คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Scene 10 :: พี่เขาแม่งแย่ (100%)
Scene 10
พี่เขาแม่งแย่
กลิ่นหอมของหมูสามชั้นบนกระทะเรียกน้ำย่อยเด็กวัยกำลังโตได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มในชุดลำลองสบาย ๆ ยังคงสวมหมวกกับแว่นแฟชั่นกรอบดำไว้เหมือนในทีแรก มันคงดีถ้าเขาอยู่ในสภาพนี้ แทนที่จะถอดทุกอย่างวางไว้ข้างตัวจนถูกคนในร้านจับได้
ซุปกิมจิร้อน ๆ กับข้าวเปล่าคือมื้อเย็นสำหรับคนป่วย ชานยอลตักซุปชิมอย่างไม่เร่งรีบแล้วเท้าศอกมองเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขกับการกินอยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะเห็นหมูที่ถูกห่อด้วยผักยัดเข้าปากคนตัวเล็กจนแก้มพองออกมาอย่างน่ารัก
“...มองไร”
“ครับ?”
“แม่บอกว่าห้ามนั่งมองคนอื่นกินข้าว เดี๋ยวเขาจะบาป พี่หันไปเลย”
“อะไรนะ?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วปนยิ้มขำกับคำพูดคำจาของเด็กน้อยพลางคีบหมูสามชั้นจากกระทะออกมาตัดใส่จานให้เด็กวัยกำลังโตได้กิน แบคฮยอนยกมือบังสายตาอีกคนแล้วคีบหมูเข้าปากก่อนจะลดมือลง
“พี่พาผมมาถึงร้านเนื้อย่าง แต่มานั่งซดน้ำกิมจิกับข้าวเนี่ยนะ”
“ครับ คุณไม่ชอบเหรอ?”
สีหน้าของพระเอกหนุ่มดูจริงจัง ถ้าเกิดเด็กคนนี้ตอบว่า ‘ใช่’ เขาคงต้องโทรไปคุยเรื่องนี้กับมุนกายอง นางเอกละครซึ่งเป็นรุ่นน้องคนสนิทที่แนะนำร้านให้ เธอบอกว่าที่นี่บรรยากาศดี อีกทั้งแถวนี้ผู้คนก็ไม่ชุกชุมเหมือนย่านกังนัม ส่วนเรื่องรสชาติก็ดีด้วย เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ไว้ใจพาคุณนักเขียนเด็กมาที่นี่
“ชอบดิ มันอร่อยมากจนผมงงว่าทำไมพี่ไม่ยอมกินสักคำ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย ชานยอลเลือกที่จะเงียบแล้วก้มลงกินซุปที่ยังคงร้อนเหมือนตอนพนักงานเพิ่งวางมันลงบนโต๊ะ
ก็ดีแล้วที่เด็กคนนี้ชอบ เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าวันนี้ได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไป
แต่พอเงยหน้าขึ้นชายหนุ่มก็หยุดชะงัก เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยืดตัวข้ามมาทางนี้พร้อมหมูสามชั้นซึ่งถูกห่อด้วยผักในมือ ใบหน้าซน ๆ เหมือนลูกหมากำลังมองมาอย่างคาดหวัง ปาร์คชานยอลไม่อยากเรียกสถานการณ์ตอนนี้ว่า ‘ป้อน’ เมื่ออีกฝ่ายขยับริมฝีปากบอกกับเขาว่า...
“กินหมูวันเดียวไม่ทำให้พี่กลับไปอ้วนหรอกน่า อ้าปากเร็ว”
“...”
“ถ้ากลัวน้ำหนักขึ้น เดี๋ยวผมไปฟิตเนสเป็นเพื่อนพี่เอง เร็ว อ้าปาก”
บยอนแบคฮยอนเป็นเด็กพูดไม่เพราะ เรื่องนี้ปาร์คชานยอลรู้ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน แต่ประโยคห้วน ๆ ที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั่น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เขารู้สึกดี
ร่างสูงเอื้อมมือขึ้นหวังจะรับมากินเอง หากแต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเลิกคิ้วมองเป็นเชิงขู่ให้เขาอ้าปาก ใช่ นักเขียนเด็กแสบกำลังขู่ให้เขากินจากมือนั่น
“ไม่ต้องอาย กินเข้าไปให้หมดคำเดียวเลย”
ชายหนุ่มเพียงแค่ป้องปากเมื่อหมูสามชั้นห่อผักถูกยัดเข้ามาภายในคำเดียว นึกอยากจะดุที่เจ้าเด็กตัวแสบแกล้งเขาด้วยวิธีนี้ แต่ก็ได้แค่ส่งสายตาคาดโทษกลับไปเท่านั้น
สาบานให้ตายเลยว่านี่เป็นมื้อเย็นที่อร่อยที่สุดในรอบหลายปี ร่างสูงหลับตาลงขณะเคี้ยวรับรสชาติความอร่อยที่พระเจ้าประทานมาให้พร้อมความอ้วน ซึ่งเขาห่างเหินกับมันมาตั้งแต่ตอนเข้ามหาลัย
แบคฮยอนนั่งมองคนที่ทำหน้าฟินเงียบ ๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ คนดื้อ ๆ แบบพี่เขานี่ต้องบังคับ มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ นะที่ต้องเห็นพี่พระเอกเอาแต่กินอาหารกะโหลกกะลาเพราะห่วงเรื่องน้ำหนัก ทั้งที่แผ่นดินเกาหลีมีของกินอร่อยอยู่เต็มไปหมด
คนตัวเล็กคีบหมูวางใส่ผักแล้วห่อให้อย่างเสร็จสรรพ แต่คำนี้เขาไม่ได้ยื่นแขนสั้น ๆ ป้อนให้เมื่อหันไปเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาได้
ลืมตัว... เมื่อกี้ลืมตัวจริง ๆ ว่าเสนอหน้าก้าวข้ามผ่านความปกติไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำกันเลยนะ กับการป้อนข้าวป้อนน้ำให้คนที่ไม่ใช่ญาติหรือคนรัก แต่ก็โชคดีแค่ไหนที่พี่พระเอกไม่ถอนหายใจใส่แล้วถลึงตาหลอกด่าว่า ‘คุณจะฆ่าผมหรือไง?’
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนรู้สึกว่าอยากโตไว ๆ เผื่อว่าวันหนึ่งเขาจะอ่านใจคนอื่นได้ผ่านการมองตากัน
“ขอบคุณครับ”
จบ... ความแข็งแกร่งที่บยอนแบคฮยอนได้พยายามตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมันได้จบลงเพียงเพราะคำขอบคุณซึ่งมาพร้อมแววตาคู่นั้นที่ทำให้แบคฮยอนใจเต้นแรง
เด็กน้อยนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมทำมือปัด ๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดพี่พระเอกตอกกลับมาเหมือนทุกครั้งว่า ‘ผมกินเองได้’ หรือ ‘ผมไม่ได้เป็นง่อย’ แบบนั้นจะรู้สึกยังไง แน่นอนว่าอาการใจเต้นแรงจะไม่เกิดขึ้น แต่จะกลายเป็นความคุ้นเคยกับบรรยากาศเดิม ๆ ที่มันเพิ่มความสนิทสนมให้เขาทั้งคู่
และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มันทำให้เด็กน้อยใจสั่นจนยากที่จะทำตัวให้เป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ได้
“ผมคงกินคนเดียวไม่หมดอะ ช่วยกันรับผิดชอบเลย”
แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าต้องวางตัวยังไงหลังจากพลาดตกลงไปในหลุมที่เรียกว่าความรัก เด็กน้อยชี้หมูสามชั้นย่างซึ่งถูกตัดไว้บนจานแล้วยักคิ้วเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายกินมันเข้าไปซะ ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ต้องเอาความกะโปกเข้าสู้ ไม่งั้นบยอนแบคฮยอนต้องง่อยแดกเพราะสูญเสียความเป็นตัวเองแน่
แต่พอได้สบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แบคฮยอนถึงได้ใจสั่นอีกครั้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคนป่วยซึ่งมาพร้อมหมูโง่ ๆ ที่ถูกห่อด้วยผัก มันยื่นมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากเขาราวกับเป็นข้อบังคับ เด็กน้อยค้างอยู่ท่านั้น สายตาของคนป่วยที่มองมายังไม่เท่ากับหมูสามชั้นสารเลวที่มันส่งเสียงพูดกับเขาว่า
‘อ้าปากกินกูเข้าไปซะไอ้เด็กขี้มโน พี่เขาป้อนแล้ว เขินตายไปเลยไหม ว๊าย ๆ’
คนตัวเล็กอ้าปากงับหมูสามชั้นอย่างจำใจโดยที่ไม่สบตากับคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าทำแบบนั้นพนันได้เลยว่าพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์คงได้ลงข่าวเด็กม.ปลายหัวโปกกะโหลกไขว้ระเบิดตัวตายเพราะความเขิน
“ทานเยอะ ๆ นะครับ จะได้ไปเบิร์นออกด้วยกัน”
ดูดิ... ดูเขาพูด... ผู้ชายคนนี้แม่งชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะ ผู้ใหญ่เขาทำแบบนี้กับคนอื่นโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยได้ด้วยเหรอแบคฮยอนอยากจะรู้นัก พรุ่งนี้พี่พระเอกอาจจะต้องไปฟิตเนสเพื่อเบิร์นแคลอรี่ออก แต่เด็กอย่างเขาคงต้องเบิร์นความชอบที่มันชักจะมากขึ้นจนตัวแทบแตกให้ออกไปบ้าง ไม่อย่างนั้นความรู้สึกของเขามันคงอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ จนเบิร์นออกไปไม่ไหวแน่
พอถึงตอนนั้นบยอนแบคฮยอนคงกลายเป็นเด็กอ้วนเพราะปาร์คชานยอล ซึ่งมันไม่แฟร์เอาซะเลย
“ปวดหัวอยู่ไหม”
“นิดหน่อยครับ”
“เจ็บคอล่ะ”
“ไม่ครับ”
“คัดจมูก?”
