ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GUESS WHO? #คนไหนแฟนเรา | CHANBAEK & HUNBAEK

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 18 :: ซวยจนโป๊ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.84K
      47
      8 พ.ค. 59

    (c) Chess theme

     


     

    CHAPTER 18

    ซวยจนโป๊ะ

     

     



     

    โดคยองซูเคยบอกว่าคนเก็บอาการเก่งน่ะน่ากลัว เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าคน ๆ นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา เสียใจ คนเหล่านั้นจะเก็บอาการไว้ได้ นั่นก็รวมถึงโอเซฮุนด้วยเช่นกัน

     

    แต่สำหรับบางเรื่องใช่ว่าจะเป็นเส้นตรงตายตัว ลู่หานบอกว่าต่อให้คนประเภทนี้แม่งจะเก็บอาการเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายสิ่งที่เรียกว่า เพื่อน ก็มองทะลุปรุโปร่งได้อยู่ดี

     

    ชายหนุ่มคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ใช่ เซฮุนคิดอย่างนั้นจริง ๆ กับอาการอกหักที่เป็นกันเศษหนึ่งส่วนสี่ของโลกเมื่อรวมเขาเข้าไปในนั้นอีกคนหนึ่ง ไอ้ลู่หานถามว่าอยากกินเหล้าย้อมใจหรือเปล่า ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอกหักแล้วต้องเมา และมันก็ให้คำตอบมาว่า

     

     

    เมาเพื่อลืมเธอไง เผลอ ๆ ได้เจอคนใหม่ด้วย

     

     

    อยากรู้นักว่าใครเป็นคนคิดตรรกะบ้า ๆ แบบนี้ เพราะนอกจากลืมไม่ได้แล้วยังตื่นมาพบอาการคลื่นไส้ ปวดหัวไปทั้งวันอีก เขายอมเข้ายูทูปดูแฟชั่นโชว์ทั้งวันยังดีกว่าให้ไปทำอะไรอย่างนั้น

     

    เพราะแต่ละคนมีวิธีบรรเทาความเสียใจต่างกัน ซึ่งโอเซฮุนยังจัดอยู่ในจุดที่โอเคกับใจตัวเองอยู่ ถึงแม้ไอ้เตี้ยเบอร์หนึ่งจะชอบคนอื่น แต่อย่างน้อยเราก็ยังคุยกัน และไม่มีใครขอจบความเป็นเพื่อนเพราะไม่ได้คบกัน แต่ถามว่าจะตัดใจไหม?

     

     

    โอเซฮุนก็คงตอบว่ายังไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัว

     

     

    ตอนนี้เขากับป๋ายเซียนมีอะไรคล้ายกันอยู่หลายอย่าง เช่นการพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ทำเหมือนว่าไม่เจ็บแม้ในหัวจะยังมีแต่เรื่องของใครอีกคน เขาเห็นว่าไอ้เตี้ยเบอร์สองแอบไปส่องหน้าคณะจนบังเอิญป๊ะกันอย่างไม่ตั้งใจ พอถามว่าทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เจ้าตัวก็บอกว่า

     

     

    กลัวชานยอลเห็นแล้วจะรู้สึกไม่ดี

     

     

    น่าหงุดหงิดที่มันเลือกแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่จะว่าป๋ายเซียนก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาเองก็เลือกทำแบบนั้นเช่นกัน เขายังคงแคร์ความรู้สึกของแบคฮยอน ถึงได้เลือกที่จะไม่ถามว่าคนที่มันชอบคือใคร

     

    เขาเข้าใจแบคฮยอนแล้วว่าทำไมมันถึงหวงน้องชายนักหนา ก็เพราะซื่อบื้อดูไม่ทันคนจนเขาต้องคอยดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ จากที่เคยทำเหมือนรำคาญ ก็เปลี่ยนเป็นความเอ็นดู แต่แน่นอนว่าโอเซฮุนไม่ได้แสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้ ชายหนุ่มแค่อยากช่วยไอ้พี่ชายบ้าบอนั่นดูแลน้อง อยากเป็นกำลังใจให้ ถึงจะแปลกใจกับวิธีแสดงความรักของสองแฝดอยู่บ้างก็ตาม

