คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : สิ่งที่ถูกเลือกและคำลาจาก
Phase 16 สิ่งที่ถูกเลือกและคำลาจาก
ท้องนภาที่เคยสว่างสดใสในเวลานี้กลับมืดครึ้มด้วยเมฆสีดำที่เข้าปกคลุมทั่วผืนฟ้า เมฆสีดำทะมึนกำลังส่งเสียงร้องคำราม สายน้ำเริ่มโปรยปรายจากฟากฟ้าสู่ผืนปฐพี ฝนผิดฤดูที่ไม่ควรมีในฤดูนี้กำลังทำให้ดินแดนที่เคยสว่างไสวมืดมิด เสียงวิหคที่เคยขับขานครานี้กลับมีเพียงเสียงสายฝนที่โถมกระหน่ำราวกับสะท้อนถึงจิตใจของใครบางคน...
ร่างหนึ่งนอนหลับไร้ซึ่งสติที่จะประคองจิตใจอันบอบช้ำ ดวงตาคู่งามนั้นปิดสนิทราวกับกลัวการตื่นหากเมื่อพินิจมองใบหน้าของเธอ เธอกำลังร้องไห้....แม้จะไม่มีน้ำตาให้ไหลแล้วก็ตาม...กับอีกร่างหนึ่งที่ทรุดอยู่บนพื้นโดยมีคนรักคอยประคองปลอบอยู่ ดวงหน้าของเธอเศร้าหมองนัยน์ตาสีฟ้าใสมีน้ำตาอยู่ประปราย ริมฝีปากที่สั่นระริกนั้นกำลังเอ่ยคำพูดออกมา
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้เฟรย์ทำอะไรผิดงั้นหรือแล้วนี่เราควรจะทำเช่นไรดี"มิลิอาเลียผู้ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนของเฟรย์เอ่ยถามทุกคน เรื่องของไซนั้นควรบอกเธอดีไหม...คำถามที่หาคำตอบที่ถูกไม่ได้ บางทีการบอกไปอาจเป็นสิ่งที่ถูกแต่มันก็เป็นเหตุผลของคนอื่นไม่ใช่เหตุผลของเฟรย์ ทว่าอย่างไหนมันก็คงไม่อาจนำความสุขมาให้เฟรย์ได้ในตอนนี้
"เฟรย์ขอโทษนะ...ผมขอโทษ..."คำขอโทษหลุดออกมาจากของเขา คำมั่นในใจที่ให้ไว้กับตนเองว่า อยากจะทำให้เธอได้มีรอยยิ้มที่แท้จริงกลับกลายเป็นเพียงคำพูดเลื่อนลอยของคนไม่ได้ความอย่างเขา ถ้อยคำอันรวดร้าวของเธอยังคงดังก้องภายในใจไม่เลือนหายทั้งเจ็บปวด เสียใจจนไม่อาจพูดออกไปได้ ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องได้ยินแต่เพียงเสียงฟ้าคำราม
"เรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือคะ...."เสียงหนึ่งที่แสนหวานเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ บุคคลในห้องทั้งหมดต่างหันไปมองท่านหญิงไคลน์เป็นตาเดียวกัน
"มัน...หมายความว่ายังไงเหรอครับ"คิระถามด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
"พวกท่านคงยังไม่ทราบสินะคะเกี่ยวกับความจริงของเรื่องนี้..."ท่านหญิงเอ่ยเสียงเบาแต่ชัดเจนพร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบเนตรสีไวโอเล็ตของเขาด้วยนัยน์ตาสีแสนเศร้า
"ความจริงแล้วเรื่องที่ท่านไซไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกแล้วเฟรย์นั้นรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วค่ะ"สิ่งที่ท่านหญิงพูดออกมายิ่งทำให้คิระรู้สึกสับสนหากเธอรู้อยู่แล้วถ้างั้นทำไม....
