คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Season 2 | Painkiller 05 :: Roommate.
? cactus
Chapter 05
Roommate
‘ชีวิตเดินไปพร้อมเวลา อย่ากลัวที่จะเรียนรู้ ถ้าเจอปัญหา พ่ออยากให้แบคฮยอนลองสู้ด้วยตัวเองก่อน แต่ถ้าพยายามแล้วไม่ไหวก็ให้รู้ไว้ว่าพ่อกับแม่รอให้คำปรึกษาอยู่ที่บ้านเสมอ’
คำพูดของพ่อเพิ่มความกล้าให้เด็กอย่างเขาได้เกินล้านเปอร์เซ็นต์เลย แบคฮยอนไม่รู้สึกลังเลจนอยากเปลี่ยนใจเลยสักนิดตอนที่ลงจากรถและมองหน้าคนในครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะย้ายเข้าไปอยู่ในโรงเรียนประจำหนึ่งปีเต็ม ๆ
เราไม่ได้ร่ำลากันอย่างจริงจังเพราะพ่อไม่อยากทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ แบคฮยอนแค่ออกมาลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองเดือนละยี่สิบวันเท่านั้น การคิดแบบนั้นทำให้ระยะเวลาหนึ่งปีดูสั้นลง เขายังสามารถกลับไปหาครอบครัวได้ทุกครั้งที่ต้องการ เพราะทางโรงเรียนไม่ได้มีกฎห้ามเด็กออกไปข้างนอกเพียงแต่ว่าต้องกลับเข้าหอพักก่อนสองทุ่มเพื่อเช็กชื่อ
ชานอีไม่ยอมมาส่งพี่ชาย เหตุผลเพราะเด็กคนนั้นอยากอยู่เล่นเกมมากกว่าจะเสียเวลานั่งรถมาส่งเขา โบยอนไม่งอแงอีกหลังจากแบคฮยอนบอกว่าจะเปิดกล้องทุกครั้งที่น้องอยากคุยด้วย พ่อกับแม่แนะนำวิธีการเอาตัวรอดในโรงเรียนที่ลูกกำลังจะเข้าไปอยู่ในฐานะนักเรียนใหม่ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีเพื่อน ไม่รู้ความเป็นไปของสังคมนั้น ๆ ว่าใครเป็นอย่างไร
‘แม่รู้ว่าลูกเป็นคนจิตใจดี แต่อะไรที่มันขึ้นชื่อว่า ‘เกินไป’ ต้องมีผลเสียตามมาเสมอ รู้ใช่ไหมลูก? อย่าให้ความใจดีย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองนะแบคฮยอน’
แม่กลัวจะซ้ำรอยเหมือนตอนน้ามินซอกเรียนมอปลาย พ่อไม่อยากตีตนไปก่อนไข้กับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่แบคฮยอนก็นั่งตั้งใจฟังแม่พูดจนจบ เพราะเขาอยากให้ท่านสบายใจ
สองขาหยุดยืนอยู่บนพื้นอิฐสีส้มพร้อมกวาดสายตามองอาคารเรียนและสนามหญ้าที่ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังบวกในโรงเรียนนี้ ที่นี่ไม่ได้หรูหราเหมือนโรงเรียนเก่าแต่ก็ไม่ได้ซอมซ่อน่ากลัวอย่างที่ชานอีขู่ หลังจากเด็กคนนั้นเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้วก็เจอแต่อะไรแย่ ๆ
ความรู้สึกมากมายโถมเข้ามาพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้น ดีใจที่จะได้เจอเพื่อนวัยเด็กอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปพักใหญ่ ชาร์ลย้ายเข้ามาตั้งแต่สามวันก่อน อยากรู้จังว่าตลอดเวลาที่ไม่ได้คุยกันอีกฝ่ายเป็นอยู่อย่างไร ชาร์ลจะดีใจหรือเปล่านะ หรือจะรู้สึกเฉย ๆ ไม่อยากคิดเอาเองเลย เพราะถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดคงผิดหวังแย่ แบคฮยอนเก็บสีหน้าไม่เก่ง กลัวเผลอทำหน้างี่เง่าใส่จนชาร์ลเซ็ง
