ตอนที่ 2 : จีบ 01 : คำพูดของเขา
? cactus
ตอนที่ 1
คำพูดของเขา
สิ่งที่ทำตอนตื่นนอนก็คือหยิบมือถือข้างหมอนขึ้นมาดู กึ่งหลับกึ่งตื่นหรี่ตามองหน้าจอเช็กแจ้งเตือนว่ามีข้อความจากคนรักหรือไม่ และมันก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนกับวันก่อน ๆ ไม่เหมือนตอนแรกที่คบกัน ช่วงเวลานั้นมันดีเสียจนหุบยิ้มไม่ได้เมื่อมีข้อความน่ารัก ๆ ส่งมาทักทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้าทุกวัน
แต่ในความผิดหวังก็ยังเรียกรอยยิ้มจากคนเพิ่งตื่นได้ แบคฮยอนมองแจ้งเตือนแชทจากรุ่นพี่ที่เพิ่งคุยกันเมื่อวานเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเรื่องตลกที่เล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบของอีกฝ่ายยังคงทำให้นึกขำออกมาตอนนี้ได้
ขอบคุณข้อความของพี่ชานยอลที่ทำให้เช้านี้ไม่กร่อยเหมือนกับที่ผ่านมา
มองนาฬิกาถึงได้กระตือรือร้นขึ้นมาหน่อย แบคฮยอนลุกจากเตียงตรงไปห้องน้ำ ชำระร่างกายใต้ฝักบัวพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย ใกล้วันครบรอบแล้วจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้แฟนดี? หรือไม่ควรทำอะไรเลยเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับมันอยู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นบอกว่า ‘มีแค่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่นั่งนับวันครบรอบ’ และนั่นทำให้แบคฮยอนรู้สึกหวิว ๆ ตรงช่วงขานิดหน่อย เพราะกางเกงขายาวที่ใส่อยู่ดันให้ความรู้สึกเหมือนกระโปรงขึ้นมา
ผ่านไปไม่กี่นาทีก็วกกลับมาที่เรื่องพี่ชานยอลอีกครั้ง ความสงสัยมากมายผุดขึ้นมาให้ได้คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างที่เห็นจริง ๆ หรือแค่สร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีต่อสายตาคนแปลกหน้ากันแน่ และถ้าใช่อย่างหลัง... พี่ชานยอลจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มันไม่มีเหตุผลเลย
นอกจากฟองแชมพูตอนนี้บนหัวของบยอนแบคฮยอนก็ยังคงมีเรื่องของใครอีกคนวนเวียนอยู่ เวลาตอนทักมาทำให้เกิดคำถามอีกครั้งว่า ‘พี่ชานยอลทักมาหลังจากตื่นนอนเลยเหรอ?’ เพราะที่คุยกันเมื่อคืนอีกฝ่ายบอกว่าต้องตื่นหกโมงครึ่ง
และถ้าใช่อย่างนั้นจริง ๆ จะทำยังไงล่ะ?
ทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากคิดไปเองต่าง ๆ นานาแล้วก็ใจเต้นอยู่ใต้ฝักบัว
เอาหน้าผากโขกกับกระเบื้องสีขาวเบา ๆ เพื่อหยุดความคิดบ้า ๆ ที่ปล่อยให้เกิดขึ้นจนได้ แบคฮยอนไม่ชอบคนไม่ซื่อสัตย์ และเขาจะไม่เป็นอย่างนั้นเด็ดขาดตราบใดที่ยังมีแฟนอยู่ แต่คนตัวเล็กก็หลอกตัวเองไม่ได้เลยว่าการมีใครสักคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเวลาเหงาและทักมาตอนเช้าทันทีที่ตื่นน่ะ มันชวนให้รู้สึกพิเศษอย่างน่าประหลาด
พี่ชานยอลอาจจะทักคนอื่นด้วยก็ได้ และเขาคงไม่ใช่คนแรก แต่ใจมันก็ยังเต้นแรงอยู่ดี
สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความโง่ อยากเขกกะโหลกตัวเองจริง ๆ ที่ถามไปอย่างนั้น เขาควรทำตัวให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ คุยกันหรือถามตอบแบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะมีความพิเศษอยู่ในนั้นหรือไม่ แบคฮยอนไม่ควรปล่อยให้เวลาไม่ถึงยี่สิบชั่วโมงส่งผลต่อจิตใจขนาดนี้
‘นายกำลังเหงาเพราะแฟนไม่สนใจแค่นั้นแหละแบคฮยอน’
และการยืนจ้องหน้าแชทแล้วปล่อยให้หยดน้ำจากปลายผมร่วงสู่พื้นจนเป็นดวง มันก็ทำให้บยอนแบคฮยอนดูซื่อบื้ออย่างบอกไม่ถูกเลย
เขาคงกังวลจนบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้ตอบไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่คำพูดเหล่านั้นนั่นแหละที่ทำให้ดูประหลาด
โง่เอ๊ย...
