ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    蓮花, Liánhuā ; #ฟิคเหลียนฮวา | chanbaek kaihun

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 :: 王儲 องค์รัชทายาท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.78K
      15
      4 ต.ค. 60

    F
    a
    n
    t
    a
    s
    t
    i
    c

     

     

    บทที่ 4

    王儲 องค์รัชทายาท

     

     


    ข้าพอเคยได้ยินเรื่องในวังผ่านหูมาบ้างว่าตอนนี้เหล่ากบฏกำลังเพ่งเล็งตัดหัวองค์ชายทีละคนโดยเฉพาะองค์รัชทายาทอี้ฝาน แต่ถึงอย่างนั้น... แม่นมที่อยู่ในวังมาเกินครึ่งชีวิตของนางจะเป็นผู้ปองร้ายเจ้าจริงหรือ?

    ทั้งคู่นั่งอยู่บนโขดหินข้างน้ำตก ชานเลี่ยยังคงไม่อยากเชื่อเรื่องที่เจ้าฟันกระ -- องค์ชายห้าพูดเสียทีเดียว ทั้งเรื่องเป็นองค์ชาย ทั้งเรื่องหนีออกมาเพราะถูกลอบทำร้าย

    เป็นเพราะอีกฝ่ายโกหกตาใส ไม่เคยให้ความจริงแต่แรก เขาจึงไม่อยากปักใจเชื่อ และหลับหูหลับตาเห็นด้วยกับเรื่องที่ยังไม่มีน้ำหนักมากพอ

    แต่ถ้ามองดูจากภายนอก... ทั้งผิวพรรณ มือไม้ที่อ่อนนุ่มเกินกว่าจะเป็นลูกชาวนาขี้เกียจ และความรู้ความอ่านซึ่งเจ้าฟันกระต่ายไม่ได้ฉลาดรู้เพียงหนังสือในตำรา แต่ยังมีเรื่องสมุนไพรนานับชนิดที่คาดว่าคนทั่วไปคงไม่อาจรู้ได้ถึงสรรพคุณ

     

    องค์ชายห้าที่เลื่องลือกันว่ามีฝีมือเรื่องยารักษาไม่แพ้หมอเก่ง ๆ ...เห็นว่าท่าจะจริง

     

    ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อ แต่ชานเลี่ย... ข้าอยู่กับนางตั้งแต่จำความได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียง... มีหรือข้าจะจำผิดคน

    เจ้าอคติกับนางเกินไปหรือเปล่า... การที่นางไม่ใจดีกับเจ้าก็ใช่ว่านางจะทรยศวังหลวงเสียเมื่อไหร่? ชานเลี่ยชำเลืองมอง ตอนนี้เจ้าฟันกระต่ายดูเหมือนเด็กขี้น้อยใจที่กำลังตัดพ้อแม่นมอยู่

    เจ้าจะหาว่าข้าใส่ร้ายนางงั้นหรือ? อีกฝ่ายฉายแววตาตัดพ้อ สองมือนั้นกำชายผ้าแน่นขณะจ้องหน้าเขาอย่างคาดหวังคำตอบ

    ก็เจ้าบอกว่าเห็นเพียงแววตาแต่ไม่เห็นใบหน้านางชัด ๆ หากพูดไปตามเนื้อผ้า เจ้าจะกล่าวหานางโดยใช้ความรู้สึกไม่ได้

    เป็นครั้งแรกที่ชานเลี่ยแสดงออกให้เห็นถึงความจริงจัง ดวงตาคู่นั้นคล้ายว่าจะเห็นใจ แต่พอเป็นเรื่องความยุติธรรมแล้ว ผู่ชานเลี่ยก็คงอยากให้มันเป็นลำดับขั้นตอนมากกว่าตัดสินด้วยความรู้สึก... เขาเข้าใจ

    ...อาจเป็นเช่นนั้นกระมัง

    ใช่ว่าข้าจะไม่เชื่อเจ้า แต่ในเมื่อยังจับมือใครดมไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เจ้าด่วนโทษนางก่อนจะเริ่มต้นตามหาว่าใครคือคนร้าย ชายหนุ่มชำเลืองมองอีกฝ่ายสลับกับน้ำตก พอเห็นเจ้าฟันกระต่ายทำหน้าหงอยก็รู้สึกผิดขึ้นมา แต่ถ้าจะให้หลับหูหลับตาเชื่อโดยไม่แนะเหตุผลอีกทางก็ไม่ใช่วิถีของเขา

     

    ความยุติธรรมและเหตุผลต้องมาก่อนความรู้สึกเสมอ ผู่ชานเลี่ยเชื่อเช่นนี้มาตลอด

     

    แต่ลำพังเจ้าตัวคนเดียวจะทำได้หรือ?

    ทางเลือกของข้ามีไม่มากนัก ถ้าไม่หนีไปให้ไกลจากการถูกล่าข้าก็ต้องค้นหาความจริง เพราะคงไม่ได้มีเพียงข้าที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ยังมีพี่น้องและเสด็จพ่อที่ต้องปกครองแผ่นดิน น้ำเสียงนั้นมุ่งมั่นขัดกับขนาดตัวเสียจริง ชานเลี่ยมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า พลางส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจก่อนจะคว้ามือที่เป็นแผลพุพองมากางออกให้ดู

    คิดการใหญ่เหลือเกิน นึกถึงคนอื่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่คนที่ตีดาบยังไม่รอดเช่นเจ้าเนี่ย ข้านึกภาพออกเลยว่าหากเจ้าก้าวเข้าไปในวังก็คงมีโอกาสสูดดมกลิ่นหอมหวานของลมหายใจได้ไม่ถึงรุ่งสาง ป๋ายเซียนชักมือกลับ นั่งยืดหลังตรงแอ่นอกอย่างชายชาตรีตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งพึงจะทำได้

    เรื่องอะไรที่ข้าจะเดินเข้าไปเป็นเป้านิ่งเช่นนั้น ข้ามีแผนของข้าอยู่แล้ว

    เช่นแอบเข้าไป

    ไม่ใช่เสียหน่อย เขาหันไปค้อน เจ้าทึ่มจึงนั่งห่อไหล่ผงะออกข้างข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านอาจารย์ซื่อชวินฟังต่างหาก

    เขาเป็นครูของเจ้า?

