ตอนที่ 16 : Chapter 15 :: Your Teddy (100%)
Chapter 15
Your Teddy
เคยคิดว่าหน้าฝนมีดีแค่ตอนนอน จนถึงทุกวันนี้เซฮุนก็ยังคงคิดอย่างนั้น บรรยากาศเย็นสบายใต้ผ้านวมอุ่น ๆ ทำให้ไม่อยากลุกไปไหน แต่ในเมื่อถึงเวลา เปลือกตาก็ค่อย ๆ ลืมขึ้นให้ตื่นจากฝันเพื่อมาพบความเป็นจริง
นี่เป็นครั้งแรกที่เซฮุนรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เมื่อเห็นว่าใบหน้าอีกคนซึ่งห่างอยู่แค่คืบเดียว อีกทั้งยังจ้องมาจนชวนให้รู้สึกอายอีก คนตรงหน้าเพียงแค่อมยิ้มหลังจากเห็นว่าเขาตื่นแล้ว เด็กหนุ่มตัวผอมรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนคนเดียว แต่มีใครอีกคนนอนอยู่ข้าง ๆ และกอดเขาเอาไว้ เพื่อมอบไออุ่นในคืนวันฝนตกและหลับไปพร้อม ๆ กัน
จงอินไม่ได้อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเหมือนเมื่อคืน ตอนนี้ผู้ชายที่กำลังยิ้มขณะสบตากันอยู่ในชุดเมื่อวานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซฮุนหลุบสายตาลงมองสภาพตัวเอง แน่นอนว่าทุกอย่างยังอยู่ครบแม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ชิ้นเดียว
“อรุณสวัสดิ์”
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการตื่นมาเจอจงอินเป็นคนแรกและได้ยินคำทักทายยามเช้าด้วยรอยยิ้มจะทำให้รู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้ เซฮุนค่อย ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงจมูกแล้วขยี้ตาอย่างขลาดอาย ซึ่งจงอินเพียงแค่ยิ้มขำกับท่าทางของเขา
“เมื่อคืนฉันนอนกรนหรือเปล่า”
“ไม่”
“ทำไมรีบตอบจังเลยล่ะ นายน่าจะใช้เวลาคิดสักสองสามวิ”
“ฉันเลือกที่จะให้นายสบายใจนะถึงได้ตอบอย่างนั้น อยากฟังความจริงไหมล่ะ” จงอินขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นหน้าคนเพิ่งตื่นได้ชัด ๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะอายจนแทบจะซุกหน้าลงกับผ้าห่มตอนคุยกับเขาก็ตาม
“ฉันกรนเหรอ”
“ดังมากด้วย”
“พูดจริง...?” เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ยิ่งเห็นว่าจงอินพยักหน้าเป็นคำตอบก็ยิ่งอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
เซฮุนนอนแยกกับพ่อแม่ตั้งแต่เริ่มจำความได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าตอนหลับทำอะไรลงไปบ้าง ซึ่งในหัวมันมีแต่เรื่องน่ากังวลอยู่เต็มไปหมด เขานอนกรนดังแค่ไหน ละเมอไหม นอนดิ้นจนเผลอกระชากผ้านวมมาห่มคนเดียวหรือเปล่า
“ล้อเล่น”
“...”
“นายแค่ส่งเสียงงึมงำน่ะ” จงอินไหวไหล่เล็กน้อย “เหมือนอึดอัด รำคาญ”
“หา? อึดอัด... รำคาญ?”
“ใช่ นายเอาแต่ ‘อื้อ!! อื้ออ...’ แบบนี้” เซฮุนขมวดคิ้วมองคนที่เลียนเสียงจนฟังดูน่าเกลียด เขาไม่ค่อยอยากเชื่อน้ำเสียงทะเล้นที่หลุดออกมาจากปากคนจริงจังสักเท่าไหร่ ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่เด็กหนุ่มทั้งสองสบตากัน จนกระทั่งจงอินหลุดหัวเราะออกมานั่นแหละ เซฮุนถึงได้รู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว
“อันไหนเล่นอันไหนจริงบอกด้วยแล้วกัน” เซฮุนหรี่ตามองคนตรงหน้า ก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังอย่างหน่าย ๆ เมื่อกี้จงใจถอนหายใจใส่ด้วย จงอินควรจะรู้ตัวสักทีว่ากำลังหัดเป็นคนขี้แกล้งแทนคนจริงจัง
“เหมือนรู้ว่าฉันชอบกอดจากข้างหลัง”
ถึงกับนอนตัวเกร็งเมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนซึ่งสอดเข้ามาใต้ผ้าห่ม ก่อนที่จงอินจะรั้งร่างของเขาให้ขยับเข้าไปชิดกับแผงอกแกร่งในที่สุด เซฮุนไม่ได้ตัวเล็กขนาดที่จะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ เด็กหนุ่มคิดว่าเขาตัวโตเกินกว่าจะเป็นฝ่ายถูกกอดด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงคนอย่างคิมจงอิน เมื่อเจ้าตัวกระชับอ้อมกอดแล้วเกยคางลงกับไหล่เขาราวกับว่าเรื่องส่วนสูงมันไม่ใช่ปัญหา
ใช่ จงอินเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังเป็นกังวล
“กี่โมงแล้ว...” มันอาจจะเป็นคำถามดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้ เซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะเอี้ยวหน้าหันไปสบตากับคนที่นอนกอดเขาจากข้างหลังทั้งที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน
“เก้าโมง”
“นายตื่นนานหรือยัง”
“นานพอที่จะอาบน้ำ เปิดประตูออกไปรับเสื้อผ้า แล้วก็ดูนายหลับ”
“...”
“อยากรู้ไหมว่าทำไมนายถึงส่งเสียงแบบนั้น?” เสียงกระซิบข้างหูชวนให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาทั้งคู่เกือบปล่อยให้มันเลยเถิด เซฮุนหดคอลงทันทีที่รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกฝ่าย เขาทิ้งช่วงเวลาไปชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ “เพราะฉันกอดนายเอาไว้แบบนี้ไง”
“...”
