Life goes on
ยามเมื่อมีสิ่งสำคัญที่อยากปกป้องมาตลอดแต่หากไม่สามารถปกป้องได้แล้วจะเจ็บปวดมากเพียงใดกัน....
Cosmic Era 72
สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว 1 ปี.....
นักรบแห่งสมรภูมิที่แสนเศร้าต่างได้แยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง เด็กหนุ่มผู้สูญเสียและเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงได้มาอยู่ด้วยกันกับบาทหลวงมาร์คิโอ้ที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้กับประเทศออร์บ
เด็กหนุ่มผู้สูญเสียนั้นคือใครงั้นหรือ....เขาคือคิระ ยามาโตะนักบินประจำโมบิลสูทฟรีด้อม หากแต่บางคนก็ได้ให้สมญาเขาว่า"เทพแห่งสงคราม"
.....................
..........................
..............................
บนหาดทรายสีขาวที่ถูกย้อมด้วยสีสันของดวงตะวัน ใครบางคนก็กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีไวโอเล็ตทอดมองออกไปไกลอย่างเลื่อนลอยและว่างเปล่า เสียงร้องของนกนางนวลบ่งบอกถึงเวลาที่แสนสงบสุขแต่จิตใจของเขากลับเศร้าหมอง ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นมาดู มือที่มีรอยแผลเป็นยาวจนเกือบจะถึงข้อมือ
ช่างน่าแปลกนักที่เขาจะมีแผลเป็น เขาคือโคออดิเนเตอร์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้วไม่ว่าบาดแผลใดก็ไม่ควรจะเหลือร่องรอยเอาไว้ แต่เขาก็เคยได้ยินจากปากใครซักคนว่า หากจิตใจยังคงยึดติดกับบาดแผลนั้นอยู่บาดแผลก็จะไม่มีวันจางหาย
สาเหตุที่เขามีบาดแผลนี้ก็มาจากเรื่องเมื่อหลังสงครามในครั้งนั้น ชายหนุ่มหลุบตาลงพร้อมกับภาพอดีตที่ฉายซ้ำไปมาหลายครั้งไม่ว่าจะยามตื่นหรือหลับ
เรื่องราวหลังจากที่เขาได้จัดการผู้ที่คร่าชีวิตคนสำคัญของเขาไป...เฟรย์ อัลสเตอร์
................
.....................
.........................
"คิระอย่างเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!"เสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงดังมาจากคนข้างกาย
'เสียงของ...ใครกันที่เรียกเรา'ใจนั้นนึกสงสัยจึงได้พยายามลืมตาขึ้นมอง คนข้างกายเขาอัสรัน ซาล่าและคางาริ ยูระ อัสฮากำลังพาเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง
"คิระนายต้องไม่เป็นอะไรนะ"คางาริ...เสียงที่เคยสดใสร่าเริงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าที่น่ารักดูฉายแววความอาทรอยู่ไม่น้อย คนที่ถูกเป็นห่วงพยายามที่จะพยักหน้าแต่ครั้นสติกลับจางหายไปเสียก่อน
ยามเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งร่างของเขาก็นอนอยู่บนเตียงสีขาวในห้องพยาบาล นัยน์ตานั้นกระพริบไปมาหลายครั้งอย่างไม่ชินกับแสงสว่างก่อนจะหันไปมองข้างเตียงที่รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ ทันใดนั้นนัยน์ตาก็เบิกกว้าง
เด็กผู้หญิงเส้นผมสีเพลิงกำลังนั่งอยู่ข้างๆเขาในมือเธอนั้นมีมีดปอกผลไม้และแอปเปิ้ลสีเดียวกับเส้นผมของเธอ เขารู้สึกตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นเธอที่ตายไปแล้วต่อหน้าต่อตาเขา
"เฟรย์...."คนข้างตัวเขาได้ยินเสียงจึงหันกลับมาและในวินาทีนั้นเขาก็ได้ประจักษ์ว่าเฟรย์ที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงภาพซ้อนของใครคนหนึ่งเท่านั้น
"ลักซ์!"หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเขารู้สึกตัวแล้วจึงได้วางมีดและผลไม้ลงในจานที่อยู่บนเก้าอี้อีกตัวข้างเตียงและหันมามองเขา
"นี่ผม..."คิระยันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบากพลางไล่เรียงลำดับเรื่องราวซึ่งเมื่อได้มองมือขวาเขาก็ต้องร้องออกมาสุดเสียง
มือขวานี้ที่ไม่อาจจะช่วยเฟรย์เอาไว้ได้....
ภาพของยานกู้ภัยที่ระเบิดไปต่อหน้า ยานที่มีเธอคนนั้นอยู่ มือที่หากยื่นออกไปอีกเพียงนิดเดียวก็คงสามารถปกป้องเอาไว้ได้ แต่เพราะเขาชะล่าใจเกินไปเธอถึงได้...
"ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"เขาร้องออกมาสุดเสียงอย่างไม่อาจหยุดเอาไว้ได้ ความเจ็บปวดเขาแทรกมาในทุกอณูของจิตใจ น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา เสียงร่ำไห้ของเขาทำให้ทุกคนที่รออยู่ข้างนอกห้องต่างพร้อมใจกันกรูเข้ามาด้วยความตกใจ
"คิระ"ชื่อของเขาออกมาจากปากของทุคนที่เข้ามาในห้อง เมื่อเขาเห็นคนอื่นเข้ามาในห้องจึงได้หันไปถาม
"อัสรัน คางาริ ไซ คุณเมอริว เฟรย์ล่ะเธอยังไม่ตายใช่มั้ย บอกทีสิว่าเรื่องนั้นมันเป็นแค่ความฝัน..."ทุกคนต่างนิ่งเงียบพูดไม่ออกทำให้เขาพูดซ้ำ
"บอกทีสิ..ได้โปรดเถอะ บอกสิ.."และแล้วอัสรันก็เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากจะให้เพื่อนรักต้องหลอกตนเองอยู่อย่างนั้น
"ไม่คิระ มันเป็นเรื่องจริง เธอ...ตายแล้ว"อัสรันพูดออกมาตามที่รู้มาจากคนอื่นๆรวมทั้งความสัมพันธ์ของเฟรย์และคิระด้วย
ตาย...
คำเดียวที่กำลังทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาพังทลายลง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ ความตายของผู้ที่เขาไม่อาจจะปกป้องเอาไว้ได้
ทั้งที่น่าจะร้องไห้เสียใจกลับหัวเราะออกมา....
"หึ..ฮะๆๆๆๆ.."เสียงหัวเราะนั้นหาใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความสมเพชตัวเอง
สมเพชตัวเองที่ดีแต่ปาก...
"คิระ..."เสียงเรียกของเพื่อนสนิทและน้องสาวทำให้เขาเลิกหัวเราะและเงยหน้าขึ้นพูด
"ช่าน่าขำจริงๆ ทั้งที่ชั้นฆ่าคนไปมากมายจนน่าจะได้ชื่อว่าเทพแห่งสงคราม มือสองข้างที่ปากบอกว่าสู้เพื่อปกป้องแต่สุดท้ายก็คร่าชีวิตของโคออดิเนเตอร์และเนเชอรัลไปมากมาย มือที่สามารถฆ่าใครต่อใครได้แต่มันกลับไม่แม้แต่จะปกป้องคนสำคัญเพียงคนเดียวตามที่พูดได้ ถ้าอย่างนั้น..."เสียงของเขาขาดหายนัยน์ตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังโลหะมันวาวที่เก้าอี้ข้างเตียงและก็คว้ามันมาอยู่ในมือซ้ายทันที
"ถ้าอย่างนั้น...มือนี้จะมีไว้ทำไมกัน!"สิ้นเสียงมือที่ถือมีดก็แทงลงไปที่มือขวาอย่างไม่มีใครห้ามได้ ไม่สิเพราะห้ามไม่ทันมากกว่า เพียงแต่ก่อนจะมีดนั้นจะได้กดลึกลงไปมากกว่านี้มือของใครบางคนก็ผลักมันออกไปจนมีดด้ามนั้นตกลงไปบนพื้นและเพราะแรงผลักแผลที่ได้จึงไม่ลึกมากแต่กลับเป็นทางยาว เลือดสีสดก็ไหลออกมามากเสียจนดูน่ากลัว
"ลักซ์"เขาเอ่ยชื่อของผู้ที่ขัดขวาง นัยน์ตาสีครามของเธอที่แสนงดงามกำลังมีหยดน้ำตาคลอ ใบหน้างามนั้นส่ายเบาๆเป็นเชิงห้าม
"ร..รีบทำแผลเข้าสิ"คางาริเป็นอีกคนที่ได้สติจึงสั่งให้หมอที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันเข้าไปทำแผลขณะที่อัสรันเดินไปเก็บมีดแล้วเพ่งพินิจมอง
ใบมีดสีเงินอาบไปด้วยเลือดสีแดงชวนให้รู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนสะท้อนมาแม้เขาจะไม่รู้จักเธอก็ตาม แต่จากคำบอกเล่าของคางาริ เฟรย์ อัลสเตอร์คงเป็นสตรีผู้ร้ายกาจไม่น้อยแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมสตรีผู้ร้ายกาจขนาดนั้นกลับสามารถกุมหัวใจของคิระเอาไว้ได้
เมื่อทำแผลเสร็จลักซ์ก็ได้จับมือของคิระขึ้นมากุมไว้อย่างหวังอยากจะปลอบโยนเขา เธอลูบไล้มือนั้นอย่างๆเบาๆแล้วเอ่ยออกมา
"คงเจ็บมากสินะคะ"ใช่เจ็บ...แต่ไม่ใช่ที่บาดแผลหากแต่เป็นหัวใจ เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มือเลยแม้แต่นิดคงเพราะในหัวใจนั้นเจ็บยิ่งกว่า
"ไม่...บาดแผลนี้น่ะหากเทียบกับเฟรย์แล้วมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น มันไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว"เขาพูดอย่างเลื่อนลอยไม่สบตาใครแม้แต่ผู้ที่กุมมือเขาเอาไว้
กัปตันสาวเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นเธอจึงได้ขอให้ทุกคนออกจากห้องไปรวมทั้งแพทย์ประจำยานด้วย เหลือแต่เพียงเขาและเธอ2คน
--------------------------
