คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Scene 5 :: พี่เขาพาดัง (100%)
Scene 5
พี่เขาพาดัง
แต่ก ๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดคือเสียงเดียวที่ดังไปทั่วห้อง พูดแล้วจะหาว่าเวอร์วัง แต่คีย์บอร์ด Filco รุ่นใหม่ล่าสุดที่ชาวเน็ตต่างด่าว่ากากกรัง กระจอกงอกง่อยนั่นน่ะมันช่างถนอมเรียวนิ้วของบยอนแบคฮยอนเสียเหลือเกิน แพงอะ ใช้แล้วไม่สามารถเขียนนิยายจบภายในคืนเดียว ชนะดอทเอก็ไม่ได้ด้วย แต่ฟินครับ
“แม่ง!”
เด็กน้อยทุบโต๊ะอย่างแรงจนโค้กในแก้วแทบกระฉอกออกมา หงุดหงิดไปหมด ไม่มีสมาธิเขียนนิยายเพราะภาพพี่พระเอกทำหน้ากวนส้นตีนลอยเข้ามาในหัวไม่หยุด ไหนจะเรื่องที่คยองซูเพิ่ลรักยัดเยียดภาระชีวิตให้อีก พรุ่งนี้ต้องตื่นเจ็ดโมงไหมแบคฮยอน จะฝืนเขียนต่อไปหรือจะไปนอนไถทามไลน์ทวิตเตอร์ดี
บอกเลยนะว่าบยอนแบคฮยอนไม่ชอบให้ใครมาบังคับ นอกจากแม่แล้วใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ สองสามวันนี้ใช้ชีวิตไม่เต็มที่เลย ต้องแบ่งเวลาไปให้พี่พระเอกจิกหัวใช้ ต้องฝึกความอดทนที่จะไม่ตบหัวเพื่อนกลับ หรือแม้แต่การพยายามนั่งนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้ถูกพี่พระเอกหลอกด่ามากกว่าเดิม
พรุ่งนี้ปฏิเสธนัดดีไหม แต่มั่นใจว่าพี่พระเอกต้องไม่อนุมัติแน่ เพราะงั้นต้องหาเรื่องแถ
เด็กน้อยปิดคอมพ์แล้วคลานไปขึ้นเตียง คว้ามือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออกแล้วรอสายอยู่ชั่วอึดใจ แบคฮยอนเป็นคนหัวไวถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะงั้นเขาคิดออกแล้วว่าจะทำยังไงกับข้ออ้างในวันพรุ่งนี้
( ครับ )
“แค่ก ๆ พ...พี่พระเอก”
( มีอะไรครับ )
น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งใด ๆ ในโลกมารวมกัน คือพี่ไม่สนใจกันเลยหรือว่าที่ไอดังค๊อกดังแค๊กเนี่ยเป็นไร ห่วงกันบ้างหรือไม่ ถามใจตัวเองดู
“แค่ก ๆ”
( ตอนนี้ก็ตีหนึ่งครึ่งแล้ว และมันเป็นเวลาพักผ่อนของคนปกติทั่วไป ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาทีในการพูด ก่อนที่ผมจะวางสาย )
แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเหลือกตา ดูพี่เขาตอบ! นอกจากจะไม่ถามไถ่แสดงถึงความห่วงใยสักนิดแล้วยังกำหนดเวลาการคุยอีกเหรอ! นี่เป็นฝ่ายโทรไปไหม เสียเงินค่าโทรศัพท์เองด้วย!
“ผมไม่สบาย แค่ก ๆ”
( แล้วไงต่อครับ )
คือไร คำตอบไม่ได้อยู่ในนั้นแล้วเหรอ บางทีพี่พระเอกควรถามว่าเป็นยังไง ไหวไหม กินยายัง พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วค่อยมาหาผมตอนหายแล้วนะครับไรงี้?
“พรุ่งนี้ผมคงไปหาพี่ไม่ได้แล้ว ขอนอนพักอยู่บ้านสักวันนะ ตัวผมงี้ร้อนไปหมด ลุกไปเขียนนิยายไม่ไหวด้วย นี่นอนไปตั้งแต่หัวค่ำ พอสะดุ้งตื่นก็รีบหยิบมือถือโทรบอกพี่เลยเนี่ย ไว้เจอกันวันหน้าเนอะ” แบคฮยอนยิ้มกับตัวเอง ประหนึ่งว่าคนปลายสายจะรับรู้ได้ถึงความน่าเอ็นดูของเขา แต่เปล่าเลย พี่พระเอกแกเงียบไป เงียบ...จนน่าสงสัย “พี่ยังอยู่ป่ะหนิ”
( ครับ )
“ตกลงว่าไงอะ แค่ก ๆ”
( ท่าจะป่วยหนักนะครับคุณนักเขียน )
“มากอ่ะ เฮื้อออ!!!” ทำเสียงจะสำรอกมื้อเย็นออกมาเพิ่มความน่าเชื่อถืออีกหน่อย แบคฮยอนเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาแถได้เก่ง และหัวไวอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าเอาดีด้านนักแสดงคงรุ่งได้ไม่ยาก
( แล้วทวิตเตอร์แอคเคาน์ ‘Likeเทียมทาน’ ที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาตั้งแต่สี่ชั่วโมงก่อนจนถึงทวีตล่าสุดว่า ‘ห่าเอ๊ย เขียนไม่ออก’ เมื่อสามนาทีที่แล้วนี่ใครเล่นเหรอครับ )
ฉัด...
( วิญญาณ? )
เปล่า...นั่นร่างดอพเพลกู...
( เจอกันพรุ่งนี้เก้าโมงตรงครับ ราตรีสวัสดิ์)
เศร้า...เกินกว่าที่จะพูดคำใด ๆ ออกไป...
