คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Birthday Scene :: ตอนพิเศษวันเกิด ไม่มีในเล่มนะฮับ
27.11.15
SPECIAL BIRTHDAY
CHANFECT #โธ่พี่ชาร์ล
เป็นฟิคตอนพิเศษที่แต่งขึ้นมาเพื่อวันเกิดชานยอลเท่านั้น ไม่มีในเล่มที่ขายไปนะคะ
เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคืออะไร?
ทุกคนน่าจะเคยผ่านจุดที่นั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง ว่ามนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไร หลัก ๆ คงไม่พ้นทำให้ชีวิตมีความสุข หลังจากนั้นก็จะเกิดคำถามว่า ‘แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้มีความสุข?’
เงินทอง ชื่อเสียง ของใช้แพง ๆ?
มันก็อาจจะถูกเสียส่วนหนึ่ง สิ่งของเหล่านั้นก็ให้ได้แค่ความสุขทางกาย แต่ความสุขทางใจล่ะ เขาจะเติมเต็มมันได้อย่างไร แต่พอถึงจุดอิ่มตัวจริง ๆ มนุษย์ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเขาต้องการอะไร
เหมือนอย่างปาร์คชานยอลในตอนนี้
เวลาสามทุ่ม เหล่าแม่บ้านคงใจจดใจจ่ออยู่กับละครที่แต่ละช่องสร้างมาเรียกเรตติ้งแข่งกัน พนักงานกินเงินเดือนคงกำลังหามื้อค่ำทานในร้านเล็ก ๆ ที่สะดวกและได้อาหารรวดเร็ว ไม่ก็นัดเพื่อนร่วมงานแวะร้านเนื้อย่างแกล้มด้วยเบียร์หรือโซจู ดื่มเป็นรางวัลให้กับความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
เด็กวัยรุ่นคงกำลังเล่นเกม หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวข้างนอก ซื้อเสื้อผ้าที่เปิดขายในช่วงฟ้ามืด ดูหนัง ฟังเพลง หรืออะไรก็ตามที่สามารถสร้างความสนุกจนเกิดเป็นความสุขได้
แต่ไม่ใช่กับเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังมีชื่อเสียงในตอนนี้อย่างบยอนแบคฮยอน เด็กคนนั้นนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อสองปีก่อน โดยมีปากกาแท่งหนึ่งคาอยู่ในมือ พร้อมศีรษะที่แนบลงกับหน้าหนังสือเล่มหนาที่เปิดค้างไว้
เขายังคงนั่งมองอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ แล้วให้ความคิดในหัวตั้งคำถามและแย่งกันตอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีและด้านแย่ มันคงจริงอย่างที่พี่อี้ฝานพูดว่า ‘เรื่องให้คิดมักจะเพิ่มขึ้นตามอายุของเรา’ ซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และเรื่องราวที่คิดไปเอง
ชายหนุ่มคิดว่าคงเป็นอย่างหลัง เมื่อตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในความกลัว นึกแล้วก็ตลกดีที่ผู้ชายมั่นใจในตัวเองอย่างปาร์คชานยอลกำลังตกอยู่ในสภาวะแบบนี้นี้ ถ้าคนในวงการหรือแอนตี้แฟนรู้คงเอาไปหัวเราะในโซเชียลกันเป็นอาทิตย์
พี่อี้ฝานบอกว่าบางครั้งเขาก็ดูเข้าใจยาก แต่บางอย่างก็ดูออกง่ายจนน่าตกใจ โดยเฉพาะเรื่องการสร้างกำแพงคำว่า ‘เพอร์เฟ็ค’ ขึ้นมาเป็นโล่เพื่อปกปิดจุดอ่อนของตัวเองนั่นน่ะ ใช่... ที่จริงแล้วปาร์คชานยอลคิดมากยิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะคนที่เขาแคร์
แบคฮยอนโตขึ้นมาก ถ้านับจากสองปีก่อนก็คงเป็นส่วนสูงและหน้าตาที่ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่ แต่พอถูกกอดทีไรก็หายเข้ามาในอ้อมกอดเขาแทบจมอยู่ดี บีเกิ้ลวัยเจ็ดเดือนของเขาโตขึ้นแล้ว ทั้งร่างกาย มุมมอง และโลกที่กว้างขึ้น
นักเขียนเยาวชนที่ดังเป็นพลุแตกหลังจากนิยายถูกนำไปสร้างเป็นละคร โดยมีนักแสดงนำอย่างคิมจงอินเป็นพระเอก และเขาที่รับบทเป็นตัวร้าย ซึ่งตอนนั้นมีกระแสมากมายทั้งแง่บวกและแง่ลบ จนอดที่จะเป็นห่วงแบคฮยอนไม่ได้ว่าจะรู้สึกยังไงกับคำสาดเสียเทเสียของคนอื่น
