คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : สิ่งที่ไม่ต้องการ.....สิ่งที่ต้องการ
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นแล้วติดตามกันต่อเลยนะคะ
Phase 14 สิ่งที่ไม่ต้องการ.....สิ่งที่ต้องการ
ร่างสูงเดินอยู่ในเส้นทางกลับห้องหลังจากที่แยกกับเธอไป เมื่อเดินไปได้พักหนึ่งก็รู้สึกแปลกใจที่รอบข้างนั้นหาได้มีผู้คนอยู่เช่นทุกคืนวัน แม้จะรู้ว่าที่แห่งนี้มีผู้คนเพียงเล็กน้อยและเงียบสงบเพียงไรแต่แบบนี้มันเงียบเกินไป....
กวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อมองหาผู้คนและเพื่อนสนิทกับน้องสาวแต่ก็ไม่พบเลย
"ไปไหนกันหมดนะ"เขาเปรยออกมาเบาๆแต่ในที่เงียบสนิทแบบนี้กลับทำให้ฟังดูดังได้เช่นกันยิ่งย้ำให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่ ในใจพลางคิดว่าทั้งสองคนอาจจะไปเดินเล่นก็ได้แล้วเปิดประตูห้องของตนเอง
แอ๊ด...
มือใหญ่ผลักบานประตูออกสาวเท้าเข้าไปข้างในห้องของตนเอง ทันใดนั้นก็รับรู้ถึงลมหนาวที่พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ยิ่งทำให้สงสัยว่าใครกันที่เปิดออกเพราะสมองนั้นจำได้ดีว่าเมื่อเช้าก่อนที่เขาจะออกไปมันปิดอยู่แน่นอน ทำให้เดินไปในห้องลึกขึ้นโดยลืมที่จะปิดประตูนั้นให้สนิทมีจึงเหลือรอยแง้มเล็กๆให้พอมองผ่านเข้ามาได้และแล้วนัยน์ตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นเงาๆหนึ่งที่ปรากฏขึ้นภายใต้แสงจันทร์ที่เริ่มเข้าแทนที่ดวงตะวัน
"ใครน่ะ..."เขาเอ่ยถามแต่ไร้คำตอบจากคนที่เข้ามาในห้องของเขา ร่างนั้นเคลื่อนเข้าหาเขาอย่างแช่มช้าพร้อมกับใบหน้าที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นและเมื่อได้เห็นใบหน้านั้นความรู้สึกตกใจก็เข้าแทนที่ความสงสัยจนเผลอเอ่ยนามของคนๆนั้นออกมา
"ท่านลักซ์!"เจ้าของนามมิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดหรือขยับรอยยิ้มให้เขาเหมือนทุกที เธอก้าวเดินเข้ามาเขาอย่างช้าๆและสง่างามยิ่งทำให้รู้สึกสับสนยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อดวงเนตรสีนภาของเธอก็ได้มองเข้าไปในดวงตาสีไวโอเล็ตของเขา
ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้น หัวใจที่เคยสงบนิ่งของเขาก็เต้นผิดจังหวะเอาเสียดื้อๆ ยิ่งมองดวงเนตรคู่สวยและใบหน้าหมดจดงดงามของเธอก็ราวกับต้องมนต์สเน่ห์
"ท่านลักซ์..."น้ำเสียงฟังดูแผ่วเบากำลังเรียกเธอโดยไม่รู้ตัว ท่านหญิงมิได้ยิ้มรับแต่กลับวางมือที่เรียวบางไปบนแผ่นอกด้านซ้ายของชายหนุ่มเหมือนอยากจะรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขา
"ท่านคิระคะ..."น้ำเสียงหวานใสฟังดูทรงพลังมากขึ้น ทำไมกันนะเพียงแค่เธอเรียกชื่อหัวใจก็เต้นแรงเมื่อมือเรียวบางรับรู้ถึงสัมผัสนั้นก็แย้มรอยยิ้มหวานออกมาก่อนจะแนบชิดร่างอันบอบบางไปบนอกของเขาและเปลี่ยนมือที่วางบนแผงอกมาโอบกอดเขาเอาไว้
ช่วงเวลาแบบนี้อาจจะเป็นความสุขของเธอก็จริงแต่ได้หารู้ไม่ว่ามันเป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนได้มาประจักษ์เข้าทำให้นัยน์ตาเบิกโพลงก่อนจะรีบวิ่งออกไปเพื่อหนีภาพแบบนี้
'ไม่..ไม่จริง..ข้า..ข้า'ลมหายใจหอบกระชั้นมือที่เคยกุมเสื้อสีดำเอาไว้ยิ่งกุมแน่นมากขึ้น ความรู้สึกเจ็บถาโถมเข้าสู่จิตใจของเธอ เจ็บ..เจ็บที่หัวใจ..เจ็บมาก..
