คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : CHAPTER 17 :: Stay With Me
CHAPTER 17
Stay with me
ปวด... ปวดไปทั้งตัวเลย
เซฮุนกัดริมฝีปากแล้วค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ผนังห้องเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยพาร่างพัง ๆ ของคนที่เจอศึกหนักตลอดคืนให้ออกไปข้างนอกได้โดยไม่ทรุดตัวล้มลงไปกับพื้นเสียก่อน
เจ้านายออกไปข้างนอกตั้งแต่เขายังไม่ตื่น สังเกตจากรถยนต์ที่ไม่ได้จอดอยู่จุดเดิม บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะออกไปซื้อของในเมืองหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งโอเซฮุนไม่ควรเอาแต่คิดเรื่องนี้ เพราะถ้าเจ้านายกลับมาก็คงได้คำตอบเอง
แต่เชื่อเถอะว่าเขาอดคิดไม่ได้เลย ในหัวของโอเซฮุนมีแต่เรื่องผู้ชายผิวสีแทน สีหน้าเซ็กซี่ตอนสบตากันท่ามกลางเสียงลมหายใจที่สอดประสานจนเดาไม่ออกว่ามันเป็นเสียงของใครกันแน่ และอ้อมกอดอุ่น ๆ ที่ทำให้ลืมความหนาวเหน็บจากข้างนอก ทุกอย่างเป็นเหมือนความฝันที่ยังคงฟุ้งอยู่ในความคิด
รู้สึกย้อนแย้ง... ทั้งที่เจ็บจนระบมไปทั้งตัวแต่เขากลับโหยหาสัมผัสเหล่านั้น และคิดว่าถ้าเจ้านายต้องการทำมันอีกครั้ง โอเซฮุนก็พร้อมตามใจหากมันจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุข
รู้ดีว่าการเอาใจเจ้านายจนเกินไปมันจะนำไปสู่หายนะในอนาคต เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ากำลังฝืน วันนั้นความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ก็จะกลายเป็นเรื่องยาก ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เซฮุนอยากค่อย ๆ ชอบเจ้านายทีละนิด จนรู้ตัวอีกทีก็นึกไม่ออกแล้วว่าชอบมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่เกิดมาเคยมีความรักอยู่แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไปไม่รอดเพราะโดนทิ้งเสียก่อน พอเล่าให้ฟังก็ไม่มีใครอยากเชื่อ สมัยเรียนทุกคนล้วนแต่บอกว่าโอเซฮุนหน้าตาดีมีครบยกเว้นรถยนต์ขับไปรับไปส่งถึงบ้าน และคงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมหันหลังให้
แต่คนเหล่านั้นคงลืมไปว่าหน้าตาหล่อ ๆ ไม่ได้ช่วยให้ประคองความรักไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพื่อนสมัยเรียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโอเซฮุนน่ะอ่อนต่อโลกเกินไป เขาควรหัดทำตัวแพรวพราวบ้าง เพราะผู้หญิงชอบความตื่นเต้นมากกว่าผู้ชายจู้จี้จุกจิกนิสัยเหมือนแม่ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหมือนตรงไหน
เซฮุนก็แค่ไม่ชอบให้แฟนนุ่งสั้น เวลาเห็นแต่งตัวโป๊ก็ถอดเสื้อออกให้คลุม ถึงจะเกือบเกินเลยตอนที่นั่งติวหนังสือด้วยกันในวันที่พ่อแม่ของเธอไม่อยู่ แต่เขาก็ยับยั้งชั่งใจไว้ได้เพราะยายสอนมาว่าควรให้เกียรติผู้หญิง แต่นั่นกลับทำให้เธอเบื่อจนเทเขา
อันที่จริงเซฮุนไม่ค่อยถนัดถ้าเป็นเรื่องของความรัก เขามักจะมองต่างจากผู้ชายทั่วไป ซึ่งอาจเป็นเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง จึงถูกปลูกฝังให้เข้าและให้เกียรติเพศตรงข้ามจนเป็นเรื่องปกติ
