ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "FREAK BOY" มนุษย์จงอิน | KAIHUN FEAT.TAO

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 :: Your Earphone

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.01K
      135
      29 ธ.ค. 57

    Ⓒ QRD

     

     

     

    Chapter 2

    Your Earphone




     

     

     

    เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงสีน้ำตาล กำมือข้างหนึ่งแล้วป้องปากขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับหูฟังสีขาวตรงหน้า มันนานแค่ไหนแล้วที่เขาเอาแต่มองมัน พอรู้ตัวอีกทีซีรี่ส์เกี่ยวกับการฆาตกรรมก็จบไปแล้ว

     

    เซฮุนมักจะมารู้เอาทีหลังว่าเสียเวลาไปกับการเหม่อเสมอ ทั้งเสียงดนตรีเบา ๆ จากนาฬิกาแขวนห้องที่เล่นทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง อีกทั้งซีรี่ส์เรื่องโปรดที่กลายเป็นเพียงแค่เสียงกลบความเงียบในห้องเพราะมีบางอย่างที่น่าสนใจกว่า ซึ่งมันคือหูฟังของใครอีกคนที่ลืมขอคืนก่อนลงจากรถ...ไม่สิ...มันเป็นความผิดของโอเซฮุนเองต่างหากที่เอาแต่นั่งเฉยแล้วให้สมองคิดตามคำพูดทิ้งท้ายของผู้ชายคนนั้นจนลืมคืนให้

     

    ให้ตายเถอะ การเอาของไปคืนอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนอื่นแต่มันคือเรื่องน่าลำบากใจแห่งปีของเขาเลยนะ เด็กหนุ่มกำลังเครียด จากการโค้งงอและสีของสายหูฟังที่ยังขาวสะอาดนั้นทำให้คิดว่าคิมจงอินคงเป็นคนใส่ใจกับการดูแลสิ่งของที่ใช้อยู่พอสมควร แน่นอนว่ามันตรงข้ามกับเขาที่ชอบซื้อสิ่งของที่เป็นสีดำ เพราะต่อให้มันสกปรกสีมันก็ไม่ต่างไปจากเดิม

     

    ปิดทีวีแล้วเอาโน้ตบุ๊คมาวางไว้บนตักก่อนจะเข้ายูทูปแล้วค้นหาคำว่า Yiruma เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากแล้วค่อย ๆ เลื่อนปลายนิ้วลงเพื่อหาเพลงฟัง แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีเยอะเกินไป สุดท้ายเลยกดเข้าไปในเพล์ลิสต์ที่มีความยาวถึงสองชั่วโมง โอเค มันคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนที่รู้จักเสียงเปียโนเพียงแค่สามเพลงถ้วน

     

    คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน วูบหนึ่งเซฮุนได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงนึกสนใจเสียงเปียโนของ Yiruma ขึ้นมา ซึ่งเหตุผลที่เคยโหลดลงมือถือก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเปิดทีวีแล้วดันเคลิ้มหลับเพราะเสียงเปียโน ก็เลยคิดว่ามันคงเป็นทางเลือกที่ดีหากว่าจะฟังมันในคืนที่นอนไม่หลับ แต่คราวนี้มันไม่ใช่...

     

     
     

    ที่อยากฟังเสียงเปียโน...เพราะอะไรกันนะ?

     

     
     

    เสียงเคาะประตูเรียกสติเด็กหนุ่มให้กลับคืนมา เซฮุนแง้มประตูเพียงเล็กน้อยและก็เห็นว่าแม่ยืนอยู่ข้างนอกทั้งที่ยังอยู่ในชุดสูท เธอคงเพิ่งกินเลี้ยงกับประธานบริษัทอื่นมาเหมือนเคยถึงได้กลับบ้านเอาป่านนี้

     

    ตอนขับรถเข้ามาแม่เห็นว่าห้องลูกยังเปิดไฟอยู่ก็เลยแวะเข้ามาหาน่ะ นอนดึกอีกแล้วนะเรา

     