ทันทีที่ประตูห้องของตนเองได้ปิดลงขาเรียวงามที่เคยพาเธอวิ่งออกมาก็ทรุดลงกับพื้นห้อง สูดลมหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว มือที่เกาะกุมเสื้อสีดำไว้ยังคงสั่นระริก เนตรคู่งามก็ยังเบิกโพลง
"ไม่จริง..ข้า..ข้าไม่เชื่อ..ไม่จริง..."น้ำเสียงที่ทั้งแผ่วเบาและแหบพร่าถูกส่งออกมา อยากหลอกตัวเองเหลือเกินว่ามันไม่ใช่ความจริงแต่จะให้ทำเช่นไรเล่าก็เมื่อสิ่งนั้นเธอได้เห็นด้วยตาของเธอเอง
แม้ริมฝีปากจะเอ่ยแบบนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดลดลงซ้ำยังทำให้เจ็บมากขึ้น แต่ว่าทำไมกันนะ ความเจ็บแบบนี้เหมือนเคยรู้สึกมาก่อน...เมื่อนานมาแล้ว...ความรู้สึกเจ็บเหมือนกับสิ่งสำคัญโดนพรากจากไป
"ทำไมกัน..."ไม่อาจพูดอะไรได้อีก ทำได้แค่กอดเสื้อตัวนั้นเอาไว้แล้วร่ำไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม ทำไมถึงไม่ใช่เธอ..ทำไมกัน...เพราะงั้นเธอจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้อีกแล้วเมื่อรู้ว่าเขาคนนั้นมิใช่ของๆเธอ
------------------------
"ท่านคิระคะ ข้าน่ะ..."ท่านหญิงเงยหน้าสบมองไปในดวงตาของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ชิดกันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของกันและกัน ภายในดวงตาของชายหนุ่มในตอนนี้มีแต่เธอเท่านั้น เขากำลังมองเธอเพียงคนเดียว ทำให้ไม่อาจหยุดรอยยิ้มของเธอได้ เธอเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มดูจะคล้อยตามกับสภาพในตอนนี้มือที่แข็งแกร่งโอบรอบเอวบาง นัยน์ตาคู่สวยเริ่มหรี่ลง
จุมพิตเขาสิ..แล้วเขาจะเป็นของเจ้า.....