ซึ่งเซฮุนรู้แล้วว่าถ้าให้เกียรติผู้หญิงมากเกินไป ก็อาจเจอผู้ชายแทน
...แถมยังเป็นหมาป่าอีกด้วย
ถือแก้วน้ำที่ดื่มไปแค่นิดเดียวค้างไว้ เหม่อลอยมองตู้เย็นตัวใหญ่ท่ามกลางความเงียบในห้องครัว ‘คนกรุ๊ปโอชอบคนง่าย แต่รักใครยาก และถ้าเมื่อไหร่ตกอยู่ในห้วงของความรัก คนกรุ๊ปนี้จะกลายเป็นไอ้ทึ่มทันทีแม้จะเรียนจบสูงแค่ไหน’
เห็นทีว่าจะจริง... ตอนนี้โอเซฮุนอยากเขกหัวตัวเองกับความเพ้อเจ้อในหัวเหลือเกิน ที่เพื่อนบอกว่าเขานิสัยเหมือนผู้หญิงน่ะไม่ได้เวอร์ไปกว่าที่พูดเลย
เรื่องเพ้อเจ้อทั้งหมดเป็นเหมือนฟองสบู่ที่ถูกเจาะด้วยเข็ม เมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนแกร่งที่สวมกอดจากข้างหลัง พร้อมคางที่เกยลงมาบนไหล่
“อรุณสวัสดิ์”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มมาพร้อมปลายจมูกที่กดลงบนแก้ม เซฮุนไม่ได้ทักทายกลับเพราะถูกหมาป่าหยุดเวลาเอาไว้ด้วยอ้อมกอดอุ่น ๆ จนไม่อยากขยับตัวไปไหน เขาได้แต่อมยิ้มโง่ ๆ เหมือนเด็กที่ไม่รู้ว่าต้องรับมือกับความรักอย่างไร เซฮุนเพิ่งรู้วันนี้ว่าการนึกถึงใคร แล้วอยู่ ๆ คน ๆ นั้นก็กระโดดออกมาจากความคิดมันทำให้รู้สึกดีแค่ไหน
คนตัวผอมถูกจับให้พลิกหันมาเผชิญหน้ากัน มองดวงตาคู่นั้นที่เห็นเงาตนเองสะท้อนอยู่ “ผมคิดว่าคุณจะลุกไม่ไหวเสียอีก”
“ก็เกือบแล้ว นี่ผมคลานออกมานะ”
“เดี๋ยวเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้วจะพูดไม่ออก” หนุ่มผิวแทนยิ้มขำ บีบจมูกรั้นของคนช่างพูดอย่างมันเขี้ยวแล้วจูบย้ำลงไป หมาป่าหนุ่มจับมืออีกคนขึ้นโอบรอบคอตนเองทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออก เอียงใบหน้าเพื่อปรับองศาจูบพร้อมงับกลีบปากล่างที่เอาแต่ร้องเรียกชื่อเขาทั้งคืน
คนตัวผอมลืมตามองใบหน้าคม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ประจำตัวของเจ้านายทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เซฮุนชอบผู้ชายคนนี้มากกว่าเมื่อห้านาทีที่แล้ว และคงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนคิดไม่ออกเลยว่าจะถอนตัวอย่างไร
“ที่ผมเดินเหินได้อย่างนี้ เป็นเพราะคุณช่วยแบ่งความเจ็บไปจากผมใช่ไหม”
คนถูกรู้ทันยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ เซฮุนจำได้ว่าสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัวเลยสักนิด ความเจ็บปวดจากการร่วมรักเมื่อคืนเป็นเหมือนผลที่ตามมาเอาคืนหลังเสพสมความสุข เขาคิดว่าวันนี้จะเดินไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ แต่เจ้านายก็ช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดเหล่านั้นให้ทุเลาลง
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” เซฮุนไม่ได้ตอบคำถามในทันที เพราะรู้ดีว่าอะไรจะตามมาถ้าหากตอบไปตามความจริง คนผิวแทนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมเพ่งมองอย่างคาดคั้น เขาไม่มีทางเลือกจึงพยักหน้า ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะถูกอีกฝ่ายช้อนตัวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว... อีกแล้ว!!!
“เจ้านาย! ไม่เอาสิ! ผมเดินเองได้!”
