คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21 :: Your Future, My Past
Chapter 21
Your Future, My Past.
พอตกอยู่กับความเศร้า เวลาของคนเราก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เซฮุนรู้ว่าไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่การก้าวไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีจงอิน มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน
จื่อเทาคงรู้ว่าครั้งนี้เซฮุนไม่ยอมโอนอ่อนเหมือนทุกครั้ง เจ้าตัวถึงได้แค่ส่งข้อความมาขอโทษ และบอกว่าพร้อมรับฟังเสมอถ้าหากเขาอยากระบาย โดยไม่รั้นขอมาหาที่บ้านเหมือนอย่างเคย
พ่อกับแม่เรียกเด็กหนุ่มไปคุยหลังจากเกิดเหตุการณ์หน้าบ้านวันนั้น เซฮุนแค่นั่งนิ่ง ซึ่งท่านก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบแม้ว่าจะแสดงออกผ่านทางสีหน้าและแววตาว่าเป็นห่วงแค่ไหน แน่นอนว่าพอไม่ได้คำตอบจากลูก การถามแม่บ้านเพื่อหาสาเหตุเรื่องถังขยะในวันนั้นก็คงจะรู้ง่ายกว่า ซึ่งท่านก็เชื่อมโยงไปเองว่าเซฮุนกำลังมีความรักตามประสาเด็กวัยรุ่น และฝ่ายหญิงคงเป็นฝ่ายจบมัน ลูกชายตนถึงได้เศร้าจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับอย่างนี้
พอเป็นเรื่องปัญหาหัวใจ พ่อกับแม่ที่ใช้เวลาสี่ส่วนห้าไปกับงาน จึงปลอบใจลูกชายด้วยคำพูดอ้อม ๆ ว่าชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อไป ให้คิดเสียว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นผ่านมาเพื่อทำให้เรารู้จักความรัก สักวันหนึ่งเซฮุนจะได้พบคนที่ดีกว่า
เด็กหนุ่มแค่ฟัง ใช่ เขาแค่ฟัง แต่ไม่สามารถทำตามคำที่พ่อกับแม่สั่งสอนได้ จงอินไม่ใช่คนที่เซฮุนอยากปล่อยให้หายไปจากชีวิต เขาไม่ต้องการคนที่ดีกว่า ไม่ได้ต้องการใครที่ไหนทั้งนั้น เด็กหนุ่มไม่อยากให้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเป็นแค่อดีต ที่พอนึกถึงทีไรมันก็เจ็บจนน้ำตาไหล
แต่โอเซฮุนต้องใช้ชีวิตต่อไป และคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง เราจะได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง
เวลาเศร้า มนุษย์มักตอกย้ำตัวเองด้วยเพลงและประโยคทิ่มแทงใจที่คนแชร์กันในอินเทอร์เน็ต เซฮุนเลื่อนอ่านคอมเมนท์กระทู้อกหัก มีผู้คนมากมายเข้าไปออกความเห็น มีทั้งแสดงความเห็นใจ รวมไปถึงการแสดงความมักง่ายของความคิดด้วยการบอกว่าความรู้สึกคนเจ็บเป็นเรื่องไร้สาระ
‘ก็แค่อกหัก มันไม่ตายหรอก’
ใช่... มันไม่ตาย คนเหล่านั้นอยู่ได้แต่ไม่มีความสุข
คนเหล่านั้นพูดเหมือนว่าการตัดสินใจบางอย่างมันง่าย นั่นเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พวกเขาจึงพูดอะไรก็ได้เพราะไม่ได้เจอเองกับตัว เซฮุนผิดที่คิดแทนคนอื่นมากเกินไป ผิดที่กลัวอนาคต ผิดที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจของจงอิน แต่ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง
แม้แต่คนที่ตัดสินใจบอกเลิก และตัดขาดทุกช่องทางการติดต่อ จงอินก็คงทบทวนมาอย่างดีแล้วเช่นกัน
เซฮุนสอบติดมหาลัยยอนเซ ในคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาศิลปะการแสดง สาขาการเขียนบท ตอนแรกตั้งใจจะเข้าคยองฮีเพราะอยากเดินสายการแสดงอย่างจริงจัง แต่พอได้ลองเล่นละครเวทีเป็นเจ้าชายในวันนั้น ความฝันของเซฮุนก็เปลี่ยนไป
‘เหมือนที่ฉันเคยบอกไปว่า นายจะทำมันออกมาได้ดีก็ตอนที่รู้สึกว่าเป็นเจ้าชายแล้วจริง ๆ’
‘โอเซฮุนจะไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นกับเจ้าหญิง แต่เจ้าชายจะรู้สึก’
เรื่องตลกของคนบ้า ที่ยังปล่อยให้จงอินมีผลต่อการตัดสินใจจนถึงวินาทีนั้น