เสียงของใครบางคนกระซิบบอกอยู่ภายในใจท่านหญิง ในขณะที่ชายหนุ่มลืมทุกสิ่งรอบข้าง ลืมความรู้สึกทุกอย่างๆ แต่แล้วก่อนที่จะได้กระทำสิ่งใดไปมากกว่านี้หัวใจของเขาก็กลับรู้สึกเจ็บนิดๆ ภาพใบหน้าของใครบางคนย้อนกลับมา ร่างบางที่สั่นเทิ้มด้วยความเศร้า เรียวขาที่ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ด้วยตนเอง และเนตรสีเงินคู่งามที่เปื้อนน้ำตา ริมฝีปากที่เหมือนจะเรียกชื่อเขา
การกระทำทั้งหมดหยุดชะงักไปในทันใดรู้สึกตกใจที่ได้เห็นใบหน้าของท่านหญิงใกล้ชิดแบบนี้ มือของชายหนุ่มที่โอบเอวบางอยู่เปลี่ยนมาจับไหล่กลมมนของเธอเพื่อหยุดร่างบางที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆทำให้ดวงตาคู่งามลืมขึ้นเล็กน้อย
"ท่านลักซฺ์!"เสียงที่เรียกนั้นราวกับเรียกสติที่หายไปกลับมาแววตาของท่านหญิงกลับมาเป็นอ่อนโยนและงดงามเช่นเดิม
"ท่านคิระ...!"ใบหน้าดูมีแววสงสัยแต่เมื่อเห็นมือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่ ใบหน้านวลก็ขึ้นสีรีบผละออกจากเขาอย่างรีบร้อน
"นี่ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร"ท่านหญิงดูจะมีอารามตกใจไม่น้อย มองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตาด้วยท่าทางสังสัย แต่ความจริงคนที่ควรจะสงสัยน่าจะเป็นเขามากกว่า
"นี่ท่าน..จำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ"เขาเอ่ยถามยิ่งทำให้เธอสับสน
"จำ..."ริมฝีปากเอ่ยทวนก่อนจะค่อยๆไล่เรียงลำดับเรื่องราวในความทรงจำ ตอนนั้นเธอกำลังอยู่ในห้องของตนเองในขณะที่กำลังคิดถึงเขาใครบางคนก็เข้ามาแล้วจากนั้น.....!
เธอนึกเรื่องราวออกทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอถึงทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้! การมาหาชายหนุ่มในราตรีกาลแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งหากเป็นเธอในเวลาปรกติคงมิอาจทำเช่นนี้แน่แต่ถ้าหากเป็นเพราะใครนั้นละก็คงไม่แน่....
"ขออภัยด้วยค่ะท่านคิระ หากข้าทำสิ่งใดที่มิสมควรกระทำไป อาจเพราะข้า..."ในเวลานี้ไม่อาจคิดหาคำแก้ตัวใดๆออกมาจึงจำต้องรีบขอตัวไปเพื่อจัดการกับใครคนนั้น
"ข้าขอตัวก่อนนะคะ ท่านคิระ ขออภัยที่มารบกวนท่าน"เธอรีบบอกและออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วทิ้งแต่ความสงสัยไว้ให้เขา หลังจากที่ประตูปิดลงชายหนุ่มก็เอนตัวลงบนเตียง เมื่อคิดถึงเหตุการ์ณที่ผ่านมาก็ทำให้ใบหน้าแดงซ่าน ครั้นจะนอนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เพราะเมื่อใดที่หลับตาก็จะเห็นใบหน้าของท่านหญิงลอยขึ้นมาทุกครั้งแล้วยังไออุ่นจากกายของท่านหญิงที่หลงเหลืออยู่อีก
ตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิดกับใครบางคนอยู่....ใครบางคนที่ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ ณ ที่หนึ่งในหัวใจของเขา
..........
...............
ท่านหญิงสาวเท้าไปบนเส้นทางหนึ่งที่มิใช่ทางไปยังห้องของเธอเพราะตอนนี้เธอมีเรื่องที่ต้องสะสางกับใครบางคน และแล้วปลายเท้าก็ไปหยุดยังห้องๆหนึ่ง เมื่อไปถึงท่านหญิงก็เปิดประตูออกทันทีโดยไม่มีการเคาะประตูเรียกเพราะด้วยอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่