“ผมก็อุ้มคุณได้เหมือนกัน” หมาป่าหนุ่มว่าพร้อมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้ววางคนเป็นเลขาลงอย่างเบามือ จงอินประคองร่างอีกฝ่ายให้นอนลงแทนที่จะนั่ง เขาพยายามเลี่ยงทุกอย่างที่อาจทำให้โอเซฮุนต้องเจ็บตัว เพราะการแบ่งความเจ็บปวดเมื่อเช้ามันไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายหายดีได้
“ให้ตาย คุณทำอย่างกับผมเป็นผู้หญิง” คนตัวผอมคาดโทษเจ้านายที่เอาแต่ยิ้มระหว่างมองหน้าเขาราวกับว่ามีความสุขนักหนา “ซื้ออะไรมา”
“ตอนแรกผมกะจะซื้อของมาทำมื้อเที่ยงให้คุณกิน แต่พอคำนวณเวลาที่เหลือในช่วงบ่ายวันเสาร์ดูแล้ว ผมเลยตัดสินใจซื้อแบบสำเร็จรูปแล้วเอาเวลาที่อยากทำอาหารมาอยู่กับคุณดีกว่า”
“...โห กลับมาถึงก็ฮุคหมัดตรงใส่กันเลยเหรอ”
“จะยิ้มก็ได้นะ ถ้าเป็นเรื่องของผม คุณมีสิทธิ์เขินเสมอ” พูดจบก็ยักคิ้วแพรวพราวใส่ เห็นแล้วอดไม่ได้จึงง้างขาขึ้นเขี่ยเท้าไปเบาหนึ่งที ซึ่งเจ้านายที่เป็นถึงจ่าฝูงหมาป่าคงไม่เคยเจออย่างนี้ ถึงได้ถลึงตาคาดโทษมาอย่างเอาเรื่อง “เดี๋ยวเถอะ”
“ผมเจ็บตัวอยู่ ถ้าทำร้ายกันลงคอก็ว่ามาเลย” เซฮุนยักคิ้วกลับ กวนประสาทเจ้านายขี้เก๊กที่กล้าดียังไงถึงได้ปากหวานให้เขาเขินกลางวันแสก ๆ
“ผมเริ่มอยากเอาเวลาไปทำอาหารแล้ว”
“โธ่... ล้อเล่น คิดซะว่ามันเป็นขาหลังของผมสิ” คนตัวผอมคว้าแขนคนอีกคนมากอด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรวบกอดเอวไว้เพราะเจ้านายทำท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้ “ผมไม่ให้คุณไปหรอก”
“แล้วก็บ่นที่ผมปฏิบัติเหมือนคุณเป็นผู้หญิง แล้วดูทำเข้าสิ อ้อนกว่านี้ได้อีกไหม?” พูดจบก็ดึงแก้มขาวอย่างมันเขี้ยว
“ผมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่ผมจะไม่ทำภายในวันเดียวหรอก อดทนหน่อยสิเจ้านาย การรอมันมีความหมายนะ”
“...”
จงอินมองคนช่างพูดที่พยายามปั้นหน้านิ่งแต่ก็เก็บอาการไม่ได้ สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมาหลังจากเลียนแบบคำพูดเขาเมื่อตอนที่เพิ่งเจอกันช่วงแรก ๆ
“เจ้านาย”
เซฮุนเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ ครึ่งหนึ่งอยากพูดมันออกไป แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ห้ามตัวเองเอาไว้เพราะรู้ว่ามันคงไม่ดี เขาคิดและทบทวนมันอยู่ไม่กี่วินาที แล้วบอกว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะพูด ต่อให้ตอนนี้โอเซฮุนจะไม่มีพ่อแม่ให้หวง แต่เขาก็ยังมียายกับพี่สาวอีกตั้งสองคน และนั่นหมายความว่าต่อไปนี้เจ้านายจะทำเป็นแกล้งตายใส่เขาไม่ได้
“เราเลยเถิดกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าต่อไปผมเริ่มคิดมากก็เตรียมใจไว้ด้วยล่ะ” หนุ่มราศีเมษรีบพูดดักก่อนที่อีกคนจะมีโอกาสได้คิด เซฮุนคงเป็นบ้าตายแน่ถ้าหากวันหนึ่งเขาเผลอทำตัวเยอะใส่เจ้านายจนถูกรำคาญเข้า
ชายหนุ่มผิวแทนอมยิ้ม มองคนที่นอนอยู่บนโซฟาก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจในปัจจุบันมากกว่าอนาคตที่ยังไม่มาถึง
“คิดเรื่องอะไรอยู่ เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” อาจเป็นเพราะทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น เจ้านายถึงยังยิ้มและอ่อนโยนกับเขาอย่างนี้ เซฮุนเริ่มไม่ชอบความคิดตัวเอง ที่เอาแต่ระแวงและกลัวไปหมด
“ผมจะรู้เหรอ มันยังไม่เกิดขึ้น ยังบอกไม่ได้หรอก”
“ถ้ายังไม่เกิดขึ้น แล้วทำไมถึงกลัวล่ะ?”
