คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 :: My Weapon
Chapter 2
My Weapon
ไม่ชินเลย...
ไม่ชินเลยสักนิดกับการเห็นท้องฟ้าครึ้มครึ่งนึงสว่างครึ่งนึงแบบนี้น่ะ...
ก้มลงมองเสื้อนักเรียนที่ยับชนิดว่าเดินผ่านหมาคงเห่าจนคอแห้ง แต่ถ้าจะให้นั่งรีดผ้าจนไอ้บ้านนอกมันตื่นล่ะก็ขอใส่ยับ ๆ แบบนี้ยังจะดีกว่า เด็กตัวสูงถอนหายใจ เขารู้สึกสูญเสียพลังงานเป็นอย่างมากกับการฝืนทนนอนข้าง ๆ มัน ‘เกือบ’ ทั้งคืน
อ่ะ ๆ กำลังงงล่ะสิว่าทำไมปาร์คชานยอลถึงเป็นแบบนี้? จริงอยู่ที่ตอนแรกเขาอยากจะนอนฟูกนุ่ม ๆ มากกว่าการนอนบนพื้น เพราะไอ้เตี้ยมันหวงนักหวงหนา มึงไม่เยี่ยวใส่แสดงความเป็นเจ้าของไปเลยล่ะครับกูหมั่นไส้
ตอนแรกดราม่าใส่มันว่าคนห่าไรโคตรแล้งน้ำใจ แทนที่จะแบ่งพื้นที่ครึ่งนึงให้รูมเมทคนใหม่นอนด้วยเพราะที่นอนหกฟุตใช่ว่าจะเล็ก ๆ ซะที่ไหนกัน แล้วดู? เสือกไล่กูไปนอนที่อื่นหน้าตาเฉย มึงยังมีความเป็นคนอยู่ไหมกูอยากจะรู้นัก
แต่ไอ้บ้านนอกมันงงว่ะคุณ หน้ามันเหมือนกำลังจะพูดว่า ‘รูมเมทก็ส่วนรูมเมท ไม่เห็นจะเกี่ยวเหี้ยอะไรกับที่นอนกูเลยนี่ครับชานยอล’ ประมาณนั้น ตัวเขาเลยต้องรีบปั้นหน้าโศกาใส่ บอกว่ามีปัญหากับที่บ้าน จะให้กลับไปเอาของตอนนี้ก็จะใจร้ายเกินไปไหม เคยเข้าอกเข้าใจคนรอบข้างบ้างหรือเปล่า มึงได้เกรดวิชาจริยธรรมเท่าไหร่ตอบมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยแบ่งซีกนึงให้กูนอนด้วย
แค่นั้นแหละ...ไอ้บ้านนอกก็ขยับเข้าไปข้างในแล้วทำหน้าชั่งใจ นี่งงว่ามันเป็นอะไรนักหนาก็แค่แบ่งที่นอนไหม แล้วทำหน้าอย่างกับว่าเจ้าเมืองกำลังคิดหนักกับการแบ่งแยกอาณาเขตประเทศยังไงอย่างนั้น
ไอ้บ้านนอกนั่งกอดตุ๊กตานุ่มนิ่มที่สัดส่วนเหมือนกับมันไม่มีผิด แขนยาว ๆ ขาสั้น ๆ วูบนึงแอบมองหน้ามันสลับกับตุ๊กตาตัวนั้น เออว่ะ หน้าโง่พอ ๆ กัน นี่มึงเข้าใจเลือกอะไรที่เหมือนกับตัวเองดีนะไอ้บ้านนอก แต่ยังไงก็ตาม ไอ้นี่มันก็เหมือนเด็กอนุบาลติดตุ๊กตาหมอนข้างอยู่ดี
มันบอกว่าจะนอนด้วยกันก็ได้ แต่ที่จะแบ่งให้ก็มีแค่ผ้าห่มครึ่งนึงนะเพราะหมอนมีใบเดียว ได้ยินแบบนั้นถึงกับยืนขึ้นเลยครับ มึงไม่ให้กูหนุนหมอนแล้วจะให้นอนทับไข่ตัวเองเรอะ
แต่การจะหนุนนอนหมอนใบเดียวกับมันก็ไม่ใช่เรื่อง บอกตรง ๆ ว่าภาพตอนหลังเปลี่ยนหลอดไฟยังติดตา มือนี่ยังอุ่น ๆ อยู่เลยสึด ถ้าไม่หน้าด้านจริงคงตีเนียนทำลืมแบบปาร์คชานยอลไม่ได้หรอกนี่พูดเลย แล้วมันก็เป็นโชคของเขาด้วยที่ไอ้บ้านนอกมันไม่พูดความยาวสาวความยืด หรือจริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
ในเมื่อไม่มีอะไรหนุนนอน และกูผู้นี้ก็คงไม่ยอมนอนเบียดหมอนใบเดียวกับมึงแน่ เพราะงั้นเลยแย่งมันมาครับ ไอ้เตี้ยทำตาโตอ้าปากหวอ อยากจะให้ทุกคนเห็นจริง ๆ ว่าหน้ามันตอนนี้ตลกแค่ไหน เด็กหนุ่มทำหน้าหาเรื่องเป็นเชิงขู่ ทำนองว่ามึงก็มีตุ๊กตาแล้วก็หนุนอันนั้นไปดิ ใจคอจะให้กูนอนราบบนที่นอนเฉย ๆ หรือไง จิตใจมึงจะหยาบโลนไปไหนวะมนุษย์ฮอบบิท
ไอ้เตี้ยขยับปากบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว พฤติกรรมของมึงนี่เรียกฝ่ามือกูเหลือเกิน อยากจะถามมันว่าตอนอยู่โรงเรียนเก่าเคยโดนตีนมาแล้วกี่ครั้ง ถ้าบอกว่าไม่เคยคงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจพิลึก นี่อยู่กับมันไม่ถึงห้าชั่วโมงยังรู้สึกตีนกระตุกอยู่หลายที ในอนาคตมันจะรอดไหม ข่มใจไว้ชานยอลเอ๋ย...