“ไม่ครับ”
“ไอมีเสมหะหรือเปล่า”
“ไม่ครับ”
“หนาวไหม”
“หนาวครับ”
“โอเค”
คุณหมอจำเป็นเอาแต่ยิงคำถามใส่ตั้งแต่เขาหยัดตัวลงบนเตียงหลังจากอาบน้ำเสร็จ ชานยอลเลิกคิ้วมองเด็กน้อยที่จัดแจงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เขาจนถึงช่วงอก ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเอาผ้านวมอีกผืนออกมาห่มทับอีกชั้นและไม่ลืมที่จะปรับอุณหภูมิของแอร์
“พี่ต้องจิบน้ำอุ่นด้วยรู้ป่ะ”
คนตัวเล็กยื่นยาจำนวนหนึ่งมาพร้อมแก้วน้ำ ชานยอลรับมาใส่ปากในครั้งเดียวแล้วดื่มน้ำตามก่อนจะส่งแก้วคืน ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะพิษไข้ พลางปรือตามองคนตัวเล็กที่หันไปง่วนอยู่กับการบ้านบนพื้นพรมขนสัตว์สีน้ำตาล
บยอนแบคฮยอนเป็นเด็กน่ารักเวลาอยู่เฉย ๆ แต่ตอนแสดงพิษสงตามประสาเด็กก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ ชานยอลยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกไปถึงมื้อเย็นที่เขาทั้งคู่จัดหนักกันเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว มันน่าแปลกใจจริง ๆ ที่เขายอมเอาไขมันเข้าร่างกายเพียงเพราะเด็กคนนั้นขอ ทั้งที่เมื่อก่อนใครชวนให้ตายก็ไม่ไป
ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุกแบบสั่นสะเทือน มันคงดีถ้าเขาตื่นขึ้นมาภายในสองชั่วโมงแล้วเห็นว่าเด็กคนนั้นทำการบ้านเสร็จแล้ว พอถึงตอนนั้นเราอาจจะพูดคุยกันสักหน่อย ถ้ามันไม่ดึกมากเกินไปเขาก็อยากจะให้คุณนักเขียนเด็กเข้านอนเร็ว ๆ บ้าง
“นี่พี่”
จากที่กำลังเคลิ้มจะหลับก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาเห็นว่าเด็กตัวแสบยังคงนั่งหันหลังให้เขาเหมือนในทีแรก ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงขานตอบในลำคอกลับไป
“ไม่ใช่ไรนะ ที่เมื่อวานพี่บอกว่าไม่ได้เดทกับคุณดาซมอะ อำเล่นหรือพูดจริง”
การบ้านบนพื้นกลายเป็นฉากกลบเกลื่อนเพื่อเลี่ยงการหันไปสบตากับพี่พระเอกระหว่างรอคำตอบ กล่องใส่ดินสอโง่ ๆ กลายเป็นที่ยึดสายตาได้เป็นอย่างดี จากตอนแรกกะว่าจะให้คนป่วยได้นอนพักผ่อน แต่สุดท้ายแบคฮยอนก็สู้ความอยากรู้ในใจไม่ไหว
“เราเคยคบกันครับ” รู้สึกปวดหนึบ ๆ ตรงหน้าอกข้างซ้ายนิดหน่อยหลังจากได้ยินคำตอบ วินาทีนี้แบคฮยอนได้แต่ถามตัวเองว่าควรเดินหน้าถามต่อไป หรือว่าหยุดความอยากรู้ไว้เพียงเท่านี้ดี “ที่ถามแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า ผมถามเฉย ๆ พอดีเคยเห็นข่าวพี่กับเธอในทีวีด้วยไง แล้วพี่บอกไม่เคยเดทงี้มันฟังไม่ขึ้นเว้ย แล้วเพื่อนผมมันก็เป็นติ่ง มันเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าบางทีพวกสื่อชอบปล่อยข่าวลือมั่วซั่วทั้งที่ไอดอลคู่นั้นไม่ได้เดทกันก็มีไรงี้” ถูกต้อง คยองซูเล่าให้ฟังแบบนั้นจริง ๆ แต่เรื่องของพี่พระเอกกับคุณดาซมนี่เขาแอบไปเสิร์ทหาข้อมูลมาเองเมื่อตอนกลางวัน
“ไม่ใช่ข่าวลือหรอกครับ ผมเคยคบกับดาซมจริง ๆ”
เปรี้ยง!!!
แสกเข้ากลางหน้ากูเลย
“นั่นไง! แต่สื่อสมัยนี้ก็เก่งเกิ๊น ไม่ได้นั่งเทียนเขียนข่าวมั่วซั่วไปเรื่อยอ่ะเนอะ” แถสิครับรอไรอยู่ กูนี่แทบกลับลำไม่ทันเลยแม่เย้ก
“ทำไมเหรอครับ?”
“ไม่มีละ”
“ผมรู้ว่าคุณยังมีเรื่องที่อยากถามอีก”
แบคฮยอนเบ้ปาก เก่งนักล่ะเรื่องเดาใจคนอื่นแล้วบีบให้เขาพูดเนี่ย ถ้ารู้แล้วก็ควรจะทำความเข้าใจแล้วให้คำตอบมาทีเดียวเลยดิ ไม่ใช่หลอกถามให้เด็กพูด แล้วกูก็บ้าไปถามเขาเรื่องแฟนเก่าให้เจ็บใจเล่นอีกนะ ซั้ซ
“ถามในฐานะคนอยากรู้อยากเห็นนะ”
“มันมีในฐานะอื่นด้วยเหรอครับ?”
ฐานะคนที่ชอบไงล่ะ ต้องให้พูดแบบนี้ไหม เดี๋ยวลั่นใส่แล้วจะพูดไม่ออก!
“ฐานะคนขี้เสือก”
“ติงต๊อง”
“ตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็นก็ได้อะ ผมเห็นพี่กับคิมดาซมกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันซะแน่นขนาดนั้น นี่จะรีเทิร์นกันแล้วดิ?” ไม่พูดอย่างเดียว แบคฮยอนกอดตัวเองเป็นท่าประกอบก่อนจะหันไปป๊ะกับคนตัวสูงที่กำลังมองมาทางนี้
พี่พระเอกตอนปรือตามองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเซ็กซี่เหมือนที่ไอ้คยองซูเคยเล่าให้ฟังเลยว่าคนป่วยมักจะปล่อยออร่าเซ็กซี่ออกมา พวกนักเขียนนิยายวายไปเอาความรู้เรื่องนี้มาจากไหนกันวะ
“คุณคิดว่าผมควรรีเทิร์นกับเธอไหม?” กวนตีนละพี่พระเอก ใครใช้ให้ย้อนถามกลับ จะลองเชิงเหรอ
“ถามตัวเองดิ มาถามผมทำไมอะ”
“ผมอยากฟังความเห็นจากคุณนี่ครับ” แบคฮยอนขยับปากล้อเลียนคำพูดอีกคนอย่างหัวเสีย ถ้าตอบว่าควรแล้วจะเป็นไง ได้ความเห็นจากคนอื่นแล้วมันเพิ่มความมั่นใจให้ช่ะ
“ไม่ควร” นี่เลย คำตอบที่แท้จริง
“เพราะอะไรครับ?” ชายหนุ่มสอดแขนเข้าใต้ท้ายทอยแล้วขยับตัวให้อยู่ในท่าสบาย ๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนตัวเล็ก
“สงสารผู้หญิงตายเลยที่ต้องมาคบกับผู้ชายอีโก้แบบพี่ ไหนจะไม่มีเวลาให้อีก ไหนจะชอบกินอาหารที่ต้องกดดันชีวิตผิดมนุษย์มนา เป็นผมคบได้สองเดือนก็หนีไปหาผัวใหม่ละ”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ” แบคฮยอนมองอีกคนที่กำลังดุเขาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ เห็นไหม พี่พระเอกโคตรให้ท่าเลย คนบ้าที่ไหนจะดุคนอื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้นกัน
“แฟนใหม่ก็ได้” คนตัวเล็กหยิบปากกาขึ้นมาเขียนบนอากาศทำท่าขีดฆ่าคำว่าผัวใหม่ทิ้งไป
“ความอีโก้มันทำให้ผมไม่สมควรมีความรักเลยหรือไงครับ?”
