ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic G Seed&Destiny]เทพีแห่งความรักผู้โดดเดี่ยว

    ลำดับตอนที่ #16 : สิ่งที่ถูกเลือกและคำลาจาก

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 49


    Phase 16 สิ่งที่ถูกเลือกและคำลาจาก

    ท้องนภาที่เคยสว่างสดใสในเวลานี้กลับมืดครึ้มด้วยเมฆสีดำที่เข้าปกคลุมทั่วผืนฟ้า เมฆสีดำทะมึนกำลังส่งเสียงร้องคำราม สายน้ำเริ่มโปรยปรายจากฟากฟ้าสู่ผืนปฐพี ฝนผิดฤดูที่ไม่ควรมีในฤดูนี้กำลังทำให้ดินแดนที่เคยสว่างไสวมืดมิด เสียงวิหคที่เคยขับขานครานี้กลับมีเพียงเสียงสายฝนที่โถมกระหน่ำราวกับสะท้อนถึงจิตใจของใครบางคน...

    ร่างหนึ่งนอนหลับไร้ซึ่งสติที่จะประคองจิตใจอันบอบช้ำ ดวงตาคู่งามนั้นปิดสนิทราวกับกลัวการตื่นหากเมื่อพินิจมองใบหน้าของเธอ เธอกำลังร้องไห้....แม้จะไม่มีน้ำตาให้ไหลแล้วก็ตาม...กับอีกร่างหนึ่งที่ทรุดอยู่บนพื้นโดยมีคนรักคอยประคองปลอบอยู่ ดวงหน้าของเธอเศร้าหมองนัยน์ตาสีฟ้าใสมีน้ำตาอยู่ประปราย ริมฝีปากที่สั่นระริกนั้นกำลังเอ่ยคำพูดออกมา

    "ทำไมต้องเป็นแบบนี้เฟรย์ทำอะไรผิดงั้นหรือแล้วนี่เราควรจะทำเช่นไรดี"มิลิอาเลียผู้ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนของเฟรย์เอ่ยถามทุกคน เรื่องของไซนั้นควรบอกเธอดีไหม...คำถามที่หาคำตอบที่ถูกไม่ได้ บางทีการบอกไปอาจเป็นสิ่งที่ถูกแต่มันก็เป็นเหตุผลของคนอื่นไม่ใช่เหตุผลของเฟรย์ ทว่าอย่างไหนมันก็คงไม่อาจนำความสุขมาให้เฟรย์ได้ในตอนนี้

    "เฟรย์ขอโทษนะ...ผมขอโทษ..."คำขอโทษหลุดออกมาจากของเขา คำมั่นในใจที่ให้ไว้กับตนเองว่า อยากจะทำให้เธอได้มีรอยยิ้มที่แท้จริงกลับกลายเป็นเพียงคำพูดเลื่อนลอยของคนไม่ได้ความอย่างเขา ถ้อยคำอันรวดร้าวของเธอยังคงดังก้องภายในใจไม่เลือนหายทั้งเจ็บปวด เสียใจจนไม่อาจพูดออกไปได้ ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องได้ยินแต่เพียงเสียงฟ้าคำราม

    "เรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือคะ...."เสียงหนึ่งที่แสนหวานเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ บุคคลในห้องทั้งหมดต่างหันไปมองท่านหญิงไคลน์เป็นตาเดียวกัน

    "มัน...หมายความว่ายังไงเหรอครับ"คิระถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด

    "พวกท่านคงยังไม่ทราบสินะคะเกี่ยวกับความจริงของเรื่องนี้..."ท่านหญิงเอ่ยเสียงเบาแต่ชัดเจนพร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบเนตรสีไวโอเล็ตของเขาด้วยนัยน์ตาสีแสนเศร้า

    "ความจริงแล้วเรื่องที่ท่านไซไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกแล้วเฟรย์นั้นรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วค่ะ"สิ่งที่ท่านหญิงพูดออกมายิ่งทำให้คิระรู้สึกสับสนหากเธอรู้อยู่แล้วถ้างั้นทำไม....