“...” เซฮุนหลุบสายตามองอีกคนที่กำลังกุมมือเขา ก่อนจะกดจูบลงมาและค้างไว้อย่างนั้นโดยไม่ถอนริมฝีปากออก
“เชื่อใจผมสักนิดได้ไหม แค่นิดเดียว” จงอินยิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับคนที่กำลังกังวลจนกลิ่นความรู้สึกกระจายอบอวลไปทั่วทั้งห้องโถง
ไม่มีแล้วคนช่างพูด ตอนนี้เหลือเพียงโอเซฮุนจอมคิดมากที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะได้สบตากับเขาใกล้ ๆ จงอินเข้าใจดีว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงกังวล และเขาก็รู้สึกดีที่เซฮุนเลือกพูดออกมาตรง ๆ มากกว่าเก็บเอาไว้ในใจจนระเบิดออกมาทีหลัง
“ผมเชื่อใจคุณนะ แต่...” คนตัวผอมมองมือตนเองที่กำลังสอดประสานกับเรียวนิ้วเจ้านาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากัน “เป็นผม... ได้ใช่ไหม?”
“...”
“ผมที่เป็นผู้ชาย คนธรรมดาไม่มีพลังวิเศษ ผมอยู่กับคุณได้ใช่หรือเปล่า”
แม้แต่ตอนกำลังคิดมาก เลขาช่างพูดก็ยังดูน่ารักในสายตาเขาอยู่ดี จงอินเพียงแค่ยิ้ม ใช่ เขาทำได้ดีเท่านี้ สำหรับจ่าฝูงหมาป่าโง่ ๆ ตัวหนึ่งที่ดันตกหลุมรักมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษอย่างที่เจ้าตัวพูด ทั้งที่มีหมาป่าตัวเมียซึ่งเพียบพร้อมทุกอย่างรออยู่มากมาย แต่เขากลับเลือกมองผู้ชายคนนี้
“รู้ไหม ว่านั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้เป็นมากที่สุด” ชายหนุ่มผิวแทนมองคนคิดมาก ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย
“แต่คุณเป็นหมาป่า ไม่สิ อันที่จริงต่อให้คุณเป็นคน เรื่องของเราก็คงไม่มีทางราบรื่นอยู่ดี”
“ฉลาด” เขาหัวเราะในลำคอ “ถึงจะไม่อยากให้คุณคิดมาก แต่ผมก็ชอบเวลาคุณรู้ถึงปัญหาที่อยู่รอบตัวเราโดยที่ผมไม่ต้องพูดเอง”
“โธ่เจ้านาย ผมเป็นเลขาของคิมจงอินแห่งมิดไนท์แกรนด์เพอร์ฟูมส์เลยนะ ถึงจะเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปีก็เถอะ แต่ผมก็พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และอะไรที่จะทำให้ผมเป็นบ้าตายได้” เซฮุนพูดอย่างไม่โกหก แต่เจ้านายกำมือป้องปากขำ ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักโซฟาขณะมองหน้าเขา
“ไหนลองยกตัวอย่างมาซักเรื่องสองเรื่อง”
“ข้อแรก ดูจากนิสัยพ่อแม่ของคุณ ผมคิดว่าท่านคงไม่ชอบใจแน่ คือผมไม่ได้จะว่าอะไรท่านหรอกนะ แต่คุณน่าจะรู้ดีว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่อยู่ในตระกูลผู้ดีเก่าแก่คงไม่อยากให้ลูกชายคบหากับเพศเดียวกัน”
“คุณพูดถูก”
เซฮุนกะพริบตาปริบ ๆ หลังจากได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาและไม่มีการเยียวยาจิตใจด้วยคำพูดใด ๆ ทั้งสิ้น... อย่างเช่น
‘ผมไม่สนใจหรอก ผมรักคุณเซฮุน... ถ้ามีใครหน้าไหนเข้ามาขัดขวางความรักของเรา ผมจะใช้กรงเล็บดีกรีจ่าฝูงกระซวกมันออกเป็นสองส่วนให้ดู’
ละครไหมล่ะโอเซฮุน...