ไอ้บ้านนอกแบ่งผ้าห่มให้ครึ่งนึง แต่หยิ่งครับ หนุ่มฮอตที่ไหนเขาจะห่มผ้ากัน จนแล้วจนเล่าพอถึงเวลานอน มันก็ดิ้นยุกยิกอยู่นั่น นี่หงิดไงครับเลยหันไปถามว่ามึงเป็นเยี่ยไรนักหนา นอนป๊อปปิ้นอยู่ได้ นรกกูจะนอน! มันเลยเบ้ปากบอกว่านอนไม่หลับ ไม่มีหมอนกอดว่างั้น
โอยยยย คือมึงไม่กอดแขนอีกข้างไปเลยล่ะเผื่อชีวิตจะดีขึ้น นี่ควรรู้สึกผิดที่แย่งหมอนมันมาไหม แล้วอะไรคือการถอนหายใจอย่างกับว่าการนอนแบบไม่มีหมอนมันคือปัญหาระดับโลก ชานยอลถอนหายใจแล้วผลักหัวอีกคนไปห่าง ๆ ก่อนจะหันหลังให้
ปิดการขายแม่งเลยครับ เจอกันเมื่อชาติต้องการ กูจะนอน
ตกดึกรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตอย่างแรงก็ตอนที่รู้สึกแปลก ๆ กับร่างกาย พอลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจเพราะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไอ้บ้านนอกมันกล้าเรียกสิ่งสั้น ๆ นี้ว่าแขนกับขา แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังพาดเอวเขาอยู่
ตั้งแต่เกิดมาทั้งร่างกายมีสองอย่างที่แข็งได้คือตากับ จุด จุด จุด...แต่ตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังตัวแข็งทื่อเพราะไอ้เตี้ยมันกำลังขยับเข้ามาพร้อมตวัดกอดรัดตัวเขาเหมือนลูกลิงโหยหาอ้อมกอดจากแม่มันยังไงอย่างนั้น!!!
โอ้วพระแม่มารี เฟอร์บี้ แอนนาเบล...นี่มันเรื่องส้นตีนอะไรกันเนี่ย
รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่กำลังผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ แม่มึงเอ๊ยแล้วเสือกรดลงตรงต้นคอกูด้วยนะ นี่มึงจะบิ๊วท์กูเหรอไอ้มนุษย์ฮอบบิท บอกให้รู้เลยว่ากูชอบผู้หญิง ถึงจะมีบ้างที่มองตามผู้ชายตัวเล็กน่ารัก ๆ แต่มันไม่ใช่มึงแน่ ๆ กูมั่นใจ!!!
เด็กหนุ่มกำลังรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองขั้นขีดสุด เขาต้องระเบิดเป็นผุยผงเหมือนพวกตัวร้ายในช่องเก้าการ์ตูนแน่ ๆ ถ้าเกิดไม่ทำอะไรสักอย่าง
ชานยอลพยายามแกะมือปลาหมึกที่เกาะแหมะอยู่ตามตัว เด็กหนุ่มหลับตาแน่นเพราะกลิ่นแม่งเสือกหอมจนมีความคิดว่าอยากดมนาน ๆ โอย...กูอยากดึงขนหน้าแข้งมารัดคอตายเหลือเกินกับความคิดแบบนี้
ใช้เวลาราว ๆ สิบนาทีเห็นจะได้จนกระทั่งแกะแขนข้างนึงออก แล้วดูครับ? แขนอีกข้างมึงจะรัดแน่นขึ้นทำไมเหรออยากรู้ ชาติที่แล้วมึงเป็นปลิงหรือแม็กเน็ตติดตู้เย็นป่ะสาด ไม่รวมร่างกับกูไปเลยล่ะเดี๋ยวพากลับดาวนาเม็ก ถ้าจะเสพติดหมอนข้างขนาดนี้ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก กูจะยอมนอนหนุนแขนตัวเองให้เหน็บแดกไปเลยก็ได้ ฟัค!!!