“หรือว่าเป็นคนขี้รำคาญกันแน่นะ?” จงอินตั้งใจกระซิบเบา ๆ เซฮุนหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อยที่เอาแต่พังหัวใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้หรือไงว่ากำลังปั่นป่วนความรู้สึกคนอื่นอยู่
“นายนอนคนเดียวก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าเวลาถูกกอดมันน่าอึดอัด แถมตอนหลับใครจะไปรู้ตัว” เซฮุนตอบไปตามความจริง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบางทีมันอาจสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด เขารีบหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายแล้วส่ายหน้าแต่จงอินก็เอาแต่ยิ้ม
“ฉันไม่รู้หรอกว่าการถูกนอนกอดมันน่าอึดอัดหรือเปล่า”
“...”
“แต่ถ้าถามว่าเป็นฝ่ายกอดแล้วรู้สึกยังไง ฉันก็คงตอบว่ารู้สึกดี”
เซฮุนไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นฝ่ายถูกกอดจะรู้สึกดีแค่ไหน เขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเด็กสาวกลุ่มแฟนคลับที่พอถ่ายรูปด้วยกัน จับมือ หรือแม้แต่ขอให้เขากอด พวกเธอจะยิ้มกลับไปอย่างมีความสุขทุกครั้ง ซึ่งมันอาจเหมือนโอเซฮุนในตอนนี้ใช่ไหม? ที่มีความสุขจนไม่สามารถกักกั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้
“แต่ฉันไม่ได้รำคาญนายนะ”
“แต่ถึงรำคาญก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้” เด็กหนุ่มผิวแทนพูดอย่างหน้าตาเฉย ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งจงอินยิ้มออกมานั่นแหละเซฮุนถึงได้โล่งใจ “ให้ฉันกอดบ่อย ๆ เดี๋ยวก็คงชินไปเอง อดทนหน่อยแล้วกันนะ”
“...”
“นอนต่อเถอะ สักสิบโมงค่อยลุกมาอาบน้ำก็ได้”
เซฮุนรู้สึกเหมือนตัวเบาเป็นปุยนุ่น เมื่อศีรษะของเขาถูกช้อนให้ขยับเข้าไปนอนทับแขนผู้ชายอย่างคิมจงอิน เซฮุนรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้ทั้ง ๆ ที่เขายังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่ามันมีอะไรกันล่ะที่น่ากลัว?
เด็กหนุ่มผิวแทนอมยิ้มพลางเอาคางเกยศีรษะทุยคนที่เป็นฝ่ายขยับตัวเข้ามากอดเขาเอง อย่าว่าแต่เซฮุนจะรู้สึกแปลก ๆ เลย คิมจงอินเองก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก กับสิ่งแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก ถึงจะเคอะเขินอยู่บ้าง แต่สักวันหนึ่งเราทั้งคู่คงคุ้นเคยกับมัน
“พอนอนแบบนี้แล้วขามันเลยออกไปจากเตียงล่ะ”
“เกิดเป็นคนขายาวก็ทำใจหน่อยนะคุณนักเรียน”
“ฉันควรขยับขึ้นไปนอนหนุนหมอนเหมือนเดิมไหม”
“วิธีแก้ที่ดีที่สุดในตอนนี้คือหดขาเข้ามาใต้ผ้าห่ม หรือไม่ก็ก่ายขามาที่ฉัน”
“อันหลังนั่นตลกแล้ว” เด็กหนุ่มตัวผอมเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักที่กำลังยิ้มขำ ซึ่งเขาคิดว่ามันคงเป็นโรคติดต่อ โอเซฮุนถึงได้ยิ้มตามอย่างที่เป็นอยู่
จงอินไม่ได้แกล้งอะไรอีก มีเพียงแค่สัมผัสอุ่น ๆ จากริมฝีปากที่จรดลงบนหน้าผากเท่านั้นที่เซฮุนรู้สึกได้ ไม่อยากกลับบ้านแล้ว... เขาอยากรวบรวมความกล้าบอกจงอินว่าเราอยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืนได้ไหม แต่สิ่งที่โอเซฮุนทำได้ในตอนนี้ก็แค่กอดอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบอกตัวเองว่าอย่าโลภมากนักเลย
.
.
เสียงบ่นอุบอิบของนักเรียนเกิดขึ้นเพราะฝนช่วงเช้าที่ตกลงมาอย่างหนักจนทำให้เสื้อผ้าและรองเท้าเปียกปอนจากการวิ่งหลบหนีสายฝนเข้าอาคารเรียน พอสาย ๆ หน่อยแดดก็เริ่มออก แต่ถึงอย่างนั้นบนท้องฟ้าก็ยังคงมีกลุ่มก้อนเมฆสีเทา
เซฮุนมองร่มสีขาวในมือแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า แน่นอนว่าเขาไม่ใช่เด็กผู้ชายที่ชอบพกร่มไปไหนมาไหน แต่นี่คือกรณีพิเศษกับร่มที่ซื้อมาจากคังวอนโด มันถูกใช้งานตอนเขากับจงอินเดินไปสถานีรถไฟด้วยกัน เซฮุนยังจำความรู้สึกตอนไหล่ข้างซ้ายเปียกได้ มันเย็นยะเยือกแต่ก็อบอุ่นไปทั้งหัวใจ
ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือคือเวลาหกโมงเย็น ตรงตามเวลานัดอย่างที่หวงจื่อเทาโทรมากำชับแทนที่จะแชทบอกเหมือนอย่างทุกครั้ง ราวกับหมอนั่นกลัวว่าเขาจะลืมนัดยังไงอย่างนั้น
เด็กหนุ่มหุบร่มลงแล้วตรงเข้าไปในสระว่ายน้ำ ระหว่างทางก็เดินสวนกับนักกีฬาว่ายน้ำบางคนที่ออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ซึ่งถูกเหวี่ยงไปข้างหลัง พร้อมกลุ่มผมที่เปียกลู่ระเข้ากับโครงหน้า
เซฮุนวางกระเป๋าเป้ลงบนแสตนด์ปูนดิบแล้วทอดสายตาไปยังสระว่ายน้ำ ในละแวกนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว พอเห็นอย่างนั้นเลยต้องก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
เด็กหนุ่มตัวผอมนั่งเสียเวลาทิ้งไปเปล่า ๆ อยู่ราว ๆ สิบนาที เซฮุนไม่ได้รีบไปไหน แต่การนั่งอยู่คนเดียวตรงนี้โดยที่ไม่เห็นหวงจื่อเทาแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำ เลยคิดว่าน่าจะโทรถามสักหน่อย
“ฮัลโหล นายอยู่ไหนเนี่ย ฉันมาถึงสระว่ายน้ำแล้วนะ”
( เข้ามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ )
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งรอที่เดิมแล้วกัน รีบ ๆ มานะ”
( ไม่เอาสิ นายน่ะเข้ามาหาฉัน )
“จะให้เข้าไปทำไม ดูนายเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ ไม่เอาหรอก”
( เร็ว ๆ นะ )
“เฮ้ หวงจื่อเทา?!”