"แล้วทำไมเฟรย์ถึงได้..."ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบท่านหญิงก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
"เพราะว่าคำสัญญานั้นเป็นสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ค่ะ"ท่านหญิงไคลน์เลื่อนระดับสายตาลงไปมองผู้ที่นอนหลับอยู่ ใบหน้าที่ติดจะขาวซีดกับคราบน้ำตาข้างแก้ม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนทุกอย่างก็ยังคงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด...
"ท่านลักซ์ได้โปรดเล่าให้ผมฟังได้ไหม"ชายหนุ่มเอ่ยคำขอร้องขณะที่ยังคงไม่ทิ้งสายตามองใบหน้าของท่านหญิง
"ค่ะ เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นที่วันนั้น..."
.....................
...............
..........
ท่ามกลางเนินสีเขียวที่สายลมพัดผ่าน ร่างสูงของชายคนหนึ่งกำลังเดินทอดกายผ่านไปยังที่แห่งนั้น เส้นผมสั้นสีส้มราวกับดวงตะวันเสริมให้ผิวสีออกขาวดูดีกับนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลที่ส่องประกายอยู่ภายใต้แว่นตาสีเดียวกับเส้นผม ในดวงตาคู่นั้นทอประกายแห่งความเศร้าเอาไว้ไม่น้อย เขาไม่คิดจะหันหลังกลับไปจนกระทั่งเสียงหนึ่งได้เรียกเขาเอาไว้
"ท่านอาร์ไกล์..."ร่างสูงหยุดชะงักเหลียวหลังกลับมามองเจ้าของเสียงอันแสนคุ้นเคย ร่างบางในชุดสีเหลืองอ่อนเข้ากับเส้นผมสีเพลิงที่ยาวเคลียบ่า กำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา ใบหน้าสวยๆและเนตรสีเงินของเธอหม่นหมองด้วยความเศร้าและไร้รอยยิ้มที่งดงาม
"เฟรย์..."ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอและมองสบเข้าไปในดวงตาคู่งามของเธอด้วยแววตาที่เศร้าหมองไม่แพ้กัน เธอเดินเข้ามาหาเขาโดยไม่ละสายตาไม่จากเขาแม้แต่น้อยราวกับอยากจะจดจำเขาเอาไว้มิให้เลือนหาย
"ท่านอาร์ไกล์...."เธอเรียกชื่อของเขาอีกครั้งแล้วเงียบไป เธอคงหวังที่จะให้เขาพูดอะไรบางอย่างที่เธอต้องการแต่แล้วเขาก็นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรบอกไป ไม่แม้แต่คำเดียว บัดนั้นความรู้สึกต่างๆก็ทำให้เธอต้องโผเข้าไปกอดเขาเอาไว้
"ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ..."คำขอร้องที่ยากจะตอบรับ ใช่ว่าเขานั้นเกลียดเธอ...ใช่ว่าเขานั้นอยากจะจากเธอไป แต่เขาก็มีเหตุผลของเขา เขายังมีบ้านให้กลับไปและเหตผลอีกข้อหนึ่งนั้นก็เพื่อเธอ ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธทั้งเธอและหัวใจตนเองพร้อมทั้งกล่าวออกมาหลังจากที่นิ่งเงียบไป
"ขอโทษนะเฟรย์...."ขอโทษที่ทำให้เธอเศร้า ขอโทษที่ไม่อาจอยู่กับเธอได้นานกว่านี้ ขอโทษสำหรับทุกๆสิ่ง...