“แม่ผมบอกว่าถึงคุณจะทำงานได้ดี แต่ก็ดูเหลาะแหละ”
“ย่าห์ ผมเหลาะแหละตรงไหน”
“ท่าทางของคุณมั้ง ดูไม่นิ่ง กระโตกกระตากเหมือนคนพร้อมจะพูดเรื่องดวงออกมาตลอดเวลา” จงอินขมวดคิ้ว พลางชี้นิ้วไปยังคนตัวผอมราวกับว่ากำลังเก็บรายละเอียด
“ผมต้องสวยเหมือนแฟนเก่าคุณเหรอ?”
“ได้ไหม? อ๊า!” ชายหนุ่มผิวแทนหัวเราะร่วน งอตัวเป็นกุ้งเพราะถูกคนเป็นเลขาฟาดมือลงมาไม่ยั้ง “ผมล้อเล่นน่า”
“ผมรู้หรอกว่าพูดจริง ที่แท้ก็อยากจับหน้าอกอึ๋ม ๆ มากกว่าอยู่ดีสินะ” เซฮุนแค่นหัวเราะพลางหันไปอีกทางเพื่อสงบสติอารมณ์ ยังไม่ทันข้ามวันผู้ชายคนนี้ก็แผลงฤทธิ์ใส่เขาเสียแล้ว
“ผมไม่ได้ชอบหน้าอกสักหน่อย” จงอินดึงอีกคนให้ขึ้นมานั่งตักเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะยื้อดึงไม่ยอมมา แต่สุดท้ายฤทธิ์มนุษย์ที่หมดเรี่ยวแรงไปกับเรื่องเมื่อคืนหรือจะสู้แรงหมาป่าได้
“ผมอยากกลับโซลแล้ว”
“โกหก คุณอยากให้ผมกอดแน่น ๆ อย่างนี้ต่างหาก” ไม่พูดอย่างเดียว หมาป่าเจ้าเล่ห์ตวัดแขนกอดเอวเขาพร้อมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“เก็บมุกนี้ไว้ใช้กับผู้หญิงดีกว่ามั้ง”
“ผมดันอยากใช้กับคุณแค่คนเดียวแล้วน่ะสิ ทำไงดี?”