มันอาจจะจริงอย่างที่พูดกันว่า คนที่เลิกกันแล้วคงกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก ก่อนหน้านี้เซฮุนสามารถรับรู้ชีวิตของจงอินได้ผ่านทางอินสตาแกรม อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไปไหน ทำอะไรอยู่ แต่ช่วงหลัง ๆ จงอินก็เงียบหายไป ไม่มีการอัพเดทรูปถ่ายอีก เซฮุนจึงรับรู้ข่าวของอีกฝ่ายได้แค่จากปากเพื่อนชาวจีนเท่านั้น
จงอินติดคณะนิติศาสตร์ตามที่ต้องการ ส่วนจื่อเทาติดคณะพละศึกษา ทั้งคู่อยู่มหาลัยแห่งชาติโซลเหมือนกัน มีแค่ปาร์คชานยอลเท่านั้นที่บินไปเรียนอเมริกา เซฮุนทำได้แค่ดีใจอยู่เงียบ ๆ ที่ความตั้งใจของจงอินเป็นผล ถ้าเรายังคบกันอยู่ ตอนนี้เด็กหนุ่มคงคิดจนหัวหมุนว่าจะให้อะไรอีกฝ่ายเป็นของขวัญดี แน่นอนว่าต้องมีการเซอร์ไพรส์ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิด เมื่อความจริงโอเซฮุนก็ทำได้แค่พิมพ์ข้อความลงไป... และกดลบมันทิ้ง
เซฮุนได้เจอจื่อเทาบ้างเป็นบางครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจน้อยลงเป็นเพราะไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน หรือเป็นเพราะว่าเหนื่อยจนถอดใจแล้ว ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังมันก็คงดี เซฮุนไม่อยากเสียเพื่อนไปเพราะความรู้สึกของเราไม่เหมือนกัน
แด็กหนุ่มไม่ได้ตื่นเต้นกับชีวิตในมหาลัยนัก ความเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวก่อนออกจากบ้านก็คือยูนิฟอร์มที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดลำลอง เมื่อเครื่องแบบอย่างเป็นทางการไม่ใช่กฎข้อบังคับ
เป็นอย่างที่ใคร ๆ บอกว่าชีวิตมหาลัยกว้างกว่าชีวิตมัธยมเป็นไหน ๆ ที่นี่ไม่มีใครมองหน้าหาเรื่อง แล้วยกพวกมาขวางทางเพียงเพราะรู้สึกว่าไม่ถูกชะตากับเขา เซฮุนมีเพื่อนใหม่ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง คนพวกนั้นเป็นฝ่ายเริ่มต้นหยิบยื่นมิตรภาพให้ และเด็กหนุ่มก็รับไว้อย่างเต็มใจ
ชีวิตในมหาลัย ที่ไม่ถูกใครรังแกอีก
จงฮยอน คีบอม อนยู และลูน่าเป็นเพื่อนใหม่ที่เซฮุนไม่รู้สึกฝืนเวลาอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างอยู่ในความปกติ ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม หรือเข้าหาเพราะความฉาบฉวยใด ๆ โดยเฉพาะลูน่าที่เป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่ม เธอบอกว่าเซฮุนเป็นคนหล่อ แต่ไม่ใช่สเป็ก และนั่นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปราว ๆ สองเดือนในรั้วมหาลัย เซฮุนยิ้มและหัวเราะได้กับมุกตลกที่คีบอมยิงมา ทุกอย่างกำลังเริ่มเข้าที่ กับโลกใบใหม่ที่กว้างขึ้น โลกที่มองออกไปไกลจนสุดสายตา และเมื่อหันไปเห็นเงาตัวเองในกระจก รอยยิ้มบนใบหน้าก็เริ่มจางหายไป
ในหัวตั้งคำถามว่า นานแค่ไหนแล้วที่โอเซฮุนไม่ได้ยิ้มและหัวเราะอย่างนี้ มันก็คงนานมากจนทำให้ลืมความรู้สึกสีเทาในใจไปชั่วขณะหนึ่ง เด็กตัวผอมยังคงมองเงาในกระจก แล้วบอกตัวเองว่าให้อดทนอีกสักหน่อย ทุกอย่างกำลังดีขึ้น และฝั่งของจงอินก็คงเหมือนกัน
ตอนนี้อีกฝ่ายคงได้พบเจอผู้คนมากมายไม่ต่างจากเขา อยู่กับสิ่งใหม่ ๆ สังคมใหม่ เพื่อนใหม่ บรรยากาศแปลกใหม่ และนั่นหมายความว่าบางที... จงอินอาจจะเจอคนที่ถูกใจ และไม่ทำให้รู้สึกแย่เหมือนกับเขา
แค่คิดก็รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก เซฮุนถอนหายใจเบาหวิว กับความคิดที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สามารถหยุดมันได้ แน่ล่ะ เขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะหลอกตัวเองว่าจะไม่มีใครชอบจงอิน
แม้ว่าจะเป็นคนนิ่งเงียบ ดูเข้าใจยาก แต่นั่นแหละคือเสน่ห์ที่ทำให้เขาตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น
“กลับบ้านดึกได้ใช่เปล่า?”