โยนมือถือลงเตียงแล้วเดินไปใส่เสื้อผ้า ระหว่างนั้นก็หันไปดูเป็นระยะและให้สมองสั่งการขาทั้งสองข้างว่าห้ามเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ตอบเด็ดขาด แบคฮยอนปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้ากระทั่งแต่งตัวเสร็จ มันอาจเป็นวิธีที่ไม่เนียนนัก แต่ตราบใดที่พี่ชานยอลไม่รู้ว่าอีกฝั่งจากทางนี้มีคนกำลังถกเถียงกับความคิดตัวเองอยู่ เรื่องตอบช้าก็คงทำให้เชื่อได้ว่า ‘พี่ไม่ได้สำคัญมากพอที่ผมจะตอบทันทีหรอกนะ’
เห็นไหม นี่แหละวิธีของคนไม่ฉลาด
ดูพูดเข้า...
แบคฮยอนลอบเบะปากกับประโยคสุดท้ายขณะเดินลงบนทางลาดชันเพื่อตรงไปขึ้นรถไฟใต้ดิน
เปล่า เขาโกหก
เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างมันหยุดอยู่บนฟุตปาธข้างถนน แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างขณะจมกับความคิดตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ทั้ง ๆ ที่คนทั้งโลกคงตอบอย่างสนิทใจได้ว่า ‘ผมจะรู้ไหมเนี่ย 555 เรื่องนี้มันก็ต้องแล้วแต่พี่สิ’ ให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว
ถ้าใจบอกว่าไม่อยากให้พี่ชานยอลไม่มีแฟน นั่นหมายความว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังเริ่มนอกใจแฟนแล้ว ถึงจะมาแค่ทางความคิด แต่มันก็คือความไม่ซื่อสัตย์ และมันโคตรเฮงซวย
น่าหงุดหงิด กำลังไล่ต้อนเขาอยู่ชัด ๆ แล้วเป็นการไล่ต้อนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเสียด้วย ไม่หยอดคำหวาน หรือทิ้งประโยคไหนไว้ให้คิดว่า ‘ฉันกำลังเล่นกับความรู้สึกนายอยู่ล่ะ’ แต่พี่ชานยอลแค่เชือดนิ่ม ๆ
ไม่จริงหรอก เขาเพิ่งมาถึงชานชาลาเมื่อสิบวินาทีที่แล้ว แต่เพราะตอนนี้กำลังสวมวิญญาณพิน็อคคิโอ้ แบคฮยอนจึงโกหกไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่อยากถูกจับได้ว่าชะงักไปหลายรอบกับคำพูดของอีกฝ่าย
แต่ก็ดี โกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนฮุคมันต้องเป็นเรื่องดีสำหรับคนมีแฟนอยู่แล้วแน่ ๆ ล่ะ โอเค ตอนนี้เขาเริ่มสนุกกับการคุยเรื่องรถไฟใต้ดินขึ้นมาแล้ว
ให้ตาย ทำไมถึงวกกลับมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
เขาควรปฏิเสธว่า ‘ตอนนั้นผมรู้สึกได้แค่กลิ่นของคนอื่นนี่ครับ’ ก็พอแล้ว ไม่ควรอวดอ้างอะไรแบบนั้น มันดูอ่อยแบบคนโง่เลย...