    ป๋ายเซียนพยักหน้า เขาเข้ามาสอนข้าแทนท่านอาจารย์คนเก่าที่จากไปด้วยโรคหัวใจ ตอนนั้นข้าเพิ่งอายุสิบขวบ แต่เราสนิทกันไม่น้อยไปกว่าพี่น้องแท้ ๆ เลย

    เจ้ารู้สึกเช่นนั้น แล้วท่านอาจารย์นั่นรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า?

    ต้องรู้สึกสิ คนตัวเล็กรีบโต้ ชานเลี่ยจึงเอนตัวเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมป้องปากกระซิบ

    ใครจะรู้... บางทีคนใกล้ตัวที่สุดอาจจะเป็นหอกแหลมคมที่รอเวลาแทงเจ้าจากข้างหลังก็ได้...”

    ไม่มีทาง ท่านอาจารย์เป็นคนที่รู้จักข้าดีที่สุด

    นั่นแหละใช่!” ชานเลี่ยทำตาโต ชี้นิ้วย้ำ ๆ ระดับใบหน้าองค์ชายก่อนจะถูกปัดออก เจ้าน่ะไว้ใจคนง่ายเกินไปแล้ว ระวังการแลกใจของเจ้ามันจะกลับมาทำร้ายตัวเองเข้าสักวัน!”

    ก็คงเช่นนั้น เพราะข้าเพิ่งเล่าเรื่องคอขาดบาดตายให้คนแปลกหน้าฟังทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน

    ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เจ้าต้องยกเว้นข้าไว้คนหนึ่ง ชานเลี่ยชูนิ้วชี้ขึ้นระดับใบหน้า ก่อนอีกฝ่ายจะหันมามองแล้วดันนิ้วลง เจ้ากำลังจะหาว่าข้าเชื่อใจไม่ได้สินะ เหอะ! จะบอกอะไรให้ ถึงหน้าตาข้าจะเหมือนโจรห้าร้อยแต่ข้าก็ไม่เคยหักหลังใคร รู้ไว้เสียด้วย!!!”

    ชายหนุ่มหันไปต่อว่าโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะสูงส่งกว่าตนมากเพียงใด เล่นพูดจาไม่เข้าหูอย่างนี้เดี๋ยวก็ผลักตกน้ำให้ลอยไปตามธารจนชาวบ้านเจอศพเสียหรอก องค์ชายองค์หญิงอะไรไม่สนอีกแล้ว!!!

    ข้าผิดเองที่เล่าให้เจ้าฟัง เฮ้อ... หลังจากนี้คงต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะการที่เจ้าทึ่มชานเลี่ยรู้ก็เหมือนประกาศให้รู้ทั่วทั้งแผ่นดินจีน

    สามหาว!!! เป็นคนเล่าเองแท้ ๆ ยังกล้าโทษข้าอีกหรือ?!”  ป๋ายเซียนนั่งกอดอกทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้าแสร้งไม่สนใจเสียงอีกฝ่าย

    พอแย้งเข้าหน่อยทำเป็นน้อยอกน้อยใจ ตัดพ้อด้วยคำพูดคำจาชวนทำร้ายร่างกาย ชายหนุ่มชำเลืองมองอย่างเหลืออด อยากบอกให้รู้เหลือเกินว่านอกจากแม่นมที่สันนิษฐานว่าจะเป็นกบฏก็ยังมีผู่ชานเลี่ยอีกคนที่คิดอยากฆ่าองค์ชายห้า

    หลับหูหลับตาไว้ใจคนแล้วยังดูไม่ออกอีกว่าข้าเป็นคนซื่อสัตย์รักความยุติธรรมมากเพียงใด

    ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ห้ามปริปากบอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าข้าจะสะสางทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่ป๋ายเซียนคิดว่าตนเองกำลังข่มขู่อีกฝ่าย แม้ลึก ๆ ในใจจะมีความเชื่ออยู่แล้วว่าผู่ชานเลี่ยคงไม่มีทางหักหลังตน เขาเชื่อจากแววตาซื่อ ๆ คู่นั้น

     

    ป๋ายเซียนคงไว้ใจคนง่ายอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริง ๆ

     

    ได้ ข้ารับปากเจ้า ด้วยศักดิ์ศรีของลูกหลานตระกูลผู่ที่เหลืออยู่เพียงสองคน คือข้า!” พูดจาด้วยน้ำเสียงขึงขัง พร้อมชี้ขึ้นไปบนเขาซึ่งมีชายแก่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับท่านปู่!”

    คนเป็นองค์ชายหลุดขำจนไหล่สั่น หากแต่ผู้ให้คำสัตย์ยังคงนั่งยืดอกผายไหล่ผึ่งพร้อมทุบอกตนเพื่อยืนยันให้เห็นว่าผู่ชานเลี่ยเป็นคนพูดจริงทำจริงเสมอ

    ได้ยินเช่นนี้ข้าก็โล่งใจ

    ชายหนุ่มยังคงครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่ององค์ชาย ชานเลี่ยยังคงจับผิดอยู่ทุกขณะ หากแต่อีกฝ่ายก็ไม่หลุดพิรุธออกมาให้ชี้หน้าว่าเจ้ามันตัวปลอม สวมรอยเป็นองค์ชาย!’ เจ้าฟันกระต่ายยังคงพูดจาด้วยน้ำเสียงรื่นหูเหมือนในทีแรก แม้แต่ตอนกวนประสาทชวนให้คิดลงไม้ลงมือ ก็ใช่ว่าจะขุดคำร้าย ๆ มาทิ่มแทง

    เจ้าฟันกระต่ายจะสวมรอยเป็นองค์ชายห้าไปเพื่ออะไร ชานเลี่ยพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง

    ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงเล่าให้ข้าฟัง? ชายหนุ่มเลียนแบบท่านั่งคนข้าง ๆ ปั้นหน้าขรึมพลางชำเลืองมองอยู่เรื่อย ๆ

    หากบอกว่าเพราะเจ้าเป็นคนดีข้าถึงไม่ลังเลที่จะเชื่อเจ้า... ผู่ชานเลี่ยจะยอมเก็บปากเงียบไม่เถียงไปจนถึงรุ่งเช้าเลยเอ้า!