ภายนอกห้องทุกคนต่างยังรู้สึกตกใจกับการกระทำของคิระไม่หายโดยเฉพาะคางาริหยดน้ำตาร่วงออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่เคยนึกเลยว่าคิระจะเสียใจมากขนาดนี้ เธอสะอื้นแล้วสะอื้นอีกอย่างหยุดไม่ได้ชายหนุ่มข้างกายจึงได้เข้ามาปลอบประโลม
"คางาริ..."เสียงเรียกชื่อเบาๆมาพร้อมกับมือที่ลูบไปบนเส้นผมสีทองนั้นอย่างแผ่วเบา
"อัสรัน..ช..ชั้นอยากจะทำ..อะไรเพื่อคิระบ้าง..นี่ชั้น..ทำอะไร..ไม่ได้...เลยเหรอ.."คำพูดปะปนออกมาพร้อมเสียงสะอื้นจึงทำให้มันขาดหายก่อนจะหันไปมองเขาด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา พริบตานั้นอัสรันก็รงบร่างบางนั้นเข้าไปกอดไว้
ความเจ็บปวดของคนใกล้ตัวก็คงไม่ต่างจากความเจ็บปวดของทุกคนเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนที่อยู่ที่นี่นั้นรับรู้ได้ถึงรสชาติของการสูญเสียคนสำคัญดีว่ามันเจ็บปวดมากเพียงไรแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจจะนำสิ่งที่สูญเสียไปกลับมาได้
"...พวกเราเองก็รู้ดีว่าในสนามรบนั้นชีวิตคนเราไม่ได้มีค่ามากไปกว่ากระดาษที่จะถูกทำลายเมื่อไหร่ก็ได้ แม้จะร้องไห้หรือโศกเศร้ามากขนาดไหนคนที่เรารักก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว บาดแผลทางกายนั้นอาจรักษาให้หายได้แต่บาดแผลในจิตใจนั้นก็คงมีแต่เพียงเวลาเท่านั้นสินะที่จะเยียวยามันได้...หรือว่าบางทีเราอาจจะต้องแบกรับบาดแผลนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้...."ถ้อยคำในประโยคสุดท้ายของเมอริว ราเมียสนั้นยากจะจะตอบได้ว่าเธอพูดเพื่อใครกันแน่ เพื่อคิระ คางาริ ลักซ์ อัสรันหรือเพื่อตัวของเธอเอง
นั่นเพราะว่าทุกคนคือผู้ที่สูญเสีย....
---------------------------
"คิระ..."น้ำเสียงแสนเบาเอ่ยเรียกชายหนุ่มแต่เขากลับไม่แม้หันมามองเธอ
"ลักซ์...ผมควรจะทำยังไงดี"เขาเอ่ยถาม เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยคำตอบใดแก่เขาได้ ชายหนุ่มจึงได้พูดต่อไป
"แม้ผมไม่เคยบอกเธอแต่ผมก็ได้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะปกป้องเธอแต่ว่า...ผมกลับปล่อยให้เธอตายไปแบบนั้น..ทั้งที่มีพลังมากขนาดฆ่าใครต่อใครได้แต่ผมกลับ..."
คำพูดที่เคยพูดกับตนเอง
ไม่เพียงแค่ความรู้สึก...ไม่เพียงแค่พลัง....
สิ่งเหล่านั้นที่เขามีมันไม่เพียงพอต่อการปกป้องใครซักคน แล้วสิ่งที่ขาดไปคืออะไรกัน
คำถามที่ไร้คำตอบ....
"นี่สินะเทพแห่งสงครามช่างน่าสมเพชจริงๆ"คำพูดทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนกลั่นกรองออกมาด้วยความเศร้า ความแค้น ความเสียใจ หลากหลายความรู้สึกที่กำลังลบเลือนเรื่องราวของใครคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
ความเศร้าของถ้อยคำที่เขากล่าวออกมาราวกับซึมซับเข้าไปในใจของหญิงสาว นัยน์ตาที่มองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดนั้นเขาก็ยังไม่เห็น รู้ทั้งรู้ว่าเขาเสียใจแต่เธอจะทำได้อย่างไรกันในเมื่อตอนนี้ผู้ที่อยู่ในหัวใจของเขาคือ เธอคนนั้น มิใช่ตัวเธอเอง
แต่ว่าเธอไม่เคยนึกริษยาหญิงสาวที่ชื่อว่าเฟรย์แม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าครั้งแรกที่พบเธอจะรู้สึกไม่ค่อยชอบแต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของเด็กสาวชาวเนเฌอรัลที่ถูกปลูกฝังไว้แบบนั้นแล้วยังมาเห็นพ่อของตนเองถูกโคออดิเนเตอร์ฆ่าต่อหน้าแบบนั้นคงไม่มีทางที่จะไม่แค้นหรือชิงชังแน่
สิ่งที่เธอรู้สึกกับเฟรย์นั้นมีแต่คำว่า น่าสงสาร จะไม่หึงหวงเพราะว่าเขาคนนั้นเป็นของเธอเพียงแต่อย่างน้อยเธอก็อยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
มือที่แสนบอบบางเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้อย่างแผ่วเบา สิ่งเดียวที่เธอมอบให้ได้คงเป็นอ้อมกอดอบอุ่นแบบเดียวกับที่เฟรย์คงเคยมอบให้เขาตามที่เธอคิดไม่ว่าจะด้วยความรักหรือความรู้สึกอื่นก็ตาม
คงมีแต่สิ่งนี้สินะที่ชั้นจะทำเพื่อคุณได้....
