คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : #SFเซมที่รัก | ตอนที่ 10
(10)
“สรุปจะไม่ออกมาจริง ๆ สินะโดเรแบค”
“ฮะ?”
“ออกมาสักทีเซ่!!!”
“จงอินหายใจเข้าลึก ๆ ก่อน อย่าเพิ่งเป็นลมบ้าหมูไป ถือว่าพ่อขอ”
ชายหนุ่มทั้งสามพยายามยื้อดึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เส้นความอดทนได้ขาดผึงไปแล้ว หลังจากทนเอาเวลาอันมีค่าใช้ไปกับการนั่งรอแบคฮยอนในร่างสิบแปดกลับคืนมาอยู่หลายชั่วโมง แต่สิ่งที่พวกเขาทุกคนได้รับคือเด็กแปดขวบที่นั่งระบายสีภาพวาดพร้อมทำหน้างงทุกสิ่งอย่างหากมีใครลั่นประโยคต้องห้ามออกไป และสุดท้ายผู้ใหญ่ปัญญานิ่มทั้งหลายก็ได้แต่นั่งตบยุงอย่างสิ้นหวัง
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะหนุ่ม ๆ”
“พี่ยุนจี?” ชานยอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่สาวข้างบ้านเดินลงมาจากรถในชุดเป็นทางการสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่แบคฮยอนอยู่ในร่างเด็กแปดขวบตามปกติทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นร่างเด็กแสบวัยสิบแปด ชายหนุ่มโล่งใจที่ไม่ต้องหาคำตอบว่าเด็กน้อยหายไปไหน แต่ลึก ๆ ก็ยังมีคำถามตั้งอยู่ในใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
“หม่าม้า...”
“จ๋าลูก ว่าไงคับคนเก่ง” พี่ยุนจีรับเจ้าก้อนตัวน้อยไปอุ้มและหอมแก้มฟอดใหญ่ ก่อนพวกผู้ใหญ่สารเลวทั้งสี่จะยืนยืดหลังตรงราวกับกลัวว่าแม่เด็กจะเฉ่งกบาลให้ที่แกล้งลูกของเธอ
“เค้ากลัว...”
“กลัวอะไรลูก โดนพี่ ๆ แกล้งเหรอ?” คนเป็นแม่ถามเจ้าของริมฝีปากเล็กที่เบะลงเหมือนจะร้องไห้ ก่อนเธอจะหันไปทางน้องชายข้างบ้านซึ่งมีแค่รอยยิ้มเจื่อน ๆ ที่มอบให้
“ไม่มีอะไรครับ พอดีว่าไอ้ชานยอลมันทำท่าจะต่อยกับไอ้เวรนี่ ผมเลยห้ามไว้” จงอินหัวเราะแห้งพลางผลักบาทหลวงออกมาด้านหน้า ซึ่งคนของศาสนาถึงกับเลิกคิ้วขึ้นพร้อมชี้หน้าตนเองแบบฉบับคนสุภาพว่า ‘ต้องเป็นพ่อเหรอ’
“ใช่ครับพี่คนสวย ผมเห็นทั้งสี่ตาเลยว่าไอ้เชี่ยนี่มันพาล เป็นคนของศาสนาแท้ ๆ แต่ไม่เจียมบอดี้เลย เชื่อผมครับ ผมเป็นพยานได้” เซฮุนโพล่งขึ้นมาอย่างเล่นใหญ่ พร้อมใส่แว่นดำเข้าไปเพื่อเพิ่มให้ครบตาทั้งสี่อย่างที่ซุยไว้
“เดี๋ยวนะ คือ...” คนของศาสนางงไปหมด อยู่ดี ๆ เขาก็กลายเป็นตัวลิ้นสองแฉกในร่างแพะ ซึ่งจุนมยอนไม่เข้าใจเลยว่านี่ตัวฉันผิดหรือไร ฉันต้องใช้หนี้กรรมให้ใคร...