เซฮุนขมวดคิ้วมองสมาร์ทโฟนในมือที่ถูกอีกฝ่ายตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใยแล้วขยับปากก่นด่าไอ้คนเจ้าเผด็จการ ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่อาทิตย์ความกวนก็ยังคงที่ไม่ลดลงไปเลยใช่ไหม คอยดูเถอะ ถ้าผลการแข่งขันว่ายน้ำออกมาคือแพ้นะ จะล้อเอาให้อาย
ขายาวก้าวลงจากแสตนด์ปูนดิบแล้วตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กลิ่นคลอลีนลอยแตะจมูกแม้ว่าจะเดินห่างออกมาจากสระว่ายน้ำพอสมควรแล้ว มันคือเสน่ห์ของกีฬาประเภทนี้ที่เซฮุนคิดว่าจื่อเทาคงชอบ
เซฮุนเคยเรียนว่ายน้ำตอนม.ปลายปีหนึ่งเทอมแรก แต่ห้องเปลี่ยนชุดของนักว่ายน้ำกับนักเรียนทั่วไปนั้นถูกแยกกัน แน่นอนว่าของนักกีฬาย่อมดูดีกว่า เด็กหนุ่มมองพื้นที่มีรอยเท้าเปียกน้ำอยู่เป็นจุด พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นป้ายบอกทางว่าด้านขวาคือห้องอาบน้ำ ส่วนทางซ้ายคือห้องเปลี่ยนชุด เซฮุนชะโงกหน้าเข้าไปเล็กน้อย พอเห็นว่าไม่มีใครเดินเพ่นพ่านอยู่ข้างในเลยตัดสินใจเดินเข้าไป
“เทา”
“มาแล้วเหรอ?”
“อ่า” เซฮุนขานตอบแล้วมองไปยังห้องเปลี่ยนชุดตรงกลางที่ประตูถูกปิดไว้
เขาหยัดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวซึ่งด้านหลังเต็มไปด้วยล็อกเกอร์สีเทาเข้ม บางตู้ถูกเปิดทิ้งไว้เพราะไม่มีเจ้าของ บางตู้ถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ มีรูปถ่ายและสติ๊กเกอร์แปะไว้แสดงถึงความเป็นเจ้าของ
“ข้างนอกฝนตก นายเอาร่มมาหรือเปล่า”
“แหงอยู่แล้ว ฉันไม่ยอมลงทุนเดินตากฝนเพื่อมาหานายหรอกนะหวงจื่อเทา”
“โห ดูพูดเข้า ถ้าความใจร้ายสามารถระบุเป็นตัวตนได้ มันก็คงหน้าตาเหมือนนายแน่ ๆ”
“ถ้างั้นความเอาแต่ใจ เผด็จการก็คงหน้าเหมือนนาย”
ทั้งคู่ตอบโต้กันผ่านข้ามประตูห้องอาบน้ำ เซฮุนได้ยินเสียงหัวเข็มขัดที่ดังทำลายความเงียบปะปนกับเสียงหัวเราะในลำคอของเราทั้งคู่ ซึ่งมันห่างหายไปช่วงหนึ่งหลังจากหวงจื่อเทาเอาแต่เก็บตัวทุ่มเทไปกับการซ้อมการแข่งขันว่ายน้ำอยู่หลายอาทิตย์
“เซฮุน”
“หื้ม?”
“เรามาเล่นเกมใช้สมองกันเถอะ” เสียงจากหนุ่มชาวจีนทำเอาคนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย “ชื่อเกมว่า ‘สมมติ’ เป็นไง?”
“นายจะเปลี่ยนเสื้อผ้านานถึงขนาดต้องพึ่งเกมฆ่าเวลาเลยเหรอ”
“เอาน่า เล่นกันสักสองสามคำถาม” เซฮุนไหวไหล่แล้วขานตอบตกลงในลำคอกลับไป “สมมติว่าถ้าเราไม่รู้จักกัน ตอนนี้นายจะทำอะไรอยู่”
เด็กหนุ่มตัวผอมนั่งนิ่งแล้วใช้เวลาไปกับการครุ่นคิด ซึ่งมันก็ไม่ยากนักสำหรับคำถามนี้ เซฮุนคิดว่าการจินตนาการถึงช่วงเวลาที่มีเพื่อนมันยากกว่าให้จินตนาการเรื่องอยู่คนเดียวมาตลอดหลายปีเป็นไหน ๆ
“ซ้อมเต้นเหมือนเดิม”
“แล้วการที่มีฉันเข้ามาในชีวิตนายเนี่ย... มันดีไหม?” ลำดับเสียงของจื่อเทานั้นมีจังหวะจนผิดแปลกไปจากผู้ชายขี้เล่น “อ่า... คือฉันหมายถึงทั้งกลุ่มน่ะ”
“จะชวนทำซึ้งเหรอ ถ้าหัวเราะปิดท้ายฉันจะโกรธนะ” แอบหวาดระแวงกับคำถามจริงจังที่มาจากปากคนเจ้าเล่ห์อย่างหวงจื่อเทา แต่ถึงอย่างนั้นภายใต้บานประตูห้องแต่งตัวก็ยังคงเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ หรือคำพูดที่ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องตลก
“ฉันจริงจัง”
“...”
“ฉันอยากรู้ว่าชีวิตของนายที่มีฉันเข้าไปวุ่นวายน่ะ มันดีกว่าที่เคยอยู่ตัวคนเดียวหรือเปล่า?”
เซฮุนไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้ไปในทางไหน ระหว่างติดตลกเหมือนทุกครั้ง หรือควรตอบไปตามที่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหลือเกินที่ชีวิตของเขาได้มีเพื่อนที่จริงใจแบบนี้
“มันก็ต้องดีอยู่แล้วสิ”
“ดีที่ว่าคือยังไง มีความสุขไหม?”
“เฮ้ หวงจื่อเทา?”