"ท่านมีอาฝีมือท่านสินะ"น้ำคำที่ฟังดูธรรมแต่หากแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่รู้สึกเคยโกรธมากเท่าครั้งนี้อีกแล้ว
"เรื่องอะไรงั้นหรือ"เสียงตอบที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องดังมาจากที่เตียงใหญ่ ร่างอวบอิ่มในชุดกระโปรงสีดำสนิทยันกายลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ที่มีน้ำสีแดงข้างหัวเตียงขึ้นดื่มโดยไม่สนใจท่าทางของท่านหญิงที่ตอนนี้เริ่มพยายามกลั้นใจอดทนไว้
"ท่านอย่าได้แสร้งทำเป็นไม่รู้เลย ท่านคิดหรือว่าจะมีผู้ใดทำให้ข้าเป็นเช่นนั้นได้นอกจากท่านมิใช่หรือ ท่านมีอา"เธอกล่าวเน้น ส่วนเจ้าของนามนั้นหาได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใดนอกจากส่งสียงหัวเราะเบาๆอยู่บนเตียง
"คิกๆ มันก็มีส่วนนะ แต่ว่านะข้าว่าคนที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องน่ะคือเจ้ามากกว่า"คำพูดนี้ทำให้ท่านหญิงถึงกับสะดุ้ง ปฏิเสธไม่ออกว่าไม่ได้เผลอใจไป....ห้ามใจตนเองไม่ให้ทำแบบนั้นไม่ได้... ใบหน้างดงามมีสีหน้าที่หวั่นไหวกับคำพูดเพียงคำเดียว ท่านหญิงปรับสีหน้านั้นให้สงบนิ่งเช่นเดิมก่อนเอ่ยปากพูดต่อ
"ท่านมีอา เรื่องในครานี้ข้าขอให้มันพอแค่นี้และข้าหวังว่ามันคงไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง หากมีครั้งที่สองละก็อย่าคิดนะว่าข้าจะปล่อยไปอีก ท่านมีอา"น้ำคำแสดงถึงอำนาจและความน่าเกรงขาม นัยน์ตาคู่งามแข็งกร้าวกว่าที่เคยเป็นเหมือนกับจะสยบคนตรงหน้า แก้วใสๆในมือแทบจะหล่นลงไปด้วยมือที่สั่นๆนิดเพราะความกลัว มันเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอรู้สึกกลัวคนตรงหน้า
"ไว้ข้าจะพยายามทำตามที่เจ้าต้องการ"เธอตอบแบบไร้สำนึกแม้ใจจะยังกลัวท่านหญิงอยู่ ใบหน้างามขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความโกรธแต่พยายามข่มเอาไว้อย่างใจเย็น
"ข้าขอตัวก่อนและท่านอย่าได้ลืมสิ่งที่ข้าพูดแล้วกัน ท่านมีอา"ร่างบางสาวเท้าออกจากห้องของผู้ที่มีใบหน้าคล้ายตน เมื่อได้อยู่เพียงลำพังก็ระบายลมหายใจออกมา มือหนึ่งถูกยกขึ้นปาดน้ำใสๆข้างใบหูออก
"ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆลักซ์ ไคลน์ แต่ว่าเพียงแค่นี้มิอาจจะหยุดข้าได้หรอก"พูดจบก็จิบน้ำสีแดงในแก้วอีกอึก ปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆออกมาอีกครั้ง
---------------------------
ช่วงเช้าได้มาเยือนอีกครั้ง ช่างเป็นเช้าที่สดใสอีกวัน หากแต่จิตใจของใครหลายคนนั้นช่างหมองหม่นแม้แต่ชายหนุ่มเพราะเหตุการ์ณเมื่อคืนนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในสมอง ดวงหน้างามๆที่โน้มเข้าหาจนใกล้ชิดกันครั้นเมื่อเอนกายแล้วหลับตาลงก็ยังไม่อาจลบภาพนั้นออกได้สร้างความลำบากให้เขาไม่น้อย ไม่รู้ทำไมเรื่องต่างๆถึงได้ประดังเข้ามาไม่มีหยุดอย่างนี้ ทั้งเรื่องของหญิงสาวผมสีกุหลาบเฟรย์และท่านหญิงผู้สง่างามลักซ์ ไคลน์
เรื่องทุกอย่างที่ได้พบเขาจะเล่าให้ใครฟังก็คงไม่ได้แต่เก็บไว้กับตัวมันก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย นี่เขาควรจะทำยังไงดีเนี่ย