“ผมเป็นเด็ก จะรู้เหรอว่าอะไรควรไม่ควร” แบคฮยอนหรี่ตามองคนป่วยที่นอนจ้องหน้าเขาอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“เพราะเป็นเด็ก คุณถึงมีสิทธิ์ได้เรียนรู้ว่าอะไรควรไม่ควรนะ” คนตัวสูงยิ้มกับประโยคกำกวมที่เหมือนว่าจงใจให้เขาเก็บไปคิดเอาเอง “ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณเคยเล่าให้ฟังว่าไม่เคยมีแฟน”
“ใช่ แล้วผมก็ไม่ตายด้วย”
“แล้วเคยมีความรักหรือเปล่าครับ?” แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ตอนนี้เด็กน้อยนึกอยากให้ยาลดไข้ออกฤทธิ์เร็ว ๆ ผู้ชายคนนั้นจะได้หลับไปซะ เขาไม่อยากรู้แล้วว่าตอนนี้คิมดาซมอยู่ในสถานะอะไร ไม่อยากรู้แล้วว่าพี่พระเอกรู้สึกยังไงกับเธอ พอเลยพอ
“ไม่รู้”
“เขินที่จะเล่าให้ผมฟังเหรอ”
“ไม่ได้เขินเว้ย จะพูดอะไรก็ช่วยเช็กหน้าผมด้วย” เด็กน้อยชี้หน้าตัวเองเป็นท่าประกอบ แข็งแกร่งดุจหินผาขนาดนี้จะเอาอะไรมาเขิน โด่
“ผมแค่คิดว่าทุกคนต้องมีปั๊บปี้เลิฟน่ะ”
“แล้วพี่คิดว่าหน้าอย่างผมจะมีป่ะ?” เด็กน้อยเหล่มองคนป่วยที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง
“กับเพื่อนที่ถูกจับให้นั่งข้างกัน หรือเด็กผู้หญิงที่เต้นด้วยกันในวันคริสต์มาสตอนอนุบาลล่ะครับ?”
“ตลก ตอนนั้นผมถูกจับให้แต่งเป็นผู้หญิงเพราะคู่ไม่ครบ เรื่องมันเศร้า” นับว่าเป็นฝันร้ายครั้งหนึ่งในชีวิตที่แบคฮยอนไม่อยากนึกถึง โรงเรียนอื่นผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย แต่โรงเรียนกูนี่อะไร
ตอนเพื่อนมาหาที่บ้านนี่ต้องซ่อนรูปสมัยนั้นไว้ให้ดี เขาจำไปจนวันตายเลยว่าตอนม.ต้นไอ้ห่าคยองซูแม่งเคยเอารูปแต่งหญิงของเขาไปโพสต์ในเวปโรงเรียน สาวนี่หายหมด คว๊าย
“...ฮึ”
“ขำไร” เสียฟอร์มมากแค่ไหนที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังหัวเราะเยาะความอัปรีย์ในวัยเด็กของเขา พี่พระเอกชักจะเอาใหญ่แล้ว ทีตัวเองเป็นเด็กอ้วนนี่ยังไม่เอามาล้อเลยนะเว้ย
“ผมกำลังจินตนาการตอนคุณแต่งเป็นเด็กผู้หญิงน่ะครับ” คนตัวสูงหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้คนตัวเล็กเดินมานั่งบนเตียง
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์ ที่ทำตามอย่างว่าง่ายเพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากเจ้านาย เด็กน้อยเดินมาเหมือนโดนสะกดจิตแล้วนั่งลงกับขอบเตียง แสงสว่างจากโคมไฟสีซีเปียนั้นทำให้พี่พระเอกดูหล่อขึ้นกว่าเดิมถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง แต่ไม่ว่ายังไง บรรยากาศในตอนนี้มันกำลังทำให้หัวใจของเขาทำงานหนัก
“ไม่ว่าจะแต่งเป็นอะไร คุณก็ยังเป็นคุณ”
“...”
อะไร... เรียกมานั่งตรงนี้เพื่อจะฆ่ากันด้วยคำพูดที่มาพร้อมการสบตากันแบบนี้เหรอ พี่พระเอก... หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย เดี๋ยวแหกปากร้องหาแม่ใส่หน้าซะหรอก!
“พี่จะบอกว่าผมที่เป็นเด็กนิสัยไม่ดีใช่ป่ะ”
“เปล่าครับ คุณที่เป็นเด็กตัวแสบต่างหาก” ชายหนุ่มนั่งยิ้มกอดอกพิงกับหัวเตียง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาปัดมือเขาออกจากช่วงอก
“อย่าแหกกฎดิ พี่สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่กอดอกเวลาคุยกัน” คำพูดคำจาของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้ไม่หยุด ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ แล้วยกมือขึ้นระดับหัวไหล่เหมือนคนร้ายพร้อมมอบตัวเป็นเชิงประชด
“พี่แม่ง”
“วันนี้คุณหยาบคายกับผมกี่ครั้งแล้วครับ หืม?” คนตัวสูงขมวดคิ้วมอง ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง และดูเหมือนว่าเด็กตัวแสบจะเป็นฝ่ายแพ้ถึงได้เบือนหน้าหนีก่อน “อย่าแหกกฎครับ ผมไม่ชอบให้คุณถอนหายใจเวลาคุยกัน”
“พี่อ่ะ!”
“ครับ?”
ชานยอลยิ้มพอใจ เขาเห็นว่าตอนนี้เด็กน้อยกำลังหงุดหงิดมาก ๆ ถึงได้เข้ามาปัดมือเขาลงเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งมันก็ไม่แย่นัก สำหรับค่ำคืนที่มีเพียงแค่เราสองคนบนโลกสี่เหลี่ยมบนตึกสูงแห่งนี้
60%
แรงสั่นสะเทือนจากมือถือทำให้คนที่หลับอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสงสว่างจากโคมไฟเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เห็นบรรยากาศในห้องโดยรอบที่มาพร้อมเสียงของใครคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก
ชายหนุ่มมองไปยังคนตัวเล็กที่ถือสมาร์ทโฟนห่างจากระดับใบหน้าราว ๆ สองคืบ น้ำเสียงที่พยายามแผ่วให้เบาลงราวกับกลัวว่ากลัวใครจะตื่นนั่นน่ะ ขอโทษด้วยนะที่เขาได้ยินอย่างชัดเจน
ชานยอลไม่รู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้ว จนกระทั่งจับความรู้สึกตนเองได้ว่ากำลังไม่พอใจบางอย่าง แน่นอนว่าเขาชินหูแล้วกับประโยคที่คนในบริษัทและผู้จัดการส่วนตัวอย่างพี่อี้ฝานแอบบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าปาร์คชานยอลเป็นคนเอาแต่ใจ อีกทั้งยังขี้หงุดหงิดอีกด้วย
แต่ทุกอย่างที่เขาแสดงออกอย่างนั้นมันย่อมมีเหตุผลเสมอ และตอนนี้ก็เช่นกัน
พระเอกหนุ่มยังคงไม่ละสายตาจากรอยยิ้มบนใบหน้าคนตัวเล็กที่อมยิ้มอย่างขลาดอายขณะมองจอโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิม ไม่ใช่เครื่องที่เขาเพิ่งใช้อำนาจความเป็นคนดังสั่งซื้อให้ ชานยอลไม่แน่ใจว่าเขาหงุดหงิดรอยยิ้มนั่น หรือน้ำเสียงที่ดูเหมือนพร้อมที่จะยอมอ่อนให้คู่สนทนากันแน่ เด็กคนนั้นเคยทำหน้าทำตาแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“วันอาทิตย์เหรอ ว่าง... มั้งนะ...”
“...”
“พี่อยากดูเรื่องไรอะ... ห๊ะ... ตามใจผมเหรอ”
พระเอกหนุ่มดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนที่ถูกผีขี้เกรงใจเข้าสิง คุณนักเขียนเด็กยังคงเอาแต่เขินอยู่อย่างนั้นเหมือนพวกเด็กเพิ่งเคยมีความรัก ซึ่งพระเอกหนุ่มมากประสบการณ์อย่างเขาก็พอจะเข้าใจ แต่ยังไงก็ยังคงยืนยันว่าภาพที่เห็นมันน่าหมั่นไส้ไม่ใช่น้อย
“โอเค... ฝันดีครับ อื้อ เดี๋ยวนอนแล้ว”
ตอนคำว่า ‘อื้อ’ เนี่ย... ดูเชื่องไปเลยนะ...
“อุ่ย!”
แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวทันทีที่หันไปเห็นว่าคนป่วยที่สลบเหมือดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วกำลังมองมายังเขาด้วยสายตาแปลก ๆ นี่ถ้าตรงนั้นไม่มีโคมไฟเชื่อว่าคงมีงาน Horror เกิดขึ้น ไหนจะสีหน้าเหมือนฆาตกรโรคจิตที่พร้อมจะเชือดคอเหยื่อนั่นน่ะ เออ ถึงก่อนหน้านี้เขาจะบอกว่าพี่พระเอกหล่อจนเล่นหนังติลเล่อไม่ได้เพราะผีคงพ่ายแพ้ความหล่อนาง แต่ต้องไม่ใช่ตอนทำหน้าแบบนี้
“ตื่นนานยังอะ”
“นานพอที่จะได้ยินเสียงงุ้งงิ้งเหมือนแมลงวันของคุณ”
“โห้ว แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์เหรอ ใช้ได้ที่ไหน” แบคฮยอนกลอกตากลบเกลื่อนความรู้สึกผิด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เพิ่งวางสายจากพี่เทาผู้เป็นคนปั่นป่วนหัวใจเขา และที่นอนป่วยอยู่ตรงนั้นก็ใช่
แม่มึง กูมันเด็กกะโปกคนหลายใจชัด ๆ
“ไม่คิดว่าตัวเองพูดเสียงดังจนทำให้คนอื่นตื่นเหรอครับ”
“...จริงดิ” เด็กน้อยชะงักแล้วชำเลืองมองไปยังคนป่วยที่ถอนหายใจแรง ๆ ใส่ราวกับอยากประชดว่าไม่พอใจที่ต้องตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงของเขา “ขอโทษได้ไหมล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจความรู้สึกเด็กกำลังมีความรัก” ได้ยินแบบนี้ถึงกับตาเหลือก แบคฮยอนวางมือถือลงข้างตัวแล้วเอนลงนอนบนฟูกโซฟานุ่ม ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมถึงช่วงอกทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนป่วยบนเตียง
“รู้ได้ไง”
“ถ้าคุณยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้ากระจกก็คงได้คำตอบเองครับ” น้ำเสียงนั่นยังคงติดไม่พอใจ ก็ขอโทษไปแล้วจะให้ทำยังไง แค่ข่มตาหลับต่อไปมันยากนักเหรอ นี่อุตส่าห์แอบเฟซไทม์กับพี่เทาเบา ๆ แล้วนะ หูฟังก็ใส่
“เออน่า ผมก็วางสายไปแล้ว พี่ก็นอนต่อดิจะไปยากอะไร”
“นอนไม่หลับแล้วครับ”
“เอ้า!”
หลายวินาทีเลยที่คนตัวสูงเงียบไป แบคฮยอนรู้ว่าตัวเองนิสัยไม่ดีที่หาจุดยึดความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เขาถึงโยนความรู้สึกที่มีต่อพี่พระเอกไว้ข้างหลัง แล้วหันไปทางพี่เทา คนที่เขาชอบมาตั้งนานแล้ว
ตอนแรกก็คิดว่าจะมองพี่พระเอกแค่คนเดียว และจะตัดใจจากพี่เทาเพราะเด็กอย่างเขาบอกกับตัวเองว่าให้เชื่อความรู้สึกที่รุนแรงที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมันน่าหงุดหงิดมาก ที่เมื่อก่อนเขาเคยชอบพี่เทาจนหงอยไปเลยวันเพราะอกหัก แต่พอรู้ตัวว่าชอบพี่พระเอก ความรู้สึกที่มีต่อพี่เทามันก็จางลงไปเสียอย่างนั้น
แต่ระหว่างที่อีกฝ่ายหลับ แบคฮยอนก็ได้แต่นั่งมองใบหน้าหล่อที่เหล่าแฟนคลับทั้งประเทศชอบมอง แล้วทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันอดที่จะกลัวอนาคตไม่ได้ เขาเป็นแค่เด็กเกิดเมื่อวานคลานเมื่อเช้า อีกทั้งมุมมองทัศนคติที่ต่างกัน ผู้ใหญ่คิดอะไรอยู่แบคฮยอนไม่เคยรู้ทันและปรับความเข้าใจกับมันไม่ได้ ไหนพี่พระเอกจะเป็นคนดัง มีผู้หญิงสวยเข้าหาไม่ขาด คงยากที่จะมาสนใจเด็กกะโหลกกะลาอย่างเขา เปอร์เซ็นต์อย่างสูงก็แค่ศูนย์จุดหนึ่งเท่านั้นแหละ
ถึงหวงจื่อเทาจะเคยหักอกเขามาก่อน แต่อย่างน้อยผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้เป็นท็อปสตาร์ขนาดที่ว่าไขว่คว้าไม่ได้ อายุก็ใกล้เคียงกัน ความคิดความอ่านน่าจะปรับเข้าหากันได้ไม่ยาก แถมเขายังชอบพี่เทาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใช่ ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคือช่วงเวลาของความสับสน
มันดูเห็นแก่ตัวที่คิดแบบนี้ แต่เด็กอย่างเขาคงทำเหมือนนางเอกนิยาย ที่ดันทุรังจะชอบต่อไปแม้ต้องแลกมากับความเสียใจ เพราะอีกฝ่ายคิดไม่เหมือนกัน เจ็บเพราะพี่เทาซ้ำสองมันก็ยังไม่เจ็บเท่าพี่พระเอกแน่ ๆ แบคฮยอนมั่นใจ
“ชอบเขาเหรอครับ”
คำถามของใครอีกคนทำเอาคนฟังชะงักไป แบคฮยอนมั่นใจว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสวนกลับแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่า ‘เออชอบ’ แล้วทำหน้ากวนประสาทใส่พี่เขา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ที่อยู่ ๆ ความรู้สึกแปลก ๆ ก็ผุดขึ้นมา กับการว่ากลัวพี่พระเอกเข้าใจผิดทั้งที่มันก็ถูกแล้ว
“พี่รู้ได้ไงอะ”
คนตัวสูงไม่ได้ตอบคำถามในทันที แบคฮยอนยังคงมองไปยังชายหนุ่มบนเตียงที่กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบและความอึดอัดแปลก ๆ เล่นงานกลางดึก แน่นอนว่าไม่มีใครชินกับความรู้สึกแบบนี้
“สายตาของคุณตอนมองเขา”
“...”
“มันต่างจากที่คุณมองผม”
แบคฮยอนไม่เคยคิดว่าจะเป็นใบ้จนกระทั่งได้ยินประโยคนั้นของอีกฝ่าย ไอ้คยองซูเคยหลอกด่าอยู่นับครั้งไม่ถ้วนว่าเขาเป็นพวกหน้าด้านหน้าทนแถทุกอย่างบนโลกได้ไม่อายฟ้าดินแม้ว่าสถานการณ์นั้นจะย่ำแย่แค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เด็กน้อยรู้สึกจุกอยู่ที่อกอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอยากสื่ออะไรกันแน่
“มันก็ต้องต่างอยู่แล้วไม่ใช่ไง”
เด็กน้อยพยายามใจแข็งสู้แล้ว แบคฮยอนจะไม่ยอมบอกเด็ดขาดว่าที่ทำตัวนิสัยไม่ดีใส่ตลอดก็เพราะว่าเขินเลยต้องกลบเกลื่อนด้วยวิธีนั้น เขาใกล้จะสติแตกแล้ว กับความรู้สึกใจเต้นแรงที่มันกำลังต่อสู้กับความรู้สึกแย่ ๆ ที่มาพร้อมคำว่าตัดใจซะ
ส่วนเรื่องพี่เทาเขาจะขอเทใส่ความเป็นเด็กของตัวเองก็ได้ที่ทำให้ความรู้สึกมันไม่ชัดเจนไปที่ใครสักคน แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็คนมันคิดมาก สิบนาทีก่อนมีใจอยากสู้เต็มร้อย แต่วินาทีนี้ความรู้สึกเหล่านั้นก็พังหมดยิ่งกว่าคนเป็นไบโพล่าร์ที่เดี๋ยวชอบเดี๋ยวอยากตัดใจภายในวันเดียว แบคฮยอนไม่รู้วิธีจัดการความรู้สึกตัวเองเวลามีคนสองคนเข้ามาสั่นคลอนให้หวั่นไหว ซึ่งถ้ามีใครสักคนชัดเจนไปเลยก็คงดี เขาจะได้ไม่ต้องสับสนแบบนี้
พี่พระเอกก็น่าจะทำอะไรสักอย่างให้เขารู้ตัวทีว่าไม่ได้คิดอะไร
“คุณจะไปดูหนังกับเขาเหรอ”
“อือ หนังเรื่องที่ผมอยากดูกำลังจะเข้า”
“ครับ”
“ถามทำไมอะ”
“ผมจะได้รู้ว่าวันนั้นเรามีคิวต้องซ้อมละครกันหรือเปล่า”
แบคฮยอนแอบเบ้ปาก หลังจากคำตอบที่ออกมามันไม่ได้น่าพอใจเลยสักนิด ที่แท้ก็ห่วงว่าไม่มีคนช่วยซ้อมละครให้เองสินะ แม่งโคตรน่าน้อยใจเลย
“แล้วมีป่ะ”
“ไม่มีครับ”
“ดี”
“ครับ ดี”