สุดท้ายเลยลุกมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อยากจะร้องไห้เหลือเกินกับคืนแรกที่ได้ร่วมชายคาเดียวกันกับมัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นท้องฟ้ายามเช้าแบบนี้ ถ้าเดินผ่านร้านปาท่องโก๋ลุงคนขายแกคงแซวว่า ‘เย้ชชช ไอ้หนุ่มมันตื่นเช้าเป็นด้วยเว้ยเฮ้ย!!’ แต่ก็นั่นแหละ เกาหลีใต้ไม่มีร้านปาท่องโก๋
หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันกลับไปมองประตูบ้าน มันคงดีกว่าเป็นไหน ๆ หากว่าเขาออกไปจากที่นี่ก่อนไอ้เตี้ยจะตื่นมาทักทายว่า ‘อรุณสวัสดิ์นะชานยอล’ หึ...ถ้ามันทำหน้าแบบนั้นมีชกหัวหลุดอ่ะ นี่พูดจริงด้วยไม่ได้ขู่
เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงเดินกระทืบตีนลงบันไดเหล็กสนิมลงมาอย่างหัวเสีย ถ้ามันพังลงไปอีกนี่ชีวิตไม่เหลือชิ้นดีอะไรละ กูจะขายวิญญาณให้ศาสตร์มืดแล้วหลังจากนั้นจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ กูยอม
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางมองไปยังจักรยานคันหนึ่งที่ล่ามโซ่ล้อหลังเอาไว้ ซึ่งมันคงไม่น่าสนใจเลยสักนิดถ้าเกิดไม่เห็นอะไรบางอย่างที่เขียนอยู่บนท่อนอนสีแดงว่า ‘ของแบคฮยอน ห้ามขโมย’ ที่ถูกบรรจงเขียนอย่างประณีต เห็นอย่างนั้นเลยเบ้ปากแล้วเตะจักรยานโง่ ๆ ไปทีนึงจนมันล้มลงไปนอนง่อยบนพื้นซีเมนต์
เหอะ...บนโลกใบนี้ยังมีคนกลัวถูกขโมยจักรยานอีกเหรอ เอาไปชั่งกิโลขายจะได้สักกี่ร้อยวอนกันวะ
“บ้านนอกเอ๊ย”
บ่นแค่นั้นแล้วก็เดินออกมาจากบ้าน ระหว่างทางก็คิดไปถึงอนาคตว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดอยู่กับมันต่อไป ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายหลังจากถูกมันสัมผัสแตะต้องร่างกาย ถึงจะแค่เผลอนอนกอด สะกิดแขน เหยียบหรรม กำไข่หรืออะไรก็ตามแต่ เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัว
ทางขวาไปโรงเรียนส่วนทางซ้ายไปบ้านไอ้จงอิน แน่นอนว่าปาร์คชานยอลเลือกที่จะไปบ้านเพื่อนสนิทมากกว่าจะไปนั่งง่อยในห้องเรียนเพื่อรอเข้าแถวยามเช้าและปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียด กว่าจะนั่งรถเมล์ไปถึงไอ้จงอินคงอาบน้ำเสร็จพอดี เพราะงั้นการไปโรงเรียนพร้อมเพื่อนมันอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ
“นี่มึงมาจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
ครับ นี่คือประโยคแรกที่คิมจงอินทักทายเขาทันทีที่เปิดประตูบ้านออกมา ตอนนี้มันใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว เอาจริง ๆ นะไอ้จงอินมันก็เป็นพวกเกเรไม่ต่างจากเขานักหรอก ติดแค่ว่าเวลาเรียนมันก็เรียน เสือกเป็นคนหัวดีด้วย
ช่วงม.ปลายปีหนึ่งเทอมแรกมันเคยมีปัญหากับที่บ้าน ก็พอเข้าใจแหละเพราะครอบครัวมันคาดหวังไว้เยอะ ชีวิตไอ้จงอินเป็นเหมือนหุ่นเชิดมาตั้งแต่เด็ก ต้องเรียนดนตรี เรียนกวดวิชาทุกวันหยุด จนได้มารู้จักกับปาร์คชานยอลผู้นี้แหละครับ เย็นเลยทีเดียว
จำได้ว่ามันเคยถูกพ่อตบหน้าจนต้องหนีไปอยู่บ้านเขา แต่ก็ได้แค่สองวันเท่านั้นแหละ พ่อมันก็ตามมารับกลับไป แต่ไอ้จงอินโชคดีว่ะที่พ่อแม่มันโกรธไม่เคยนาน ช่วงกลับไปอยู่บ้านแรก ๆ เห็นมันดูเฉื่อย ๆ เอื่อย ๆ แต่พอนานไปทุกอย่างก็เริ่มโอเคขึ้นหลังจากที่พ่อมันยอมให้อิสระบ้าง บังคับน้อยลง แต่มันก็มากเกินความคาดหมาย สำหรับคนที่ถูกบังคับมาตลอดชีวิต เพราะสิ่งที่ไอ้จงอินต้องการก็แค่อยากให้ยอมถอยกันคนละก้าว เคารพสิทธิ์ของกันและกันมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบังคับ
หลายครั้งที่ไอ้จงอินบอกให้เขากลับบ้านไปคุยกับพ่อดี ๆ แต่มันคงลืมไปอย่างนึงว่าพ่อของปาร์คชานยอลนี่คือที่สุดละ พ่อเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายเกินไป ให้อิสระลูกมากเกินไป แต่เป็นเพราะว่าพ่อคิดอะไรง่ายเกินไปนั่นแหละเลยกลายเป็นว่าทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้น เหมือนปัญหาครอบครัวที่เจออยู่