ทางโรงเรียนช่วยจัดการยกข้าวของเอาไปไว้ในห้องพักให้เรียบร้อยโดยที่แบคฮยอนไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย ที่เหลือก็แค่เข้าไปทักทายรูมเมทแล้วจัดของเตรียมตัวเรียนวันแรกในวันมะรืน ตอนแรกเขาคิดว่าคงอยู่กันหลายคนอย่างที่เคยเสิร์ชเจอในอินเทอร์เน็ต เพราะหอพักในโรงเรียนมีให้เลือกหลายราคา
1. นักเรียนสี่คน เตียงสองชั้นสองเตียง (ห้องน้ำส่วนตัว)
2. นักเรียนสี่คน เตียงสองชั้นสองเตียง (ห้องน้ำรวม ประหยัดหนึ่งแสนวอน)
3. นักเรียนสองคน เตียงสองชั้น (ห้องเล็ก มีห้องน้ำส่วนตัว)
4. นักเรียนสองคน เตียงสองชั้น (ห้องเล็ก ห้องน้ำรวม ประหยัดเจ็ดหมื่นวอน)
5. นักเรียนสองคน เตียงเดี่ยวสองเตียง (ห้องใหญ่ ห้องน้ำส่วนตัว แพงกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นวอน)
ชาร์ลอยู่แบบที่ห้า ส่วนแบคฮยอนอยู่แบบที่สี่เพราะพ่ออยากให้เขาลองใช้ชีวิตแบบเด็กโรงเรียนประจำอย่างเต็มตัว ซึ่งลูกชายคนโตก็ไม่คัดค้าน ที่นี่เป็นโรงเรียนชายล้วน มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรถ้าหากจะอาบน้ำพร้อมกัน แบคฮยอนคิดว่าก็น่าสนุกดี
ด้านหน้าเป็นตึกอาคารเรียน ส่วนด้านหลังเป็นหอพักซึ่งถูกเรียกเป็นชื่อเป็นสัตว์ แบคฮยอนคิดว่าคืนนี้จะไล่อ่านทุกส่วนของโรงเรียนเพราะจะได้สนุกไปกับกิจกรรมหอพักที่จัดขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นกีฬากระชับมิตร หรืองานโรงเรียนกึ่ง ๆ โอเพ่นเฮาส์ ที่เปิดให้คนนอกเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่จำกัดเพศแม้ว่า ‘โรงเรียนประจำยงซาน’ จะมีแต่เด็กผู้ชาย
เป็นเพราะทางโรงเรียนเปิดกว้างให้เด็กหารายได้เข้าหอพักจากงานนั้น กลุ่มคนข้างนอกที่เป็นเพศตรงข้ามจึงสร้างกำไรให้ได้พอสมควร เพราะช่วงนี้กระแสผู้ชายกุ๊กกิ๊กกันกำลังมาแรง ไม่สิ... อันที่จริงก็แรงมานานแล้ว เพียงแต่แบคฮยอนไม่เคยรู้
ถึงจะแปลกกว่าโรงเรียนอื่นไปสักหน่อย แต่แบคฮยอนก็ยังคิดว่ามันน่าสนุกอยู่ดี
‘หอพักนอกูริ’ หรือหอพักแรคคูนเป็นที่ ๆ แบคฮยอนต้องอยู่จนจบมอปลายปีสาม คนตัวเล็กหยุดยืนหน้าห้องพักตามหมายเลขที่ห้อยอยู่กับกุญแจ เคาะประตูเพียงสองครั้งเพื่อบอกถึงการมา เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดโดยเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีส่วนสูงพอ ๆ กับเขา
“สวัสดีจุนมยอน เราชื่อแบคฮยอน เราขออยู่ห้องด้วยนะ” พ่อเคยสอนตั้งแต่เป็นเด็กว่า ‘แค่ยิ้มก็ได้เปรียบแล้ว’ และเขาก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด
“ทำไมไม่เปิดเข้ามาเลยล่ะ นายก็มีกุญแจไม่ใช่เหรอ?”