    "แล้วทำไมเฟรย์ถึงได้..."ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบท่านหญิงก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน

    "เพราะว่าคำสัญญานั้นเป็นสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ค่ะ"ท่านหญิงไคลน์เลื่อนระดับสายตาลงไปมองผู้ที่นอนหลับอยู่ ใบหน้าที่ติดจะขาวซีดกับคราบน้ำตาข้างแก้ม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนทุกอย่างก็ยังคงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด...

    "ท่านลักซ์ได้โปรดเล่าให้ผมฟังได้ไหม"ชายหนุ่มเอ่ยคำขอร้องขณะที่ยังคงไม่ทิ้งสายตามองใบหน้าของท่านหญิง

    "ค่ะ เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นที่วันนั้น..."

    .....................
    ...............
    ..........

    ท่ามกลางเนินสีเขียวที่สายลมพัดผ่าน ร่างสูงของชายคนหนึ่งกำลังเดินทอดกายผ่านไปยังที่แห่งนั้น เส้นผมสั้นสีส้มราวกับดวงตะวันเสริมให้ผิวสีออกขาวดูดีกับนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลที่ส่องประกายอยู่ภายใต้แว่นตาสีเดียวกับเส้นผม ในดวงตาคู่นั้นทอประกายแห่งความเศร้าเอาไว้ไม่น้อย เขาไม่คิดจะหันหลังกลับไปจนกระทั่งเสียงหนึ่งได้เรียกเขาเอาไว้

    "ท่านอาร์ไกล์..."ร่างสูงหยุดชะงักเหลียวหลังกลับมามองเจ้าของเสียงอันแสนคุ้นเคย ร่างบางในชุดสีเหลืองอ่อนเข้ากับเส้นผมสีเพลิงที่ยาวเคลียบ่า กำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา ใบหน้าสวยๆและเนตรสีเงินของเธอหม่นหมองด้วยความเศร้าและไร้รอยยิ้มที่งดงาม

    "เฟรย์..."ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอและมองสบเข้าไปในดวงตาคู่งามของเธอด้วยแววตาที่เศร้าหมองไม่แพ้กัน เธอเดินเข้ามาหาเขาโดยไม่ละสายตาไม่จากเขาแม้แต่น้อยราวกับอยากจะจดจำเขาเอาไว้มิให้เลือนหาย

    "ท่านอาร์ไกล์...."เธอเรียกชื่อของเขาอีกครั้งแล้วเงียบไป เธอคงหวังที่จะให้เขาพูดอะไรบางอย่างที่เธอต้องการแต่แล้วเขาก็นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรบอกไป ไม่แม้แต่คำเดียว บัดนั้นความรู้สึกต่างๆก็ทำให้เธอต้องโผเข้าไปกอดเขาเอาไว้

    "ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ..."คำขอร้องที่ยากจะตอบรับ ใช่ว่าเขานั้นเกลียดเธอ...ใช่ว่าเขานั้นอยากจะจากเธอไป แต่เขาก็มีเหตุผลของเขา เขายังมีบ้านให้กลับไปและเหตผลอีกข้อหนึ่งนั้นก็เพื่อเธอ ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธทั้งเธอและหัวใจตนเองพร้อมทั้งกล่าวออกมาหลังจากที่นิ่งเงียบไป

    "ขอโทษนะเฟรย์...."ขอโทษที่ทำให้เธอเศร้า ขอโทษที่ไม่อาจอยู่กับเธอได้นานกว่านี้ ขอโทษสำหรับทุกๆสิ่ง...

