คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 07 :: ซวยเพราะไปหาเขา
CHAPTER 07
ซวยเพราะไปหาเขา
แบคฮยอนก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากกลับมาถึงห้อง แม้ว่าเขาจะถามหรือเขย่าไหล่ แต่คนเป็นพี่ก็แค่ยิ้ม แล้วถามว่า ‘คืนนี้นอนเตียงกูไหม?’ ราวกับว่าอยากโดนฟาดเพื่อเลี่ยงการถูกถาม
ป๋ายเซียนปาหมอนข้างใส่เตียงพี่ชายแล้วคลุมโปง หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเล่นเพื่อให้หน้าจอส่องแสงสว่างในที่คับแคบ และสิ่งแรกที่ทำคือการตอบแชทชานยอลซึ่งคุยกันค้างกันไว้เมื่อสิบนาทีที่แล้ว และมันเป็นหัวข้อเดทของวันนี้ที่เขาไม่ได้เป็นคนไปด้วย
คนตัวเล็กถอนหายใจ กับการต้องเออออในสิ่งที่เขาได้ฟังจากปากพี่ชายแต่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ทั้งน้อยใจ หัวเสีย และเข้าใจทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือการกลั่นแกล้ง
‘พรุ่งนี้เราจะไปลองชุดให้ชานยอลนะ’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ป๋ายเซียนส่งไป ก่อนที่เขาจะหันไปมองเตียงห้าฟุตที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้แบคฮยอนคงหลับไปแล้วและไม่สนใจด้วยว่าน้องชายฝาแฝดอย่างเขาจะรู้สึกยังไง
พี่ชายของเขาคุยอะไรกับโอเซฮุนมานะ... อยากรู้จัง
เซฮุนเลือกจอดรถหน้าคณะมากกว่าการขับเข้าไปจอดใต้ตึก เขาไม่ชอบที่มืดแคบ ๆ ซึ่งมีแต่รถราคาแพงจอดข่มกันเรียงยาวเป็นแถวสองสามชั้น ดังนั้นการจอดข้างนอกให้โดนแดดโดนลมบ้างคงไม่แย่สักเท่าไหร่
แต่ยังไม่ทันเปิดประตูลงไปก็ต้องขมวดคิ้วทันทีที่เห็นใครคนหนึ่งโผล่มายืนอยู่หน้ารถ ใบหน้ามึน ๆ เหมือนคนนอนไม่พอกำลังก้ม ๆ เงย ๆ พร้อมมองป้ายทะเบียนรถเขาเพื่อเช็กให้แน่ใจ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างประตูฝั่งคนขับ
เซฮุนถอนหายใจเนือย ๆ พลางลดกระจกลงโดยที่ไม่หันไปมองรอยยิ้มซื่อบื้อของคนตัวเล็กที่ย่อตัวลงเกาะประตูเหมือนลูกหมา
“วัวไม่ขยับ”
มุกควาย
“กูมีสอบตอนแปดโมงครึ่ง และนั่นหมายความว่ามึงมีเวลาห้านาทีในการพล่าม”
“โหย ไรอะ สิบนาทีดิ” ป๋ายเซียนทำปากยื่น แม้ว่าอีกคนจะเลือกมองบ่อน้ำพุฝั่งตรงข้ามมากกว่าหน้าของเขา
“ลดเหลือสาม”
“เฮ้ย!”
