ตอนที่ 15 : Chapter 14 :: Your Rhyme (100%)
Chapter 14
Your Rhyme
ท้องฟ้ามืดครึ้มมาพร้อมสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองสนามหญ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนอย่างอารมณ์ดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้แต่ถอนหายใจตอนรู้ว่าฝนตกอีกแล้ว เซฮุนไม่ชอบพื้นเฉอะแฉะเพราะมันทำให้รองเท้าเลอะ แม้ว่าจะเดินอย่างระมัดระวังมากแค่ไหน
แต่วันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยชอบฝน ก็ยิ้มได้เพราะมัน เซฮุนเชื่อแล้วว่าคนเราตอนมีความรักนี่น่ารำคาญสุด ๆ ไปเลย เหมือนเขาตอนนี้ที่กำลังหมั่นไส้ตัวเอง ที่เอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุขไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้
ครืดดด...
ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเอามือถือขึ้นมากดเปิดดู ก่อนจะเห็นว่าข้อความทักทายในช่วงสายของวันคือเพื่อนชาวจีนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน เนื่องจากว่าหวงจื่อเทาเก็บตัวซ้อมว่ายน้ำอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวแข่งในครั้งหน้า
HZTao!
ง่วง 11:14
เซฮุนหลุดยิ้มออกมากับประโยคสั้น ๆ ที่ต้องส่งมาทุกวันตอนเช้า นึกเห็นใจจื่อเทากับช่วงเวลาแห่งความกดดันที่ต้องแบกความหวังของคนอื่น ๆ ไว้ ในวันนั้นเขามีโอกาสได้คุยกันอย่างจริงจัง เซฮุนก็ได้รู้ว่าที่เคยคิดแทนทุกอย่าง มันไม่เคยอยู่ในหัวจื่อเทาเลยสักนิด
ถึงผู้ชายคนนั้นจะชอบการเอาชนะ แต่การว่ายน้ำก็กลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว จื่อเทาไม่เคยคิดว่าเขาต้องเอาชนะจากการเพื่อใครนอกจากใจของตัวเอง มีไม่กี่อย่างในชีวิตที่ผู้ชายคนนั้นตั้งใจทุ่มเทให้ หนึ่งคือครอบครัว สองคือเพื่อน และสามคือการว่ายน้ำ เซฮุนจำได้ว่าตอนนั้นแอบทำหน้าเหวออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่อยากเชื่อเลยว่าหวงจื่อเทาก็มีมุมหล่อ ๆ แบบนั้นกับชาวบ้านเขาด้วย
ทั้งคู่นั่งหัวเราะด้วยกันกับความเครียดที่เพื่อนชาวจีนพยายามพูดให้มันเป็นเรื่องตลก เซฮุนอาสาไปช่วยจับเวลาให้ แต่จื่อเทาก็ปฏิเสธและบอกว่าช่วงนี้โค้ชเข้มงวดมาก ถึงขั้นกำนาฬิกาจับเวลาไว้แน่นแล้วสั่วให้ว่ายเร็วกว่ารอบก่อน เพราะฉะนั้นเซฮุนเลยได้แค่ให้กำลังใจเพื่อนอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
11:16 ได้บ่นแล้ว หายง่วงหรือยัง
HZTao!
ยัง 11:16
11:16
11:17 แอบหลับสิ ทำบ่อยไม่ใช่เหรอ
HZTao!
แอบไม่ได้แล้ว เมื่อกี้อาจารย์เดินมาตบหัว 11:17
สมองแทบไหล 11:17
11:17
11:17 ไหงงั้น เพื่อนไม่เตือนเลยหรือไง
HZTao!
เพื่อนแหละตัวดีเลย แม่งเอาแต่นั่งขำ 11:18
11:18 น่าสงสารจัง
HZTao!
โอ๋หน่อย 11:18
11:18 เพ้อเจ้อ ไปตั้งใจเรียนเลยไป เดี๋ยวก็โดนตบหัวอีกรอบหรอก
11:18
HZTao!
11:18
เซฮุนยิ้มพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ กับบทสนทนาเมื่อครู่ ไม่อยากจินตนาการเลยว่าตอนหวงจื่อเทาโดนเพ่นกบาลจนสะดุ้งตื่นกลางห้องเรียนจะเป็นยังไง ไหนจะคนนั่งข้าง ๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท ขอเดานะ... อย่างจงอินคงแอบกลั้นขำหลังจากปล่อยให้เพื่อนเผชิญชะตากรรมอย่างนั้นแน่ ๆ
ครืดดด...
มือถือสั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้มาจากไลน์ของหวงจื่อเทาหรือแฟนคลับรุ่นน้อง เด็กหนุ่มหยุดสายตาอยู่ที่หน้าจอสมาร์ทโฟนพร้อมหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างอัตโนมัติ มันเป็นอย่างนี้เสมอตอนเห็นว่าเจ้าของข้อความที่ส่งมาให้ได้ใจสั่นคือ...
คุณได้รับข้อความจาก...
‘นัมชินแซงนิม’
[ คุยกับใคร ]
นัยน์ตาเบิกกว้างแล้วหันไปทางประตูห้องในวินาทีถัดมาโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของข้อความกำลังเดินผ่านห้องเขาไปพร้อมปาร์คชานยอล เพียงแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นที่ทั้งคู่มีโอกาสสบตากัน กับระยะทางสั้น ๆ ที่เดินอีกแค่นิดหน่อยก็คงถึงห้องน้ำที่อยู่ตรงมุมสุดทางเดิน
เด็กหนุ่มตัวผอมเม้มริมฝีปากแล้วหันไปมองกระดาน หลังจากที่ผู้ชายสองคนนั้นเดินผ่านไปแล้ว เซฮุนคิดว่าเขาคงเสียสติไปแล้วที่เอาแต่ยิ้มกับประโยคสั้น ๆ อีกทั้งชื่อกำกับเบอร์โทรที่เพิ่งเปลี่ยนไปไม่นาน
นัมจาชินกู (แฟนหนุ่ม) บวกกับ ซอนแซงนิม (ครู) ก็เลยออกมาเป็น ‘นัมชินแซงนิม’
กว่าจะกดบันทึกชื่อใหม่ลงไปก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ถ้าจงอินรู้คงโดนแซวแน่ ๆกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีเพียงแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้นแหละที่จะใส่ใจ มันน่าตลกจริง ๆ โอเซฮุนไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องแบบนี้ แต่พอมันเกี่ยวข้องกับคิมจงอินเมื่อไหร่ ทุกอย่างมันก็ดูพิเศษขึ้นมาเอง
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘นัมชินแซงนิม’
[ เล่นเกมน่ะ ]
กดส่งเสร็จเรียบร้อยก็เม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มเอาไว้เพราะกลัวคนในห้องจะหันมาเห็นเข้า เซฮุนได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะชินกับความรู้สึกแบบนี้สักที เขาอยากให้อาการตื่นเต้นจางลงกว่าที่เป็นอยู่ มันเมื่อยแก้มเป็นบ้าตอนที่ต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติเมื่อได้รับข้อความจากจงอิน
คุณได้รับข้อความจาก...
