คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16 :: Your Time
Chapter 16
Your Time
“เฮ้ย”
“...”
จงอินหยุดฝีเท้าทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องเรียนและได้เห็นหน้าเพื่อนสนิทอย่างหวงจื่อเทาเป็นคนแรกแทนที่จะเป็นพวกเด็กแก่เรียนแนวหน้าอย่างแก๊งห้องสมุด ที่เอาแต่บ่นงุบงิบเรื่องเพื่อนร่วมห้องขอเอาการบ้านไปลอก
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้สร้างความประหบาดใจให้กับเขาเลยสักนิด หลังจากที่รู้ว่าเดาใจเพื่อนผิดมาตลอด จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาก่ายหน้าผากคิดภายใต้ความมืดในห้องของเซฮุน และเหตุการณ์ตรงหน้ามันก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่คาดไว้เลย จงอินใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียวในการเรียบเรียงความคิดในหัว ก่อนจะยักคิ้วเป็นการทักทายตอบ
“ยังมีซ้อมว่ายน้ำอยู่เหรอวะ มาซะเช้า” เด็กหนุ่มไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก กับการทำให้บรรยากาศไม่ผิดปกติไป
“อาทิตย์หน้านู่นเลยกว่ากูจะได้สวมบทฉลามไล่บี้นักว่ายน้ำจากโรงเรียน S อีกที” จื่อเทายังคงยิ้ม เขารอให้เพื่อนสนิทนั่งลงก่อนแล้วค่อยพูดต่อ “แต่ที่มาแต่เช้านี่ไม่ใช่เรื่องซ้อมว่ะ”
“...”
จื่อเทาไม่ได้ประหลาดใจกับสีหน้าของคนข้าง ๆ ที่ดูไม่กระตือรือร้นกับเรื่องที่เขากำลังจะพูด หรือแม้แต่จะขบกัดด้วยคำพูดเจ็บ ๆ ว่าหมาบ้าขี้เซาอย่างเขาน่ะหรือจะแหกตาตื่นมาโรงเรียนแต่เช้า
จงอินเพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ จื่อเทารู้ว่าการบิวท์อารมณ์ให้อีกคนตื่นเต้นกับเรื่องที่เขาจะพูดคงเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี ซึ่งมันคงได้ผลง่ายกว่าถ้าเอาไปใช้กับชานยอลหรือแบคฮยอน
เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งกลบเกลื่อนความประหม่าแล้วหายใจเข้าลึก ๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดว่าการบอกเล่าเรื่องความรักให้เพื่อนฟังมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ จะว่าไปแล้วมันแทบจะไม่เคยถูกเล่าอย่างเป็นกิจลักษณะ เมื่อเขามักจะบอกเพื่อน ๆ แบบขอไปทีเวลาคบหากับใครสักคน
แต่ครั้งนี้จื่อเทารู้ดีว่าเขาจริงจังมากกว่าคนไหน ๆ
“มึง”
“อืม”
“กูชอบเซฮุน”
สีหน้าของจงอินยังคงเหมือนในทีแรกราวกับว่าไม่ตกใจกับสิ่งที่เขาพูด ‘มันดูออกเหรอ?’ นั่นคือคำถามที่อยู่ในหัวของเด็กหนุ่มชาวจีน มันก็จริงที่เขากับไอ้ชานยอลต่างก็รู้ว่าไอ้เวรนี่เป็นคนฉลาด แต่มันก็แทบจะนับครั้งได้กับสิ่งที่เขาพูดถึงเซฮุน หรือว่าตอนวันแสดงละครเวทีเขาจะแสดงออกมากเกินไปจงอินมันเลยรู้
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็...” จื่อเทาชะงักไป เด็กหนุ่มกำลังสับสนว่าไอ้สีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ต้องการรับรู้เรื่องนี้มันคืออะไร อีกทั้งคำถามที่อีกฝ่ายยิงมาแต่เขากลับพูดไม่ออก ทั้ง ๆ ที่มีคำตอบในใจอยู่แล้ว
“มึงชอบเซฮุนแบบไหน” จงอินไม่ได้ปล่อยให้เขาอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องนี้ จื่อเทาคิดว่าบางทีไอ้หมอนี่อาจจะไปอารมณ์ไม่ดีเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง
“ก็ชอบ มันมีแบบอื่นด้วยเหรอวะ?” จื่อเทาเท้าแขนลงบนโต๊ะแล้วหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เห็นทีว่าการเล่าเรื่องหัวใจคงต้องถูกล้มเลิกแล้วเปลี่ยนเป็นไถ่ถามต้นเหตุของสีหน้ามึนตึงของเพื่อนสนิทแทน “มึงเป็นไร”
“แล้วพี่มินซอกล่ะ?”