เด็กตัวสูงกลอกตามองบนพร้อมถอนหายใจ และมันคงเป็นการอธิบายทุกอย่างได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องปริปากพูดว่าคืนแรกของการอยู่ร่วมกับไอ้บ้านนอกเป็นยังไง
ไอ้จงอินหัวเราะเบา ๆ มันดูธรรมดาแต่ก็แฝงไปด้วยการเยาะเย้ยกลาย ๆ ว่าสมน้ำหน้าเต็มทนกับชีวิตสับปะรังเคแบบนี้ แน่นอนว่ามันอยากให้เขากลับไปอยู่บ้านแล้วปรับความเข้าใจกับพ่อแล้วทำความคุ้นเคยกับพี่น้องต่างแม่ซะ
พอเข้ามาถึงในบ้านก็เห็นมื้อเช้าเมนูง่าย ๆ อยู่บนโต๊ะ แน่นอนว่าเขาไลน์บอกให้มันทำเผื่อด้วย ตอนแรกมันก็ดูงง ๆ ว่าปาร์คชานยอลผู้นี้น่ะเหรอจะตื่นเช้า? นี่อยากจะบอกว่าเมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ยัดห่าอะไรลงท้องเลยเพราะไอ้เตี้ยอ้างว่ากินเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่านี่คาดหวังสูงเกินไปหรือว่าไอ้บ้านนอกมันนิสัยเสียกันแน่ที่ไม่รอกินข้าวพร้อมกัน
“ไงบ้างวะเข้าหอคืนแรก”
“เข้าหน้ากูนี่ไงสัด”
“555555555555555555555555555555555”
ไอ้จงอินเดินไปเปิดตู้เย็นรินนมใส่แก้วใบสูงให้ นี่อยากจะแดดิ้นลงไปชักกับพื้นเผื่อว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะยอมให้กลับมาอยู่ด้วย ปาร์คชานยอลสาบานว่าจะไม่ทำบ้านรกเหมือนก่อนหน้านี้ก็ได้ถ้ามันจะทำให้เขาหลุดพ้นจากนรกขุมนั้น
“ไหนเล่ามาซิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“โห กูไม่อยากจะพากย์เลยไอ้ชิบหาย มึงจินตนาการบ้านสามชั้นนะ สูงกว่าบ้านมึงหน่อยนึงแต่แคบกว่าเยอะ แล้วมันอยู่ชั้นดาดฟ้าแคบ ๆ อ่ะ ห้องก็โล่งไม่มีอะไรบันเทิงสายตาเลย มีแต่ที่นอนกับโต๊ะญี่ปุ่น อ้อ...มีตู้เสื้อผ้าด้วย มึงคิดดูว่าทีวียังไม่มี”
“จะสนใจทำไมปกติมึงก็ไม่ดูทีวีอยู่แล้วป่ะวะ” จงอินยื่นแก้วนมให้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท ชานยอลยกกระดกรวดเดียวจนเกือบหมดแล้วเอาหลังมือปาดคราบนมออกลวก ๆ
“มันก็น่าจะมีอะไรบ้าง ห้องโล่ง ๆ น่าอยู่ที่ไหน?”
“อยู่เพราะจำเป็นไม่ใช่เพราะที่นั่นน่าอยู่ เพราะที่ ๆ มึงควรอยู่คือบ้าน ไม่ใช่ที่นี่หรือบนดาดฟ้านั่น” เด็กตัวสูงถอนหายใจทันทีที่จงอินชี้ไปทางด้านขวา
“เลิกพูดถึงบ้านสักทีเถอะ หน้าไอ้เจ๊กแม่งลอยมาเลย กูหงิด”
“มึงก็หงุดหงิดทุกคนบนโลกยกเว้นตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอเพื่อน”
“ใช่ หนึ่งในนั้นก็มีมึงด้วย ไอ้เพื่อนชั่ว สารเลว” ชานยอลชี้หน้าอีกคนที่กำลังกินแซนวิชที่เหลืออย่างไม่ยี่หระ “มึงรู้ไหมว่าเมื่อคืนกูเจออะไรบ้าง? กูต้องนอนฟูกเดียวกับมันทั้งที่มีหมอนกับผ้าห่มอย่างละชิ้น”
“อย่าบอกนะว่ามึงนอนหมอนใบเดียวกัน?” จงอินเพ่งมองพร้อมชี้นิ้วไปยังคนตรงหน้า “แลกไออุ่นใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน?”
“ก็แย่ละ นิยายนมโตเล่มละสามร้อยวอนมากไหมล่ะหือ”
“ก็เล่ามาดิ เพื่อนก็รอฟังอยู่” จงอินยิ้มขำ พอเห็นสีหน้าชานยอลเป็นแบบนี้แล้วบอกตรง ๆ ว่าสะใจพิลึก ไม่บ่อยหรอกที่เขาจะเห็นมันสติแตกแบบนี้นอกจากตอนวิ่งไล่กระทืบคู่อริไม่ครบคน
“กูแย่งหมอนมันมา แล้วให้มันหนุนตุ๊กตาไป แล้วประเด็นคือมันเป็นมนุษย์ติดหมอนข้าง”
“อ่าฮะ”
“เมื่อคืนมันนอนกอดกู”
“เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” จงอินเซถอยหลังติดพนักเก้าอี้ทันทีที่เพื่อนสนิทโน้มตัวเอามือมาปิดปากเขา
“ถ้าเรื่องนี้ถึงหูใครกูจะตัดลิ้นมึงซะ คราวนี้มึงได้แบะ ๆ ตลอดชีวิตแน่เพื่อน...” เห็นว่ามันกำลังหัวเราะสังเกตได้จากตาทั้งสองข้างกับไหล่ที่กำลังสั่น ไอ้ชิบหายเห็นความเศร้าของเพื่อนเป็นเรื่องตลกมึงนี่มันสุดตีนแล้ว จงอินแกะมือเขาออกพลางส่ายหน้าหัวเราะ
“มันชอบมึงเปล่าวะ?”