แม้คนตัวเล็กจะบอกว่า ‘โธ่ เรื่องนี้แค่เอง’ แต่เพราะดวงตาคู่นั้นที่ปิดสนิทเพราะรอยยิ้มนั่นแหละที่ทำให้เขาเป็นห่วง ตั้งแต่เรื่องถูกอัดคลิปเผานิยายเมื่อคราวนั้นก็ว่าสาหัสแล้ว เด็กคนหนึ่งจะทนคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่นได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยลองดูผลงานที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมา แต่พวกเขาเลือกที่จะด่าเพราะตอนนั้นเด็กคนนี้อายุสิบแปด
ชานยอลจำได้ว่าวันนั้นเขารั้งคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้และไม่อยากให้ยอมแพ้เพราะคำพูดของใคร ชายหนุ่มเปิดแทปเล็ตแล้วเข้าอินเทอร์เน็ต มันก็นานมากแล้วที่ปาร์คชานยอลไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเวปเพจ ‘แอนตี้ปาร์คชานยอล นักแสดงลวงโลก’ ที่ยังคงเหนียวแน่นไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปแม้ว่าจะสร้างมาหลายปีแล้ว
เนื้อหาในนั้นเต็มไปด้วยคำด่าสารพัด ทั้งหยาบคาย เสียดสี และดูแคลนถึงความสามารถที่เขามี ช่วงเข้าวงการแรก ๆ พี่อี้ฝานเคยแนะนำให้เขาไปพบจิตแพทย์ พร้อมบอกว่าดาราหลายคนก็เข้าพบหมอหลังจากมีกระแสโจมตีต่าง ๆ นานาจนทำให้เสียหลัก มันเป็นเรื่องปกติที่คนในวงการต้องเจอ เมื่อมีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด
ซึ่งการพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าคน ๆ นั้นกำลังเป็นบ้า แต่มนุษย์ทุกคนควรรักษาสภาพจิตใจตนเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ดำดิ่งลงไปจนใช้ชีวิตลำบาก แต่ชานยอลเลือกจัดการความรู้สึกทุกอย่างด้วยตนเอง ลำบากหน่อยแต่พอผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มชินชาไปเอง
และตอนนี้ดูเหมือนว่าคำพูดของพี่อี้ฝานจะย้อนกลับมาเล่นงานเขา เมื่อพอเป็นเรื่องของคนตัวเล็กแล้วชายหนุ่มกลับไม่อยากให้เจ้าตัวแบกรับมันเอาไว้ตามลำพัง
ปาร์คชานยอลรักบยอนแบคฮยอนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พออายุมากขึ้นก็กังวลไปหมดว่าจะมีอะไรในโลกเข้ามาทำร้ายเด็กคนนั้นไหม ต้องทำยังไงแบคฮยอนถึงจะมีความสุขและไม่เบื่อคนรักอย่างเขาที่อายุมากขึ้นในทุก ๆ ปี
‘ผมรักพี่จัง’
ชานยอลยังคงรู้สึกดีกับคำนี้ทั้งที่ฟังมาแล้วเป็นพัน ๆ ครั้ง ถ้าบอกว่าเด็กคนนี้มีเวทย์มนต์ก็คงเชื่อ ความกลัวที่สะสมในใจถูกขับไล่ออกไปเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียว
ผู้ชายวัยสามสิบที่ความโด่งดังลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเพราะเลือกรับงานบางอย่างเท่านั้น เล่นละครน้อยลง เน้นไปทางถ่ายแบบนิตยสารและพรีเซนเตอร์สินค้าเสียส่วนใหญ่ ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักถ้าจะให้นักแสดงรุ่นใหม่ขึ้นครองกระแส ปาร์คชานยอลอยากมีเวลาให้คนรักบ้าง มากกว่าเอาแต่ทำงานหาเงินเพื่อรักษาชื่อเสียงให้คงที่ในวงการบันเทิง
แบคฮยอนเป็นเด็กมหาลัยปีหนึ่งที่ต้องเรียนและเขียนนิยายไปด้วย งานรุมเร้าจนกลายเป็นว่าคนที่หาเวลาว่างยากกลายเป็นเฟรชชี่หน้าใสเสียอย่างนั้น
อย่างเช่นวันนี้ที่นัดกันว่าจะออกไปทานข้าวกันข้างนอกหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์ แต่ก็ต้องยกเลิกแพลนทุกอย่างเพราะแบคฮยอนมาสาย ชายหนุ่มยังจำสีหน้ารู้สึกผิดซึ่งเต็มไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่ายได้ เขาเพียงแค่ยิ้มพร้อมยีศีรษะคนตัวเล็ก และบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’
วันนี้ชานยอลเอาแต่นั่งมองคนรักที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ หนังสือที่อยู่ในมือไม่ได้ดึงความสนใจไปจากร่างผอม ๆ ที่กอดแล้วไม่เจอเนื้อนิ่ม ๆ เหมือนเมื่อก่อนเพราะเรียนหนักจนไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องการกิน
ทั้งที่เรียนเหนื่อยขนาดนั้น แต่แบคฮยอนก็ยังหาเวลาเพื่อมาอยู่ด้วยกัน แล้วแบบนี้เขายังจะน้อยใจลงอยู่ไหม?
ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะทำงาน มองเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยก่อนจะโน้มตัวลงช้อนตัวร่างเด็กน้อยขึ้นมา บีเกิ้ลวัยสองขวบส่งเสียงอื้ออึงละเมอเอาศีรษะถูกับแผงอกของเขา อดยิ้มไม่ได้กับความน่ารักที่ยังคงเสมอต้นเสมอปลายจนนึกโกรธตัวเองที่กลัวความเปลี่ยนแปลงบ้า ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนย้ำความมั่นใจให้แบคฮยอนเองแท้ ๆ ว่าอย่ากังวล
“พี่ชานยอล”
“ครับ”
“กอดหน่อย”
ถ้าบยอนแบคฮยอนอยากทำให้เขายิ้มเพราะแขนทั้งสองข้างที่อ้าออกกว้างล่ะก็ มันได้ผลดีเลยทีเดียว ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พร้อมนั่งลงบนเตียงนุ่ม ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กบดเบียดเข้าหาอ้อมกอด ก่อนจะเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าขาวอย่างอ่อนโยน
“ผมหลับไปนานแค่ไหน”
“ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ” ชานยอลหลุบตามองอีกคนที่จับข้อมือไปราวกับว่ากำลังดูนาฬิกาข้อมือทั้งที่เขาไม่ได้ใส่ เด็กน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่ายขาตวัดกอดคนตัวสูงเอาไว้พร้อมส่งเสียงพึมพำ ซึ่งจับใจความได้คร่าว ๆ ว่าคงบ่นตัวเอง “ถ้าอยากเคลียร์ให้เสร็จคืนนี้ เดี๋ยวพี่จะปลุกเราขึ้นมาทำต่ออีกทีตอนห้าทุ่มดีไหมครับ?”
ทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวได้ปีเศษ ๆ ตอนนั้นก็คิดว่ามันไม่จำเป็น แบคฮยอนจะเรียกเขาว่าพี่พระเอกเหมือนเดิมก็ได้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าอยากให้ดูพิเศษมากกว่า ‘ผมกับคุณ’
ซึ่งปาร์คชานยอลก็ไม่ใช่คนโรแมนติกชนิดว่าจะคิดคำเฉพาะเอาไว้เรียกแฟน เขายังจำสีหน้าแบคฮยอนตอนถูกเรียกว่า ‘ที่รัก’ ได้เป็นอย่างดี เราทั้งคู่นิ่งเงียบไป มอง ๆ หลบสายตากันอย่างขลาดอายอยู่อย่างนั้นกับความแปลกใหม่ที่ยังไม่คุ้นชิน
สุดท้ายก็จบที่ ‘พี่กับเรา’ และ ‘ผมกับพี่ชานยอล’ มันอาจจะไม่พิเศษอย่างคู่รักทั่วไป แต่มันก็ทำให้เห็นรอยยิ้มของแบคฮยอนได้เมื่อเขาแทนตัวเองว่า ‘พี่’
“ผมตั้งใจว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนหกโมงเพราะจะได้มีเวลาอยู่กับพี่ แต่งานมันก็เยอะมากเลย ขอโทษนะ”
เด็กคนนี้กำลังอ้อนเขาทั้งที่ง่วงจนตาแทบปิดได้ยังไงกัน ชานยอลอมยิ้มกับความน่ารักของแฟนเด็ก ก่อนจะก้มลงจูบศีรษะทุยอย่างหมั่นเขี้ยว
“โกรธเลยดีไหมครับ”
“ไม่ดีหรอก เวลาพี่โกรธแล้วน่ากลัวเป็นบ้า”
ชานยอลยิ้มขำ มองดวงตาคู่นั้นที่มองมาเป็นเชิงขอว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก แต่เรื่องของอารมณ์นี่มันห้ามกันได้แค่ไม่ให้แสดงออกมาเท่านั้นแหละ แต่ห้ามไม่ให้รู้สึกก็คงไม่ได้
ก็ถ้าวันนั้นแบคฮยอนไม่เล่าถึงเพื่อนใหม่ในมหาลัยอย่างออกรส บอกว่ามาขอคำปรึกษาเรื่องนิยายจนมันเกินขอบเขตคำว่าเพื่อน ยิ่งกว่านั้นคือเด็กตัวแสบก็รู้ว่าเพื่อนคิดไม่ซื่อ แต่ก็ไม่กล้าถอยออกห่างเพราะกลัวเสียเพื่อน
จนกระทั่งวันที่มีนัดกัน เขาไม่ซีเรียสอยู่แล้วถ้าแบคฮยอนจะมาสายพร้อมเหตุผลทั้งโลกที่จะยกมาอ้าง แต่มันต้องไม่ใช่การมาพร้อมเด็กผู้ชายคนนั้น