    "งั้นหรือ..."คำตอบรับของเธอนั้นแสนแผ่วเบา รู้สึกได้ว่าขอบตานั้นอุ่นชื้นด้วยหยดน้ำใสๆที่ไหลรื้นออกมาและหยาดหยดลงบนแก้มเนียนสู่ผืนดินทีละหยด หยดน้ำเพียงหยดเล็กๆกลับสร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่าจำนวนที่หลั่งเป็นน้ำตาออกมา

    ชายหนุ่มไม่อยากจะให้ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้เขาจึงได้ตัดสินใจบางอย่างลงไป มือข้างหนุ่มล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายและหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาประดับที่เส้นผมของเธออย่างนุ่มนวล

    "นี่มัน.."เธอเอื้อมมือขึ้นจับมันเบา สิ่งนั้นคือดอกไม้ที่มีกลีบสีเหลืองนวลเหมือนกับเสื้อชุดกระโปรงของเธอ

    "ดอกพรีเชียส ดอกไม้ที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉาเปรียบเหมือนเป็นรักนิรันดร์เป็นดอกไม้ที่จะมอบให้คนสำคัญเท่านั้น.."ชายหนุ่มบอกพร้อมกับขยับรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้เธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสบแววตาอันอบอุ่นของเขาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกรอบแว่นสีตะวันนั้น

    "ผมขอสัญญาว่าผมจะต้องกลับมาหาคุณอีกครั้ง ขอสัญญาต่อดอกไม้ดอกนี้"สักวันเขาจะต้องกลับมาให้ได้และเมื่อวันนั้นมาถึงเขาจะบอกความรู้สึกที่เขามีต่อเธอไปตรงๆไม่อ้อมค้อมแบบนี้ ขอเพียงแค่ให้วันนั้นมาถึง....

    "ท่าน.."

    "เฟรย์ได้โปรดเรียกชื่อของผมเถอะ"คำขอร้องสุดท้าย ขอให้เรียกชื่อของเขาตลอดมาเธอมักจะเรียกเขาว่า ท่านอาร์ไกล์เสมอซึ่งนั่นเป็นนามสกุลของเขามิใช่ชื่อของเขา ตลอดมาที่เธอไม่เคยเรียกชื่อเขาทำให้รู้สึกเหมือนกับเธอและเขาห่างไกลกัน แต่ขอเพียงแค่ตอนนี้เธอเรียกชื่อเขาสักครั้งมันคงช่วยลดระยะห่างของเธอและเขาได้สักนิดก็ยังดี อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะจากไปไกล

    หญิงสาวรับรู้ถึงความหมายที่แฝงออกมาได้ดีที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะไม่อยากเรียกแต่เธอรู้ดีว่าเขาจะต้องจากไปซักวัน เพราะงั้นจึงพยายามทำตัวห่างเหินเพื่อเวลาจากจะได้ไม่เจ็บปวดแต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขานั้นมากมายเกินกว่าที่หักห้ามใจได้ ที่ไม่เรียกทั้งที่ใจนั้นอยากจะเรียกก็คงเพราะไม่อยากรู้สึกเศร้ามากไปกว่านี้ ทว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งสุดท้ายเขาสัญญาแล้วว่าจะกลับมาหาเธออีกครั้งเพราะงั้น....

    ริมฝีปากสีชาดขยับรอยยิ้มทั้งที่ยังมีน้ำตาไหลรินอยู่ข้างแก้มแต่ก็ยังส่งยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่งดงามที่สุดและแล้วเสียงอันแสนไพเราะของเธอก็ดังออกมา

    "ค่ะ ข้าจะรอท่านตลอดไป ท่านไซ"เขายกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก

    "คำว่าลาก่อนนะมันคงเศร้าเกินไปเพราะงั้นผมจะไม่บอกว่าลาก่อนหรอกนะ....เราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง ผมไปก่อนนะเฟรย์"เธอคงไม่อาจรั้งเขาเอาไว้ได้อีกแล้วสิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือยืนส่งเขาด้วยรอยยิ้มเท่านั้น

    "โชคดีนะคะท่านไซ"อ้อมแขนที่โอบกอดละหายไปทิ้งแต่ความอบอุ่นไว้ ร่างที่สูงกว่าเดินก้าวออกไปโดยไม่ลืมที่จะหันหลังกลับมา

    "แล้วซักวันผมจะกลับมา"เฟรย์เอื้อมมือขึ้นจับดอกพรีเชียสที่ผมเอาไว้และตะโกนกลับไปหาเขา