     

    เซฮุนคอยจับตามองชานยอลอยู่ห่าง ๆ เขาอยากรู้ว่าไอ้เวรนั่นรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องป๋ายเซียนบ้างหรือไม่ และการไม่เห็นตุ๊กตาหน้ารถคนใหม่ ไม่มีการหลีสาวให้เห็น นั่นก็เป็นเรื่องดี แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่น่าพอใจอย่างที่ควรจะเป็น

     

     

    เพราะเขาเห็นว่าแบคฮยอนไปกับมัน

     

     

    โอเซฮุนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย... ใช่ เขาคิดว่างั้นนะ แต่ทุกครั้งที่เห็นทั้งคู่ไปด้วยกัน ในหัวมันก็พาลนึกไปถึงประโยคปฏิเสธวันนั้นที่ยังคงก้องอยู่ในความคิดมาตลอด

     

     

    กูมีคนที่คิดว่าชอบอยู่แล้ว และนั่นคือปัญหาของกูตอนนี้

     

     

    และถ้าใช่จริง ๆ มันคงไม่แย่แค่กับใจเขาคนเดียว... แต่คงลามไปถึงใจของป๋ายเซียนด้วย

     

     
     

     

     
     

    ทำตัวเป็นสโตกเกอร์ไปได้ มึงสนิทกันในระดับไหนถึงได้ขับรถสะกดรอยตามเขาต้อย ๆ แบบนี้เนี่ย? ลู่หานขมวดคิ้ว มองเพื่อนสนิทที่ลุกลี้ลุกลนมองตามคนตัวเล็กที่เพิ่งลงจากรถเมล์และตรงเข้าไปในโรงพยาบาลกังนัม

     

    กูอยากรู้ว่าแบคฮยอนมันมาโรงพยาบาลทำไม แค่นั้นแหละ

     

    เขาอาจจะป่วย หรือไม่ก็มาเยี่ยมคนรู้จักก็ได้

     

    เออ กูจะได้รู้วันนี้ พูดจบก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะหันไปตบบ่าเพื่อนสนิทที่ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจเขาจนถึงวินาทีนี้ ฝากเอารถไปจอดที่บ้านด้วย ขอบใจมาก

     

    เฮ้ย เดี๋ยวดิ หนุ่มชาวจีนค้างอยู่ในท่าเอื้อมมือไปข้างหน้า ก่อนที่เสียงประตูจะปิดลงพร้อมร่างผอมสูงของเพื่อนสนิทที่วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ให้ตายสิวะ เขาไม่เคยเห็นเซฮุนเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน อะไรมันจะร้อนรนเพราะคน ๆ เดียวขนาดนั้น

     

    คนตัวผอมพยายามเดินทิ้งห่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ซึ่งแบคฮยอนคงให้ความสนใจกับเพลงในหูฟังมากกว่าจะระวังหน้าระวังหลังว่ามีคนเดินตามมาหรือไม่ เจ้าของเสื้อช็อปตัวนั้นตรงเข้าไปด้านใน เดินผ่านตึกอายุกรรมที่เราเจอกันเมื่อคราวที่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเดินไปตรงทางเดินแคบแทนที่จะเข้าตึก

     

    ทางนี้เชื่อมต่อไปยังตึกประสาทวิทยา รอบข้างมีสวนเล็ก ๆ และม้านั่งอยู่สองตัว ชายหนุ่มหันกลับไปสนใจกับแผ่นหลังของคนตัวเล็กอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าไปด้านใน เขาจึงต้องหยุดอยู่ตรงหัวมุม

     

    เซฮุนชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อสังเกตการณ์ เขาเห็นว่าแบคฮยอนหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้วยื่นกระดาษที่ถูกพับหลายทบให้กับพยาบาลวัยกลางคน แล้วเธอก็ยื่นบัตรคิวให้พร้อมผายมือไปทางด้านซ้าย

     

    คนตัวผอมเดินออกมาจากมุมทางเดินเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เขายังคงตามอยู่ห่าง ๆ และไม่ให้แบคฮยอนรู้ตัว กระทั่งเห็นว่าคนตัวเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ยาวหน้าแผนก เขาจึงขมวดคิ้วแล้วหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

     

    ทีแรกคิดว่าแบคฮยอนอาจจะมาเยี่ยมใครสักคนที่ตึกอายุรกรรม แต่ภาพที่เห็นคงไม่ใช่การขอเข้าเยี่ยมไข้แน่ ถึงจะอยากรู้มากแค่ไหน แต่โอเซฮุนจะโผล่พรวดพราดเข้าไปตอนนี้ไม่ได้

     

    รออยู่สักพักพยาบาลจึงเดินขึ้นมาชั้นบนพร้อมแฟ้มใหญ่ เธอเอาไปยื่นตรงเคาน์เตอร์ตรงส่วนกลางเพื่อให้ทางนี้รับช่วงต่อ ก่อนแฟ้มเหล่านั้นจะถูกนำไปแจกจ่ายในห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกัน

     

    คุณบยอนแบคฮยอนอยู่ไหมคะ? เชิญเข้าพบคุณหมอได้แล้วค่ะ

     

    พยาบาลสาวที่อยู่เคยอยู่ในห้องนั้นผายมือให้เจ้าของชื่อ ก่อนเธอจะเดินออกมาและให้แบคฮยอนเดินเข้าไป คนตัวเล็กโค้งศีรษะทักทายคนที่อยู่ด้านใน ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในวินาทีถัดมา

     

    เซฮุนเดินออกมาจากตรงนั้นทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปไหน ขายาวหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์เมื่อครู่ พร้อมมองไปยังพยาบาลที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน และเพียงครู่เดียว เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม

     

    สวัสดีค่ะ นัดคุณหมอไว้หรือเปล่าคะ?

     

     

     

     

     
     

    เซฮุนยังคงคิดไม่ตกเรื่องเมื่อวาน เขาจำได้ว่าแอบรออยู่ละแวกนั้นเป็นชั่วโมงก่อนแบคฮยอนจะเดินออกมาจากตึก สีหน้าคนตัวเล็กนั้นเรียบเฉย ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าตัวจะยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีหลังเดินออกมาจากแผนกจิตเวช สีหน้าอีกฝ่ายในตอนนั้นราวกับว่ามีอะไรอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีทางล่วงรู้ได้

     

    ชายหนุ่มต้องเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ และคิดว่าจะทำยังไงถึงจะรู้คำตอบ ให้ไปถามป๋ายเซียนงั้นเหรอ เผลอ ๆ ไอ้เตี้ยนั่นอาจจะไม่รู้ยิ่งกว่าเขาก็ได้

     

    เฮ้อ มึงอีกแล้วเหรอวะ

     

    ชายหนุ่มทั้งสองยืนประจันหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์นัก หลังจากอาจารย์บอกว่างานครั้งนี้ให้จับคู่เดิมเหมือนคราวก่อน จะได้ไม่วุ่นวายและสะดวกต่อการคุยงานเพราะเคยทำร่วมกันมาแล้ว ซึ่งมันคงเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่นับปาร์คชานยอลกับโอเซฮุนรวมเข้าไป

     

    อย่าทำหน้าแบบนั้น กูก็ไม่อยากคู่กับมึงเหมือนกัน สีหน้าโอเซฮุนไม่ได้ต่างไปจากที่พูดเลยสักนิด ไหนจะท่าทางจองหองของมัน เห็นแล้วคันตีนที่สุด

     

    กูรู้สึกก่อน ชานยอลถลึงตามอง เชิดหน้าหวังเอาชนะ

     