หงุดหงิด... หงุดหงิดที่สู้ไม่ได้ทั้งทางคำพูดและสายตาแพรวพราวของเจ้านาย เซฮุนทำได้แค่บีบแขนแน่น ๆ ของอีกฝ่ายเป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล
“เมื่อก่อนผมอยู่ในร่างหมาป่ามากกว่าร่างมนุษย์ เพราะงั้นคุณเชื่อเถอะว่าพวกเราไม่ได้คลั่งไคล้หน้าอกกับสะโพกสวย ๆ” ผู้ชายคนนี้พูดด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนรู้ว่าเขาต้องเชื่อแน่ ๆ “เล่าเรื่องที่สองต่อสิ ผมอยากฟังต่อแล้ว”
โอเซฮุนยังอ่อนหัดนัก ที่คิดจะต่อสู้กับหมาป่าซึ่งมีอายุพอ ๆ กับยายของเขา ทั้งคู่สบตากัน และเจ้านายก็ยังคงออดอ้อนเอาใจด้วยการจับสองมือของคนบนตักขึ้นไปวางลงบนไหล่ตัวเอง ก่อนจะกลับมากอดเอวเขาอย่างเช่นทีแรก
“ผมจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปจนวันตาย เพราะคุณคงอยู่เป็นชายหนุ่มรูปหล่อได้อีกเป็นร้อยปี พอถึงตอนนั้นผมก็คงเป็นเศษเถ้าทุลีดินไปแล้ว”
“ผมอยู่ในสังคมมนุษย์ได้อีกไม่นานนักหรอก สักวันหนึ่งก็ต้องถอยออกมาจากตรงนั้น” เพราะกว่าคิมจงอินจะแก่ตัวลงก็คงใช้เวลาอีกหลายสิบปี ซึ่งมันส่งผลต่อคนที่มีหน้าตาในสังคมอย่างเขา
“แต่ผมก็ตายก่อนอยู่ดี”
“พูดเรื่องนี้สองสามรอบแล้วนะ กลัวตายหรือกลัวผมมีคนใหม่กันแน่?” ชายหนุ่มผิวแทนขมวดคิ้ว สบตากับเลขาช่างพูดที่จงใจหลบสายตาพร้อมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม
“ทั้งสองอย่าง”
“ฮึ...”
“ขำอะไร” เซฮุนผลักแขนเจ้านายเบา ๆ คนกำลังจริงจังก็เอาแต่หัวเราะอยู่ได้
“ตกหลุมรักผมหัวปักหัวปำแล้วล่ะสิ”
“โหดูพูด... คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ” เซฮุนพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แม้จะเขินกับคำพูดเจ้านายมากจนไม่กล้าสบตาแล้ว
“แย่หน่อยนะ ที่ผมทำไปทั้งหมดมันก็แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
“ผมแค่สิบเปอร์เซ็นต์”
“ผมห้า”
“ผมหนึ่ง”
ทั้งคู่สบตากันโดยไม่มีใครยอมใคร กระทั่งคนเป็นเจ้านายหลุดยิ้มขำนั่นแหละโอเซฮุนถึงรู้ตัวว่าชนะแล้ว ซึ่งเซฮุนคิดว่าคงไม่เสียหายอะไร หากที่ตรงนี้มีเพียงเราสองคน ไม่มีหมาป่าในฝูงให้เจ้านายต้องอายหลังจากเล่นเป็นเด็ก ๆ กับเขา
“ยอมแล้ว”
เสียงของเจ้านายแหบพร่า ตอนซุกหน้าลงกับแผงอกและสูดดมกลิ่นเขาซึ่งคงเต็มไปด้วยกลิ่นตัวเอง เซฮุนกอดรอบคอแกร่ง ก่อนจะเกยคางลงบนศีรษะจ่าฝูงหมาป่า เรานั่งอยู่ท่านั้นกันอยู่สักพักหนึ่ง จนเขาลืมความหิว และลืมว่าเวลากำลังผ่านไปนานเท่าไหร่
“เจ้านาย”
เซฮุนก้มลงมองอีกคนที่ยังคงกอดและซุกหน้าอยู่กับแผงอก เจ้านายไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน และตอบโต้ด้วยคำพูดกวนประสาทอย่างเช่นก่อนหน้านี้ ซึ่งมันผิดปกติจนอดสงสัยไม่ได้
“ง่วงเหรอ?” คนผิวแทนส่ายศีรษะเบา ๆ พร้อมกระชับกอดคนบนตักแน่นยิ่งขึ้น เซฮุนเริ่มเป็นกังวลเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ จึงผละตัวเจ้านายออกและใช้สองมือโอบใบหน้าคมเอาไว้ “เป็นอะไร”
จงอินรู้ตัวว่ากำลังฝืนยิ้ม ขณะมองใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความกังวลของเซฮุน “คุณหิวแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ ผมไม่หิว อย่าเป็นแบบนี้สิ คุณกำลังทำให้ผมคิดมากนะ”
“ผมรู้ ผมได้ยินเสียงหัวใจของคุณ มันเต้นแรงเหมือนกลองชุดเลยล่ะ”
คนผิวแทนพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะยิ้มค้างเพราะถูกอีกฝ่ายล็อกใบหน้าเอาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหันหนีไปไหน ทั้งคู่สบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีก อาจจะสักครึ่งนาทีหรือนานกว่านั้น และจงอินรู้ว่าเขาควรพูดมันออกไป
“โทรหาคุณยายจอง บอกเธอว่าคุณจะค้างกับเพื่อนอีกหนึ่งคืน เราจะไปที่อื่นกันก็ได้ แต่อย่าเพิ่งกลับโซลเลยนะ”
“...” เซฮุนกำลังประหลาดใจ ที่เจ้านายกำลังมองมาและใช้คำพูดเหมือนว่ากำลังขอร้องเขา
“ผมอยากอยู่กับคุณให้มากกว่านี้”
“พูดอะไรอย่างนั้น เราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้วนี่” เซฮุนหัวเราะแห้ง เขาพยายามผ่อนคลายบรรยากาศน่าอึดอัดที่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล “คุณมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกผมใช่ไหม?”