คงเป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกันอย่างจริงจัง ชานยอลไม่ใช่คนที่จะแสดงออกเรื่องรุนแรงด้วยการกระทำ แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะเงียบตลอดทางระหว่างขากลับ ซึ่งเป้าหมายเปลี่ยนจากคอนโดของเขาเป็นบ้านของแบคฮยอนแทน
สายตาคนตัวเล็กเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่วินาทีนั้นคำพูดไหนก็ไม่สามารถช่วยให้ความหึงหวงทุเลาลงได้นอกจากเวลา ชานยอลไม่ทิ้งช่วงไว้นานก็เหยียบคันเร่งออกไปทันทีหลังจากส่งคนตัวเล็กถึงที่หมาย เขาตรงกลับคอนโดทันทีโดยไม่มีการเลี้ยวกลับไปรับคนรักหลังจากนึกได้ว่าไม่ควรเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
ไวน์ที่ดื่มดับความขุ่นเคืองในใจนั้นขมพอ ๆ กับความรู้สึกของปาร์คชานยอลไม่มีผิด ชายหนุ่มนั่งเงียบในห้องนั่งเล่นโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแล้วเท่าไหร่ ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ควรไว้ใจแบคฮยอนให้มากกว่านี้ แต่ความหึงหวงมันก็ทำงานหนักจนยากที่จะยั้งไว้ได้
แต่ทุกอย่างก็จบลงเมื่อเสียงประตูห้องดังขึ้นหลังจากผ่านการกดรหัสผ่าน พร้อมร่างของคนตัวเล็กที่หยุดยืนหอบฮักอยู่หน้าประตู
‘ผมมีแค่พี่คนเดียวจริง ๆ นะ’
เพียงแค่นั้น... ขาทั้งสองข้างก็พาปาร์คชานยอลเข้าไปรั้งอีกคนเข้ามากอดในวินาทีถัดมา กระชับแน่นขึ้นจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายใจไม่ออก แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าจะห้ามตัวเองยังไง
“ขอโทษนะ พี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” ชายหนุ่มก้มลงจูบแก้มคนรักเบา ๆ เป็นการบอกรักและขอโทษในคราวเดียวกัน เด็กน้อยที่เหน็ดเหนื่อยกับชีวิตมหาลัยพยักหน้าพร้อมมองมาอย่างหงอย ๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มอีกฝ่าย
“วันพฤหัสก็จะถึงวันเกิดพี่อีกแล้ว”
“ทำไมใช้คำว่าอีกแล้วล่ะ?” ชานยอลขยับตัว หันหน้าสบตากับอีกคน
“เผลอแป๊บเดียวก็วนมารอบที่สามแล้วนี่”
“อ่า นั่นสินะ ตอนนั้นครั้งแรก--”
“หยุด!” จากที่เคยเมาง่วงถึงกับตาสว่างทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดปากคนตัวสูงที่กำลังมองมาอย่างมีความหมาย กับวันเกิดครั้งแรกเมื่อตอนนั้นที่เป็นเรื่องน่าอายสำหรับเขา “ห้ามพูดนะ”
คนตัวเล็กชี้นิ้วห้าม พอเห็นว่าอีกคนนิ่งไม่ตอบโต้ด้วยเสียงในลำคอจึงยอมปล่อยมือออก รอยยิ้มพี่ชานยอลตอนนี้น่าหมั่นไส้เป็นบ้า ในหัวคงมีเรื่องลามกที่เอาไว้ล้อเขาให้อายแน่ ๆ
“ปีนี้จะใส่ชุดอะไรดีครับเด็กน้อย?”
“ใส่ชุดอะไรก็ได้โตแล้ว” แบคฮยอนฟาดมืออีกคนที่เขี่ยจมูกเขาซึ่งมาพร้อมรอยยิ้มนั่น “นี่พี่!”
“ปีแรกใส่ชุดแม่บ้าน ปีที่สองใส่ชุดนอนกระต่าย ปีนี้พี่เลยค่อนข้างคาดหวังน่ะครับ”
“ผมจะใส่ชุดอวกาศ โอเคป่ะ” คนตัวเล็กย่นจมูก เลิกคิ้วมองท้าทายแฟนจ๋าที่กำลังมองมาเหมือนกับว่าอยากปราบพยศเด็กอย่างเขาอีกแล้ว
“ถึงจะไม่เคยถอด แต่ก็น่าลองเหมือนกันนะ”
“ทะลึ่งอีกละ เดี๋ยวต่อยเลย” แบคฮยอนขมวดคิ้วหยิกหน้าท้องแบน ๆ ของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว
ชานยอลร้องโอดครวญปนหัวเราะ ตวัดกอดร่างคนตัวเล็กให้จมหายเข้ามาในอ้อมกอดของเขาพร้อมฟัดจูบแก้มแรง ๆ ก่อนจะผละออกมาสบตากัน
“วันเกิดพี่ หลังจบจากแฟนมีตแล้วไปดูหนังรอบดึกกันนะ”
“ว่างใช่ไหมครับวันนั้น?”