“พวกมันหยอกกันเล่นตามประสาผู้ชายน่ะครับ น้องคงกลัว” จงแดเป็นคนเดียวที่มีสติและตอบคำถามได้น่าเชื่อถือที่สุดในตอนนี้
“ขอบคุณมากนะชานยอลที่ช่วยดูแลลูกให้พี่ ถ้าไม่ได้นายพี่ก็คงต้องเอาน้องไปฝากไว้กับเพื่อน” หญิงสาวยิ้มขอบคุณอีกฝ่ายที่ไม่เคยนึกรำคาญเลยสักครั้งเวลาเธอขอความช่วยเหลือ
“ผมว่าไอ้เวรนี่คงรู้สึกยินดีซะมากกว่ามั้งครับ” ทุกสายตาหันไปทางจงอิน ก่อนเจ้าตัวจะหันไปยิ้มมุมปากใส่เพื่อนตัวสูงอย่างมีความหมาย “มันน่ะรักเด็กจะตาย...”
“อูย เสียวฟัน” บาทหลวงยืนห่อไหล่ตัวสั่น พลางลูบแขนป้อย ๆ หลังจากได้ยินเสียงเย็นของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ซึ่งขู่ให้นักวาดต๊อกต๋อยได้รู้ตัวว่ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่
“แบคฮยอนรักนายมากเลยนะชานยอล”
คำพูดของพี่สาวข้างบ้านทำเอาชายหนุ่มชะงักไป ชานยอลหลุบสายตามองเจ้าก้อนตัวน้อยที่กำลังมองเขาตาแป๋ว ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มตาหยีหัวเราะแหะราวกับจะย้ำว่าที่คนเป็นแม่พูดมานั้นคือเรื่องจริง
“แบคฮยอนรักเซมไหมคับ?”
“ฮะ” เด็กแปดขวบตอบคำถามของแม่เสียงใส แล้วหันมาสบตากับพี่ชายตัวโตที่เป็นโลกทั้งใบของตน “เค้ารักเซมที่ตุดในโยกเดย”
“ย่าห์ รักเซมแล้วก็ต้องเป็นเด็กดี ห้ามงอแง เข้าใจไหม?” นักวาดวัยเหยียบสามสิบพูดกลบเกลื่อน พร้อมยีหัวทุยของเด็กน้อยที่กำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ
“งั้นพี่ไม่กวนแล้วดีกว่า กลับบ้านเรานะลูก เดี๋ยวหม่าม้าอาบน้ำให้”
“ฮะ” เด็กแปดขวบขานตอบ ก่อนจะหันมาสบตากับพี่ชายตัวโต ซึ่งมันเป็นภาพเดิม ๆ ที่เห็นอยู่ทุกวันแต่ปาร์คชานยอลกลับรู้สึกแปลก ๆ พิลึก... มันวูบหวิวอยู่ในใจ ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
“พี่คนสวยเขารู้เปล่าวะว่าลูกชายกลายร่างเป็นเด็กสิบแปดได้” จงแดถาม พร้อมทุกสายตาซึ่งมองไปยังคุณแม่ยังสาวและไม่ลืมที่จะโบกมือลาตามมารยาท
“ถ้ารู้มีหวังเย็นหน้า”
“เวรเอ๊ย วันนี้ก็แห้วแดกทั้งหมดทั้งมวลสินะลาบเป็ด” จงอินสบถอย่างหัวเสีย สุดท้ายโดเรแบคก็เทพวกเราทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไอ้ชานยอล
“เดี๋ยวน้องก็กลับมาล่ะมั้งพ่อว่า พอถึงตอนนั้นลูกก็สงบปากสงบคำไว้ก็น่าจะดี”
“เกี่ยวไรกับกูวะหลวงพ่อ” จงอินชำเลืองมองคนของศาสนาที่อยู่ดี ๆ ก็โบ้ยความผิดมาให้เขาซะอย่างนั้น
“ก็พี่เป็นคนไล่น้องไปไงโห่ย แค่นี้ก็ต้องให้ย้ำ” เซฮุนเสริม
“เพราะพวกมึงนั่นแหละ” <- จงอิน
“เอ้า พวกกูผิดไร” <- จงแด
“พระเจ้าผู้นำความถูกต้องมาสู่ชาวเรา ลูกจะโทษใครก็ได้ยกเว้นพ่อนะจงอิน” <- บาทหลวง
เสียงของคนรอบข้างไม่ได้เข้าโสตประสาทของชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความคิดเลยสักนิด ตอนนี้สายตาของชานยอลยังคงมองตามเด็กแปดขวบที่กำลังถูกอุ้มเข้าบ้านกระทั่งลับสายตาไปในที่สุด
และชายหนุ่มก็ได้รู้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เจอกับบยอนแบคฮยอนวัยสิบแปด
เดือนนึงแล้วที่ปาร์คชานยอลใช้เวลาอยู่กับการวาดการ์ตูนเรื่องใหม่ ซึ่งแรงบันดาลใจทั้งหมดได้มาจากแบคฮยอนวัยสิบแปดที่แนะนำมาว่าเขาจะรวยเละกับพล็อตนี้ ซึ่งมันก็สุดแสนจะธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ไอ้เด็กแสบก็ย้ำมาว่า ‘ทุกคนมีความพิเศษในความธรรมดาอยู่ และเซมก็เหมือนกัน’