    ผมยังไม่ง่วงน่ะครับ เด็กหนุ่มจำเป็นต้องถอยหลังออกสองก้าวเมื่อคนเป็นแม่เปิดประตูเข้ามา ทันทีที่เห็นหน้าลูกชายได้ชัดขึ้น รอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้าก็เลือนหายไปในทันที

     

    เดี๋ยวนะ หน้าไปโดนอะไรมาน่ะ? หญิงวัยกลางคนโอบใบหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้หลวม ๆ ราวกับกลัวว่ามือคู่นี้จะทำให้เด็กหนุ่มต้องเจ็บ

     

    เซฮุนยิ้มเจื่อนพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอย เขาไม่คิดว่าแม่จะมาเห็นเพราะคราวที่แล้วตอนโดนชกแก้เคล็ดหนึ่งหมัดก็หลบหน้าแม่ไปได้หลายวันจนรอยมันจางลงไปบ้าง ตอนเช้าแค่ออกจากบ้านเร็วหน่อยเพราะพ่อกับแม่ก็กลับดึกอยู่แล้วเลยเลี่ยงได้ไม่ยาก พูดก็พูดเถอะ หมัดไอ้เวรพวกนั้นหนักเป็นบ้า ถ้าเปลี่ยนจากแก้เคล็ดเป็นแก้สมการมีหวังหน้าของโอเซฮุนคงน่วมจนต้องเดินก้ม ๆ เงย  ๆ ตลอดทั้งวันแน่

     

    ผมลองนั่งรถเมล์น่ะครับ แล้วมีคนทะเลาะกันผมเลยโดนลูกหลงไปด้วย

     

    ตายจริง แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้นั่งแท็กซี่อย่างเดียว เธอมองใบหน้าขาวที่มีรอยฟกช้ำอย่างเป็นกังวลก่อนจะประคองร่างลูกชายให้นั่งลงบนเตียง

     

    แท็กซี่ก็อันตรายเหมือนกันแหละครับแม่ มันอยู่ที่ดวง

     

    งั้นขับรถไปเรียนเลยดีไหม? เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับที่โรงเรียนเอง ถ้าทางนั้นอนุมัติแล้วแม่จะจ้างคนมาสอนขับรถให้

     

    แม่ครับ ผมยังไม่จบม.ปลายเลยนะ ขืนทำแบบนั้นมีหวังโดนหมั่นหน้ากว่าเดิมว่าเป็นไอ้คนขี้อวดแน่ เพราะงั้นการขับรถไปโรงเรียนจะเป็นทางสุดท้ายที่เขาจะเลือก

     

    อย่างนั้นก็ไม่เอา อย่างนี้ก็ไม่เอา เห็นไหมว่าผลลัพธ์ออกมามันเป็นยังไง?เธอบ่นพลางถอนหายใจ เดี๋ยวแม่ไปเอากล่องยามาให้

     

    โธ่แม่ครับ ผมบอกแล้วว่าไม่เป็น...

     

    รอแม่แป๊บเดียว เธอหันมายกมือบอกแล้วเร่งฝีเท้าออกไป เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ เขาไม่อยากให้แม่ต้องคิดมากเลย แค่กับงานที่บริษัทก็เหนื่อยมากพอแล้ว เซฮุนไม่อยากเป็นภาระที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเหนื่อยกว่าที่เป็นอยู่

     

    หญิงวัยกลางคนเดินกลับมาพร้อมกล่องยา เธอเทเบตาดีนใส่สำลีเพียงเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ แตะลงบนโหนกแก้มขาวเบา ๆ เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงมือนุ่มของแม่ที่วางทับบนหลังมือเขาราวกับจะบอกให้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้แล้ว

     

    เซฮุนหลับตาลงทันทีที่คนตรงหน้ากำลังเป่าลมอ่อน ๆ รดลงบนแผลเพื่อช่วยทุเลาความเจ็บปวดให้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอนุบาลทุกครั้งเวลาอยู่กับแม่ ซึ่งเซฮุนชอบที่จะรู้สึกแบบนี้ เพราะถึงพ่อกับแม่จะยุ่งกับงานมากแค่ไหน แต่ทั้งคู่ก็พยายามหาเวลามาให้เขาอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้...ที่แม่กำลังทำให้เห็นว่าเธอรักลูกมากแค่ไหน

     

    คราวหลังอย่าขึ้นรถเมล์อีกนะลูก

     

    ผมจะไม่ขึ้นรถเมล์อีก ขอโทษนะครับแม่

     

    แม่ไม่ได้โกรธ แต่แม่แค่เป็นห่วง ลูกเข้าใจใช่ไหม?