คิดแล้วก็ชวนปวดหัวจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเดินเล่นรับอากาศยามเช้า บางทีการเดินเล่นอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก็ได้แล้วเขาก็ยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ต้องหันรีหันขวางมองหาเสื้อสีดำตัวเก่งของเขาแต่ไม่พบ
"เอ..ไปอยู่ไหนเนี่ย... เดี๋ยวสิเมื่อวานเราให้เฟรย์ยืมไปนี่นา เมื่อคืนนี้เธอน่าจะมาคืนเราหรือว่า...."คิดแล้วก็รีบไปเปิดประตูออก เขาได้พบว่าเสื้อตัวนั้นถูกพับอย่างเรียบร้อยวางไว้บนพื้นพรมสีแดงตัดกับสีเสื้อยิ่งทำให้เขาสงสัยเจ้าของเนตรสีเงินคู่งามนั้นได้เห็นภาพเมื่อคืนรึเปล่า ประจวบเหมาะกับที่มิลิอาเลียผ่านมาพอดีเขาจึงถามเธอในขณะที่ถือเสื้อตัวนี้ไว้
"มิลี่ ผมมีเรื่องอยากจะถาม"
"คะ ท่านคิระ"เธอหันมาหาเขา ชายหนุ่มมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตั้งต้นถาม
"คือว่า เสื้อตัวนี้มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงเหรอ"เมื่อได้ยินคำถามสีหน้าที่สดใสก็ดูนะหม่นไปเล็กน้อย เธอหลบตาเขาก่อนตอบ
"เมื่อเช้านี้ข้าเห็นเฟรย์นำมาวางไว้น่ะค่ะ แต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไรเหรอครับ"เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อได้เห็นท่าทางลังเลในการตอบของมิลี่
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจค่ะบางทีข้าอาจจะมองผิดไปก็ได้ แต่ว่าในตอนนั้นข้าเห็นใบหน้าของเฟรย์ดูเศร้าสร้อยกว่าปรกติมากแล้วก็ดูมีรอยช้ำภายใต้ดวงตาน่ะคะ"เมื่อได้ฟังก็ย้ำถึงความสังหรณ์ใจที่ได้ตระหนักถึงเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวนี้วางอยู่หน้าห้องแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดๆก่อนจะเดินไปที่ประตูทางออก
"จะไปที่ใดหรือคะ ท่านคิระ"
"...ผมจะออกไปข้างนอกน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ไม่ต้องเตรียมอาหารรอนะ"เธอพยักหน้ารับคำเขาแม้เขาจะไม่ได้หันมามองก็ตาม เนตรสีฟ้าใสของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ไต่ถามเพราะมันจะเป็นการละลาบละล้วงแล้วยังใบหน้าที่เศร้าๆของเขาก่อนที่จะออกไปอีก เธอได้แต่หวังว่าขออย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเลย
.............
เมื่อปลายเท้าก้าวเข้าสู่เนินสีเขียวอันแสนคุ้นตาก็ได้เห็นร่างของคนที่เขาต้องการพบ ร่างบางภายใต้อาภรณ์สีเหลืองอ่อนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่และขับร้องท่วงทำนองเช่นเดิม ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหมว่าท่วงทำนองนั้นฟังดูเศร้ากว่าทุกครั้งที่ได้ยิน
ตลอดทางที่เดินมาเขาเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นและยังรวมถึงบทเพลงที่เขาได้ยินจากริมฝีปากสีกุหลาบของเธอและบทเพลงที่เขาได้ยินจากท่านหญิง บทเพลงทั้งสองนั้นแม้จะเป็นคนละเพลง คนละท่วงทำนองแต่ความรู้สึกที่สื่อออกมานั้นเหมือนกัน คนที่รักจากไปจึงเฝ้ารอคอยมาตลอดแม้จะเหงาหงอยเพียงใดแต่ก็ไม่ละทิ้งสัญญานั้นจนกระทั่งมันได้กลายเป็นพันธนาการไปเสียแล้ว
เทพีแห่งการนำทางผู้เฝ้ารอคอยคนรักที่ไม่มีวันกลับมาอย่างโดดเดี่ยว รอยยิ้มที่เธอเคยมีอยู่บนใบหน้ายามอยู่กับชายคนรักได้จางหาย ดวงตาสีเงินที่แสนเศร้าถูกพันธนาการไว้ด้วยคำว่าสัญญา หากทำได้ผมก็อยากจะปลดพันธนาการของเธอเพื่อให้เธอได้มีรอยยิ้มที่แท้จริง....