ทั้งคู่พลิกตัวนอนหันหลังแล้วให้ผนังห้องเป็นที่ยึดสายตา ความหัวเสียที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพราะพี่พระเอกถามอะไรซื่อบื้อ ๆ ชวนให้หงุดหงิด นอกจากจะถามเพราะห่วงเรื่องไม่มีคู่ซ้อมแล้วยังพูดจากวนประสาทอีก
เออ มันต้องดีอยู่แล้วแหละถ้าเขาจะไปดูหนังกับพี่เทาอะ ดีแน่ ๆ
หลังจากวันนั้นแบคฮยอนก็ไม่ได้ไปที่คอนโดผู้ชายคนนั้นอีก ระหว่างที่ไม่เจอกันก็บอกตัวเองให้ตัดใจแล้วพยายามกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ซะ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น มันเป็นการเซฟตัวเองด้วย ถ้าไม่ชอบก็จะไม่เจ็บ มันถูกต้องแล้ว
เห็นพระเอกหนุ่มพันล้านอัพไอจีบอกแฟนคลับว่าอาการดีขึ้นและคงหายดีในอีกไม่ช้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนคนไม่เคยป่วยมาก่อนนั่นก็เป็นสิ่งบ่งบอกได้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องจำเป็นแล้วที่เขาจะต้องไปดูแล
ไม่เห็นจะต้องห่วงสักนิด มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลยด้วยซ้ำ ที่ต้องทำก็แค่ช่วยซ้อมละครเว้ย ผู้จัดการส่วนตัวพี่เขาก็มี คนทั้งโลกไม่ปล่อยให้พระเอกพันล้านตายเพราะเป็นไข้อยู่แล้ว ไหนพี่อี้ฝานจะบอกว่าอาทิตย์นี้พี่เขาไม่มีคิวถ่ายละครเพราะทางกองถ่ายบอกให้พระเอกคนดีใช้เวลาพักผ่อนให้เพียงพอ หายเป็นปกติก่อนแล้วค่อยกลับไปถ่ายทำอีกครั้ง เห็นไหม มีแต่คนประคบประหงมเอาใจ
นี่ขนาดพี่เขาไม่ติดต่อมายังมีพลังเข้าไปเสือกได้ ตัดใจหอกหักอะไรของกูวะ
แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะยิ่งห่างกับพี่พระเอกเท่าไหร่ ทุกอย่างมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อหลังจากวันนั้นหวงจื่อเทาก็เริ่มชัดเจน โทรมาหาบ้าง เฟซไทม์กันบ้าง ถึงมันจะเป็นเรื่องแปลกอย่างที่คยองซูว่า แต่เขาก็ไม่อยากคิดไปในแง่ร้ายทั้งที่พี่เขาก็แวะมาหาถึงห้องทั้งตอนเช้าและหลังเลิกเรียนจนคนอื่น ๆ ต่างให้ความสนใจ
วันนี้วันอาทิตย์ แต่เด็กน้อยกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นกับโปรแกรมหนังที่จะดูกับรุ่นพี่ที่แอบชอบเลยสักนิด ระหว่างทางไปตามที่นัดหมาย แบคฮยอนได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาก็ชอบหวงจื่อเทาไม่ใช่เหรอ
ก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือ ทุกครั้งที่เห็นมันแบคฮยอนจะนึกถึงคนให้ ซึ่งหายหน้าหายตาไม่ติดต่อมาหลายวันแล้ว ถึงเขามันจะปากเก่งบอกว่าไม่เป็นไร ต่อให้ผู้ชายคนนั้นหายไปเป็นเดือนก็คงไม่คิดมาก แต่มันไม่ใช่เลย ยิ่งไม่ได้เจอก็ยิ่งคิดถึง แบคฮยอนเกลียดที่ต้องหนีความรู้สึกตัวเอง ทำไมความรู้สึกของการเป็นเด็กถึงได้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้วะ
ไม่นานนักก็มาถึงห้างสรรพสินค้า แบคฮยอนนั่งรอรุ่นพี่อยู่ในแมคโดนัลแล้วปล่อยให้สติหลุดลอยไปไกล ประมาณสี่สิบนาทีเห็นจะได้หวงจื่อเทาก็มาถึง เด็กน้อยเพียงแค่ยิ้มแหย ๆ ตอนอีกฝ่ายขอโทษขอโพยที่ให้รอนาน และสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
วันนี้คนเยอะเพราะหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้ากำลังเป็นกระแส พี่เทาบอกให้เขาจ่ายค่าตั๋วหนังแบบสี่มิติซึ่งราคาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ส่วนพี่เทาจะเป็นคนจ่ายค่าป๊อปคอร์นเอง ตอนนั้นแอบอึนไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็ให้เหตุผลมาว่า ‘กลัวเราคิดมาก หารกันน่าจะสบายใจกว่า’
ตอนนั้นแบคฮยอนถึงได้รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ
สองชั่วโมงเศษ ๆ ที่ผ่านไปกับหนังเรื่องโปรด แบคฮยอนรู้สึกสนุกไปกับหนัง ยกเว้นคนข้าง ๆ ที่ขอตัวออกไปข้างนอกหลังจากเห็นว่าโทรศัพท์สั่น พี่เทาหายไปเกือบสิบห้านาทีแล้วกลับมานั่งดูหนังต่อ เขาเห็นว่าผู้ชายคนนั้นยิ้มฝืนแล้วก็กลับไปนั่งทำหน้าเซ็ง เหมือนว่าไม่ได้อยากดูหนังเรื่องนี้เลยสักนิด
เดทวันนี้น่าเบื่อสุด ๆ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังฝืนตัวเองยังไงอย่างนั้น สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเลยไลน์ไปอ้อนตีนให้ไอ้คยองซูด่าเตือนสติสักหน่อย ถึงมันจะไม่เคยมีแฟน แต่มันก็อ่านฟิคชั่นรักเลี่ยนแดกมาเยอะ
Dyo’
โธ่เพื่อน คนที่มึงชอบอาจจะไม่เหมาะกับการเอามาทำแฟนก็ได้ 16:04
คนบางคนเกิดมาเพื่อให้ชอบ แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่เรา มึงต้องเข้าใจจุดนี้นะ 16:04
และถ้าคนที่ชอบจะเป็นคนเดียวกับคนที่เกิดมาเพื่อคู่เรา มึงจะมีความสุขได้เองโดยที่ไม่ต้องทำส้นตีนไรเลย มันจะออกมาเอง 16:05
16:05 กูคิดว่าทางไหนก็คงไม่มีความสุข หรือบางทีกูอาจจะเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้
Dyo’
ทำไมอะ มึงไม่โอเคกับหวงจื่อเทาเพราะมันบอกให้มึงจ่ายค่าตั๋วหนัง 4D เหรอ 16:06
16:06 นิดนึงว่ะมึง กูไม่ได้อยากให้เขาจ่ายให้ทุกอย่างหรอกนะ
16:06 แต่มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ เรื่องแบบนี้ต้องพูดด้วยเหรอวะ มันแปลก ๆ
Dyo’
เออ เข้าใจ 16:07
มันไม่โชว์แมนตั้งแต่เดทวันแรก มีที่ไหนหารสองแต่มึงจ่ายหนักกว่า 16:07
วันหลังมึงอาจจะจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงมัน 16:07
แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับมีตังค์หรือไม่มีตังค์ด้วย 16:07
มึงขายนิยายได้ กูรู้ว่ามึงไม่ได้เครียดเรื่องจ่ายเงิน 16:07
แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึก 16:07
16:07 เอาไงดีวะ กูรู้สึกไม่ค่อยโอเค ตอนนั้นพี่เขาชวนกูคุยใหญ่เลย
Dyo’
อ้าว แล้วไม่ดีเรอะ 16:08
รอแบบนี้มานานแล้วนี่ 555555 16:08
16:08 ปัญหาคือไม่มีเรื่องกูเลยไงสึด
Dyo’
555555555555555555555555555555555555 16:08
555555555555555555555555555555555555 16:08
555555555555555555555555555555555555 16:08
16:09 สะใจมากป่ะ
Dyo’
มาก แล้วมันชวนมึงคุยเรื่องไร 16:09
น้ำหน้าอย่างมันน่าจะชวนคุยเรื่องความฮ็อตของตัวเอง 16:09
16:09 อันนั้นก็ส่วนนึง แต่หลัก ๆ คือถามว่ากูสนิทกับพี่พระเอกไหม
16:09 สนิทกับผู้จัดการส่วนตัวเปล่า
16:09 แบบ ถามว่าวันไหนกูจะได้ไปเจอพวกเขาอีก พี่เขาอยากไปด้วย
Dyo’
คือร้ะ 16:10
16:10 พี่เขาบอกว่าเผื่อพี่อี้ฝานจะเห็นเค้าความเป็นดาวของเขา
16:10 ถ้าไม่คิดในแง่ลบเกินไป กูว่าพี่เทาอยากเป็นดารา
Dyo’
555555555555555555555555555555555555 16:10
555555555555555555555555555555555555 16:10
555555555555555555555555555555555555 16:10