“ไอ้ห่า เรื่องกูเอาไว้ก่อน กูถามว่ามึงเป็นเชี่ยไรยังจะย้อนถามอีก” นึกอยากจะโบกกบาลมันสักทีแต่ติดที่ว่าไอ้จงอินไม่ชอบให้ใครเล่นหัว จื่อเทาเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มขณะมองหน้าเพื่อนสนิท จนถึงวินาทีนี้สีหน้าของไอ้หอกหักยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ที่กูถามว่ามึงชอบเซฮุนแบบไหน ก็เพราะกูเห็นว่ามึงยังไปพี่มินซอกอยู่”
“โธ่... กับพี่มินซอกเราก็แค่พี่น้องกัน” จื่อเทาถอนหายใจพลางหัวเราะในลำคอ ปกติไอ้จงอินไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่อาจเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เป็นคนใกล้ตัว มันถึงได้แสดงออกถึงความไม่พอใจแบบนี้
เอาวะ ถ้ามันอยากสวมบทเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน เขาก็จะเป็นผู้ต้องหาให้เอง
“พี่น้องที่นอนด้วยกันเฉย ๆ โอเคนะ?” จื่อเทาไม่ได้โกหก นั่นคือความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เขาพึงจะมีให้โลกใบนี้แล้ว
ใช่... เรื่องระหว่างเขากับพี่มินซอกมันอาจจะซับซ้อนดูเหมือนมากกว่านั้น แต่ความจริงแล้วทั้งคู่ก็แค่ผูกกันไว้ด้วยเซ็กส์ ไม่มีใครเรียกร้องขอความรัก เราเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน เพียงแต่ว่าบางครั้งเราให้ร่างกายพูดแทนก็เท่านั้น
“มึงเลิกทำเรื่องแบบนั้นกับพี่เขาหรือยัง?”
“ถามทำไม มึงเป็นไรเนี่ย?”
“เซฮุนไม่ใช่คนไกลตัว” จื่อเทารู้ว่าจงอินเป็นคนจริงจังแค่ไหนถ้าเป็นเรื่องที่มันใส่ใจ แต่ก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสีหน้าและแววตาของเพื่อนสนิทแบบนี้ ที่มันถูกส่งมายังเขาแทนที่จะเป็นพวกอริปากหมา “มึงเข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?”
“เออ กูรู้”
เด็กหนุ่มชาวจีนขานตอบ แน่นอนว่าเขาเข้าใจเจตนาของเพื่อนสนิทที่ตั้งใจจะสื่อให้รู้ แต่ถึงไม่มีใครเตือน หวงจื่อเทาก็พอจะเข้าใจว่าการที่เขาไปมาหาสู่กับพี่มินซอก ทั้ง ๆ ที่ปากบอกว่าชอบเซฮุนมันก็คงไม่ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย แม้ว่าพี่มินซอกจะไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับเรื่องนี้เลยก็ตาม
“แต่จะให้กูเลิกคุยกับพี่มินซอกเลยก็คงไม่ได้ กูเป็นห่วงพี่เขา”
“มึงห่วงเขาหรือห่วงตัวเอง”
จื่อเทาขมวดคิ้ว ยอมรับว่าที่จงอินพูดมามันแทงอกเขาเกือบจะทุกประโยค ถึงมันจะเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่มันก็จุกไม่น้อยที่คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากเพื่อนสนิท
“มึงลองคิดดูว่าถ้าคนที่มึงชอบเขาตัดขาดจากอีกคนไม่ได้ มึงจะรู้สึกยังไง?”
“...”
“มันมีด้วยเหรอวะ คนที่นอนด้วยกันเฉย ๆ โดยที่ไม่รู้สึกชอบพอกันเลย มันก็ต้องมีถูกใจกันบ้างล่ะ” จงอินเงียบไป “มึงถามตัวเองว่าที่ปล่อยเขาไม่ได้เป็นเพราะเป็นห่วง หรือเพราะมึงก็ยังอยากอยู่ในสถานะแบบนี้ต่อไปกันแน่”
“...”
“มึงจริงจังกับเซฮุนมากแค่ไหนวะ หรือว่าแค่ชอบเฉย ๆ” จงอินเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งราวกับว่าอยากให้เขาได้ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ไปกับการคิดทบทวนเรื่องราว “มึงบอกว่าจริงจัง แต่มึงยังเลิกพัวพันกับพี่มินซอกไม่ได้ เดาไม่ออกเหรอว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต”
‘ทำไมมึงถึงใส่ใจขนาดนี้วะ?’ นั่นคืออีกคำถามที่อยากพูดออกไป แต่มันคงไม่ใช่เวลาสมควรนัก จื่อเทาพยายามคิดตามและดูเหมือนว่าเขาจะผิดเต็มประตู แค่นึกไปถึงอนาคตถ้าเขากับเซฮุนคบกันจริง ๆ แล้วหมอนั่นต้องมารู้สึกแย่เพราะเรื่องระหว่างเขากับพี่มินซอกมันก็คงไม่เข้าท่าแน่ ๆ
แต่ถ้าจะให้ปล่อย หวงจื่อเทาก็คงเป็นคนใจร้ายเกินไป เขารู้ว่าตัวเองช่วยอะไรรุ่นพี่ได้ไม่มากนัก แม้แต่เรื่องความรักที่มันทำให้คิมมินซอกต้องเจ็บปวด แต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะเงียบแล้วเก็บมันไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย ความเจ็บปวดในใจนั้นถูกระบายออกมาเป็นความรุนแรงกับเซ็กส์ครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งที่เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่มองรุ่นพี่นั่งอยู่ตรงระเบียง เหม่อมองออกไปข้างนอกแล้วพ่นควันบุหรี่ให้ลอยไปเหมือนกับความรู้สึกที่มีให้กับไอ้หมอนั่น
ผู้ชายที่ชื่อลู่หาน
จงอินยังคงจริงจังระหว่างสั่งสอนไอ้คนโลเลอย่างเขา ถ้าตอนนี้ไอ้ชานยอลอยู่ด้วยมันคงได้แต่มองโดยที่ไม่เลือกเข้าข้างใครคนหนึ่ง ซึ่งจื่อเทาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เป็น เรื่องนี้เขาผิด... แต่จะให้ทำยังไงได้วะ
ถ้าหัวเราะกลบเกลื่อนหรือพูดติดตลกตอนนี้ ไอ้เพื่อนบ้ามันจะส่ายหน้าแล้วก่นด่าว่าเขามันไร้สาระเหมือนเมื่อก่อนไหม เขาอยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่าปล่อยให้สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง เพราะเซฮุนก็ไม่ใช่ไอ้ขี้เก๊กที่พวกเขาไม่ชอบขี้หน้าเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว ปัจจุบันเราทุกคนคือเพื่อนกัน นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไอ้จงอินไม่พอใจในตอนนี้ แต่เขาไม่ชอบความอึดอัดแปลก ๆ ที่เป็นอยู่เลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ
“ไม่เป็นไร ถ้ามึงคิดมาก เดี๋ยวกูจะแสดงให้เห็นเอง”
“...”