เด็กน้อยนั่งนิ่งค้างอยู่ท่านั้นหลังจากที่อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว มีเพียงแค่เสียงหมาข้างบ้านเห่าเป็นธีมแบล็กกราวด์เท่านั้นที่ดับความง่าวของแบคฮยอนไว้ได้ ถ้าเป็นการ์ตูนตอนนี้คงมีอีกาสามตัวบินผ่านข้ามหัวพร้อมคำว่า ‘โง่ โง่ โง่’
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนอย่างหัวเสียก่อนจะยกขาขึ้นถีบอากาศอย่างแรง พ่อง! พ่อง! พ่อง! สามคำเท่านั้นที่อยากส่งมอบให้พี่พระเอกกับมือ!!! ไม่ดิ ต้องกับปาก!!! ไม่!!! กับปากก็ไม่ได้อีกเดี๋ยวอีโรติกอีก แม่งเง้ย!!! กูเดือดดดดดดดดดด!!!
ทำไงดี โมโหจนสามารถเชือดคอหมาข้างบ้านได้ด้วยมีดสั้นลี้คิมฮวงในครัวของแม่ ทำไมพี่พระเอกเขาหยาบโลนแบบนี้วะอยากรู้นัก คิดว่าตัวเองเกิดมาเป็นเครื่องหมายถูกเหรอถึงคิดจะทำอะไรก็ได้ ฟายเย้ย
เช้าวันอากาศดีแต่อารมณ์ไม่ดี แบคฮยอนสวมหมวกคู่ใจแล้วเดินลงมากินข้าวกับแม่และพี่ชายที่สาระแนเกิดนำหน้ามาก่อน มันถูกแม่ประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน แต่พอถึงทีกูนี่แบบถ้าเอาตีนยันได้คงทำไปแล้ว
แบคฮยอนนั่งรถเมล์ไปตามโลเคชั่นที่พี่พระเอกถ่ายทำละครในวันนี้ ซึ่งมันเป็นรางรถไฟซึ่งมีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีเป็นแบล็กกราวด์ กองถ่ายพร้อม สภาพอากาศพร้อม ติ่งเป็นหย่อม ๆ ยืนรัวชัตเตอร์เป็นฝูงไฮยีน่า
และนั่นหมายความว่า...วันนี้บยอนแบคฮยอนมาสาย
“สิบห้านาทีเอง ไม่เป็นไรมั้ง” เด็กน้อยก้มลงมองนาฬิกาแล้วเดินโง่เข้าไปข้างใน พี่พระเอกเขาสั่งเสีย เอ๊ย! สั่งการไว้ว่าถ้ามาถึงแล้วให้โทรหาพี่อี้ฝานก่อน ใจก็ไม่อยากทำตามหรอกนะ แต่ไม่อยากทะเลาะด้วยแล้วอะ เบี่ย
โทรคุยกับพี่ผู้จัดการสุดหล่ออยู่ไม่ถึงยี่สิบวิก็เห็นชายร่างผอมสูงอยู่ไม่ไกลมากนัก พี่อี้ฝานในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวดูดีกำลังเดินมาทางนี้ ตามด้วยบ้องกล้องส่องดูดาวของเหล่าแฟนคลับที่หมุนตามเหมือนพวกนักข่าวสำนักใหญ่ อห. หนึ่งในนั้นต้องแม่ ๆ แควนขับบ้านพี่ฝานเมเนเจอร์จากบ้าน ‘Who you came from the กะลา’ แน่ ๆ นี่เคยเห็นเครดิตในทวิตเตอร์แว๊บ ๆ
“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ” แบคฮยอนไม่ได้ว่าอะไร เด็กน้อยเพียงแค่หย่อนดากนั่งลงบนเก้าอี้พับในเตนท์ส่วนตัวสีขาวที่ติดป้ายว่า STAFF ข้าง ๆ กับเก้าอี้พับซึ่งอยู่ข้าง ๆ ป้าย CHANYEOL
แค่เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษแปดตัวก็อยากทำหน้าเหมือนปารีสฮิลตันอุ้มชิวาว่ากำลังเบ้ปากเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ร่างเล็กยกเท้าขึ้นมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างตัวอักษรเหล่านั้น ยู่ปากส่งเสียง ‘อิส ๆ’ แล้วทำท่าถีบอากาศ
พอหันไปทางด้านขวา ก็เห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มร่างสูงในชุดทหารกำลังยืนสบตาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง คาดว่านั่นคงเป็นจองฮานาในบทที่เพิ่งซ้อมกันไป โว้ว...สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมานี่ใช่ย่อยที่ไหน ตอนซ้อมนี่แข็งยิ่งกว่าสาก แต่พอเอาจริงก็ต้องยอมใจ
“ผมจะรีบกลับมาหาคุณ”
“แหวะ จะอ้วก” แบคฮยอนเบ้ปากมองบน รู้สึกเลี่ยนอย่างบอกไม่ถูกตอนได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่แสดงออกถึงความห่วงหาที่มีต่อนางเอก
“ฉันจะรอคุณ...แค่คุณคนเดียวค่ะ” เด็กน้อยขยับปากพูดตามนางเอกที่เป๊ะอย่างกับจับวาง ได้ยินเสียงสตาฟในกองถ่ายแอบกรี๊ดกันเงียบ ๆ ตอนพระนางสวมกอดกัน ก่อนที่ผู้กำกับจะสั่งคัทในวินาทีถัดมา
“ขอน้ำ”
“ได้ค่ะ”
“พัดลมมือถือด้วย ทิชชู่ล่ะ พี่อี้ฝานอยู่ไหน?”