    "ค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือนานแค่ไหนข้าก็จะรอท่านตลอดไป!...จะรอตลอดไป..."เธอเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างของเขาที่เริ่มหายไปจากสายตาของเธอในเส้นทางสายหมอกซึ่งนำทางไปสู่โลกภายนอกที่เธอไม่เคยได้เห็น ร่างบางที่ยืนรับสายลมยกเครื่องสายขึ้นมาและเริ่มขยับปลายดิ้วดีดเส้นสายนั้นจนก่อเกิดบทเพลงที่ขับท่วงทำนองไปพร้อมกับบทเพลงที่ขับขาน

    "ท้องฟ้าสีครามที่เฝ้ามองนี้
    เธอได้มองมันอยู่ที่ใดกัน
    ณ ห้วงเวลานี้เธออยู่ที่ใดกัน
    ยังคงรู้สึกถึงชั้นหรือเปล่า

    ภายใต้ผืนฟ้าอันกว้างไกล
    ชั้นยังคงรอเธออยู่เรื่อยมา
    นับจากวันที่เราพรากจากกัน
    ชั้นยังคงคิดถึงเธออยู่เสมอ
    แม้เวลานี้รอยยิ้มของเธอจะเลือนหายไปแสนไกล

    แต่ภายใต้ห้วงเวลานี้ชั้นยังคงรอเธออยู่
    In the promise land.
    In the promise land.

    I wait you when you come in the promise land...."

    แม้หัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องจากกันแต่ยังคงส่งยิ้มให้เขาโดยที่เชื่อว่าสักวันคงได้พบกันอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอกับเขาจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว

    ช่วงเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้แต่เธอไม่เคยสนใจ เธอยังคงไปนั่งอยู่ที่เดิมเสมอ มองดูทิวทัศน์เดิมๆจากที่เดิม บทเพลงเดิมที่ร้องซ้ำไปซ้ำมาหลายร้อยหลายพันครั้งยังคงดังกังวานอยู่ เธอก็ยังนั่งเฝ้ารอเขาอย่างมีความหวัง

    จนกระทั่งวันนั้นก็มาถึง...วันนั้นเองก็ฝนตกแบบนี้เหมือนกันในเวลานั้นเองเฟรย์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าคฤหาสน์เพียงลำพังยังคงลังเลที่จะไปยังที่แห่งนั้นดีไหม ในขณะที่กำลังลำบากใจอยู่ๆดอกพรีเชียสนั้นก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นทั้งที่มันไม่เคยเป็นมาก่อนนอกจากเธอจะเป็นคนแกะออกเอง เธอก้มลงไปเพื่อจะเก็บมันขึ้นมา ทว่าเมื่อปลายนิ้วนั้นได้สัมผัสกับกลีบดอกสีเหลืองนวลหัวใจก็พลันเจ็บขึ้นมาในทันที

    "นี่มัน...อะไรกัน..."เธอส่งเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดร่างนั้นทรุดลงกับพื้น ชั่วแว่บนั้นภาพของผู้ที่เฝ้ารอก็แล่นเข้าสู่สมอง ใบหน้าของเขาช่างซีดเซียว อิดโรย ร่างกายที่เคยแข็งเรงซูบผอมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมของความแข็งแรงที่เคยมีกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้าราวกับหวังจะคว้าบางสิ่งที่ไร้ตัวตน

    "ไม่จริง..."เธอพยายามจะยื่นมือออกไปข้างหน้าราวกับอยากจะสัมผัสมือของเขาที่ยื่นออกมาในห้วงคิดแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า และแล้วมือของเขาก็ตกลงสู่ข้างตัวริมฝีปากขยับราวกับจะพูดอะไรสักอย่างที่เธอไม่อาจได้ยิน ดวงตาที่อ่อนโยนของเขาปิดลงโดยที่ไม่อาจจะลืมตาขึ้นมาได้อีกแล้ว

    "...ไม่..ไม่จริง!!!!"เธอแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง อยากจะหลอกตนเองว่าเป็นเพียงแค่ฝันแต่ไม่ว่าอย่างไรความจริงนั้นก็คือ เขาได้จากไปแล้ว