     

    ครับ ผมถึงได้ขอโทษที่ไม่เชื่อฟังแม่ เธอยิ้มพอใจกับคำพูดของลูกชายที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เด็กคนนี้ก็แสดงออกให้เห็นอยู่เสมอว่าเคารพและเชื่อฟังเธอมากแค่ไหน

     

    วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง? ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกถามแบบนี้ และเซฮุนก็ต้องหยุดใช้ความคิดไปหลายวินาทีกับการหาคำตอบที่จะทำให้แม่สบายใจ

     

    ก็เหมือนเดิมครับ เรียน ซ้อมเต้นแล้วก็กลับบ้าน

     

    ซ้อมกับชานซองกับยงฮวาใช่ไหม เพื่อน ๆ สบายดีนะ? เซฮุนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ เอ...นั่นเสียงเปียโนนี่?

     

    เธอเลิกคิ้วมองลูกชายก่อนจะกลอกตามองโน้ตบุ๊คที่เปิดหน้าจอค้างไว้ จากเสียงดนตรีที่บรรเลงมันทำให้เธอไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าเด็กที่รักการเต้นและเพลงฮิปฮอปจะมานั่งฟังเสียงเพลงบรรเลงชวนง่วงแบบนี้

     

    อารมณ์ไหนน่ะเรา?

     

    อ๋อเปล่าครับ ผมแค่... เซฮุนเกาท้ายทอยพลางยิ้มเจื่อนผมบังเอิญเจอคน ๆ นึงบนรถเมล์ เขาอยู่โรงเรียนเดียวกับผม เรานั่งคุยกันเรื่องเพลงที่ชอบ เขาเลยแนะนำให้ผมฟังเสียงเปียโนเวลานอนไม่หลับน่ะ... เด็กหนุ่มเกลียดตัวเองที่เอาแต่โกหก นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาต้องสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้พ่อกับแม่สบายใจ

     

    เหรอ แล้วทำไมเขาไม่ช่วยตอนที่เราโดนลูกหลงล่ะ? เขาเป็นคนประเภทไหนกัน? เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์

     

    ไม่หรอกครับ กลับกันแล้วเขาเป็นคนช่วยผมออกมาจากตรงนั้นต่างหาก

     

    อ่า... เธอลดสีหน้าลง เซฮุนมองหน้าคนเป็นแม่ที่นิ่งไปหลายวินาทีก่อนจะลูบหัวเขาอย่างเอ็นดูงั้นแม่ไม่กวนเราแล้วดีกว่า ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะลูกรัก

     

    ราตรีสวัสดิ์ครับ เซฮุนยิ้มพลางกอดตอบก่อนจะมองตามอีกคนไปจนกระทั่งเสียงประตูปิดลง

     

    เสียงเปียโนยังคงเล่นไปอย่างต่อเนื่อง และพอรู้สึกตัวอีกทีใบหน้าเรียบเฉยของใครอีกคนก็ลอยเข้ามาในหัว แต่ไหนแต่ไรเซฮุนก็อ่านใจใครไม่ออกอยู่แล้ว เขามีเพียงแค่สัญชาติญาณที่ทำให้รู้ว่าใครชอบหรือไม่ชอบขี้หน้าเขา ซึ่งมันกำลังบอกว่า...คิมจงอินต่างจากคนอื่น

     

     

    หรือบางที...มันอาจจะเป็นแค่สิ่งที่โอเซฮุนคิดไปเองก็ได้

     


     

    .

    .