“ว่าที่กูชอบเซฮุนมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เหมือนที่มึงเคยเห็น” จื่อเทาสบตากับเพื่อนสนิท แน่นอนว่าเขาไม่ได้คาดหวังให้จงอินเชื่อคำพูดเขาในทันที “กูจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับไอ้คู่รักไททันฮอบบิท เพราะงั้นมึงคอยดูนะจงอิน”
“...”
“มึงจะได้เห็นว่าสำหรับกูแล้วเซฮุนพิเศษกว่าคนไหน ๆ”
“...”
“กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร” จื่อเทาลดเสียงลงแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อนสนิทเพื่อที่จะให้ได้ยินกันแค่สองคน “กูจะไม่ทำให้มันเละไม่เป็นท่าเหมือนเมื่อก่อนเด็ดขาด มึงจำคำพูดกูไว้นะเพื่อน”
‘อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กับเทาได้ไหม’
‘ทำไมล่ะ?’
‘การที่นายกับเขาเปิดอกคุยกันมันอาจจะเป็นทางออกทีดี แต่มันไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดหรอกจงอิน’
‘...’
‘มันต้องมีสักวิธีที่ไม่ทำให้ใครต้องรู้สึกแย่สิ’
‘ทางที่ฉันเลือก มันดีต่อเราทั้งสามคนแล้วเซฮุน’
‘ไม่ มันยังไม่พอ’
สีหน้าของเซฮุนเมื่อเช้านี้ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มทั้งสองคนหยุดยืนอยู่ข้างฟุตปาธแล้วปล่อยให้เสียงรถราบนถนนทำลายความเงียบ เขารู้ว่าเรื่องนี้มันยากสำหรับเราทั้งคู่ ไม่สิ... สำหรับเราทั้งสามคน แต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ไม่อยากให้เซฮุนเป็นกังวลกับวิธีที่เขาคิดไว้แล้วว่า ถ้าจะมีใครสักคนต้องรู้สึกแย่ เขาจะเป็นคนแบกรับความรู้สึกนั้นไว้เอง
‘นายเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ไหม ฉันขอลองจัดการเองก่อน’
‘จัดการเหรอ?’
‘อืม...’ เซฮุนเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ‘ฉันจะปฏิเสธเขาโดยที่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ฉันว่าเทาน่าจะเข้าใจ แต่การบอกเขาว่าเราคบกันอยู่แล้วเรื่องนั้นเทาคงไม่เข้าใจง่าย ๆ แน่’
‘...’
‘นะ’
เซฮุนไม่อยากให้ไอ้เทารู้สึกแย่และตัวเขาเองก็เหมือนกัน จงอินได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้าตกลงกับคำขออย่างไม่เต็มใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของเซฮุนก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีในเช้าวันนี้ได้
และนั่นคือเหตุผลที่คิมจงอินทำได้เพียงแค่นั่งฟังเพื่อนสนิทเล่าถึงความในใจทั้งหมด โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
.
.