เรื่องมากนี่ที่หนึ่ง แบคฮยอนหรี่ตามองคนตัวสูงในชุดทหารที่พร้อมจะออกไปตายเพื่อประเทศชาติทุกเมื่อ แต่พี่เขาเสือกมานั่งขมวดคิ้วทำหน้าเคร่งเครียดตอนที่สไตลิสต์ช่วยซับหน้าเติมแป้งให้
เออ ก็พอเข้าใจว่าชุดมันน่าอึดอัด คงร้อนน่าดู
“คุณมาสาย”
“เหย ผมมานานแล้ว แต่ยืนอยู่ข้างหลังติ่งของพี่อะ”
“โกหก”
“เหย ไม่ได้โกหก...” แบคฮยอนหรี่ตาพลางทำมือปัด ๆ ถ้าเป็นเรื่องนี้ขอแถขาดใจเลย เพราะตอนเข้ามาเขาก็เห็นว่าพี่พระเอกยืนหันหลังอยู่ ไม่มีทางเห็นแน่ว่าเขามาตอนไหน
“ผมเพิ่งบอกเขาตอนเดินมาด้วยกันเมื่อกี้น่ะครับ” ประโยคของพี่อี้ฝานทำเอาเด็กน้อยตาเหลือก แบคฮยอนรู้สึกเหมือนโดนน้ำกรดสาดใส่หน้าแล้วฟาดด้วยไม้ช็อตยุงซ้ำ ๆ ทำไมทำกับแบบนี้ครับพี่อี้ฝาน ทำไม ทำม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย
“เด็กเลี้ยงแกะ”
“ไร”
“โกหกไปเรื่อย ไม่น่ารักเลยนะครับ”
“พี่ก็ผู้ใหญ่บ้าอำนาจเหมือนกันแหละ” แบคฮยอนมองตาขวางใส่คนที่นั่งเยื้องไปทางด้านขวา ตัวเองดีนักไง๊มาว่าคนอื่น
“ยังจะเถียงอีก” ชานยอลนั่งไขว่ห้างแล้วมองคาดโทษเด็กน้อยที่ยังคงเชิดหน้าตาเหลือกเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าเป็นญาติคนสนิทหรือใครก็ตามที่ไม่เกี่ยวพันทางด้านธุรกิจกันล่ะก็... ปาร์คชานยอลจะจับมาตีก้นซะให้หายดื้อ
“แล้วเรียกมาทำไม”
ทันทีที่พูดจบ แบคฮยอนก็เห็นว่าพี่พระเอกหันไปข้างหลังแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกผู้จัดการส่วนตัวอย่างรู้กัน พี่อี้ฝานหันไปคุยกับสไตลิสต์สาว ก่อนที่ทั้งคู่จะแหวกม่านสีขาวออกไปข้างนอก
“ให้คุณดูว่าผมแสดงดีพอแล้วหรือยัง”
“อันนี้ผู้กำกับต้องเป็นคนตัดสินดิ” เพราะถ้าเขาบอกว่าดีแล้ว แต่ผู้กำกับบอกไม่โอเคงี้จะให้ทำไง
“คุณเป็นคู่ซ้อมบท ก็ต้องบอกได้ว่ามันดีพอแล้วหรือยัง” ร่างสูงคว้าขวดน้ำขึ้นมาก่อนจะงับหลอดไว้ด้วยท่าทางเหมือนผู้ดียกซดไม่เป็น
“ดีละ เมื่อกี้ทำดี”
“...”
“เหย ดีจริง ๆ” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่า ‘ยังไม่เลิกตอแหลอีกเหรอครับ?’
“ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ”
“อุปทานเดี่ยวเปล่า มั่นใจในตัวเองหน่อยซี้วัยรุ่น” แบคฮยอนเอนหลังพิงกับเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากใบหน้าคมที่ดูเคร่งเครียดกับการแสดงเมื่อครู่
“มะรืนนี้ผมต้องเข้าบทสนามรบ แต่ผมยังวิ่งถือปืนให้ดูดีไม่ได้เลย” ชานยอลขมวดคิ้วจริงจัง นี่มันปัญหาระดับโลกกับการเป็นนักแสดงอย่างเขาจริง ๆ ตั้งแต่เล่นบทพระเอกแสนดี ร้ายสุดขีด ไปจนถึงภูตผีปีศาจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดหนักถึงขนาดนี้
แต่ก็อาจเป็นเพราะเปลี่ยนคู่ซ้อมบทด้วย ทุกอย่างเลยดูยากขึ้น ใช่ เหตุผลนี้ก็มีส่วน
“ละให้ทำไง”
“มันใช่คำถามที่ผมต้องตอบเหรอครับ คุณนักเขียนนิยายสงคราม” ประโยคหลังกดเสียงลงต่ำเชิงกดดัน แบคฮยอนทำหน้ากืกใส่คนตัวสูงแล้วชี้ตัวเอง
“ผม?”
“ครับ คุณสงสัยอะไรเหรอ?”
ถ้าตอบว่าสงสัยคงโดนสาดประโยคชวนงงอ้วกแตกกลับมาแน่ไม่ต้องสืบ ตอนนี้เป็นฝ่ายแบคฮยอนบ้างแล้วที่ต้องขมวดคิ้ว แค่นักเขียนนิยายสงครามป่ะล่ะพี่ ไม่ใช่ครูสอนแอคติ้ง
“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ะ”
“คุณต้องรู้”
“เอ้า! ผมเป็นแค่เด็กอายุสิบเจ็ดนะเว้ย ผมเขียนนิยายตามที่หัวจินตนาการออกมาได้ แล้วจะให้ช่วยพี่ยังไงวะ”
“ผมไม่ทราบ”
ฟัค!
“นี่ก็จนปัญญาเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ว่าทหารถือปืนวิ่งยังไงก็ลองไปเล่นเพนท์บอลดูดิ เผื่อจะทำให้จินตนาการออกมั่ง” ประโยคนี้ทำเอาร่างสูงชะงักไปครู่หนึ่ง แบคฮยอนเหล่มองพี่พระเอกที่หยุดสายตาอยู่กับข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็...