    ปัญญาอ่อน

     

    มึงก็ปัญญานิ่ม หึ... คำพูดคำจานี่อย่างกับถอดกันมา

     

    หมายถึงใคร? เซฮุนขมวดคิ้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่ทำตาโต ยกไหล่ขึ้นอย่างกวนประสาทแต่ไม่ยอมตอบคำถาม

     

    ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนคนที่เดินผ่านไปต้องหันกลับมามองความหล่อแบบคูณสองที่ฟาดฟันกันอยู่ใต้ตึกคณะ ทั้งคู่จิ๊ปากอย่างหัวเสียแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน ระหว่างนั้นก็หันไปมองคนที่เดินตีคู่มาเป็นระยะ ราวกับว่ากำลังส่องกระจกอยู่เมื่ออีกฝ่ายก็มีท่าทีเหมือนกันไม่มีผิด

     

    เอาเหมือนงานคราวที่แล้วไหมล่ะ ทำของใครของมัน ไม่ต้องมายุ่ง

     

    งานนี้ตัดชุดเดียว จะให้คนนึงทำเสื้อ อีกคนทำกางเกงเหรอ อย่าโง่ได้ไหมปาร์คชานยอล

     

    แล้วจะให้ทำกับมึงเนี่ยนะ กูยอมผูกคอตายดีกว่า ชานยอลแค่นหัวเราะ พร้อมเหลือกตาแลบลิ้นขณะทำท่าเอามือบีบคอตนเอง จนถึงตอนนี้คนรอบข้างก็ยังหันมาให้ความสนใจ ว่าครั้งนี้ทั้งคู่จะต่อยกันหรือไม่ หลังจากกัดกันมานานและสุดท้ายก็จบด้วยการเดินหนีเหมือนทุกที

     

    เดี๋ยวกูไปยืมเชือกลุงยามให้ ผูกตอนนี้เลยไหมล่ะ?

     

    ถุ้ย ๆๆ คนตัวสูงทำท่าประกอบ เซฮุนเพียงถอนหายใจพลางเหล่มองไอ้ควายตัวใหญ่ที่ยังปัญญาอ่อนไม่เลิก คิดว่าเขาอยากดิ้นรนทำงานกับมันมากหรือไงกัน

     

    รีบมาทำให้มันจบ ๆ จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก ตอนส่งงานก็บอกอาจารย์เลยว่างวดหน้าขอแลกคู่

     

    ได้ กูก็ไม่อยากยุ่งกับมึงเหมือนกัน ไอ้สมภารกินไก่วัด สีหน้าปาร์คชานยอลล่อส้นตีนแค่ไหน คงมีแค่โอเซฮุนเท่านั้นที่สัมผัสได้มากที่สุด ชายหนุ่มตัวผอมขยับปากด่าพ่ออีกฝ่ายแบบไม่มีเสียง ซึ่งคนถูกด่าเพียงแค่ยิ้มอ้อร้อล่อตีนไม่เลิก

     
     

     

     

     
     

    ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้างานนิทรรศการของคณะศิลปกรรมที่เปิดเป็นวันสุดท้ายก่อนจะถูกแทนที่ด้วยฝั่งคณะวิทยาศาสตร์ในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากโจทย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอิสระ ความแหวกแนว ดังนั้นศิลปะก็คงเป็นอีกหนึ่งไอเดียดี ๆ ที่ชานยอลคิดว่าน่าจะให้อะไรเขากับโอเซฮุนได้บ้าง

     

    ในหัวมึงตอนนี้มีอะไรบ้างไหมวะเซฮุน

     

    ว่างเปล่า แล้วมึงล่ะ

     

    เหมือนกัน พออยู่ข้าง ๆ มึงแล้วกูเหมือนโดนดูดความฉลาดไปยังไงก็ไม่รู้ พูดจบก็เบ้ปาก ก่อนทั้งคู่จะขยับออกข้างไปหนึ่งก้าวอย่างรังเกียจ