“เวลาอยู่ด้วยกัน ไปเที่ยวเล่นบ้าบอคอแตก นายสบายใจหรือเปล่า”
“อืม ฉันสบายใจ”
สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเวลาอยู่กับหวงจื่อเทาก็คือความเงียบ เด็กหนุ่มตัวผอมมองไปยังบานประตูห้องเปลี่ยนชุดที่เพิ่งถูกปลดล็อก มันยังคงปิดไว้อยู่อย่างนั้นและไม่ได้ถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ด้านใน ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่เซฮุนปล่อยให้ความรู้สึกแปลก ๆ กลืนกิน หวงจื่อเทาเป็นอะไร? นั่นคือคำถามเดียวที่อยู่ในหัวของเขาในตอนนี้
เด็กหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเข็มขัดที่เคยได้ยิน หรือการหยิบยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้าขึ้นมาสะพายจนได้ยินเสียงเสียดสี เซฮุนเอื้อมมือไปข้างหน้าแล้วค่อย ๆ ดันประตูเข้าไป และสิ่งแรกที่เห็นกลับไม่ใช่ใบหน้าทะเล้นของเพื่อนชาวจีน แต่มันคือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่มีสร้อยเหรียญทองห้อยอยู่ที่คอ
เซฮุนยืนนิ่งกับภาพตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรพูดอะไรกับความสงสัยที่มีตัวตนอยู่ในระดับสายตา เด็กหนุ่มเสยผมขึ้นทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกห่างจากความน่ารักของมันที่มาพร้อมหลักฐานของชัยชนะ เพียงแค่ครู่เดียวตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลก็ค่อย ๆ ลดระดับลง
เขารู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของเพื่อนชาวจีนนั้นไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เซฮุนเลียริมฝีปากคลายความประหม่าแล้วภาวนาต่อพระเจ้าว่าขอให้เรื่องในหัวเป็นเพียงแค่ความกังวลบ้า ๆ ที่คงไม่เกิดขึ้นจริง
“นายบอกว่าสบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน ฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้น”
“...”
“ฉันรู้นะว่าตอนแรกนายระแวงฉัน ไม่สนิทใจเวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งตัวฉันเองก็พยายามแสดงให้นายเห็น ให้นายรับรู้ด้วยตัวเองว่าฉันไม่เหมือนพวกเวรนั่น คนที่คำว่าเพื่อนยังไม่สมควรที่จะได้รับ”
“...”
“แต่ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะเซฮุน”
เจ้าของชื่อไม่รู้ว่าควรพูดยังไงในสถานการณ์ที่ไม่ว่าใครก็น่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่เชื่อเถอะว่าเซฮุนไม่เคยลังเลเลยสักครั้งกับการโต้ตอบบทสนทนากับหวงจื่อเทา หากแต่วินาทีนี้เขารู้สึกเหมือนกำลังเป็นใบ้
“นายอาจจะยังไม่สนิทกับไอ้จงอิน ไอ้ชานยอล หรือแม้แต่แบคฮยอน แต่คนพวกนั้นเป็นเพื่อนที่ดี ฉันมั่นใจ”
ตึกตึก... ตึกตึก...
“แต่สำหรับฉัน”
“...”
“ให้มันเป็นข้อยกเว้นสำหรับนายได้ไหม?”
คนตัวสูงไม่เคยแสดงสีหน้าประหม่าแบบนี้มาก่อน หวงจื่อเทาคือผู้ชายทะเล้นและไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ นั่นคือสิ่งที่เซฮุนรู้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนสบตากันแล้วปล่อยให้ความเงียบทำงาน คล้ายกับว่าสิ่งที่เคยหวาดกลัวมันกำลังกระซิบอยู่ข้างหูเขาแล้วพูดว่า ‘ถึงเวลาแล้ว’ ยังไงอย่างนั้น
ได้โปรด... อย่าพูดมันออกมา...
“เลิกเป็นเพื่อนแล้วมาเป็นแฟนกันเถอะ ฉันชอบนายจะแย่อยู่แล้วเซฮุน”
60%
เซฮุนจำไม่ได้ว่าเขานั่งอยู่หน้าสระว่ายน้ำนานแค่ไหนหลังจากถูกใครอีกคนสารภาพรักโดยไม่ทันตั้งตัว คน ๆ นั้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท บรรยากาศหลังฝนตกชื้นแฉะ หยดน้ำจากใบไม้ร่วงลงบนน้ำขังข้างฟุตปาธคือสิ่งเดียวที่เขาได้ยิน ละแวกนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว จะมีก็แต่ตุ๊กตาหมีตัวโตที่ถูกวางให้นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยที่เขาไม่แม้แต่จะหันไปเชยชมความน่ารักของมัน
เซฮุนยังคงอยู่ตรงนี้แม้ว่าหวงจื่อเทาจะออกไปจากที่นี่แล้วสักพักใหญ่ คำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวไม่หยุด เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในเวลานี้นอกจากปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วนั่งอยู่เฉย ๆ จนกว่าสติจะกลับมา
‘ฉันไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน นายคือคนแรกที่ฉันรู้สึกว่าอยากทำทุกอย่างให้มันพิเศษ’
‘...’
‘พอรู้ว่านายสำคัญ รู้ว่านายพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ฉันก็อยากให้มันออกมาดี’
‘...’
‘พยายามให้เรื่องของเราค่อยเป็นค่อยไป อยากให้นายสบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน และช่วงเวลานั้นฉันก็จะได้พิสูจน์ตัวเองด้วยว่าจริงจังกับนายมากแค่ไหน’ จื่อเทาหัวเราะ ‘ฉันอยากมั่นใจตัวเองก่อนน่ะ ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว’
‘เทา... คือ...’
‘ฉันรู้ว่าตอนนี้นายอาจจะตกใจ หรืออยากปฏิเสธแทบแย่ แต่ช่วยฟังก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งตัดสินตอนนี้ ตอนที่ฉันอยากให้นายเริ่มมองฉันมากกว่าเพื่อน’
‘...’
‘ช่วยเก็บไปคิดก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจ’
สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลย คำพูดของจื่อเทานั้นไม่ได้จงใจกดดันเขาสักนิด กลับกันแล้วสายตาผู้ชายคนนั้นยังแฝงไปด้วยความประหม่า อีกทั้งคำพูดที่ส่งมาเหมือนกลัวว่าจะถูกเกลียดหลังจากสารภาพรักนั่นทำให้เซฮุนรู้ว่าหวงจื่อเทากำลังจริงจังจริง ๆ
‘บางทีนายอาจจะอยากใช้เวลาคิดเรื่องนี้โดยไม่มีฉันอยู่กดดันนะ... ว่าไหม?’