“หยุดเลยมึง” ชานยอลทำท่าจะยกขาขึ้นมาบนโต๊ะ “แค่คิดก็สยิวแปลก ๆ เวลาอยู่ใกล้มันแล้วกูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไวรัส ส่วนมันเป็นแอนตี้ไวรัส”
“อ่ะ?”
“กล่องอุปกรณ์อยู่ห้องใต้บันไดใช่ไหม?” พูดจบเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชานยอลไม่รอให้เพื่อนตอบก็ตรงไปยังประตูเล็กใต้บันไดเสียแล้ว จงอินหันไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังพยายามคลานเข้าไปข้างในเพราะมันแคบมาก แค่ครู่เดียวก็ออกมาพร้อมกับกล่องอุปกรณ์
ได้ยินเสียงค้นกุกกัก ๆ ก่อนที่ไคควง ประแจ ไปจนถึงค้อนจะถูกวางไว้ข้าง ๆ ขายาวที่เหยียดออกบนพื้น คิมจงอินได้แต่หวังว่าเพื่อนสนิทของเขาคงไม่เครียดหนักถึงขั้นจะพกอาวุธเหล่านั้นไว้ป้องกันตัวตอนไอ้เด็กใหม่เข้าใกล้
“หาไรวะ?”
“เจอแล้ว” เด็กตัวสูงยิ้มมุมปากก่อนจะชูอะไรบางอย่างขึ้นมา จงอินขมวดคิ้วมองของในมือเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจว่ามันจะเอา ‘ไอ้นั่น’ ไปทำอะไร?
เปิดเรียนวันที่สองในห้องก็วุ่นวายเหมือนเดิม ทั้งชายหญิงแลดูเป็นลิงเป็นค่าง บางคนนั่งอ่านการ์ตูน ใส่หูฟังเข้าโลกส่วนตัว บางคนอ่านหนังสือเงียบ ๆ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือไอ้บ้านนอก...
มึง...
“ชาน...” ยังเรียกไม่เต็มชื่อแบคฮยอนก็ค้างอยู่ท่ายิ้มยิงฟันทันทีที่คนตัวสูงชี้หน้าคาดโทษเขาอย่างกับว่าการเรียกชื่อในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สมควร
ร่างเล็กพูดคำว่า ‘ยอล...’ แบบไม่ออกเสียงก่อนจะเม้มปากแล้วหันหน้าเข้าหาหนังสือเรียนอีกครั้ง
แบคฮยอนชำเลืองมองรูมเมทที่นั่งโต๊ะติดประตูทางออกห้องและมันห่างจากตรงนี้พอสมควร เมื่อเช้าไลน์ไปตั้งเยอะแต่ชานยอลก็เอาแต่อ่านแล้วไม่ตอบ ไม่รู้ว่ามือถือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็แค่สงสัยว่าหายไปไหนตื่นมาแล้วไม่เจอ พอเห็นมากับผู้ชายผิวสีแทนเท่ ๆ คนนั้นเลยเข้าใจแล้วว่าชานยอลคงอยากมาโรงเรียนพร้อมเพื่อนล่ะมั้ง
ตอนแรกแอบคาดหวังว่าจะได้มาโรงเรียนพร้อมกัน จะได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการใช้ชีวิตระหว่างคนกรุงโซลกับคนมกโพ แต่ไม่เป็นไร การที่ชานยอลตื่นแต่เช้าเพื่อไปรับเพื่อนมาโรงเรียนด้วยกันมันก็ดีแล้ว
เขามองเห็นคนตัวสูงได้ไม่ชัดเพราะเพื่อน ๆ เริ่มทยอยเข้ามานั่งในห้องแล้ว บางคนนั่งสัปหงก บางคนก็นั่งคุยกัน เลยก้มลงจนแก้มแนบกับโต๊ะสีเทา และมันเป็นจังหวะที่ชานยอลหันมาสบตากันพอดี ผู้ชายคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็แค่สามวิเท่านั้นแหละแบคฮยอนนับได้ คนตัวสูงก็หันหน้าหนี
หยิบมือถือขึ้นมากดจิ้มทีละปุ่ม การใช้สมาร์ทโฟนที่ทันสมัยนี่มันยากสำหรับคนบ้านนอกอย่างเขาจริง ๆ ใช่ว่ามกโพจะกันดารอะไรขนาดนั้นแต่ด้วยความที่บยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่ทำตัวอินเทรนด์ตามยุคสมัย เพราะงั้นมันเลยเป็นเรื่องยากสักหน่อยกับการแชท
07:36 AM อรุณสวัสดิ์
07:36 AM
กดส่งไปแล้วก้มดูผลงานว่าข้อความไปถึงหรือยัง เขาเห็นว่าชานยอลหยิบมือถือขึ้นมาดู จังหวะนั้นก็กำสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่กว่ามือไว้แน่นลุ้นว่าผู้ชายคนนั้นจะทำยังไง ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มระหว่างมองจอมือถือ เพียงแค่ครู่เดียวก็เก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง และนั่นทำให้ร่างเล็กเบิกตาโพลง
“อะไรอ่ะ อ่านไม่ตอบอีกแล้ว” แบคฮยอนขมวดคิ้วมองมือถือก่อนจะเอาแก้มแนบโต๊ะอีกครั้งเพื่อดูว่าตอนนี้รูมเมทของเขากำลังทำอะไร คนตัวสูงเอาแต่คุยกับเพื่อนในห้อง ท่าทางหัวข้อสนทนาคงสนุกน่าดูเพราะชานยอลเอาแต่หัวเราะไม่หยุด เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้
“เฮ้ยเด็กใหม่”
“อ้อ...ว่าไงเหรอ” ร่างเล็กหลุดออกจากความคิด พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนค้ำหัวอยู่ คน ๆ นี้หน้าดุมากแต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาตัดสินคนด้วยหน้าตา
“มึงว่างใช่ไหม?”