    เพราะข้าคิดว่าเจ้าคงไม่มีใครคบ ต่อให้บอกทั้งหมดเจ้าก็คงไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง

     

    ผู่ชานเลี่ยเกือบจะเป็นคนดีได้อยู่แล้ว แต่เจ้าฟันกระต่ายก็เอาอุ้งมือเล็ก ๆ นั่นมากระตุกหนวดเสือ!!!

     

    คนอย่างข้าน่ะหรือจะไร้สหายคบ!!!” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงดัง เจ้าเพิ่งอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันจะไปรู้อะไร องค์ชายฟันกระต่าย เจ้าถ่างหูฟังให้ดีนะ สหายข้าน่ะเยอะกว่าทหารในกองทัพทั้งแผ่นดินจีนเสียอีก ไม่อยากจะอวด ชานเลี่ยตบเข่าดังฉาด ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะความแสบร้อนที่มาจากฝีมือตนเอง

    โอ้โห... เยี่ยมไปเลย

    ใครบอกให้เจ้าปรบมือ เขาถลึงตาคาดโทษ พูดเสียงลอดไรฟันพร้อมใช้มือเดียวรวบสองมืออีกคนไว้

    ข้าสั่งให้ทหารตัดมือเจ้าได้ด้วยนะ

    ... คนถูกขู่ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ถึงกับหน้าแห้งผาก ชานเลี่ยรีบปล่อยมือออกจากมือนุ่มนิ่ม ก่อนจะหันขวับไปอีกทางอย่างเจ็บใจ

    ถ้าเจ้าปากโป้งเอาเรื่องช่วยชีวิตข้าไปโพนทะนา ข้าจะสั่งให้คนมาตามตัดหัวเจ้าและสหายเจ้าทุกคน

    เหอะ! นี่หรือองค์ชายที่ใคร ๆ ต่างก็ลือกันว่าสุขุมนุ่มลึกและมีเมตตาจิตราวกับเทวดาตกสวรรค์ ข้ากำลังโดนหลอกแน่ ๆ ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นองค์ชายห้า ไม่มีทาง ชานเลี่ยแค่นหัวเราะพลางโบกมือปัด ๆ แต่พอหันไปด้านข้างก็พบว่าเจ้าฟันกระต่ายกำลังอมยิ้มชอบใจอยู่

    ข้าไม่เคยสั่งตัดหัวใคร แต่ถ้าจะให้ลองคนแรก คนป่าเถื่อนอย่างเจ้าก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี

    คำก็ตัดหัว สองคำก็ตัดหัว ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ!!! ไม่คิดจะตบรางวัลเป็นเงินหมื่นชั่งก็เดินกลับวังไปเลยไป!!!” ชานเลี่ยยังคงต่อปากต่อคำ และป๋ายเซียนรู้สึกดีที่อีกฝ่ายยังคงแสดงออกอย่างหยาบกระด้างเช่นนี้ แทนที่จะลงไปนั่งคุกเข่าก้มหัวติดดินทันทีที่รู้ว่าเขาคือหนึ่งในองค์ชาย

    หากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างสาสมเลยเจ้าทึ่ม

    เออ มันต้องอย่างนี้!!!” ชานเลี่ยยกยิ้มมุมปาก บุญคุณต้องทดแทนหนี้แค้นต้องชำระ แต่ว่าสาสม นี่มันไม่ฟังดูแปลก ๆ ไปหรือ?อะแฮ่ม!!! แต่ข้ามีสหายจริง ๆ นะ

    ...? เจ้าฟันกระต่ายเลิกคิ้วราวกับไม่เชื่อ เขาจึงกอดอกเชิดหน้ายืดหลังตรงกว่าเดิม

    ข้าพูดจริง เป็นเพื่อนที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพื่อนในจินตนาการ ชายหนุ่มส่ายยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจกับความเหนื่อยล้าที่สูญเสียให้กับการเดินทางตลอดทั้งวัน สหายที่วิ่งเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก เจ้าอยากรู้จักหรือไม่?

    ดวงตาของเจ้าฟันกระต่ายแฝงไปด้วยความใคร่รู้และสงบอย่างเช่นเคย ชานเลี่ยสบมองกับดวงตาคู่นั้นครู่หนึ่งเพื่อรอการตัดสินใจ หากอีกฝ่ายเป็นองค์ชายห้าตัวจริง ความอ่อนโยนอย่างที่ใครกล่าวถึงก็คงฝังหยั่งรากอยู่ในตัวชายผู้นี้เป็นแน่แท้

    แม้จะตอบโต้อย่างเข็ดฟันเพื่อหวังเอาคืน แต่ก็หาความรุนแรงจากคำพูดเหล่านั้นได้ไม่

    ไปสิ ข้าอยากรู้จักสหายของเจ้า

    และรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าขาวสะอาดก็ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า...

    นั่นมาจากองค์ชายห้าหรือเจ้าฟันกระต่ายกันแน่?

     

     


     

     

     


    เจ้าจะไปไหน?

    คนถูกรั้งหยุดฝีเท้าหน้าประตูก่อนจะหันไปสบตากับคนตัวเล็กซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงแสนอบอุ่นที่เขาใช้หลับนอนมาตั้งแต่เยาว์วัย ชานเลี่ยหลุบตามองพื้นขณะใช้ความคิด พยายามหาคำตอบดี ๆ เพื่อไม่ให้ตนเองเสียฟอร์มมากนักหลังจากใช้เวลาทบทวนอยู่กับความคิดตนเองอยู่นานสองนานว่าควรทำเช่นนี้ดีหรือไม่?

