คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : Season 2 | Painkiller 23 :: Dad (100%)
? cactus
Chapter 23
“แหมพวกมึง มาแต่เช้าเลยนะห่า”
เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งต่างยิ้มอย่างรู้กันหลังจากเห็นหน้าค่าตาเพื่อนชั่วที่ยอมแหกตาตื่นแต่เช้าทั้งที่อยู่ดูบอลกันจนดึกดื่นเพียงเพราะอยากรู้ผลอย่างอื่นที่มากกว่าสกอร์การแข่งขันเมื่อคืนว่าใครจะเตะเข้ากี่ลูก
“ว่าไม่ได้หรอก ถ้ามาสายเดี๋ยวพลาดทีเด็ดประเด็นร้อน”
“5555555555555555555555”
“ไอ้หรั่งจะตื่นไหวเปล่าวะ”
แจวอนยกขาขึ้นพาดโต๊ะพลางมองไปยังประตูห้องซึ่งมีเด็กหออื่นเดินผ่านไปพร้อมทำหน้าเหมือนร่างกายต้องการเบตาดีนใส่เขา
จึงทำหน้าง้างหมัดใส่อย่างเอาเรื่อง ฝ่ายนั้นจึงรีบเสมองไปอีกทาง
ให้ตายดิ ตอนนี้ทุกคนอดใจรอกันไม่ไหวแล้วว่าไอ้หรั่งมันเอาถุงน่องไปใช้งานหรือยัง
ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะใช้เมื่อคืนนั้นมันก็พอมีอยู่บ้าง...
แต่ถ้ามันจะเก็บไว้ใช้วันหลังนี่นกกันทั้งคณะเลยนะ
“มาแล้ว ๆ”
เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นรีบสะกิดแขนกันพลางแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ดูผิดปกติจนเกินไป
แจวอนชำเลืองมองแบคฮยอนที่สะพายเป้สองใบเข้ามาในห้อง ก่อนดวงตาแป๋ว ๆ คู่นั้นจะหันไปทางรูมเมทซึ่งกำลังเดินเข้ามาในสภาพไม่สมประกอบสักเท่าไหร่
“เหยด...
ไอ้เตี้ยแบคฮยอนถึงกับต้องเข้าไปช่วยประคองเลยนะมึง กูว่าหนัก...” เด็กคนหนึ่งกระซิบ
แจวอนยกยิ้มอย่างชอบใจขณะจ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของไอ้ลูกครึ่งที่เดินมานั่งเก้าอี้ได้ในที่สุด
“มันยังนั่งได้ว่ะ...”
“ถ้าไอ้หรั่งเป็นรับ
มันต้องมีเอียงตูดนิดนึงปะวะ ไม่งั้นนั่งยาก”
“อาจจะเจ็บบั้นเอวแต่ตูดยังนั่งได้ไรงี้เปล่า...”
“แม่งเอ๊ย...
ตอนนี้คิมไคจะเป็นไงบ้าง มองจากภายนอกกูว่ามันต้องเอาเก่ง”
“น็อตเอวหลุดแน่นวลคร้า”
แบคฮยอนและชาร์ลไม่ได้ยินเสียงซุบซิปเหล่านั้น
ตอนนี้คนตัวเล็กกำลังรู้สึกผิดและเป็นห่วงแฟนจ๋าเสียจับใจ ทุกครั้งที่เห็นชาร์ลหลับตาทำหน้าเหยเก
กุมเป้ามาจนถึงตอนนี้เพราะความผิดของเขาคนเดียวเลย
“ชาร์ล... เราขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย”
“เดี๋ยวตั้งนานแล้วอะ
จนถึงตอนนี้ชาร์ลยังทำหน้าเหมือนโดนบีบน้องอยู่เลย” โถ... มีความเรียกน้อง
เอ็นดูเหลือเกิน “เราไม่ถนัดทำแบบนั้นจริง ๆ คราวหลังไม่ทำแล้ว”
เห็นหน้าหงอย ๆ แล้วก็เอ็นดู ชาร์ลยีหัวคนข้าง ๆ
ที่เบะปากทำตาแป๋ว ก่อนเขาจะมอบยิ้มฝืน ๆ ให้ทั้งที่เจ็บน้องชายจับใจ
ด้วยความคึกคะนองทั้งคู่ที่ริอาจมีเซ็กส์กันตอนเช้าทันทีที่ตื่น
คนหื่นตื่นตัวง่ายก็จัดบทหนักแถมยังกระตุ้นให้โมจิมีอารมณ์ เล่นท่ากันไปสักพักจึงจับอีกฝ่ายขึ้นนั่งบนตัก
บีบก้นนิ่มบังคับให้ขยับ และน้องน้อยคงอยากเอาใจถึงได้ควบม้าจนทั้งคู่หอบฮัก หายใจแทบไม่ทันแต่อยู่
ๆ ไอ้นั่นก็หลุดจังหวะขย่ม ซึ่งเขาโคตรเจ็บเหมือนมันหักไปแล้ว
แต่ความเจ็บเหล่านั้นก็เทียบไม่ได้ตอนน้องน้อยควบม้าล่ะวะ
“ชาร์ลจะหายเจ็บเมื่อไหร่เหรอ?”
“น่าจะอีกสักพัก ทำไม
จะเป่าเพี๊ยงให้หรือไง?”