“ว่าง? ก็...ว่างนะ”
“ถ้าว่างก็ไปซื้อโค้กให้กูกับเพื่อน ๆ สักเจ็ดกระป๋องสิ แค่นี้ทำได้ใช่ไหม?” ผู้ชายหน้าโหดยิ้มก่อนจะหันไปหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่กลางห้อง
“จะดื่มโค้กกันตอนนี้น่ะเหรอ”
ชานยอลยิ้มค้างทันทีที่หันไปเห็นว่าไอ้มนุษย์ฮอบบิทกำลังถูกคิมนัมจุนคุกคาม มันเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มนั้นจะรับน้องใหม่ด้วยวิธีแบบนี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจด้วยเพราะสุดท้ายแล้วเด็กใหม่ก็ต้องวิ่งหางจุกตูดออกไปทำตามที่พวกมันสั่งเหมือนปีก่อนที่จอนจองกุกเพิ่งย้ายเข้ามา แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องสนใจไอ้เตี้ยนั่นด้วยวะ?
“เป็นไรวะชานยอล?”
“ห่วงเมทใหม่มันแหละมั้ง” จงอินตอบจื่อเทาเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ช่วงนี้ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยนักเพราะเจ้าตัวติดซ้อมกีฬาตั้งแต่ช่วงปิดเทอมที่แล้ว ทั้งสามคนมองไปยังโต๊ะสุดท้ายริมหน้าต่าง ตอนนี้ไอ้นัมจุนยกเท้าข้างนึงขึ้นมาเหยียบบนเก้าอี้ไอ้เด็กใหม่ ดูเหมือนว่มนุษย์ฮอบบิทคงชะตาขาดเร็ว ๆ นี้ถ้าเกิดยังไม่ทำตามคำสั่ง
“ดื่มโค้กตอนเช้าเดี๋ยวจะปวดท้องนะ”
“เสือก หน้าที่ของมึงคือไปซื้อให้กู เข้าใจป่ะสาด” นัมจุนผลักหัวอีกคนอย่างรำคาญ แบคฮยอนหันกลับมาทำหน้างงพลางจับหัวตัวเอง
“เราแค่เป็นห่วงเองทำไมต้องใช้กำลังด้วยอ่ะ แล้วนี่จะเหยียบเก้าอี้ทำไมเหรอ รองเท้านายสกปรกมากเลยนะ ซักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เนี่ย” คำพูดคำจาของเด็กใหม่ทำเอาจิ๊กโก๋ชั้นกลางอย่างคิมนัมจุนรู้สึกคิ้วกระตุก นี่มึงอยากแดกตีนคลุกฝุ่นใช่ไหม!!!
“มันเป็นเทรนด์ของกูมึงอย่าเสือก!!!”
“โอ๊ะ!!!” แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหลังจากหน้าผากโขกกับโต๊ะอย่างแรง โชคดีที่แว่นไม่เป็นไรไม่งั้นคงได้เสียหายหลายแสน และเขาก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจมากว่าผู้ชายปากเบินคนนี้คงไม่คิดจะจ่ายค่าเสียหายให้ด้วย ตอนนี้ทุกคนในห้องหันมามองทางนี้เป็นตาเดียวกันหมด แต่ไม่มีใครสักคนที่จะเข้ามาห้ามหรือแสดงออกว่าสิ่งที่ผู้ชายปากเบินคนนี้ทำมันไม่ถูกต้อง
อ่า...บยอนแบคฮยอนกำลังโดนหาเรื่องสินะครับ
“เจ็บอ่ะ...”
“ก็กูจงใจให้มึงเจ็บไง!!!”
“เราแค่กลัวนายเท้าเหม็นเอง...งั้นเย็นนี้กลับบ้านไปซักนะ”
“หุบปาก!!!”
“อย่าเสียงดังสิ...ทุกคนมองมาทางนี้หมดแล้วอ่ะ...เราเขิน” แบคฮยอนนั่งห่อไหล่ ถึงจะเคยขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีโรงเรียนเก่าหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยชินเลยกับการตกเป็นเป้าสายตาทุกคนแบบนี้ เฮ้อ
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู ฟายเย่อ!”
“ทีนายยังใช้เราไปซื้อโค้กเลย...”
“เพราะกูคือเจ้าที่ไง!!!”