    ชานเลี่ยก็มิอาจหลับหูหลับตาเพิกเฉยได้ อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชาย แม้การพูดคุยและการแสดงออกของเรายังคงเช่นเดิม แต่เขาก็มิอาจปล่อยให้คนที่มีศักดิ์เป็นองค์ชายนอนในคอกม้าได้

    ข้าอยากนอนกับเจ้าจิ้นฝู ฉะนั้นข้าจะให้เจ้านอนเตียงสักคืนหนึ่ง

    เดี๋ยวสิชานเลี่ยคนถูกรั้งชะงักอีกครั้ง ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วมอง เขาไม่อยากให้เจ้าฟันกระต่ายตั้งคำถามมากนัก เพราะการคิดหาคำตอบฉลาด ๆ นั้นไม่ใช่ทางของผู่ชานเลี่ยเลยสักนิด ใช่เหตุผลนั้นจริงหรือ?

    ข้านอนในคอกม้าประจำอยู่แล้ว เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าเสียสละเตียงให้เพราะเจ้าเป็นองค์ชายหรอกใช่ไหม?

    แล้วมันใช่หรือไม่? ดวงตาคู่นั้นจ้องมองนานเกินไป เขาจึงเบือนหลบทั้งที่ยังขมวดคิ้วปั้นหน้านิ่งข้างนอกอากาศเริ่มเย็นแล้ว เจ้าอาจจะเป็นหวัดได้

    ห่วงตัวเองก่อนเถอะเจ้าฟันกระต่าย ตัวก็แค่นั้น หากข้าปล่อยให้นอนคอกม้าอีกสักคืนใครกันที่จะเป็นหวัด ข้ารู้นะว่าเจ้าตัวร้อนแต่แสร้งทำเหมือนไม่เป็นอะไร

     

    หลุดปากพูดออกไปจนได้

    หากอีกฝ่ายหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ผู่ชานเลี่ยคนนี้คงเก็บเศษหน้าไม่หมดแน่

     

    คงเป็นผลจากพิษบาดแผลข้าถึงตัวร้อน แต่ถ้าต้มสมุนไพรดื่มก็น่าจะดีขึ้น ไม่มีคำเย้ยหยันอย่างที่กังวล เมื่อตอนนี้แววตาคู่นั้นกลับฉายแววราวกับว่ากำลังขอร้อง หากคนเขลาอย่างผู่ชานเลี่ยไม่ได้คิดไปเอง ชายหนุ่มกลอกตาล่อกแล่ก เขายังคงแสร้งว่ารำคาญอีกฝ่ายแม้ลึก ๆ จะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

    งั้นก็เตรียมสมุนไพร เดี๋ยวข้าจะออกไปเอากาน้ำร้อนให้

    เจ้าจะนอนกับข้าใช่หรือไม่?!” เสียงเรียกรั้งท้ายไม่เท่าประโยคประหลาด ๆ ที่หลุดออกมาจากปากอีกคน เจ้าฟันกระต่ายคิดสิ่งใดอยู่ถึงได้พูดกับชาวบ้านธรรมดา ๆ เช่นนี้ทั้งที่ตนเองเป็นถึงองค์ชาย

    ก็ถ้าคอกม้ามันหนาว เจ้าก็ต้องแบ่งที่ให้กับข้า ชายหนุ่มเดินออกไปทันทีที่พูดจบโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เอ่ยปากอีก

     

     

     

     

     

     

     

    ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานนัก... หลังจากเจ้าฟันกระต่ายทำแผลและดื่มยาสมุนไพรเรียบร้อยเราก็เบียดกันบนเตียงแคบ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นผู่ชานเลี่ยที่นอนพลิกตัวไปมา หันซ้ายที ขวาที หงายทีอยู่เช่นนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วยามแล้ว

    ทั้งที่ตั้งใจจะนอนพื้น แต่อีกคนกลับบอกว่าเตียงเล็ก ๆ นั่นมันกว้างพอที่จะให้คนตัวใหญ่อย่างเขาขึ้นไปนอนเบียดด้วยกันได้ ผู่ชานเลี่ยไม่ใช่คนยอมใครง่าย ๆ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายคือองค์ชาย หรือเพราะแววตาที่มาพร้อมคำพูดเหล่านั้นที่ทำให้เขายอมทำตามโดยไม่จบด้วยการขัดใจ

    หลับหรือยัง?

    ยัง

    เจ้าอึดอัด

    คนมีความรู้มักจะดูออกได้ง่าย ๆ สินะ ใช่ ข้าอึดอัด

    ท่ามกลางความมืดในบ้านหลังเล็ก ชายหนุ่มสองคนต่างหันหลังให้กันโดยไม่หันหน้าเข้าหากันอย่างเช่นก่อนหน้านี้ คำว่าองค์ชาย ยังคงลอยอยู่ในความคิด มันเป็นกำแพงสูงที่ทำให้ความเป็นธรรมชาติหายไปทุกที ตอนคุยกันชานเลี่ยยังพอทำตัวให้เป็นปกติได้ แต่การนอนข้าง ๆ กันเช่นนี้... ยอมรับว่าอึดอัดและเกร็งจนทำตัวไม่ถูก

    ข้าเอาแต่พูดเรื่องตัวเองมาตลอด จนลืมถามว่าพ่อแม่เจ้าอยู่ที่ไหน

    พ่อข้าป่วยตายตั้งแต่แม่ตั้งท้อง พอข้าเกิดมาได้ไม่นาน แม่ก็ทิ้งข้าแล้วหนีตามผู้ชายไป

    ฟังดูโหดร้าย ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องพูดมันออกมานะ

    ช่างเถอะ เพราะข้าไม่เสียใจ ชานเลี่ยเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง นอนหงายจ้องมองเพดานมืด ส่วนเรื่องแม่ไม่รู้จริงหรือโกหก ท่านปู่บอกว่าท่านย่ากำลังโมโห ท่านจึงพูดเยี่ยงนั้น

    ท่านย่าไม่ชอบแม่เจ้าหรือ?