"งั้นหรือ..."คำตอบรับของเธอนั้นแสนแผ่วเบา รู้สึกได้ว่าขอบตานั้นอุ่นชื้นด้วยหยดน้ำใสๆที่ไหลรื้นออกมาและหยาดหยดลงบนแก้มเนียนสู่ผืนดินทีละหยด หยดน้ำเพียงหยดเล็กๆกลับสร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่าจำนวนที่หลั่งเป็นน้ำตาออกมา
ชายหนุ่มไม่อยากจะให้ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้เขาจึงได้ตัดสินใจบางอย่างลงไป มือข้างหนุ่มล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายและหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาประดับที่เส้นผมของเธออย่างนุ่มนวล
"นี่มัน.."เธอเอื้อมมือขึ้นจับมันเบา สิ่งนั้นคือดอกไม้ที่มีกลีบสีเหลืองนวลเหมือนกับเสื้อชุดกระโปรงของเธอ
"ดอกพรีเชียส ดอกไม้ที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉาเปรียบเหมือนเป็นรักนิรันดร์เป็นดอกไม้ที่จะมอบให้คนสำคัญเท่านั้น.."ชายหนุ่มบอกพร้อมกับขยับรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้เธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสบแววตาอันอบอุ่นของเขาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกรอบแว่นสีตะวันนั้น
"ผมขอสัญญาว่าผมจะต้องกลับมาหาคุณอีกครั้ง ขอสัญญาต่อดอกไม้ดอกนี้"สักวันเขาจะต้องกลับมาให้ได้และเมื่อวันนั้นมาถึงเขาจะบอกความรู้สึกที่เขามีต่อเธอไปตรงๆไม่อ้อมค้อมแบบนี้ ขอเพียงแค่ให้วันนั้นมาถึง....
"ท่าน.."
"เฟรย์ได้โปรดเรียกชื่อของผมเถอะ"คำขอร้องสุดท้าย ขอให้เรียกชื่อของเขาตลอดมาเธอมักจะเรียกเขาว่า ท่านอาร์ไกล์เสมอซึ่งนั่นเป็นนามสกุลของเขามิใช่ชื่อของเขา ตลอดมาที่เธอไม่เคยเรียกชื่อเขาทำให้รู้สึกเหมือนกับเธอและเขาห่างไกลกัน แต่ขอเพียงแค่ตอนนี้เธอเรียกชื่อเขาสักครั้งมันคงช่วยลดระยะห่างของเธอและเขาได้สักนิดก็ยังดี อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะจากไปไกล
หญิงสาวรับรู้ถึงความหมายที่แฝงออกมาได้ดีที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะไม่อยากเรียกแต่เธอรู้ดีว่าเขาจะต้องจากไปซักวัน เพราะงั้นจึงพยายามทำตัวห่างเหินเพื่อเวลาจากจะได้ไม่เจ็บปวดแต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขานั้นมากมายเกินกว่าที่หักห้ามใจได้ ที่ไม่เรียกทั้งที่ใจนั้นอยากจะเรียกก็คงเพราะไม่อยากรู้สึกเศร้ามากไปกว่านี้ ทว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งสุดท้ายเขาสัญญาแล้วว่าจะกลับมาหาเธออีกครั้งเพราะงั้น....
ริมฝีปากสีชาดขยับรอยยิ้มทั้งที่ยังมีน้ำตาไหลรินอยู่ข้างแก้มแต่ก็ยังส่งยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่งดงามที่สุดและแล้วเสียงอันแสนไพเราะของเธอก็ดังออกมา
"ค่ะ ข้าจะรอท่านตลอดไป ท่านไซ"เขายกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก
"คำว่าลาก่อนนะมันคงเศร้าเกินไปเพราะงั้นผมจะไม่บอกว่าลาก่อนหรอกนะ....เราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง ผมไปก่อนนะเฟรย์"เธอคงไม่อาจรั้งเขาเอาไว้ได้อีกแล้วสิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือยืนส่งเขาด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
"โชคดีนะคะท่านไซ"อ้อมแขนที่โอบกอดละหายไปทิ้งแต่ความอบอุ่นไว้ ร่างที่สูงกว่าเดินก้าวออกไปโดยไม่ลืมที่จะหันหลังกลับมา
"แล้วซักวันผมจะกลับมา"เฟรย์เอื้อมมือขึ้นจับดอกพรีเชียสที่ผมเอาไว้และตะโกนกลับไปหาเขา
"ค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือนานแค่ไหนข้าก็จะรอท่านตลอดไป!...จะรอตลอดไป..."เธอเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างของเขาที่เริ่มหายไปจากสายตาของเธอในเส้นทางสายหมอกซึ่งนำทางไปสู่โลกภายนอกที่เธอไม่เคยได้เห็น ร่างบางที่ยืนรับสายลมยกเครื่องสายขึ้นมาและเริ่มขยับปลายดิ้วดีดเส้นสายนั้นจนก่อเกิดบทเพลงที่ขับท่วงทำนองไปพร้อมกับบทเพลงที่ขับขาน
"ท้องฟ้าสีครามที่เฝ้ามองนี้
เธอได้มองมันอยู่ที่ใดกัน
ณ ห้วงเวลานี้เธออยู่ที่ใดกัน
ยังคงรู้สึกถึงชั้นหรือเปล่า
ภายใต้ผืนฟ้าอันกว้างไกล
ชั้นยังคงรอเธออยู่เรื่อยมา
นับจากวันที่เราพรากจากกัน
ชั้นยังคงคิดถึงเธออยู่เสมอ
แม้เวลานี้รอยยิ้มของเธอจะเลือนหายไปแสนไกล
แต่ภายใต้ห้วงเวลานี้ชั้นยังคงรอเธออยู่
In the promise land.