“บ้า จะเป่าได้ไงเล่า” ใบหน้าซื่อ ๆ หันซ้ายขวา มองสายตาเพื่อนร่วมห้องที่มองมายิ้ม ๆ
คงถูกนินทาอีกแหงเลย พวกแจวอนอะ นิสัยไม่ดี
“นายทำมันเจ็บ
เพราะงั้นคืนนี้ต้องโอ๋มันนะ” ชาร์ลกระซิบข้างหู
แต่คนตัวเล็กกลับไม่แสดงท่าทีขลาดเขินเหมือนอย่างที่เคย ดวงตาคู่นั้นเพียงช้อนมอง
ก่อนจะจับท่อนแขนแกร่งด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้นะชาร์ล น้องเจ็บอยู่
จะมีการโอ๋ไม่ได้ ชาร์ลต้องรักษาตัวจนกว่าน้องจะหาย”
“ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“มันอาจจะช้ำในก็ได้นะ...” แบคฮยอนยังจำสีหน้าเหยเกของชาร์ลตอนนั้นได้ ตัวนี่ขดเข้าหากันเป็นไส้เดือนเลยอะ
มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ
“ไม่ช้ำหรอก ไม่เชื่อคืนนี้อ้าปากรอได้เลย...”
“ลามกอยู่เรื่อย
เดี๋ยวเราจะทำให้เจ็บอีก”
“ก็เอาสิ ตอนนายขย่มแรง ๆ
ฉันเสียวจนแทบแตก --” น้องน้อยรีบเอามือตะปบปากเขาก่อนที่จะได้พูดเรื่องน่าอายมากไปกว่านี้
ใบหน้าที่ว่าขาวนุ่มนิ่มกำลังขึ้นสีจัด
แบคฮยอนรีบค้นกระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วเอาหนังสือออกมาวาง
แสร้งทำเป็นเปิดอ่านกลบความแก่แดดของตัวเองที่นับวันยิ่งจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
“โมจิ”
“เราจะอ่านหนังสือ” แบคฮยอนไม่สนใจเสียงทุ้มต่ำซึ่งกระซิบอยู่ข้างหู และมือแกร่งที่กำลังลูบไปตามต้นขา
“เห็นนายก้มหน้าอ่านหนังสือแบบนี้แล้วในหัวฉันมันก็มีภาพบางอย่างผุดขึ้นมา”
“...”
“มันคือภาพตอนฉันจับนายกดกับโต๊ะ
ปลดเข็มขัดโง่ ๆ นั่นออกแล้วถลกกางเกงของนายลงจนเห็นกางเกงในที่เข้าไปในร่องก้นของนาย” แบคฮยอนเอามือปิดหูตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงได้ยินเสียง
และจินตนาการภาพออกมาได้เป็นฉาก ๆ อย่างน่าอาย “ฉันยืนมองรอยดูดและรอยฟันตรงก้นนาย
ที่ฉันทั้งกัดทั้งฟัดเพราะมันเขี้ยว แล้วฉันก็เริ่มแหวกกางเกงในของนายออก... และดันมันเข้าไปจนสุด”
“โห อยู่ดี ๆ ก็ปวดฉี่เฉยเลย!” คนตัวเล็กลุกขึ้นพรวดจนเพื่อนร่วมห้องต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน แบคฮยอนยิ้มเจื่อนพลางทำท่ากุมเป้ากางเกงกลบเกลื่อน
ก่อนจะรีบวิ่งออกไปข้างนอกพร้อมแก้มทั้งสองข้างที่ร้อนผ่าวราวกับมีไข้
“มึงก็ไปแกล้งมันน้อหรั่ง” ชาร์ลหันไปทางกลุ่มแจวอนที่พร้อมใจกันมองมา
เขาจึงพยายามกลั้นยิ้มแล้วเอนหลังพิงกับเก้าอี้
“ทำไม มีปัญหาอะไร?”
“มันยิ่งซื่อ ๆ อยู่” แจวอนส่ายหน้า
ที่แบคฮยอนวิ่งออกไปแบบนั้นคงเป็นเพราะว่าไอ้หรั่งเล่าเรื่องทีเด็ดเมื่อคืนนี้ให้ฟังแน่
ๆ แล้วไอ้เตี้ยก็ทนฟังไม่ไหวเพราะไม่เคย
“เออ เรื่องกล่องนั่นน่ะ” ชาร์ลถูนิ้วใช้กับจมูกพลางมองสายตาเพื่อนกลุ่มนั้นที่พร้อมจะล้อเขา “ไว้จะซื้อให้ใหม่นะ”
“ทำไมวะ ไหนบอกว่าจะเอามาคืนไง?” ถ้ามันตอบว่าใช้แล้วติดใจ จะแซวเอาให้แม่งไม่กล้ามาเรียนสักสามวันเลย
“ฉันทำมันขาด”
“...”
“เห็นปะ กูบอกแล้วว่าไอ้หรั่งใส่ไม่ได้หรอก
ขามันกับขาผู้หญิงมันต่างกัน...”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระซิบแจวอน และหลาย ๆ คนก็เริ่มเห็นด้วย
เด็กหนุ่มตัวสูงก้มหน้าอมยิ้มกับตัวเอง
เมื่อนึกถึงตอนสองมือนี้มันกระชากถุงน่องออกตอนที่น้องน้อยซบหน้าลงกับหมอน
โก้งโค้งรับส่วนนั้นเข้าไปจนมิดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาถึงได้รู้ว่าถุงน่องตอนขาดแล้วมันน่ามองกว่าตอนใส่ไว้เฉย
ๆ เป็นไหน ๆ
*
“อรุณส --” จุนมยอนยกมือทักทายอย่างเก้อ
ๆ พลางมองตามแผ่นหลังของเพื่อนตัวเล็กที่รีบวิ่งลงไปข้างล่างราวกับว่ามีเรื่องด่วนจนไม่มีเวลาหันมาทักทายเขา
“รีบไปไหนกันนะ...” เด็กหนุ่มพึมพำเบา
ๆ ก่อนจะลดระดับสายตาลงไปยังบันไดชั้นล่าง มองใครอีกคนที่มีท่าทางไม่ต่างกันหลังจากเห็นท่าทีของแบคฮยอน
“อรุณสวัสดิ์คิมไค”
“อืม อรุณสวัสดิ์” เจ้าของชื่อเดินล้วงกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจนถึงขั้นเดียวกัน ก่อนทั้งคู่จะเริ่มเดินอีกครั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ทั้งสีหน้าและท่าเดินที่ดูแปลกไป จุนมยอนจึงถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
และคิมไคก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
“เมื่อวานถ่ายแบบแล้วพลาดตกจากสลิง
ก็เลยปวดหลังนิดหน่อยน่ะ”
“อ้าว... แล้วไปหาหมอหรือยัง?”