    ใช่ นางบอกว่าแม่ข้าเป็นคนเห็นแก่ตัวทำอะไรไม่เคยนึกถึงใจคนอื่น กับสิ่งที่นางทำ มันส่งผลให้ใครหลายคนต้องเสียใจ

    ทั้งคู่พลิกตัวพร้อมกัน สบตานิ่งงันท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืน ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูก ความเรียบง่ายเป็นกันเองมันหายไปเพราะคำว่าองค์ชาย จริง ๆ

    แสดงว่าเจ้าก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่ ข้าพูดถูกหรือไม่?

    ชานเลี่ยขานตอบในลำคอแต่มันไม่สำคัญหรอก ข้าไม่อยากยึดติดกับคนที่ไม่ได้มีผลกับชีวิตในตอนที่ข้ายังมีหัวใจอยู่

    ...

    หากพ่อกับแม่จากไปตอนที่ข้ารู้จักคำว่าเสียใจเป็นแล้ว ข้าคงเล่ามันให้เจ้าฟังไม่ได้

    ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ผู่ชานเลี่ยก็โกหกตัวเองไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วเขาก็รอวันกลับมาของสตรีผู้ให้กำเนิด อยากเห็นหน้าค่าตาว่าเป็นคนเช่นไร เหตุใดจึงทิ้งลูกเล็กไว้กับคนแก่ได้ลงคอ หากการมีลูกมันยากเย็นนัก เหตุใดจึงทนอุ้มท้องตั้งเก้าเดือนเพื่อให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาอาภัพเช่นนี้

     

    ปากบอกไม่เสียใจ แต่ข้างในเต็มไปด้วยคำถาม

     

    ข้านับถือใจเจ้าจริง ๆ

    นับถือใจข้า?

    ใช่ ป๋ายเซียนยิ้ม และเขารู้ว่าชานเลี่ยคงมองไม่เห็นแววตาซึ่งเต็มไปด้วยความเชยชมในเวลานี้เจ้าโตมาด้วยการเลี้ยงดูของท่านปู่กับท่านย่า ทั้งอุดมการณ์ ความคิด และสิ่งที่เจ้าเป็น มันส่งไปในทางที่ดีจนข้าอดคิดไม่ได้ว่าถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะเข้มแข็งได้ถึงเพียงนี้หรือไม่?

    ข้าไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ นั่นแหละคือเหตุผล

     พอได้ฟังเรื่องของเจ้าข้าก็นึกย้อนมองตัวเอง เติบโตมาในวังโดยได้รับการดูแลจากคนรอบข้าง ไม่เคยลำบาก จะกินก็มีคนยกสำรับมาให้ จะอาบน้ำก็มีคนยืนเฝ้า ทุกอย่างสุขสบายไปหมด และมันทำให้ข้าเคยชิน

    ชีวิตของการเป็นองค์ชายกำหนดออกมาเช่นนั้นอยู่แล้ว เจ้าก็แค่ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองเป็น มันเทียบกับสามัญชนธรรมดาอย่างข้าได้ที่ไหนเล่า

    มันก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ถ้าข้ารู้ว่าโตมาต้องเจอเรื่องเช่นนี้ สู้ข้ากัดฟันยอมเรียนฟันดาบ ยิงธนูเสียก็ดีคนตัวเล็กพูดกลั้วหัวเราะ

    ตราบใดที่เจ้ายังมีมือที่สามารถถืออาวุธได้ คำว่าสายเกินไปก็ยังห่างไกลกับเจ้ามากนัก

    ที่เจ้าพูดเช่นนั้น... มันหมายความว่าเจ้าจะช่วยสอนให้ข้าใช่หรือไม่? คนตัวเล็กทำตาโตอย่างสนใจ จดจ้องอีกฝ่ายท่ามกลางความมืด และชานเลี่ยไม่ได้ตอบในทันที ป๋ายเซียนคิดว่าเขารอได้นานกว่านี้ถ้าหากอีกฝ่ายตอบว่าตกลง

    อืม ข้าจะสอนเจ้า

    เยี่ยม!”

    อะไรของเจ้า?!” ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้างมองเจ้าฟันกระต่ายท่ามกลางความมืดที่อยู่ ๆ ก็เข้ามาเกาะแขนเขาจนร่างกายของเราแทบแนบชิดกัน

    ข้าอยากเข้มแข็งและปกป้องตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใครคนตัวเล็กเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งตอนอยู่ในวังข้าเพิกเฉยที่จะเรียนรู้เพียงเพราะข้าไม่ชอบมัน

    ข้าก็ไม่ชอบกินยาตอนป่วย แต่ถ้าไม่ฝืนกินข้าก็จะไม่หาย เพราะฉะนั้นถ้าหากเจ้าคิดจะเรียนวิชากับข้า เจ้าก็ต้องอดทนให้มาก ๆ ห้ามบ่นเหนื่อยง่าย เพราะข้าโหด

    ขู่กันตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยหรือ ผู่ชานเลี่ย

    ถ้าเจ้าเรียนรู้ช้าเจ้าก็จะเสียเวลาทิ้งไปเฉย ๆ ถ้าไม่อยากรีบกลับไปช่วยพี่น้องในวัง จะเรียนวันละชั่วยามก็ย่อมได้

    ไม่ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างดีเลย ท่านอาจารย์ผู่เจ้าฟันกระต่ายรีบตอบอย่างหนักแน่น ถ้าเจ้าช่วยข้าไปจนถึงตลอดรอดฝั่ง ข้าจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อให้กับเจ้า

    คิดว่าข้าทำไปเพราะหวังผลตอบแทนหรืออย่างไร? เขาจิ๊ปาก ไม่เคยมองเห็นความเป็นคนดีของผู่ชานเลี่ยคนนี้เอาเสียเลย!

    ถึงเจ้าไม่หวัง เจ้าก็ควรได้รับสิ่งตอบแทนที่ช่วยข้าไว้ หากไม่รับเป็นเงินทอง เช่นนั้นรับเป็นตำแหน่งหน้าที่การงานดีไหม?