“เอาความจริงหรือโกหกอะ” พอเห็นว่าพี่ชานยอลขมวดคิ้ว เขาจึงหัวเราะออกมา “ก็ยุ่ง แต่ผมจะรีบไปหาพี่ให้ทันก่อนผ่านวันที่ยี่สิบเจ็ดไป”
“ถ้าไม่สะดวกเราไปดูกันวันหลังก็ได้ครับ”
“วันหลังได้ไง ปีนึงมีวันเกิดครั้งเดียวนะ ปีที่แล้วกับปีนี้พี่ยังเคลียร์งานมาอยู่กับผมเลย”
ซึ่งมันก็ถูก เพราะเขาอยากให้ความสำคัญกับแบคฮยอนในทุก ๆ เรื่องจนไม่อยากให้มีคำว่า ‘วันหลังก็ได้’ แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองเขากลับคิดว่าไม่เป็นไร ถึงจะคาดหวังอยู่บ้าง แต่ถ้าทำให้แฟนลำบาก ชานยอลก็คิดว่าการฉลองย้อนหลังก็คงไม่แย่นัก
“ที่พี่พูดแบบนั้นเพราะอะไร เราคงรู้ใช่ไหมครับ?”
“รู้ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจเหตุผลของผมเหมือนกันนะ”
ชานยอลนิ่งไปขณะสบตากับคนตัวเล็ก เขาพยักหน้ารับพร้อมเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าขาว จะมีอะไรเหมาะกับเด็กคนนี้ไปกว่าคำว่าน่ารักอีกไหม บยอนแบคฮยอนทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นมาถึงสองปีแล้วเหรอ
คืนนั้นแบคฮยอนผล็อยหลับคาอกเขาเพราะเหนื่อยสะสม ฉะนั้นการรังแกให้หายคิดถึงเลยถูกพับเก็บไป ชานยอลต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่มองเห็นแต่ความสุขของตัวเอง
วันที่ยี่สิบเจ็ดพฤศจิกายนได้มาถึงอีกครั้ง เขาได้รับคำอวยพรจากแฟนคลับทั้งทางอินสตาแกรมและทวิตเตอร์จนแฮชแท็กติดท็อปอันดับหนึ่ง ชานเฟ็คยังคงน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ทุกครั้งที่เห็นคำอวยพรและโปรเจ็คต่าง ๆ ตั้งแต่ปลูกต้นไม้ในนามปาร์คชานยอล รวมไปถึงการโดเนทเงินเพื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกอย่างล้วนทำเพื่อผู้ชายคนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพวกเธอยังไง
ตอนกลางวันมีถ่ายแบบปกนิตยสาร และสัมภาษณ์ลงคอลัมน์สั้น ๆ เกี่ยวกับชีวิตในช่วงนี้ ซึ่งชานยอลก็ได้ให้สัมภาษณ์ไปว่าที่รับงานน้อยลงอยากดูแลเรื่องสุขภาพให้ดีกว่านี้ และได้โอกาสพักผ่อนไปในตัวด้วย ซึ่งเขารับปากว่าอีกไม่นานจะกลับไปเล่นละครเหมือนเดิม
หลังจากนั้นก็ไปงานแฟนมีตที่จัดฉลองกับแฟนคลับเหมือนทุกปี โดยชานเฟ็คไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะพระเอกหนุ่มรับผิดชอบเองทั้งหมด ชานยอลถูกชาวเน็ตหมั่นไส้เรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่าเขาแค่ทำเพื่อสร้างภาพเท่านั้น
พระเอกหนุ่มใช้เวลาอยู่กับเด็กผู้หญิงหลายร้อยคนกับปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่มีการเล่นเกม จับสลาก พูดคุย และถ่ายรูปร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกงาน แต่เวลาก็ยืดออกไปเกินกำหนดเมื่อเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยตั้งแต่เริ่มงาน เมื่อมีแฟนคลับบางส่วนไม่ได้เข้าฮอลเพราะพื้นที่จำกัด จึงมีบางส่วนที่ต้องเข้ามานั่งบนพื้น แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ให้ความใส่ใจกับพวกเธอไม่แพ้คนที่ได้นั่งบนเก้าอี้
เขาอยู่ถ่ายรูปและแจกลายเซ็นจนถึงห้าทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับเหล่าแฟนคลับที่กำลังทยอยกันกลับบ้าน เขาย้ำบอกให้พวกเธอระวังตัวเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหลังเวทีเพื่อเตรียมตัวไปหาแบคฮยอนที่โรงหนัง
เขามีเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นสำหรับหนังรอบสุดท้ายในคืนนี้ ชานยอลเดินวนหาผู้จัดการส่วนตัวในระหว่างที่คนอื่น ๆ กำลังเร่งมือเก็บอุปกรณ์ในงานแฟนมีต จนกระทั่งรู้สึกได้แรงสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวนอก
“พี่กำลังรีบไปครับ”
( เอ่อ... พี่ )
เสียงของคนตัวเล็กเบาจนเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับสัญญาณโทรศัพท์ ชานยอลยังคงเร่งฝีเท้าเพื่อตามหาผู้จัดการส่วนตัวจนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยืนคุยกับสตาฟงานอยู่ตรงหน้าทางออกลานจอดรถ
( ผมคงไปไม่ได้แล้วนะ งานท่วมหัวเลย ต้องส่งพรุ่งนี้เช้าด้วย... คือ... )
ฝีเท้าที่เคยวิ่งชะลอลงจนกลายเป็นหยุดยืน ชายหนุ่มทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าทั้งที่ยังคงไม่ละสมาร์ทโฟนออกจากหู เขาเห็นว่าพี่อี้ฝานกำลังหันมาทางนี้ราวกับเป็นเชิงบอกว่าพร้อมแล้วถ้าหากว่าจะให้ไปส่งที่โรงหนัง
( ขอโทษอะ ผมมันโคตรแย่เลย ทั้งที่รับปากไว้แล้วแท้ ๆ )
“ไม่เป็นไรนะ ไว้วันหลังก็ได้” ชายหนุ่มพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด แม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะโกรธลงกับเหตุผลของอีกคน “งานเยอะใช่ไหม ถ้าต้องรีบปั่นให้เสร็จภายในคืนนี้ก็รีบทำแล้วรีบเข้านอนนะครับ”
( พี่... ผมขอโทษ )
“แต่วันหลังต้องชดเชยให้นะ เราเบี้ยวพี่แล้วหนึ่งครั้ง” ชานยอลหัวเราะ
คนในปลายสายยังส่งเสียงอู้อี้กลับมาอย่างรู้สึกผิด ซึ่งชายหนุ่มพยายามชวนคุยไปเรื่องอื่นเพื่อที่จะให้บรรยากาศของความผิดหวังจางลง ปาร์คชานยอลโตแล้ว เขาไม่ควรเก็บเรื่องนี้มาน้อยใจเป็นเด็ก ๆ
ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกเสียเมื่อไหร่ อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้ยินเสียงแบคฮยอนเป็นคนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดวันเกิด
“ไปเลยหรือเปล่า?” อี้ฝานถามนักแสดงในความดูแลที่กำลังตรงมาทางนี้ ชานยอลเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะขึ้นไปบนรถ
“กลับคอนโดครับ”
พี่อี้ฝานขับมาส่งถึงหน้าคอนโด และบอกว่าพรุ่งนี้จะให้เด็ก ๆ ขนกล่องของขวัญจากแฟนคลับไปไว้ที่บริษัท ซึ่งชายหนุ่มจะเข้าไปแกะกล่องและอ่านข้อความย้อนหลังในวันว่างพร้อมอัพลงโซเชียล
ขายาวเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่เร่งรีบ ทุกอย่างเชื่องช้าไปหมดหลังจากรู้ว่าค่ำคืนนี้ไม่มีเป้าหมายใด ๆ อีกแล้ว ตอนนี้แบคฮยอนคงขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง ก้มหน้าก้มตาทำรายงานอย่างหนัก รู้อย่างนั้นก็เป็นห่วงจนอยากขับรถออกไปข้างนอกเพื่อซื้ออะไรอุ่น ๆ ไปให้ทาน
เด็กคนนั้นชอบหิวกลางดึก ๆ ซึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาทำให้ แต่ถ้าไปหาตอนนี้แบคฮยอนคงไม่มีสมาธิทำรายงานแน่... หรือจะโทรสั่งให้ไปส่งถึงบ้านดีนะ?
ปลายนิ้วกดรหัสผ่านแล้วเข้าไปในห้อง ในหัวยังคงชั่งน้ำหนักถึงความเป็นห่วงเป็นใยคนรักที่ต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนด้วย ตอนนี้ก็ดึกแล้ว คนในบ้านแบคฮยอนคงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ถ้าหากนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่จะไปหารุ่นน้องคนสนิท อย่างที่คนเป็นพ่อแม่เข้าใจ
“...”