เด็กหนุ่มผิวแทนพยักหน้า “หมอบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนส่วนไหน
เขาให้ยาแก้ปวดมากินกับยาหลอดนึงไว้ทา ที่มันมีกลิ่นฉุน ๆ หน่อยน่ะ”
“ฉันเคยเห็นเบื้องหลังการถ่ายละคร
นอกจากจะใช้ความกล้าแล้วก็ต้องพร้อมกับความเสี่ยงด้วย” จุนมยอนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะหันไปมองสีหน้าเพื่อนอีกครั้ง “แต่จะบอกให้นายระวังตัวก็ไม่ได้
เพราะเรื่องสลิงก็เป็นอุบัติเหตุทางอุปกรณ์”
“แต่ได้รูปเท่ ๆ เยอะนะ ไว้รอดูล่ะ
ปกเล่มหน้าสาว ๆ ต้องตะลึง” เด็กหนุ่มผิวแทนยักคิ้ว
พอเห็นสีหน้าคิมไคยังโอเคดี จุนมยอนจึงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพร้อมกัน
“ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ
ฉันช่วยทายาให้ได้”
“เยี่ยมเลย เพราะฉันคงเอื้อมไปทาเองไม่ถึง” จุนมยอนวางกระเป๋าแล้วรับยาหลอดนั้นมาจากมือเพื่อน
ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาที่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
“ไอ้คิมไคเดินปวดเอวมาแบบนี้...”
“กูว่าใช่...”
“มึง
เมื่อกี้กูแอบไปถามเมทไอ้คิมไคมา ได้ข่าวว่าเมื่อคืนมันไม่ได้กลับห้อง...”
“เชี่ย...”
“อย่าบอกนะว่ามันไปทำกันในห้องไอ้ชาร์ลี?”
“แล้วแบคฮยอนจะอยู่ยังไงวะนั่น...?”
“หรือว่ามันทำให้ไอ้เตี้ยดู
ละเมื่อกี้ไอ้หรั่งก็สอน แต่แบคฮยอนมันรับไม่ได้เลยวิ่งหนีไป”
“เพื่อนมีเหตุผล”
“เหยด... มนต์รักถุงน่องขาด...”
“อะ... อา...
ย้ำตรงนั้นหน่อยจุนมยอน อืม... ดี” ทุกสายตาหันไปทางนายแบบสุดฮอตที่ยืนค้ำโต๊ะไว้พร้อมถลกเสื้อขึ้นจนเห็นซิกแพ็คเป็นลอนสีน้ำตาล
อีกทั้งยังส่งเสียงครางตอนไอ้โล้นช่วยทายาให้
“สำออยอะไรขนาดนั้น
เลือดตกยางออกก็ว่าไปอย่าง” คนเพิ่งผ่านอุบัติเหตุจากการถ่ายแบบถอนหายใจเบา
ๆ พลางหันไปทางเจ้าของดวงตาสีอ่อนซึ่งมองมาอย่างกวนประสาท
“ลองมาเจอเหมือนฉันบ้างไหมล่ะ?”
“ใครจะอยาก?”
“เหยด ๆๆๆๆๆๆ” กลุ่มแจวอนมองทั้งคู่สลับกันไปมาก่อนจะยกมือป้องปากอย่างนึกสนุก
มาว่ะ... งานนี้ต้องมีผลัดกันรุก
ผลัดกันรับแน่นอน!!!!
40%
( ปาร์คแบคฮยอนหอแรคคูนปีสาม
เชิญพบผู้ปกครองที่ห้องปกครองด้วยครับ )
( ปาร์คแบคฮยอนหอแรคคูนปีสาม
เชิญพบผู้ปกครองที่ห้องปกครองด้วยครับ )
ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างหยุดการเรียนการสอนหลังได้ยินเสียงประกาศจากวิทยุ
ก่อนทุกสายตาจะมองไปทางคนตัวเล็กซึ่งดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
แบคฮยอนหันไปสบตากับชาร์ล
และแฟนหนุ่มก็บอกว่าคงเป็นพ่อแม่มาหามากกว่าจะถูกเรียกไปอบรมเพราะทำผิดกฎโรงเรียนสักข้อ
ชาร์ลนั่งเคาะปากกาแล้วปล่อยให้เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อย
ๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วแต่น้องน้อยก็ยังไม่กลับมา
จนเขาเริ่มกังวลแล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหรือไม่?
ไอ้ห้องข้าง ๆ แอบได้ยินเราจ้ำจี้กันทุกคืนจนทนไม่ไหวเลยเอาไปฟ้องหรือเปล่า
ไม่น่ามั้ง... เพราะถ้าใช่มันก็น่าจะมองเขาทั้งคู่ด้วยสายตาแปลก ๆ หรือไม่ก็ส่งสัญญาณให้รู้ว่าคืนต่อไปควรเบาเสียงลงบ้าง
แต่ตอนเดินสวนกันตอนเที่ยงยังแซงคิวกันเอาถาดข้าวอยู่เลย
ไม่เห็นจะมีท่าทีอย่างที่กังวล
แทอูเอาเรื่องในห้องอุปกรณ์ไปฟ้อง? ไม่น่าจะใช่...