    จะให้ข้าเป็นขุนนางหรือไง? ง่ายเกินไปแล้ว ผู่ชานเลี่ยไม่มีทางตอบรับเด็ดขาด! ตำแหน่งนั้นควรสู้มาด้วยความพยายาม ความสามารถสิถึงจะถูก

    เปล่า ข้าหมายถึงทหาร

    ...

    แต่ข้าไม่ให้เจ้าเป็นทหารยามหรอก เพราะคนนิสัยเหมือนลิงเหมือนค่างเช่นเจ้าคงยืนอยู่กับที่ทั้งวันไม่ได้

    สงสัยองค์ชายแถวนี้จะไม่ได้กลับวังเพราะถูกจับถ่วงน้ำ

    ข้าล้อเล่น คนตัวเล็กหัวเราะชอบใจเจ้าหนาวหรือไม่ ขยับเข้ามาอีกก็ได้นะ

    ไม่ดี ชานเลี่ยรีบปฏิเสธพัลวัน ขืนเข้าใกล้กว่านี้มีหวังนอนไม่หลับจนเช้าแน่

    ทำไมเล่า? ยังจะถามอีกหรือว่าทำไม ต่อให้ผู่ชานเลี่ยจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่ความรู้สึกมันบอกว่าอย่าเข้าใกล้เจ้าฟันกระต่ายมากไปกว่านี้เพราะข้าเป็นองค์ชายงั้นหรือ?

    ใช่ ...ก็ได้

    ในหัวมีแต่คำว่าองค์ชายห้านอนอยู่ข้าง ๆ ต่อด้วยคำว่าหัวขาดแน่ หัวขาดแน่ ตะโกนย้ำอยู่ไม่ขาดช่วง จะทำเช่นไรดี... จะให้เปลี่ยนเป็นพูดจานอบน้อมอย่างสุภาพก็กลัวตัวเองจะเป็นบ้าตายเสียก่อน แม้เจ้าฟันกระต่ายจะไม่พูดถึงความหยาบคายที่ผู่ชานเลี่ยเป็น แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกผิดต่อตนเองที่เป็นคนยึดมั่นต่อความถูกต้องในทางที่ควร

    ไม่ยักรู้ว่าคนป่าเถื่อนมุทะลุอย่างเจ้าจะคิดมากกับเรื่องเล็กน้อย

    เล็กน้อยงั้นหรือ เจ้าเป็นถึงองค์ชาย ส่วนข้าเป็นสามัญชนธรรมดาที่หัวพร้อมจะหลุดออกจากบ่าเมื่อไหร่ก็ได้

    อนาคตเจ้าไกลกว่าข้าคนเมื่อวานก่อน อย่าลืมสิเสียงกระซิบนั้นทะเล้นจนต้องเลิกคิ้วกับความขี้เล่นของเจ้าฟันกระต่ายซึ่งใช่ว่าจะได้เห็นบ่อย ๆ

    ข้าถามจริงนะ ชานเลี่ยเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม เข้าสู่สภาวะจริงจังซึ่งนาน ๆ ครั้งจะเกิดขึ้น ข้าเองก็แกล้งเจ้าไปมากมายนัก ไม่อยากสั่งข้าลงไปนอนพื้นเย็น ๆ บ้างหรืออย่างไร?

    คิดสิ ป๋ายเซียนขยับตัวนอนหงายเช่นเดียวกับชานเลี่ย ทั้งคู่กำลังให้เพดานเป็นจุดยึดสายตา ท่ามกลางความแปลกหน้าที่เริ่มเข้าใกล้คำว่าสนิทใจขึ้นเรื่อย ๆ แต่การมีเจ้านอนอยู่ข้าง ๆ เช่นนี้มันทำให้ข้าอุ่นใจมากกว่า

     

    ...เจ้าฟันกระต่ายกำลังพูดอะไร?

     

    เมื่อคืนข้านอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องให้คิดมากมาย เป็นห่วงคนในวัง สงสารตัวเองที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน และต้องนอนในคอกม้าที่มีกลิ่นเหม็น นอนบนกองฟางหยาบ ๆ จนคันไปทั้งตัว ร้องไห้ไปกับความเสียใจจนหลับ

    ก็เจ้ายอมบอกตั้งแต่แรกว่าเป็นองค์ชายห้า มีหรือข้าจะให้นอนในนั้น เขาพูดตามความจริง ตอนนี้ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาถึงคอที่แกล้งอีกฝ่ายไปเช่นนั้น

    มันเป็นเพราะข้าอ่อนแอเอง พอเจอความลำบากหน่อยก็ท้อจนไม่อยากสู้ ป๋ายเซียนถอนหายใจเบา ๆ แต่พอรุ่งสาง ข้าก็รู้สึกดีที่เห็นเจ้าเข้ามาปลุก

    ด้วยเท้าที่เจ้าคงอยากสั่งทหารตัดทิ้ง ทันทีที่พูดจบเจ้าฟันกระต่ายก็ยกมือขึ้นปิดปากขำ

    การถูกปลุกมาใช้ชีวิตย่อมดีกว่าการปลุกมาฆ่าซ้ำให้ตายเป็นไหน ๆคนตัวเล็กหลับตาลง ยิ้มบาง ๆ อย่างสบายใจขณะปล่อยให้ความเงียบโรยตัวชานเลี่ย

    อืม

    ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าที่ข้าหลับตานอนได้ในคืนนี้ก็เพราะว่ามีเจ้าอยู่ข้าง ๆ

    คนฟังกลอกตาล่อกแล่ก นอนแน่นิ่งพลางใช้สมองอันน้อยนิดคิดว่าควรทำสิ่งใดในสถานการณ์เช่นนี้ ขานตอบอย่างขอไปที หรือว่าแกล้งหลับไปเลย บ้าไปแล้ว อยู่ ๆ ก็พูดจาให้รู้สึกดีออกมาเช่นนั้น องค์ชายฟันกระต่ายชักจะทำให้เขาขำไม่ออก  

    อยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าองค์ชายหรือไม่? หากตอบว่าใช่ สาบานได้เลยว่าผู่ชานเลี่ยคงหาคำว่าเป็นกันเองอย่างธรรมชาติไม่ได้อีก

    ไม่

     

    โล่งอกไปหน่อย...