“เรารู้สึกแปลก ๆ ถ้าเดินเข้าไปในห้องที่มีคนอาศัยอยู่ก่อนแล้วอะ จุนมยอนเป็นเจ้าของห้อง เราเป็นผู้อาศัย เคาะก่อนดีที่สุด” คำพูดคำจาตรงไปตรงมาของแบคฮยอนทำเขาหลุดยิ้มออกมา
“ไม่เคยเห็นใครคิดแบบนี้ แต่ก็เป็นเหตุผลที่ฟังได้...”
“เราไม่เคยค้างบ้านคนอื่นมาก่อน เพราะงั้นถ้าเราทำอะไรไม่ถูกใจจุนมยอนก็เตือนได้เลยนะ”
“ฉันรู้สึกเหมือนถูกนายเซอร์ไพรส์ทุกประโยคยังไงก็ไม่รู้” จุนมยอนเกาท้ายทอย อยู่ ๆ มาถึงก็สาดความเกรงใจใส่กันแบบนี้... ตั้งรับไม่ทันเลยแฮะ
“เราตื่นเต้นอะ...” แบคฮยอนหัวเราะแหะ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเมื่ออีกคนถอยหลังออกสองก้าว
“ฉันอยู่ห้องนี้มาสองปี แต่รูมเมทคนเก่าย้ายออกกลางเทอมก่อนเพราะเรื่องเล่นยา ฉันไม่รู้ว่านายชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง แต่ตรงนั้นมีไวท์บอร์ด... ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคก็เขียนลงไปนะ แล้วฉันจะไม่ทำมัน” จุนมยอนชี้ไปยังผนังด้านซ้ายมือ
“งั้นเพื่อความสบายใจ เดี๋ยวเรามาตกลงกันดีไหมว่าห้ามทำอะไรบ้าง?” แบคฮยอนยื่นข้อเสนอ ซึ่งเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยก็ผงกศีรษะตกลง “เริ่มที่จุนมยอนเลย”
“ฉันขออย่างเดียว อย่าเสียงดังเวลาฉันทำการบ้าน แค่นั้นได้ไหม หรือว่านายต้องเล่นเกม?”
“ไม่ ๆ เราไม่เล่นหรอก เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่” คนตัวเล็กตอบเสียงขึงขัง
“งั้นที่ฉันขอคงมีแค่นั้น ต่อไปตานายแล้ว”
เด็กไซส์มินิสองคนยืนสบตากันนิ่งท่ามกลางความเงียบในห้องแคบที่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงสองชั้น
“เราคิดไม่ออกอะ”
“โธ่... ก็ลุ้นอยู่ตั้งนาน” จุนมยอนกุมขมับ แบคฮยอนจึงหัวเราะกับบรรยากาศด้านบวกที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“จับมือกัน” เด็กหนุ่มผิวขาวเลิกคิ้วมองมิตรภาพจากเพื่อนใหม่ที่กำลังหยิบยื่นให้กับเขา “จับหน่อย”
“อื้ม... ได้สิ” จุนมยอนไม่ใช่คนที่จะสกินชิพกับใครบ่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างประหม่ากับสถานการณ์ตอนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมจับมือกับแบคฮยอนโดยที่ไม่พูดอะไร
“หนึ่งปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
*
“อ๋อ คนที่ตัวสูง ๆ หน้าลูกครึ่งคนนั้นเป็นเพื่อนนายเหรอ เมื่อวานฉันเห็นเขาในโรงอาหารด้วย”
“ใช่! นั่นแหละชาร์ล! ตัวสูงเท่านี้ จมูกโด่ง ๆ แล้วก็ชอบทำหน้าเหมือนยักษ์” คนที่กำลังจัดของในกระเป๋ารีบหันขวับไปทำท่าประกอบให้รูมเมทนึกภาพออกว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่ จุนมยอนนั่งยืดหลังตรงวางมือลงบนหน้าขาพร้อมพยักหน้าเข้าใจ “เขาเป็นยังไงบ้าง มีเพื่อนเยอะไหม?”
คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่รู้สิ ฉันเห็นเขานั่งกินข้าวคนเดียว”
ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ รู้สึกเหมือนมีอีกาบินผ่านไปเพราะคำถามที่ไม่รู้ว่าคำตอบเป็นอย่างไร
“นึกออกแล้ว ชาร์ลเพิ่งย้ายเข้ามาก็เลยยังไม่มีเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยแน่ ๆ”
“เขาเกือบมีเรื่องกับกลุ่มจองแจวอนด้วย”
“อะไรนะ? มีเรื่องเหรอ?!” เก็บของอะไรกันแบคฮยอนไม่สนแล้ว คนตัวเล็กทำตาโตอ้าปากหวอ ยืนถือสโนว์บอลที่เพื่อนวัยเด็กให้ไว้ขณะรอรูมเมทบอกเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟัง
“กลุ่มแจวอนเป็นพวกนักเลงจ๋าแต่ก็ไม่ได้ระรานทุกคนที่ยืนขวางทางหรอกนะ อันที่จริงคนพวกนั้นค่อนข้างมีเหตุผล ตอนทะเลาะกับเด็กหออื่นก็โดนหาเรื่องก่อนทั้งนั้น แต่เพราะภาพลักษณ์ภายนอกดูถ่อย... ก็เลยถูกมองว่าเป็นคนผิดตลอด”
“การถูกตัดสินจากภายนอกนี่มันน่าอึดอัดเนอะ” สิ้นเสียงแบคฮยอน จุนมยอนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ตอนฉันไปถึงทั้งคู่ก็กระชากคอเสื้อกันแล้ว โชคดีที่คิมไคกับแทอูมาห้ามไว้ ไม่อย่างนั้นหอแรคคูนคงได้ใบเหลืองอีกแน่”
“ใบเหลืองคืออะไรอะ?”
“เหมือนฟุตบอล... มันเป็นคำเตือนก่อนถูกทำโทษน่ะ ถ้าครบสามครั้งก็โดนกันยกหอ ไม่มีการทำโทษเดี่ยว ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ปีที่แล้วเด็กหอเราต่อยกับเด็กหอสิงโตก็โดนทำโทษด้วยการกินเมนูล้มช้างทุกวัน แล้วก็ต้องทำความสะอาดทุกอาคารเรียนแทนภารโรงเป็นเวลาสองอาทิตย์ พวกหอสิงโตก็เลยพร้อมใจกันทิ้งขยะ สาดน้ำใส่พื้น หัวเราะกันสนุกเลย”
“โห”
“ขอโทษนะ ฉันทำให้นายกลัวหรือเปล่า?” จุนมยอนมองคนตัวเล็กที่ทำปากจู๋อยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เขาไม่ได้ตั้งใจข่มขวัญเพื่อนใหม่ แต่การรับรู้ไว้ว่าที่นี่เป็นอย่างไรก็คงดีต่อแบคฮยอนที่สุด
“น่าสนุกจังอะ”
เดี๋ยว... น่าสนุกอย่างนั้นเหรอ...