เรื่องนั้นก็นานแล้วถ้าเพิ่งนึกออกก็จะเกินไปหน่อยมั้ง อีกอย่างนะ
ด้วยความเป็นประธานหอ หมอนั่นคงก็ไม่หาเรื่องใส่ตัวด้วยวิธีนั้นแน่
แล้วมันเหตุผลอะไรกัน? ทำไมลิตเติ้ลโมจิถึงหายไปนานขนาดนี้?
“...” เด็กหนุ่มหลุดออกจากความคิดเมื่ออยู่
ๆ จุนมยอนก็เดินมานั่งแทนที่น้องน้อยพร้อมวางหนังสือลงแล้วกางออก ก่อนจะเปิดหนังสือของเขาให้ไปหน้าเดียวกัน
“การบ้านมีข้อนี้กับข้อนี้”
“อ่าฮะ”
“วงไว้สิ
แบคฮยอนกลับมาจะได้รู้ว่าต้องทำข้อไหนบ้าง”
“...” คนที่เอาแต่เหม่อรีบทำตามสั่งเพียงเพราะกลัวว่าแฟนจ๋าจะไม่ได้ทำการบ้าน
พูดก็พูดเถอะ ลองคิดดูสิว่าถ้าคนอย่างชาร์ลี ฮอปส์เดินหล่อเข้าไปหาน้องน้อยแล้วกางหนังสือออกพร้อมบอกว่า
‘วันนี้มีการบ้านข้อนี้นะ ระหว่างที่นายไม่อยู่น่ะ...
ฉันจัดการทุกอย่างไว้จนอยู่หมัดเลยล่ะโมจิ’ ตอนนั้นอีกฝ่ายคงตาเป็นประกายและบอกว่า
‘อู้หู! แฟนเราเก่งจังเลยอะ พึ่งพาได้ด้วย’
ให้ตาย
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการทำดีเพื่อเอาหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลย”
“อย่ามาทำเป็นอ่านใจคนอื่นได้ไหม?” ชาร์ลแยกเขี้ยวใส่ไอ้โล้นที่เอาสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาแล้วดันมันให้กับเขา หมอนี่เอาแต่ยิ้มเหมือนพวกรู้มาก
น่าหงุดหงิดจริง ๆ
“บทสรุปวิชาที่แบคฮยอนไม่ได้เข้าเรียน”
“ถามแบบใช้แต่ความรู้สึกนะ
นายคิดว่าโมจิโดนเรียกไปทำไม?”
“พ่อกับแม่มาหาล่ะมั้ง”
“มาหาทำไมทั้งที่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้เจอกันแล้ว?” ชาร์ลขมวดคิ้วอย่างจริงจัง
“นายบอกให้ฉันใช้ความรู้สึกแต่นายกลับหาเหตุผลกับมันเนี่ยนะ” จุนมยอนส่ายหน้าหน่าย ๆ ทำท่าจะลุกขึ้นกลับไปนั่งที่ตัวเองแต่ก็ถูกอีกคนคว้าข้อมือไว้เสียก่อน
“จะไปไหน
ฉันยังไม่ได้คำตอบเลยนะว่าน้องน้อยเป็นอะไร?”
“น้องน้อย?”
จุนมยอนเลิกคิ้วพลางมองสีหน้าเลิ่กลั่กของอีกฝ่าย
“ทำอะไรกันอยู่เหรอ?” พอได้ยินเสียงคุ้นเคยชาร์ลก็เอนหลังชิดเก้าอี้เพื่อชะเง้อมอง พอเห็นลิตเติ้ลโมจิกลับมาในสภาพครบร้อยและไม่มีสีหน้าอมทุกข์
เขาก็เริ่มหายใจหายคอคล่องขึ้นมาหน่อย
“หายไปไหนมาตั้งนาน”
“คุณลุงมาหาอะ” ลุงจงแดอะไรนั่นน่ะเหรอ แบบนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย
เขาเอาลิ้นกระพุ้งแก้มพลางชำเลืองมองไอ้โล้นที่แอบลอบยิ้มเหมือนจะสมน้ำหน้าอยู่เนือง
ๆ จึงง้างมือขึ้นทำท่าจะเหนี่ยว แต่มันเดินกลับไปนั่งที่เสียก่อน
“พอเราไม่อยู่ชาร์ลก็หาเรื่องแกล้งจุนมยอนทุกที”
“ทุกทีอะไร
มันเป็นคนเดินมาหาฉันเอง เนี่ย ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว” เห็นชาร์ลพยายามแก้ตัวเหมือนเด็กแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แบคฮยอนดึงแก้มคนตัวโตจเบา
ๆ อย่างมันเขี้ยว และแฟนหนุ่มก็โน้มมาตามแรงและแกล้งทำเป็นเจ็บ “รู้เปล่าว่าเป็นห่วง?”
“รู้แล้ว ดีใจมากด้วย...”
“ฉันเป็นแฟนที่ดีใช่ไหมล่ะ...”
“ที่สุดเลยอะ...”
ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของเพื่อนร่วมห้องที่เตรียมพร้อมจะออกไปเร่ร่อนให้สาแก่ใจก่อนถึงสองทุ่มเมื่อคาบสุดท้ายสิ้นสุดลงแล้ว
แบคฮยอนวาดแขนลงกับโต๊ะพร้อมซบแขนลงและอีกคนก็ทำตาม
ทั้งคู่สบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร ระหว่างนั้นชาร์ลี ฮอปส์จึงคิดได้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้เกลียดห้องเรียน
แต่เขาแค่ไม่ชอบห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีปาร์คแบคฮยอน
“ชาร์ล วันนี้เราไปเดินเล่นกันนะ”
“อารมณ์ไหน
ปกติไม่เห็นอยากออกไปเที่ยวข้างนอก”
“เราอยากซื้อเสื้อ”
“เสื้อ?” ชาร์ลเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
ปกติคนตัวเล็กใส่แต่เสื้อผ้าแบรนด์ของแม่ตัวเองมากกว่าจะเสียเงินให้กับแบรนด์อื่น
“อือ... เรา... อยากใส่เสื้อคู่” น้องน้อยหน้าแดงพลางกัดริมฝีปากล่าง คนได้ยินคำพูดคำจาน่ารักจึงทำตาโตก่อนจะหลุดขำออกมาพร้อมคลึงริมฝีปากล่างสีระเรื่อที่น่ากัดให้ช้ำ
“เดี๋ยวคนก็รู้หมดหรอกว่าเป็นแฟนกัน”
“รู้ไปเลย
ชาร์ลเป็นแฟนเราแล้วนี่นา” น้องน้อยพูดเบา ๆ
ก่อนมือนุ่มนิ่มจะแบออกมา “เป็นแฟนกันก็เดินจับมือกันด้วยนะ...”
“ลุงนายเอาอะไรยัดใส่หัวมาหรือเปล่า
ตั้งแต่กลับมาก็พูดจาน่ารักไม่หยุดเลยนะ”
ชาร์ลแกล้งทำเป็นเก็บกระเป๋ากลบความขลาดเขินที่คนตัวเล็กมอบให้ แบคฮยอนเอามือทาบแก้มตัวเองทั้งสองข้าง
ชำเลืองมองแฟนจ๋าแล้วก็เขินเหมือนกัน
“พูดนิดหน่อยเอง”
“เขาพูดอะไร
ทำไมนายถึงอ้อนหนักขนาดนี้”
“ไม่รู้อะ
แต่พอคุยเสร็จแล้วเราก็รักชาร์ลมาก ๆ เลย” เพราะเพื่อน ๆ
ออกไปหมดแล้ว แบคฮยอนจึงพูดออกเสียงได้ชัดเจนจนคนฟังหัวใจเต้นแรงไม่หยุด
เด็กหนุ่มตัวสูงมองความสดใสที่มีชีวิต
เขาไม่อยากกลั้นยิ้มอีกแล้วถ้าลิตเติ้ลโมจิจะน่ารักขนาดนี้
“งั้นก็รักฉันให้มาก ๆ ล่ะ”
“คับ”
เสียงขานรับอย่างว่าง่ายมาพร้อมปากนุ่มนิ่มที่จุ๊บลงบนแก้มเขาจนเกิดเสียง
ชาร์ลเลิกคิ้วมองน้องน้อยที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะเก็บกระเป๋าเป้
เตรียมพร้อมกลับหอไปเก็บของเพื่อที่เราจะได้ออกไปเดทกัน
และซื้อเสื้อคู่ใส่ตามประสาคู่รักในแบบที่ชาร์ลี ฮอปส์ไม่เคยทำกับใคร
*
“บอกว่าไม่เอาช็อกกี้พิงค์ไง”
“ทำไมอะ มันเหมาะกับชาร์ลมากเลยนะ
ดูเป็นผู้ชายนุ่มนิ่มอ่อนโยน”
“มันหน่อมแน้มต่างหาก ขอสีดำ” นั่น... พอไม่เล่นด้วยก็ช้อนตามองพร้อมทำปากยื่นใส่อีก ให้ตายดิวะ
ก็ไม่ชอบสีชมพู จะให้ใส่อะไรแบบนี้เพื่อ?! “แล้วนายก็ใส่สีฟ้าเนี่ยนะ?”
“อือ”
“ทำไมนายไม่ใส่สีชมพูแล้วให้ฉันใส่สีฟ้าแทน”
“เพราะเราตกลงกันแล้วว่า ‘โมจิเลือกได้หนึ่งอย่าง พี่จ๋าเลือกได้หนึ่งอย่าง’”
ดู... ยังมาล้อเลียนคำพูดเขาอีก เดี๋ยวก็บีบก้นตรงนี้ซะเลยดีไหม
“เออ ใส่ก็ได้ พอใจยัง?”
“พอใจมากเลยคับ” ความนุ่มนิ่มตอบเสียงใสก่อนจะเดินไปคิดเงิน ส่วนเขาก็ยืนทำหน้าเซ็งโลกอยู่ตรงนี้
ทีแรกก็คิดว่าจะเป็นเสื้อคู่ที่มีสีเดียวกัน ลายเดียวกัน
หรือไม่ก็สีเดียวกันแต่พอยืนข้าง ๆ กันแล้วจะเป็นลายเดียวอะไรเทือก ๆ นั้น
ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนเคอร์ฟิว เด็กหนุ่มสองคนจูงมือกันแบบที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่คุ้นชิน
คนที่เดินผ่านต่างหันมามองบ้าง
อาจเป็นเพราะหน้าตาของชาร์ลซึ่งหล่อจนคนอื่นคงนึกเสียดายที่คบผู้ชายด้วยกัน
หรืออาจมองความสัมพันธ์ของเด็กผู้ชายสองคนที่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักในยุคสมัยนี้
ทั้งคู่กลับมาถึงหอก่อนเวลาราว ๆ สิบห้านาทีจึงเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน
ชาร์ลชอบนั่งในอ่างที่มีน้องน้อยนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขา การได้กอดร่างอุ่น ๆ ของแบคฮยอน
มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจากโลกใบนี้ไปช่วงเวลาหนึ่ง
“โมจิ”
“อื้อ?”