In the promise land.
I wait you when you come in the promise land...."
แม้หัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องจากกันแต่ยังคงส่งยิ้มให้เขาโดยที่เชื่อว่าสักวันคงได้พบกันอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอกับเขาจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว
ช่วงเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้แต่เธอไม่เคยสนใจ เธอยังคงไปนั่งอยู่ที่เดิมเสมอ มองดูทิวทัศน์เดิมๆจากที่เดิม บทเพลงเดิมที่ร้องซ้ำไปซ้ำมาหลายร้อยหลายพันครั้งยังคงดังกังวานอยู่ เธอก็ยังนั่งเฝ้ารอเขาอย่างมีความหวัง
จนกระทั่งวันนั้นก็มาถึง...วันนั้นเองก็ฝนตกแบบนี้เหมือนกันในเวลานั้นเองเฟรย์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าคฤหาสน์เพียงลำพังยังคงลังเลที่จะไปยังที่แห่งนั้นดีไหม ในขณะที่กำลังลำบากใจอยู่ๆดอกพรีเชียสนั้นก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นทั้งที่มันไม่เคยเป็นมาก่อนนอกจากเธอจะเป็นคนแกะออกเอง เธอก้มลงไปเพื่อจะเก็บมันขึ้นมา ทว่าเมื่อปลายนิ้วนั้นได้สัมผัสกับกลีบดอกสีเหลืองนวลหัวใจก็พลันเจ็บขึ้นมาในทันที
"นี่มัน...อะไรกัน..."เธอส่งเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดร่างนั้นทรุดลงกับพื้น ชั่วแว่บนั้นภาพของผู้ที่เฝ้ารอก็แล่นเข้าสู่สมอง ใบหน้าของเขาช่างซีดเซียว อิดโรย ร่างกายที่เคยแข็งเรงซูบผอมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมของความแข็งแรงที่เคยมีกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้าราวกับหวังจะคว้าบางสิ่งที่ไร้ตัวตน
"ไม่จริง..."เธอพยายามจะยื่นมือออกไปข้างหน้าราวกับอยากจะสัมผัสมือของเขาที่ยื่นออกมาในห้วงคิดแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า และแล้วมือของเขาก็ตกลงสู่ข้างตัวริมฝีปากขยับราวกับจะพูดอะไรสักอย่างที่เธอไม่อาจได้ยิน ดวงตาที่อ่อนโยนของเขาปิดลงโดยที่ไม่อาจจะลืมตาขึ้นมาได้อีกแล้ว
"...ไม่..ไม่จริง!!!!"เธอแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง อยากจะหลอกตนเองว่าเป็นเพียงแค่ฝันแต่ไม่ว่าอย่างไรความจริงนั้นก็คือ เขาได้จากไปแล้ว
"ไม่จริง..ท..ทำไมกัน..ท่านไซ"เสียงร้องของหัวใจที่แตกสลายนั้นดังก้องไปทั่วทั้งดินแดน แต่คงไม่อาจส่งไปถึงเขาผู้ไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้ว
ทุกอย่างจบลงแล้ว... เสียงหนึ่งในใจบอกเช่นนั้น
ไม่ทุกอย่างยังไม่จบ...เสียงหนึ่งในใจเอ่ยค้าน
คำที่ดังขัดแย้งกันเองในหัวใจทำให้เธอลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ริมฝีปากยังคงพูดกับตนเองด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่าและเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด
"ทุกอย่างยังไม่จบ ข้าจะไม่ยอมให้มันจบลงเด็ดขาด..."เธอเดินโซซัดโซเซออกไป ไร้ซึ่งความกลัวต่อเสียงคำรามของท้องฟ้า ไร้ซึ่งความกลัวของสายผนที่กำลังรุนแรงขึ้นและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
แม้กระนั้นมือของเธอยังคงกำดอกพรีเชียสไว้แน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่ามันจะหายไป....