     

    งั้นแยกกันเดินดู แล้วมาเจอกันตรงนี้

     

    “Deal”

     

    สองหนุ่มแยกย้ายกันเดินดูงานนิทรรศการ เพื่อหาไอเดียให้กับงานคู่ซึ่งเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง ที่นี่ค่อนข้างเงียบ เพราะผู้คนต่างให้เกียรติสถานที่และเสพผลงานอย่างมีมารยาท ทั้งคู่ก็เช่นกัน พอถึงเวลาจริงจังแล้วปาร์คชานยอลกับโอเซฮุนเป็นต้องพักรบเพื่อช่วยกันไปจนถึงฝั่ง

     

    ขายาวกลับมายืนอยู่ที่นัดหมายพร้อมสไลด์จอมือถือเพื่อแลกกันดูรูปถ่ายที่เข้าตา กับงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ทั้งธรรมชาติ สังคม สัตว์ ผลไม้ และอื่น ๆ

     

    อันนี้ก็ดี

     

    อันนี้ก็โอเค มึงว่าไง

     

    ก็ดี แต่ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่

     

    หรือจะเดินดูอีกรอบ แต่กูหิวแล้ว ชานยอลขมวดคิ้ว มั่นใจว่าถ้าเป็นงานเดี่ยวคงตัดสินใจง่ายกว่านี้และสามารถเดินไปกินข้าวได้เลยโดยไม่ต้องกังวล แต่พอทำกับไอ้เชี่ยนี่แล้วต้องมีความจำเป็นในการรอความเห็น ซึ่งเขารู้สึกสลดใจเหลือเกินที่อาจารย์ไม่ให้เลือกคู่เอง

     

    งั้นไว้เลือกตอนกินข้าว

     

    หมายความว่ากูต้องนั่งกินกับมึง? คนตัวสูงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม พร้อมชี้นิ้วไปยังคนตรงหน้า เซฮุนแค่ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เหมือนตอนเขาไม่ยอมตอบคำถามเมื่อก่อนหน้านี้

     

    หรือมึงจะนั่งอีกโต๊ะแล้วตะโกนข้ามคุยกันก็ได้ ว่าไงล่ะ กูชิว ๆ นะ ส้นตีนเถอะ เขาอยากเอาตีนลูบหน้าโอเซฮุน

     

    ชานยอลเบ้ปากอีกครั้ง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเซฮุน ทั้งคู่เดินออกมาด้วยกันโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่การออกไปกินข้าวข้างนอกต้องพึ่งยานพาหนะ และการที่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากให้อีกคนขึ้นไปนั่งรถของตน ดังนั้นมื้อเที่ยงจึงจบลงที่แคนทีนตึกนิเทศศาสตร์

     

    กูอยากให้มันดูแปลกหน่อย ให้ดูมีกิมมิค มีสตอรี่ จะให้ออกแบบผ้าเป็นลายผลไม้ไก่กาอาราเล่ก็จะธรรมดาไป ได้ไม่ถึงเจ็ดคะแนนแน่ ชานยอลยังคงให้ความสนใจสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะสีขาวมากกว่ามื้อเที่ยงตรงหน้า ซึ่งเซฮุนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน งานชิ้นนี้ได้คะแนนจากความแปลกใหม่ ดังนั้นการทำอะไรที่มันธรรมดาคงซ้ำกับคนอื่น และไม่ดูพิเศษ

     

    ลายหนังสัตว์ก็ไม่ถึง เกร่อด้วย

     

    หรือจะลองไปดูอย่างอื่น? ชานยอลเริ่มถอดใจ แต่นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือก็ยังคงซูมเข้าซูมออกภาพวาดที่ถ่ายมาจากนิทรรศการศิลปะ

     

    เซฮุนมองคนตรงหน้าที่ยังพึมพำเกี่ยวกับงานชิ้นนี้ พอถึงเวลาที่ต้องพัก สมองก็นึกไปถึงเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจเกี่ยวกับแบคฮยอนและป๋ายเซียน ว่าสรุปชานยอลมันคิดยังไงกันแน่ ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะเฮิร์ท แต่ตอนนี้กลับร่าเริงราวกับว่าแบคฮยอนเป็นน้ำรดต้นไม้เฉา ๆ อย่างมัน

     

    แต่ถ้าจะหลอกถามเรื่องไอ้เตี้ยไปโรงพยาบาลทำไม... จะได้เรื่องหรือเปล่านะ?