‘นัมชินแซงนิม’
[ เป็นเกมนี่ดีจังเลยนะ ทำให้โอเซฮุนยิ้มได้ด้วย ]
เด็กหนุ่มเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ท่ามกลางเสียงสายฝนกับเสียงอาจารย์ผู้สอนหน้าห้อง ก็คงเป็นเสียงหัวใจของโอเซฮุนล่ะมั้งที่กำลังเต้นดังจนน่ารำคาญ แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้กับความรู้สึกที่ปิดไม่มิด
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘นัมชินแซงนิม’
[ เป็นแฟนก็ทำให้ยิ้มได้เหมือนกัน ]
โอเซฮุนชักจะเหิมเกริม หลังจากตกลงปลงใจเป็นแฟนกับจงอินเขาก็ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน พอนึกอยากกดลบแล้วพิมพ์ใหม่ก็สายไปแล้วหลังจากกดส่งเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มวางสมาร์ทโฟนลงบนหนังสือแล้วเอามืออังหน้าผากที่มันกำลังร้อนผ่าวพอ ๆ กับแก้มทั้งสองข้าง
คุณได้รับข้อความจาก...
‘นัมชินแซงนิม’
[ +10 จิตพิสัย ]
และวันนี้ก็เป็นเหมือนกับทุกวัน ที่โอเซฮุนต้องยิ้มเหมือนคนบ้า แล้วทนฟังเสียงหัวใจของตัวเองซึ่งมันเต้นแรงจนน่ารำคาญเพราะผู้ชายคนนั้น
คนที่เซฮุนเรียกว่า ‘ความสุข’
.
.
ตั้งแต่คบกับจงอิน เซฮุนก็รู้สึกว่าเวลามันเดินเร็วกว่าปกติ จากที่เคยปล่อยให้มันผ่านไปเฉย ๆ อย่างว่างเปล่า แต่เวลาเหล่านั้นกลับถูกเติมเต็มด้วยข้อความของคิมจงอิน คนที่ทำให้โอเซฮุนรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
จงอินพูดถูก ข้อความที่ส่งหากันมันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าบทสนทนาในแอพลิเคชั่นแชทหลายเท่า เพราะทุกครั้งที่คิดถึง เซฮุนจะเลื่อนอ่านข้อความเก่า ๆ แล้วยิ้มให้กับความสุขที่ได้รับ
มันเป็นเรื่องดีจริง ๆ ที่พอหันไปทางประตูห้องซ้อมเต้นแล้วหันจงอินยืนรออยู่ตรงนั้นพร้อมรอยยิ้ม เซฮุนยังจำเรื่องโปรโมชั่นช่วงเริ่มคบกับแฟนที่คนในอินเทอร์เน็ตบอกเล่าสู่กันฟังได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าคนคิดมากหมายเลขหนึ่งอย่างเขาคงไม่พลาดเก็บมันมาเป็นกังวล
แต่ถ้าเล่าเรื่องนี้เชื่อว่าคงถูกจงอินดุอีกแน่ ๆ เพราะฉะนั้นเขาจะมีความสุขกับปัจจุบันให้มากที่สุดและไม่เก็บเรื่องอื่นมาคิดมากทั้งที่มันยังไม่เกิดขึ้น เซฮุนเชื่อใจจงอิน และคิดว่าจงอินก็คงเชื่อใจเขาเช่นกัน
การกลับบ้านพร้อมแฟนก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง นึกแล้วก็ตลกดีที่เขากับจงอินสามารถหาเรื่องมาคุยกันได้ ทั้งที่เมื่อก่อนทั้งคู่เคยปล่อยให้ความเงียบเล่นงานอยู่บ่อย ๆ
เซฮุนชอบการนั่งรถเมล์เพราะมันทำให้เขาอยู่กับจงอินได้นานขึ้น ถึงแม้ว่าทางกลับบ้านของทั้งคู่จะไปกันคนละทาง แต่จงอินก็ยังยืนยันว่าจะนั่งรถเมล์ไปส่งเขาถึงที่บ้าน ซึ่งมันทำให้เขาลำบากใจอยู่ไม่น้อย เพราะมันคงทำให้จงอินกลับบ้านดึก
และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน ถึงได้รีบพูดดักขึ้นมาว่า ‘ไว้เป็นคนอื่นแล้วค่อยเกรงใจ’ ตอนนั้นเซฮุนถึงได้เงียบไปเพราะพูดอะไรไม่ออก จงอินบอกว่าถ้ามีเวลาก็อยากไปส่งให้ถึงบ้าน อยากเห็นกับตาว่าเขาเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นต้องการ
ด้วยเหตุผลนั้น เซฮุนถึงได้กล้าเห็นแก่ตัว แล้วให้จงอินมาส่งที่บ้านทุกวันโดยไม่รู้สึกผิดอีก
.
.
ทั้งคู่นัดเจอกันหน้าโรงหนังในวันหยุดสุดสัปดาห์ เดทของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่เปียโนหลังเดิมในห้องสี่เหลี่ยมเหมือนครั้งก่อน ๆ เซฮุนใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สบาย ๆ แล้วตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง
โชคดีที่เขาทั้งคู่เป็นคนตรงต่อเวลา เพราะฉะนั้นเดทครั้งนี้ถึงไม่มีใครต้องรอ จงอินบอกว่าเพิ่งมาถึงได้ห้านาที ซึ่งมันเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครอารมณ์เสีย ถ้าหากว่าใครคนหนึ่งมาสาย
เด็กหนุ่มตัวสูงทั้งสองคนหยุดยืนอยู่หน้าโปรแกรมหนัง สายตาจับจ้องอยู่กับตัวเลขซึ่งบ่งบอกถึงเวลาฉายในแต่ละเรื่องแล้วก็ขมวดคิ้ว
“อยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ เรื่องนั้นเราก็เพิ่งดูกันไปเมื่อวันพุธ ส่วนหนังผีอีกเรื่องฉันดูเทลเลอร์มาแล้ว มันไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่เลย”
เซฮุนเพ่งมองที่โปสเตอร์หนังสยองขวัญ เขาจะไม่พูดเด็ดขาดว่าแอบไปอ่านสปอยล์ในเวปบอร์ดมาแล้ว และคำวิจารณ์แต่ละคอมเมนท์ที่พูดถึงนั้นก็ไปในทางติดลบ ว่าหนังเรื่องนี้มันห่วยแตกบรมแค่ไหน แน่นอนว่าถ้าพูดออกไปจงอินคงได้บ่นหูชาหาว่าเขาตัดสินหนังเรื่องนึงเพราะคำพูดคนอื่นทั้งที่ยังไม่ได้ดูแน่ ๆ
“แต่มันมีปมฆาตกรด้วยนะ”
“ใช่ นายอยากดูเหรอ?” เด็กหนุ่มตัวผอมหันไปมองหน้าคนข้าง ๆ ที่ยังคงจดจ้องอยู่กับโปรแกรมหนัง ก่อนจะหันมาสบตากัน
“ไม่ได้อยากดูสักเรื่อง ที่ชวนมาก็เพราะอยากหาเวลาอยู่กับนายน่ะ”
โห... อยู่ดี ๆ ก็พูดแบบนี้ได้ไง...