เขาคิดเช่นนั้นจริงๆเขาอยากจะช่วยเธอ เขาไม่อยากจะเห็นเธอต้องร้องไห้อีกแล้วแต่ว่าเขาจะทำได้ไหม....
"เฟรย์..."เอ่ยปากเรียกเจ้าของพันธนาการนั้นแม้ไม่อาจรู้ว่าจะช่วยเธอได้ไหม เพียงแต่ว่าผู้ที่ถูกเรียกกลับไม่แม้จะหันหน้ากลับมามองเขานอกจากจะตอบกลับมา
"มีอะไรหรือคะ ท่านคิระ"น้ำเสียงฟังดูเหินห่างและเย็นชาแต่ก็เหงาหงอยเช่นกัน
"คือ..."คิดจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ไม่รู้เพราะว่าได้ยินเสียงแบบนั้นของเธอหรือว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกันแน่คนรอฟังจึงได้พูดออกมาแทน
"ถ้าหากมิได้มีเรื่องอันใดก็ขอให้ท่านกลับไปเถอะนะคะ อย่าได้มาสนใจข้าเลยค่ะ ท่านคิระ"ทำไมกัน...ถ้อยคำนั้นถึงได้ฟังดูไร้เยื่อใยเช่นนั้น เหมือนกับเธอกำลังพูดกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ใครคนอื่นที่อาจเป็นแค่คนรู้จัก หรือเพราะเป็นเขาเธอถึงได้พูดเช่นนี้
"เฟรย์...คุณเห็นงั้นหรือ"เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดถามออกไป แต่เธอก็ยังคงท่าทางที่เย็นชาเอาไว้เช่นเดิม
"เห็นอะไรงั้นหรือคะ"ทำไมกัน...ถ้อยคำถึงได้ฟังดูเหินห่างยิ่งกว่าครั้งแรกที่ได้พบหรือว่าความรู้สึกต่างๆนั้นได้พังทลายไปแล้ว
"ก็เมื่อคืนนี้...ที่ห้องของผม"คำพูดเริ่มติดขัดเมื่อคิดได้ว่าเธอต้องเห็น
"เมื่อคืนนี้ข้ามิได้ไปที่ห้องของท่านนะคะ"เธอกล่าวคำปฏิเสธโดยที่น้ำเสียงนั้นไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่นิดยิ่งทำให้เขาแน่ใจ
"..ไปสิคุณไปแน่..แล้วคุณก็เห็น"เขาพูดอึกอักเหมือนกับคำพูดนั้นติดอยู่ในลำคอ
"..ค่ะ ข้ายอมรับว่าข้าไปแต่ขาก็มิได้เห็นอะไรนี่คะ"เธอยอมรับครึ่งหนึ่งและปฏิเสธครึ่งหนึ่งเขาจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
"ไม่เฟรย์คุณเห็นแน่ๆ"
"ข้าบอกแล้วนี่คะว่า มิได้เห็น"เธอยังคนยืนกรานปฏิเสธแม้น้ำเสียงจะเริ่มแข็งกร้าวขึ้น
"ไม่เฟรย์ คุณน่ะ.."