    "ไม่จริง..ท..ทำไมกัน..ท่านไซ"เสียงร้องของหัวใจที่แตกสลายนั้นดังก้องไปทั่วทั้งดินแดน แต่คงไม่อาจส่งไปถึงเขาผู้ไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้ว

    ทุกอย่างจบลงแล้ว... เสียงหนึ่งในใจบอกเช่นนั้น

    ไม่ทุกอย่างยังไม่จบ...เสียงหนึ่งในใจเอ่ยค้าน

    คำที่ดังขัดแย้งกันเองในหัวใจทำให้เธอลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ริมฝีปากยังคงพูดกับตนเองด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่าและเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด

    "ทุกอย่างยังไม่จบ ข้าจะไม่ยอมให้มันจบลงเด็ดขาด..."เธอเดินโซซัดโซเซออกไป ไร้ซึ่งความกลัวต่อเสียงคำรามของท้องฟ้า ไร้ซึ่งความกลัวของสายผนที่กำลังรุนแรงขึ้นและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

    แม้กระนั้นมือของเธอยังคงกำดอกพรีเชียสไว้แน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่ามันจะหายไป....

    -------------------------

    "ตัวข้าในตอนนั้นเองก็ได้ยินถึงเสียงร้องอันเจ็บปวดของเธอ ข้าจึงได้ออกจากคฤหาสน์เพื่อไปพบเธอเพียงลำพังและข้าก็พบเธอ..."ท่านหญิงท้าวความถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในวันวานที่ผ่านไปซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้

    "ยามเมื่อข้าไปถึงที่แห่งนั้นเฟรย์ยังคงนั่งอยู่ที่ตรงนั้นดังเช่นทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งเรียวนิ้ว เรือนร่างและเครื่องสายเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนแต่เธอหาได้สนใจไม่ ริมฝีปากยังคงพร่ำรำพันบทเพลงเดิมท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างไม่มีหยุดแม้จะไม่มีใครอาจได้ยินมันก็ตาม...ในตอนนั้นข้าถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น..เธอก็ตอบเพียงแต่ว่า"

    .....................
    ...............
    ..........

    'ท่านไซ...เขาจากข้าไปแล้วจากไปย่างไม่มีวันกลับ'น้ำเสียงในตอนนั้นช่างเศร้าสร้อยยิ่งนัก

    'แล้วทำไมเจ้ายังต้องเล่นบทเพลงเพื่อรอคอยเขาอีก'ข้าถามเธอไปเช่นนั้นแต่เธอกลับส่ายหน้าและพูดออกมา

    'อย่าห้ามข้าเลยค่ะท่านลักซ์ ข้าขอร้อง'

    'แต่ว่าเจ้าน่ะ..'

    'ขอร้องล่ะค่ะ!'เธอกล่าวเสียงดังอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกแล้ว เสียงของเธอทำให้ข้าต้องนิ่งฟัง

    'ขอร้องล่ะค่ะได้โปรดเถอะ ขอร้องล่ะค่ะข้าไม่อยากจะให้มันจบลงเช่นนี้ ข้าสัญญากับเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็จะรอเขาตลอดไป มันเป็นสัญญาที่ข้าต้องรักษาเพราะงั้นขอร้องล่ะค่ะ เพราะตอนนี้มันเป็นสิ่งเดียวที่ข้าจะทำได้'หยาดน้ำตาที่โปรยปรายอยู่บนใบหน้านั้นหลั่งไหลออกมาไม่มีหยุดราวกับท้องฟ้าในตอนนั้น เวลานั้นข้ารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังร้องไห้...

    ท้องฟ้านั้นร้องไห้เพื่อใครกันแน่นะ..

    คำสัญญาที่เคยยึดเหนี่ยวจิตใจไว้กลับผูกมัดตัวเธอให้ไร้ซึ่งอิสรภาพ แต่จะดีกว่าไหมหากจะปล่อยให้คำสัญญาพันธนาการเธอไว้เช่นนั้นเพราะหากไม่มีมันแล้วเธอก็จะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่อีกเลย...