“เอ้า... ถ้าเหตุผลแค่นั้นแล้วจะเสียเงินดูหนังทำไมล่ะ...”
“ก็ไม่อยากขังนายไว้ในห้องกับเปียโนทุกอาทิตย์นี่” จงอินยิ้มขำแล้วคว้าแขนเขาให้เดินออกมาจากตรงนั้นด้วยกัน เซฮุนเลิกคิ้วมองคนที่กำลังลากเขาไปหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างงง ๆ ผู้ชายคนนี้ชักจะเข้าใจยากเกินไปแล้ว
“เรื่องอะไรดีคะคุณลูกค้า”
“ขอเรื่องไหนก็ได้ที่ฉายตอนบ่ายโมงครับ”
“...”
จากที่งงอยู่แล้วยิ่งงงเข้าไปใหญ่ตอนได้ยินอีกฝ่ายสั่งซื้อตั๋วหนังราวกับว่าหลับตาสุ่มเลือกเรื่อง คาดว่าตอนนี้สีหน้าของเขากับพนักงานขายตั๋วคงไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่พอคนเข้าใจยากหันมายิ้มให้เขาถึงได้รู้ว่านั่นคือวิธีตัดสินใจของจงอิน
ถ้าจุดประสงค์ในวันนี้มันคือ ‘อยากอยู่ด้วยกัน’
.
.
กินมื้อเที่ยงเรียบร้อยก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนเข้าโรงหนัง โค้กแก้วเดียวยังคงเป็นเครื่องดื่มแก้เขินที่วางไว้ตรงพนักวางมือตรงกลางได้ ตลอดเวลาสองชั่วโมงที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้นมือของเขาและคนข้าง ๆ ต่างชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะจับมือกันตั้งแต่ห้านาทีแรกที่หนังเริ่ม
แต่เซฮุนไม่รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญใจเลยสักนิด กลับกันแล้วเขายังชอบที่จะรู้สึกแบบนี้เสียด้วย ในเมื่อจงอินไม่ยอมปล่อยมือ เซฮุนก็จะไม่ปล่อยเหมือนกัน
พอออกมาข้างนอกก็พูดคุยถึงหนังที่เพิ่งดูจบไป จงอินวิเคราะห์มันออกมาเป็นฉาก ๆ อย่างออกรสถึงซิมโบลิกและเอกลักษณ์ที่หนังถ่ายทอดออกมาอีก เซฮุนไม่เคยรู้ว่ามันลึกซึ้งขนาดนั้น หรือแม้แต่เหตุผลของตัวละครที่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง จงอินก็อธิบายให้ฟังจนเขาเข้าใจได้
ตอนนี้เพิ่งบ่ายสามเศษ ๆ แน่นอนว่าสำหรับคนที่ชอบอยู่กับเพื่อนและหนังสืออย่างจงอินคงไม่มีโปรแกรมเดินเอื่อยเฉื่อยในห้างให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ แน่ และเขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบเดินด้วย เพราะฉะนั้นทั้งคู่ถึงได้หยุดยืนอยู่เฉย ๆ อย่างคนไร้ที่ไป
“ไปไหนต่อดี”
“นั่นสิ”
ในมือของเขามีแก้วชานม ส่วนของจงอินเป็นแก้วกาแฟร้อนแบบเทคอเวย์ ทั้งคู่มองลงไปชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าเพื่อเป็นที่ยึดสายตาแล้วให้สมองได้คิดว่าจะเอายังไงต่อดี
“คนทั่วไปเขาเดทกันแบบนี้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเหรอ” เซฮุนหลุดขำออกมากับคำพูดของคนข้าง ๆ ตอนนั้นจงอินถึงได้หันมามองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “ฉันไม่ได้หมายความว่าเดทวันนี้น่าเบื่อนะ”
“จะพูดก็ได้ เพราะฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เด็กหนุ่มผิวแทนเลิกคิ้วมองกับสิ่งที่เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดมันออกมา “เดทหน้าเปียโนก็สนุกดี ฉันชอบแบบนั้นนะ” เซฮุนอมยิ้มขณะสบตากับอีกฝ่าย “นายกลัวฉันเบื่อเหรอ”
“...”
เด็กหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่าย และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับคำตอบแล้ว ผ่านทางดวงตาคู่นั้นที่กำลังเบือนหลบไปอีกทางหลังจากถูกเดาใจออก
“มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ” เซฮุนเอาศอกสะกิดแขนคนข้าง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขย่าใหล่เบา ๆ หลายวินาทีเลยทีเดียวกว่าจงอินจะหันมา
“มันก็ต้องมีบ้างไม่ใช่หรือไง?”
“หา?”
“ฉันคงรู้สึกแย่ถ้าเกิดวันหนึ่งนายเดินเข้ามาบอกฉันว่า ‘เราเลิกกันเถอะ ฉันเบื่อที่จะต้องทนฟังเสียงเปียโนของนายแล้วคิมจงอิน’”
เซฮุนทำตาปริบ ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไหนจะสายตาที่มาพร้อมกับความไม่มั่นใจนั่นอีก เด็กหนุ่มหลุดยิ้มออกมาจนตาเป็นสระอิแล้วอ้าปากงับหลอดชานม ตอนนั้นจงอินถึงได้ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะหมั่นเขี้ยวอีกฝ่าย ที่กำลังทำหน้าเหมือนผู้ชนะใส่เขา
“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น” จงอินบีบปากคนข้าง ๆ จนเหมือนปากเป็ด เซฮุนไม่ควรเคี้ยวไข่มุกแล้วทำตาเป็นสระอิตอนเขากำลังคิดมากแบบนี้
“อ๋อโอ้ด ไอ้อำแอ้ว” (ขอโทษ ไม่ทำแล้ว)
“ดี”
จงอินคลายมือออกจากริมฝีปากคนตัวผอมแล้วเขี่ยปลายจมูกรั้นปิดท้าย ทั้งคู่ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าอีกครั้ง คงมีแค่โอเซฮุนคนเดียวเท่านั้นที่กำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับชาไข่มุกในแก้วที่วันนี้มันก็หวานเหมือนกับทุกวัน
บอกเขาว่าอย่าคิดมาก แต่จงอินดันเก็บไปคิดเองได้ยังไงกัน
“อยากกลับบ้านหรือยัง?”