16:10 เออ เอาเหอะสัด ขำให้พอ
Dyo’
เดี๋ยว ๆ อย่าบอกนะว่าที่มันมาทำดีกับมึงทั้งอาทิตย์นี่คือ... 16:10
16:10 ไม่รู้ กูอาจจะคิดไปเองก็ได้
16:10 พี่เขาคงไม่ทุ่มทุนมาหากูถึงห้องทุกวันเพื่อสิ่งนี้หรอก
Dyo’
เลิกแดกหญ้าเถอะ กูรู้ว่าในใจมึงก็คิด 16:11
มาหามึงถึงห้องนี่ยากมากมั้ง แค่เดินลงบันได คุยไม่ถึงห้านาทีมันก็ไป 16:11
ผีเปรต 16:11
16:11 หอกหัก นี่ก็ย้ำจัง กูเซ็ง
Dyo’
เอาเหอะ ตอนนี้ใจมึงมีอีกคนด้วย มึงเลยไม่เฮิร์ทมาก 16:11
กูจับชีพจรมึงได้ผ่านตัวอักษร 16:11
16:11 ไร
Dyo’
ก็ดีแล้ว ตัด ๆ มันไปเหอะ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเล๊ย 16:11
มึงก็จะได้พุ่งใส่อีกคนอย่างเต็มตัวไง ไม่ต้องมีตัวเลือกให้ลังเล 16:11
16:11 พูดเหมือนง่าย
16:12 มันเหมือนกับที่มึงพูดนั่นแหละ
16:12 กูแม่งคิดมากไปเองทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นก็ไม่ได้อะไรกับกูเลยสักนิด หอก
Dyo’
โถ... ตุ๊ดลูกเจี๊ยบของกู 16:12
16:12 ตุ๊ดพ่อง
Dyo’
ไม่ตัดพ้อนะเพื่อน ต่อให้มึงไม่เหลือใคร มึงก็จะไม่เหลือใคร... 16:12
16:12
16:12 นี่ปลอบกูช่ะ
Dyo’
ดีกว่านี้ก็บทสวดบังสุกุลแล้ว 16:12
กูว่าตอนนี้ใจมึงไม่ได้อยู่กับบักเสี่ยวเต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย 16:13
มึงไม่ลองเต็มที่กับอีกคนดูล่ะ เผื่อจะได้คำตอบ 16:13
16:13 คนนั้นเขาไม่ได้ชอบกูห่า กูรู้
Dyo’
เขาปฏิเสธแล้วเหรอ โศกจังเกลอเอ๋ย 16:13
16:13 เปล่า กูคิดเอง
Dyo’
โถ... ถ้าคิดพล็อตนิยายเก่งเหมือนคิดไปเองก็คงจะดีนะครับแม็กว่า 16:13
ไหน ๆ มึงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วยังจะกลัวไรอีก 16:13
อย่างมากก็แค่อกหัก สมหวังสิเรื่องปาฏิหาริย์ 16:13
ถ้าใจมึงพังเดี๋ยวกูพาเขียนฟิค โจอินซอง x ยู ให้มึงอ่านแก้เครียดเอง 16:13
มีฉากเอากันด้วย 16:13
16:13 หลกทง ไปตายซะ
Dyo’
เริ้บ 16:13
แบคฮยอนจิ๊ปากแล้วกดปิดหน้าจอมือถือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรถราที่วิ่งอยู่ถนนเบื้องหน้า ทำไมความรู้สึกมันว่างเปล่าแบบนี้วะ แทนที่จะรู้สึกดีหลังจากดูหนังกับพี่เทา แต่ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่เพราะความรู้สึกตัวเองที่เป็นทุนเดิม บวกกับพฤติกรรมของรุ่นพี่ที่ทำให้แคลงใจว่าความจริงแล้วหวงจื่อเทาไม่ได้ชอบเขาเลยสักนิด
เป็นอย่างที่ไอ้คยองซูพูดจริง ๆ นั่นแหละว่าผู้ชายดี ๆ มันมีแต่ในฟิควาย และผู้ชายหล่อก็ไม่ได้ใจดีสปอร์ตโซลไปซะทุกคน เพราะงั้นเด็กอย่างบยอนแบคฮยอนควรเลิกมโนได้แล้วว่าจะได้เจอความรักดี ๆ เหมือนในนิยายรักที่เขาไม่มีปัญญาเขียนเอง
“ห่าจิก”
ป๊อง!
สบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วเตะกระป๋องน้ำอัดลมเสียเต็มแรง ไม่รู้ล่ะ วินาทีนี้กูพาล พาลทุกอย่างที่ทำให้เด็กอายุสิบเจ็ดปลาย ๆ กำลังจะเป็นบ้า
“โอ๊ย!!!”
“...เวร!” แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดปากเบิกตาอย่างตกใจทันทีที่รู้ว่ากระป๋องน้ำอัดลมโง่ ๆ ที่เพิ่งเตะไปเมื่อครู่มันฟาดเข้าเบ้าหน้าคนอื่นเข้าให้จนแทบเซถอยหลัง “ข...ขอโทษครับ”
เด็กน้อยกล่าวอย่างรู้สึกผิดพร้อมโค้งหัวตรงหน้าชายหนุ่มชุดดำ ชิบหายแล้วกูจะโดนเขาด่ายันโคตรไหมเนี่ย แบคฮยอนก้มลงเก็บช่อดอกไม้ที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาแล้วยื่นให้ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงให้ความสนใจอยู่กับหน้าผากที่เพิ่งดวดกับเศษซากกระป๋องน้ำอัดลม
แบคฮยอนอ้าปากหวังจะกล่าวคำขอโทษอีกครั้ง แต่ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออกมาอย่างหัวเสีย ทันทีที่เห็นหน้ากันและกันชัด ๆ ทั้งคู่ก็ยื่นหน้าเข้าไปจ้องกันในระยะใกล้
“แบคฮยอน?”
“พี่ตัวโกง?”
“เราเองเหรอที่เป็นคนเตะขยะโสโครกนั่นใส่พี่ ให้ตายเถอะสึบาสะ” ดาราหนุ่มกุมหน้าผากบ่นอุบอิบ ก่อนจะกลอกตาไปรอบข้างแล้วสวมแว่นกันแดดกลับไปอีกครั้งราวกับกลัวว่าจะถูกปาปารัซซี่ถ่ายรูป
“ผมขอโทษ อ่ะนี่ เอาคืนไป” เด็กน้อยยื่นช่อดอกไม้ให้ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาถือไว้พร้อมรอยยิ้ม “พี่มาทำอะไรแถวนี้”
“แวะมาซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่น่ะ เพิ่งมาเมื่อวานก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลเลย” จงอินยิ้มขำ เมื่อนึกไปถึงอีกคนที่เป็นเรื่องสนุกของเขา “แล้วเราล่ะ มาเที่ยวเหรอ”
“อือ มาดูหนัง”
“มากับใครล่ะ ปาร์คชาน...”
“ไม่ใช่” คนตัวเล็กพูดแทรกขึ้นทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบราวกับเป็นระบบตอบอัตโนมัติถ้าได้ยินชื่อนั้น จงอินเลิกคิ้วมองเด็กน้อยที่มีท่าทีแปลก ๆ ซึ่งผู้ใหญ่มากประสบกามอย่างเขาคงจับพิรุธได้ไม่ยาก
“แล้วมากับใครล่ะ”
“มากับคนที่คิดว่าชอบ”
“ไม่ใช่แฟนสินะ”
“ไม่”
“เดทแรกเหรอ”
แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังโดนไล่ต้อนให้คายความลับออกมาก็ตอนที่อีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พี่ตัวโกงทำตัวน่ารำคาญเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด ที่เอาแต่ถามเรื่องส่วนตัวพี่พระเอกเหมือนคนแอบคิดเรื่องไม่ดีอยู่
“จะกลับแล้ว”
“เฮ้ จะรีบไปไหนกัน” ชายหนุ่มยิ้มขำพร้อมคว้าข้อมือคนตัวเล็กแล้วรั้งให้กลับมายืนที่เดิม สีหน้าแบคฮยอนตอนคิ้วขมวดเข้าหากันนี่น่ารักจริง ๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ เดี๋ยวกลับรถเมล์”
“รถเมล์วันอาทิตย์คนเยอะจะตาย ขึ้นไปก็เบียดคนอื่นเปล่า ๆ ตอนพี่ขับรถติดไฟแดงแอบหันไปเห็นคนยืนเบียดกันก็สงสัยอยู่ว่าเขาหายใจกันทางไหน ให้พี่ไปส่งสบายจะตาย ทางเดียวกันด้วย”
“บ้านผมกับคอนโดพี่มันคนละฝั่งกัน ปล่อยมือสักทีดิ๊ ผู้ชายจับมือผู้ชายกลางวันแสก ๆ ไม่กลัวฟ้าผ่าไง๊” แบคฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบแล้วกระตุกมือกลับแต่ก็ไม่ได้ผล ผู้ชายผิวแทนตรงหน้ายังคงเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ไม่หรอก ถ้าจะมีอะไรร่วงลงมาจากฟ้าก็คงเป็นฝนโรแมนติกมากกว่า เลิฟเรนน่ะ เคยดูไหม?” จงอินเอาช่อดอกไม้ขึ้นบังศีรษะอีกคนแทนร่ม ก่อนจะยิ้มขำเพราะแบคฮยอนปัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี
“ทำไมพี่ชอบกวนผมจังวะ”
“โทษตัวเองเลย ก็เราทำตัวน่าเอ็นดูเอง”
“มากไหมล่ะ”
“มาก <3” คนทะเล้นยิ้มกวนส้นตีนอีกแล้ว แบคฮยอนถอนหายใจอย่างหัวเสียแล้วใช้มืออีกข้างหยิกแขนคนตรงหน้าอย่างแรง “โอ๊ย!!!”