“เคยคิดไหมว่าเราจะคบกันไปได้นานเท่าไหร่?” คนตัวเล็กเงียบไป แต่สองมือนั้นกำลังช่วยขัดถูแขนให้เขาอย่างเบามือ “เคยคิดไหมว่าสักวันนึงเราอาจจะทะเลาะกันจนไม่อยากเห็นแม้แต่หน้ากันและกัน”
“เคยสิ” ชาร์ลเคยจับความรู้สึกน้องน้อยได้ด้วยน้ำเสียง
แต่ตอนนี้เขากลับคาดเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้าเรางอน
ชาร์ลง้อเราหน่อยได้ไหม เราใจแข็งไม่เก่งหรอก แค่กอดแน่น ๆ เราก็หายแล้ว”
“แบบนี้เหรอ?” เขาอมยิ้ม กระชับกอดแล้วคนตัวเล็กก็พยักหน้า “ถ้าเป็นฉันล่ะ
นายจะง้อยังไง?”
“เราก็จะกอดเหมือนกัน”
“ถ้าฉันสะบัดนายออกแล้วพูดแรง ๆ
ใส่ล่ะ?” ชาร์ลกังวล ด้วยความเป็นคนอารมณ์รุนแรงมาตลอดชีวิตและเขาไม่เคยพยายามแก้ไขมัน
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงกลัวว่าสักวันจะควบคุมตัวเองไม่ได้จนเผลอทำร้ายจิตใจความนุ่มนิ่มไปโดยไม่รู้ตัว
“เราก็จะกอด”
“ถ้าฉันออกปากไล่”
“เราก็จะกอดอยู่ดี” เสียงของน้องน้อยดูไม่แน่ใจ
ซึ่งเขารู้ว่าอีกฝ่ายคงกลัวถ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นั้น
และชาร์ลไม่อยากให้นิสัยเดิม ๆ ที่เคยเป็นมาทำร้ายลิตเติ้ลโมจิจนทำให้มีบาดแผลในใจ
“สัญญาแล้วนะ
ถ้าฉันงี่เง่าฉันอนุญาตให้ตบหัวได้ แต่อย่าไปนะ”
“อ้อนเราเหรอ” คนในอ้อมกอดมองตาใส และชาร์ลก็พยักหน้าอย่างไม่โกหก เขารักน้องน้อยมากเกินไป
มากจนยอมเป็นผู้ชายซื่อบื้อที่ยอมแฟนทุกอย่าง
เพราะพบเจอความผิดหวังมาตลอดชีวิต
พอมีความสุขจนแทบล้นใจแบบนี้ชาร์ลี
ฮอปส์จึงกลัวว่าสักวันหนึ่งจะต้องเสียปาร์คแบคฮยอนไป เขาจะพยายามปรับปรุงข้อเสีย
จะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อไม่ให้คนรักต้องเสียใจภายหลัง
“แฟนเราน่ารักจัง”
“ถามอีกข้อสิ”
“อื้อ”
“ถ้าอนาคตของฉันมันไม่ได้ดีเหมือนคนอื่น
นายจะยังอยากอยู่กับฉันไหม?” ไม่บ่อยนักที่ทั้งคู่จะคุยเรื่องจริงจังแบบนี้
อันที่จริง... มันแทบจะไม่เคยมีเรื่องแบบที่ว่าอยู่ในหัวชาร์ลี ฮอปส์ตั้งแต่แรกเลยต่างหาก
แต่พอคบกับลิตเติ้ลโมจิ เด็กหนุ่มก็อยากจริงจังให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เขาอยากมีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ที่มีวันดี ๆ และวันเฮงซวยบ้าง
แต่เขาและน้องน้อยก็จะผ่านมันไปได้ด้วยดี
“ชาร์ลไม่ต้องอยากเหมือนคนอื่นหรอกนะ
ขอแค่ชาร์ลไม่เล่นยา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็พร้อมจะอยู่ตรงนี้” น้องน้อยกุมมือเขาขึ้นไปจุ๊บซ้ำ ๆ “ไม่ต้องกลัวอนาคตนะ
เราอยากอยู่ปัจจุบันกับชาร์ล เรารักที่ชาร์ลเป็นแบบนี้ เราเชื่อว่าถ้าวันข้างหน้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เราสองคนจะช่วยกันแก้ไขจนได้ เหมือนที่เราเคยผ่านมา”
“ฉันไม่เคยพานายผ่านปัญหามาได้สักหน่อย” เด็กหนุ่มหัวเราะพลางจูบศีรษะคนตัวเล็กกว่า
“เคยสิ ที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องผ่าตัดจุนมยอน” แบคฮยอนยิ้ม “การให้ชีวิตใครสักคนนึงมันมีค่ามากเลยนะ
ยิ่งคน ๆ นั้นเป็นคนสำคัญในชีวิตเรายิ่งดีไปใหญ่เลย”
“จริงด้วย” ชาร์ลยิ้มบาง
ๆ พลางกระชับกอดคนตรงหน้า “ถึงจะได้ยินอย่างนี้แล้วแต่ฉันก็ยังกลัวอยู่ดี
กลัวว่าสักวันนายจะหมดรักฉัน”
“กลัวเหมือนกันเลย”
“ฉันรักนายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วยังจะกลัวอะไรอีก” เขาบีบจมูกรั้นของคนในอ้อมกอด
กวักน้ำขึ้นลูบแก้มเนียนให้ทั้งที่ยังสบตากันอยู่
“แล้วชาร์ลกลัวอะไรเล่า
เราก็รักชาร์ลจนจะเป็นบ้าแล้วเหมือนกันอะ”
“จะเป็นบ้าเลยเหรอหื้อ?”