“เจ้าที่ที่โซลมีชีวิตด้วยเหรอ เรานึกว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคารพกราบไหว้ซะอีกอ่ะ...ไม่ยักรู้ว่านักเรียนก็เป็นเจ้าที่ได้ด้วย งี้แสดงว่าเราต้องไปซื้อโค้กมาเซ่นนายสินะ...” แบคฮยอนทำตาโต และคำตอบของเขาทำให้คนรอบข้างหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ทุกอย่างก็สงบลงทันทีที่คิมนัมจุนหันไปมองคาดโทษ
“มึงอยากลองดีใช่ไหมไอ้แว่น?” ร่างเล็กเชิดหน้าขึ้นเพราะถูกกระชากคอเสื้อจนต้องเขย่งปลายเท้ายืน
“เสื้อเราจะยับอ่ะ ปล่อยเถอะนะ”
“ปล่อยแน่ หลังจากอัดมึงเรียบร้อยแล้ว” นัมจุนยิ้มพร้อมเอากำปั้นแนบแก้มนิ่มอีกคนไว้ หมัดนี้แหละกูขู่มานักต่อนักแล้ว ถึงจะไม่เคยซัดใครเลยสักครั้งก็เถอะ ขู่ไว้ก่อนคือชนะ
“เราหายใจไม่ออกอ่ะ...”
“หายใจเข้าดิห่า อย่าโง่”
“โอเค” แบคฮยอนหายใจเข้าลึก ๆ และมันทำให้คนตรงหน้าโมโหยิ่งกว่าเดิม
“ไอ้เชี่ยนี่!!! มึง!!!” สิ้นสุดความอดทนแล้ว เด็กแว๊นซ์กลางห้องง้างมือขึ้นเตรียมจะหวดหน้าไอ้เด็กใหม่ที่บังอาจกวนตีนเขาทุกประโยค มึงต้องโดนหมัดเทพเจ้าดาวเหนือกูแล้วล่ะงวดนี้ไม่งั้นเสียชื่อพี่ม่อนสายแข็ง!!!
“...”
“...”
“...”
เหมือนกับทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวหลังจากมีใครคนหนึ่งเข้ามาคว้าข้อมือคิมนัมจุนเอาไว้ แบคฮยอนมองชานยอลที่กำลังส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้ผู้ชายปากเบินหยุด ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยด้วยซ้ำแต่สุดท้ายมือที่เคยกำคอเสื้อเขาก็ยอมปล่อยออก
แบคฮยอนหายใจเข้าลึก ๆ แล้วขยับแว่นให้เข้าที่ แต่ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นร่างของเขาก็ต้องถลาไปตามแรง และแน่นอนว่าที่ถูกดึงนั้นไม่ใช่ข้อมือหรือแขนแต่อย่างใด มันคือคอเสื้อจุดเดิมที่ถูกกระชากเมื่อครู่นี้ ร่างเล็กจับข้อมืออีกคนเอาไว้ มันจะดีกว่านี้นะถ้าชานยอลเบามือกับเขาบ้างหลังจากทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเหมือนในหนังเมื่อกี้นี้...เอ...หรือชานยอลจะโมโหที่เขาเอาแต่ไลน์ไปหาเลยอยากลงมือเองเพราะผู้ชายปากเบินคนนั้นชักช้ากันนะ? แย่แล้ว!
แบคฮยอนถูกลากออกมาข้างนอก ผ่านห้อง 3B กับ 3A ไปจนถึงบันไดทางขึ้นชั้นดาดฟ้าที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา และมันเงียบมากพอที่จะให้วัยรุ่นชายหญิงสารภาพรักต่อกันในวันจบการศึกษาเหมือนในซีรี่ส์ยอดฮิต
แบคฮยอนพยายามโกยอากาศเข้าปอด ที่แย่กว่านั้นคือคอเสื้อของเขายับเยินจนดูน่าเกลียด แต่มันก็ไม่เท่าเสื้อของคนตรงหน้าที่ดูยังไงก็รู้ว่าไม่ได้รีดมา ร่างเล็กดึงชายเสื้อลงให้เข้าที่พลางสบตากับคนตัวสูงกว่า คนตัวสูงเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางกลอกตาไปมาราวกับว่ากำลังทำตัวไม่ถูก
“ชานยอลไม่ได้รีดเสื้อเหรอ”
“กูรีดไม่เป็น”
“แล้วไม่บอกเราล่ะโธ่”
“จำเป็นที่ต้องบอกมึงทุกเรื่องไหม?” ร่างสูงเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย แบคฮยอนเกาหัวแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“เอาเรื่องที่จำเป็นก็ได้”
“เออ เพราะงั้นต่อไปนี้มึงต้องรีดเสื้อให้กูทุกตัว แล้วก็ทำมื้อเช้าให้กูแดกเพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยมึงเมื่อกี้นี้”
“เมื่อกี้นี้เรียกว่าช่วยเหรอ นี่คิดว่าชานยอลจะลากเรามาซ้อมในที่ลับสายตาคนซะอีก เฮ้อ...ตกใจหมดเลย” ร่างเล็กเอามือทาบอกอย่างโล่งใจ เด็กตัวสูงปรายตามองไอ้บ้านนอกแล้วก็อยากจะทำตามที่มันพูดจริง ๆ เลยให้ตาย
“เออ ถ้ารู้แล้วก็สำนึกซะ”
“ถ้าจะช่วยคราวหลังก็ทำเหมือนในละครก็ได้นะ มือเรามีให้จับ” ทันทีที่เห็นแบคฮยอนยื่นมือมาเด็กตัวสูงก็ถอยหลังกรูดก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงเอาตลับเมตรที่ได้มาจากบ้านไอ้จงอินออกมาสาวรัว ๆ จนคนตัวเล็กต้องถอยหลังออกไป
“ต่อไปนี้มึงห้ามอยู่ใกล้กูเกินสองเมตร!”