-------------------------
"ตัวข้าในตอนนั้นเองก็ได้ยินถึงเสียงร้องอันเจ็บปวดของเธอ ข้าจึงได้ออกจากคฤหาสน์เพื่อไปพบเธอเพียงลำพังและข้าก็พบเธอ..."ท่านหญิงท้าวความถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในวันวานที่ผ่านไปซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้
"ยามเมื่อข้าไปถึงที่แห่งนั้นเฟรย์ยังคงนั่งอยู่ที่ตรงนั้นดังเช่นทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งเรียวนิ้ว เรือนร่างและเครื่องสายเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนแต่เธอหาได้สนใจไม่ ริมฝีปากยังคงพร่ำรำพันบทเพลงเดิมท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างไม่มีหยุดแม้จะไม่มีใครอาจได้ยินมันก็ตาม...ในตอนนั้นข้าถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น..เธอก็ตอบเพียงแต่ว่า"
.....................
...............
..........
'ท่านไซ...เขาจากข้าไปแล้วจากไปย่างไม่มีวันกลับ'น้ำเสียงในตอนนั้นช่างเศร้าสร้อยยิ่งนัก
'แล้วทำไมเจ้ายังต้องเล่นบทเพลงเพื่อรอคอยเขาอีก'ข้าถามเธอไปเช่นนั้นแต่เธอกลับส่ายหน้าและพูดออกมา
'อย่าห้ามข้าเลยค่ะท่านลักซ์ ข้าขอร้อง'
'แต่ว่าเจ้าน่ะ..'
'ขอร้องล่ะค่ะ!'เธอกล่าวเสียงดังอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกแล้ว เสียงของเธอทำให้ข้าต้องนิ่งฟัง
'ขอร้องล่ะค่ะได้โปรดเถอะ ขอร้องล่ะค่ะข้าไม่อยากจะให้มันจบลงเช่นนี้ ข้าสัญญากับเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็จะรอเขาตลอดไป มันเป็นสัญญาที่ข้าต้องรักษาเพราะงั้นขอร้องล่ะค่ะ เพราะตอนนี้มันเป็นสิ่งเดียวที่ข้าจะทำได้'หยาดน้ำตาที่โปรยปรายอยู่บนใบหน้านั้นหลั่งไหลออกมาไม่มีหยุดราวกับท้องฟ้าในตอนนั้น เวลานั้นข้ารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังร้องไห้...
ท้องฟ้านั้นร้องไห้เพื่อใครกันแน่นะ..
คำสัญญาที่เคยยึดเหนี่ยวจิตใจไว้กลับผูกมัดตัวเธอให้ไร้ซึ่งอิสรภาพ แต่จะดีกว่าไหมหากจะปล่อยให้คำสัญญาพันธนาการเธอไว้เช่นนั้นเพราะหากไม่มีมันแล้วเธอก็จะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่อีกเลย...