“ก็พูดไป เซฮุนไม่ใช่เด็กอนุบาลสามเปล่าวะ” อนยูเหล่มองจงฮยอนพลางส่ายหน้า หลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องสอบ
“งั้นกูโทรไปขอพ่อกับแม่ก่อนแล้วกัน” เซฮุนแกล้งยกสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก่อนจะเซไปชนผนังเพราะถูกลูน่าผลัก
“เวอร์อีกละ”
“สอบปลายภาคเสร็จก็ต้องกิน กิน กิน แล้วก็แดกเหล้าให้เมาเป็นหมาข้างถนนสิถึงจะถูก” คีบอมทำหน้ามุ่งมั่น จะไม่มีการกลับไปนอนพักผ่อนใด ๆ ทั้งนั้น พวกเขาเหนื่อยกันมาทั้งอาทิตย์แล้ว
“เจอกันกี่โมงดี”
“สักทุ่มนึงดีไหม ร้านเนื้อย่าง” อนยูก้มลงมองนาฬิกา ซึ่งทุกคนก็ตกลงอย่างไม่มีข้อแม้
เซฮุนนั่งแท็กซี่มาถึงที่หมายก่อนเวลาประมาณสิบนาที เขาไม่ได้เอารถยนต์มาด้วย เพราะแม่กลัวจะเกิดอุบัติเหตุหลังจากรู้ว่าลูกชายกำลังจะออกมาดื่มกับเพื่อน
มันเป็นเรื่องดีที่เห็นว่าจงฮยอนเพิ่งลงจากรถเหมือนกัน ทั้งคู่ยืนรออยู่ไม่นานทุกคนก็มาถึง เราสั่งเนื้อย่างกินกันเต็มโต๊ะเหมือนว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว เซฮุนไม่ใช่คนคอแข็ง ฉะนั้นเขาจึงดื่มแค่นิดเดียวแล้วคอยเติมเหล้าให้เพื่อน มันคงไม่ดีแน่ถ้าเมากันหมดจนไม่มีคนหามกลับบ้าน
“อ้าวเฮ้ย แทมิน!”
“เออ ว่าไงมึง?” เซฮุนมองไปยังอีกโต๊ะ ดูเหมือนว่าเพื่อนใหม่ของเขาจะเจอกับเพื่อนเก่าเข้าให้
“ไม่ได้เจอนานเลยห่า เป็นไงบ้าง?”