     

     
     

    เสียงน้ำที่ไหลออกจากก๊อกคือสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบในห้องน้ำชายตอนช่วงเช้าตรู่แบบนี้ ข้างนอกมีเสียงพูดคุยผ่านเข้ามาเป็นระยะ คาดว่าคนพวกนั้นคงเป็นเด็กเรียนที่ชอบตื่นแต่เช้า ซึ่งมันตรงกันข้ามกับเขาที่ตื่นเช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับ

     

    สาเหตุมาจากการนอนโดยปราศจากหูฟัง โอเค คิมจงอินรู้อยู่แก่ใจว่าการหลับไปทั้งที่ยังมีหูฟังเสียบคาอยู่มันอาจส่งผลเสียต่อหูในอนาคต แต่เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะเขาไม่สามารถหลับโดยที่ไม่มีเสียงเปียโนกล่อมได้

     

    เพราะมัวแต่ทำตัวไม่ถูกตอนอยู่กับโอเซฮุนนั่นแหละเลยทำให้ลืมขอหูฟังคืน เด็กหนุ่มถอนหายใจกับความสะเพร่าที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก มันไม่ใช่เรื่องที่ควรพลาดเลยสักนิดกะอีแค่ดึงสายหูฟังออกมาแล้วปิดประตูมันไม่เห็นจะยากอะไร

     

    แต่เพราะประโยคที่พอนึกถึงทีไรก็อยากตบปากตัวเองนั่นแหละที่ทำให้สมองเออเร่อ จนถึงวินาทีนี้คิมจงอินก็ยังอายไม่หาย

     

    อรุณสวัสดิ์จงอิน

     

    อ้าวแบคฮยอน มาแต่เช้าเลยนะวันนี้

     

    ชานยอลไม่ตื่นสาย เราเลยมาเร็ว จงอินมองคนตัวเล็กผ่านกระจกบานใหญ่ที่กำลังเดินเข้าไปทางด้านในสุดก่อนจะได้ยินเสียงรูดซิปกางเกง จนแบคฮยอนหันมาทำมือปัด ๆ เป็นเชิงบอกให้หันหน้าหนีนั่นแหละเขาถึงได้เลิกมอง

     

    กินข้าวมาหรือยัง

     

    เราแบ่งขนมปังกับชานยอลกินคนละครึ่งแล้ว จงอินล่ะกินหรือยัง

     

    เรียบร้อย ทำเป็นก้มหน้าล้างมือไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากยืนเก้อเฉย ๆ เพียงไม่กี่อึดใจแบคฮยอนก็เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างมือบ้าง

     

    เด็กหนุ่มหันไปสบตากับคนตัวเล็ก แน่นอนว่าเขาหลุดยิ้มออกมาได้เหมือนกับทุกครั้งเพียงแค่แบคฮยอนยิ้มตาหยีใส่

     

    เราปวดฉี่ตั้งนานแล้ว แต่ชานยอลไม่ยอมให้เรามาเข้าห้องน้ำ

     

    ทำไมล่ะ

     

    ชานยอลบอกว่าแค่อั้นฉี่ยังทำไม่ได้โตขึ้นเราคงเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เอาไหน อนาคตประเทศชาติคงล่มจมเพราะมีคนอย่างเราอยู่บนแผ่นดินเกาหลีใต้ เราว่าตรรกะชานยอลค่อนข้างที่จะป่วยเหมือนส่วนสูงของเขาเลย ทันทีที่ฟังจบเด็กหนุ่มผิวแทนก็หลุดขำออกมา

     

    ถ้ามันได้ยินนะ... จงอินมองอีกคนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์โดนฆ่าแน่

     

    งั้นห้ามบอกชานยอลนะ เราจะได้ไม่โดนฆ่า... แบคฮยอนเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองแล้วชำเลืองมองออกไปนอกห้องน้ำชายราวกับกลัวว่าคน ๆ นั้นจะมาได้ยินเข้า

     

    กลัวเป็นด้วยหรือไง? เด็กหนุ่มมองอีกคนอย่างเอ็นดู หลังจากได้ฟังความในใจตอนทาสีบ้านวันนั้นยอมรับว่ารู้สึกดีกับการเห็นพัฒนาการของเพื่อนรักกับแบคฮยอนมากขึ้นกว่าที่เคย

     