คิระ....ชั้นรักคุณ....
ทั้งความรู้สึกและคำกระซิบบอกรักที่ไม่อาจจะเอ่ยออกไปได้ เพราะหากบอกออกไปเขาก็ยังไม่อาจตอบรับได้แล้วยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจที่บอบช้ำ มีใครบ้างที่สูญเสียคนสำคัญไปแล้วจะมีคนสำคัญคนใหม่ขึ้นมาในทันที หากเขามีจริงคนผู้นั้นก็คงมิใช่มนุษย์ ริมฝีปากบางเริ่มเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองด้วนน้ำเสียงอันไพเราะ บทเพลงที่ต่างจากทุกครั้งที่ได้ฟัง
บทเพลงที่ขับกล่อมให้เขากำลังจมสู่ห้วงนิทรา บทเพลงกล่อมเด็กที่อ่อนโยนกลับเต็มไปด้วยความเศร้า....
ผู้ที่ถูกสวมกอดตอนนี้ได้รู้ตัวแล้วว่าเขาพูดอะไรออกไป เพราะความเสียใจของเขาเพียงคนเดียวกำลังทำให้ทุกคนต้องพลอยเศร้าไปด้วย เขาไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสีย เขาไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บแต่ว่าทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเขาก็ยังทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
หากแต่เขาคงไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการหลับไหลในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ทว่าแม้มันจะอบอุ่นสักแค่ไหนก็มิอาจที่จะเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของเขาได้ หยดน้ำตานั้นค่อยๆไหลปริ่มพ้นขอบตาและรินไหลอยู่ข้างแก้ม....
.......................
.................
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป 1 ปีทุกสิ่งค่อยๆดีขึ้นเรื่อยทว่าเขากลับยังเหมือนเดิม ไม่ว่ากี่ครั้งที่นอนหลับภาพฝันร้ายของไฟสงครามก็ยังตามหลอกหลอน บางครั้งโสตประสาทก็ได้ยินเสียงของผู้ที่จากไปหลายครั้งหลายครา ทางเลือกสองทางที่ยังไม่อาจตัดสินใจได้
ทางที่หนึ่งเลือกที่จะตายเพื่อหนีจากความเจ็บปวดไปหาเธอผู้เป็นที่รัก
ทางที่สองเลือกที่จะอยู่อย่างเจ็บปวดต่อไปเพื่อคนที่รักเขา
ทางเลือกใดคือทางที่ถูกกันแน่...
ทุกๆวันคำถามนี้จะวนเวียนไปมา จิตใจที่บอบช้ำรู้สึกสับสนจนหลายครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้งที่มือนี้หยิบมีดขึ้นมาจ่อไว้ที่ข้อมือ มีดโลหะแหลมคมสีเงินที่หากเพียงแค่กรีดมันให้ลึกลงไปปล่อยให้หยาดโลหิตไหลรินแม้เจ็บปวดทางกายแต่ก็ไม่ต้องเจ็บปวดใจอีก
แต่แล้วร่างกายก็กลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง มือข้างที่ถือมีดสั่นระริกพยายามออกแรงมากเท่าไรก็ดูจะไร้ผล ใบมีดนั้นไม่ได้เลื่อนต่ำลงไปเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกหนึ่งได้เกิดขึ้นภายใจใน
ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน....นี่เขากำลังกลัวงั้นเหรอ ทั้งที่ฆ่าคนไปตั้งมากมายได้สัมผัสความตายของผู้คนทั้งหลายแต่กลับมากลัวความตายของตนเอง
ช่างน่ารังเกียจนัก....
ใบมีดที่ไม่อาจกดต่ำลงไปมากกว่านี้ถูกทิ้งลงบนพื้น รู้สึกเหมือนมือนั้นร้อนผ่าวราวกับมีใครมากุมเอาไว้ เขาหอบหายใจแรงทั้งที่ไม่ได้เหนื่อยกาย แต่หากเหนื่อยที่ใจหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว
เขาเลิกที่จะมองหาความสุข เลิกที่จะก้าวเดินออกไปข้างหน้า เลิกที่จะยิ้ม อยู่อย่างว่างเปล่าไปวันๆ แม้ว่าลักซ์จะคอยดูแลและสวมกอดเขาเสมอแต่ความอบอุ่นและอ่อนโยนของเธอก็ไม่อาจที่จะเติมเต็มให้กับหัวใจที่แตกสลายของเขาได้เลย
"ทำไมกัน.."คำพูดที่แผ่วนั้นเอ่ยขึ้นกับตนเอง
"ทำไมแสงนั้นถึงไม่ได้เล็งมาที่ชั้น ทั้งที่คนที่น่าจะตายควรจะเป็นชั้นมากกว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไรซักนิด ถ้าอยากจะลงโทษชั้นทำไมถึงไม่ให้ชั้นตายเฟรย์ไม่ได้เกี่ยวอะไรซักหน่อยหรือเพราะอยากให้ชั้นเจ็บอย่างที่คนเบื้องหลังสงครามเจ็บ...."