“เพนท์บอล? อืม...เข้าท่าดีนะครับ”
“ห๊ะ?”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้เราไปเล่นด้วยกัน”
“เดี๋ยวดิ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ป่ะเฮ้ย” แบคฮยอนเลิกคิ้วมองอีกคนที่เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้พร้อมรอยยิ้ม หลังจากมองเห็นทางออก
“ถูกครับ พรุ่งนี้วันอาทิตย์”
“มันเป็นวันหยุดสำหรับนักเรียนน่ะ พี่คงเคยเรียนหนังสือเนาะ?” แบคฮยอนจีบปากจีบคอพูด นี่ถ้าจะให้มาทุกวันขนาดนี้ไม่บอกกูลาออกมาซ้อมบทให้ทั้งวันทั้งคืนเลยล่ะซั้ซ
“ครับ เพราะเป็นวันอาทิตย์ถึงได้สะดวก คุณไม่ต้องโดดเรียนมาเพื่อซ้อมบทกับผม ดีจะตายไป”
ดีที่หน้าพี่ค่ะ
“ใจคอจะไม่ให้หยุดพักเลยช่ะ”
“ถ้าเลิกเล่นเกมออนไลน์แล้วเอาเวลานั้นไปนอน คุณจะไม่รู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องการพักผ่อนครับ”
“ผมเขียนนิยายมั้งเหอะ”
“เดี๋ยวคืนนี้คุณค้างที่คอนโดผมนะครับ พรุ่งนี้จะได้ออกไปพร้อมกัน ผมขี้เกียจขับไปรับคุณที่บ้าน กว่าจะหาที่จอดรถแล้วเดินฝ่าเหล่าแม่บ้านไปถึงบ้านคุณมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับดาราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเอกอย่างผม หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“มันยุ่งยากสำหรับชีวิตผมป่ะบางที”
“ไม่หรอกครับ สำหรับเด็กที่มีชื่อเสียงแค่ในเวปบอร์ดนิยาย กับหนังสือที่วางขายบนชั้นแต่ไม่มีใครสนใจว่าคนเขียนจะมีโครงเคล้าเหง้าหน้ายังไง แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นใครถ้าไปยืนอยู่ตรงกลางที่สาธารณะ”
ปากคอเราะร้าย!
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ซึ่งแบคฮยอนคิดว่ามันถูกต้องแล้วที่เขาทั้งคู่เลือกที่จะเงียบปากแล้วหายใจทิ้งเพื่อรอเวลาพี่พระเอกไปเข้าฉากอีกรอบ นี่เดือดแค่ไหนต้องกัดฟันยางไว้ เพื่อไม่ให้ธาตุไฟแตกซ่านจนลุกขึ้นคว้าเอาเก้าอี้ฟาดหน้าพี่เขาเหมือนในมวยปล้ำ
“เดี๋ยวจะมีนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์ผมเรื่องบทละครเรื่องนี้ พอถึงตอนนั้นผมอยากให้คุณไปเดินเล่นชมวิวกับพี่อี้ฝานก่อน” ช่างเป็นการไล่ให้ออกไปแบบอบอุ่นใจที่สุด คนดีครับ
“งั้นเดี๋ยวออกไปเลย” แบคฮยอนยกมือข้างหนึ่งขึ้นระดับใบหน้า เชิญพี่พระเอกเสวนาพาทีเฟรนด์ลี่แบบเฟค ๆ ต่อหน้านักข่าวให้หนำใจ นี่ไม่อยู่แล้ว ถ้าเดินไปแล้วเกิดเปลี่ยว จะแอบหนีกลับบ้านด้วย
ชานยอลพยักหน้าพร้อมปัดมือส่ง ๆ ไม่มีการอาลัยอาวรณ์หรือรั้งให้อยู่ด้วยเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะปริปากบอกว่าอยู่ด้วยกันสิเผื่อนักข่าวจะสนใจว่าเด็กนี่เป็นใครถึงได้เข้าใกล้พระเอกแบบเอ็กคลูซีฟขนาดนี้ อ้อ เขาเป็นนักเขียนใช่ไหม ชื่ออะไรล่ะ เอาลงหนังสือดีด้วยดีกว่า
ไม่...ไม่มีสักคำ
แต่ยังไม่เปิดม่านขาทั้งสองข้างก็ต้องหยุดกึก เมื่ออยู่ ๆ เสียงของเพื่อนสนิทก็ลอยเข้ามาในความคิด ไม่สิ... ต้องเรียกว่าหลอนเข้ามาในหูเสียมากกว่า แบคฮยอนยืนโง่อยู่ตรงนั้นชั่วอึดใจ แล้วถามตัวเองว่าถ้าไม่ถ่ายรูปพี่พระเอกให้ไอ้คยองซูตอนนี้แล้วจะไปถ่ายตอนไหน ตอนจะนอนงั้นเหรอ ไม่ได้แน่ พี่เขาตาดีเกินกว่าที่จะปล่อยให้มืออันหยาบกร้านของเขาเอื้อมไปหยิบมือถือได้โดยที่ไม่จิกตามอง
เพราะงั้น...
เด็กน้อยล้วงมือถือออกมาจากกางเกงทั้งที่ยังหันหลังให้อีกฝ่าย ร่างเล็กค่อย ๆ เอี้ยวหน้าหันกลับไปแล้วก็พบว่าตอนนี้พี่พระเอกกำลังสนใจอยู่กับสมาร์ทโฟนราคาแพง
ตึกตึก...ตึกตึก... นี่คือเสียงอัตราการเต้นของหัวใจ เด็กน้อยกดเข้าแอพกล้องทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับเหยื่อตรงหน้า เอาล่ะแบคฮยอน...จังหวะนี้ต้อง!
แช่ะ!!!!