เท้าเปลือยเปล่าหยุดยืนอยู่บนพื้นกรวดล้างทันทีที่เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำ คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเซฮุนวันนี้หลังจากที่เขาพยายามกัดฟันไม่เสนอหน้าเข้าไปให้อีกฝ่ายเห็นตลอดทั้งวันเพราะอยากให้เซฮุนมีเวลาคิดทบทวนเรื่องนั้น
จื่อเทาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังประหม่าก็ตอนที่เผลอกำแว่นว่ายน้ำกับนาฬิกาจับเวลาเข้าหากัน แน่นอนว่าลึก ๆ แล้วเขาเองก็กังวลกับคำตอบที่ไม่น่าส่งไปในทางบวก ไหนจะคำพูดของเพื่อนสนิทที่เตือนสติให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างหวงจื่อเทาเริ่มความรักในครั้งนี้ได้อย่างโง่เง่า และมันคงไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
เด็กหนุ่มชาวจีนในสภาพกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวกลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายหันมาทางนี้
จื่อเทาไม่อยากเปรียบเทียบกับรอยยิ้มฝืนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเซฮุน ถ้าเมื่อก่อนหมอนั่นไม่ปั้นหน้านิ่งเฉยแล้วถามกลับมาว่า ‘ยิ้มอะไร’ เด็กหนุ่มตัวสูงหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ คนตัวผอม เซฮุนสะพายกระเป๋าเรียบร้อยคงเตรียมตัวกลับบ้านแทนที่จะเป็นห้องซ้อมเหมือนทุกวัน
หวงจื่อเทาไม่ใช่คนเก็บเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาใส่ใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่ามันเป็นเพราะเขาหรือเปล่า เซฮุนอาจจะไม่มีอารมณ์ทำอะไรถึงเลือกกลับบ้านแทนที่จะอยู่ซ้อมเต้นต่อ
“เอาคำตอบมาให้ถึงที่เลยเหรอ รีบจังนะ”
“เจอหน้ากันทั้งทีก็เข้าเรื่องซีเรียสเลยหรือไง” เซฮุนวางกระเป๋าเป้ลงแล้วแบมือออก จื่อเทามองดวงหน้าขาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มบาง ๆ แล้ววางนาฬิกาจับเวลาลงบนมืออีกคน
“งั้นอย่าเพิ่งตอบนะ ยังไม่พร้อม”
“งั้นก็เริ่มในสิ่งที่นายพร้อมก่อนแล้วกัน”
เซฮุนยิ้มแล้วถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อให้คนตัวสูงกว่าเดินไปขึ้นแท่นกระโดด รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปทันทีที่อีกฝ่ายหันหลังให้ จื่อเทาแปลกไปเรื่องนี้สังเกตได้ไม่ยากเลยสักนิด
ร่างผอมสูงผิวสีแทนกร้านแดดกระโดดลงไปในน้ำ พร้อมแขนยาวที่แหวกว่ายท่าฟรีสไตล์ด้วยความเร็ว เซฮุนมองไปยังพื้นผิวน้ำซึ่งมันเป็นได้แค่ที่ยึดสายตาเท่านั้น เสียงแขนกวักน้ำในสระมันดังพอ ๆ กับเสียงพูดของใครอีกคนในความคิด สีหน้าของจงอินกับคำพูดที่พยายามทำให้เขาสบายใจขึ้น แต่ผู้ชายคนนั้นคงไม่รู้ว่าเขาสังเกตเห็นถึงความกังวลใจทั้งหมดผ่านทางสายตาคู่นั้น
คนเป็นนักว่ายน้ำทีมโรงเรียนทำเวลาได้ดีกว่าครั้งก่อน คนตัวสูงเอาแต่ชูนิ้วชี้หลังจากปีนขึ้นไปเหยียบบนแท่นเป็นเชิงบอกว่าขอลองอีกครั้ง เซฮุนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเลี่ยงที่จะหันหน้าคุยกันตรง ๆ จื่อเทากำลังหนีความจริงเหมือนกับเขาก่อนหน้านี้ แต่ที่สุดแล้ว เราก็ต้องจบมัน
“น้ำ”
“ขอบใจ”
เด็กหนุ่มตัวสูงรับขวดน้ำแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศยามเย็นทำงานต่อไปโดยที่ไม่มีใครคิดจะทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ท้องฟ้าเป็นสีส้ม เสียงโห่ร้องของนักเรียนในสนามฟุตบอลยังคงดังมาเป็นระยะ จะเรียกว่าโชคดีได้ไหมนะที่วันนี้ฝนไม่ตก
“เมื่อคืนนอนเร็วเหรอถึงไม่รับสาย” เซฮุนไม่ได้ตอบคำถามในทันที เด็กหนุ่มประสานมือไว้บนตักแล้วชำเลืองมองคนข้าง ๆ
“เปล่า”
“งั้นแสดงว่าตั้งใจไม่รับสายฉันสินะ”
“ขอโทษ ตอนนั้นฉันยังทำตัวไม่ถูกน่ะ”
เซฮุนรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย รวมไปถึงน้ำเสียงที่ติดขัดเพราะคำโกหกที่พูดออกมา มันก็ถูกส่วนหนึ่งที่เขาทำตัวไม่ถูก แต่ที่สุดแล้วความจริงก็คือ... ตอนนั้นเขากำลังจูบกับจงอินอยู่
“อาทิตย์หน้าฉันมีแข่งว่ายน้ำอีกแล้ว เดือนหน้าก็เหมือนกัน ศึกใหญ่ด้วย”
ทั้งคู่ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่ชินเลย... ไม่ชินสักนิดที่ต้องมารู้สึกอึดอัด กดดันเวลาอยู่กับคนที่เรียกว่าเพื่อน
“เพราะฉะนั้น”
“...”
ทั้งคู่หันมาสบตากัน รู้สึกใจวูบขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่มองมา มันดูเศร้าหมอง และมีคำพูดมากมายอยู่ในนั้น
“อย่าเพิ่งปฏิเสธฉันได้ไหม?”
“นายรู้คำตอบดีอยู่แล้วเทา”
“แต่อนาคตมันก็ไม่แน่ไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มไม่ยอมถอดใจเพียงเท่านี้ การได้เจอคนที่ทำให้รู้จักคำว่าหยุดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเซฮุนควรจะรู้เรื่องนี้ได้แล้ว “ที่นายอยากปฏิเสธ ก็เพราะเพิ่งรู้ความในใจฉันไม่ใช่หรือไง”
“...”
“ใครจะไปชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ ถ้านายมีใจให้ฉันอยู่แล้วก็ว่าไปอย่าง” จื่อเทาเงียบไปครู่หนึ่ง “แต่ตอนนี้นายรู้แล้วว่าฉันคิดยังไง เพราะงั้นช่วยเก็บไปคิดก่อนได้ไหม นานแค่ไหนฉันก็รอได้”
“นายกำลังทำให้ฉันอึดอัดนะ”
“ฉันก็อึดอัดที่จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้ฉันเลิกชอบนายก็คงทำไม่ได้”
“จุดจบของเรื่องนี้คือเราต้องคบกันเหรอ ที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว ฉันอยากเป็นแค่เพื่อนของนาย” เซฮุนเพิ่งรู้ว่าพูดแรงเกินไปก็ตอนที่เห็นสีหน้าอีกฝ่ายชะงักไป “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” จื่อเทายิ้มก่อนจะยกมือขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เขาอยากกอดคอเซฮุนเข้ามาใกล้ ๆ แล้วยีหัวเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนิทใจแล้ว “งั้นลืมเรื่องนี้ไปก่อนได้ไหม ฉันยังอยากคุยกับนายเหมือนเดิม แบบ... เพื่อนน่ะ” จื่อเทาขมวดคิ้วเล็กน้อยปั้นหน้าไม่ยี่หระ เขาจะสำลักความอึดอัดออกมาอยู่แล้ว
“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น นายเข้าใจใช่ไหม?” เซฮุนไม่เคยมองมาด้วยแววตาแบบนี้มาก่อน จื่อเทานิ่งไประหว่างปล่อยให้หัวใจตกหลุมรักคนข้าง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และดูเหมือนว่าหลุมของโอเซฮุนจะมีแต่หนามแหลมคมอยู่เต็มไปหมด
“ฉันไม่อยากแข่งว่ายน้ำแพ้เพราะอกหัก งั้นเอาตามนี้แล้วกัน”
.
.
ดูเหมือนว่าเรื่องจะง่ายขึ้นมาบ้างหลังจากเซฮุนได้ลองไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง จื่อเทาไม่ได้รบเร้าอะไรอีก ไม่แม้แต่จะหยอดคำหวานทีเล่นทีจริงอย่างที่เคยชอบทำ แต่จงอินยังคงเป็นกังวล ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนกรานคำเดิมว่าให้บอกจื่อเทาไปตรง ๆ เรื่องเขาทั้งคู่ แต่เซฮุนก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเห็นเพื่อนชาวจีนเสียใจ หรือสถานการณ์น่าอึดอัดที่น่าจะเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน เรื่องนั้นเขาไม่อยากเห็น
ฤดูฝนผ่านพ้นไป เซฮุนได้ลากความอึดอัดในใจมาจนถึงเดือนพฤศจิกายนด้วย ตอนนี้เพื่อนร่วมห้องต่างเอาแต่นั่งจับกลุ่มวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวไหนในช่วงสิ้นปี แน่นอนว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ เลยได้แต่นั่งเฉย ๆ แล้วปล่อยให้หูฟังช่วยทำลายความวุ่นวายในห้อง
เขากับจื่อเทายังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
ใช่... ยังคงเหมือนเดิม
เป็นความเหมือนเดิมที่มีความไม่สนิทใจเข้ามาปะปนจนการไปไหนมาไหนด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป เซฮุนไม่กล้าเล่าความอึดอัดเหล่านี้ให้จงอินฟัง เพราะเชื่อว่าถ้าจงอินรู้คงไม่ปล่อยให้เขาอยู่ในสภาวะเป็นกังวลแบบนี้อีก เซฮุนรู้สึกดีที่จงอินชัดเจนแบบนี้ แต่เรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะได้รับโอกาสรู้สึกดี
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เซฮุนไม่มีความสุขได้เท่าที่ควร
เขาไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับจงอินได้อย่างมีความสุข เพียงแค่นึกไปถึงจื่อเทาที่ไม่รู้อะไรเลย
แค่คิด... ก็รู้สึกผิดแล้ว
คุณได้รับข้อความจาก...
‘จื่อเทา’
[ เสาร์นี้ไปกินข้าวกัน ]
เด็กหนุ่มจ้องมองหน้าจอสมาร์ทโฟนอยู่อย่างนั้น ในหัวไม่มีคำพูดหรือคำถามที่อยากส่งกลับไปใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างว่างเปล่า ล่องลอย ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวว่า ‘ถ้ายังอยากรักษาความเป็นเพื่อนไว้ ก็อย่าห่างเหินอีกฝ่ายมากไปกว่านี้’
ภายในห้องเรียนยังคงส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย เด็กหนุ่มตัวผอมนั่งนิ่งเงียบอยู่ตามลำพังกับความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียววางอยู่บนหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดส่งข้อความกลับไป
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘จื่อเทา’
[ ได้สิ ]
.
.
“อะไรอะ!”