จื่อเทายังคงยิ้ม เพื่อให้บรรยากาศกดดันในตอนนั้นคลายตัวลง เด็กหนุ่มตัวผอมเอาแต่ยืนนิ่งเพราะทำตัวไม่ถูก เซฮุนรู้สึกได้ถึงมือแกร่งที่โคลงศีรษะเขาก่อนที่เสียงแผ่วเบาจะกระซิบข้างหูเป็นครั้งสุดท้ายว่า
‘หวังว่าพรุ่งนี้เราจะยังได้เจอกันอีก อย่าหลบหน้าฉันนะ’
เซฮุนเอนหลังพิงกับม้านั่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในเวลาพลบค่ำ มันมืดครึ้มเหมือนกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่มีผิด เซฮุนถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่ากับเรื่องราวในหัวซึ่งมันถูกผูกเป็นปมแน่นขึ้นจนยากที่จะแก้ได้ง่าย ๆ
ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะยุ่งเหยิงได้ถึงขนาดนี้ อาจเป็นเพราะโอเซฮุนมัวแต่มองเห็นความสุขที่ได้รับ เลยมองข้ามความรู้สึกของหวงจื่อเทาไปว่าสักวันหนึ่งผู้ชายคนนั้นคงเข้าใจว่าความรู้สึกที่เขามีให้ยังไงมันก็แค่เพื่อน
แต่เซฮุนลืมคิดไปว่ามันไม่ง่ายเมื่อความรู้สึกคนสองคนไม่เหมือนกัน เขาคิดแค่เพื่อนแต่หวงจื่อเทาไม่ได้คิดอย่างนั้น โอเซฮุนเหมือนตัดช่องน้อยแต่พอตัว กอบโกยเอาความสุขแล้วขุดดินกลบปัญหาที่มองเห็นอยู่ทุกวัน
แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าหวงจื่อเทารู้เรื่องระหว่างเขากับคิมจงอิน
เด็กหนุ่มตัวผอมอุ้มตุ๊กตาหมีขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเอื่อยเฉื่อย เขาหยุดฝีเท้าเมื่อมาถึงหน้าอาคารเรียน เซฮุนยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางเสียงฟ้าร้องอยู่เกือบครึ่งนาที แล้วปล่อยให้ความคิดในหัวสั่งการว่าควรจะทำอะไรในช่วงเวลาที่มีแต่ความสับสนรายล้อมอยู่รอบข้าง
ไม่อยากกลับบ้าน...
นั่นคือคำตอบในหัวที่สั่งการให้ขาทั้งสองข้างเดินขึ้นบันไดไปยังห้องซ้อมแทนที่จะออกไปหน้าโรงเรียนแล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วหมุนลูกบิดดันประตูเข้าไป ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็นว่าจงอินนั่งรออยู่ในนั้นพร้อมกระเป๋าเป้ซึ่งวางอยู่ข้างตัว
ไม่มีใครเอ่ยทักทายอีกฝ่ายก่อน ในวินาทีแรกเซฮุนเห็นว่าจงอินมองหน้าเขา ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับสายตาลงมองตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในอ้อมกอดซึ่งห้อยเหรียญทองไว้ที่คอ
น่าแปลกที่เซฮุนรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนไปทั้งที่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนในทีแรก เด็กหนุ่มตัวผอมเลียริมฝีปากคลายความอึดอัดที่มาพร้อมความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมขณะที่ใครอีกคนยังคงไม่ละสายตาออกห่างตุ๊กตาตัวนี้
“มานานแล้วเหรอ”
มันอาจจะเป็นคำถามที่โง่ที่สุด แต่เซฮุนไม่อยากปล่อยให้ความกลัวกัดกินความรู้สึกของเราทั้งคู่มากไปกว่านี้ เขาแคร์จงอินมากพอ ๆ กับแคร์ความรู้สึกตัวเอง ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะกำลังคิดอะไรอยู่กับตุ๊กตาตัวนี้ เขาก็ต้องรีบอธิบายให้เข้าใจ
“สักพักแล้วล่ะ” จงอินละสายตาจากตุ๊กตาหมีแล้วสบตากับคนรักที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตู เขาเห็นว่าเซฮุนกำลังกระอักกระอ่วน “ฉันโทรหานาย แต่เห็นไม่รับสายเลยมานั่งรอ”
“...”
เด็กหนุ่มตัวสูงทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบภายในห้องซ้อมเต้นเล่นงาน เซฮุนไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงกับเรื่องที่เขาไม่แน่ใจว่าจงอินจะรู้หรือเปล่า ถ้าจะให้โพล่งออกไปว่าหวงจื่อเทามาสารภาพรักและนี่คือหลักฐาน
แต่หวงจื่อเทาที่เป็นเพื่อนสนิทของคิมจงอินนะ
“ถ้าฉันกลับบ้านไปแล้วนายจะไม่นั่งรอเก้อเหรอ”
จงอินไม่ได้ถามถึงตุ๊กตาหมีที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา เด็กหนุ่มผิวแทนนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืน ขายาวสาวก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวผอมก่อนจะหลุบสายตาลงมองตุ๊กตาหมีที่เขาเป็นคนช่วยเพื่อนสนิทเลือกเองกับมือ
และตอนนี้มันคือสิ่งเดียวที่คั่นกลางระหว่างเราสองคนเอาไว้
“ไม่มีทางที่นายจะทำอย่างนั้น”
“...”
“ฉันเชื่อว่านายจะต้องโทรกลับมาทันทีที่รู้ว่าฉันติดต่อไป”
“อะไรที่ทำให้นายเชื่อใจฉันขนาดนั้น” เสียงของเซฮุนแผ่วลง ความรู้สึกแย่ที่จมอยู่กับความคิดมานานกำลังถูกเยียวยาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ของคนตรงหน้า “จงอิน ฉัน...”
“...”
“มันคือของจื่อเทา คือ...” เซฮุนไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไง ทั้งที่จงอินก็ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนใจว่าจะเอาคำตอบเดี๋ยวนี้ แต่เขากลับเป็นกังวลจนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เขา...”
จะต้องอธิบายยังไงกับความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงระหว่างเขาทั้งสามคน เซฮุนเพียงแค่สบตากับคนตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าจะเป็นกังวลไม่ต่างจากเขาเลย เด็กหนุ่มตัวผอมหลุบสายตาลงมองตุ๊กตาหมีที่ถูกอีกฝ่ายแย่งไปถือให้ ก่อนที่ข้อมือของเขาจะถูกคว้าเอาไว้แล้วเดินออกมาจากห้องซ้อมด้วยกัน
“จงอิน”
“...”