     

    เจ้าจะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ จะเจ้าฟันกระต่าย ป๋ายเซียนหันหน้าเข้าหาอีกคน สบตากันท่ามกลางความมืดโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองด้วยความรู้สึกเช่นไร หรือป๋ายเซียนก็ได้

    ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะลักษณะนิสัยหรือฐานะ ดังนั้นชานเลี่ยจึงไม่กล้าใช้คำว่าเพื่อนกับองค์ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน หากให้เปรียบ... อีกฝ่ายคือสีขาวและเขาคือสีดำ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ดูเข้ากันได้ดีในความแตกต่างที่ตนเองเป็น

    หากอีกฝ่ายเป็นองค์ชายที่กำลังถูกปองร้ายจริง ผู่ชานเลี่ยก็จะช่วยทุกอย่างเพื่อให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    หลอกให้ข้าเรียกชื่อหรือ ฝันไปเถอะเจ้าฟันกระต่าย

     

     


     

     

     


    ท้องฟ้าหม่นหมองคล้ายฝนจะตก บรรยากาศโดยรอบอึมครึมไม่ต่างจากความรู้สึกคนในวังหลังพบเรื่องสะเทือนใจอย่างต่อเนื่อง ร่างระหงไล้หลังมือไปตามดวงหน้าหล่อของผู้เป็นสามี ก่อนเปลือกตาที่ปิดสนิทมาตลอดหลายชั่วยามจะค่อย ๆ ลืมขึ้นเมื่อถูกปลุกจากการหลับใหล

    ลุกขึ้นมาเสวยโอสถเถอะเพคะ

    ร่างที่ท่อนบนพันรอบไปด้วยผ้าพันแผลถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนนางกำนัลจะยกถ้วยยาให้แก่ชายาขององค์รัชทายาทซึ่งนั่งเฝ้าพระสวามีมาจนถึงตอนนี้

    เมื่อครู่นี้ฝ่าบาทมาหา แต่พอเห็นว่าท่านพี่หลับอยู่จึงกลับไปก่อน

    งั้นหรือ

    องค์รัชทายาทนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะยกยาดื่มรวดเดียว ไม่สนว่าความร้อนและความขมจะบาดคอสักเพียงใด นัยน์ตาคู่นั้นจดจ้องอยู่กับผนัง ก่อนจะหันไปสบตากับชายาคนสวยที่อยู่เคียงข้างตนเสมอ

    เจ้านอนบ้างหรือยังซ่งเฉียน?

    เพคะ ท่านพี่ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่? คนเป็นสามีพยักหน้า ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะไปตามหมอหลวง

    ไม่ต้อง แผลมันยังสดใหม่ ต่อให้รักษาด้วยวิธีใดข้าก็ยังเจ็บอยู่ดีนัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดหลังจากพูดจบ พระชายามองใบหน้าสวามีก่อนจะกุมมือแกร่งไว้บนตักตนเอง

    แต่เพราะว่าเป็นแผลสด องค์รัชทายาทจึงควรหมั่นล้างแผลเพคะ อี้ฝานหันไปสบตากับเจ้าของคำพูด แม่นมยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก และนางไม่ได้มองหน้าเขา

    แต่ข้ายังไม่อยากทำตอนนี้

    รับทราบเพคะ องค์ชายใหญ่เคยเชื่อฟังแม่นมมากกว่านี้เมื่อพระองค์ยังเยาว์วัย และนั่นก็นานมาแล้ว

    ตื่นแล้วหรือ?

    ฮองเฮา ซ่งเฉียนลุกขึ้นคำนับพร้อมแม่นมและนางกำนัล ก่อนเจ้าของใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความกังวลจะตรงเข้าไปดูอาการลูกชายอย่างใกล้ชิด

    เป็นเช่นไรบ้าง หิวไหม? อี้ฝานส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยอ่อน บ่งบอกให้ผู้เป็นมารดาเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าสภาพคนเจ็บปางตายทั้งกายและใจอย่างเขาคงกินอะไรไม่ลง โถ... ลูกแม่

    มองบาดแผลตามตัวลูกชายแล้วหัวใจจะแหลกสลาย ฮองเฮาโอบใบหน้าได้รูปเอาไว้พร้อมคลึงนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ ปลอบประโลม แม้ว่าหัวใจตนเองก็แทบพังไม่เหลือชิ้นดีหลังจากเสียลูกชายแท้ ๆ ไปทั้งคน

    ข้าผิดเองที่อ่อนแอเกินไป มิเช่นนั้นน้องรองคง...

    ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อี้ฝาน อย่าโทษตัวเองเช่นนั้น

    พวกกบฏเหิมเกริมยิ่งนักที่ใช้วิธีหมาลอบกัดเอาชีวิตข้ากับน้องรองระหว่างทาง ดวงตาคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความเคียดแค้น สองมือกำหมัดแน่นจนคนเป็นแม่ต้องช่วยคลายออกให้ เสด็จแม่...

    ...

    หม่อมฉันรู้สึกผิดเหลือเกินที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ หยดน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหล ก่อนความเข้มแข็งทั้งหมดจะถูกปลอบประโลมด้วยอ้อมกอดผู้เป็นแม่ ข้ารู้สึกเหมือนกำลังใช้ลมหายใจของน้องรอง คนที่ควรตายควรเป็นข้า... ไม่ใช่อี้เฟิง

    ซ่งเฉียนมองภาพตรงหน้าพลางหันไปสบตากับแม่นม ปล่อยให้พระสวามีร้องไห้ต่อหน้ามารดาจนกว่าจะพอใจ เจ้าทำดีที่สุดแล้วอี้ฝาน

    แม้จะมีน้องอีกนับสิบ แต่คนที่ข้ารักที่สุดก็คือน้องที่มาจากพ่อแม่เดียวกัน เราเปรียบเหมือนแขนขาของกันและกัน ข้ารักอี้เฟิงไม่ต่างจากชีวิตตัวเอง

    ฮองเฮายังคงลูบศีรษะปลอบประโลมลูกชาย ปล่อยให้ความเจ็บปวดในใจหลั่งไหลออกมาเป็นความเงียบโดยรอบก่อนจะผละอ้อมกอดออก สบมองกับดวงตาแดงก่ำคู่นั้น...