“เหนื่อยบรมโคตร กูไม่น่าลงเรียนคณะนี้เลย”
“สมน้ำหน้า กูบอกแล้วว่าให้เรียนด้วยกัน” จงฮยอนเสริม ก่อนจะแท็กมือกับคีบอม
“ย้ายมานั่งโต๊ะข้าง ๆ ได้เปล่าวะ กูเกรงใจคนอื่นเขา ล่อตะโกนข้ามหัวเลย” แทมินว่า ก่อนที่เพื่อนใหม่ของเขาจะหันมาปรึกษากัน
“มึงโอเคเปล่าวะเซฮุน”
“เอาดิ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ก็ถามก่อน เผื่อมึงอึดอัดไรงี้”
เซฮุนรู้สึกดีที่เพื่อน ๆ แคร์ความรู้สึกเขาถึงขนาดนี้ แต่การนั่งต่อโต๊ะกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ถ้าหากว่าจงฮยอนกับคีบอมอยากคุยกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เด็กหนุ่มสาวเกือบสิบคนรวมเป็นโต๊ะเดียวกันในวินาทีถัดมา เซฮุนเลือกนั่งสุดด้านซ้ายมือเพราะเขาไม่ใช่คนอัธยาศัยดีนัก หากเป็นไปได้ เด็กหนุ่มก็อยากนั่งฟังแล้วยิ้มไปกับบทสนทนาตลก ๆ ที่คนเหล่านี้แข่งกันยิง
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เซฮุนยังคงทำหน้าที่เติมโซจูและตัดหมูย่างให้เพื่อนกิน เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อผู้หญิงฝั่งเพื่อนเก่าของคีบอมแซวถึงความหล่อและอยากคบหากับเขา
“อย่าแซวเพื่อนกู อีห่า”
“โหยไรวะ ก็เพื่อนมึงหน้าดีอะ ติดต่อให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
“มันไม่ชอบมึงหรอก มึงไม่สวย”
“เคี้ยวขี้แล้วพ่นใส่หน้ากูเหอะถ้าจะพูดงี้” เด็กสาวจิ๊ปาก ก่อนจะยิ้มให้เซฮุนอีกครั้ง “หรือว่านายมีคนที่ชอบแล้วอะ?”
“ไม่มี แต่ยังไม่ลืมแฟนเก่า อันนี้กูตอบให้” ลู่น่าเป็นคนดับไฟเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อะไรอะ แฟนเก่าก็ส่วนแฟนเก่าสิ ทุกคนต้องเดินไปข้างหน้า” เธอเท้าคางมองเซฮุน บอกตามตรงว่าไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่ว่าหน้าตาหล่อ ๆ แบบนี้จะฝังใจกับรักเก่า ที่จริงเซฮุนก็แค่โกหกเพราะอยากปฏิเสธเธอมากกว่า
“ฉันเดินไปข้างหน้า แล้วคิดถึงเขาไปด้วยไม่ได้เหรอ”
“...”
เซฮุนไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทุกคนถึงได้พร้อมใจกันมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน
“หล่อมาก คำพูดคำจาเนี่ย”
“หลบไป อีไม่สวย เขาเลือกคิดถึงแฟนเก่ามากกว่าเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงอย่างมึง”
“เอากรรไกรในมือทิ่มอกกูที กูอยากตายแล้ว”
ทุกคนระเบิดหัวเราะออกมากับท่าทางเวอร์เกินจริงของเด็กผู้หญิงคนนั้น เซฮุนไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนบนโต๊ะ ทีแรกก็นึกว่าจะโดนด่าว่าหยิ่งที่ไม่เล่นด้วย แต่ทุกอย่างมันผิดหมด เมื่อสายตาของทุกคนไม่ได้ส่งไปในทางนั้นเลยสักนิดเดียว
เซฮุนรักเพื่อนกลุ่มนี้ เขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะปรับตัวเข้ากับทุกคนได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องพยายาม
“โน่นไง มาแล้ว”
“ไหน ๆ ว๊าย คู่รักโลกแตกมาแล้ว”
“ไอ้ห่า กว่าจะมาถึง กูนึกว่าบ้านอยู่ขั้วโลก”
เซฮุนหันไปยังประตูทางเข้าหลังจากคนในโต๊ะส่งเสียงทักทายผู้มาใหม่ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็รู้สึกเหมือนว่าเวลามันหยุดหมุนไป เมื่อใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กสาวตัวเล็กคนนั้นคือ...