“อือ จะเป็นบ้าแล้ว ดูแลเราด้วยนะ” เจอมุกขี้อ้อนออเซาะเข้าไปคนคิดมากถึงกับใจอ่อนยวบ พอได้ยินคำย้ำให้แน่ใจ
เรื่องอนาคตก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
“พูดบ่อย ๆ นะ ฉันชอบฟัง”
“ชอบเหมือนกัน
อยากได้ยินชาร์ลบอกว่ารักทุกวันเลย”
“อย่าเลียนแบบดิโมจิ”
“ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้”
“งั้นเปลี่ยนใหม่ อยากให้ --”
“พี่จ๋าหื่นทุกวันเลย...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนขี้แกล้งกระซิบตัดบทเสียก่อน แบคฮยอนหันขวับ เบิกตากว้างสบตากับแฟนจ๋าที่กำลังอมยิ้มกลั้นขำ
จึงฟาดแขนไปแรง ๆ หนึ่งทีที่พูดเรื่องลามกขึ้นมาในเวลาแบบนี้
“ชาร์ลเป็นแบบนี้ทุกทีเลยอะ
ชอบทำลายบรรยากาศโรแมนติก”
“ในสายตาฉัน ตอนนายครางน่ะโรแมนติกที่สุดแล้ว
-- เฮ้!!” ชาร์ลมองคาดโทษน้องน้อยที่ตีน้ำใส่จนเข้าตาเขา
อีกทั้งยังทำปากยื่นแล้วลุกขึ้นจากอ่างไปอย่างหน้าตาเฉยอีก “คืนนี้เจ็บตัวแน่โมจิ”
“เราไม่กลัวหรอก
เพราะเราจะใส่กางเกงในเหล็ก”
“ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”
มองก้นกลมที่กำลังถูกห่อด้วยผ้าขนหนู
ชาร์ลเลิกคิ้วท้าทายความนุ่มนิ่มที่หันมาย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก อะไรกัน
ก็แค่พูดไปตามที่คิดว่าบรรยากาศโรแมนติกของชาร์ลี ฮอปส์เป็นแบบไหน
แค่นี้ทำเป็นเขิน
*
โรงเรียนเริ่มน่าอึดอัดเมื่อมีใครจากไหนไม่รู้ป้วนเปี้ยนอยู่เต็มไปหมด
ชาร์ลี ฮอปส์นั่งกินขนมฝีมือแม่ของจุนมยอนขณะที่เพื่อน ๆ
กำลังช่วยกันจัดที่นั่งเผื่อพ่อแม่ที่มาเพื่อประชุมผู้ปกครอง และแน่นอนว่าข้างตัวเขามันว่างเพราะไม่มีที่นั่งเผื่อใครในขณะที่อาแบคฮีนั่งอยู่ข้าง
ๆ โมจิ
สองคนนี้หน้าเหมือนกันอย่างกับถอดแบบมา
ถ้าความนุ่มนิ่มใส่วิกก็คงสวยประมาณนั้น แต่นั่นก็แค่เรื่องจินตนาการแก้เบื่อ
เพราะไม่ว่าอย่างไร ผู้หญิงก็ไม่ใช่สเปกของชาร์ลี ฮอปส์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“แน่ใจเหรอว่าไม่อยากให้อาชานยอลมาแทนพ่อ?”
“ไม่ต้องหรอก ผมคุยกับอาจารย์เองได้
มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร”
“โอเค แต่ถ้ามีเรื่องที่ต้องให้ผู้ใหญ่รับรองก็ออกมาเรียกอาได้นะจ๊ะ”
ชาร์ลไม่ได้ขานตอบ เขาเพียงพยักหน้าเท่านั้น
แต่พอลดระดับสายตาลงแล้วเห็นว่าน้องน้อยกำลังจ้องอยู่
จึงรู้ตัวว่าควรมีมารยาทกับผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะแม่แฟน
“ครับอาแบคฮี”
เธอยิ้มบาง ๆ พลางวางมือลงบนไหล่เขาก่อนจะบีบเบา
ๆ เพื่อให้รู้ว่าที่ตรงนี้นอกจากจะมีลิตเติ้ลโมจิแล้วก็ยังมีหม่ามี๊โมจิอยู่อีกหนึ่งคน
ก็แค่ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เอง... กะอีแค่ให้ผู้ปกครองเข้าไปพบอาจารย์และฟังพฤติกรรมของเด็กซึ่งหอแรคคูนคงโดนเฉ่งยับไม่เหลือดี
โดยเฉพาะเขา ชาร์ลี ฮอปส์คนนี้ที่การเรียนก็ไม่ได้ดีเด่น
แถมพฤติกรรมในห้องเรียนยังแอบเกเร
แม้ว่าพักหลังจะดีขึ้นมาหน่อยเพราะมีน้องน้อยกับจุนมยอนคอยดึงก็ตาม
“ปาร์คแบคฮยอนเชิญที่ห้องพักครู”
“เดี๋ยวเรารีบออกมานะ”
“ฉันอยู่คนเดียวได้น่า
อย่าทำเหมือนฉันเป็นลูกอ๊อดตอนอยู่ต่อหน้าอาแบคฮีได้ไหม?”
ชาร์ลกดเสียงลงต่ำ มองคาดโทษเจ้าของตาแป๋ว ๆ ที่ยกมือขึ้นปิดปากตนเองขณะคิดว่าพูดอะไรผิดไป
ก่อนหน้าตาหน่อมแน้มนั่นจะยิ้มตาหยีให้เขา
“แหะ”
“ไปได้แล้ว”
สุดท้ายน้องน้อยก็เดินออกไปพร้อมอาแบคฮี ชาร์ลเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้พลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ก่อนจะมองนาฬิกาบนผนังซึ่งบอกให้รู้ว่าเขาต้องทนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศน่าเบื่ออย่างนี้ไปอีกนาน
ไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ถึงไม่ปล่อยให้เด็กไร้ผู้ปกครองกลับไปนอนแทนที่จะนั่งโง่ ๆ
อยู่ตรงนี้
“ไง?”