นอกจากตอนสู้กับแวมไพร์จนต้องนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง ก็คงเป็นตอนนี้ที่เขาเห็นว่าเจ้านายมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม้โอเซฮุนจะไม่มีสัมผัสพิเศษรับรู้ความรู้สึกด้วยกลิ่นหรือการอ่านความคิด แต่เขาก็พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดมาก
“นอกจากหมาป่า แวมไพร์ แอนิเมจัส และฮันเตอร์” ชายหนุ่มผิวแทนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง พลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ก็ยังมีผู้หยั่งรู้ที่ทำนายอนาคตได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“...”
“และผลออกมาคือไคอาจจะชนะ”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าอาจจะ?” เซฮุนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จากที่เป็นกังวลกับท่าทางอีกฝ่ายอยู่แล้ว ตอนนี้ให้คูณสิบเข้าไปเถอะ
“ผู้ชนะตามคำทำนายคือคนที่มีเขี้ยว คนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว”
“...”
“และคน ๆ นั้นไม่ใช่ผม เซฮุน”
แววตาสิ้นหวังของจ่าฝูงหมาป่าถูกส่งไปยังคนตรงหน้าซึ่งเป็นที่พักพิงทางใจเดียวที่เขามีอยู่ คิมจงอินไม่สามารถแสดงออกถึงความหวาดกลัวในอนาคตให้ใครรับรู้ได้เลย แม้แต่พ่อแม่หรือพี่น้องที่รู้จักตัวเขาเป็นอย่างดี
คิมจงอินไม่เคยกลัวตาย ไม่ เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น แต่นั่นเป็นช่วงก่อนที่จะได้เจอโอเซฮุน แต่พอเริ่มผูกพัน เริ่มเปลี่ยนวันธรรมดาซึ่งต้องทำเพราะหน้าที่ให้กลายเป็นความสุข คำทำนายก็เข้ามากรีดกลางอกเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่สามารถขัดขวางดวงชะตาที่แวมไพร์อย่างไคมีต่อมนุษย์ผู้นี้ได้
อีกทั้งครอบครัวที่อยู่กันเป็นฝูงใหญ่ หากคิมจงอินตายไปคนที่จะขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทนก็คือรยูชิน ซึ่งเขาไม่แน่ใจเลยว่าพี่ชายจะปกป้องครอบครัวจากเหล่าแวมไพร์ที่คิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเราได้หรือไม่
“ไคงั้นเหรอ ผมก็มีเขี้ยวเหมือนกันนะ ดูสิ” เซฮุนยิ้มตาหยี ยิงฟันพร้อมโชว์เขี้ยวเล็ก ๆ ให้คนตรงหน้าดู แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาจะเต้นแผ่วลงและรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เพียงเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน
“พอถึงตอนนั้นคุณก็คงไม่มีโอกาสได้หึงผมกับคนอื่นแล้ว” จงอินพูดกลั้วหัวเราะ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดให้เซฮุนต้องคิดมาก แต่สุดท้ายเขาก็เก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ไม่ไหว
“ผมอยากตีคุณ แต่คนที่จะเจ็บก็คงเป็นผมเอง” เซฮุนหน้าขึ้นสีจัด บวกกับกลิ่นโทสะที่คลุ้งอยู่ใต้จมูก จึงทำให้จ่าฝูงเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไร “ไหนบอกว่าการดูดวงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อไง คำทำนายมันก็คงไม่ต่างกันหรอก มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมคนที่เชื่อตัวเองมากกว่าอะไรในโลกถึงกลายเป็นคนอ่อนแอขึ้นมาล่ะ”
“...”