     

    ช่วงนี้กูเห็นมึงไปกับแบคฮยอนอยู่บ่อย ๆ หายโกรธมันแล้วหรือไง?คนตัวผอมถามเสียงเรียบ ราวกับว่าเรื่องนี้มันปกติและจะพูดถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ชานยอลละสายตาจากสมาร์ทโฟน พลางสบตากับเจ้าของคำถามที่อยู่ ๆ ก็หันไปให้ความสนใจกับมื้อเที่ยงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

     

    เห็นเพราะเสือกหรือหวง

     

    ไม่ว่าจะตอบยังไงมึงก็คิดว่ากูเสือกอยู่ดี จะเอาคำตอบไปทำซากอ้อยอะไร

     

    เอ้า ใครจะรู้ ที่ เห็นไปกับแบคฮยอนอยู่บ่อย ๆของมึงมันคือความบังเอิญหรือตั้งใจล่ะ? ชานยอลยิ้ม พลางยักคิ้วให้อย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ และไม่มีท่าทีว่าจะเถียง เขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม คนโกรธกันที่ไหนเขาจะไปด้วยกันบ่อย ๆ วะ จริงไหม?

     

    ...

     

    มันมีอะไรมากกว่านั้น กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

     

    ก็อธิบายตามที่มึงรู้สึก

     

    รู้สึก? ชานยอลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

    ไม่มีใครให้ความสนใจกับมื้อเที่ยงอีก ทั้งคู่สบตากันโดยที่โอเซฮุนรู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายวิ่งตามเกม ในเมื่อไม่รู้และต้องการคำตอบ เขาจึงต้องทนให้อีกฝ่ายปั่นหัว ซึ่งมันคงไม่แย่เท่ากับการถามแบคฮยอนโดยตรง

     

    ช่วงนี้มันบอกอะไรมึงหรือเปล่า อย่างเช่นป่วยอยู่ หรืออะไรเทือก ๆ นั้น

     

    ชานยอลขมวดคิ้วแล้วคิดตาม เขาเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ ไม่นี่ ก็ปกติดี

     

    เหรอ ไม่พูดอะไรเลยเหรอ? เซฮุนถามอย่างใคร่รู้ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า และไม่มีท่าทีว่ากำลังโกหกอยู่

     

    เราคุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น รู้เรื่องของกันและกันมากขึ้น คิดว่างั้นนะ

     

    ...

     

    กูรู้สึกเป็นตัวของตัวเองตอนอยู่กับแบคฮยอน สบายใจเวลาคุยกันอย่างเปิดอก

     

    เซฮุนไม่รู้ตัวว่าเผลอออกแรงกำช้อนกับตะเกียบไว้แน่นแค่ไหน ขณะจ้องมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ ชานยอลยังคงพูดในสิ่งที่เขาร้องขอให้พูด แม้ว่าจะไม่ตรงกับที่อยากรู้ แต่ทำไมยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึก...

     

     

     

    หึง

     

     

    มึงกับป๋ายเซียนเคยเป็นยังไง ก็ไม่น่าทำแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?

     

    แล้วมึงล่ะโอเซฮุน ตอนนี้มึงกำลังทำอะไร?