K.O.
แพ้แล้วแบคฮยอน แพ้ตั้งแต่ถูกจับได้ว่าพยายามที่จะแก้ตัวกระทั่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังรอด้วยการพูดว่า ‘เงียบแบบนี้ใช่แน่ ๆ’
ตอนนี้กลายเป็นพี่ชานยอลที่หลอกให้รอ และเขาไม่อยากแพ้
คำถามนี้ผ่าน แบคฮยอนจะไม่ว่าตัวเองเพราะลึก ๆ ก็อยากรู้ว่าตอนหกโมงครึ่งน่ะมีแค่เขาคนเดียวหรือเปล่าที่ทักมา หรือว่ามีใครอื่นด้วย
แต่รู้ไปแล้วจะได้อะไร คิดว่าไม่ นอกจากความสบายใจซึ่งทำให้ย้อนถามตัวเองว่า ‘ทำไมต้องการความสบายใจจากพี่ชานยอลขนาดนั้น?’
K.O. รอบสอง
ถูกจับได้แล้วว่าไม่ได้โหนรถไฟอยู่
ไม่มีใครในโลกชอบฟังเรื่องของคนอื่นตลอดเวลาหรอก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียว ขอรำคาญตัวเองแทนพี่ชานยอลเลยแล้วกัน
อะไรนะ...
อะไรกัน... อยู่ ๆ ก็ชวนไปกินข้าว พาไปเล่นกับหมาเฉยเลย
แบคฮยอนยืนจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างนั้นกระทั่งแสงสว่างหายไปจนเหลือเพียงจอสีดำที่สามารถมองเห็นหน้าตัวเองสะท้อนจากหน้าจอได้ กับประโยคราบเรียบที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตลอดบทสนทนาแต่กลับทำให้ตื่นเต้นอยู่ทุกจังหวะ
ไม่ได้ตอบกลับไป... แบคฮยอนยกมือขึ้นทาบหน้าผากตนเองเพื่อวัดอุณหภูมิ คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนกำลังมีไข้ทั้งที่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรงดี ชักไม่โอเคแล้ว เขาเริ่มโกรธตัวเองขึ้นมาจนอยากโทรไปขอโทษแฟนอย่างไร้เหตุผล
แบคฮยอนเปิดกระเป๋าเป้เพื่อเอาซองหูฟังออกมา จัดการระบบความคิดตัวเองด้วยเพลงซึ่งดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อเปิดเพลงแรกก็เริ่มต้นด้วยท่อนว่า 'หัวใจผมมันเต้นแรงเพียงแค่ได้อ่านข้อความของคุณ'
รีบกดเปลี่ยนเพลง แต่เหมือนพระเจ้ากำลังคิดเล่นตลกกับบยอนแบคฮยอนอยู่โทรศัพท์เครื่องนี้ถึงได้มีแต่เพลงรักอยู่เต็มไปหมด คนตัวเล็กถอนหายใจหนัก ๆ เมื่อหลีกหนีเพลงรักด้วยเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา แต่มันน่าตลกตรงที่ว่า... เขาไม่ได้รู้สึกอินไปกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว
‘แบคฮยอนโทรหาพี่นะครับ’
‘กินข้าวกัน แล้วหลังจากนั้นพี่จะพาไปเล่นกับโพนี่ :)’
และคำพูดเหล่านั้นทำให้เขานั่งรถไฟเลยไปสี่สถานี
TBC
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เชียร์พี่ชานยอลอยูนะค่ะ ลุยเลยค่าา
กรี้ดดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆ
มันเขินมากๆๆๆๆเลยอะแงงงงงงง
หุบยิ้มไม่ได้อะ กรี้ดดดดดดดๆๆๆ