ความคิดที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวเป็นเหมือนฟองสบู่ที่ถูกเจาะ เมื่อกดสวิตซ์ไฟข้างประตูแล้วก็พบลูกโป่งสีขาวลอยติดเพดานห้อง ซึ่งบนพื้นก็เช่นกัน ข้อความที่ถูกทำด้วยกระดาษแปะอยู่บนกระจกใสซึ่งเขามักจะทอดสายตามองออกไปยังกรุงโซลยามค่ำคืน และตรงนั้นมันถูกเรียงกันเป็นคำว่า
‘I LOVE YOUR SMILE’
ชายหนุ่มยืนนิ่ง เขาทำอะไรไม่ถูกกับความน่ารักที่ถูกตกแต่งอยู่โดยรอบ หัวใจที่เคยอยู่ในจังหวะปกติเต้นเร็วแรงขึ้นเมื่อเห็นลูกศรกระดาษบนพื้นซึ่งชี้ไปทางประตูห้องนอน
ชานยอลคิดว่ารอยยิ้มสุดท้ายของเขาในวันนี้คือการเห็นแฟนคลับพร้อมใจกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้เขากำลังยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด กับดอกทานตะวันหนึ่งดอกบนพื้นที่ผูกไว้กับกระดาษแผ่นหนึ่ง
‘สดใสแบบนี้ต้องชื่อปาร์คชานยอลแล้ว’
เขาไม่ใช่ผู้ชายชอบดอกไม้ แต่หลังจากนี้ปาร์คชานยอลคงยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็นดอกทานตะวัน ความเงียบถูกแทนที่ด้วยเสียงกล่องดนตรี เพลงสุขสันต์วันเกิดคลอเบา ๆ แต่ก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มอบอุ่นขึ้น
ชานยอลดันประตูห้องเข้าไปช้า ๆ สิ่งแรกที่สายตามองเห็นคือเทียนหอมสีขาวที่ถูกวางประดับไว้เป็นจุด เขาหลุดยิ้มออกมากับรูปโพลารอยด์มากมายที่แปะอยู่บนผนัง ทั้งรูปคู่และรูปเดี่ยว ทุกอย่างมันคือความทรงจำที่เขากับแบคฮยอนทำร่วมกันโดยไม่มีใครรู้
ขายาวก้าวเข้าไปข้างในแล้วปิดประตู จากที่รู้สึกดีอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นผนังห้องทางด้านขวา มันเต็มไปด้วยโพสต์-อิทหลากสีซึ่งแปะติดรวมกันเป็นรูปหัวใจ เขาหยุดมองมันอยู่ตรงนั้นราว ๆ ครึ่งนาที การยิ้มจนเมื่อยแก้มเป็นยังไงวันนี้ปาร์คชานยอลได้รู้แล้ว
ขายาวก้าวเข้าไปหยุดอยู่หน้าโพสต์-อิทเหล่านั้น ซึ่งทุกใบถูกเขียนข้อความเอาไว้จนต้องดึงออกมาอ่าน
‘ไปฮาวายกันนะ ทริปนี้บีเกิ้ลจ่ายเองฮับ ‘ㅅ’ ’
ส่ายหน้ากับข้อความน่าหมั่นเขี้ยวของอีกคน ไม่เคยมีแฟนคนไหนเซอร์ไพรส์เขาด้วยวิธีน่ารักแบบนี้มาก่อน แต่มันก็เหมาะกับเด็กอย่างแบคฮยอนดีเหมือนกัน
รอยยิ้มหายไปเมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนที่กอดหมับเข้ากับเอวของเขา พอหลุบสายตาลงก็พบว่ามันไม่ใช่แขนธรรมดา แต่เป็นแขนสีน้ำตาลพร้อมอุ้งเท้าน้องหมา ชานยอลพลิกตัวหันกลับไป ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นมาสคอตบีเกิ้ลสูงเกือบเท่าเขายืนทำตาโตอยู่ตรงหน้า
“อะไรครับ”
“โฮ่ง”
ชานยอลอมยิ้มขณะมองบีเกิ้ลที่ยืนเซซ้ายเซขวาเพราะความหนักของหมวกมาสคอต จนอดไม่ได้ที่จะช่วยเข้าไปประคอง คนตัวเล็กถอดหมวกออก ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยเหงื่อกับผมที่ยุ่งเหยิงบ่งบอกว่าแบคฮยอนคงอยู่ในชุดนี้มาสักพักแล้ว
คนเป็นเจ้าของวันเกิดยังคงหุบยิ้มไม่ได้ เขาช่วยจัดเผ้าผมให้แฟนเด็กที่กำลังหอบหายใจก่อนจะค้างอยู่ท่านั้นเมื่อบีเกิ้ลวัยสองขวบพุ่งเข้ามากอดเขา
“คิดถึงจัง”
“เหรอครับ เหมือนเราเพิ่งคุยกันไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเองนะ?”
“จำไม่ได้เลยอะ รู้แค่ว่ารออยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว”
คนในอ้อมกอดพูดเสียงอู้อี้ ชานยอลโอบใบหน้าเด็กขี้อ้อนขึ้นมาสบตากัน ก่อนจะก้มลงไปจูบปากคนช่างพูดสักครั้งให้หายหมั่นเขี้ยว แบคฮยอนเอาแต่หัวเราะยิ้มตาหยีที่หลอกเขาสำเร็จ เด็กคนนี้น่าจับมาตีก้นจริง ๆ
“ตอนคุยโทรศัพท์กัน ผมรู้นะว่าพี่หงอย”
“แล้วก็ยังหลอกพี่ได้ลงคอ ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ล่ะ?” ชานยอลเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าขาว ขณะที่คนตัวเล็กในชุดมาสคอตนั้นก็กอดเอวเขาพร้อมโยกตัวไปมาเหมือนเด็ก ๆ
“ผมเพิ่งนึกได้เมื่อวานว่าอวยพรวันเกิดในโรงหนังมันไม่โรแมนติกเท่าในห้องนี้” แบคฮยอนกลายเป็นเด็กปากหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ ชานยอลอารมณ์ดีกับการเอาอกเอาใจของแฟนเด็กจนยากที่จะหุบยิ้มได้แล้ว “แฟนพี่นิสัยไม่ดี เพราะงั้นพี่ต้องอยู่สั่งสอนไปเรื่อย ๆ เลยนะ”
“ไปหัดพูดแบบนี้มาจากไหนครับ?”