แสงสว่างเจิดจ้าสาดใส่หน้าพระเอกรูปหล่ออย่างจังจนจนต้องหลับตาลง เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นที่แบคฮยอนได้มีโอกาสเห็นคิ้วหนากระตุกเบา ๆ ก่อนที่เปลือกตาอีกฝ่ายจะลืมขึ้นและมองมาทางนี้ ร่างเล็กเหลือกตาอย่างตกใจหลังจากได้รู้ว่า
กูลืมปิดแฟลช ไอ้ซั้ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
“...”
ฉิบ
“ทำ...”
หาย
“บ้า...”
แล้ว
“...อะไรของคุณ?”
สายตาเกรี้ยวกราดส่งมาพร้อมน้ำเสียงคาดโทษ แบคฮยอนกลอกตา ก่อนจะถอยหลังครูดเมื่ออีกฝ่ายหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วย่างสามขุมตรงมาทางนี้จนแทบเรียกได้ว่าพุ่งตัวเข้ามา
แบคฮยอนถึงกับเหวอ เด็กน้อยก้มหน้ากดอัพโหลดรูปถ่ายลงในแอคหลุมทวิตเตอร์ที่มีเพียงแค่ไอ้คยองซูเท่านั้นที่กดฟอล ก่อนจะวิ่งไปรอบ ๆ เตนท์สีขาวซึ่งถูกกางไว้เพื่อปาร์คชานยอลเพียงคนเดียวเท่านั้น
“เฮ้ยพี่ใจเย็นก่อนดิ” แบคฮยอนหันไปข้างหลังเป็นระยะ แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายพุ่งตีคู่มาจนเกือบถึงตัวเขาแล้ว
เย๊กกกกกกกกกกก!!! พี่พระเอกมึงวิ่งเร็วMAX
“ลบทิ้งเดี๋ยวนี้!”
“เหวอออ!!!” แบคฮยอนพยายามซ่อนมือถือไว้ในเสื้อเมื่ออีกฝ่ายเข้ามารวบตัวเขาไว้จากข้างหลัง
บ่ได้ดอก พี่พระเอกหรือจะกล้าล้วงมือเข้ามาในพุงน่อย ๆ ของข้า แต่เดี๋ยวดิ... บางทีพี่เขาก็ควรจะเลิกล้มความตั้งใจได้แล้วเปล่าวะ แล้วไอ้ที่พยายามยื้อดึงจนเขาต้องงอตัวลงอยู่ในท่าโก้งโค้งนี่มันเกินไปแล้ว อึดอัดโว้ย!
“เฮ้ยพี่อย่าล้วงดิ!!!”
“ผมบอกให้เอาออกมาไง แบคฮยอน!”
“ไม่!!! ฮึ่บ!!!”
แช่ะ!!!
“...”
“...”
ทั้งคู่เอี้ยวหน้าหันไปตามต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วก็พบว่าเสียงแฟลชเมื่อครู่นั้นมาจากนักข่าวสามคนที่มาพร้อมไมค์และกล้องยกเซ็ท สีหน้าของแต่ละคนนั้นคล้ายว่าจะสตั้นท์ แต่สายตาที่หลุบลงมองอภัยวะเบื้องล่างที่เรียกว่าดากของเขา ซึ่งมันกำลังถูกแนบด้วยอวัยวะส่วนหน้าของปาร์คชานยอลนั่นน่ะ...
ถึงจะมีเนื้อผ้าของกางเกงกั้นไว้ แต่ท่าทางล่อแหลมของเขากับพี่พระเอกที่เป็นอยู่มันก็...
“เหี้ยแล้ว...”
60%
แบคฮยอนหนั่งหนีบขาประสานมือไว้บนตัก เม้มปาก แล้วปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่เคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ บ่งบอกถึงอัตราความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นสูงจนต้องหาทางสงบสติอารมณ์ หลังจากได้ได้รับโทรศัพท์พี่อี้ฝานแต่เช้าว่ารูปของเขาทั้งคู่ได้ไปโผล่บนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง
แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงนรกบนดินตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี นี่ก็ชั่วโมงกว่าแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในพายุเห็บโลกของพี่พระเอก มันอบอวลไปด้วยกลิ่นดราม่าทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์และสำนักข่าวในอินเทอร์เน็ต
“หน้าผมอย่างเหวออะ”
“มันใช่ประเด็นไหมครับ?” แบคฮยอนกลับไปนั่งเม้มปากเหมือนในทีแรก แค่พูดทำลายความเงียบก็ต้องด่ากันด้วยสายตาขนาดนั้นเลยหรือ โหดแท้
“เอาน่าพี่ สกิลการแถของเราสองคนก็ไม่ใช่หยอก ๆ ถ้ามีใครมาถามผมจะบอกว่าเล่นวิ่งไล่จับกันไรงี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก” แบคฮยอนทำมือปัด ๆ หวังว่าอีกฝ่ายจะสบายใจ แต่เปล่าเลย พี่พระเอกยังส่งสายตาด่าโดยตรงมาอย่างต่อเนื่อง
“คุณคิดว่าปาร์คชานยอล พระเอกชื่อดังวัยยี่สิบเจ็ด ผู้มีภาพลักษณ์เงียบขรึม ตรงไปตรงมา เย็นชายิ่งกว่าเจ้าชายน้ำแข็ง จะไปวิ่งไล่จับกับเด็กม.ปลายอย่างผู้ชายอารมณ์ดีเหรอครับ?”