ตอนนั้นเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ ปาร์คชานยอลคิดแค่ว่าไอ้เด็กขี้ยั่วคงพูดแบบขอไปทีเพื่อให้กำลังใจนักวาดไร้อนาคต แบคฮยอนกลับมาเพื่อแก้ไขอดีตงั้นเหรอ แรก ๆ ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่องนี้ เพราะมันจะมีเหตุผลอะไรกันที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเดินทางข้ามผ่านเวลากลับมาช่วยคน ๆ หนึ่งได้
เป็นคนข้างบ้านก็ใช่ แต่มันก็ยังมีน้ำหนักไม่มากพออยู่ดี ถ้าหากบอกว่าเป็นเครื่องระบายความใคร่ก็จะรู้สึกสงสารตัวเองแปลก ๆ นี่กูเป็นฝ่ายกระทำแต่ทำไมรู้สึกไร้ค่าอย่างนี้ แต่พอเจ้าตัวบอกว่า ‘ผมอยากให้เซมอยู่กับผมไปนาน ๆ’ พร้อมแววตาที่ไร้ซึ่งความเจ้าเล่ห์ และพอพูดมันบ่อย ๆ ปาร์คชานยอลก็รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน
ที่แบคฮยอนช่วยคิดเป็นพล็อตเด็กผู้หญิงผมยาวหน้าตาน่ารักย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตให้นักวาดตกอับคนหนึ่ง และมีเซ็กส์กับเธอ เด็กนั่นบอกให้เขาใส่สีตีไข่ได้ตามอำเภอใจ ปลดปล่อยจินตนาการทั้งหมดออกมาไม่ต้องกั๊ก ซึ่งชานยอลไม่คิดว่ามันจะดังเปรี้ยงปร้าง แต่อย่างน้อยเขาก็มีต้นฉบับส่งไปให้ผู้ช่วยวาดเติมแต่ง และรอดตายจากบก.อย่างพี่จงแด
ช่วงแรกที่ลงไปยังไม่เป็นกระแสมากนัก ซึ่งชานยอลรู้สึกเป็นกังวลจนต้องกินเหล้าสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเพื่อจัดการความรู้สึกตัวเอง ช่วงเวลาเดิม ๆ ความรู้สึกเดิม ๆ มันกลับมาอีกแล้ว ชานยอลยังจำได้ดีว่าเขาเคยเครียดมากแค่ไหนตอนปั่นต้นฉบับการ์ตูนเรื่องก่อนให้จบ แต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ ถึงแม้จะไม่ค่อยมีใครอยากจดจำมันก็ตาม
ก่อนหน้านี้เคยโหยหาช่วงเวลาที่จะนั่งวาดการ์ตูนอย่างสบายใจโดยไม่มีใครมาคลอเคลียจนต้องจบลงที่เตียง พอเป็นอย่างนั้นก็เสียงานเสียการไปอีก แต่พอตอนนี้ได้รับอย่างที่ต้องการแล้วกลับไม่รู้สึกดีอย่างที่คิดไว้เลย ชานยอลหันไปมองด้านหลังซึ่งมีเด็กแปดขวบนั่งทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่ พร้อมเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังเข้ามาในโสตประสาททุกขณะเพื่อย้ำเตือนว่าวันนี้แบคฮยอนก็ยังคงเป็นเด็ก และไม่กลายร่างเป็นเด็กสิบแปดอีกแล้ว
รอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กประถมคนนั้นคือความถูกต้องที่กลายเป็นความเศร้าในใจชายหนุ่ม แบคฮยอนควรจะอยู่ในร่างแปดขวบตลอดไป นั่นคือเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ แต่ก็เหมือนใครว่าไว้ว่าคนเราจะรู้สึกได้ว่าสิ่งนั้นสำคัญมากแค่ไหนก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังรู้สึกแย่อย่างถึงขีดสุด เพราะเขาคิดถึงเด็กอายุสิบแปดคนนั้นเหลือเกิน
เด็กตัวแสบที่ดีแต่พูดขบกัดแต่ก็เต็มไปด้วยการเตือนสติ
เด็กตัวแสบที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีอนาคต
เด็กตัวแสบที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา ไม่ว่าจะเป็นทางการกระทำหรือคำพูดจากคนรอบข้าง
เด็กตัวแสบที่กลายมาเป็นโลกใบเล็ก ๆ ของเขาโดยไม่รู้ตัว
“เซมฮะ”
“อะ... อ้อ... ว่าไง?”