เสียงของหัวหน้าห้องอย่างจุนมยอนลั่นขึ้นก่อนจะผงะถอยหลังทันทีที่เห็นว่าใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนซึ่งมีเพียงแค่พวกเขาสี่คนที่อยู่ทำเวรตอนเย็น
“ตกใจอะไร”
“ก็นายโผล่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง จุนมยอนก็ต้องตกใจน่ะสิ” จงแดว่าแล้วกำไม้กวาดไว้ด้วยสองมือ ถึงคิมจงอินจะไม่ถ่อยเหมือนปาร์คชานยอลกับหวงจื่อเทาก็เถอะ แต่พวกเดียวกันมันไว้ใจได้ที่ไหน
“ด้อม ๆ มอง ๆ อย่างกับวิญญาณ” คยองซูว่าตาม วินาทีนั้นจงอินได้แต่ถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วเดินเข้าไปหยุดที่โต๊ะของตัวเอง
“อ้าว จงอินยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ลืมของน่ะ” เด็กหนุ่มผิวแทนขานตอบคนตัวเล็กที่ยกถังน้ำเข้ามาในห้องเรียน
ไม่แปลกใจนักที่เห็นแก๊งคนแคระอยู่ทำเวรทุกวัน เพราะตอนที่จัดตารางทำความสะอาดห้องพวกไอ้นัมจุนก็หาข้ออ้างสารพัดเพื่อเลี่ยงที่จะอยู่ทำ โวยวายว่าไม่ว่างบ้าง นู่นนี่นั่นบ้าง จุนมยอนเลยตัดปัญหาโดยการบอกว่าจะอยู่ทำเองทุกวัน เพราะคนอื่นชอบทำลวก ๆ เช้ามาพวกเขาก็ต้องเก็บกวาดใหม่อยู่ดี
“แล้วจะไปเตะบอลต่อใช่ไหม”
“อืม วันนี้ไอ้เทานึกไงไม่รู้ชวนเตะบอลเฉยเลย อ้อ... เมื่อกี้ไอ้ชานยอลล้มหน้าคะมำเพราะวิ่งขาพันกันด้วยนะ...” จงอินโน้มหน้าลงไปกระซิบบอก เขาเห็นว่าแบคฮยอนทำตาโตอย่างไม่เชื่อหูตัวเองพร้อมทำตาปริบ ๆ
“จริงอะ”
“ม้วนสามสตลบด้วย”
“ทำไมเป็นแบบนั้นได้ล่ะ ชานยอลต้องอายมากแน่ ๆ”
“ลองเอาไปล้อมันดูนะ”
“หูย ถ้าทำอย่างนั้นเราต้องโดนฆ่าแน่ ชานยอลไม่ชอบให้ใครล้อปมเรื่องขาโก่งอะ จงอินก็ห้ามล้อนะ ชานยอลเป็นคนฟอร์มจัด คนเขารู้กันทั้งแผ่นดิน” สีหน้าแบคฮยอนดูจริงจัง มือทั้งสองข้างก็เอาแต่ถูพื้นย้ำอยู่ที่เดิมไม่หยุด
“นั่นสินะ” เด็กหนุ่มผิวแทนยิ้มขำแล้วถอยหลังทีละก้าว จงอินคิดว่าการแกล้งแฟนเพื่อนยามเย็นก็เรียกรอยยิ้มได้เหมือนกัน
“จงอินจะไปแล้วเหรอ”
“อ่าฮะ”
“อย่าเพิ่งไปซี่ ให้เราถามอะไรก่อน...” แบคฮยอนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวโตกว่า ก่อนจะชำเลืองมองเพื่อนชมรมห้องสมุดอีกสามคนที่กำลังทำความสะอาดห้องและส่งสายตาอาฆาตมายังจงอินอยู่เรื่อย ๆ “จงอินว่าของขวัญวันเกิดจำเป็นมากแค่ไหน...”
“หืม?”
“จะถึงวันเกิดชานยอลแล้ว ชานยอลบ่นเหมือนอยากได้ของขวัญจากเราด้วย ขนาดตอนเราเกิดเรายังไม่เคยขอจากใครเลยอะ”
“...”
“แต่ถ้าชานยอลอยากได้ เราก็จะให้”
“ติงต๊อง” จงอินยีหัวคนตัวเล็กเบา ๆ แบคฮยอนสะบัดหน้าเพื่อให้ผมกลับเข้าทรงเดิมก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย “ถ้าไอ้ชานยอลมาได้ยินเข้ามันคงน้อยใจแย่”
“ทำไมล่ะ”
“การให้ของขวัญมันไม่ใช่หน้าที่ แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกนะ” เด็กหนุ่มผิวแทนยืนพิงกับผนังก่อนจะกอดอกมองคนตรงหน้า
“เราก็รู้สึกดีกับชานยอลอยู่แล้ว ไม่มีของขวัญก็รู้สึกดี”
“ความรู้สึกของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนี่ นายอาจจะมองในอีกแง่นึง แต่ไอ้ชานยอลก็มองอีกแง่นึง เราเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนั้น ๆ ไม่ได้หรอก” แบคฮยอนกะพริบตาปริบ ๆ แล้วปล่อยให้อีกคนพูดต่อ
“พูดแบบนี้แล้วเรารู้สึกผิดเลยอะ ว่าแต่... เราจะซื้ออะไรให้ชานยอลดี”
“ลองมองย้อนดูตัวเองสิ ไอ้ชานยอลซื้ออะไรให้นายบ้าง”
“แว่น”
“แล้วดีใจไหม?”