สิ่งเดียวที่เซฮุนมองเห็นคือแผ่นหลังของอีกฝ่าย คนที่คิดว่าต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นจงอินก็จะเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้
จงอินกำลังไม่พอใจงั้นเหรอ?
ทั้งคู่ไม่ได้เดินทางกลับบ้านด้วยรถเมล์เหมือนทุกครั้ง เมื่อจงอินจูงมือเขาไปหยุดอยู่ข้างฟุตปาธแล้วเรียกแท็กซี่ เด็กหนุ่มเข้าไปนั่งข้างในและตามด้วยคนผิวแทน จงอินเลือกที่จะวางตุ๊กตาตัวนั้นไว้ติดขอบประทูแทนที่จะให้มันคั่นกลางระหว่างเรา
อากาศตอนฟ้ามืดหลังฝนตกเริ่มเย็นเมื่อใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว เรียวนิ้วทั้งห้าถูกเติมเต็มด้วยไออุ่นของใครอีกคน หากแต่ความรู้สึกนี้มันต่างออกไปจากเดิม เมื่อมันมีความกลัวแทรกเข้ามา
ความอบอุ่นที่เซฮุนรู้สึกว่ามันพร้อมจะหายไปทุกเมื่อหลังจากนี้
.
.
ตุ๊กตาหมีถูกวางพิงผนังห้องทันทีที่ปิดประตูลง เด็กหนุ่มทั้งสองยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่มีใครเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างแล้วบ่นถึงบทเรียนที่น่าปวดหัวตลอดวัน จงอินวางกระเป๋าลงข้างตุ๊กตาตัวนั้น ในหัวของเขายังคงมีแต่เรื่องของเพื่อนสนิทอย่างหวงจื่อเทาที่เซฮุนเล่าให้ฟังในรถ
“ไม่กลับบ้านเหรอ”
“อืม”
“หมายถึง...”
“ฉันจะค้างที่นี่”
เซฮุนหันไปมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่คิมจงอินบอกว่าจะค้างด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามหาเหตุผลว่าเพราะอะไร
“ฉันคงนอนไม่หลับ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีคนกำลังรอคำตอบเรื่องนั้นจากปากนาย ถึงไอ้บ้านั่นมันจะเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง” จงอินหันมาสบตากับคนข้าง ๆ เซฮุนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุบสายตาลงพร้อมถอนหายใจแผ่วเบา
“เทาไม่ได้ขอให้ฉันตอบคืนนี้หรอก”
“ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ฉันก็ร้อนใจทั้งนั้นเซฮุน”
“ฉันอยากปฏิเสธเขาไปเดี๋ยวนั้น แต่ฉันก็กลัวว่ามันจะส่งผลไปถึงตัวนาย” เด็กหนุ่มตัวผอมสวนกลับไปในทันที แน่นอนว่ามันคือเรื่องเดียวที่เซฮุนกลัวที่สุดในตอนนี้ เพราะเรื่องระหว่างเขากับจงอินมันเป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคน
ถ้าถามว่าผิดไหมที่ไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เขาก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน
อะไรคือความถูกต้อง และอะไรคือความผิด?
ในเมื่อความรักเกิดขึ้นกับคนสองคน และคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ แต่มันกลับเป็นเรื่องจำเป็นขึ้นมาเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“รู้มานานแล้วใช่ไหม?” คำถามของจงอินทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ในใจ เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย
“ฉันคิดว่าเขาคงเลิกชอบฉันไปเอง ถ้าเกิดว่าฉันกับเขายังรักษาระดับความเป็นเพื่อนเอาไว้”
“ให้ตายเถอะ...”
“ฉันขอโทษ...”
“มันไม่ใช่ความผิดของนายเลยเซฮุน ไม่ใช่” จงอินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะมองดวงหน้าขาวที่เต็มไปด้วยความกังวล คล้ายกับว่าโอเซฮุนกำลังแบกรับโลกใบนี้ไว้คนเดียว “ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่แรก แต่ทุกอย่างมันกลับบิดเบือนไปหมด”
สิ่งที่ทำให้เพื่อนสนิทอย่างหวงจื่อเทาเปลี่ยนไปคือเซฮุนงั้นเหรอ นี่เป็นครั้งแรกที่จงอินรู้สึกว่าเซนส์เขาทำงานผิดพลาด เขาเข้าใจมาตลอดว่าคิมมินซอกคือคนเดียวที่อยู่ในหัวไอ้บ้านั่น แต่มันไม่ใช่เลย...
ทั้ง ๆ ที่มันก็แสดงให้เห็นอยู่ตลอดว่ากระตือรือร้นแค่ไหนถ้าเป็นเรื่องของเซฮุน
“ไม่เป็นไร” จงอินวางมือลงบนศีรษะคนตรงหน้าแล้วยิ้มบาง ๆ เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น แต่เซฮุนไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก
ตอนนี้จงอินคงลำบากใจที่สุดเพราะหวงจื่อเทาก็เพื่อนสนิท ส่วนเขาก็คือแฟนที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน อีกทั้งยังไม่มีใครรับรู้เรื่องนี้ ถ้าหวงจื่อเทารู้เมื่อไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทจะเป็นยังไง และเขาจะมองหน้าหมอนั่นยังไง
เซฮุนไม่ได้คิดว่าตัวเขามีดีขนาดที่คนสองคนต้องมาแย่ง แต่ถ้าให้ลองคิดกลับกันว่าจะต้องรู้สึกยังไง เขาก็คงรู้สึกแย่ที่ชอบคน ๆ เดียวกับเพื่อนสนิท ซึ่งถ้าตกอยู่ในสภาวะเดียวกับจงอิน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เพื่อนเข้าใจว่า ‘ฉันคบกับคนที่แกชอบอยู่’ และถ้าเขาตกอยู่ในสภาวะเดียวกับหวงจื่อเทา เซฮุนเองก็ไม่รู้เลยว่าจะทำใจยอมรับความจริงแล้วมองเพื่อนสนิทคบกับคนที่ตัวเองชอบต่อไปได้ไหม
“คงห้ามไม่ให้คิดมากไม่ได้ใช่ไหม?”