เหยดแหม่... จ้าชาน้าแข๋ (เจ้าชายน้ำแข็ง)
“ผิดที่พี่คีพลุคส์แบบนั้น” แบคฮยอนชะงักทันทีที่เห็นอีกฝ่ายถลึงตาใส่ “โอเค ผมผิดที่แอบถ่ายรูปพี่ก็ได้” เด็กน้อยเบ้ปากแล้วปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเหล่มองคนบ้าอำนาจอีกครั้ง “ถ้าพี่ปล่อยเซอร์ทำเป็นไม่เห็นก็จบแล้วป่ะวะ พอเป็นแบบนั้นก็จะไม่มีใครต้องวิ่ง ไม่มีใครถูกถ่ายรูปไปลงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย”
“สำหรับแฟนคลับข้างนอกผมไม่ว่าอยู่แล้ว แต่รูปถ่ายที่เห็นโลเคชั่นอย่างชัดเจนว่าคือพื้นที่ส่วนตัว ถ้าไม่ได้อัพจากอินสตาแกรมของผม มันก็จะเกิดคำถามว่า ‘ไอ้บ้านี่ไปเอารูปมาจากไหนนะ เขาเป็นอะไรกับชานยอลโอป้า เป็นสตาฟหรือเปล่า ทำไมถึงเข้าไปถ่ายในเตนท์ได้?’ ซึ่งผมขี้เกียจจะตามล้างตามเช็ดกับคำถามที่ผมไม่อยากตอบ เพราะฉะนั้น...คุณ...” ร่างสูงชี้หน้าอีกฝ่าย “ผิดเต็มประตู”
จะยิงลูกโทษเลยไหมล่ะคุณ เตะมุมก็ได้ จะเอากี่ประตูก็ว่ามา ถ้าจะโบ้ยความผิดให้กันขนาดนี้
ยอมรับก็ได้เว้ยว่าผิดที่แอบถ่ายรูป แต่ถ้าพี่เขาชี้หน้าด่าแล้วสั่งให้ลบโดยที่ไม่ต้องพุ่งเข้ามาประทุษร้ายกันก็จบ กับเด็กนี่เก่งตลอด พี่เขาน่าจะรู้อยู่แล้วป่ะวะว่าดาราเป็นคนของประชาชน รูปที่แอบถ่ายมันจะหลุดมาจากไหนใครจะสนก็ปล่อยให้มันสืบไปเถอะ ถือว่าภารกิจช่วยเพื่อนของแบคฮยอนได้จบสิ้นแล้ว
RRRRrrrrrr!!!!!
ชานยอลไม่เคยรู้สึกว่าเสียงเรียกเข้ามือถือน่ารำคาญเท่าวันนี้มาก่อน ร่างสูงคว้ามันขึ้นมากดรับอย่างหัวเสียโดยที่ไม่พูดอะไร หลังจากเห็นว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่โทรเข้ามา
( แต่งตัวกันให้เรียบร้อย พี่จะเข้าไปรับในอีกครึ่งชั่วโมง )
“ที่ไหน?” ร่างสูงไม่เสียเวลาถามให้มากความ เขารู้ดีว่าการที่อู๋อี้ฝานพูดแบบนั้นหมายความว่าทางต้นสังกัดได้สั่งการมาแล้วว่าเขาต้องไปแถลงข่าวเพื่อกู้หน้าคืนกลับมาให้ได้โดยไร้มลทิน
( เหมือนคราวที่แล้ว พี่อยากให้นายคุยกับแบคอยอนเรื่องนี้ก่อนที่พี่จะไปถึง )
“บ้าเอ๊ย...”
ชายหนุ่มสบถก่อนจะโยนสมาร์ทโฟนทิ้งข้างตัวแล้วนั่งไขว่ห้าง เท้าศอกกุมขมับอย่างคนคิดไม่ตกกับปัญหาที่เรื้อรังจนน่าปวดหัว แบคฮยอนเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ ถ้าเป็นดาราแล้วจะเครียดขนาดนี้พี่ออกจากวงการไปเก็บเศษเหล็กขายดีไหม แต่แบบนั้นก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวมีคนถ่ายรูปแล้วอัพไปลงโซเชียลว่า ‘คนเก็บขยะหน้าหล่อ’ จนกลายเป็นเน็ตไอเด้าไปอีกคน
“อีกครึ่งชั่วโมงพี่อี้ฝานจะมารับ เราต้องเตรียมสคริปท์กัน”
“เตรียมทำไมอะ”
“แล้วจะให้ผมตอบพวกเขาว่ายังไงถ้าเกิดมีคำถามว่าเราเป็นอะไรกัน?” ร่างเล็กสะดุ้ง นี่ก็อินเนอร์แรงเหลือเกิน ไหนบอกมาซิว่าตอนเป็นเด็กใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องวงเมทัลใช่ไหม ถึงได้ชอบว๊ากใส่เหลือเกิน เดี๋ยวเจอกู ROCK บ้าง \m/
“แล้วจะให้ตอบว่าไง? อ๋อลืมว่าพี่อาย... คงบอกไม่ได้ว่าผมเป็นผู้ช่วยซ้อมบทให้” แบคฮยอนทำปากเหมือนลิง อ้อร้อใส่อีกฝ่าย
“คุณคือลูกจ้างที่มีหน้าที่เป็นคู่ซ้อมบทครับ” นั่น มีคำว่าช่วยในประโยคก็ไม่ได้ ซึนแค่ไหนถามใจตัวเองดู
“จ้า ลูกจ้างก็ลูกจ้าง ไหนร่างสคริปท์มา” แบคฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อกเตรียมพร้อมจดทุกอย่างที่พี่พระเอกต้องการ ที่พูดน่ะไม่ได้ตามใจนะบอกก่อน แค่ไม่อยากเถียงด้วย นี่ดวงตะวันเพิ่งจะแยงดาก ไหนต้องอยู่กับพี่เขาทั้งวัน ถ้างัดพลังออกมาใช้ตั้งแต่ตอนนี้คงได้ตายตั้งแต่หัววันแน่
“ภาพนี้มันล่อแหลมมาก คุณรู้ใช่ไหมว่าสื่อข่าวจะตีความหมายไปต่าง ๆ นานาว่ายังไง?” พวกนั้นเอาแต่จะขายข่าวสร้างกระแส คิดแล้วก็น่าโมโหนัก ร่างสูงหันมือถือเข้าหาเด็กน้อยที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยว ก่อนเจ้าตัวจะย้ายมานั่งข้าง ๆ เขาเพื่อรับมือถือไปดูให้ชัด ๆ
“จังไรอะ”
“เพราะคุณไม่ยอมลบรูปทิ้งตั้งแต่แรก”
“รูปมันออกมาจังไรเพราะพี่เข้าข้างหลังผมป่ะวะ ดูดิ ตูดผม”
“พูดบ้าอะไรของคุณ น่าเกลียด” ชานยอลหันไปคาดโทษเด็กน้อยที่พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย เขาทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทกันมากพอที่จะพูดเรื่องลามกหรอกนะ!