“ดีใจซี่ ชานยอลซื้ออะไรให้เราก็ดีใจหมดเลยอะ เกรงใจด้วย” แบคฮยอนว่าแล้วถูพื้นห้องไปด้วย
“จากที่เป็นเพื่อนกันมานาน ฉันคิดว่ามันคงดีใจหมดนั่นแหละขอแค่เป็นของขวัญจากนาย” คนตัวเล็กพยักหน้าช้า ๆ
“จริงเหรอ”
“ไม่เชื่อก็ลองซื้อตีนไก่โง่ ๆ ไปให้มันแทะสิ รับรองยิ้มยันปีหน้า” พอได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยิ้มตาหยี
“แล้วจงอินล่ะ” แววตาผ่านเลนส์แว่นของคนตัวเล็กเป็นประกาย เหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น “เวลามีความรัก จงอินแสดงออกให้แฟนรู้ยังไง?”
คนถูกถามชะงักไป ก่อนจะรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เด็กหนุ่มผิวแทนหลุบสายตาลงก่อนจะถูปลายจมูกแก้เขิน เพียงเพราะนึกไปถึงใครอีกคน... คนที่เขาเรียกว่า ‘ความรัก’
“ฉันเหรอ” จงอินกระแอมไอเบา ๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “ฉันก็คงทำให้รู้ ว่าเขาเป็นทุกอย่างสำหรับฉัน”
“อา...” แบคฮยอนเอาคางเกยกับด้ามไม้ถูพื้น อ้าปากค้างแล้วพยักหน้าตาม
“แล้วก็ของสักชิ้นที่มองเห็นแล้วนึกถึงเขาเป็นคนแรกน่ะ” จงอินยังคงพยายามทำหน้านิ่งแม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือใคร
“ขอบคุณนะจงอิน ไว้เดี๋ยวเราจะเลี้ยงไอติมเป็นการตอบแทนที่ช่วยให้คนซื่อบื้ออย่างเราคิดได้”
“แท่งนึงนะ อย่าลืมล่ะ” จงอินปั้นหน้าจริงจังก่อนจะกำมือขึ้นมา แบคฮยอนหัวเราะแหะแล้วชกมือกับคนตัวโตกว่าเป็นการสัญญาเหมือนกับทุกครั้ง
.
.
เช้าวันเสาร์รถค่อนข้างติด แต่ดีที่วันนี้จงอินขอติดรถพ่อมาด้วยไม่อย่างนั้นคงได้นั่งแง่กอยู่บนแท็กซี่ให้มิเตอร์เด้งขึ้นอย่างเปล่าประโยชน์ เด็กหนุ่มทอดสายตาออกไปข้างทาง ไม่ว่าใครก็อยากออกมาพักผ่อนกันในวันหยุดหลังจากทำงานหลังขดหลังแข็งมาตลอดสัปดาห์
จงอินกับพ่อของเขาคุยกันเรื่องมหาลัยที่จะสอบเข้าในขณะที่รถจอดแน่นิ่งอยู่กลางถนน เด็กหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิมว่าอยากเรียนนิติศาสตร์แล้วต่อด้วยเนติศาสตร์เพื่อที่จะเป็นอัยการ ซึ่งพ่อเขาก็สนับสนุนเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็เข้าเรื่องวันหยุดสิ้นปีที่เขาเป็นธุระจัดการเรื่องที่พักโรงแรมให้กับเพื่อน ๆ และพ่อก็รับปากแล้วว่าจะช่วย
เด็กหนุ่มลงจากรถเมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าที่เพื่อนนัดเอาไว้ จะว่าไปเขาก็อยากนอนอยู่บ้านเฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องลุกไปไหน แต่ไอ้เพื่อนสนิทตัวดีทั้งสองคนก็ดันประชุมสายบอกว่าต้องออกมาให้ได้ไม่งั้นเลิกคบ
สถานที่นัดเจอกันก็ที่เดิมคือสตาร์บั้คชั้นสอง คาดว่าอีกยี่สิบนาทีพวกนรกนั่นคงมาถึง ว่าไอ้ชานยอลเป็นตัวขี้เกียจแล้วไอ้ห่าเทาหนักหนาสาหัสที่สุด พอนัดเจอกันทีไรต้องบอกล่วงหน้าสองชั่วโมงมันถึงจะมาตรงเวลาพอดี และทั้ง ๆ ที่รู้เขาก็เลือกที่จะมาตามเวลานัด
จงอินควักบัตรสมาชิกออกมาจากกระเป๋าเงินเพื่อสั่งเครื่องดื่มร้อนสักแก้ว ก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดชะงักทันทีที่เห็นว่าหวงจื่อเทานั่งรออยู่ข้างในแล้ว แต่ที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้คือคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม... คนที่เขาไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ทางนี้!”
จื่อเทาโบกมือไปทางประตูกระจก ตอนนั้นเซฮุนถึงรู้ว่าจงอินมาที่นี่ด้วย ทั้งคู่สบตากันอยู่ชั่วอึดใจ ในหัวมีคำถามมากมายว่าอีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ท่าทางนั่งไม่ติดเก้าอี้ของเซฮุนเป็นสิ่งหนึ่งที่บอกถึงความไม่รู้ จงอินหลุบสายตาลงพร้อมเก็บบัตรสมาชิกใส่ในกระเป๋าเงินและใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีในการปั้นหน้าให้เป็นปกติแล้วตรงมายังโต๊ะโซฟาด้านใน
“มาตรงเวลาตลอด”
จงอินไม่ได้ขบกัดหรือตบหัวทักทายเพื่อนสนิทเมื่อถูกกวนประสาท เขานั่งลงเก้าอี้โซฟาตรงกลางพร้อมชำเลืองมองไปยังคนตัวผอมที่มองมาทางนี้เช่นกัน
“มาได้ไง” คำถามนี้ไม่ได้หยาบคายสำหรับเซฮุน แต่มันทำให้จื่อเทาเลิกคิ้วขึ้นกับประโยคที่ไม่รื่นหูสักเท่าไหร่
“กูนัดมาเองอะ ทำไมวะ?”