“สอง”
“ก็ได้ ๆ พูดแล้วอะ” ป๋ายเซียนคว้าแขนอีกคนไว้ ซึ่งมันได้ผลกับการเรียกร้องความสนใจ เพราะตอนนี้เซฮุนยอมหันมามองเขาแต่โดยดีแล้ว แม้ว่าจะมาพร้อมสายตาติดรำคาญถึง 99% ก็ตาม “เมื่อคืนไอ้แบคฮยอนว่าไงมั่ง”
“คุยกันทุกเรื่องไม่ใช่หรือไง ไปถามพี่มึงเองสิ” คนตัวเล็กทำตาปริบ ๆ พร้อมถอยหลังออกมาสามก้าวเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูรถลงมา วันนี้เซฮุนก็ยังดูดีเหมือนทุกวัน ผมสีดำที่เซ็ทขึ้นนั่นทำให้รู้สึกเหมือนนายแบบที่เพิ่งเลิกงานแล้วมาเข้าเรียนต่อไม่มีผิด “มองอะไร”
“ทรงผมมึงเท่ดีอะ ตัดร้านไหนนะ”
“ไร้สาระ” เซฮุนขมวดคิ้วมองใบหน้ามึน ๆ ของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะส่งสายตาให้รู้ว่า ‘คุยกันก่อนนะ อย่าเพิ่งไป ;_;’
“แบคฮยอนมันขู่มึงใช่ไหม ถึงได้โกรธขนาดนี้”
“คิดว่ากูต้องกลัวคนเตี้ย ๆ อย่างนั้นเหรอ ช่วยนึกถึงอะไรที่มันสามารถเกิดขึ้นได้กับความเป็นจริงด้วย” เขาผลักหัวคนตัวเล็กจนกลุ่มผมสีเข้มยุ่งเหยิงไปหมด แต่เจ้าของใบหน้าเหมือนคนที่จูบเขาเมื่อคืนกลับยิ้มแห้งพร้อมหัวเราะแหะ ราวกับไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจใด ๆ
“จริงด้วย พี่กูมันเตี้ย”
“...”
“กูก็เตี้ยเหมือนกัน” ป๋ายเซียนสบตากับคนตัวโตกว่า เขย่งขายืดตัวเพิ่มความสูงจนร่างโงนเงนไปมาและต้องหยุดอยู่กับที่เพราะถูกมือใหญ่จับหัว
“ไร้ – สา – ระ”
“สองรอบแล้วนะ คนอะไรเย็นชาได้เย็นชาดี คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายน้ำแข็งไงวะโอเซฮุน นี่โมโหแล้วนะ กำหมัดแน่นแล้วด้วยอะ” คนอุตส่าห์ตั้งใจมาขอโทษ ทำไมเป็นคนใจบาปไม่รู้จักให้อภัยคนอย่างนี้ แค้นฝังหุ่นเหรอ เดี๋ยวต่อยพุงเลย
“ไม่พอใจเหรอ จะต่อยไหมล่ะ เล่นมันตรงนี้เลย” เซฮุนแค่นหัวเราะ ก้มหน้ามองอีกฝ่ายในระยะใกล้ และสุดท้ายบยอนป๋ายเซียนก็เป็นผู้แพ้
“นี่มาขอโทษนะเนี่ย มึงทำเสียบรรยากาศหมดเลย”
“บอกกูทำไม ไปบอกปาร์คชานยอลสิ” เซฮุนถอนหายใจพลางเดินไปเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ คว้ากระเป๋าขึ้นมาแล้วตรงไปยังตึกแฟชั่น ซึ่งมีคนตัวเล็กเดินตามมาติด ๆ
“บอกแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“เออ งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ทำไมต้องไล่ด้วยอะ แบคฮยอนมันพูดยั่วโมโหมึงใช่ไหม” ป๋ายเซียนพยายามเร่งความเร็วเพื่อทำให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพูด เซฮุนก็ยิ่งหัวเสีย “บอกมาได้เลยนะ กูซ้อมมันบ่อย เคยทำมันหัวแตกมาแล้วตอนเจ็ดขวบอะ”
เป็นลิงเป็นค่างทั้งคู่...
