั้งคู่เต้นรำไปได้นานพอควรก็เดินออกมาพักที่ข้างหน้าต่างทำให้เขาสังเกตว่าฝนยังคงตกอยู่ทำให้เขานึกถึงสาวน้อยเส้นผมสีกุหลาบขึ้นมา

    "ท่านลักซ์ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ"

    "คะ"

    "หน้าที่ของเฟรย์สำคัญขนาดเวลาที่ฝนตกหนักขนาดนี้เธอยังต้องทำหน้าที่อยู่อีกเหรอครับ"คำถามของเขาทำให้นัยน์ตาสีครามของสาวน้อยตรงหน้าต้องหลบเขา

    "..ไม่ค่ะ..เรารมิได้ให้เธอทำเช่นนั้น"ใบหน้าของสาวน้อยหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัด

    "แล้วเพราะอะไรล่ะครับ"เขาถามกลับทันที

    "เพราะว่า..."

    ----------------------------

    หลังจากที่ได้ฟังที่ลักซ์เล่า ชายหนุ่มก้ได้รีบวิ่งออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่วิ่งอยู่ใจเขาก็หวนคิดถึงเรื่องที่ได้ฟังมา

    "..เฟรย์น่ะมีสัญากับใครบางคนว่าจะรออยู่ที่นั่น เพราะงั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่มีทางขยับไปจากที่ตรงนั้นจนกว่าจันทราครั้งใหม่จะขึ้น เธอจะคอยคนๆนั้นอย่างโดดเดี่ยวเสมอ ข้าเคยบอกให้เธอเลิกทำแบบนี้แต่เธอก็ปฏิเสธดวงตาของเธอในตอนนั้นราวกับ...จะหลั่งน้ำตาได้ทุกเมื่อ"ด้วยเหตูผลเพียงแค่นั้นก็ทำให้ชายหนุ่มรีบวิ่งออกมาจากที่นั่นได้แล้ว จุดหมายของเขามีเพียงที่เดียวเท่านั้น เมื่อไปถึงที่นั่นภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวด สาวน้อยเส้นผมสีกุหลาบยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเมื่อหลายวันก่อนเส้นผมสีแดงของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชุดสีเหลืองนวลของเธอก็เช่นกัน เสื้อชุดสวยของเธอเปียกจนบางส่วนของเนื้อผ้าแนบติดกับเรือนร่างของเธอ ร่างกายของเธอสั่นด้วยความหนาวแต่นิ้วเรียวงามของเธอยังคงฝืนเล่นเพลงต่อไป

    "เฟรย์!"เสียงเรียกของเขาทำให้เธอหันมา

    "ท่านคิระ!"ชายหนุ่มย่างก้าวมาหาเธออย่างช้าๆ

    "ได้โปรดกลับไปเถิดข้าไม่เป็นไร"แต่ชายหนุ่มไม่ฟังเขาได้ใช้มืออันแข็งแกร่งโอบกอดเธอไว้

    "!"การกระทำของเขาทำให้เธอตกใจเป็นอันมาก

    "เฟรย์แม้ผมจะช่วยอะไรคุณไม่ได้แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ขอให้ผมได้อยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ซุกใบหน้าลงไปที่อกของเขา

    "เฟรย์ผมอยากให้คุณเล่าเรื่องของคุณให้ฟังแต่ไม่ต้องตอนนี้ก็ได้ ผมจะรอจนกว่าจะถึงวันที่คุณพร้อมจะเล่าให้ฟัง"เธอเงยใบหน้าขาวนวลขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยออกมาเบาๆ

    "ตอนนี้คุณคงเจ็บปวดมากสินะ"เธอส่ายหน้าพร้อมทั้งบอกว่า

    "ไม่ค่ะ...คนอย่างข้าน่ะ...."เสียงของเธอได้ถูกสายฝนที่กระหน่ำลงมากลบจนทำให้เขาไม่สามารถได้ยินเสียงของเธอแล้วเธอก็ก้มหน้าลงหนีสายตาของเขาเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานสายฝนก็เริ่มหยุดท้องฟ้าสีครามอันสดใสได้ปรากฏขึ้นมาเขาก้มลงเช็ดหยดน้ำที่ประปรายอยู่บนแก้มเนียนของเธอพร้อมกล่าวว่า

    "เฟรย์คุณไปพักเถอะนะ อย่างน้อยแค่วันนี้วันเดียวก็ยังดี"เขาขอไปทั้งที่รู้ว่าเธอน่าจะปฏิเสธแต่คราวนี้กลับไม่ใช่

    "..ค่ะ ท่านคิระงั้นข้าขอตัวก่อน"เธอเดินลับไปแทบจะทันทีโดยมีเขาเดินตามไปอยู่ห่างๆ เมื่อถึงที่White Symphonyเธอกับเขาก็ได้แยกไปคนละทางกัน ชายหนุ่มที่กลับมาด้วยสภาพที่เปียกปอนถูกเพื่อนสนิททักทันที

    "ไปทำอะไรมาน่ะคิระถึงได้เปียกขนาดนี้จะว่าไปพอฉันกับคางาริเต้นรำกันเสร็จก็ไม่เห็นนายเลยนะ"

    "เปล่าไม่มีอะไร"เขาตอบกลับอย่างห้วนๆแล้วก็เดินเข้าห้องไปเมื่อประตูห้องปิดสนิทเขาก็ยืนพิงประตูห้องพร้อมรำพึงออกมาเบาๆ

    "ในตอนนั้นสิ่งที่อยู่บนใบหน้าของเธอคือสายฝนที่โปรยปรายหรือหยาดน้ำตาแห่งความเศร้ากันแน่นะ..."

    #############################

    กลับมาอัพแล้วค่ะตอนนี้จะออกเศร้าๆหน่อย แล้วแม้นต์กันเยอะๆนะคะ

    เพลงที่ลักซ์ร้องในตอนนี้เป็นเพลงที่เธอร้องในเนื้อเรื่องการ์ตูนนะคะ ด้านคำแปลนี่เราได้มาจากใครก็จำไม่ได้แล้วขออภัยด้วยค่ะ

    รักคนอ่านมากค่ะ แล้วฝากฟิคอีกเรื่องของเราด้วยนะ

    ชื่อ Ths Blue Song Of Ocean.

    http://my.dek-d.com/writer/story/view.php?id=116161

    ฝากไปอ่านแล้วเม้นต์ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×