“มึงไม่ได้บอกกูว่าเซฮุนจะมาด้วย”
“เฮ้ย บอกไม่บอกแล้วมันต่างกันตรงไหน” เขาหัวเราะ
“นายน่าจะบอกฉันก่อนว่าเขาจะมา” จื่อเทาชะงักไปรอบสองเมื่อคราวนี้กลายเป็นเซฮุนที่ยิงคำถามมาบ้าง ถึงจะเห็นกับตาว่าจงอินกับเซฮุนไม่ค่อยสนิทกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดว่าการนัดมาเจอกันข้างนอกจะเป็นเรื่องน่าอึดอัดสำหรับสองคนนี้
“ก็นายบอกว่ามาเที่ยวกันหลายคนน่าจะสนุกกว่า ฉันก็เลยชวนมันกับไอ้ชานยอลมาด้วย แต่วันนี้ไอ้เปรตนั่นดันเบี้ยว แต่ไม่เป็นไรนะ มีไอ้นี่เพิ่มมาอีกหนึ่ง ก็มากกว่าสองคนแล้ว”
“...”
“...”
ไม่มีใครพูดอะไรกับความอึดอัดที่รู้กันอยู่แค่สองคน จงอินไม่รู้ เซฮุนไม่รู้ ว่าวันนี้ต่างคนต่างมีนัดกับจื่อเทา แต่ถ้าจะให้หันไปถามมันก็คงแปลกเกินไป ท่ามกลางความเงียบในร้านกาแฟใจกลางห้าง มีเพียงแค่เสียงของจื่อเทาที่ลอยเข้ามาในหัว ทั้งคู่ต่างหาที่ยึดสายตามากกว่าการหันไปมองหน้ากันให้เพื่อนสนิทจับผิดได้
เรากำลังทำอะไรกันอยู่?
นั่นคือสิ่งที่จงอินได้แต่ถามตัวเอง
ลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนคนทำผิดแบบนี้มันไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด
“เซฮุน”
“อือ”
“ฉันเล่าเรื่องนั้นให้ไอ้จงอินฟังแล้วนะ”
“...”
“...”
ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาสบตากันก่อนจะหันไปทางหวงจื่อเทา ไม่มีใครคิดว่าไอ้บ้าดีเดือดมันจะพูดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ต่อหน้าพวกเขาทั้งคู่
จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ถ้าจะให้เดาล่ะก็จงอินกับเซฮุนคงอึดอัดที่ต้องออกมาข้างนอกด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข มันคงจะดีกว่าถ้าสองคนนี้คุยกันมากขึ้น ถ้าเกิดวันหนึ่งเซฮุนใจอ่อนยอมคบกับเขาขึ้นมาจะได้ไปไหนมาไหนกับเขาและเพื่อนสนิทอีกสองคนได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดใจอย่างตอนนี้
“ถ้าไอ้ชานยอลอยู่ด้วยก็คงดี ฉันจะได้บอกทุกคนทีเดียว เป็นการยืนยันว่าฉันไม่ได้พูดเล่น”
“มึงเรียกกูมาฟังเรื่องนี้เหรอ”
“ใช่ กูคิดดีแล้ว” จื่อเทายิ้ม มีเพียงแค่จงอินเท่านั้นที่รู้ว่ามือที่วางอยู่บนหน้าขาของเซฮุนกำลังบีบเข้าหากันแน่นแค่ไหน
“เทา ฉันว่า...”
“ถ้านายไม่อยากอยู่กับฉันสองคน งั้นต่อไปนี้ฉันจะลากไอ้จงอินมาด้วย”
รู้ตัวว่ากำลังงี่เง่าและเอาแต่ใจจนดูเหมือนเด็กอนุบาลหวีดร้องอยากได้ของเล่นจากพ่อแม่ แต่จื่อเทาทนไม่ไหวแล้วกับความห่างเหินที่อีกฝ่ายมอบให้ ตั้งแต่ตอนที่บอกความในใจไปเซฮุนก็ไม่เหมือนเดิมอีก แม้ว่าเขาทั้งคู่จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันก็ตาม
หวงจื่อเทากำลังเสียความเป็นตัวเองเพราะชอบโอเซฮุน
“นายควรจะถามความสมัครใจของจงอินบ้าง”
เซฮุนได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ เขาคงอึดอัดตายแน่ที่ต้องอยู่ระหว่างสองคนนี้ขณะที่ต้องแบกรับความรู้สึกของจื่อเทาและเก็บเรื่องของจงอินเอาไว้ในใจ
“มึงว่าไงเพื่อน”
เด็กหนุ่มชาวจีนหันไปทางเพื่อนสนิทเพื่อขอความเห็น ถ้าไอ้หอกนี่ปฏิเสธก็ยังมีไอ้ชานยอลอีกตัวที่พร้อมจะหิ้วแบคฮยอนมาด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา จงอินเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปทางเซฮุน
“ฉันเต็มใจ”
TBC
อั่ก!!!!
ความคิดเห็น