    เสียงของเธอในตอนนั้นข้าไม่อาจจะทราบได้เลยว่านั่นคือเสียงบทเพลงหรือเสียงร้องไห้กันแน่...

    แต่แล้วในคืนนั้นเธอก็ล้มลงไป....

    ยามเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอได้พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องของตนเองโดยมีมิลิอาเลียและข้ายืนอยู่ข้างเตียง เธอมองไปรอบข้างราวกับจะสำรวจสถานที่ซึ่งตนเองอยู่

    'ดีจังที่เธอฟื้นแล้ว'มิลิอาเลียพูดอย่างโล่งอกในขณะที่ข้ายังยืนเฉยอยู่แม้จะเป็นห่วงนางก็ตาม

    'ข้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ'เธอถามเช่นนั้น

    'ก็เธอสลบไปน่ะสิ ทำไมถึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นถ้าหากตอนนั้นท่านลักซ์ไม่อยู่เธอจะเป็นอย่างไร ชั้นรู้ดีว่าเธอรอท่านอาร์ไกล์อยู่แต่ก็หัดห่วงตัวเองเสียบ้างสิ'เฟรย์มีท่าทีแปลกไปเล็กน้อย

    'อาร์ไกล์...'เธอทวนชื่อนั้นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป อาจเป็นเพราะความเสียใจทำให้เธอลืมเลือนเขาไปแต่ว่าบางสิ่งนั้นยังไม่เลือนหาย

    อาร์ไกล์ชื่อที่คุ้นหูแต่เธอไม่รู้จัก ชื่อที่เหมือนจะเคยสนิทสนมแต่ตอนนี้กลับไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าของชื่อนี้คือใคร...

    รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอมีที่ซึ่งต้องไป...

    เธอกำลังเฝ้ารอใครซักคนอยู่แม้จะไม่อาจนึกออกได้ว่าเขาคือใคร แม้ยังคงจำได้ว่าเขานั้นไม่อยู่แล้วก็ตาม....

    'จริงสิข้ายังมีที่ต้องไป..อะ'ข้าเห็นเธอลุกขึ้นและเสียหลักล้มลงไปเพราะร่างกายอ่อนแอ มิลิอาเลียจึงเข้าไปประคองเธอเอาไว้และได้เอ่ยถามเฟรย์

    'เฟรย์เธอจะไปไหนน่ะ'

    'ข้าต้องไปที่นั่น ข้าสัญญาไว้กับเขา นั่นคือสัญญาที่ข้าต้องรักษา'เฟรย์ปัดมือของมิลิอาเลียเบาๆและลุกขึ้นด้วยตนเอง เธอไม่ลืมที่จะหยิบฮาร์พตัวเก่าออกไปซึ่งมิลิอาเลียไม่อาจจะห้ามเธอไว้ได้

    ฝนที่เคยตกอยู่ได้หยุดลงแล้ว ร่างกายที่อ่อนเพลียพยายามเดินไปให้ถึงจุดหมายด้วยกำลังของตนเอง  เมื่อถึงจุดหมายนั้นเธอก็นั่งลงบนก้อนหินใหญ่นั้นและเริ่มบรรเลงบทเพลงออกมา

    'แม้ข้าไม่อาจจะนึกถึงใบหน้าและนามของท่านได้อีก แม้ท่านจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกนี้อีกแล้วแต่ข้าจะรอคอยท่านตลอดไป จะรอตลอดไปจนกว่าชีวิตของข้าจะจบลง...'

    ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่านางไปที่นั่นด้วยความรู้สึกแบบไหน บทเพลงที่ขับร้องออกมานั้นเกิดจากความรู้สึกแบบไหน ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเธอเอง....