“เจ้านายของผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น คุณเป็นใคร”
“...”
“คำทำนายก็เหมือนการดูดวงนั่นแหละ จริงบ้างไม่จริงบ้าง มันก็แค่มีไว้เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสิ้นหวัง” เซฮุนหยุดตัวเองไม่ได้ เขารู้แค่ว่าต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำให้เจ้านายเปลี่ยนความคิดและบอกว่า
‘นั่นสิ แวมไพร์โง่ ๆ พวกนั้นจะสู้จ่าฝูงอย่างผมได้ยังไง ตลกสิ้นดี’
แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อคนตรงหน้ายังคงมองมาด้วยสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่มีการแสดงออกถึงความแน่วแน่อย่างก่อนหน้านี้เลยสักนิด เขาไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้น แต่การหยุดเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน
“ผมจะเลิกดูดวงแล้ว มันไร้สาระอย่างที่คุณว่าจริง ๆ ด้วย” เซฮุนพึมพำ ก่อนจะถูกโน้มท้ายทอยลงมารับจูบร้อนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
คิดไปเองใช่ไหมว่าครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คิมจงอินที่เป็นผู้นำหมาป่าทั้งฝูงน่ะเหรอกำลังรู้สึกอย่างนี้ บ้าน่า... ไม่จริงสักหน่อย เจ้านายของเขาไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนี้พร้อมจะทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายได้ โอเซฮุนเชื่อแบบนี้มาตลอด
จูบที่ลึกซึ้งช่วงชิงลมหายใจ ราวกับเป็นครั้งสุดท้ายถ้าหากพรุ่งนี้เราต้องหันหลังให้กัน และเดินหน้าเข้าหาอนาคตซึ่งโอเซฮุนไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร ไม่กลัวแล้วว่าครอบครัวของเจ้านายจะรังเกียจเขาหรือไม่ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความกังวลในใจที่กำลังกัดกินคนที่ต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
กลิ่นหอมของคนตรงหน้าเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ว่าโอเซฮุนยังอยู่ตรงนี้กับเขา อยู่กับสัมผัสซึ่งมีแค่เราที่รับรู้ได้ว่ามันช่างดีแค่ไหน คนตัวผอมโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้เพื่อให้เจ้านายรู้ว่าโอเซฮุนอยู่ตรงนี้เสมอ
...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าคุณพูดเรื่องคำทำนายบ้า ๆ นั่นอีกผมจะโกรธแล้วก็เดินกลับโซลตอนที่คุณหลับอยู่”
คนผิวแทนสบตากับอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันแค่คืบเดียว เขายิ้มบาง ๆ พร้อมเอาหน้าผากชนกัน ก่อนจะผงกศีรษะช้า ๆ เพื่อเป็นคำตอบและให้รู้ว่าจ่าฝูงคนนี้ยอมโอเซฮุนทุกอย่างแล้ว
เพราะถ้าถามว่าคิมจงอินกลัวอะไรมากที่สุด ระหว่างคำนายกับการตายจากโอเซฮุนไป
เขาก็คงตอบข้อหลังได้โดยไม่เสียเวลาคิดเลยสักวินาทีเดียว
“ผมไม่พูดแล้ว เรื่องคำทำนายไร้สาระน่ะพูดแค่ครั้งเดียวก็คงเกินพอ”
TBC
ตอนแรกว่าจะเขียนให้ไฝว้กันตอนนี้ สุดท้ายก็ต้องตัดไปตอนหน้าเพราะยาวเกิน 5555555555555 ท้ด
ความคิดเห็น