นี่เขาควรทำเช่นไรดีแม้ปากบอกว่าเพื่อปกป้อง แต่เขาปกป้องอะไรล่ะ สันติสุขงั้นเหรอ โลกงั้นเหรอ เขาเคยปกป้องอะไรไว้ได้ด้วยเหรอ แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้แล้วนี่เขาสู้ไปเพื่ออะไรกันแน่...มือที่บอกว่าจะปกป้องเธอก็เป็นเพียงมือของยมทูตเท่านั้น
ยมทูตผู้ทำได้แค่คร่าชีวิตผู้อื่น...
"นี่ชั้นควรจะทำยังไงดี คนอย่างชั้นสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยเหรอ ฆาตกรอย่างชั้นจะมีวันได้รับการอภัยด้วยเหรอ..."ความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ในจิตใจกำลังเอ่อล้นมาเรื่อยๆ ความรู้สึกอันแสนสับสนในเส้นทางของตนเอง เขาพูดมันออกมาเรื่อยๆเพียงลำพัง
"บอกชั้นทีสิ เฟรย์..."นามของหญิงสาวอันเป็นที่รักถูกเอ่ยออกมาเขาพูดออกมาทั้งที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะข้างกายเขาหรือที่ไหนก็ไม่มีเธออยู่อีกแล้ว
รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่อยู่แล้วแต่หัวใจกลับร่ำร้องเพ้อหาแต่เพียงเธอทำไมเขาไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอให้เร็วกว่านี้ว่า เขารักเธอ....
namida de nijinda kono sora wo miageru tabi เมื่อแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น hakanai aosa ga mune wo shimedzuketeku คลื่นแห่งความเศร้า ซัดกระหน่ำเข้าในไปใจเสียงเพลง....ใครกันที่กำลังร้องเพลงลักซ์งั้นเหรอ....ไม่สิไม่ใช่บทเพลงของลักซ์ไม่ใช่แบบนี้...
sadame nara kanashimi no hate made หากเป็นชะตาลิขิต ฉันจะสู้ต่อไป ฝ่าฟันความเศร้า tatakaitsudzuketa hibi wo ato ni ถึงแม้สุดท้ายจะเหลือเพียงแค่เศษซากก็ตามบทเพลงนี้กำลังต้องการบอกให้เขาสู้ต่อไปงั้นหรือแต่ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แล้วนี่เขายังต้องสู้เพื่ออะไรงั้นเหรอ...
Life Goes On moeagaru Life goes on เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึก inochi ga aru kagiri ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ shinjitsu no jibun sae miushinaisou soredemo ถึงไม่อาจมองเห็นตัวตนที่แท้จริง ของตัวเองได้อีกน้ำตาค่อยๆเอ่อไหลคลอนัยน์ตาสีไวโอเล็ตนั้น บทเพลงนี้ทำไมถึงได้เหมือนกับร้องเพื่อเขาและเฟรย์......
Life Goes On mamoritakute Life goes on อยากปกป้องสิ่งนี้ไว้ kokoro wa kudakarete แม้หัวใจดวงนี้จะแหลกสลาย hontou no kanashimi wo shitta hitomi wa ในแววตาคู่นี้ที่เคยสัมผัสกับความเศร้าที่แท้จริง ai ni afurete ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก……ใช่...แม้หัวใจของเขาจะแหลกสลายไปมากขนาดไหนเขาก็ยังอยากจะปกป้องเธอเอาไว้ แม้ว่าจะมีแต่ความเศร้ามากขนาดไหนความรักก็มีมากเท่านั้น
นี่สินะสิ่งเดียวที่เขาและเฟรย์มีเหมือนกัน...
fuyu ni saku hana ga kasumu keshiki irodoruดอกไม้บานในฤดูหนาวราวกับแต่งแต้มสีสันให้กับทิวทัศน์ที่หม่นหมอง"tsuyosa wa yasashisa" sou utaikaketeru เสียงเพลงที่คอยขับขาน"ความเข้มแข็งคือความอ่อนโยน" ดอกไม้บานในฤดูหนาว...มันยังมีอยู่อีกหรือเมื่อสิ่งที่เขามองเห็นมีแต่เพียงความว่างเปล่า....ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยสีเทาไร้ซึ่งสีสันใดๆ
ความเข้มแข็งคือความอ่อนโยน...คำพูดที่ชวนให้หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด.....
nan no tame dare no tame ni kimi wa tatakaitsudzukeru no darou ima ตอนนี้ เธอยังคงสู้ต่อไป เพื่อใคร เพราะอะไรกันแน่?ไม่รู้...เขาไม่รู้จริงๆเขาเคยสู้เพื่ออะไรกันเขายังไม่รู้เลยแล้วตอนนี้เขามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร...