     

    ที่นางเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพียงครึ่งเดียว

     

    พักผ่อนเถอะลูกรัก

    ฮองเฮายิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นแล้วหยุดอยู่หน้าธรณีประตู ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนตอนที่อี้ฝานและอี้เฟิงเริ่มประสีประสามากพอที่จะเข้าใจว่าควรทำอะไรเพื่อตนเองในอนาคต

    นางรักลูกทั้งสองคน ดังนั้นจึงคอยบอกคอยสอนให้ทะเยอทะยานเพื่อไม่ให้อยู่ในจุดตกต่ำอย่างเช่นลูกสนมนางอื่น ๆ เสี้ยมสอนให้อี้ฝานเก่งในทุก ๆ ด้าน เพื่อกอดตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้กับตัวให้ดีจนกว่าจะถึงวันทำพิธี ส่วนอี้เฟิง... เมื่อยังเยาว์วัยลูกไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการเป็นคนเก่ง แต่พอโตขึ้นจนได้รู้จักกับคำว่าอำนาจ เด็กคนนั้นก็เริ่มมีความทะเยอทะยานจนยากที่จะหยุดยั้งได้

     

    ข้าอยากเป็นองค์รัชทายาท

     

    ราวกับมีหินก้อนใหญ่อุดอยู่ในคอ คนเป็นแม่ไม่สามารถสนับสนุนหรือปฏิเสธความต้องการของอี้เฟิงได้ นางรักลูกทั้งสองคน แต่ก็หลีกหนีความจริงไม่ได้ว่าลึก ๆ นางรักอี้ฝานมากกว่า เป็นเพราะลูกชายคนแรกทำให้ได้เป็นฮองเฮางั้นหรือ ใช่ นั่นคือเรื่องจริง

     

    แต่การตายของอี้เฟิงนั้น... มันใช่ฝีมือกบฏแน่หรือ?

     

     



     

     




    เจ้าออกไปก่อน

    เพคะ นางกำนัลโค้งคำนับแล้วเดินออกไปจนเหลือเพียงองค์รัชทายาท พระชายา และแม่นมเถียน

    ได้เรื่องหรือยัง?

    ยังเพคะ แม่นมตอบทั้งที่ไม่สบตากับเจ้าของเสียงเยือกเย็นนั้น อี้ฝานเช็ดน้ำตาหลอก ๆ ออกแล้วพรูลมหายใจทางริมฝีปากอย่างไม่ชอบใจ

    ข้าบอกแล้วว่าเอาให้ตาย เจ้าก็รู้มิใช่หรือว่าป๋ายเซียนฉลาดรู้เรื่องสมุนไพร ป่านนี้มันคงรักษาตัวเองจนหายดีแล้ว

    หากไม่ถูกนางกำนัลเข้ามาขัดจังหวะข้าก็คงจัดการได้ง่ายกว่านี้ และการตามหาคนในที่มืดกลางดึกสงัดก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนอย่างหม่อมฉันเหลือเกินเพคะ แต่องค์รัชทายาททรงวางใจเถิด

    ข้าจะวางใจได้อย่างไรในเมื่อยังไม่เห็นศพมัน?

    หมอหลวงบอกกับหม่อมฉันว่าป่าไม้รอบวังนั้นไม่มีสมุนไพรชนิดไหนใช้รักษาพิษได้ ต่อให้ฝืนดันทุรังหนีไป ถ้าไม่ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็คงถูกเสือลากไปกินก่อน เสียงแม่นมเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

    คำพูดหมอหลวงไม่มีน้ำหนักเท่าศพป๋ายเซียน

    เหตุใดท่านถึงอยากให้องค์ชายห้าตายนัก?

    เพราะมันคือลูกชายคนโปรดของเสด็จพ่อ

    นัยน์ตาที่เคยแดงก่ำเพราะการแสดงหลอกมารดาว่าเสียใจ ในตอนนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตหวังเอาชีวิต แม้ป๋ายเซียนจะเป็นน้องที่ดี คอยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบพร้อมหาหยูกยาชูกำลังให้อยู่เสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลบล้างความขุ่นมัวในใจเขาไปได้

    เช่นเดียวกับจุนเหมียน เด็กที่ฉลาดหลักแหลมจนเสด็จพ่อเอ่ยชมอย่างออกนอกหน้า แม้ว่าจะเป็นลูกสนมธรรมดา แต่กลับได้รับความเอ็นดูจากเสด็จพ่อมากกว่าใครอื่น และแน่นอนว่าน้องหกได้รับผลกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปแล้ว

    ฉะนั้นเจ้าต้องเอาศพมันกลับวังให้จงได้

    ซ่งเฉียนนั่งฟังเงียบ ๆ พลางรินน้ำชาดื่ม กับแผนการที่องค์รัชทายาทและแม่นมร่วมคิดด้วยกันเพื่อกำจัดองค์ชายทีละคน น่าขันเหลือเกินที่ต้องเห็นสองพี่น้องแสร้งว่ารักกัน ทั้งที่ความจริงต่างคนต่างก็วางแผนฆ่าอีกฝ่ายเพื่อตำแหน่งองค์รัชทายาท

    องค์ชายอี้ฝานพยายามเป็นอย่างมากเพื่อแสดงละครตบตาคนอื่นถึงได้ยอมเจ็บหนัก มิเช่นนั้นคงยากที่จะเชื่อว่าเป็นฝีมือกบฏ ข้าต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะฆ่าข้า น้ำเสียงนั้นเลือดเย็นแค่ไหน ซ่งเฉียนจำได้เป็นอย่างดี

    นางไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน ตราบใดที่องค์ชายอี้ฝานยังคงเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตก็ต้องตกเป็นของนาง เราต่างอยู่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยทิ้งความถูกต้องไว้ข้างหลัง

     

    และมันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×