    เขาชอบเวลาไอ้ชานยอลพยายามทำตัวดีขึ้นทั้งที่ปากก็ยังเห่าหอนเหมือนหมาไม่ต่างจากเดิม ในขณะที่แบคฮยอนก็ยังคงมึน ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทั้งคู่มีอะไรที่แตกต่าง แต่พออยู่ด้วยกันแล้วมันกลับลงตัวจนเห็นแล้วรู้สึกอิจฉาอยู่ลึก ๆ

     

    เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเขาอยู่ในสถานะเดียวกับไอ้ชานยอลแล้วได้เจอคนอย่างแบคฮยอนบ้างจะเป็นยังไงนะ? ในทีแรกก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ แต่สุดท้ายก็นั่นแหละ...เขาไม่มีทางตกลงปลงใจกับมนุษย์ฮอบบิทได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เราเหมาะสมกับการเป็นเพื่อนมากที่สุด

     

    เดี๋ยว ๆ ที่คิดแบบนี้ก็เพราะสงสัยหรอกนะ คิมจงอินไม่เคยคิดกับบยอนแบคฮยอนมากไปกว่าเพื่อนเลยสาบานได้

     

    ถามอะไรอย่างสิ

     

    เรื่องชานยอลเหรอ ไม่เอานะเราไม่อยากเขินตั้งแต่เช้า ร่างเล็กรีบพูดดักขึ้นมาก่อน พอได้ยินอย่างนั้นจงอินเลยขำเล็กน้อย

     

    เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก

     

    แล้วเรื่องอะไรอ่ะ... แบคฮยอนมองคนตัวโตกว่าผ่านกระจกก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเมื่อคนข้าง ๆ เอามือที่เปียกน้ำมายีหัวเขาโหยจงอินอ่ะ อย่ามาทำตัวชานยอลสิทุกทีเลย ชานยอลก็ชอบเห็นเสื้อกับหัวเขาเป็นที่เช็ดมือเหมือนกันไม่มีผิด

     

    ถ้าบังเอิญเจอคน ๆ นึงระหว่างทาง แล้วมีเหตุให้นายกับเขาต้องกลับบ้านด้วยกัน...เดี๋ยวนะ มาสัญญากันก่อนว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด จงอินมองคนตัวเล็กอย่างจริงจังแล้วกำมือขึ้นมา พอเห็นอย่างนั้นแบคฮยอนเลยทำตาปริบ ๆ ก่อนจะกำมือแล้วชกตอบเป็นการรับสัญญาในครั้งนี้

     

    เราจะไม่บอกใคร

     

    เยี่ยม จงอินหันหลังยืนพิงกับซิงค์อ่างล้างมือพลางกอดอกมองอีกคนด้วยความที่นายสองคนคุ้นหน้ากันอยู่แล้วแต่ไม่เคยคุยกันมาก่อน แถมนายก็เคยได้ยินเรื่องไม่ดีของคน ๆ นั้นมาพอสมควรเลยทำให้มีอคติอยู่บ้าง การคุยกันเลยน่าอึดอัด

     

    ทำไมถึงมีอคติล่ะ

     

    ก็เพราะเขามีข่าวไม่ดีไง

     

    งั้นไม่ใช่แล้ว เราไม่เคยตัดสินใครจากปากคนอื่นทั้งที่ยังไม่เคยลองคุยกัน มันไม่ยุติธรรมอ่ะ ประโยคนี้ทำเอาเด็กหนุ่มผิวแทนนิ่งไปครู่หนึ่ง แน่นอนว่าเขารู้ว่าอะไรถูกผิด แต่ข่าวลือไม่ดีของโอเซฮุนก็มีมาให้ได้ยินอยู่ตลอด โอเค...ยอมรับก็ได้ว่าหูเบาไปช่วงนึง

     

    ก็แค่สมมติน่ะ

     

    โอเค สมมติก็สมมติ จงอินเล่าต่อได้ จงอินก้มหน้าเล็กน้อยแล้วครุ่นคิดอยู่กับเรื่องราวในหัว

     

    นายสองคนกลับบ้านทางเดียวกัน แต่นายต้องลงก่อนสองถึงสามป้าย แต่ก่อนลงคน ๆ นั้นถามนายว่าถ้าเจอกันคราวหน้าขอทักได้ไหม? นายจะรู้สึกยังไง?