“เคยเขียนนิยายรักมาตั้งสองเรื่อง มันก็ต้องมีกันบ้างซี่...” เด็กน้อยหัวเราะ โอบรอบคอแฟนตัวโตแล้วจุ๊บปากแช่ไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทั้งที่ยังไม่ละริมฝีปากออกจากกัน
“งั้นจะค่อย ๆ สอนแล้วกัน เด็กดื้อจะได้อยู่กับพี่ไปนาน ๆ”
“Deal”
ทั้งคู่เอาหน้าผากชนกัน สบตากับอีกฝ่ายที่กำลังมองมาด้วยความรัก ท่ามกลางแสงเทียนที่ถูกประดับอยู่รอบห้อง แบคฮยอนแค่อยากทำให้พี่ชานยอลรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป แม้ว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในทุก ๆ ปี
“วันนี้ผมมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้พี่ด้วยนะ”
“ชุดมาสคอตบีเกิ้ลยังไม่ใหญ่พออีกเหรอครับ?” ชานยอลหัวเราะ
“ไม่สิ มีใหญ่กว่านั้นอีก” เด็กน้อยถอดชุดมาสคอตไว้ตรงเอว ล้วงมือเข้าไปในถุงหน้าท้องเพื่อหยิบมือถือขึ้นมา ชายหนุ่มมองใบหน้าซน ๆ ของคนตัวเล็กที่กำลังให้ความสนใจกับสิ่งของในมือ ก่อนจะหันหน้าจอมาให้เขาดู
มันคืออีเมลที่ถูกส่งมาจากผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่ง เนื้อความด้านในคือการถามแบคฮยอนว่าอยากให้นักแสดงคนไหนมาแคสติ้งละครเรื่องหน้า ซึ่งเป็นพล็อตสืบสวนสอบสวนที่เขาเองก็มีส่วนในการช่วยคิดด้วย
ชานยอลละสายตาจากสมาร์ทโฟน สบตากับคนตัวเล็กที่ก้าวขาเข้ามาใกล้ มองเขาด้วยรอยยิ้มอย่างขลาดอายและบอกว่า...
“เรื่องนี้เป็นพระเอกให้ผมนะ”
หัวใจพองโตจนแทบลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยกลัวกับการมีความรักมากแค่ไหน ชายหนุ่มมองดวงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนตัวเล็ก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาสามารถยืนยันกับตนเองได้ว่าเลือกคนไม่ผิด
“มันคือการขอแต่งงานแบบนักเขียนเหรอครับ?”
“ใช่ นี่คือชุดเจ้าบ่าวเบอร์หนึ่ง แล้วนี่ก็คือชุดเจ้าบ่าวเบอร์สอง” แบคฮยอนจิ้มอกคนตัวโตกว่าแล้วจิ้มอกตัวเอง
พระเอกหนุ่มรั้งแฟนเด็กเข้ามาในอ้อมกอด กดจูบลงบนศีรษะทุยแล้วกระซิบบอกรักที่ออกมาจากหัวใจ และเด็กคนนี้ก็เช่นกัน เขายังคงชอบฟังคำว่า ‘ผมรักพี่’ ซ้ำ ๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ ถ้ามันมาจากปากบยอนแบคฮยอน
ชานยอลให้คำตอบกับตัวเองได้อย่างแท้จริงแล้วว่าความสุขในชีวิตของเขาคืออะไร ซึ่งนั่นก็คือการมีบยอนแบคฮยอนอยู่ในชีวิต ถึงแม้ว่าหน้าที่การงานจะทำให้เวลาอยู่ด้วยกันลดน้อยลง แต่ถ้าอยู่ด้วยความเข้าใจ ไม่มีใครปล่อยมือกันไปก่อน ความสุขในชีวิตมันก็คงอยู่ใกล้แค่นี้...
ขอแค่รักและเชื่อใจกัน (:
THE END
น้อว มาช้าไปวันนึงนะมีหลายสิ่งต้องทำมาก เอามาให้หายคิดถุง แต่ไม่รู้ว่าจะหายไหม นี่ก็ล่อไป 5พันคำเลยนะ 55555555555555
เขียนไปก็อยากกอดพี่พระเอกไป งี้แหละ พอเริ่มอายุมากขึ้นเราก็กลัวว่าจะถูกแฟนเด็กทิ้ง กลัวว่าเขาจะโตขึ้นแล้วไปเจอสังคมใหม่ ๆ แต่ก็นะ น้องนักเขียนเขาทำให้พี่มั่นใจได้แล้ว
ความคิดเห็น