“เค้าทำการบ้านเสร็จแล้ว”
“งั้นจะนอนเลยไหม เดี๋ยวเซมไปส่ง” ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเสียงของเขาตอนนี้มันหมดอาลัยตายอยากมากแค่ไหน
ใช่ ตั้งแต่แบคฮยอนกลับมาเป็นเด็กอายุสิบแปดไม่ได้ ปาร์คชานยอลก็อุ้มเจ้าตัวก้อนกลับไปนอนที่บ้านและห่มผ้าให้ทุกคืน ไม่มีคนปีนระเบียงข้ามมาฝั่งนี้และเรียกชื่อเขาด้วยเสียงหวาน ๆ และสีหน้าเจ้าเล่ห์
เพราะตอนนี้มีแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
“เค้ายังไม่ง่วงฮะ”
ชานยอลหมุนเก้าอี้หันเข้าหาเด็กแปดขวบที่ลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังฉายแววสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา “ถ้าหนูไม่ง่วงแล้วจะทำอะไร นี่มันก็ดึกแล้วนะ”
“เค้าจะอยู่กับเซม”
“ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้หนูต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า เป็นเด็กเป็นเล็กห้ามนอนดึกสิ” พูดจบก็อุ้มตัวก้อนขึ้นมานั่งตักตนเอง ทั้งคู่สบตากันโดยไร้ซึ่งความพิศวาสถ้าเทียบกับในร่างวัยสิบแปด ซึ่งชานยอลไม่รู้ว่าเขาแยกแยะความรู้สึกออกได้ยังไง
“เซมทำงานดึก พี่เซฮุนบอกว่าคิดมากแล้วเป็นหมีแพนด้า”
“ใช่ เซมเป็นหมีแพนด้า แล้วหนูก็เป็นหมูอู้ด ๆ”
“คึ เค้าเป็นหมูอ้วน” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักเปิดพุงน้อย ๆ ให้พี่ชายตัวโตดู แต่เด็กที่ไร้เดียงสาก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมรอยยิ้มของเซมถึงได้ดูเศร้านัก “เซมเป็นอะไรฮะ”
“หือ”
“เซมกำลังเสียใตอะ ตาเหมือนคนจะร้องไห้เลย”
“ใครจะร้อง บ้าแล้ว” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางบีบจมูกรั้นของเด็กน้อยไปทีหนึ่ง
“อย่าร้องนะฮะ เค้าอยู่นี่แล้ว” มือเล็กทั้งสองข้างจับแก้มสากที่เต็มไปด้วยตอเคราไว้ ทั้งคู่สบตากันอยู่ชั่วอึดใจเพื่อตอกย้ำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกดิ่งลงไปอีกเพียงเพราะนึกถึงเด็กอายุสิบแปดคนนั้น
“ไม่ร้องหรอก คนที่จะร้องคือคนที่ไม่ยอมกลับมาหาเซมต่างหาก”
“ใครฮะ”
“เด็กดื้อคนนึง นิสัยไม่ดี แล้วก็เอาแต่ใจมากด้วย แถมไม่ชอบใส่กางเกงอีกต่างหาก”
“หูย งี้ก็โป๊อะฉิ”
“ใช่”
“แล้วคนนั้นเค้าไม่อายเหรอฮะ”
“อายอะไรกัน เด็กนั่นน่ะไม่รู้จัก --”
“ฮะ?”