     

    ไม่รู้อ่ะ เราไม่เคยอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นคงบอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง

     

    ...

     

    แต่การที่คน ๆ นึงอยากทักทายเป็นครั้งที่สอง มันก็แสดงว่าเขาต้องรู้สึกดีกับการได้คุยกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ

     

    ...

     

    หรือเราคิดผิด แบคฮยอนเกาหัว เขารู้สึกเฟลอยู่ไม่น้อยที่ให้คำปรึกษาจงอินได้ไม่ดีเท่าที่ควร

     

    ไม่หรอก เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งงั้นขอถามคำถามสุดท้ายนะ

     

    อื้ม!”

     

    ถ้าคน ๆ นั้นบอกว่ามันก็อยู่ที่ว่านายอยากเต้นอยู่บนถนนหรือว่าอยากเดินลงมาในทุ่งดอกไม้ของ Yiruma อีกหรือเปล่า? นาย...จะรู้สึกยังไง? ตอนนี้คิมจงอินเริ่มเครียดกับประโยคที่เขาคิดหนักมาตลอดทั้งคืน ไม่น่าเลย ไม่น่าพูดมันออกไปเลย มันจะดีมากเลยนะถ้าแบคฮยอนตอบกลับมาว่าจะต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอ ก็ไม่นี่

     

    “Yiruma คืออะไรอ่ะ

     

    ...

     

    ...

     

     

    กริบ...

     

     

    พอเห็นตาใส ๆ ผ่านเลนส์แว่นกรอบดำกับคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้ากันเป็นการบอกผ่านทางหน้าตาว่าบยอนแบคฮยอนกำลังงงอย่างสุดขีดว่า Yiruma ที่พูดถึงนั้นมันคืออะไรกัน

     

    ยี่ห้อรองเท้าเหรอ

     

    นักเปียโนพอ

     

    เอ้า เราไม่รู้จักอ่ะ...เขินจัง แบคฮยอนก้ม ๆ เงย ๆ ยิ้มอย่างขลาดอายแล้วนักเปียโนคนนั้นเขามีทุ่งดอกไม้เป็นของตัวเองด้วยงี้เหรอ

     

    ...

     

     
     

    กูว่ากูถามผิดคน...

     
     

     

    แล้วนักเปียโนเกี่ยวอะไรกับคนนั้นล่ะ เป็นญาติกันใช่ไหม?

     

    แบคฮยอน เดี๋ยว

     

    แล้วทำไมเขาต้องเต้นบนถนนด้วย ไม่กลัวรถชนเหรอ

     

    เอาเป็นว่าคนนั้นแค่อยากถามลองเชิงเฉย ๆ ว่าถ้าอยากเจอกันอีกมันก็อยู่ที่ใจของหมอนั่นอะไรทำนองนี้ แต่คำพูดมันดูวกวนเพราะจะได้กำกวมขึ้นมาหน่อยน่ะ

     

    ให้ตายเถอะ คิมจงอินกำลังอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีที่จะต้องมาอธิบายเกี่ยวกับประโยคเสี่ยว ๆ ที่หลุดพูดกับคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าอย่างโอเซฮุน ซึ่งพอนึกถึงทีไรก็ไม่สามารถคิดไปในทางอื่นได้เลยนอกจากกูกำลังจีบมันอยู่ ชิบหาย แล้วไม่ใช่อย่างนั้นไง

     

    ผู้ชายคนนั้นประหลาดอีกแล้ว ทำไมต้องลองเชิงพูดจากำกวมด้วย พูดตรง ๆ คนเขาก็เข้าใจนะ

     

    ถ้าพูดถึงสวนดอกไม้ของ Yiruma แล้วมันเท่กว่าไง

     

    จะเท่ไปทำไมอ่ะ ก็แค่คนที่มีอคติต่อกัน ถ้าเป็นคนที่ชอบก็ว่าไปอย่าง

     

     

     

    ตึง!!!!

     

     

     

    ...

     

    เราเคยเจอในละครที่พระเอกชอบพูดแบบนี้

     

    เดี๋ยว? ถ้าพูดอย่างนั้นแล้วคนฟังจะเข้าใจว่าจีบเหรอ?