“อย่าโกรธนาน พี่กูมันก็เป็นบ้าเป็นบออย่างนั้นแหละ แต่มันไม่คิดร้ายกับใครจริง ๆ หรอก”
“รวมถึงเรื่องที่มึงสองคนรวมหัวกันหลอกคนอื่นด้วยหรือเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มพลิกตัวหันเข้าหาคนตัวเล็ก สบตาอย่างเอาเรื่อง เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบให้กระอักเลือดดำกันไปข้าง
เขาไม่ได้เป็นห่วงปาร์คชานยอลเลยสักนิด แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไม่รู้สึกดีกับสิ่งที่ได้รับรู้ ซึ่งถ้าเรายังต้องทำงานด้วยกัน โอเซฮุนก็ไม่อยากรู้สึกขุ่นเคืองใจกับนายแบบของตน ทั้งเรื่องโกหก และเรื่องความรู้สึกของเขาด้วย
“จะตามขึ้นไปถึงหน้าห้องสอบเลยไหม?”
“ถึงหน้าลิฟต์-- หมายถึงลิฟต์ชั้นที่มึงสอบ” ป๋ายเซียนเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน เพราะตอนนี้อีกแค่ไม่กี่เมตรทั้งคู่ก็จะถึงหน้าลิฟต์แล้ว
“ไม่กลัวเจอปาร์คชานยอลหรือไง? อ่า... ลืมไปว่ามันคงไม่สงสัยว่าทำไมป๋ายเซียนที่รักถึงไม่ใส่เสื้อช็อปวิศวะ” พูดจบก็แทรกตัวเข้าไปด้านในลิฟต์ คนตัวเล็กเบะปากแล้วตามเข้าไป ยืนขนาบข้างใกล้ ๆ แต่ก็ถูกผลักหัวออกอยู่ดี
“กูคุยกับมึงอยู่ ไม่เห็นต้องพูดถึงชานยอลเลยอะ ไม่ขี้แซะดิ”
“ไม่ได้อยากพูดหรอก ถ้าไม่พอใจก็แหวกประตูออกแล้วกระโดดลงไปชั้นใต้ดินซะสิ” เซฮุนพยักหน้าไปทางประตูลิฟต์ แต่คนตัวเล็กกลับทำปากจู๋
“ถ้ากูโดดลงไปตายมันจะส่งผลกระทบระยะยาวเลยนะ ข้อแรกคือแบคฮยอนมันต้องเสียใจจนไม่อยากถ่ายแบบให้พวกมึง พอไม่มีนายแบบ พวกมึงก็ต้องเริ่มหาคนมาใส่ชุดแทน ซึ่งหุ่นแบบกูสองคน--” ป๋ายเซียนทำตาปริบ ๆ ทันทีที่ถูกอีกคนเอามือปิดปาก
แผ่นหลังบางเอนถอยหลังตามแรงดันของคนตรงหน้าจนชนกับผนังลิฟต์ รู้สึกได้ถึงความอึดอัดเมื่ออีกฝ่ายประชิดตัวเข้ามา คนตัวเล็กมองใบหน้าได้รูปของคนตัวโตกว่าและลุ้นว่าจะถูกหลอกด่าเจ็บ ๆ ด้วยคำไหนอีก
ภายในลิฟต์เงียบจนได้ยินเสียงหายใจ ป๋ายเซียนมองเงาตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นที่จ้องมาเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งป๋ายเซียนคงไม่มีทางรู้ เพราะคนโง่อย่างเขาคงเดาใจใครไม่ออก
“พอถ่ายแบบเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก”
เซฮุนรู้ว่าประโยคนี้ค่อนข้างร้ายแรง และมันคงไม่ส่งผลเสียนักถ้าหากคนตรงหน้าคือบยอนแบคฮยอน เพราะไอ้เตี้ยนั่นคงเลือกที่จะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ พร้อมบอกกับเขาว่า ‘กูจะโผล่เหง้าหน้ามาให้มึงเห็นทุกวันเลย’ หรือไม่ก็จูบทำลายล้างสมองเขาเหมือนเมื่อคืน
มือที่ปิดปากค่อย ๆ ถูกจับให้เลื่อนลง เชื่อเถอะว่าโอเซฮุนไม่เคยรู้สึกผิดมาก่อนจนกระทั่งเห็นสีหน้าของบยอนป๋ายเซียนในตอนนี้ รอยยิ้มแห้ง ๆ ซึ่งสวนกับสายตาที่มองมาน่ะ... ไอ้เตี้ยเบอร์สองกล้าดียังไงถึงทำให้เขารู้สึกอย่างนี้
“โอเค ได้เลย” ทั้งคู่ผละออกจากกัน และทิ้งจังหวะไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวกูจะคุยเรื่องนี้กับแบคฮยอนอีกที มึงไม่ต้องห่วง-- ไม่สิ ต้องบอกว่าตั้งใจสอบนะ”
“...”