ชายหนุ่มแทบกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ เพียงเพราะรู้ตัวว่ากำลังพูดถึงเด็กตัวแสบมากเกินไป แบคฮยอนวัยแปดขวบจะไปเข้าใจอะไร ต่อให้พูดจนปากแทบฉีกยังไงไอ้เด็กที่หายไปจากชีวิตเขาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ก็ไม่มีวันรับรู้ได้หรอก
“ก็ไม่ได้รอหรอกนะ แต่ถ้ามาช้ากว่านี้” ชานยอลจับเด็กแปดขวบให้ลุกขึ้นยืนบนขาตนเอง ก่อนจะเงยหน้าสบตาเจ้าของดวงตาแป๋ว ๆ ที่ไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีวันเข้าใจประโยคโง่ ๆ เหล่านี้ “เซมคงต้องตายเพราะคิดถึงหนูแน่ ๆ”
“ฮะ?”
“...”
เวรเอ๊ย... ทำไมเขาต้องรู้สึกเหมือนคนถูกหักอกแบบนี้ด้วยวะ แถมไอ้การนั่งคุยกับเด็กแปดขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ไม่ได้ช่วยส้นตีนอะไรเลยสักอย่างเดียว แต่มันใช่เรื่องหรือไงที่ปาร์คชานยอลจะต้องมารู้สึกค้าง ๆ คา ๆ แบบนี้ บยอนแบคฮยอนวัยสิบแปดควรกลับมาให้คำตอบอะไรบ้างสิ ไม่ใช่หนีหายไปแล้วให้ผู้ชายอย่างเขาตั้งคำถามกับตัวเอง จริงอยู่ที่เรื่องของเรามันไม่เคยชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเพิกเฉยแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
“ถ้าเซมไม่อยากคิด งั้นเรามาเล่นกันไหมฮะ”
“เล่นอะไร นอนเถอะ ดึกแล้ว” ชายหนุ่มขมวดคิ้วหรี่ตามอง
“เล่นซ่อนแอบกันฮะ”
“ใครพาเล่นแบบนั้นตอนกลางคืน เดี๋ยวก็เจอผีหรอก” พูดจบก็ดีดเหม่งเจ้าตัวก้อนไปหนึ่งที แบคฮยอนลูบหน้าผากพลางกระพริบตาปริบ ๆ
“พี่จงอินบอกว่ามีแต่บาทหลวงหน้าโง่อย่างพี่จุนเท่านั้นฮะที่เชื่อเรื่องผี”
“ย่าห์ ใครสั่งใครสอนให้พูดคำหยาบ เดี๋ยวจะโดนตีนะ” ชายหนุ่มมองค้อน เจ้าตัวเล็กจึงรีบเอามือตะปบปากตัวเอง
“เค้าขอโทษ”
“จะเล่นก็เล่น แต่ห้ามออกจากห้องนี้นะ เคเปล่า?” นิ้วชี้เรียวยาวชี้ปลายจมูกรั้นของเด็กแปดขวบเป็นเชิงสั่ง ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าหงึกอย่างว่าง่าย
“ได้คับ!”
“จะเป็นให้ก่อนตานึงแล้วกัน หาที่หลบดี ๆ ล่ะ แล้วก็อย่าปีนขึ้นไปบนตู้สูง ๆ นะ เข้าใจ๋?” เจ้าของเสื้อยืดกางเกงบอลสั่งย้ำอีกครั้ง เพราะถ้าไอ้เด็กนี่ตกลงมาหัวร้างข้างแตกมีหวังเขาได้โดนพี่ยุนจีมองแรงแน่
ขายาวก้าวไปรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาอะไรมาปิดตา ซึ่งเน็กไทที่เคยใช้ในวันเป็นทางการก็ถูกเอามาใช้เล่นกับเด็กแปดขวบในค่ำคืนที่หัวสมองไม่แล่นไปกับงาน ชานยอลยังคงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขายืนนิ่งหลังจากปิดตาตนเองด้วยเน็กไทเป็นที่เรียบร้อย
“หนึ่ง... สอง... สาม... สี่... ห้า...” เขานับตามจังหวะเข็มวินาทีที่ดังอยู่ใกล้หู ความมืดคือสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มมองเห็น ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าปะปนกับเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กแปดขวบที่กำลังสนุกกับการเล่น “อยู่ไหนน้า...”
สองมือยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อคลำหาทาง รวมถึงขาที่ค่อย ๆ ก้าวอย่างระมัดระวังเมื่อตามองเห็นเพียงความมืดมิด
“ปรบมือสองครั้ง”
แปะ ๆ
คนตัวสูงหันไปตามเสียงซึ่งดังมาจากด้านขวา จากความฉลาดอันน้อยนิดบวกกับพื้นที่แคบในห้องนอน จึงทำให้เขาเดาได้อย่างไม่ยากว่าเจ้าเด็กก้อนแอบซ่อนอยู่ตรงไหน ชานยอล หันไปทางเตียงซึ่งเดินไปแค่สี่ห้าก้าวก็ถึง เขาได้ยินเสียงอุทานหวิวอย่างใจหายของเด็กแปดขวบที่ถูกหาเจอทั้ง ๆ ที่เพิ่งเริ่มเล่นกันได้ไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ
“โดนแน่”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเตียงทีละก้าวอย่างใจเย็นเพื่อแกล้งให้ตัวก้อนหวาดเสียวเล่นก่อนถูกจับได้ ชานยอลเอาเท้ายื่นไปข้างหน้าเพื่อการสัมผัส ก่อนจะวางมือข้างหนึ่งลงบนผืนเตียงและคาดว่าแบคฮยอนคงซ่อนอยู่ตรงมุมด้านใน หรือไม่ก็เอาผ้าห่มคลุมตัวอยู่แน่ ๆ
“จับได้แล้ว”
คนตัวสูงยิ้มร่าจนหมดคราบผู้ชายจริงจังวัยเกือบสามสิบ แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นที่ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ เมื่อรู้สึกได้ว่าแขนที่คว้าไว้เมื่อครู่นี้มันใหญ่เกินกว่าจะเป็นขนาดของเด็กวัยแปดขวบ
ผิวเรียบเนียนนั้นเย็นเฉียบจนเหมือนออกไปยืนตากลมมานานแสนนาน ผิดกับเด็กน้อยที่ชวนเขาเล่นซ่อนหาที่ตัวอุ่นราวกับขนมเพิ่งออกจากเตาอบ อาจจะสักห้าวินาทีหรือนานกว่านั้นที่โลกของปาร์คชานยอลเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ ก่อนมือใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปตามผิวปริศนาที่กำลังทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
ในหัวมีความคิดมากมายวนเวียนตีกันอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับมันยังไง
“แบคฮยอน”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วหลังจากเริ่มแน่ใจแล้วว่าใครคือเจ้าของกลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคย ไม่มีเสียงขานตอบ... ไม่มีแม้แต่เสียงปรบมือเพื่อบอกใบ้พิกัดให้ได้รู้กับเกมซ่อนแอบ ชานยอลกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอก่อนร่างกายจะหยุดนิ่ง เมื่อมือเย็นคู่นั้นเอื้อมขึ้นมาทาบลงบนแก้มเขาอย่างเบามือ
“...”
ทุกอย่างยังคงมืดมิดในสายตา ซึ่งชายหนุ่มไม่แน่ใจเลยว่าเขาควรดึงเน็กไทออกตอนนี้หรือไม่ ชานยอลเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เขารู้สึกเป็นไอ้ไก่อ่อนที่ไม่สามารถจัดการตัวเองได้ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่หัวใจที่กำลังสั่น แต่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายเขาก็เช่นกัน
มือของชายหนุ่มนั้นอุ่นร้อนตามอุณหภูมิปกติ ชานยอลรับความเย็นมาจากผิวคนตรงหน้าจนส่วนที่สัมผัสคลายความเย็นไปได้บ้างแล้ว รวมถึงมือเล็ก ๆ คู่นี้ที่ทาบอยู่บนแก้มเขาเช่นกัน
“...”
ปาร์คชานยอลควรพูดอะไรสักอย่างมากกว่าการนิ่งค้างอยู่ท่านี้และปล่อยให้หัวใจมันเต้นเร็วแรงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายไป เขาควรพูดโง่ ๆ ให้อีกฝ่ายตบหัวเล่น หรือไม่ก็บ่นเป็นคนแก่จนคนฟังหูชาไปเลยไม่ใช่หรือไง
“ย่าห์ หายไปไหนมาตั้งนาน” ชายหนุ่มเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม น้ำเสียงขึงขังเป็นเชิงดุ ทั้งที่หัวใจเขากำลังพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่ากับใคร
“...”