“นางเอกละครชอบทำแบบนี้กับตัวโกงอย่างพี่ใช่ป่ะ ห๊ะ”
“ใช่ แล้วหลังจากนั้นพี่ก็กระชากเธอเข้ามาจูบจนปากเจ่อ” จงอินยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ โธ่เด็กน้อย เจ้ายังด้อยที่จะลองของกับพี่
“โอ้โห้ว บทอย่างชั่ว จะจูบตรงนี้ไหมล่ะ มาเลยมา” จงอินมองคนตัวเล็กที่ถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างกับจะไปกระทืบใคร
“พูดถึงบทจูบไม่ใช่เหรอครับ”
“เออ”
“ไปกินรังแตนมาจากไหนเนี่ย ดูสิ โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้วมาลงที่พี่แบบนี้ไม่ได้นะ แฟนคลับเป็นแสนล้านยังไม่เคยทำแบบนี้ เราต้องทำตัวน่ารักให้สมกับที่พี่เอ็นดูสิ”
“ผมไม่ใช่ติ่งพี่อะ โทษ”
“งั้นเป็นอะไรดีครับ”
“จำเป็นต้องตอบไหม หน้าผมก็ไม่มีช่องวงกลมให้ฝนคำตอบลงไปป่ะ”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ป่ะครับ พี่ไปส่ง”
“ไม่ไป จะกลับเอง”
“น่า... เดี๋ยวไปทานข้าวกันแล้วพาพี่เอาดอกไม้ไปให้ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ก่อนค่อยกลับ”
“มันใช่เรื่องผมป่ะเนี่ย โว๊ะ” แบคฮยอนถอยหลังแล้วยกมือขึ้นป้องกันตัว แต่สุดท้ายคนตัวสูงก็เข้ามากอดคอเขาแล้วลากให้เดินไปด้วยกันจนได้
“อยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะ ตามสบาย”
“เรียกว่าตามลำบากเถอะ”
“เรียกว่าตามใจพี่จงอินก็ได้”
“จะอ้วกแตก พี่นี่เจ้าชู้ใส่ทุกคนแบบนี้เลยป่ะถามจริง ผมเป็นเด็กผู้ชายนะ” แบคฮยอนมองมื้อเย็นหลากหลายเมนูที่วางเรียงกันเต็มโต๊ะแล้วก็เบ้ปาก
“แต่ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ?”
เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
พี่ตัวโกงมันรู้ได้ไงวะซั้ซ!!!!!!!!!!!!
“Oh, I’m so sorry kid.” ซอรี่คิดพ่องดิครับพี่ตัวโกง แบคฮยอนหรี่ตามองใบหน้ากวนตีนของอีกฝ่าย ดูก็รู้ว่าพี่เขาจงใจ
“จะฟาดให้เรียบ” แบคฮยอนกัดฟันพูดแล้วยัดของกินเข้าปากจนอัดแน่นเต็มกระพุ้งแก้ม ก็รู้หรอกนะว่ากว่าจะเป็นผู้ใหญ่มันต้องมีการเรียนรู้ แต่มันก็น่าตกใจอยู่ดีที่ทั้งพี่พระเอกและพี่ตัวโกงดูออกว่าเขาชอบผู้ชาย
หนังหน้าอย่างกูไม่เหมือนคนชอบผู้หญิงขนาดนั้นเลย
“ทานนี่สิ อร่อยนะ” ชายหนุ่มคีบเนื้อให้หวังจะป้อน แต่แบคฮยอนกลับนั่งนิ่ง
“ละคร กินเองดิ”
“กินไปแล้ว”
“ก็เห็นกินอยู่ไม่กี่อย่าง สั่งมาตั้งเยอะ ไอ้จานนั้นก็ไม่เห็นจะกิน” แบคฮยอนบุ้ยปากใส่จานอาหารทางด้านซ้ายมือซึ่งอยู่ใกล้อีกฝ่าย
“พี่ไม่ชอบเต้าหู้”
“มันก็คงไม่ชอบพี่เหมือนกันแหละผมว่า” พูดจบก็เอื้อมมือไปคีบเต้าหู้ขึ้นมาพร้อมยื่นไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่กำลังขมวดคิ้วสงสัย
“มันจะไม่ชอบพี่ได้ไง”
“ก็มันคือเต้าหู้...ยี๊------------”
กริบ...
ถ้านั่งอยู่ข้างนอก เขามั่นใจว่าคงได้ยินเสียงหวีดหวิวของกระแสลมอ่อนที่พัดพาความแป๊กออกไป ทั้งคู่สบตากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนกระทั่งแบคฮยอนยัดเต้าหู้เข้าปากแถมข้าวเข้าไปอีกคำใหญ่ ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย
“แบคฮยอน”
“แม่บอกว่าห้ามพูดเวลากินข้าว”
“งั้นเคี้ยวให้เสร็จแล้วค่อยตอบพี่ก็ได้”
“ไม่ตอบ หยิ่ง”
“เดี๋ยวตีเลย เด็กดื้อ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มฉบับตัวโกงผู้อ่อนโยนส่งมาพร้อมความเสี่ยวแดก แบคฮยอนแทบสำลักข้าว ก่อนจะทำใจกลืนลงคอให้หมด
“โห นิยายแฉ่มไฝมากมั้ง มาเด็กด้งเด็กดื้อ”
“ก็พูดดี ๆ กับพี่ก่อนสิ วันนี้เราดื้อจริง ๆ นะ”
“ผมหงุดหงิดอะ ทำไมต้องเซ้าซี้”
“ก็พี่อยากรู้ว่าเราเป็นอะไร พี่โตแล้ว พี่ให้คำปรึกษาเราได้นะ เรื่องความรักนี่ถนัดเลย”
“เชี่ยว”
“แล้วก็เปลี่ยวด้วย” พี่ตัวโกงมันสวนกลับมาได้อย่างหน้าด้าน ๆ นี่คุยด้วยแล้วทำเคลิ้มเหรอ เปลี่ยวก็ไปหาที่ลงซะไป๊!
“ไม่อยากพูดถึงอะ เครียด”
“งี้แหละ แรกเริ่มตอนมีความรัก ใคร ๆ ก็พลาดจนถูกมันทำร้าย” ตัวโกงหน้าหล่อพูดอย่างไม่ยี่หระ แหม่... เจ้าบทเจ้ากลอนเหลือเกิน
“สั่งเหล้าได้ป่ะพี่”
“หืม จะดื่มเหรอ?”
“ใช่”
“ดื่มเป็นหรือไง”
“มันจะยากไร ก็แค่กรึ้บลงคอ” จงอินยิ้มขำกับท่าทางอีกฝ่าย ก่อนจะนิ่งไปชั่วอึดใจ สิ่งที่คนตรงหน้าเป็นอยู่แน่นอนว่าเขาเองก็เคยผ่านมันมาแล้ว กับเรื่องความรักในวัยเด็ก ที่พอเศร้าก็หันเข้าหาเหล้าเพราะคิดว่ามันจะช่วยได้
“เป็นผู้ชายหัดดื่มไว้ก็คงไม่เสียหาย แต่มีข้อตกลงว่าห้ามเมา โอเคไหม?” จงอินชี้นิ้วเป็นเชิงสั่ง ก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟ
“Copy that.” (รับทราบ)
แบคฮยอนเอาตะเกียบชี้หน้าอีกฝ่าย ซึ่งแววตาและท่าทางคนตัวเล็กในตอนนี้มันทำให้นักแสดงหนุ่มนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้ จงอินยิ้มขณะสบตากับคนอายุน้อยกว่า ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เอามาอีก”
“ไม่เอาน่าแบคฮยอน เราเมาแล้วนะ”
“บอกให้เทไง หรือจะให้ยกซดเอง!”
“โอเค เข้าใจแล้ว อย่าโวยวายสิ เกรงใจคนอื่นเขา” จงอินปรามคนตัวเล็กที่หน้าขึ้นสีจัด หลังจากที่ทั้งคู่ซัดโซจูกันไปหลายขวด คนอย่างเขาน่ะคอแข็งอยู่แล้ว แต่เด็กคนนี้เนี่ยสิ
“ไรวะ ถ้าอยากกินข้าวเงียบ ๆ ก็ให้นั่งกินที่บ้าน ไม่ใช่ที่ร้าน เข้าใจ๋?!” แบคฮยอนหันไปโวยวาย ดาราหนุ่มโน้มตัวไปดึงเด็กน้อยให้นั่งลงที่เดิมพร้อมชี้แก้วเหล้าใบเล็กเป็นเชิงสั่งให้ดื่มเพื่อปิดปาก “อึ่ก...”