“มีคนเคยบอกว่าคนเราลืมง่ายถ้าอยู่ห่าง ๆ สิ่งนั้นไปสักพักนึง” ป๋ายเซียนกดลิฟต์อีกชั้น ก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ต่างไปจากแบคฮยอนอย่างสิ้นเชิง “งั้นกูจะไม่โผล่มาให้เห็นอีกสักพัก พอถึงตอนนั้น มึงก็อย่าลืมที่จะหายโกรธกูกับพี่นะ”
โอเซฮุนกำลังหัวเสียมาก ๆ
ใช่... ถ้าไอ้เตี้ยหมายเลขสองตีมึนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือเงียบหายไปหลังจากถูกจับได้ เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่การที่อีกฝ่ายยืนทำตาใส ฝืนยิ้มอย่างโง่ ๆ ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์พร้อมโบกมือให้เป็นครั้งสุดท้าย มันก็ทำให้โอเซฮุนไขว้เขวและหงุดหงิดกับที่เป็นอยู่ยิ่งกว่าเดิม
ว่าตอนนี้เขากำลังใจอ่อนเพราะนิสัยป๋ายเซียน หรือเป็นเพราะจูบเมื่อคืนที่ตามมาหลอกหลอนเขาจนถึงวินาทีนี้กันแน่?
คนตัวเล็กรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดหลังจากเรียนเสร็จ เขาไม่อยากไปหาชานยอลโดยไม่มีเสื้อช็อป เพราะกลัวถูกสงสัยจนแผนแตกเหมือนคราวเซฮุน ป๋ายเซียนมองไปยังเตียงฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า ตอนนี้พี่ชายฝาแฝดของเขาคงกำลังเรียนอยู่ และแน่นอนว่ามันเป็นจังหวะที่ดี
สองขารีบพาตัวเองไปขึ้นแท็กซี่ เพราะรถเมล์คงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดในวินาทีนี้ เขาไม่อยากให้ชานยอลต้องรอนาน ดังนั้นป๋ายเซียนจึงไปถึงร้านบิงซูใกล้มหาลัยภายในเวลาอันสั้น
ผลักประตูกระจกเข้าไปแล้วก็พบแผ่นหลังกว้างของใครคนหนึ่งที่ง่วนอยู่กับอะไรบางอย่างทางด้านซ้ายมือ คนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อคำพูดของโอเซฮุนกลับมาตอกย้ำให้รู้สึกผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเขาและพี่ชายแย่แค่ไหนกับความคิดบ้า ๆ ที่มีต่อปาร์คชานยอล
เขายังจำสีหน้าผู้ชายคนนั้นได้ดี ซึ่งป๋ายเซียนไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาและแบคฮยอนทำร้ายจิตใจคนอื่นไปมากเท่าไหร่ กับความคึกคะนองที่นึกถึงเพียงความสนุก
สายตามองไปยังเจ้าของรูปร่างดูดีซึ่งเป็นจุดเด่นให้สาว ๆ รอบข้างลอบมองอยู่เรื่อย อีกทั้งผมสีเทาที่บางวันเซ็ทขึ้น บางวันปล่อยลง แต่โดยรวมปาร์คชานยอลก็ดูน่ารักในสายตาป๋ายเซียนอยู่ดี
แต่น่าแปลกที่ผู้ชายเจ้าชู้ไม่หันไปเล่นหูเล่นตาเหมือนอย่างเคย ใช่! ทำไมจะจำไม่ได้ว่าชานยอลสายตาลอกแลกแค่ไหนเวลาเขาเผลอ ถึงจะไม่บ่อย แต่มันก็ทำให้รู้ว่าป๋ายเซียนต้องพยายามมากกว่านี้ถ้าคิดจะเอาชนะใจอีกฝ่าย
“ชานยอล...”