“จะไปไหนมาไหนก็ควรบอกกันบ้างสิ เล่นหายไปเป็นเดือนแบบนี้รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ทำไมหนูเป็นคนแบบนี้วะ หันก้นมาให้เซมตีเดี๋ยวนี้เลย” มือที่เคยจับแขนเล็กไว้เฉย ๆ เริ่มกระชับแน่นขึ้น เพราะเขากลัวว่าเด็กแสบจะหายตัวไปอีก
“ผม”
ชานยอลไม่เคยรู้เลยว่าคนเราสามารถรู้สึกใจเต้นแรง และรู้สึกหวิวอย่างน่าใจหายไปพร้อม ๆ กันได้ เพียงเพราะคำตอบมันชัดเจนแล้วว่าคนตรงหน้าคือคน ๆ เดียวกับคนที่อยู่ในความคิดเขามาตลอดหนึ่งเดือน
“คิดถึงเซม”
สิ้นสุดความอดทนแล้ว ปาร์คชานยอลจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก ชายหนุ่มตวัดแขนกอดร่างเด็กวัยสิบแปดที่หายไปจากชีวิตเขาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เข้ามาในอ้อมกอด บดขยี้จูบริมฝีปากนุ่มนิ่มเพื่อขับไล่ความเย็นยะเยือกไปจากตัวเด็กดื้อพร้อมแทนที่ด้วยความร้อนทางกายและใจของผู้ชายอย่างเขา
ริมฝีปากของเราทั้งร้อนและเริ่มชาเมื่อแลกจูบกันอย่างต่อเนื่อง ลิ้นที่ฉ่ำไปด้วยน้ำลายกระหวัดกวาดต้อนลิ้นอีกฝ่ายเพื่อชดเชยความคิดถึงที่อัดแน่นไปด้วยความทุกข์ทรมาน ชานยอลรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปทั้ง ๆ ที่เข็มวินาทียังคงดังหลอกหลอนอยู่ในหูเช่นทุกคืนวัน
“แบคฮยอน...”
ไม่มีเวลาสำหรับการถอดเน็กไทออกจากตา ชานยอลเลือกให้มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปตามผิวเนียนของคนในอ้อมกอดและจินตนาการในความมืด เขากลัวเหลือเกินว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงความฝันหรือเรื่องที่คิดไปเองถ้าเสียเวลาไปกับการเปิดตา
“ผมคิดถึงเซม”
“คิดถึงแล้วหายไปไหนมา เด็กดื้อ...”
“กอดผมหน่อย...”
ชายหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจหนัก ๆ เมื่อมือเล็กกำลังล้วงเข้ามาในกางเกงบอลของเขา ขยำส่วนนั้นจนล้นมือก่อนจะตื่นตัวในที่สุด ปาร์คชานยอลรู้สึกเหมือนขาดเรื่องพรรค์นี้ไปนานมาก และเขาโหยหามันจากเด็กคนนี้เหลือเกิน
เรายังคงจูบแลกลิ้นกันอย่างไม่ลดละ ชานยอลคิดว่าเขาไม่มีเวลามากสักเท่าไหร่เมื่อความคิดถึงมันทำงานหนักจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามือไปตามส่วนโค้งเว้าบนร่างเด็กผู้ชายตัวบาง ก่อนจะใช้นิ้วกลางสอดเข้าไปในร่องสะโพก กระตุ้นความต้องการของคนตรงหน้าจนเจ้าตัวเผลอแอ่นกายเข้าหาอ้อมกอดเขาอย่างแนบแน่น
“แกะผ้าปิดตาให้เซมสิคนดี” เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบกระซิบบอกคนตัวหอมที่อยู่ในอ้อมแขน แบคฮยอนหอบฮักพลางซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ก่อนจะใช้ฟันคมงับผ่านเสื้อยืดลงไปเบา ๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วเชิดหน้าขึ้นกระซิบ
“ผมไม่แกะให้หรอก”
“...”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
TBC
ไม่ได้เขียน nc นาน รู้สึกเหมือนธาตุไฟแตกซ่านและเด๋อ ๆ ด๋า ๆ
อีก 2 ตอนจบแล้วค่า // งานฟิคจะเอาเซมไปขายด้วยแต่ยังไม่รู้ราคาเพราะยังจัดหน้าไม่เสร็จแจ้ ปกก็เกือบเสร็จแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ วาดโดยน้องเซียนลามกเด้ออออ เราอยู่บูธ D8-D9-D10 มาเด้อมา ใครใคร่อยากซื้อก็ซื้อเด้อ ใครใคร่อยากแวะมาทักทายกันก็มาได้เบย เหมือนเดิมค่า ในเว็บมีแค่ไหน ในหนังสือก็มีเท่ากันเด้อ
ความคิดเห็น