     

    ไม่รู้อ่ะ แต่ถ้าถามเราก็คงใช่

     

     

     

    ตึง!!!!

     

     
     

    จงอินถึงกับกุมขมับ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการชอบ Yiruma จะส่งผลให้เขาต้องมาคิดหนักในวันนี้ สาบานได้เลยว่าคิมจงอินไม่ได้จะจีบอะไรทั้งนั้น ก็แค่คิดว่าเสียงเปียโนของ Yiruma มีเสน่ห์จนอยากหยิบยกขึ้นมาพูดเปรียบเทียบกับเรื่องเต้นของโอเซฮุนเฉย ๆ

     

     
     

    ใช่...มันแค่นั้นจริง ๆ

     

     
     

    โอเค...ขอบใจนะ

     

    ไม่เป็นไร เราชกมือกับจงอินแล้ว เราไม่บอกใครแน่ แบคฮยอนกำหมัดโชว์พร้อมทำหน้ามุ่งมั่นมันไม่ใช่เรื่องของจงอินด้วย มันเป็นเรื่องสมมติ ประโยคนี้ทำหน้าสั่นไปอีก วูบหนึ่งคิมจงอินได้แต่หรี่ตามองคนข้าง ๆ อย่างหวาดระแวงว่ามันพูดจริงหรือกำลังประชดอยู่กันแน่ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูไอ้ชานยอลหรือไอ้เทาเมื่อไหร่ชีวิตของเขาคงได้ดับดิ้นสิ้นชีวาวายแหงแซะ

     

    ไอ้บ้านนอก!”

     

    ชานยอลมาแล้ว! จงอินต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็นเรานะ!” แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะลงกลอนแน่นหนาทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยของคนบ้าอำนาจดังมาจากข้างนอก

     

    อ้าว? ก็ว่าเห็นกระเป๋าห้อยอยู่กับเก้าอี้ นึกว่าหายหัวไปไหน มาหาของกินในนี้เหรอสหาย มาถึงก็ปากล่อตีนแต่เช้า จงอินปั้นหน้านิ่งแล้วพยักหน้าแบบขอไปที

     

    เออ หาเผื่อมึงกับไอ้เทาน่ะ ได้ยินอย่างนั้นชานยอลเลยไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ

     

    เห็นไอ้บ้านนอกไหม?

     

    หืม?

     

    มันบอกว่ามาฉี่แป๊บเดียว แต่นี่มันนานเกินกว่าที่คนตัวสั้น ๆ อย่างมันจะใช้เวลาไปกับการปลดทุกข์แล้วนะ เด็กตัวสูงหรี่ตามองไปรอบ ๆ ห้องน้ำก่อนจะหยุดอยู่ที่เพื่อนสนิท

     

    มันลงไปเข้าชั้นหนึ่งเปล่า เมื่อกี้คนแย่งกันฉี่จนโถไม่ว่างเลย

     

    จริงดิ?

     

    ถึงปาร์คชานยอลจะเป็นคนฉลาดแต่มันก็ชอบโง่ในเรื่องที่คนอื่นเขาฉลาดกัน เด็กหนุ่มนึกอยากหัวเราะแต่ก็ได้แค่กลั้นไว้ก่อนที่เพื่อนตัวดีจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าจะออกไปตามล่ามนุษย์ฮอบบิทที่ชั้นหนึ่ง ตอนนั้นแหละคิมจงอินถึงยิ้มออกมาได้สักที

     
     

     

    .

    .

     

     
     

    ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินกลับไปที่ห้องเรียน แต่พอใกล้จะถึงก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าประตูห้อง รูปร่างส่วนสูงค่อนข้างที่จะคุ้นตาแม้ว่าจะเคยเห็นอยู่ไม่กี่ครั้ง ขายาวก้าวเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังก่อนจะยกมือขึ้นสะกิดไหล่

     

    โอ๊ะ!”