    ---------------

    "นี่มันเรื่องอะไรกัน"คิระอุทานออกมาอย่างเผลอตัวเมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ

    ความจริงที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าการไม่รู้ เฟรย์เลือกที่จะรอด้วยตัวเองตัดสินใจด้วยตนเอง แม้เส้นทางนั้นจะไร้จุดจบ เลือกที่ขอเพียงแค่ทำตามสัญญา แล้วแบบนั้นมันจะมีความสุขหรือ ทว่าบางทีความสุขนั้นคงดับสลายไปตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่จากกันแล้ว

    "พวกท่านอาจคิดว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่หากว่าพวกท่านได้พบเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอพวกท่านจะทำเช่นไร"ท่านหญิงเอ่ยถาม แต่ก็ไร้คำตอบจากทุกคน

    คำถามที่มีมากมายหลายคำตอบ บางคนอาจเลือกที่จะหารักใหม่ บางคนอาจเลือกที่จะตายตามเขาไป บางคนอาจเลือกที่จะลืมเขาไป บางคนอาจจะเลือกเส้นทางเดียวกับเฟรย์ แต่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำตอบพวกนี้ผิดหรือถูกกันแน่

    "เฟรย์เลือกที่จะรอคอยเขาแม้ไม่อาจจดจำตัวตนของเขาได้อีก เธอเลือกที่เลิกยิ้มเพื่อมิให้เจ็บปวดไปมากยิ่งกว่านี้ เพราะหากเธอยิ้มแล้วคราวนี้แม้แต่สัญญานั้นก็คงเลือนหายไปจากใจเป็นแน่"คำพูดของท่านหญิงทำให้คิระต้องเจ็บปวด

    งั้นสิ่งที่เขาทำมาตลอดก็คือการทำร้ายเธอ พยายามมาตลอดเพื่อให้เธอยิ้มโดยที่ไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิด เขาคงเป็นคนที่โง่และบาปที่สุด แบบนี้เขาคงไม่มีหน้ามาพบเธออีกแล้ว

    "ท่านคิระจะไปไหนหรือคะ"มิลิอาเลียถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู

    "ที่ไหนก็ได้ที่ผมจะไม่ได้พบกับเฟรย์..."คำกล่าวนั้นแสนสั้นและแผ่วเบาแต่เจ็บปวด

    "แล้วท่านจะทิ้งเธอไว้เช่นนี้หรือ!"จริงอยู่ที่เธอคิดว่าเขาไม่ผิดแต่แบบนี้มัน...

    "ผมไม่มีทางเลือก..."เขาหาได้สนใจคำของมิลิอาเลียชายหนุ่มเดินเข้าใกล้ประตูเรื่อยๆ มือกร้านนั้นจับลูกบิดประตูและเปิดออก

    "ท่านก็จะทิ้งเฟรย์ไปอีกคนงั้นหรือ!"ถ้อยคำเสียดแทงใจทำให้เขาตอบกลับ

    "...หากผมอยู่เธอคงต้องเจ็บปวดมากยิ่งไปกว่านี้ เพราะงั้นผมคงไม่อาจจะพบกับเธอได้อีกแล้ว...ตลอดไป"คิระหันหลังกลับมามองเฟรย์เป็นครั้งสุดท้าย เขากล้ำกลืนฝืนน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

    "ลาก่อนนะ...เฟรย์"สิ้นเสียงนั้นชายหนุ่มก็เดินหายลับไปจากห้องของเธอ ไม่มีใครสามารถที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้

    เขาเลือกที่จะทอดทิ้งทุกสิ่งที่ทำมาและไม่พบกับเธออีก...แต่ว่า....จะรู้ไหมนะว่าคำว่า ลาก่อน นั้นเจ็บปวดแค่ไหน

    หยดน้ำตากำลังไหลรินออกมาอีกทั้งที่เหือดแห้งไปแล้ว มันไหลรินออกมาโดยที่ไม่มีใครเห็น ริมฝีปากสีกุหลาบของเฟรย์เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาทั้งที่ไม่ได้สติ

    "ท่านคิระ..."

    #####################################

    เมื่ออ่านแล้วโปรดให้อาหารลูกหมาตาดำๆคนนี้ด้วยค่าคนละเม้นต์นะคะไม่งั้นลูกหมาตัวนี้อดตายแน่ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×