“นายก็เหมือนกัน” เซฮุนรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายิ้มออกมา ซึ่งมันไม่ใช่รอยยิ้มฝืนอย่างที่เป็นกังวลอยู่ “อย่าคิดอะไรเองคนเดียวนะ นายยังมีฉันอยู่ตรงนี้”
จงอินพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ๆ แล้วกุมมือคนช่างพูดเอาไว้ก่อนจะรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง เด็กหนุ่มผิวแทนหลับตาลงพร้อมกระชับกอดให้แน่นขึ้น ตั้งแต่ได้ฟังจากปากเซฮุน ในหัวของเขามันก็มีเรื่องให้คิดไม่ได้หยุด
จื่อเทาคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นการเสียสละคนรักให้เพื่อนมันก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้ จงอินพยายามคิดหาทางแก้ไขกับสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ ทุกอย่างมันพลิกผัน คำถามแรกคือ ‘แล้วคิมมินซอกล่ะ ไอ้เทามันเอาไปไว้ไหน?’
“จงอิน”
“หืม?”
“นายจะไม่เลิกกับฉันเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“...”
คำถามนี้เป็นเหมือนหอกแหลมที่ทิ่มลงกลางอก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคืออีกทางเลือกหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวอย่างไม่ตั้งใจ จงอินถอนหายใจเบาหวิวอย่างไม่ให้อีกคนได้รู้ตัว ก่อนจะกอดแน่นยิ่งขึ้น
“ฉันจะไม่เลิกกับนาย”
“...”
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”
เซฮุนรับรู้ได้ถึงความอึดอัด ความกังวล ที่ถาโถมมายังเด็กอย่างเขาทั้งสองคนแม้ว่าจงอินจะพยายามแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่ายังไงมันก็ไม่ง่าย ทางออกสำหรับเรื่องนี้จะเป็นยังไง มันจะมีทางไหนที่จะทำให้เขารักษาเพื่อนไว้ได้และไม่เสียคนรักไปบ้างไหม?
.
.
“ตามสบายนะจงอิน ราตรีสวัสดิ์จ้ะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เด็กหนุ่มโค้งหัวก่อนที่แม่ของเซฮุนจะปิดประตูลง ตอนนี้จงอินอยู่ในชุดนอนของเซฮุนซึ่งเขาไม่ได้กังวลเรื่องไซส์เพราะส่วนสูงไม่ได้ต่างกันนัก เด็กหนุ่มผิวแทนหันไปทางใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงซึ่งแสดงท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ราวกับว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
“เป็นอะไรไป”
“นั่นน่ะสิ ฉันกำลังเป็นอะไร” เซฮุนกลอกตาแล้วเกาหัว จะว่าไปแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่จงอินเข้ามาในห้องนี้ ทำไมถึงต้องตื่นเต้นด้วย
“ฝนตกเหมือนคืนนั้นเลย” จงอินยิ้มแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเจ้าตัวก็ปิดผ้าม่านลงแล้วเดินเข้ามาหาเขา
“เทาทักมาแล้ว”
“ตอบไปหรือยัง?”
“ยังไม่ได้ตอบ” เซฮุนมองสมาร์ทโฟนในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย “ทั้งแชทแล้วก็คำถามนั้น”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่รู้” เซฮุนส่ายหน้าแล้วหยัดตัวนั่งลงกับขอบเตียงพร้อมปิดสมาร์ทโฟนให้อยู่ในระบบสั่นสะเทือนแล้วคว่ำมันลงกับผืนเตียง
“เพราะฉันเหรอ?” จงอินนั่งข้าง ๆ คนคิดมากแล้ววางมือลงบนศีรษะทุย ซึ่งเซฮุนก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาเงียบไป “เป็นเพราะฉันไม่สะดวกใจที่จะคุยกับเขาในตอนนี้น่ะ”
ทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วปล่อยให้เสียงฝนข้างนอกกลบความเงียบในห้องนี้ แม้จะพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายสักแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก กับความกังวลถึงเรื่องหวงจื่อเทา จงอินดันศีรษะคนข้าง ๆ ให้เอนลงมาซบกับไหล่ตนเองแล้วหลุบสายตาลง
“ฉันจะลองคุยกับมันดู”
“คุยยังไง บอกได้ไหม?”
“...”
“เราควรไปบอกเขาพร้อม ๆ กันหรือเปล่า” เด็กหนุ่มผิวแทนไม่ได้ตอบคำถามที่เขาพอจะนึกภาพออกว่าสีหน้าของหวงจื่อเทาจะออกมาในรูปแบบไหน หลังจากเห็นว่าเพื่อนสนิทของมันเดินมาพร้อมคนที่ชอบ และบอกว่าทั้งคู่กำลังคบกันอยู่
จงอินคิดว่ารู้จักไอ้เวรนั่นดีแล้ว แต่พอมานึกดูอีกที... บางทีเขาอาจจะไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าไอ้ชานยอลเลย จากที่คิดว่าหวงจื่อเทาอ่านใจง่ายที่สุด แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ ที่อยู่ ๆ ไอ้บ้านั่นมันก็เซอร์ไพรส์เล่นเอาเขาแทบไปไม่เป็น
ที่มันเลือกตุ๊กตายังไม่น่าคิดเท่ากับที่มันเอาเหรียญทองซึ่งเป็นหลักฐานของชัยชนะให้กับเซฮุน นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าไอ้เทามันคงไม่ได้เล่น ๆ ให้ตายเถอะ... ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขากับไอ้เวรนั่นจะชอบคนเดียวกัน คิดไม่ออกเลยว่าจะต้องพูดยังไงเพื่อที่จะรักษาน้ำใจเพื่อนเอาไว้ได้
“ฉันผิดเองที่เหมือนไปให้ความหวังเขา”
“ไม่หรอก ถ้าจะมีคนผิดก็คงเป็นฉันที่ไม่ได้บอกมันว่าเราคบกัน”
“...”
“ไม่ว่าจะใจกว้างแค่ไหน แต่ถ้ารู้ว่าเพื่อนสนิทเก็บเงียบเรื่องสำคัญเอาไว้มันคงไม่รู้สึกดีแน่ ยิ่งเป็นเรื่องคนที่มันชอบด้วย”
เซฮุนผละตัวออกแล้วมองหน้าคนรักที่ดูเป็นกังวลกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ เขาไม่อยากให้ใครต้องโทษตัวเองว่าเรื่องนี้มีคนผิด กับเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
“มันคงรู้สึกเหมือนโดนหลอก ที่ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้จักนายตั้งแต่แรก”
“...”