“อ้าวป๋าย... มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เจ้าของชื่อยิ้มแห้งพร้อมพับสมุดเก็บใส่ในกระเป๋า ปั้นหน้ายิ้มแปลก ๆ ราวกับคนถูกจับผิดได้จนชวนให้สงสัย หลังจากที่เขาโผล่หน้ามาจากด้านหลัง
“ทำไมต้องซ่อนอะ ขอดูหน่อยสิ”
“แต่งตัวสบาย ๆ ดีนะวันนี้ น่ารักเลย”
คนตัวเล็กหรี่ตาพร้อมแบมือออกมาตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพยายามบ่ายเบี่ยงชักแม่น้ำทั้งโลกมายังไง ซึ่งดูเหมือนว่าชานยอลคงลำบากใจที่จะบอก บยอนป๋ายเซียนไม่ใช่คนชอบบังคับ แต่เขาจะทำถ้ามันให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายฝาแฝด
“เราสเก็ตภาพเล่น ๆ น่ะ รูปหุ่น” ชายหนุ่มยิ้มเจื่อน แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ชานยอลจึงค่อย ๆ หยิบสมุดออกมา แล้ววางลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าซึ่งต่างไปจากทุกครั้ง
ป๋ายเซียนเลื่อนสมุดเข้าหาตัว จนถึงวินาทีสุดท้ายคนตัวสูงก็ยังทำท่าว่าจะยื้อไว้เพื่อให้รู้ว่าไม่เต็มใจ และป๋ายเซียนเวอร์ชั่นงี่เง่าเจ้าเผด็จการเหมือนแบคฮยอนก็เป็นฝ่ายชนะ
คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง กับลายเส้นที่กระหวัดเป็นเรื่องเป็นราวบนกระดาษและมันสวยอย่างไม่น่าเชื่อว่าปาร์คชานยอลจะเป็นคนวาดมันเองกับมือ ในหัวเกิดคำถามว่า ‘จริงเหรอ?’ อยู่ตลอดตอนเปิดหน้าถัดไป ทั้งรูปหุ่นชายหญิง ซึ่งปะปนกับการ์ตูนสแลมดังก์และดรากอนบอลที่กำลังต่อสู้กัน และมีบอลลูนคำพูดประกอบอยู่ด้านบน
ป๋ายเซียนเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายที่กำลังมองมาอย่างประหม่า แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เกิดขึ้นกับหลงตัวเองเกินร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างปาร์คชานยอล
“วาดเองเหรอ”
“มันงี่เง่าใช่ไหม ลืม ๆ ไปเถอะ” คนตัวสูงหัวเราะ แล้วดึงสมุดสเก็ตภาพกลับ แต่คนตัวเล็กกลับยื้อไว้
“พูดอะไรอย่างนั้น เราว่าเจ๋งมากเลยนะ ลายเส้นชานยอลเหมือนนักวาดการ์ตูนมืออาชีพเลยอะ” ป๋ายเซียนยิ้มกว้าง เขาไม่ได้พยายามปลอบใจอีกฝ่ายด้วยคำพูดหรือสีหน้า แต่ทุกอย่างที่แสดงออกมันคือความจริง ซึ่งรอยยิ้มของอีกฝ่ายค่อย ๆ เกิดขึ้น มันก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยเลย
“แค่วาดเล่น ๆ ก็คนมันอัจฉริยะนี่นะ...” ชานยอลพูดกลั้วหัวเราะ แต่ป๋ายเซียนกลับคิดว่าอีกฝ่ายกำลังกลบเกลื่อนมันอยู่
ชานยอลกำลังอายเหรอ เขาไม่รู้หรอกว่าสังคมเด็กแฟชั่นเป็นแบบไหน แต่การวาดรูปการ์ตูนเล่น ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย
“เราชอบนะ ไว้วันหลังชานยอลวาดให้เราดูอีกได้ไหม” ป๋ายเซียนเท้าคางมองอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง ซึ่งดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูดนัก วูบหนึ่งคนตัวเล็กคิดว่าชานยอลกำลังประทับใจ แต่ผ่านไปแค่เสี้ยววิ สีหน้าอีกฝ่ายก็เปลี่ยนกลับไปเป็นคนเดิม
“เราไม่ค่อยชอบวาดซะด้วยสิ ส่วนใหญ่จะวาดให้เกิดไอเดียเสื้อผ้ามากกว่าน่ะ ไอ้พวกนี้แค่ลากเส้นเล่น ๆ ฆ่าเวลา ที่มันออกมาสวยก็เพราะพรสวรรค์ที่ใช่ว่าจะมีทุกคน” ชานยอลหัวเราะร่า รัวเปิดไปช่วงหน้าแรก ๆ แล้วก็ได้เห็นแบบหุ่นไร้ใบหน้าที่ถูกสเก็ตเป็นรูปเป็นร่าง
“ชานยอลเก่งมากเลยอะ สุดยอด” คนถูกชมอมยิ้ม ก่อนจะปิดสมุดลงแล้วให้ความสนใจกับคนตัวเล็ก
“ป๋ายเซียนหิวหรือยังหืม?”
“ไม่ค่อยอะ ชานยอลล่ะ”
“เหมือนกัน งั้นไปบ้านเราเลยไหม?” พอเห็นว่าคนตัวเล็กพยักหน้า เขาจึงลุกขึ้นยืนพร้อมชูเงินจำนวนหนึ่งขึ้นมาเป็นเชิงบอกว่าจะเดินไปตบทิปให้พนักงานสักหน่อย ป๋ายเซียนอมยิ้ม ถึงจะได้เห็นชานยอลอีกมุมในวันนี้ แต่เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าชอบเวอร์ชั่นหลงตัวเองมากกว่า
คนตัวเล็กยืนมองแผ่นหลังกว้างของผู้ชายคนนั้นที่เดินไปหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมคุยอวดอะไรก็ไม่รู้ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ รอยยิ้มที่เคยแต่งแต้มบนใบหน้าบยอนป๋ายเซียนก็เลือนหายไป เพราะคำพูดของโอเซฮุนเมื่อตอนเช้ามันกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้และวันถัดไปก็คงนึกถึงอีก
‘พอถ่ายแบบเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก’
ส่ายหัวไล่คำพูดและสีหน้าโอเซฮุนทิ้งจากความคิด แล้วหันกลับไปสำรวจความเรียบร้อยบนโต๊ะ ก่อนจะพบดินสอที่ชานยอลลืมไว้ เขาหยิบมันขึ้นมาด้วย แต่พอหันกลับมาอีกทีก็ต้องเซถอยหลังไปสองก้าวเพราะชนกับผู้หญิงคนหนึ่งจนบิงซูในถ้วยหกใส่เสื้อของเขา
“ขอโทษค่ะพี่!”