Life Goes On umarekawari Life goes on หากได้กลับมาเกิดใหม่itsushika deaeru nara สักวันอาจจะได้กลับมาเจอกันอีกkore ijou mou nido to ushinaitaku wa nai demo ฉันไม่อยากสูญเสียเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่….จะมีจริงหรือวันที่เขาและเธอจะได้พบกันอีกครั้ง....จะมีหรือวันที่เขาจะได้สวมกอดเธอเอาไว้อีกครั้ง...
Life Goes On kono toki ni Life goes on ชาตินี้ umaretekita kagiri ตราบเท่าที่ฉันได้เกิดมาและยังคงมีชีวิตอยู่ kono ude de kono mune de ima uketomeyou คอยประคองชีวิตอันมีค่าไว้ในอุ้งมือและในใจดวงนี้ai wo shinjiteเชื่อมั่นในความรัก..
ชีวิตอันมีค่า...ชีวิตของเขามีค่าด้วยหรือ อุ้งมือที่เปื้อนเลือดนี้จะมีชีวิตที่มีค่าได้อย่างไร....เขาที่สูญเสียความรักไปแล้วยังจะสามารถเชื่อในมันได้อีกเหรอ
Life Goes On moeagaruLife goes on เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกinochi ga aru kagiri ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ itsu no hi ka mou ichidou hikari wo wakachiaitai สักวัน อยากแบ่งความรู้สึกให้เธอรับรู้อีกสักครั้ง อีกสักครั้ง..อยากจะโอบกอดเธออีกสักครั้ง...อยากจะแบ่งความอบอุ่นนี้ให้กับเธออีกสักครั้ง....
Life Goes On mamoritakuteLife goes on อยากปกป้องสิ่งนี้ไว้inori wo sora ni hasete ส่งคำอธิษฐานขึ้นไปสู่ฟากฟ้าhontou no kanashimi wo shitta hitomi wa ในแววตาคู่นี้ที่เคยสัมผัสกับความเศร้าที่แท้จริงai ni afurete.... ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก…….คำอธิษฐานได้ล่องลอยสู่ผืนฟ้า จะไปถึงไหมในที่ซึ่งมีเธออยู่....ช่างเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวจริงๆ แต่หากพระเจ้ามีจริง ขอร้องล่ะ..ขอให้เขาได้พบกับเธออีกซักครั้ง...
มือทั้งสองข้างกำแน่นสายตาที่เศร้าสร้อยมองออกไปในทะเลที่ดูไร้จุดสิ้นสุด ท้องทะเลที่ว่างเปล่าไร้สุ้มเสียงของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีเพียงเสียงของระลอกคลื่นที่ซัดซาด
นี่เขากำลังหวังว่าจะได้ยินเสียงเธอเรียกเขางั้นหรือ....คำขอนี้คงไม่มีวันเป็นจริง นัยน์ตาคู่งามลดต่ำลงหยดน้ำใสๆบนใบหน้าร่วงลงสู่ผืนทรายและจมหายไป และแล้วในวินาทีนั้นเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นภายใต้จิตสำนึกของเขา
"คิระ.."เขาเงยหน้าขึ้นมองเบื้องหน้า เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเค้าร่างของผู้ที่หัวใจเรียกหาก็ยืนอยู่เบื้องหน้า
เรือนร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆพร้อมด้วยผ้าแพรสีเดียวกันพันอยู่รอบวงแขนบอบบาง เส้นผมสีเพลิงโบกสะบัดไปตามแรงลม นัยน์ตาสีเงินสวยกำลังจับจ้องมาที่เขา เขาตาฝาดไปรึเปล่าที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้
"ฟ..เฟรย์!"ความตกใจทำให้เขาเผลอเรียกออกมาเสียงดัง เพียงแต่ร่างบางกึ่งโปร่งแสงที่ส่องประกายงดงามยังยืนยิ้มให้เขาอยู่เช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน เธอเดินเข้ามาหาเขาช้าๆจนกระทั่งร่างของทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกัน แขนที่บอบบางค่อยๆถูกยกขึ้นมาโอบกอดเขาเอาไว้
"ชั้นมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกกับเธอเหลือเกิน.."เธอเริ่มพูดในขณะที่ความตกใจระคนสงสัยยังไม่จางหายไปจากใจของเขา เธออยู่ตรงนี้กำลังกอดเขาอยู่ มันคือความฝันงั้นเหรอ...ไม่สินี่ไม่ใช่ความฝันเขาก็เคยเจอเธอในรูปแบบนี้มาก่อนแล้วและเขาไม่มีวันเชื่อว่าความอบอุ่นที่เธอถ่ายทอดมาให้นี้จะเป็นเพียงความฝัน
"คิระ...ขอบคุณนะที่เธอยังไม่ลืมชั้นเพราะงั้นชั้นจะไม่ขอให้เธอเลิกเจ็บปวดเพื่อชั้นแต่ว่า..."เสียงหวานๆนั้นหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
"ขอร้องล่ะได้โปรดอย่าคิดจะตายเพื่อชั้นเลยนะ"เขารู้สึกได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆที่หยดลงมากระทบไหล่ของเขา
น้ำตาของเฟรย์....เธอกำลังร้องไห้...นี่เขาต้องทำให้เธอร้องไห้อีกแล้วสินะ....