     

    อะไร ทำหน้าอย่างกับเจอผี เด็กหนุ่มมองคนตัวผอมที่กำลังยิ้มเจื่อนก่อนจะหลบสายตาไป โอเซฮุนเลียริมฝีปากราวกับกำลังรวบรวมความกล้า และคงเป็นอย่างนั้นเพราะสายตาคนอื่นกำลังมองมาทางนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย

     

    ฉันเอาหูฟังมาคืน

     

    อ่าฮะ

     

    ขอโทษนะที่เมื่อวานลืมเอาให้

     

    ขอโทษอีกแล้ว เซฮุนรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุเพียงแค่คนตรงหน้าเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช่ว่าเขาจะเป็นคนที่ชอบพูดคำนี้เสียเมื่อไหร่ แต่เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคิมจงอินมันชวนให้ต้องขอโทษต่างหากเขาถึงได้พูดอย่างนั้น

     

    งั้นขอบคุณก็ได้

     

    ตามใจแล้วกัน เด็กหนุ่มแบมือออกมารอ เพียงแค่ครู่เดียวเซฮุนก็ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้ววางซองกำมะหยี่สีดำลงบนมือหนา และสิ่งที่ดึงความสนใจจากคิมจงอินไปได้ก็คือตัวหนังสือที่ถูกปักมาเป็นอย่างดี

     

     

     

    ‘LIFE IS TOO SHORT TO USE A BAD EARPHONE’

     

     

     

    อะไร

     

    ซองใส่หูฟัง

     

    รู้ ก็เห็นอยู่ตำตา เด็กหนุ่มผิวแทนพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากซองกำมะหยี่สีดำ

     

    ฉันให้

     

    ถ้าให้เพราะเรื่องเมื่อวานล่ะก็เอาคืนไปเถอะ มันไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดนั้น จงอินดึงหูฟังออกมาจากซองแต่ก็ถูกเซฮุนคว้ามือเอาไว้ก่อน เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกคนในทันที ตอนนี้คนตัวผอมกำลังเลิกลักเพราะทำตัวไม่ถูกเลยผละมือออกจนซองกำมะหยี่ตกลงพื้น

     

    หูฟังของนายเป็นสีขาว ถ้าเก็บใส่ซองดี ๆ มันจะ... จู่ ๆ ก็กลายเป็นใบ้ขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อคนตรงหน้าย่อตัวลงไปเก็บซองกำมะหยี่ขึ้นมาปัดฝุ่นเบา ๆ ให้ ฉันได้มันมาฟรี ๆ น่ะ...ไม่ได้คิดว่าเป็นค่าตอบแทนเรื่องเมื่อวานด้วย มันไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่นายพูดเรื่องนั้นฉันรู้

     

    ต้องอธิบายถึงขนาดนั้นเลยหรือไง? เซฮุนกำลังประหม่ากับสายตาของอีกคนที่จับจ้องเขาโดยไม่ละไปไหน คิมจงอินกำลังรู้สึกยังไงโอเซฮุนไม่สามารถคาดเดาได้เลยสักนิด

     

    ไม่เป็นไร งั้นนายเอาหูฟังคืนไปอย่างเดียวก็ได้ คนตัวผอมยิ้มแห้ง ๆ แล้วแบมือออกมา มันคงไม่ดีถ้าหากเขาจะดื้อดังบังคับให้จงอินรับของไว้ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้น

     

    ริมฝีปากหุบยิ้มลงเมื่อจู่ ๆ สิ่งที่วางลงมากลับกลายเป็นฝ่ามือที่แปะเบา ๆ แทนที่จะเป็นซองหูฟังกำมะหยี่ของรักของหวงที่เขาตั้งใจเลือกอยู่นานว่าอันไหนถึงจะเหมาะกับผู้ชายอย่างคิมจงอิน

     

    สัมผัสอุ่น ๆ จากมือของคนตรงหน้าถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ตรงหน้าอกข้างซ้าย เซฮุนรู้สึกได้ถึงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านตอนที่คิมจงอินเดินสวนไป อีกทั้งเสียงแผ่วเบาที่ราวกับกระซิบว่าขอบใจ

     

     

     

    แค่นั้นแหละ...โอเซฮุนถึงได้รู้ว่าวันนี้เรื่องดี ๆ ได้เกิดขึ้นกับเขาแล้ว

     

     

     

     

    TBC

     
     

     

    ไปทะเลมา #นอนอาบแดด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×