“ขนาดผมดูอีกรอบยังคิดเลยว่าพี่กำลังจะควบผมจากข้างหลัง” แบคฮยอนหน้าหงายเมื่ออีกฝ่ายเอามือปิดปากเขาราวกับว่าอยากห้ามให้หยุดพูด
“คิดว่าผมอยากทำแบบนั้นกับคุณเหรอครับ?”
“เอ้า! ถามผมแล้วใครจะตอบเล๊า ต้องถามพี่ดิ” ร่างเล็กแกะมือแกร่งออกแล้วสะบัดอย่างแรง ก่อนจะเชิดหน้าเถียง
“ผมเปล่า”
“แล้วคืนนั้นพี่ลูบขาผมทำไม”
กึ่ก!
ชานยอลชะงักไปกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากคนตัวเล็ก เท่าที่จำได้ตอนนั้นคุณนักเขียนเด็กกำลังเพลิดเพลินไปกับการดูหนังไม่ใช่หรือไง หึ... แผนสูงนักนะ ที่แท้ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อที่จะให้เขาได้ลูบต่อ เก้งเด็กนี่มันเก้งเด็กจริง ๆ
“ผมคิดว่าคุณเป็นลูกสุนัข”
“โกหกนั้นตายตกนรก”
“ผมจะทำแบบนั้นไปทำไมครับ ผมรู้นะว่าตอนนี้ในใจคุณกำลังคิดอะไร” ทั้งคู่ยังคงสบตากันอย่างหยั่งเชิง แบคฮยอนหรี่ตามองปลายนิ้วชี้ที่อีกฝ่ายพิกัดมายังใบหน้าเขาก่อนจะยิ้มกริ่ม
“รู้ด้วยไง ไหนว่ามาดิ๊”
“คุณคงคิดว่าผมจ้างคุณมาเพราะมีจุดประสงค์อื่นใช่ไหมล่ะ”
“แล้วมันใช่ป่ะ” ไม่ยอมแพ้เว้ย งานนี้แบคฮยอนตีคู่มาติด ๆ งานนี้ต้องมีคนตาย
“ไม่ใช่” ร่างสูงหันหน้ากลับไปทางตรงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะชำเลืองมองเด็กน้อยที่ยังคงหรี่ตาจับผิดเขาอยู่อย่างนั้น “ผมแค่จุ่มมือลงไปในน้ำ จับปลาตัวไหนได้ก็เอามาย่างทานเท่านั้น”
“ปลาไรอี๊ก” โอ๊ยกูงึดพี่เขา จะอธิบายตรง ๆ มันจะตายยยยยยยยยยยยช่ะ จับปงจับปลาไรมึงเป็นชาวประมงเหรอพี่พระเอก
“ถึงผมจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ผมยอมรับว่ารู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอกหลังจากที่คู่ซ้อมคนเก่าลาออกไป ผมเลยต้องหาใครสักคนมาช่วยแก้ขัดเพื่อซ้อมเข้าฉากแรก ๆ กับละครที่ผมเพิ่งตอบตกลงรับแสดง ซึ่งผมก็บังเอิญไปเห็นนิยายของคุณเข้า...ย้ำว่าบังเอิญจริง ๆ ครับ และคุณก็เป็นเด็กที่ไม่น่าจะมีปากมีเสียงมากมาย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกคุณ”
“หรา”
“...”
ชานยอลมองคาดโทษคนตัวเล็กที่ยังทำหน้าอ้อร้ออยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งพูดจาทำร้ายจิตใจไป เด็กคนนี้เป็นคนยังไงกัน ระบบสั่งการความรู้สึกเจ็บปวดตายด้านจนสนิมเขรอะไปแล้วหรือไง?
“นึกว่าแรงพิศวาสไรงี้”
“โธ่คุณบยอนครับ...” พระเอกหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับประโยคสุดแสนจะเข้าข้างตัวเองของเด็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปสบตาใกล้ ๆ “ถ้าคุณเป็นผู้หญิง แล้วอยู่กับผมสองต่อสองในที่แบบนี้ ผมฟันคุณไปตั้งแต่คืนแรกแล้ว ไม่ปล่อยไว้นานถึงขนาดนี้หรอก...”