“ด่าจงอินนะ มันไปรับกูช้าเอง”
เซฮุนกับเจ้าของชื่อสบตากันราวกับไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี่ พอตั้งสติได้ เขาจึงเลื่อนระดับสายตามองผู้หญิงอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาก่อน
เด็กหนุ่มตัวผอมหลุบสายตาลง หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนจับจังหวะไม่ได้ในรอบหลายเดือน เขาไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จงอินกับผู้หญิงคนนั้นจะนั่งอยู่ส่วนไหนของโต๊ะ ซึ่งถ้าจะให้ดี มันคงไม่แย่นักถ้าอีกฝ่ายจะนั่งด้านขวาสุดของอีกฝั่ง
“นี่เพื่อนเก่ากู เรียนอยู่ยอนเซ”
“อ้าวเหรอ เพื่อนกูก็เรียนอยู่นั่น” นั่นคือเสียงของเด็กผู้หญิงที่เพิ่งมาใหม่ เซฮุนรู้สึกได้ว่าเสียงของเธออยู่ไม่ไกล จนกระทั่งเห็นสมาร์ทโฟนเครื่องคุ้นตาวางลงฝั่งตรงข้าม ถึงได้รู้ว่าจงอินและผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ตรงไหน
“อีนี่ชื่อซึลกิ ส่วนนั่นชื่อจงอิน” เพื่อนเก่าของคีบอมผายมือแนะนำคนที่เพิ่งมาใหม่ บรรยากาศโดยรอบกำลังผ่อนคลายกับการทำความรู้จักเพื่อนของเพื่อน แต่นั่นไม่ใช่กับโอเซฮุนที่เอาแต่นั่งก้มหน้า
เวลาผ่านไปเกือบห้านาที เด็กหนุ่มตัวผอมทำได้ดีแค่เงียบปาก และนั่งนิ่ง ๆ เซฮุนไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตากับอดีตคนรัก เขาไม่แน่ใจว่ากลัวตัวเองร้องไห้เพราะเห็นหน้าอีกฝ่าย หรือเป็นเพราะกลัวจะเห็นความสัมพันธ์ที่เป็นมากกว่าเพื่อนระหว่างสองคนนั้นกันแน่
“อ้าว งั้นจงอินก็มาจากโรงเรียนเดียวกันกับเซฮุนน่ะสิ?”
เซฮุนไม่สามารถหลีกหนีหัวข้อสนทนานี้ไปได้ มือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนหน้าขาค่อย ๆ กำแน่นจนเลือดห้อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมโต๊ะที่หันมาทางนี้ระหว่างรอคำตอบ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งนาที แต่ก็ไม่มีใครคลายความสงสัยให้กับทุกคน เซฮุนมองไปยังอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จงอินยังคงคีบหมูเข้าปากอย่างใจเย็นโดยไม่สนใจว่าเพื่อน ๆ กำลังรอคำตอบอยู่
“อะไรวะ มึงไปหิวมาจากไหน”
“ปล่อยมันเหอะ ช่วงนี้เครียดหนัก” ซึลกิมองคนข้าง ๆ พลางส่ายหน้ายิ้ม
“กูก็เห็นมันเครียดตลอดแหละห่า”
“สรุปรู้จักกันเปล่าเนี่ย?”
“คนกินอยู่ พวกมึงไม่มีเรื่องให้คุยแล้วเหรอวะ” จงอินเงยหน้ามองเพื่อนร่วมโต๊ะที่ต่างหัวเราะพอใจที่ยั่วโมโหเขาได้
“กูจะคุยเรื่องมึง มีไรไหม” แทมินเลิกคิ้ว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นตั้งการ์ดเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเขวี้ยงช้อนใส่
“งั้นถามเซฮุนก็ได้”
“...”
“กูว่าที่โรงเรียนเก่าพวกมึงสองคนก็คงไม่เบาเหมือนกันแหละ น่าจะรู้จักกันบ้าง”
“เรื่องนั้น--”
“เติมให้หน่อย”
“...”