*
ทุกหอมีโรงอาหารและมินิมาร์ทเล็ก ๆ ที่มีแต่ของใช้จำเป็นขายอยู่ชั้นล่างสุด แม่ครัวเริ่มตักข้าวให้ตั้งแต่ห้าโมงครึ่งและปิดครัวตอนหนึ่งทุ่มตรง ใครมาช้าก็อด บางคนเลือกอาบน้ำก่อนกินข้าว บางคนเหงื่อซกจากการเล่นกีฬา ทุกคนต่างบริหารเวลาของตัวเองว่าต้องจัดการอย่างไรถึงจะไม่พลาดมื้อเย็น
คนตัวเล็กลงมาถึงตอนหกโมงครึ่งเพราะอยากอาบน้ำก่อน และจุนมยอนก็รอเพราะไม่อยากให้เขานั่งกินข้าวคนเดียว แบคฮยอนอยากโทรไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟังจังว่าเพื่อนใหม่นิสัยดีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะจะดูเป็นลูกแหง่เกินไปถ้ารายงานทุกอย่างตั้งแต่ยังไม่ผ่านคืนแรก
“เท่จัง” แบคฮยอนกวาดสายตามองรอบตัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันคล้ายโรงอาหารที่โรงเรียนแต่ก็ไม่เหมือน อาจเป็นเพราะตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ เขาถึงรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็เท่ไปหมดอย่างนี้
“ถ้าไม่อิ่มไปเติมได้นะ”
“จุนมยอนเคยเบิ้ลไหม?” เจ้าของชื่อส่ายศีรษะ “เราก็ไม่เคย”
“ป้าแม่ครัวทำอร่อยนะ ไม่แน่นายอาจจะได้เบิ้ลครั้งแรกที่นี่” จุนมยอนกำลังยิงมุกตลกหรือเปล่า ทำไมถึงพูดมันด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างนั้นได้ แล้วแบคฮยอนขำได้ไหม
“เราจะลองดู”
ขอบโต๊ะด้านขวาสุดคือที่ ๆ เด็กสองคนใช้เวลาไปกับมื้อเย็นอย่างเงียบ ๆ ทั้งคู่ผลัดกันเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังโดยไม่มีใครแสดงท่าทีว่ารำคาญ และการที่จุนมยอนยิ้มได้มันก็ทำให้พลังด้านบวกของแบคฮยอนเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“อั่ก!!!”
“อยากตายใช่ไหมถึงได้ยุ่งกับของใช้ส่วนตัวของฉัน?”
“ขะ -- ขอโทษ ฉัน -- ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็แค่อยากรู้ว่ามันใช่อย่างที่คิดหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง!!!”
เด็กไซส์มินิหันขวับไปตามเสียงที่ดังขึ้นกลางโรงอาหาร ก่อนคนตัวเล็กจะเบิกตากว้างทันทีที่เห็นว่าชาร์ลกำลังจับศีรษะผู้ชายคนหนึ่งกดลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“แล้วเจอสิ่งที่แกอยากรู้ไหม?”
“...!!!”
“ตอบ!!!”
แบคฮยอนสะดุ้งแม้ว่าคนที่โดนตะโกนใส่จะเป็นเด็กผู้ชายคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร ผิดกับจุนมยอนที่นั่งมองด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่แสดงความตื่นตูมราวกับว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องปกติ และคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็เช่นกัน
“มะ -- ไม่!!! ฉันขอโทษนะชาร์ลี ฉันผิดเองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!!!”
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชาร์ลพร้อมมองคนที่ถูกจับกดหน้าลงกับโต๊ะ และจุนมยอนก็กระซิบบอกให้แบคฮยอนรู้ว่าคน ๆ นั้นชื่อคิมแทอูเป็นประธานหอแรคคูน
“มันค้นกระเป๋าฉัน”
“จริงเหรอจีซู?”
“ชะ -- ใช่ ฉันแค่อยากรู้ว่าหมอนี่เล่นยาหรือเปล่า”
“ว่าไงนะ?”
“ฉันจะยื่นเรื่องนี้กับผู้ดูแลหอ” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อให้แทอูรู้ว่าไม่ได้พูดเล่น จุนมยอนขมวดคิ้วพร้อมคว้าแขนเพื่อนใหม่ไว้เมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืน
“จะไปไหน?”