เสียงของเธอในตอนนั้นข้าไม่อาจจะทราบได้เลยว่านั่นคือเสียงบทเพลงหรือเสียงร้องไห้กันแน่...
แต่แล้วในคืนนั้นเธอก็ล้มลงไป....
ยามเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอได้พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องของตนเองโดยมีมิลิอาเลียและข้ายืนอยู่ข้างเตียง เธอมองไปรอบข้างราวกับจะสำรวจสถานที่ซึ่งตนเองอยู่
'ดีจังที่เธอฟื้นแล้ว'มิลิอาเลียพูดอย่างโล่งอกในขณะที่ข้ายังยืนเฉยอยู่แม้จะเป็นห่วงนางก็ตาม
'ข้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ'เธอถามเช่นนั้น
'ก็เธอสลบไปน่ะสิ ทำไมถึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นถ้าหากตอนนั้นท่านลักซ์ไม่อยู่เธอจะเป็นอย่างไร ชั้นรู้ดีว่าเธอรอท่านอาร์ไกล์อยู่แต่ก็หัดห่วงตัวเองเสียบ้างสิ'เฟรย์มีท่าทีแปลกไปเล็กน้อย
'อาร์ไกล์...'เธอทวนชื่อนั้นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป อาจเป็นเพราะความเสียใจทำให้เธอลืมเลือนเขาไปแต่ว่าบางสิ่งนั้นยังไม่เลือนหาย
อาร์ไกล์ชื่อที่คุ้นหูแต่เธอไม่รู้จัก ชื่อที่เหมือนจะเคยสนิทสนมแต่ตอนนี้กลับไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าของชื่อนี้คือใคร...
รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอมีที่ซึ่งต้องไป...
เธอกำลังเฝ้ารอใครซักคนอยู่แม้จะไม่อาจนึกออกได้ว่าเขาคือใคร แม้ยังคงจำได้ว่าเขานั้นไม่อยู่แล้วก็ตาม....
'จริงสิข้ายังมีที่ต้องไป..อะ'ข้าเห็นเธอลุกขึ้นและเสียหลักล้มลงไปเพราะร่างกายอ่อนแอ มิลิอาเลียจึงเข้าไปประคองเธอเอาไว้และได้เอ่ยถามเฟรย์
'เฟรย์เธอจะไปไหนน่ะ'
'ข้าต้องไปที่นั่น ข้าสัญญาไว้กับเขา นั่นคือสัญญาที่ข้าต้องรักษา'เฟรย์ปัดมือของมิลิอาเลียเบาๆและลุกขึ้นด้วยตนเอง เธอไม่ลืมที่จะหยิบฮาร์พตัวเก่าออกไปซึ่งมิลิอาเลียไม่อาจจะห้ามเธอไว้ได้
ฝนที่เคยตกอยู่ได้หยุดลงแล้ว ร่างกายที่อ่อนเพลียพยายามเดินไปให้ถึงจุดหมายด้วยกำลังของตนเอง เมื่อถึงจุดหมายนั้นเธอก็นั่งลงบนก้อนหินใหญ่นั้นและเริ่มบรรเลงบทเพลงออกมา
'แม้ข้าไม่อาจจะนึกถึงใบหน้าและนามของท่านได้อีก แม้ท่านจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกนี้อีกแล้วแต่ข้าจะรอคอยท่านตลอดไป จะรอตลอดไปจนกว่าชีวิตของข้าจะจบลง...'
ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่านางไปที่นั่นด้วยความรู้สึกแบบไหน บทเพลงที่ขับร้องออกมานั้นเกิดจากความรู้สึกแบบไหน ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเธอเอง....