ยังไม่ทันได้ตอบคำถามก็ถูกจงอินพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน เด็กหนุ่มหลุบสายตามองแก้วเล็กใบใสที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปรับโดยไม่ให้นิ้วแตะกัน... ไม่เด็ดขาด
“โห่ เซ็งเลยว่ะ”
“ไอ้จงอินเป็นงี้ตลอดแหละ รำ”
“ฮ่า ๆ คุยเรื่องอื่นดีกว่า พวกมึงสอบเป็นไงมั่ง”
“โหดฉิบหาย กูว่าเอฟคงอยู่ไม่ไกล”
เสียงบทสนทนาของเพื่อนในโต๊ะคงดังไม่เท่าเสียงหัวใจของโอเซฮุนในเวลานี้ เด็กหนุ่มยื่นแก้วไปตรงหน้าโดยไม่ได้มองอีกฝ่าย ก่อนจะยกในส่วนของตัวเองดื่มรวดเดียวจนหมด
เซฮุนพยายามไม่หันไปมอง แม้จะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจ้องอยู่ เด็กหนุ่มรินโซจูแล้วยกดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นหันไปคุยกับจงอินโดยที่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ หัวใจมันก็เจ็บไปหมด
“เฮ้ย เป็นไรวะ อยู่ดี ๆ ก็แดกเอา ๆ” ลูน่าลูบหลังเพื่อนตัวสูงที่ใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากหลังจากกระดกโซจูติดกันไปหลายแก้ว
“อุ่นเครื่องน่ะ จะได้อุ่น ๆ”
“หน้ามึงแดงมากแล้วเนี่ย” เด็กสาวหัวเราะ พร้อมใช้มือพัดหน้าให้คนข้าง ๆ ที่กำลังส่ายศีรษะเรียกสติ
“อีซึลกิ อย่าสนใจแต่ผัว หันมาคุยกับเพื่อนบ้าง”
“ผัวพ่อมึงสิ” เด็กสาวชักสีหน้าใส่ ง้างมือขึ้นตบเข้ากบาลคนที่นั่งอยู่ถัดไปสองคนอย่างแรงจนได้ยินเสียงดังเพี๊ยะ
‘ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว’ ในหัวเซฮุนมีแต่คำนี้วิ่งวนอยู่เต็มไปหมด จากที่เห็นเองกับตา และที่เพื่อน ๆ แซว มันก็น่าจะเป็นคำตอบได้แล้วว่าตอนนี้คิมจงอินได้เดินไปไกลจากโอเซฮุนมากแค่ไหน
เด็กหนุ่มยกโซจูดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า จนภาพโดยรอบพร่ามัวไปหมด เขาเสยผมที่ปรกใบหน้าขึ้น พลางหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าถึงเวลาแล้วที่ควรพาตัวเองออกไปจากที่นี่
เซฮุนล้วงกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งใส่มือลูน่า เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น ซึ่งคนตัวผอมก็หยัดตัวลุกขึ้นพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ไหวแล้ว
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอวะเซฮุน”
“เมาแล้วมั้งเพื่อนมึง ดูจากสภาพ”
“ใครมอมมันวะ อีลูน่าเหรอ”
“บ้าเร๋อ มันมอมตัวเองต่างหาก” เด็กหนุ่มไม่รู้แล้วว่าเสียงใครเป็นเสียงใครบ้าง เขาแค่ยิ้มพร้อมโบกมือลาเพื่อน ก่อนที่จะสูญเสียความเป็นตัวเองมากไปกว่านี้
เซฮุนอยากเอาปากกาดำขีดฆ่าความคิดเมื่อตอนนั้น ที่ว่าถ้าได้เจอจงอินอีกครั้งมันก็คงดี ใช่ เขายังคงคาดหวังอยู่ แต่ให้เจอแค่คนเดียวไม่ได้เหรอ... ทำไมพระเจ้าถึงสร้างเรื่องบังเอิญให้เรามาเจอกันเพื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีคนอื่นแล้ว
เด็กหนุ่มตัวผอมส่ายศีรษะไล่ความมึนงง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาดื่มหนักถึงขนาดนี้ จะเรียกว่าโชคดีได้ไหมที่ไม่อ้วกออกมาท่ามกลางผู้คนที่เดินอยู่บนทางเท้า เซฮุนหยุดยืนอยู่ริมถนน มองหาแท็กซี่พร้อมโบกมือเรียก ก่อนจะเซไปด้านหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกคว้าเอวไว้จากข้างหลัง
เสียงหัวใจของโอเซฮุนน่ารำคาญชะมัด มันกำลังเรียกร้องและภาวนาขอให้คนที่เข้ามาในวินาทีนี้เป็นจงอิน ดวงตาสั่นคลอนพร้อมหยดน้ำตาในรอบหลายเดือนที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะหันไปเพื่อรับรู้ความจริงว่า...
โอเซฮุน... ได้เข้าไปอยู่ในแววตาของคิมจงอินอีกครั้งแล้ว...
“ฉันจะไปส่ง”
TBC
อยากรู้ความคิดฝั่งจนอินสินะ ไม่บอกหรอก เซฮุนเหรอ อย่าหวังเลย (อินเนอร์คุณแม่ลูกเกด)
ความคิดเห็น