“เหยียดเพศเหรอ”
ทั้งคู่ยังคงสบตากันหลังจากได้ยินประโยคสั่งตายเมื่อครู่ จนถึงวินาทีนี้ปาร์คชานยอลก็ยังไม่เข้าใจว่าบยอนแบคฮยอนเป็นเด็กอายุสิบเจ็ด Type ไหนกันแน่ ทำไมถึงได้พูดถึงเส้นทางสีม่วงกับเขาได้อย่างไม่กระดากอายแบบนี้
ตามบทแล้วเด็กนี่ต้องตัดพ้อ น้อยอกน้อยใจที่ถูกเห็นค่าแค่นั้นสิ
ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังรถเบนซ์คันหรู โดยมีคนขับรถของต้นสังกัดนำพาไปยังเขียงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก แบคฮยอนก้มลงมองสารร่างตัวเองที่อยู่ในชุดเต็มยศ ก่อนจะหันไปทางคนข้าง ๆ ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกัน
“จำเป็นแค่ไหน ทำไมผมต้องใส่ชุดเดียวกับเขาด้วย?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกถูกส่งไปยังผู้จัดการหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างคนขับรถ อู๋อี้ฝานดูสงบนิ่งจนน่าเลื่อมใสในสายตาแบคฮยอน
“จำเป็นขนาดที่ท่านประธานจะมองวิกฤติให้เป็นโอกาสได้” อู๋อี้ฝานว่า พลางมองนักแสดงในความดูแลผ่านกระจกมองหลัง “ชุดนั้นจะเพิ่มความน่ารักให้นายสองคนอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ ลดความน่าหมั่นไส้ลงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพิ่มระดับความสนิทสนมกันอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ มันจะได้ดูไม่แถเวลาให้สัมภาษณ์”
“เลอะเทอะ” ชานยอลขมวดคิ้วพลางถอนหายใจอย่างหัวเสีย
“นายกับแบคฮยอนต้องทำเหมือนสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน นั่นคือสิ่งที่จะช่วยชีวิตนายออกมาจากภาพล่อแหลมนั่น”
“ถ้าบอกว่าเด็กคนนี้แอบถ่ายรูปผมไปอัพลงโซเชียลก็สิ้นเรื่อง”
“อ้าว ความผิดผมอี๊ก” แบคฮยอนยู่ปากเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย โทษเด็กที่อายุน้อยกว่าสิบปี พี่พระเอกแมนจังเลยคร่า
“มันคือเรื่องจริงครับ” ชานยอลตอบอย่างไม่รักษาน้ำใจ ขณะที่สายตายังคงทอดมองไปยังถนนเบื้องหน้า
“แบบนั้นมันก็ได้นะ ถ้าไม่ติดว่านายยังต้องไปไหนมาไหนกับแบคฮยอนเพราะยังทำงานด้วยกันอยู่”
“...”
“555555555555555555555555555555555555555555555”
แบคฮยอนหันไปหัวเราะใส่หน้าคนข้าง ๆ อย่างสะใจ เป็นไงล่ะมึง บอกไปเลยสิบอกไป คราวหน้าถ้ามีรูปคู่หลุดออกมาจะได้จัดโต๊ะแถลงการณ์อีก คราวนี้พี่พระเอก มึงได้เป็นเก้งกวางอาราเล่สมใจแน่ สะใจโว้ย
“นี่ผมต้องแกล้งทำเป็นสนิทชิดเชื้อกับเด็กคนนี้เหรอ ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า” ร่างสูงยังคงแสดงออกถึงความไม่เต็มใจ + ไม่โอเค + ไม่รู้สึกดี โอเค โดยรวมแล้วคือไม่เอากูนั่นเอง
“จะทำเป็นอี๋กันก็ได้นะเว้ยพี่ ผมจะได้ปั้นหน้าปั้นตาให้สมบทบาทหน่อยอะ ยังไงในรูปผมก็เป็นฝ่ายถูกคุกคามอยู่ล๊าว” แบคฮยอนจีบปากจีบคอพูด ก่อนจะชำเลืองมองคนข้าง ๆ อย่างผู้ชนะ
“ชานยอล”
“อืม ผมรู้แล้ว” ร่างสูงตอบอย่างไม่เต็มใจ และแน่นอนว่ามันตรงกันข้ามกับความรู้สึกของนักเขียนเด็กในตอนนี้ ที่กำลังยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานเชิง
“เรามารักกันนะพี่พระเอก” ร่างเล็กทำตาปริบ ๆ พร้อมทำมือเป็นรูปดอกไม้บานใต้คาง บยอนแบคฮยอนจะปั่นประสาทพี่เขาให้ตายคามือภายในวันนี้ให้ได้ โอกาสมาถึงแล้ว มึงต้องตายด้วยคมแฝกกูวันนี้ ลาก่อยยยยยยยยย
พระเอกหนุ่มหน้าหล่อที่แต่งหน้าทำผมมาอย่างดียกยิ้มมุมปาก ประมาณห้าวินาทีเลยทีเดียวที่พี่เขาปล่อยรังสีความดาร์กออกมา ก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
ริมฝีปากของเด็กน้อยที่เคยยกยิ้มค่อย ๆ หุบลงเมื่ออีกฝ่ายสอดแขนเข้ามาหลังท้ายทอยเขา ก่อนจะกลายเป็นโอบไหล่ในที่สุด
เดี๋ยว ๆ พี่พระเอก เมื่อกี้มึงยังทำท่าจะอ้วก ‘พจนานุกรมคำด่าบยอนแบคฮยอน 101’ ออกมาอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่คือไร จะเอาคืน
แบคฮยอนตาเหลือก เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายเหมือนกับวันแรกที่พี่เขาพูดตอกหน้าว่าจะให้เป็นคู่ซ้อมบทแถมยังเริ่มด้วยฉากติดเรท
ปาร์คชานยอลไม่เคยยอมแพ้คนเรื่องนี้มันเดาได้ไม่ยาก แต่การที่ผู้ชายคนนี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกันนั่นน่ะ...
“ผมกับคุณนักเขียนจะแสดงความสนิทสนมกันอย่างลึกซึ้งให้นักข่าวทุกสำนักเห็นเอง ไม่ต้องห่วงเลยนะ...พี่อี้ฝาน”
เจ๊ททททททททททททททท!!!!!!!!!!
TBC
เตรียมกล้องให้พร้อมค่ะ ติ่งและนักข่าวทุกสำนักจะไปงานแถลงแล้ว
#PrayForน้องนักเขียน
[FANART] ทดลองเป็นคนดัง By คุณ @Jiebtyrs
[FANART] เพลียกับพี่พระเอกกกกกกก By คุณ @PhaMohok
[FANART] เรามารักกันนะพี่พระเอกก♥ By คุณ @bbowps
[FANART] เรามารักกันนะพี่พระเอกก Ver.สะดิ้ง By คุณ @Tungpangtung
ความคิดเห็น