“ไม่อยาก”
“แล้วจะไปไหนดีล่ะ กลับบ้านไปนั่งเรียนเปียโนเหรอ?” เด็กหนุ่มทั้งสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง “จากใจเลยนะว่าฉันอยากให้นายห่างจากเปียโนหลังนั้นสักพัก ฉันเคยเรียนมาว่าคนเราถ้าอยู่กับอะไรนาน ๆ แล้วจะเบื่อ เหมือนกับตอนที่ชอบเพลง ๆ นึงมาก ๆ แล้วก็บั่นฟังมันอยู่เพลงเดียวจนเบื่อ และหลังจากนั้นก็จะฟังมันไม่ได้อีก”
ดูเหมือนว่าจงอินจะคิดมากกับจุดหมายปลายทางของเดทในวันนี้สุด ๆ ไปเลย ทั้งสีหน้าและประโยคที่พูดออกมา โอเซฮุนไม่แน่ใจเลยว่าคนที่คุยอยู่กับเขาในตอนนี้คือคิมจงอินคนเข้าใจยาก
“งั้นไปที่อื่นกันไหม มีที่ที่นายอยากไปหรือเปล่า?” เซฮุนเท้าศอกลงกับราวกั้นแล้วหันไปขอความเห็นจากคนข้าง ๆ ถ้าจงอินบอกว่ากลัวเขาเบื่อ เขาก็จะเชื่อที่จงอินพูด เด็กหนุ่มผิวแทนเงียบไปนานเกือบหนึ่งนาที ก่อนจะหันมายิ้มแล้วคว้าขอมือเขาเอาไว้
“รู้แล้วว่าจะไปไหน”
50%
เซฮุนไม่เคยนั่งรถไฟไปต่างจังหวัดมาก่อน จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกนอกโซลด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีพ่อแม่หรือครูอาจารย์ เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งตัวเขาสองคนมีเพียงแค่กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่พกติดตัวมาด้วย
มันเป็นการออกต่างจังหวัดที่ไม่มีการเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างมันปุบปับจนคิดว่าจงอินแค่พูดเล่น ๆ จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปซื้อตั๋วรถไฟ เท่านั้นแหละ... เขาเลยได้แต่นั่งแชร์หูฟังคนละข้างตลอดเวลาที่อยู่บนรถไฟ
จงอินยื่นสมาร์ทโฟนให้พร้อมบอกรหัสปลดล็อกเพื่อให้เขาเลือกเพลงที่อยากฟัง เซฮุนจำได้ว่าเพลงในเครื่องจงอินมีให้เลือกไม่มากสักเท่าไหร่ เมื่อตอนเรียนเปียโนครั้งล่าสุดก็ลายตาแทบแย่กับลิสต์ที่มีแต่คำว่า Yiruma กับรายชื่อนักเปียโนระดับโลกอีกมากมายที่เขาจำไม่ได้ แถมเพลงบัลลาดอีกนิดหน่อย
แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนเอาเครื่องปั๊มหัวใจมาชาร์จเข้ากลางอกอย่างแรง ทันทีที่กดเข้าไปแล้วเห็นรายชื่อเพลงเกือบสามร้อยเพลงที่คุ้นตา เซฮุนรู้สึกเหมือนกำลังสติพังตอนหันไปเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าผู้ชายเข้าใจยาก ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งคู่เพียงแค่ปล่อยให้เสียงเพลงเบา ๆ คลอไปกับเสียงล้อเสียดสีรางรถไฟช่วยทำลายความเงียบ
ยังไม่ทันได้คาดเดาความคิดของแววตาคู่นั้น มือคนข้าง ๆ ก็เลื่อนมาวางบนหลังมือเขา ก่อนจะค่อย ๆ สอดประสานเรียวนิ้วกันและกัน พร้อมคำพูดที่ทำให้ใจเต้นแรง
“ในเมื่อนายอยากเล่นเปียโนเป็น ฉันก็เลยอยากลองฟังเพลงแนวที่นายชอบดูบ้างน่ะ”
พอได้ยินอย่างนั้นโลกของโอเซฮุนก็รวนไปหมด เด็กหนุ่มตัวผอมรู้แค่ว่าหลุดยิ้มแหย ๆ แก้เขิน ก่อนจะก้มหน้าสไลด์จอเพื่อเลือกเพลง ในวินาทีนั้นเซฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กอนุบาลที่ยังอ่านหนังสือไม่ออก ตัวอักษรบนจอมือถือกลายเป็นอะไรสักอย่างที่อ่านไม่เข้าหัว สิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มรู้สึกได้คือความร้อนผ่าวบนใบหน้า หลังจากได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจความรู้สึกของเขามากแค่ไหน
สองชั่วโมงครึ่งกับการเดินทางด้วยรถไฟในที่สุดก็มาถึงคังวอนโด เซฮุนรู้แล้วว่าเดทปกติเหมือนคนทั่วไปมันเป็นเรื่องน่าอึดอัดสำหรับจงอินมากแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ถึงได้พาเขาทำอะไรหลุดโลกมาจนถึงตรงนี้ได้
ถ้าพูดถึงคังวอนโดก็ต้องนึกถึงเกาะนามิ ที่นี่เป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับคู่รัก มีทั้งภูเขา ดอกไม้สวยที่มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายตา แม้ท้องฟ้าสีครามเกือบหกโมงเย็นจะเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานฝนคงตก
เคยจินตนาการอยู่หลายครั้งว่าหลังจากคบกันแล้วจะเป็นยังไง เซฮุนนึกออกแค่ห้องนอนของจงอินที่มีเปียโนหลังใหญ่ กับห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนอยู่มากมาย แต่เขาก็ชอบเดทที่มันเรียบง่ายแบบนี้
ทางเดินยาวที่มีต้นสนรายล้อมอยู่รอบข้าง เด็กหนุ่มยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายความสวยงามของที่นี่เอาไว้ไม่หยุดมือ พอรู้ตัวอีกทีก็หันไปเห็นว่าจงอินเองก็กำลังถ่ายรูปอยู่เช่นกัน แต่มันต่างกันตรงที่...
ผู้ชายคนนั้นกำลังถ่ายรูปเขา
“ยิ้มหน่อย”
จงอินกำลังมองเขาผ่านหน้าจอมือถือ เซฮุนยืนนิ่งแล้วยิ้มอย่างขลาดเขินโดยที่ไม่รู้เลยว่าต้องโพสท่ายังไงเพื่อไม่ให้มันดูตลกในสายตาอีกฝ่าย เลยได้แต่ชูสองนิ้วขึ้นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ซึ่งมันคงเปิ่นมาก ผู้ชายคนนั้นถึงได้หลุดยิ้มออกมาทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากจอโทรศัพท์
ฟ้าเริ่มมืดครึ้มเมื่อดวงตะวันใกล้จะตกดิน บนทางเดินยาวที่มีผู้คนอยู่ประปราย อาจเป็นเพราะภูมิอากาศที่ดูเหมือนว่าฝนพร้อมจะตกลงมาทุกเมื่อ หลายคนอาจจะเลือกออกมาตอนที่ฟ้าฝนเป็นใจ แต่เขาทั้งคู่กลับไม่คิดอย่างนั้น เซฮุนรู้แค่ว่าถ้ามีจงอินอยู่ตรงนี้ ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น เขาจะไม่เป็นไร
“ชอบที่นี่ไหม?”