พลันนั้นคำพูดสุดท้ายที่เขาเคยได้รับมาจากเธอก็ช่วยเรียกสติที่หลุดลอยหายไป กี่ครั้งที่คิดจะตายแต่ก็ทำไม่ได้ กี่ครั้งที่รู้สึกได้ว่ามีคนเรียก กี่ครั้งที่รู้สึกได้ว่ามือที่เคยคิดปลิดชีวิตตนเองมีคนมากุมเอาไว้...
"หรือว่าคนที่คอยปกป้องชั้นมาตลอดก็คือเธองั้นเหรอ..."เธอยิ้มแม้เขาจะไม่เห็นแต่เขาก็รู้ว่าเธอยิ้มแล้วริมฝีปากกลีบกุหลาบก็เอ่ยออกมา
"ชั้นเคยบอกแล้วไงว่า ชั้นจะปกป้องเธอเอง"
ใช่...ไม่ว่าเมื่อไรเธอจะคอยปกป้องเขาเอาไว้ แม้อาจจะช้าไปแต่มันก็ยังไม่สายไปใช่ไหม มือนี้แม้ไม่อาจจะโอบกอดเขาไว้ได้แต่ถ้าหากเพียงแค่กุมมือของเขาเอาไว้ก็คงได้สินะ
"เฟรย์..."มือของเขากระชับเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ผู้ถูกกอดไร้การขัดขืนใดๆดวงตานั้นหรี่ลงช้าๆอย่างรู้ตัวดีว่า..เวลาได้หมดลงแล้ว
"คิระ ชั้นรักเธอ..."คำพูดสุดท้ายที่อยากจะพูดมาตลอด กว่าจะรู้ตัวว่ารักเขามากขนาดนี้ก็สายไปแล้วแต่ถ้าแค่บอกออกไปคงได้ใช่ไหม เรือนร่างในอ้อมกอดเลื่อนหายไปเรื่อยๆชายหนุ่มได้รับรู้แล้วว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้ง
"ไม่นะเฟรย์ อย่าหายไป!"เขาตะโกนออกไป เขาสูญเสียเธอไปแล้วครั้งหนึ่งแต่คราวนี้เธออยู่ในอ้อมกอดเขา เขาไม่อยากจะสูยเสียเธอไปอีกครั้ง
"เฟรย์ได้โปรดอยู่ข้างๆชั้นเถอะนะ ชั้น..ชั้นรักเธอ"น้ำตาที่เคยหยุดไปรินไหลออกมาอีกครั้ง เคยคิดมาตลอดว่าเขาคงเกลียดเธอเพราะเธอได้มอบสิ่งที่เลวร้ายที่สุดให้เขาไป ผลักดันเขาเข้าสู่เส้นทางแห่งความบ้าคลั่งแล้วยังทำให้เขาต้องร้องไห้อีกไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขากลับบอกว่าเขารักเธอ...
"คิระ..."เธอกำลังยิ้ม รอยยิ้มที่งดงามที่สุด...ความยินดีเต็มอยู่ในทุกส่วนของหัวใจที่เธอจะมอบให้เขา
ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้วว่าที่แท้จริงแล้วเธอต้องการอะไร...
สิ่งที่ต้องการมาตลอด ความรักจากใครสักคน....
"ไม่ต้องห่วงนะคิระชั้นไม่ไปไหน ชั้นจะคอยอยู่เคียงข้างเธอและปกป้องเธอเอาไว้แต่ว่าเธอก็อย่าลืมนะว่าเธอเองก็มีใครคนหนึ่งที่เคียงข้างเธอและพร้อมที่จะโอบกอดเธอไว้เสมอ..."
เพราะว่าชั้นคงไม่อาจจะโอบกอดเธอได้อีกแล้ว...ตอนนี้ชั้นแค่หวังว่าเขาคงจะมีความสุขกับคนที่รักเขาและหวังอยากให้เขารักเธอคนนั้นตอบ
จริงอยู่ที่เธอเคยไม่ชอบคนๆนั้นแต่นั่นก็เพราะความอคติในสายเลือดของเธอทำให้เธอไม่เคยได้มองดูตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่แท้จริงคนๆนั้นคือผู้ที่มีจิตใจงดงามยิ่งกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าหากเป็นคนๆนั้นเธอคงจะฝากเขาเอาไว้ได้สินะ
ใบหน้าของหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีชมพูหวานลอยเด่นชัดขึ้นมาในห้วงคิด รอยยิ้มอ่อนโยนที่มักจะมีให้เขาเสมอพร้อมด้วยเสียงหวานๆที่มักจะเอ่ยคำพูดปลอบใจเขาเสมอ เรียวแขนบอบบางที่เข้มแข็งพอที่จะกอดเขาเอาไว้
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขามักจะคอยมองตามเธอเสมอโดยไม่รู้ตัวและเมื่อไหร่กันที่เขากลับลืมเลือนเธอไปจากใจ เอาแต่จมปลักอยู่กับความเศร้าจนทำให้เธอคนนั้นต้องร้องไห้เพื่อเขา เขาลืมเลือนเธอไปได้อย่างไรกันสายตาของเขามองข้ามเธอมาตลอดทั้งที่แท้จริงแล้วความรู้สึกที่เขามีให้ธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟรย์เลย
"อืม.."คำตอบรับสั้นๆในลำคอ แต่หากมาจากจิตใจของเขา เขาจะไม่ยอมให้มีใครต้องร้องไห้เพราะเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว...