"ข้าบอกแล้วไงคะว่ามิได้เห็น!"เมื่อชายหนุ่มยังคงรุกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อารมณ์ทั้งหมดที่พยายามสะกดเอาไว้ก็พุ่งพล่านออกมาน้ำเสียงนั้นทั้งดังและเจ็บปวด ยามเมื่อหันกลับมาก็ได้สบพบหยดน้ำใสๆที่ไหลอยู่ข้างแกมเนียนนุ่ม ดวงตาหาใช่เฉยชาดั่งเสียงที่พูดแต่มีทั้งแววของความเศร้าเสียใจและโทสะทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงักถ้อยคำทั้งหมดกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เธอได้พูด
"ท่านอยากให้ข้าเห็นอะไรงั้นหรือ อยากจะให้ข้าเห็นท่านกับท่านลักซ์สวมกอดกันงั้นหรือ ท่านต้องการเช่นนั้นงั้นหรือ!"วาจาที่เย็นชากลายเป็นโกรธเกรี้ยว ร่างที่เคยนั่งอยู่มายืนประจันหน้าเขา ฮาร์พในมือที่เคยเล่นเพลงหยุดชะงักและสั่นเทิ้มด้วยสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นความโกรธหรือความเสียใจ น้ำคำที่ได้ฟังทำให้เขานิ่งเงียบไม่อาจเอ่ยคำใดๆได้
"เรื่องที่ท่านบอกว่าข้ามีค่าเสมอในสายตาของท่านมันหมายความว่าอย่างไร..ท่านสวมกอดข้าเพราะอะไรกันแน่ สงสารงั้นหรือ..."บัดนี้เครื่องสายในมือได้ร่วงสู่พื้นเบื้องล่างมือเรียวบางกำแน่นจนมีเลือดซึมบางๆ เบือนหน้าหนีจากสายตาของเขาที่มองมา
น่าจะรู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้รัก แต่ละครั้งที่แนบชิดก็เพื่อปลอบประโลม อ้อมกอดอบอุ่นที่มอบให้ก็เพราะเห็นใจ จุมพิตในตอนนั้นที่ไม่ปฏิเสธก็เพราะอารมณ์ที่พาไปทั้งสิ้น ทุกครั้งที่เขาใกล้เธอก็เพราะสงสาร แต่ว่า...
"ท่านสงสารข้างั้นหรือเรื่องนั้นข้าขอบคุณแต่ว่า...ทั้งความสงสารหรือเห็นใจน่ะข้าไม่ต้องการ!"มือที่กำแน่นถูกยกขึ้นปิดบังดวงตาที่แสนเศร้าและน้ำตาที่รินไหล ไม่อยากให้เขาเห็นเพราะไม่อยากให้เขาสงสาร แต่ว่ามันก็ไม่อาจที่จะปกปิดน้ำเสียงอันแหบพร่าและแผ่วเบานั้นได้
"เฟรย์ผม..."คิดจะยื่นมือเขาไปจับแต่ก็กลับถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี
"ท่านยังคิดจะสงสารข้าอีกหรือ พอได้แล้ว...พอที...ข้าไม่ต้องการ สิ่งที่ข้าต้องการน่ะ..!"คำพูดสุดท้ายที่คิดอยากจะเอ่ยถูกขัดด้วยความรู้สึกเจ็บที่เกิดขึ้นในหัวใจ รู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก เจ็บ..เจ็บที่หัวใจ เจ็บยิ่งกว่าครั้งที่ได้เห็นเขากับท่านหญิงสวมกอดกัน เจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ มือทั้งสองข้างเปลี่ยนมากุมที่อกด้านซ้ายหวังจะช่วยบรรเทาความเจ็บแต่มันก็ไร้ค่า ขาที่เคยยืนหยัดได้ไร้เรี่ยวแรงไปในทันทีจนไม่อาจทรงตัวไว้ได้อีก สติก็เริ่มลางเลือนหายไป
ร่างบางที่กำลังจะล้มลงก็ได้คนตรงหน้าช่วยรับเอาไว้ ทว่าในพริบตานั้นนัยน์ตาของเธอก็เบิกกว้าง ภาพของใครบางคนซ้อนทับอยู่บนเขาอีกครั้ง ใครบางคนที่แสนคิดถึง
"ท่านไ...."แต่ก่อนที่นามของคนๆนั้นได้ถูกเอ่ยออกมาสติที่มีก็พลันมลายสิ้นไปเสียก่อน เนตรคู่งามปิดลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่ยังคงรินไหล