“เขาไม่ตอบกลับมาเลยเหรอ”
“เออ”
คนตัวเล็กเบ้ปาก ราวกับว่าคำถามของเขาเป็นเหมือนเข็มแหลมพันเล่มที่ทิ่มลงกลางอกเด็กอายุสิบเจ็ด จงอินรินเหล้าใส่แก้วใบเล็กของตนเองอย่างสบาย ๆ แล้วนึกย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน ที่แบคฮยอนเริ่มเมาเลยพ่นความอัดอั้นออกมาว่าแอบชอบคน ๆ นึงอยู่ แต่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเข้าหน้ากันไม่ติด ไอ้เขาเลยยุให้สารภาพรักไปเลย โดยการให้เหตุผลว่า
‘ถ้าคนไม่มีใจ มันไม่ทุ่มเทให้ขนาดนั้นหรอก’
ซึ่งเขารู้ว่าถ้าพูดแบบนี้แล้วมันต้องทำให้คนฟังเขวอยู่ไม่น้อย ถึงแม้แบคฮยอนจะไม่พูดว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร แต่จากที่ฟัง เขาก็พอจะจับต้นชนปลายได้ไม่ยากว่าคน ๆ นั้นต้องเป็นพระเอกหนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ ทั้งเอเชียอย่างปาร์คชานยอลแน่ ๆ
ขอโทษที่เป็นคนจุดไฟ แต่ถ้าบนตัวแบคฮยอนไม่มีน้ำมันมีหรือเพลิงจะลุก ชายหนุ่มยิ้มพอใจกับความสนุกที่ใกล้จะมาถึง หลังจากอัพรูปลงอินสตาแกรมที่มีแบคฮยอนติดมาด้วย แน่นอนว่าเขาทำมันตอนที่อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์เพื่อส่งข้อความสารภาพรัก แต่อีกฝ่ายดันเงียบ ไม่มีแม้แต่ข้อความตอบกลับมา
“เขาต้องเกลียดขี้หน้าผมแน่เลย... ผมเป็นผู้ชาย... รู้งี้แม่น่าจะให้ผมเกิดมาเป็นผู้หญิงซะให้รู้แล้วรู้รอด เศร้าจริงโว้ย... อึ่ก”
“ทำไมพูดแบบนั้น ไม่ชอบที่จะเป็นผู้ชายหรือไง” ชายหนุ่มยกโซจูขึ้นดื่ม ก่อนจะวางแก้วลงแล้วมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังเพ้อหนัก
“เปล่า... อึ่ก...” แบคฮยอนนั่งตาปรือแล้วถูนิ้วชี้ลงบนแก้มตัวเอง “แต่ผมอยากให้เขาชอบผม”
“ใคร ๆ ก็อยากสมหวังกับคนที่ชอบทั้งนั้น”
“ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมอาจจะ– มีสิทธิ์กว่านี้สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์อะ... แต่เดี๋ยว... ยังไงผมก็เด็กกว่าอยู่ดี ใครที่ไหน... อึ่ก... จะมาชอบเด็กวะ... พี่ว่าป่ะ?” เด็กน้อยที่ถูกพิษเหล้าเล่นงานยังคงทำตาเยิ้มใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จงอินเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“พี่ชอบเด็กนะ”
“ไม่นับพี่ดิ... พี่แม่งชอบทุกอย่างแหละขอมีรูให้เสียบ”
“เดี๋ยวเถอะ เมาแล้วไม่น่ารักเลยนะ” จงอินขมวดคิ้วคาดโทษพลางกดเสียงลงต่ำเป็นเชิงดุ หากแต่เด็กน้อยกลับหัวเราะงึก ๆ จนไหล่สั่น “กลับกันเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ป่ะ... เอาดอกไม้ไปเยี่ยมผู้กักกันของพี่ด้วย... อึ่ก”
“ผู้จัดการพอ”
จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ ตัวปัญหาก็เทกระจาดล้มลงไปนอนจนหัวโขกกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวดังอั่ก ชายหนุ่มชะเง้อหน้ามองร่างไร้สภาพที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงแล้วก็เริ่มเครียด
“อย่านะแบคฮยอน ห้ามอ้วกตรงนี้”
“ไม่อ้วก ๆ เสียดายของ...”
ชายหนุ่มจิ๊ปากอย่างหัวเสียกับสภาพเละเทะของเด็กน้อยที่ตัวอ่อนปวกเปียกจนเขาต้องหิ้วปีกลงมาจากรถเพื่อตรงไปขึ้นลิฟท์ ตอนแรกกะว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะเอาดอกไม้แวะไปเยี่ยมผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่สักหน่อย แต่ก็ต้องปล่อยให้ดอกไม้ช่อนั้นก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนเบาะข้างคนขับแล้วพาเด็กขี้เมากลับมาคอนโดเพราะไม่รู้จะไปส่งที่ไหน บ้านก็ไม่รู้จัก
ระหว่างทางแบคฮยอนก็เอาแต่พูดไม่หยุด นี่สินะที่เขาว่าคนเมามันขุดทุกอย่างบนโลกมาดราม่าได้ แม้แต่เรื่องอกหักตอนอนุบาลสอง จงอินหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหิ้วปีกเด็กน้อยออกมาจากลิฟท์อย่างทุลักทุเล ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ให้นอนพักฟื้นก่อนตื่นมาค่อยว่าอีกทีแล้วกัน
แต่ยังก้าวไปไม่ถึงไหนขายาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่หน้าห้องเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก เสื้อโค้ทตัวยาวสีดำที่ตัดกับชุดลำลองด้านในที่สวมอยู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบแต่งตัวออกมาข้างนอกลวก ๆ แค่ไหน
คนรับบทเป็นตัวโกงมาครึ่งชีวิตยกยิ้มมุมปากท้าทาย ในที่สุดแผนการที่เขาตั้งใจปั่นหัวไอ้พระเอกขี้เก๊กผ่านทางรูปในไอจีก็ได้ผล วันนี้เขารู้แล้วว่าแบคฮยอนชอบไอ้หมอนั่น แต่ที่ยังไม่รู้ก็คือ ปาร์คชานยอลคิดยังไงกับเด็กคนนี้ ทั้งที่ยังมีเรื่องคาวกับคิมดาซมอยู่
“มานี่”
“เฮ้ เบาหน่อย เดี๋ยวน้องเจ็บ” สิ่งที่ทำให้คิมจงอินพอใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นใบหน้ามึนตึงของพระเอกหนุ่มที่กำลังถอนหายใจแรง ๆ อย่างหัวเสียกับการประคองร่างคนเมาเอาไว้ในอ้อมกอดหลวม ๆ “เป็นบ้าอะไร ทำไมปล่อยให้เขาดื่มเหล้า”
“เด็กมันอยากดื่มเอง ฉันผิดตรงไหน?”
“ผิดที่นายโตกว่าแต่กลับไม่ห้ามไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ลอดไรฟันออกมานั้นจงใจให้คนตรงหน้ารู้ว่ากำลังไม่พอใจ ทั้งคู่สบตาหยั่งเชิงกันอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จงอินจะเอามือถือออกมา
“ของแบคฮยอน” ชานยอลไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรอีก เขาคว้ามือถือเครื่องตรงหน้ามาในทันทีก่อนจะกระชับร่างปวกเปียกเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไป “เราไม่ได้ฟอลไอจีกัน แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่กับแบคฮยอน”
“คนทั้งโลกรู้ได้ ฉันก็ต้องรู้ได้เหมือนกัน”
“ว้าว ว่าแต่ที่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟนี่เพราะอะไรเหรอ เพราะฉันอัพรูปคู่ หรือเพราะแบคฮยอนเมาตอนที่อยู่กับฉัน?” จงอินเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท ยิ่งเห็นแววตาดุดันบนใบหน้าเรียบเฉยของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งสนุก
“หลังจากนี้ฉันคิดว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกันสักหน่อย”
“พร้อมเสมอ”
ชายหนุ่มผิวแทนตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ชานยอลหลุบสายตามองคนตัวเล็กที่งึมงำซบอยู่กับอกเขา ก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างเด็กตัวแสบขึ้นมาอุ้มท่าเจ้าสาว จงอินเลิกคิ้วมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองพลางเอี้ยวตัวหันกลับไปมองแผ่นหลังกว้างที่อุ้มคนเมาไปจนสุดทางเดินก่อนจะเข้าห้องไปในห้อง
“แทบรอแบคฮยอนสร่างเมาไม่ไหวแล้วสิ”
TBC
ขอตัดไปฉากหน้านะคะ นี่ 57 หน้า 9,500 คำแล้วง่ะ 555555555555
ขอไปทำธุระก่อนนะคะ
ความคิดเห็น