“ขอโทษค่ะ!” สองสาวรีบขอโทษขอโพยเพราะเอาแต่คุยกันจนลืมดูทาง
“ไม่เป็นไรครับ” ป๋ายเซียนยิ้มเจื่อน เขาเชื่อแล้วว่าเมื่อไหร่ที่ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี เรื่องแย่ ๆ มากมายก็จะถาโถมเข้าใส่อย่างไร้เหตุผลพร้อม ๆ กัน
รวมถึงตอนนี้ด้วย
“เป็นไงบ้าง?” ชานยอลรีบตรงเข้ามาหาคนตัวเล็ก ก่อนจะเอื้อมไปดึงทิชชู่ตรงแผงน้ำดื่มออกมาเต็มกำมือเพื่อเช็ดเสื้อให้คนตัวเล็กที่ยืนนิ่ง ๆ อย่างคนสิ้นคิด
‘พอถ่ายแบบเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก’
ป๋ายเซียนเม้มริมฝีปากมองคนตัวโตที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดเสื้อให้เขาอย่างตั้งใจ ชานยอลยังคงเงยหน้าขึ้นมาถามเป็นระยะว่าเขารู้สึกยังไงกับอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครั้งนี้
เขาไม่ใช่คนรักสะอาดขนาดนั้น ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงหันไปยิ้มให้คู่กรณีแล้วเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย แวะหอพักไอ้จงแดเพื่อยืมเสื้อเปลี่ยนก่อนเข้าเรียน และลืมเรื่องนี้ได้อย่างง่าย ๆ
แต่ที่ป๋ายเซียนเป็นคือยืนนิ่ง ๆ พร้อมฝืนยิ้มออกมาอย่างคนโง่ เขาเอาแต่สบตากับผู้ชายบ้าบอที่ดีแต่หลงตัวเอง พูดคำเลี่ยน ๆ แต่ไม่เคยทิ้งให้เขาต้องเหงา ผู้ชายที่วาดรูปสวยแต่กลัวคนอื่นเห็นผลงานตัวเอง แล้วก็อ้างว่าเป็นเพราะมีพรสวรรค์นั่นน่ะ
พี่ชายของเขาทำอะไร ทำไมชานยอลถึงยอมให้เห็นในมุมที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นอย่างนี้?
“ชานยอลชอบเราจริง ๆ ได้ไหม”
“พูดอะไรอย่างนั้น เราก็ชอบป๋ายเซียนอยู่แล้วนี่ ไม่คิดมากสิคนดี”
คนตัวสูงโอบไหล่ป๋ายเซียนให้เดินออกไปขึ้นรถด้วยกัน คนตัวเล็กนั่งนิ่ง ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าเพื่อจมกับความคิดที่เหมือนจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ชอบแบคฮยอนในคราบของเขา
“...”
“เราอยู่ตรงนี้แล้ว ป๋ายเซียนสบายใจขึ้นไหม?” คนตัวเล็กก้มลงมองอีกคนที่กุมมือเขาไว้ ก่อนจะคลึงเบา ๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือ ป๋ายเซียนมองใบหน้าหล่อที่มองมาด้วยรอยยิ้ม... รอยยิ้มที่ไม่เคยรู้อะไรเลยว่ากำลังถูกฝาแฝดใจร้ายหลอกให้รักอยู่
กับความอึดอัดที่เก็บไว้ในใจมาตลอดทั้งวันโดยไม่รู้เลยว่าทำไมคำพูดของโอเซฮุนถึงรุนแรงกับความรู้สึกได้ถึงขนาดนี้ ไม่อยากเจอกันขนาดนั้นเลยเหรอ เราไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้เพราะเขากับพี่ชายเป็นคนนิสัยไม่ดีใช่ไหม?
อีกทั้งเรื่องราวที่ไม่รู้ว่าพี่ชายไปพูดอะไรกับเซฮุนบ้าง มันน่าอึดอัดใจแค่ไหนที่ป๋ายเซียนทำได้แค่อยู่เฉย ๆ แบคฮยอนออกคำสั่งไม่ให้เขาไปเจอกับชานยอลอีก ไอ้บ้านั่นจะไม่ล้มเลิกแผนนี้ และจะทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว
“คืนนี้เรา... ค้างบ้านชานยอลได้ไหม”
TBC
มิตรภาพคือเวทมนตร์
ความคิดเห็น