“ชอบสิ ว่าแต่นายเคยมาแล้วเหรอ”
“อืม” จงอินเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสบตากับคนที่เดินห่างจากเขาอยู่ราว ๆ สามช่วงแขน แววตาของเซฮุนฉายแววสงสัย แม้ว่าเจ้าตัวยังคงเลือกที่จะเงียบเพื่อรอฟังเขาพูดต่อ “เคยมากับเพื่อนน่ะ”
“อ๋อ... ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนต้องสนุกมากแน่ ๆ เลยใช่ไหม” เซฮุนยิ้มตาหยีหลังจากได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ แต่ถึงจงอินจะบอกว่าเคยมากับแฟนเก่าเขาก็ไม่กล้าโกรธหรอก กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อย่างมากเขาก็ทำได้แค่อิจฉาคน ๆ นั้นที่จงอินเคยรักมาก่อน
ขอโทษนะจงอินที่เขาแอบดีใจกับเรื่องนี้...
“ปิดเทอมนี้ไปไหนหรือเปล่า?”
“ไม่รู้ว่าพ่อจะพาไปเที่ยวไหนไหม ทำไมเหรอ?” เซฮุนเลิกคิ้วถามคนข้าง ๆ ที่ยังทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า
“ถ้าไม่ได้ไปไหน ฉันก็อยากพานายมาที่นี่อีก” จงอินอมยิ้ม “ไม่เคยมาเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ?”
ทั้งคู่หยุดยืนอยู่กับที่แล้วปล่อยให้ความเงียบของธรรมชาติทำงาน จงอินไม่ได้ดูประหม่าเหมือนตอนที่อยากพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาใจเต้นแรง ผู้ชายคนนั้นเพียงแค่ดึงมุมปากทั้งสองข้างขึ้น เพื่อเพิ่มรอยยิ้มให้กับใบหน้า
“ฉันจะเป็นทั้งเพื่อนและแฟนที่ดีให้กับนายเอง”
“...”
“ยังมีอีกหลายที่ ที่ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับนาย แต่ฉันทำมันทั้งหมดภายในวันนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเก็บเรื่องนี้ไปคิดดูนะ... อืม... ฉันหมายถึงว่าถ้านายไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนกับพ่อแม่น่ะ”
ต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเขินจะแย่อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ทำได้แค่มองหน้ากันและกันพร้อมรอยยิ้มอย่างขลาดเขิน จนกระทั่งจงอินหัวเราะพร้อมยื่นมือมาให้เขาจับนั่นแหละ บรรยากาศระหว่างเราถึงผ่อนคลายขึ้น
“จงอิน”
“ว่าไง”
“ขอบคุณนะ”
ราวกับว่าคำพูดทุกอย่างถูกกระแสลมแรงพัดผ่านไปยังไงอย่างนั้น ทั้งคู่เพียงแค่สบตากัน ก่อนที่เด็กหนุ่มตัวผอมจะรู้สึกได้ถึงเรียวนิ้วที่สอดประสานมือกันแน่นยิ่งขึ้นที่มาพร้อมรอยยิ้มจากผู้ชายที่เขารัก
“ขอบคุณเหมือนกัน”
.
.
“อ่า... เปียกหมดเลย”
เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดยืนอยู่ใต้กันสาดร้านตัดผมที่ปิดร้านไปแล้ว เซฮุนยกแขนขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มลงมองเสื้อผ้าที่เปียกปอนไปกว่าครึ่งตัวหลังจากวิ่งฝ่าสายฝนที่อยู่ ๆ ก็ตกลงมาโดยไม่ทันได้ตั้งหลัก ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ฝนก็ต้องตก แต่เขาก็ไม่คิดว่าพระเจ้าจะสาดน้ำลงมาดับความโรแมนติกตอนที่กำลังรู้สึกดีกับจงอินสุด ๆ แบบนั้น
เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดสนิทอย่างเสียดาย ตอนนี้ก็ทุ่มเศษ ๆ แล้ว อีกทั้งบนถนนยังไม่มีรถโดยสารขับผ่านราวกับเป็นเมืองร้าง เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าเขาจะหาทางกลับโซลยังไงในเวลาแบบนี้ เซฮุนยืนกอดตัวเองทั้งหนาวสั่น ก่อนจะชะงักไปเมื่อรู้สึกได้ว่าใครอีกคนถอดเสื้อแขนยาวออกมาคลุมศีรษะให้กับเขา
เหมือนกับวันนั้นเลย...
“ไม่อนุญาตให้เป็นหวัดนะ” จงอินพูดติดตลกแม้ว่าสีหน้าจะเรียบเฉย เซฮุนรั้งเสื้อยีนส์สีซีดลงมาคลุมไหล่ตัวเองเอาไว้แล้วขยับไปยืนชิดคนข้าง ๆ
“ถ้าฉันเป็นหวัด มันจะกลายเป็นความผิดของนายทันทีเลย”
“ขอโทษล่วงหน้าแล้วกัน”
ทั้งคู่ยิ้มขำกับความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันฝนตก เด็กหนุ่มทั้งสองคนยืนรอให้ฝนซาอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่พูดอะไร จะมีก็แต่ความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่อีกฝ่ายส่งต่อมาเท่านั้น แม้ว่ารองเท้าคู่เก่งจะเปียกปอน เสื้อผ้าเปียกชุ่ม แต่เซฮุนก็คิดว่ามันคุ้มค่า ถ้าแลกมาซึ่งความสุข
“เซฮุน”
“อือ”
“แบตมือถือเหลือกี่เปอร์เซ็นต์?” คนถูกถามล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเอามือถือขึ้นมากดดู โชคดีที่มันเปียกแค่นิดหน่อย ไม่งั้นคงแย่แน่
“สิบห้า”
“อืม”
จงอินขานตอบในลำคอแล้วยื่นมือมา เซฮุนได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะวางสมาร์ทโฟนลงบนมืออีกคนอย่างว่าง่ายพร้อมกดปลดล็อกรหัสผ่านหน้าจอ เขาเห็นว่าจงอินเข้าตรงรายชื่อโทรเข้าออก ผู้ชายคนนั้นเอามือถือทาบหูแล้วหันมามองหน้าเขา
“สวัสดีครับคุณป้า ผมจงอินเองครับ”
“นายโทรหาแม่ฉันเหรอ?”
“คุณป้าอาจจะยุ่งอยู่ ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับ” จงอินหลุบสายตาลงระหว่างคุยกับคนในสาย “ผมพาเซฮุนมาคังวอนโดโดยไม่ได้ขออนุญาตคุณป้าก่อน และตอนนี้ฝนก็ตกหนักมากเลยทำให้เรายังกลับโซลไม่ได้ มันจะเป็นไรไหมครับถ้าเกิดผมจะขออนุญาตพาเซฮุนค้างที่นี่สักคืน”
“...”