“ใครใช้ให้นายนั่ง”
“ไม่มีใครบังคับกันฉันได้หรอกชาร์ลี
ฉันอยากจะนั่งตรงนี้ก็ต้องได้นั่ง” คิมไคยิ้มขำหลังจากนั่งแทนที่ลิตเติ้ลโมจิ
ไอ้หมอนี่มันกวนโอ๊ยชะมัด คนยิ่งเซ็ง ๆ อยู่เดี๋ยวก็หาเรื่องงัดหน้าท่ามกลางผู้ใหญ่เสียหรอก
“พ่อนายไง”
“นั่นก็อีกเรื่องนึงสิ ว่าแต่พ่อกับแม่นายไม่มาเหรอ?”
“อย่าถามในสิ่งที่เห็นคาตาอยู่แล้วได้ไหม
เป็นถึงดาราไอดอลควบลูกผอ.ยังถามเรื่องซื่อบื้อ ๆ ออกมาได้”
“นั่นสินะ”
คิมไคเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนสายตาของทั้งคู่จะหันไปทางจุนมยอนที่นั่งอยู่กับพ่อแม่
และหมอนั่นกำลังมองมาทางนี้และยิ้มให้ “แบบนั้นเรียกว่าครอบครัวที่อบอุ่นใช่ไหม?”
“อิจฉาหรือไง?”
“ใช่ แล้วนายล่ะ?” พอเห็นคนผิวแทนตอบอย่างไม่กลัวอาย ชาร์ลี ฮอปส์จึงชะงักไป
ก่อนทั้งคู่จะหันมาเผชิญหน้ากัน “เคยมีคนบอกฉันว่ามันน่าเบื่อที่ต้องนั่งข้างพ่อแม่แล้วฟังพฤติกรรมแย่
ๆ ของตัวเอง”
“...”
“แต่ฉันกลับอยากลองแบบนั้นดูสักครั้ง
อยากรู้ว่าพ่อจะพูดยังไงตอนอาจารย์บอกว่าฉันทำได้ดีทั้งเรื่องผลการเรียนและกีฬา”
“...”
“นายอาจจะไม่รู้สึกอะไรเพราะคิดว่าคงชินแล้ว
เหมือนกับฉัน -- แต่ความจริงเราไม่ได้ชินหรอก เราก็แค่คิดว่าถ้าทำตัวให้เป็นปกติได้คือการเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่ถ้านอยด์ งี่เง่าเพราะอยากให้ใครมาก็จะกลายเป็นเด็กอมมือที่ไม่รู้จักโตสักที”
“แล้วตอนนี้นายก็เป็นแบบอย่างหลัง”
“ใช่ ฉันพยายามเป็นผู้ใหญ่มานานเกินไป
จนปีนี้อยากลองเป็นเด็กดู”
“เพราะอะไรที่ทำให้นายกับพ่อไม่ค่อยสนิทกัน?” ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ชาร์ลี
ฮอปส์ไม่เคยคิดจะไถ่ถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท
แต่หลังจากเกิดเรื่องจุนมยอนและไอ้หมอนี่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย
เขาก็ค่อนข้างเปิดใจมองคิมไคจากเดิมไปบ้างแล้ว
“ไม่รู้สิ พอรู้ตัวอีกทีเราก็กลายเป็นพ่อลูกที่ไม่สนิทกันแล้ว”
“ก็เราไม่ได้เป็นเด็กน้อยที่วิ่งเตาะแตะตามหลังพ่อด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงแล้วนี่นะ...” นึกย้อนไปถึงตอนนั้น ตอนที่ความทรงจำของเขายังอัดแน่นไปด้วยเรื่องดี ๆ
แม้ว่ามันจะเรือนราง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ประคับประคองจิตใจชาร์ลี
ฮอปส์ไว้ได้ในวันแย่ ๆ
“ฉันว่าจะลองรวบรวมความกล้าชวนพ่อไปตีกอล์ฟด้วยกัน”
“กิจกรรมยามว่างของครอบครัวนายคือการหวดวงสวิงงั้นเหรอ?” ชาร์ลขมวดคิ้วมองคนข้าง ๆ นั่นมันกีฬาของคนมีเงินชัด ๆ
“ใช่
นายเองก็ควรรวบรวมความกล้าบ้างนะ เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น”
“ไม่ล่ะ ถึงพ่อจะชอบตกปลา
แต่เขาคงอยากเหวี่ยงฉันลงไปในน้ำมากกว่าเบ็ด”
เด็กหนุ่มทำท่าประกอบ และคนข้าง ๆ ก็กำมือป้องปากขำ ก่อนทั้งคู่จะชะงักไปเมื่อมีใครคนหนึ่งวางกระเป๋าหนังลงบนโต๊ะของเขา
“I think I’ve never said that? and right before we go fishing, how about find me a seat first?” (ฉันคิดว่าฉันไม่เคยพูดอย่างนั้น
แต่ก่อนจะไปตกปลา แกก็ควรหาที่นั่งให้ฉันก่อน)
พร้อมนาฬิกาเรือนโปรดที่ชาร์ลี ฮอปส์รู้ได้ทันทีว่าเป็นของใคร
“Dad...”
TBC
ขอโทษที่มาอัพให้ช้ามาก ๆ เลยงับ
ช่วงก่อนหน้านี้เขียนไม่ออกเพราะผลข้างเคียงของยา พอกลับมาเขียนต่อก็ขาดตอน
ดึงอารมณ์ไม่ได้ พอเขียนนิยายวายได้เราก็เลยมาเขียนฟิคให้จบด้วยงับ ช่วงนี้ทำอะไรช้าไปหมดเลย
ขออภัยทุกคนด้วยนะงับ เดี๋ยวเราจะรีบส่งหนังสือให้ประมาณกลางเดือนหน้าหรือถ้าเลทหน่อยก็จะปลาย
ๆ เดือนหน้านะงับ ขอโทษมาก ๆ เลย TvT
ความคิดเห็น