“เราจะไปช่วยชาร์ล” แบคฮยอนหันมายิ้มให้รูมเมทที่แสดงออกทางสายตาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้เขาเข้าไปตอนนี้ แต่สุดท้ายจุนมยอนก็ยอมปล่อยมือ เขาจึงเดินไปทางเพื่อนตัวโตที่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผู้ชายที่ชื่อจีซู
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม เมื่อวานก็ทีนึงแล้วนะ”
“งั้นก็ให้มันย้ายออกจากห้อง แล้วฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“แต่ฉันอยู่มาก่อน คนที่ต้องย้ายออกคือ --”
“คนที่ค้นกระเป๋าคนอื่น?” ยังพูดไม่จบ คิมจีซูก็ถูกตอกหน้าด้วยความจริงว่าคนผิดคือรูมเมทอย่างเขาที่อยากรู้อยากเห็นไม่เข้าเรื่อง
“ชาร์ล” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าจะได้เจอใครคนหนึ่งที่นี่ คนที่เขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก
รอยยิ้มแหย ๆ ของความนุ่มนิ่มไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะมันกำลังทำให้โทสะของชาร์ลี ฮอปส์หายไป เด็กหนุ่มตัวสูงปล่อยมือออกจากศีรษะรูมเมทขณะสบตากับคนตัวเล็ก ชาร์ลไม่รู้ว่าเพราะอะไรและทำไมแบคฮยอนถึงมาอยู่ที่นี่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาโคตรรู้สึกดีที่ได้เห็นหน้าปาร์คแบคฮยอน
“นอกจากม้านั่งตรงสนามหญ้าหน้าหอก็ไม่มีห้องไหนว่างแล้ว นายจะให้จีซูไปอยู่ที่ไหนวะ?” แทอูถามอย่างอ่อนใจ แต่ชาร์ลีก็ไม่คิดจะหันมาคุยกันดี ๆ เพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไปเสียที เขาโคตรเหนื่อยที่ต้องตามล้างตามเช็ดคนพวกนี้ทุกวัน ก่อนหน้าก็พวกจองแจวอน ตอนนี้ก็เพิ่มชาร์ลี ฮอปส์เข้ามาอีกคน
“ถ้าย้ายไม่ได้... งั้นสลับห้องกันได้ใช่ไหม?”
คนถูกถามได้แต่ขมวดคิ้ว แทอูมองตามไอ้ฝรั่งเรื่องมากที่เดินไปหาใครคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งกระทั่งชาร์ลี ฮอปส์สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในโรงอาหาร เมื่อหมอนั่นโอบไหล่คนตัวเล็ก ก่อนจะกดศีรษะทุยซบลงกับอกตนเอง
“เอาปาร์คแบคฮยอนมาอยู่กับฉัน แล้วเรื่องค้นกระเป๋าจะจบลงแค่ตรงนี้”
TBC
บางคนคงแบบ เห้ยเมิง น้องเปงเมทพี่จุนงี้หนทางลงคุกคงยากแร้วชี่ป้ะ ดังนั้น ต้องมีคนคุกที่จินตนากามว่าน้องคงโดนกดขี่ข่มเหงในห้องคนอื่น หรือไม่ก็โดนตอนที่มีคนอื่นอยู่แน่ ๆ เพราะไม่ได้อยู่ห้องเดวกัน อย่าเรยอย่า ชั้นรุ้ว่าต้องมีคนคิดแบบนี้ เพราะชั้นก็เคยคีส แต่ชั้นเปงคนดี ชั้นก็เรยจะพยายามถนอมซิงน้องโมจิไปจนกว่าธนูจะปักลงกลางหัวเข่าชั้น
หลังจากนี้ก็ไม่รู้จะโดนไรมั่ง สังคมโรงเรียนประจำน่ากลัวเหรอ ก็ไม่ อิคนเขียนเนี่ยทำให้มันน่ากัว อิเวง
น้องจะโดนแกล้งไหม จะโดนกดขี่ข่มเหงจากคลเถื่อนแถวนั้นรึเปล่า อ่อ สรุปโดนทั้งกดทั้งขี่
#นั่งถลึงตาหัวเราะโดยที่ปากไม่ยิ้ม
ความคิดเห็น