จงอินพูดความจริงทุกอย่างด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โดยไม่กลัวเลยว่าคนในสายจะต่อว่าหรือเปล่า เซฮุนรู้ว่าพ่อแม่ตามใจเขาทุกอย่าง และท่านก็คงไม่ด่าว่าเด็กผู้ชายที่ท่านถูกใจมาก ๆ อย่างจงอินด้วย เซฮุนก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกมือจงอินกุมเอาไว้อีกครั้ง มันหละหลวม แต่ก็คล้ายจะบอกกับเขาว่า ‘ไม่เป็นไร’
“พรุ่งนี้เราสองคนจะรีบกลับโซลให้เร็วที่สุดครับ... ครับ ผมจะไปส่งเซฮุนถึงบ้านเลย ...มันเป็นเรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบที่พาเซฮุนออกมาต่างจังหวัดโดยที่ไม่บอกคุณลุงกับคุณป้าก่อน ครับ ผมทราบแล้ว ครับ ผมจะไม่ให้เซฮุนเป็นหวัดเด็ดขาด ครับผม ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
คนที่ควรรู้สึกอุ่นใจหลังจากได้ยินคำพูดของจงอินควรจะเป็นแม่เขามากกว่าไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้เซฮุนกำลังรู้สึกดีจนกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ทำไมจงอินต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย
“ความจริงไม่ต้องโทรบอกแม่ก็ได้ ท่านไม่รู้หรอกว่าฉันหายไปเที่ยวไหนมา เพราะกว่าพ่อแม่จะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว”
“เพราะงั้นฉันถึงต้องโทรไปรายงานไง” เด็กหนุ่มตัวผอมหลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายเคาะมือถือลงกลางหน้าผากเขาเบา ๆ เซฮุนลืมตาขึ้นมองคนข้าง ๆ แล้วรับมือถือมาเก็บไว้ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงเสื้อยีนส์ที่อีกคนดึงขึ้นคลุมศีรษะเขาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
“ไปสิ” เซฮุนพยักหน้ายิ้ม
“เก็บมือถือดี ๆ ด้วยเดี๋ยวมันเปียก”
รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอนุบาลที่ต้องให้ผู้ใหญ่ดูแล เซฮุนอมยิ้มแล้วแบมือออกมาเป็นเชิงขอกระเป๋าเงินกับมือถือจงอิน ก่อนจะซ่อนมันไว้ใต้เสื้อยีนส์แล้ววิ่งฝ่ากระแสฝนออกไปด้วยกัน
.
.
ห้องพักแคบ ๆ ราคาถูกคือจุดหมายปลายทางในคืนนี้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนหยุดยืนอยู่หน้าประตูแล้วกวาดสายตาไปรอบห้องสีสลัวที่จะว่าบรรยากาศโรแมนติกก็ไม่ใช่ ภายในมีเตียงห้าฟุต กับเก้าอี้สองตัวที่ตั้งขนาบข้างโต๊ะไม้เล็กข้างโต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก
เขาเพียงแค่มองตามใครอีกคนที่เดินไปหยุดอยุ่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดออกก่อนจะเห็นว่ามีเพียงแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมอาบน้ำอย่างละสองชุดเท่านั้นที่อยู่ข้างใน
“ถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจะเอาชุดไปส่งซักแห้งข้างล่าง” ประโยคนี้ทำเอาคนฟังถึงกับตาเหลือก เซฮุนไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสาอะไรหรอกนะ แต่คำพูดและสีหน้าของจงอินที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรนั่นดูแบดบอยเกินไปหรือเปล่า
“นายอาบก่อนเลย เดี๋ยวฉันเอาไปส่งซักเอง”
“เดี๋ยวนายเป็นหวัด อย่าเถียงได้ไหม?” จงอินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมวางผ้าขนหนูลงบนศีรษะเขาอีกแล้ว เซฮุนหลุบสายตาลงเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ถอยออก แต่กลับช่วยเช็ดผมให้อย่างเบามือ
“จะได้สั่งอาหารขึ้นมาด้วยไง นะ... ฉันหิว แค่นี้เองไม่เป็นหวัดหรอก” สิ่งที่มองเห็นตอนนี้มีเพียงแค่เสื้อยืดของจงอินที่มันแนบชิดกับเนื้อผิว เชื่อว่าถ้าหยุดสายตาตรงนี้มันคงปลอดภัยกว่าให้เงยหน้ามองจงอินตอนเปียกน้ำ ซึ่งมันเซ็กซี่ชวนเขินจนเกินไป
“...”
“ฉันเปียกน้อยกว่านายอีก เราผู้ชายเหมือนกันนะ นายนั่นแหละจะป่วย ถอดเสื้อผ้าออกมาเดี๋ยวนี้เลย” เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้ว ด้วยการชี้หน้าคาดโทษคนตรงหน้า
จงอินยืนนิ่งไปครู่หนึ่งระหว่างสบตากัน เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็นว่าอยู่ ๆ อีกฝ่ายถอดเสื้อออกแล้วพาดลงกับมือเขา ก่อนจะปลดเข็มขัดและตามด้วยการร่นกางเกงยีนส์ลงไปจนถึงข้อเท้า
เด็กหนุ่มตัวผอมรีบเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ใช่ว่าจะไม่มีเหมือนกัน หรืออะไรก็ตาม แต่การที่แฟนมาแก้ผ้าให้เห็นต่อหน้านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เซฮุนรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าตายเดี๋ยวนี้ตอนที่อีกฝ่ายพาดกางเกงยีนส์เปียกชุ่มลงมา
“กางเกงในคงไม่ต้องใช่ไหม?”
“อันนั้นเราซักกันเองเถอะ” เซฮุนคิดว่าหน้าของเขาใกล้จะระเบิดเต็มที เด็กหนุ่มตัวผอมหลับตาแน่นแล้วผ่อนลมหายใจออกมากับสถานการณ์แปลก ๆ ในตอนนี้ ก่อนจะสะดุ้งถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายโผล่หน้าเข้ามาอยู่ในม่านตาเขาพร้อมโบกมือไปมา
“รีบขึ้นมาล่ะ”
“รู้แล้วน่า”
“ฉันจะรีบอาบ”
“อือ”
เซฮุนมองอีกคนในสภาพผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวที่ผูกอยู่กับเอวหนา ผิวสีแทนของจงอินเรียกเลือดบนใบหน้าเขาได้มากแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้หน้าเน่อมันร้อนไปหมดแล้ว ไม่ได้อยากคิดเรื่องลามก แต่โอเซฮุนไม่สามารถมองอีกฝ่ายเปลือยตัวอย่างบริสุทธิ์ใจได้ หลังจากตกลงเป็นแฟนกัน
ทันทีที่จงอินเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มตัวผอมก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าออกมารวมกันแล้วห่อผ้าขนหนูที่ช่วงเอวพร้อมสวมทับด้วยชุดคลุมอาบน้ำอีกทีเพื่อเตรียมเอาเสื้อผ้าเปียกฝนไปส่งซัก โมเทลที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตนัก เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่ต้องกังวลว่าจะเดินสวนทางกับผู้คนทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนี้
หลังจากส่งซักรีด คนเป็นเจ้าของโมเทลก็บอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงจะเอาเสื้อผ้าขึ้นไปให้ เด็กหนุ่มยืนเลือกเมนูง่าย ๆ เผื่อตัวเขาและจงอินก่อนจะกลับไปบนห้อง ที่เหลือก็แค่รอคนขึ้นมาส่งอาหาร
ทันทีที่กลับมาถึงก็เห็นว่าจงอินกำลังง่วนอยู่กับมือถือหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่คราวนี้ดีที่ว่าอีกฝ่ายสวมชุดคลุมอาบน้ำไว้ด้วย เซฮุนไม่เสียเวลานานไปกว่านี้ เขาควรรีบอาบน้ำแล้วออกมารอมื้อเย็นที่อีกเดี๋ยวเดียวคงมาส่ง
.