--------------------
ในห้วงเวลาเดียวกันที่ห้องโถงใหญ่ท่านหญิงและคนในคฤหาสน์ทุกคนยกเว้นนักเดินทางทั้งสองซึ่งคืออัสรันและคางาริกำลังยืนรอใครบางคนอยู่ ใบหน้าของท่านหญิงดูจะมีความสุขมากเมื่อได้มารอ เพราะการมาของใครหลายคนก็กำลังจะมอบอะไรบางอย่างให้กับใครบางคนเช่นกัน
ทันใดนั้นอุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงจนรู้สึกหนาว หมอกควันก็พลันปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างของชายสองคนที่ปรากฏออกมาเมื่อไรไม่มีใครรู้
คนหนึ่งมีเส้นผมสีทองยาวสลวยจนถึงบ่า ใบหน้าของเขานั้นดูจะติดสวยแต่ก็คงความสง่าไว้เขากับดวงเนตรสีฟ้าสวยบนใบหน้า เขาอยู่ในชุดสีขาวสะอาดคาดดำตามขอบเสื้อเข้ากับรองเท้าบู้ทสีดำเงาอย่างดี ส่วนอีกคนสีดำสนิท นัยน์ตาสีแดงราวกับรูบี้ใบหน้าดูเด็กนิดๆ ผมสีดำนั้นสั้นและซอบคล้ายกับคิระไม่น้อยมีแต่เพียงเส้นผมข้างหน้าสองเส้นที่ดูจะยาวกว่าผมหน้าเส้นอื่น เขาอยู่ในชุดสีแดงเลือดหมูรูปทรงเสื้อดูคล้ายกับชายหนุ่มคนแรกทั้งสายคาดสีดำตามขอบเสื้อและรองเท้าบู้ทสีเดียวกัน
"ยินดีต้อนรับค่ะท่านเรย์ ท่านชิน"ท่านหญิงกล่าวต้อนรับพร้อมส่งยิ้มละไมไปให้ ฝ่ายคนที่ชื่อเรย์พยักหน้าน้อยๆโดยไม่พูดอะไรแต่ฝ่ายอีกคนนี่สิใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
"เอ่อ..อย่าเรียกผมว่าท่านเลยครับ ท่านลักซ์"เขากล่าวและยิ้มแก้เขิน
"ทำไมหรือคะ"ท่านหญิงถามกลับพร้อมหัวเราะเบาๆ แต่ดูเหมือนคนที่ได้รับรอยยิ้มนั้นจะยิ่งเขินขึ้นอีก
"ก็แบบว่า.."แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยสิ่งใดต่อ บรรยากาศรอบห้องก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หมอกที่เคยจางหายไปแล้วกลับปรากฏขึ้นมาอีกและดูทุกคนจะรู้ว่ามาจากสาเหตุใด ท่านหญิงเปลี่ยนความสนใจจากเขาทั้งสองมาเป็นผู้มาใหม่ที่ปรากฏร่างออกมา
ร่างที่ปรากฏออกมาคือ ชายสองคนและหญิงหนึ่งคน ชายคนแรกผมสั้นสีเขียวอ่อนๆคล้ายนิโคลเพียงแต่ใบหน้าดูจะดุดันเล็กน้อยเขาอยู่ในชุดเสื้อโค้ทสีน้ำเงินใต้เสื้อโค้ทนั้นคือเสื้อยืดสีแดงเข้มกับกางเกงขายาวสีขาว คนที่สองเป็นชายผมสั้นเช่นกัน ผมของเขาสีฟ้าสวยและนัยน์ตาสีเขียวเข้ากัน ใบหน้าก็ดูน่ารักคล้ายเด็กสาวไม่น้อยทีเดียวในชุดที่คล้ายกับคนแรกแต่เป็นชุดโค้ทสีน้ำตาลและเสื้อข้างในสีเทาอ่อนผ่ากลางคาดด้วยเข็มขัดเส้นเล็กๆหลายเส้น กางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อโค้ทและรองเท้าคัทชูที่สวมอยู่ ส่วนคนสุดท้ายมีเส้นผมสั้นสีทองดั่งจันทรา ดวงตาสีชมพูเข้มหวานเข้ากับหน้าตาน่ารักๆและชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีขาวที่ปลายเนื้อผ้ามีสีชมพูบางๆแต้มอยู่
ยามเมื่อเจ้าของเนตรสีแดงได้สบกับใบหน้าหวานๆและดวงเนตรคู่สวยของเธอที่เงยขึ้นมอง เขาก็หลุดปากออกมาแบบไม่รู้ตัว
"สเตลล่า..."
#####################################
ความคิดเห็น