“อะไรนะ”
“อยู่ตรงนั้นแหละ ยืนนิ่ง ๆ” แบคฮยอนก้มลงมองสายวัดเส้นสีเหลืองที่จ่อปลายจมูกเขาก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่กำลังแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าการยืนอยู่ห่าง ๆ กันมันดีกว่าเป็นไหน ๆ
“ทำไมต้องห่างขนาดนี้ด้วย”
“วันนี้หมดโควตาคำถามของมึงแล้วมนุษย์ฮอบบิท”
“ก็ได้” แบคฮยอนจับปลายสายวัดเอาไว้ ชานยอลขมวดคิ้วมองไอ้บ้านนอกที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสิ่งที่เขาทำอยู่ มันน่าตลกตรงไหนวะเดี๋ยวกูเหนี่ยวเลย
“แต่เราทำมื้อเช้าไม่ได้หรอกนะ ยังไม่ได้ซื้อตู้เย็นเลย เพราะงั้นช่วงนี้เราคงดื่มแค่นมกับขนมปัง ชานยอลกินได้ไหม?”
“ได้ แต่มึงต้องเลี้ยงกู”
“อ่า...” แบคฮยอนขมวดคิ้วหลุบตาลงราวกับกำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในหัว “แล้วเราต้องเลี้ยงชานยอลกี่วันล่ะ”
“วันต่อวัน วันไหนไม่เลี้ยงกูก็จะปล่อยไอ้นัมจุนไปกระทืบมึง”
“โหย ไม่คิดเลยนะว่าชานยอลจะเป็นคนเห็นแก่ได้แบบนี้ แต่ไม่เป็นไร...แค่เลี้ยงมื้อเช้าเพื่อนเราไม่คิดมากอยู่แล้ว หมาที่บ้านได้กินดีกว่านี้อีก” แบคฮยอนยิ้มแล้วเขย่าสายวัดตลับเมตรอย่างสนุก โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้อีกคนกำลังพยายามสกัดกั้นความรู้สึกอยากกระทืบคนเอาไว้มากแค่ไหน
“รีบไปซื้อตู้เย็นซะ”
“เราว่าจะซื้อ แต่ชานยอลต้องพาเราไปธนาคารก่อน”
“ต้องกูคนเดียวเลยใช่ไหมเนี่ยหืมมมมมม?” ชานยอลเลิกคิ้วมองอีกคนอย่างรำคาญ แล้วมันก็เสือกพยักหน้ากลับมาอีกด้วย
“มีตู้เย็นก็แช่ของกินได้เยอะ เราจะได้ประหยัด”
ปิ๊งป่อง...
แค่นั้นแหละ ปาร์คชานยอลก็จินตนาการอนาคตออกมาได้เป็นฉาก ๆ มันจะดีนะถ้าเกิดไอ้บ้านนอกมันซื้อของเข้าตู้เย็นทุกอาทิตย์ ส่วนเขาก็แกล้งตีเนียนกินกับมัน จะได้เริ่มโครงการกินฟรีมีเกียรติก็งานนี้ล่ะวะ
“ได้ เดี๋ยวกูพาทำ ATM ด้วย คราวหลังมีอะไรฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องไปธนาคาร”
“ตกลง” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จบลงด้วยดีโดยที่ปาร์คชานยอลไม่รู้สึกอยากเข้าไปเขย่าคอไอ้เตี้ยแรง ๆ อย่างหัวเสีย
นอกจากตู้เย็นแล้วในห้องยังต้องมีอะไรอีกล่ะ? ทีวีเหรอ? ไม่จำเป็นเท่าไหร่เพราะอย่างที่ไอ้จงอินบอกนั่นแหละว่าเขาก็ไม่ได้ดูอยู่แล้ว โต๊ะเก้าอี้ก็จำเป็นต้องใช้ เพราะถ้าเกิดไฟดับคงไม่มีการอุ้มอะไรทั้งนั้นอีกแล้วเพราะงั้นต้องซื้อเก้าอี้!!! เก้าอี้!!! เก้าอี้!!!
แต่ถ้าหันไปบอกให้มันซื้อของเข้าบ้านทุกอย่างก็จะน่าเกลียดเกินไป ถึงเขาจะคิดอย่างนั้นจริง ๆ ก็ตามทีเถอะ ไหน ๆ ก็ต้องหารค่าบ้านอยู่ด้วยกันแล้วเพราะงั้นปาร์คชานยอลก็ควรจะเอาอะไรเข้าไปบ้างแทนที่จะใช้ของ ๆ มันอย่างเดียว
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้มึงรอกลับพร้อมกู”
“ชานยอลจะซ้อนท้ายจักรยานเราเหรอ?” ร่างเล็กทำตาโต
“ไม่ แต่กูกับมึงมีภารกิจที่ต้องทำหลังฟ้ามืด แล้วกูทำเองคนเดียวไม่ได้ เพราะงั้นมึงต้องอยู่รอ ถ้าหนีกลับก่อนอีกคราวนี้มึงเจอหนักกว่าเมื่อวานนี้แน่...” คนตัวสูงทำท่าขยำมือโชว์และมันทำให้คนตัวเล็กนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ไฟดับเมื่อวานนี้
ชานยอลจะพาเขาทำอะไรกันนะ?
TBC
อาวุธชิ้นแรกของชานยอลคือ...ต...ตลับเมตร...
ฟิคเรื่องนี้มันไม่มีอะไรจริง ๆ อ่ะ เดี๋ยวคงเบื่อกันแล้ว 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น