"ขอบคุณนะ คิระ..."ร่างบอบบางในอ้อมกอดค่อนๆเลือนหายไปจากวงแขนอันแข็งแกร่งของเขากลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆที่ส่องประกายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆบดบัง
แม้ว่าร่างของเธอจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วแต่หัวใจของเธอจะอยู่ในใจของเขาตลอดไป ภายใต้สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านเขารับรู้ได้ถึงเสียงของเธอ
อย่าลืมนะคิระ...ชั้นอยู่ที่นี่...อยู่เคียงข้างเธอ....
"อืม..ชั้นรู้แล้วล่ะเฟรย์..."นัยน์ตาสีไวโอเล็ตหรี่ลงน้ำใสๆที่ขอบตาไหลผ่านแก้มไปตามด้วยสายลมที่พัดผ่านมาอีกครั้ง บาดแผลที่มือขวานั้นค่อยๆจางหายไปจนไม่มีรอยเหลือไว้แม้แต่นิดเดียว หากเพราะจิตใจของเขานั้นได้ละทิ้งความเศร้าไปแล้ว ชายหนุ่มหันหลังให้กับท้องทะเลและค่อยๆสาวเท้าเดินกลับบ้าน
บ้านที่มีเธอคนนั้นรอเขาอยู่เสมอ...
การที่มีใครซักคนรอเรานั้นมันเป็นเรื่องดีสินะ เพราะนั่นหมายความว่าเรายังมีความสำคัญอยู่.....
บ้าน..ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้าน ขอแค่เพียงมีใครรอต้อนรับการกลับมาของเราสักคนไม่ว่าที่ใดเราก็สามารถเรียกมันว่าบ้านได้...
แม้อาจจะลืมไปบ้าง แต่ก็ไม่มีวันลบเลือนไปจากหัวใจ คราวนี้แหละที่เขาจะสามารถบอกเธอได้เต็มปากว่า "รัก"
แอ๊ด...
ประตูไม้ถูกผลักออกทำให้ร่างบางในชุดกระโปรงละมือจากหนังสือที่อ่านอยู่แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูเพื่อกล่าวต้อนรับเขาอย่างที่เธอทำทุกวันและจะทำตลอดไป
"กลับมาแล้วเหรอคะ"เสียงหวานและอบอุ่นพูดขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทบทวนในความรู้สึกทั้งหมดของเขา ริมฝีปากนั้นค่อยๆเอ่ยออกมาตามด้วยรอยยิ้มที่ห่างหายไปนานนับปี
"อืม...ผมกลับมาแล้ว"ใบหน้าสวยๆของลักซ์เต็มไปด้วยความตกใจแต่ก็ดีใจเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ยิ้มแล้วไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ในที่สุดความเศร้าของเขาก็จางหายไปเสียที สำหรับเธอขอแค่เขายิ้มได้ก็พอแล้ว
"คิระ.."
"ลักซ์ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะงั้นต่อจากนี้ไปคุณช่วยอยู่ข้างๆผมตลอดไปได้ไหม"หยดน้ำตาอุ่นๆไหลรื้นออกมาจากกวงตาสีครามคู่สวยของเธอ เธอรอมานานแสนนานรอคำๆนี้ของเขามาตลอด เธอเดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้และให้คำตอบกับเขา
"ค่ะ ชั้นจะอยู่ข้างๆคุณตลอดไป"เขายกมือขึ้นตอบรับการกอดของเธอ ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเขาเองก็รักเธอมากแม้ว่าจะไม่เคยรู้ตัวก็ตามแต่นับจากเวลานี้ไปเขาจะไม่สับสนในความรู้สึกของตนเองอีกแล้ว
ลักซ์ ไคลน์เธอผู้เป็นที่รักอีกคนหนึ่งของเขา....
สายตาของใครซักคนทอดมองเข้ามาภายในบ้านหลังนั้นด้วยความอ่อนโยน เธอคนนั้นระบายรอยยิ้มบางๆออกมา นี่สินะความสุขของการที่เราเห็นคนที่เรารักมีความสุข...
"อย่าลืมนะคิระ ชั้นยังอยู่ที่นี่และจะคอยปกป้องความสุขของเธอตลอดไป"เพียงชั่วเวลาเดียวเท่านั้นร่างของเธอก็จางหายไปเหลือแต่เพียงคนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังร่วงหล่นสู่ผืนทรายอย่างเบาๆ ก่อนจะปลิวไปกับสายลมที่พัดพาความเศร้าไปจากใจของชายหนุ่มและนำรอยยิ้มกลับคืนมาสู่เขา
คำพูดสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เธอ เฟรย์ อัลสตาร์...
"ขอบคุณนะ เฟรย์..."
#############################################################
END
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น