.
เซฮุนอาบน้ำไม่นานเหมือนอย่างเคย เพียงแค่สิบนาทีเขาก็ออกมาข้างนอก ตอนนี้จงอินนั่งก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ปลายเตียง เขาเห็นว่าผมของผู้ชายคนนั้นยังไม่แห้ง เลยเอาผ้าขนหนูของจงอินไปโปะลงแล้วเช็ดผมให้เบา ๆ
“...”
จงอินไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วถามทางสายตาหรือคำพูดว่าเขากำลังจะทำอะไร ผู้ชายคนนี้ยังคงสนใจอัลบั้มรูปในมือถือแล้วใช้มืออีกข้างกอดเอวเขาเอาไว้ เซฮุนหลุบสายตาลงมอง เขารู้สึกรำคาญความเพ้อฝันตัวเองที่คิดไปว่าสักวันหนึ่งเราอาจจะได้อยู่ด้วยกันและมีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีก
เซฮุนชะงักมือเมื่ออีกคนออดอ้อนโดยการเอนศีรษะลงมาซบกับหน้าท้องของเขาซึ่งมีเพียงแค่ชุดอาบน้ำที่คั่นกลาง ในทีแรกก็เป็นกังวลว่าจงอินปวดหัวหรือเปล่า แต่ความสงสัยทุกอย่างก็หมดไปเมื่ออีกฝ่ายรั้งเอวเขาเข้าไปใกล้พร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
เด็กหนุ่มทั้งสองคนในชุดคลุมอาบน้ำในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง เซฮุนรู้สึกแปลก ๆ กับสถานการณ์ที่พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แววตาของจงอินลึกซึ้งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขารักที่จะสบตากับผู้ชายคนนี้แม้ว่ามันต้องแลกกับความเขินอาย
“กอดแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ ก่อนจะวางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่อีกคนระหว่างสบตากัน จงอินอมยิ้มแล้วหันจอมือถือมาทางนี้ เพื่อให้ดูรูปมากมายที่ล้วนแต่เป็นรูปเขาในอัลบั้มนั้น
“ที่จริงฉันอยากถ่ายวิวแถวนั้น แต่ก็ขอบคุณที่เป็นนายแบบให้”
“แอบถ่ายก็บอกมาตรง ๆ เถอะ”
“รูปแอบถ่ายมันจะดูเป็นธรรมชาติเสมอ ไม่รู้หรือไง?” ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เซฮุนยิ้มออกมาเพราะคำพูดของผู้ชายคนนี้ เด็กหนุ่มตัวผอมทาบสองมือลงบนแก้มอีกฝ่ายทั้งที่ยังจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“ถ้าวันนั้นนายแค่เดินผ่านไปเฉย ๆ เราก็คงไม่ได้คุยกันแบบนี้”
ทุกครั้งที่รู้สึกได้รับความรัก เซฮุนมักจะนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ เหมือนกับอยากยืนยันกับตัวเองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทุกวินาทีนี้มันคือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝันที่จะเลือนหายไปเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
“ไม่แน่หรอก”
“...”
“ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะปฏิเสธความรู้สึกตัวเองว่าไม่ได้สนใจนาย แต่ทุกครั้งที่นั่งในโรงอาหาร สายตาของฉันจะมองออกไปข้างนอกเพื่อมองหานายที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ตัวนั้น”
“...”
“มองนายนั่งกินขนมปัง ใส่หูฟังแล้วหัวเราะกับมือถืออยู่คนเดียว”
“...”
“ถ้าเราไม่ได้เจอกันวันนั้น มันก็ต้องมีสักวันที่พระเจ้าขีดเส้นทางให้ฉันกับนายมาเจอกันอยู่ดี”
เซฮุนไม่แน่ใจว่าระหว่างแววตากับน้ำเสียงของจงอิน อะไรที่อ่อนโยนกว่ากัน และสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คืออะไร หัวใจที่เต้นแรงงั้นเหรอ คงใช่... เขาทำมันได้ดีที่สุดแค่นี้
“จงอิน”
“หืม?”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่เสียใจที่ได้ชอบนาย”
“...”
“นายคือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตฉัน” เซฮุนพูดความในใจออกไปเท่าที่นึกได้ แน่นอนว่ามันยังมีอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจ ทั้งความรู้สึกที่สามารถบอกเป็นคำพูดได้ และที่ต้องพึ่งการแสดงออก
“ในวันข้างหน้า... ช่วยชอบฉันเหมือนที่ชอบในวันนี้ด้วยนะเซฮุน”
อาจจะมีคนเกิดวันนี้ หรืออาจจะมีคนกำลังเข้าพิธีแต่งงาน แต่หนึ่งคนที่กำลังมีความสุขไม่แพ้คนเหล่านั้นก็คงเป็นโอเซฮุนคนนี้ ที่ได้ฟังคำขอร้องจากคิมจงอิน
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกรั้งเข้าไปนั่งทับตักอีกคนในวินาทีถัดมา เซฮุนปัดไรผมบนใบหน้าคมอย่างเบามือขณะที่ปลายจมูกของทั้งคู่เฉียดคลอเคลียกันอย่างแผ่วเบา
“อยากจูบ”
“ต้องพูดด้วยหรือไง...”
เสียงของเซฮุนคล้ายกระซิบ จงอินหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเอียงใบหน้าปรับองศาเพื่อมอบจูบให้อีกฝ่าย เซฮุนหลับตาลง เขาชอบความรู้สึกตอนจงอินรวบตัวเขาเข้าไปกอด ชอบเสียงลมหายใจที่ผ่อนออกมาอย่างยากลำบาก แต่เราก็ไม่คิดที่จะผละออกจากกัน
ความหนาวเย็นของแอร์ในห้องยังต้องแพ้ความอบอุ่นจากร่างกายเด็กหนุ่มทั้งสองที่กอดกันแนบแน่นจนแทบไม่มีช่องว่าง เซฮุนปล่อยให้ลิ้นร้อนของคนตรงหน้าแสดงความรัก ดูดดึงริมฝีปากล่างอย่างหลงใหลเมื่อเราปรือตาขึ้นมาสบตากัน
เซฮุนไม่รู้ว่าอะไรคือความอ่อนโยนที่แท้จริง แต่เขารู้สึกอย่างนั้นเมื่ออีกฝ่ายกดจูบลงบนปลายคางก่อนจะเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ซอกคอของเขา ความรู้สึกวาบหวิวชวนให้ร่างกระตุกทุกครั้งที่ริมฝีปากขบเม้มเบา ๆ เซฮุนทำได้เพียงแค่หลับตาแล้วเชิดหน้าขึ้นรับสัมผัสเหล่านั้น
เสื้อคลุมอาบน้ำถูกร่นลงไปกองอยู่ที่ข้อศอก เซฮุนหอบหายใจอย่างลำบากกับความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต ริมฝีปากของจงอินยังคงไล่พรมจูบไปตามอกบางอย่างอ่อนโยน เด็กหนุ่มตัวผอมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายแตะปลายลิ้นลงบนยอดอก จนเผลอขยำกลุ่มผมสีเข้มเพื่อระบายอารมณ์
“...”
เซฮุนพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แม้ว่าสัมผัสเหล่านั้นจะทำให้เขาแทบขาดใจ เด็กหนุ่มตัวผอมปรือตามองอีกคนที่ยังคงอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำซึ่งพ้นหัวไหล่ออกมาจนเห็นแผงอกแกร่งสีแทน อีกทั้งเชือกที่ดูเหมือนว่าจะหลุดออกได้ทุกเมื่อถ้าเผลอไปสะกิดโดนมันเข้า สมองของคนไร้ประสบการณ์ขาวโพลนไปหมด หนังโป๊ที่เคยดูมันก็แค่ฉากอย่างว่าที่ไม่ได้ใช้ความรู้สึกเหมือนกับตอนนี้
ไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกยังไงถ้าหากทุกอย่างมันจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ เซฮุนกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดห้อ เมื่ออีกคนโน้มตัวลงมาดูดดึงยอดอกเขาอีกครั้งจนเผลอแอ่นตัวรับสัมผัสนั้นโดยไม่รู้ตัว
เซฮุนไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ยอมรับว่าแค่ได้จูบกับจงอินมันก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแล้ว แต่สัมผัสของผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยคิดเอาไว้ ทุกอย่างมันอ่อนโยนจนอยากปล่อยใจให้มันเป็นไปตามที่อีกคนต้องการ
เรียวนิ้วที่เคยเล่นเปียโนกำลังลูบไล้ไปตามต้นขาของเขา เซฮุนกำลังจะแย่กับความรู้สึกที่ตื่นตัวขึ้นจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นมันเป็นเรื่องลามก เด็กหนุ่มเกร็งหน้าท้องเมื่อริมฝีปากหยักพรมจูบสลับคลอเคลียด้วยจมูกอยู่ตรงนั้น อีกทั้งยังสอดลิ้นหยอกล้อกับรูบุ๋มตรงสะดือชวนให้สติแตกอีก
แต่ทุกอย่างก็หยุดกลางคันเมื่ออีกฝ่ายนิ่งไป เซฮุนเพียงแค่มองศีรษะที่อยู่ตรงช่วงหน้าท้องของเขา ก่อนที่อีกจงอินจะยันตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วขยับเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาให้เข้าที่
ในหัวมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ในทีแรกจงอินก็เริ่มโดยไม่ให้เขาได้ตั้งตัว แต่อยู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็หยุดมันอย่างกะทันหันเสียอย่างนั้น
“หน้าแดงใหญ่แล้ว”
เสียงของจงอินแหบพร่า เซฮุนหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นหลังจากอีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาจูบหน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มบนใบหน้าจงอินคือสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าบรรยากาศระหว่างเราไม่ได้ติดลบ หรือมีอะไรที่ทำให้เซฮุนกลัวว่าเผลอทำพลาดไปหรือเปล่า
“ฉัน... ทำอะไรผิดหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มกลั้นใจถามออกไปอย่างประหม่า เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้จงอินเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน และเคยคบกับผู้ชายบ้างไหม ซึ่งถ้าโอเซฮุนเป็นผู้ชายคนแรก มันก็คงน่ากังวลพอสมควรเลยทีเดียวหากจงอินคิดว่ามันแย่กว่าผู้หญิง
คนถูกถามเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ขณะที่ยังคร่อมทับร่างคนรักเอาไว้ จงอินไล้นิ้วลงบนแก้มขาวอย่างเบามือแล้วส่ายหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ หลังจากที่เขาเกือบทำเรื่องนั้นลงไปเพราะหักห้ามใจไม่ไหว
“แล้วทำไมถึงหยุดล่ะ ไม่ชอบเหรอ”
เปล่าเลย กลับกันแล้วเขาชอบที่จะสัมผัสเซฮุนมากเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มผิวแทนผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จะว่าไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังทำให้ไอ้ตัวปัญหาใต้เสื้อคลุมอาบน้ำสงบลงไม่ได้เลย ยิ่งเห็นหน้าเซฮุนตอนขึ้นสีแบบนี้คิมจงอินก็แทบอยากโน้มลงไปฟัดจูบแรง ๆ อีกสักที
“ฉันชอบ แล้วก็อยากทำมากกว่านี้”
“...”
“แต่เราเพิ่งคบกัน ถ้าทำแบบนั้นมันจะน่าเกลียดเกินไป”
“...”
“ฉันจะไม่ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปแล้ว แต่ฉันจะบอกนายว่านี่คือคำเตือน”
เด็กหนุ่มตัวผอมสบตากับอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ปกติจงอินก็ดูเป็นคนจริงจังตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ในวินาทีนี้ให้คูณร้อยเข้าไป เซฮุนรู้สึกถึงความอุ่นของร่างกายอีกฝ่ายผ่านมือที่วางลงบนแผงอกแกร่ง จงอินกุมมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะจูบลงไปเบา ๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากกัน
“เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าวันนั้นมาถึงอะไรก็หยุดฉันไว้ไม่ได้ จำไว้นะเซฮุน”
TBC
คนมีศีลธรรมเขาก็หยุดกันกลางคันแล้วก็ขู่คนอื่นแบบนี้แหละค่ะ
เป็นแฟนกันแล้วจะหื่นแค่ไหนก็ได้เนาะ เกือบแล้ว เกือบแล้ว
ปล. ฉันตกใจแรงมาก เขียนฉากเสื้อคลุมอาบน้ำเซฮุนเสร็จแล้วเซฮุนอัพไอจีรูปเสื้อคลุมอาบน้ำ กรี๊ส
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จงอินเข้าใจสถานการณ์ และใส่ใจความรู้สึกเซฮุนมากเลย
ยิ่งอ่านยิ่งชอบจงอินจริงๆนะ
ผู้ชายแบบนี้จะมีในชีวิตจริงมั้ย 555
โอ้ย ผู้ชายอย่างคิมจงอินหาซื้อได้ที่ไหนบ้างคะ? จะขอเหมาซักโหล
แล้วยิ่งตอนคำเตือนนี่ แบบหล่อแรง จะมีสักกี่คนที่สามารถหยุดตัวเองได้ในช่วงเวลาแบบนั้น
ฟินนน