     

    คราวนี้เป็นชานยอลที่แสดงออกในด้านจริงจังบ้าง ชายหนุ่มมองมองคนตรงหน้าและเขาก็ไม่สามารถตอบได้ ใช่ โอเซฮุนทำอะไร? นอกจากทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี เป็นห่วงแต่กลับไม่แสดงออก ไม่สิ... เขาทำแบบนั้นไม่ได้ต่างหาก ชายหนุ่มรู้ดีว่าต้องเจอกับความว่างเปล่า เพราะแบคฮยอนคงตอบปัด ๆ มากกว่าจะอธิบายให้เขารู้

     

     
     

    แม้จะสนิทกัน แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ทุก ๆ เรื่องของแบคฮยอนได้

    ไอ้เตี้ยนั่นยังมีกำแพงสูง ที่ดูเหมือนว่าไม่อยากให้เขาข้ามไป

     

     
     

    ถ้าอยากรู้ก็ลองถามเจ้าตัวดูสิ เขาคงให้คำตอบได้ดีกว่ากู ถึงจะกวนหน่อยน่ะนะ ชานยอลยิ้มขำ แล้วคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูอีกครั้ง พูดถึงแบคฮยอนแล้วกูก็นึกถึงรูปนี้

     

    ...

     

    คนตัวสูงหันหน้าจอมาให้ดู ก่อนจะเผยภาพวาดสีน้ำที่เขาเองก็เห็นผ่านตาอยู่เหมือนกัน ชานยอลวางสมาร์ทโฟนไว้ตรงกลางโต๊ะ และหันจอมาเพื่อให้เราทั้งคู่ได้เห็นและวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กัน

     

    เห็นแบคฮยอนยืนดูนานสองนาน ส่วนกูก็ว่ามันเข้าท่าดี มึงคิดว่าไง?

     

     

    เซฮุนไม่เคยรู้สึกพิเศษกับภาพนี้ กระทั่งมีชื่อแบคฮยอนมาเกี่ยวข้อง

     

     

    มึงรู้ความหมายของนาร์ซิสซัสไหมเซฮุน?

     

    ชานยอลพลิกจอให้เป็นแนวนอน ภาพบนจอจึงขยายใหญ่ขึ้นในวินาทีถัดมา ชายหนุ่มตัวผอมนั่งนิ่งไม่ตอบคำถาม ในหัวของเขามันขาวโพลน ก่อนเรื่องราวคาใจมากมายจะเบียดเสียดกันเข้ามาในความคิด

     

    ราวกับว่าจิ๊กซอว์ทุกชิ้นได้ประติดประต่อกันจนเป็นหนึ่งเดียว หัวใจของเขากำลังเต้นแรงจนผิดจังหวะ เมื่อนึกไปถึงตอนที่ถูกบังคับให้ค้างคืนที่บ้านสองแฝดเพราะอยู่ช่วยป๋ายเซียนทำโมเดลจนดึกดื่น

     

    คืนนั้นป๋ายเซียนปูที่นอนบนพื้นให้ ส่วนทั้งคู่นอนบนเตียงที่อยู่คนละฝั่งผนัง ตกดึกเซฮุนก็รู้สึกแปลก ๆ กับเสียงบางอย่างที่ลอยเข้าหูเป็นระยะ เขาสะลึมสะลือเห็นภาพพร่ามัวของสองแฝดที่นอนอยู่บนเตียงป๋ายเซียน แต่กลับมีใครคนหนึ่งขึ้นคร่อม และกอดกันในแบบที่ลูกชายคนเดียวอย่างเขาไม่เข้าใจ

     

    มันแปลกแต่เซฮุนก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก เพราะสองคนนั้นก็เป็นฝาแฝด ซึ่งอาจเป็นการแสดงความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่การกอดจูบของพี่น้อง... การหวงน้องชายจนแทบบ้า... การไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล...

     

    และ...

     

     

    กูมีคนที่คิดว่าชอบอยู่แล้ว และนั่นคือปัญหาของกูตอนนี้

     

     

    นาร์ซิสซัสน่ะ ตกหลุมรักเงาของตัวเอง

     

     

     

    TBC

     

     

    ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×