---------------
"นี่มันเรื่องอะไรกัน"คิระอุทานออกมาอย่างเผลอตัวเมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ
ความจริงที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่าการไม่รู้ เฟรย์เลือกที่จะรอด้วยตัวเองตัดสินใจด้วยตนเอง แม้เส้นทางนั้นจะไร้จุดจบ เลือกที่ขอเพียงแค่ทำตามสัญญา แล้วแบบนั้นมันจะมีความสุขหรือ ทว่าบางทีความสุขนั้นคงดับสลายไปตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่จากกันแล้ว
"พวกท่านอาจคิดว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่หากว่าพวกท่านได้พบเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอพวกท่านจะทำเช่นไร"ท่านหญิงเอ่ยถาม แต่ก็ไร้คำตอบจากทุกคน
คำถามที่มีมากมายหลายคำตอบ บางคนอาจเลือกที่จะหารักใหม่ บางคนอาจเลือกที่จะตายตามเขาไป บางคนอาจเลือกที่จะลืมเขาไป บางคนอาจจะเลือกเส้นทางเดียวกับเฟรย์ แต่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำตอบพวกนี้ผิดหรือถูกกันแน่
"เฟรย์เลือกที่จะรอคอยเขาแม้ไม่อาจจดจำตัวตนของเขาได้อีก เธอเลือกที่เลิกยิ้มเพื่อมิให้เจ็บปวดไปมากยิ่งกว่านี้ เพราะหากเธอยิ้มแล้วคราวนี้แม้แต่สัญญานั้นก็คงเลือนหายไปจากใจเป็นแน่"คำพูดของท่านหญิงทำให้คิระต้องเจ็บปวด
งั้นสิ่งที่เขาทำมาตลอดก็คือการทำร้ายเธอ พยายามมาตลอดเพื่อให้เธอยิ้มโดยที่ไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิด เขาคงเป็นคนที่โง่และบาปที่สุด แบบนี้เขาคงไม่มีหน้ามาพบเธออีกแล้ว
"ท่านคิระจะไปไหนหรือคะ"มิลิอาเลียถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู
"ที่ไหนก็ได้ที่ผมจะไม่ได้พบกับเฟรย์..."คำกล่าวนั้นแสนสั้นและแผ่วเบาแต่เจ็บปวด
"แล้วท่านจะทิ้งเธอไว้เช่นนี้หรือ!"จริงอยู่ที่เธอคิดว่าเขาไม่ผิดแต่แบบนี้มัน...
"ผมไม่มีทางเลือก..."เขาหาได้สนใจคำของมิลิอาเลียชายหนุ่มเดินเข้าใกล้ประตูเรื่อยๆ มือกร้านนั้นจับลูกบิดประตูและเปิดออก
"ท่านก็จะทิ้งเฟรย์ไปอีกคนงั้นหรือ!"ถ้อยคำเสียดแทงใจทำให้เขาตอบกลับ
"...หากผมอยู่เธอคงต้องเจ็บปวดมากยิ่งไปกว่านี้ เพราะงั้นผมคงไม่อาจจะพบกับเธอได้อีกแล้ว...ตลอดไป"คิระหันหลังกลับมามองเฟรย์เป็นครั้งสุดท้าย เขากล้ำกลืนฝืนน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
"ลาก่อนนะ...เฟรย์"สิ้นเสียงนั้นชายหนุ่มก็เดินหายลับไปจากห้องของเธอ ไม่มีใครสามารถที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้
เขาเลือกที่จะทอดทิ้งทุกสิ่งที่ทำมาและไม่พบกับเธออีก...แต่ว่า....จะรู้ไหมนะว่าคำว่า ลาก่อน นั้นเจ็บปวดแค่ไหน
หยดน้ำตากำลังไหลรินออกมาอีกทั้งที่เหือดแห้งไปแล้ว มันไหลรินออกมาโดยที่ไม่มีใครเห็น ริมฝีปากสีกุหลาบของเฟรย์เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาทั้งที่ไม่ได้สติ
"ท่านคิระ..."
#####################################
เมื่ออ่านแล้วโปรดให้อาหารลูกหมาตาดำๆคนนี้ด้วยค่าคนละเม้นต์นะคะไม่งั้นลูกหมาตัวนี้อดตายแน่ๆ
ความคิดเห็น