“ยิ่งสนิทกันก็ยิ่งพูดยาก ถ้ามันรู้คงเอ๋อไปอีกหลายวัน”
“นายสองคนจะทะเลาะกันหรือเปล่า?” เซฮุนถามอย่างร้อนใจ และจงอินก็ส่ายหน้าช้า ๆ
“ไม่หรอก อาจจะมองหน้ากันอย่างไม่สนิทใจ ไม่ก็ฝืนยิ้ม ฝืนคุยกัน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป” คำตอบของจงอินไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด วินาทีนี้เซฮุนได้แต่บอกตัวเองว่าแกนั่นแหละคือตัวปัญหาที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยาก และกำลังจะทำให้เพื่อนเขาผิดใจกัน
“มีวิธีอื่นอีกไหม” เซฮุนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง จื่อเทาก็เป็นเพื่อนที่ดี แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นต้องเสียความรู้สึกกับเรื่องนี้ที่เขาและจงอินไม่ได้ตั้งใจเก็บไว้เป็นความลับ “วิธีที่จะทำให้นายสองคนไม่เสียความรู้สึก”
“ไม่มีหรอก เรื่องความรู้สึกมันละเอียดอ่อนก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะอธิบายให้มันฟังไม่ได้” จงอินยีหัวคนข้าง ๆ ที่กำลังปั้นหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเขา “ไอ้เทามันต้องเข้าใจเรา”
“แน่นะ?”
“อืม อย่างมากก็แค่ตึงกันไปสักสองสามวัน แต่ไอ้เวรนั่นนอยด์ได้ไม่นานหรอก มันขาดฉันได้ที่ไหน” เด็กหนุ่มผิวแทนยิ้ม เขาไม่อยากให้เซฮุนต้องเป็นกังวลมากไปกว่านี้แล้ว
“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็รีบบอกเลยนะ”
“ช่วย? อะไรล่ะ?” จงอินหันหน้าเข้าหาคนตัวผอมที่ยังคงขมวดคิ้วจริงจัง
“ช่วยพูด ช่วยอธิบาย อะไรก็ได้หมดเลย” ท่าทางของเซฮุนมันน่ารักจนเขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ จงอินกำมือป้องปากขำ ก่อนจะเอนตัวลงนอนตักอีกฝ่าย
“เป็นแค่แฟนฉันก็พอแล้ว”
“...”
คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมถึงกับคลายออกเมื่อได้ยินประโยคหยุดโลก จากบรรยากาศที่เคยตึงเครียดมาตลอดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ กำลังค่อย ๆ ผ่อนคลายโดยผู้ชายเข้าใจยากที่นอนบดเบียดศีรษะอยู่บนตักพร้อมจับมือเขาไปพรมจูบนั่นอีก
“ฉันจะเป็นทุกอย่างให้นายเลย...”
“หืม... ทุกอย่างเลยเหรอ”
“อืม... ทุกอย่าง”
รอยยิ้มบาง ๆ ที่จงอินส่งมาราวกับอยากบอกว่า ‘ทุกอย่างต้องดีขึ้น ขอแค่ไว้ใจฉัน’ นั้นเซฮุนรู้สึกได้ เด็กหนุ่มตัวผอมปัดไรผมออกจากใบหน้าคมขณะสบตากับอีกฝ่าย เราปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่ชั่วอึดใจและให้สายตาได้สื่อสารกันแทนคำพูด
“วันนี้ยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า”
“ชอบ มากกว่าเมื่อวานด้วย...” เซฮุนมองใบหน้าคมของคนบนตักที่เอาแต่ยิ้มหลังจากได้ยินคำตอบ เขาชอบที่จงอินถามแบบนี้ และก็ชอบที่จะตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าโอเซฮุนคนนี้รู้สึกยังไง
วันนี้ชอบแค่ไหน... พรุ่งนี้ก็จะชอบให้มากกว่าเดิม
นั่นคือสิ่งที่เขาอยากบอกให้จงอินรู้ในทุก ๆ วัน
“น่ารัก เห็นทีว่าต้องให้คะแนนสักหน่อยแล้ว”
หัวใจที่หม่นหมองเหมือนก้อนเมฆสีเทาในฤดูฝนกำลังถูกเยียวยาโดยผู้ชายคนนี้ เซฮุนค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงเมื่ออีกฝ่ายรั้งท้ายทอยเขาให้โน้มลงไป ก่อนที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่จะประกบกันอย่างแผ่วเบา
จูบของจงอินยังคงอ่อนโยนเหมือนกับทุกครั้ง จะว่าไปแล้วเซฮุนก็เพิ่งรู้ว่าการแสดงความรักด้วยการจูบคือการเพิ่มพลังอีกอย่างหนึ่ง ไออุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายนั้นกำลังขับไล่ความกังวลในใจออกไป แน่นอนว่ามันคงไม่จางหายไปทั้งหมด
เรื่องของหวงจื่อเทายังคงอยู่ให้ได้คิดและหาทางแก้ไข ขอแค่จงอินอยู่ตรงนี้และจับมือเขาไว้...
แค่นั้นทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหม
ครืดดด...
โทรเข้า...
‘หวงจื่อเทา’
TBC
ถ้ามารู้ทีหลังว่าเพื่อนชอบแฟนเรา และเพื่อนเราก็ไม่รู้ว่าคน ๆ นี้คือแฟนเรา
เราจะยอมเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วยอมเลิกกับแฟนเพื่อเพื่อนไหม?
เรื่องของความรู้สึกมันยาก ยิ่งต้องพูด ต้องอธิบายกับเพื่อน
จงอิน เซฮุน และจื่อเทาจะทำยังไง?
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรื่องของความรู้สึกมันยากจริงๆ
ไม่มีทางไหนที่จะไม่มีคนเจ็บ
แต่ขอนะจงอิน ห้ามเลิกกับเซฮุนนะ T T
การเลือกจะบอกจงอินน่ะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา อย่างน้อยก็ไม่ต้อแบกรับความเครียดไว้กับตัวเองทั้งหมด
งื้อออ ถ้าเป็นจงอินก็ไม่คิดหรอกว่าเทาจะชอบฮุน เพราะเล่นเปิดตัวพี่มินซิกขนาดนั้น
เตรียมตัวเตรียมใจไว้ดี
โอ่งรองรับน้ำตา