ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "NERDY BOY" มนุษย์แบคฮยอน | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #28 : SPECIAL CHANBAEK (THE REAL END)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.23K
      139
      9 มี.ค. 58

     

     

     

    SPECIAL

     

     
     

    ครับ...ผมรู้ เรื่องนั้นผมขอเวลาพิจารณาดูอีกทีก่อน ตอนนี้ผมอยากใช้เวลาทบทวนตัวเองนิดหน่อย

     

    เสียงคุยโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นเรียกความสนใจจากคนที่กำลังแต่งตัวไปทำงานในตอนเช้า แบคฮยอนเดินออกมาพลางชะโงกหน้ามอง แล้วก็ได้เห็นสภาพนักเรียนนอกจบใหม่นอนก่ายขาไว้กับพนักโซฟาอย่างคนขี้เกียจ ขณะที่เจ้าตัวคงยังพูดคุยกับคนในปลายสายด้วยถ้อยคำกึ่งสุภาพกึ่งกวนประสาท

     

    ขอบคุณลุงจริง ๆ ที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพ่อผม แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก

     

    ชานยอลหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะอ้าแขนข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ออกกว้างเพื่อรออ้อมกอดจากแฟนจ๋าที่กำลังเดินมา แต่แบคฮยอนกลับส่ายหน้าพร้อมชี้นิ้วไปที่ประตู เป็นเชิงบอกว่าต้องรีบไปทำงานแล้ว

     

    งั้นแค่นี้ก่อนนะลุง ถ้ายังไงว่าง ๆ ก็พาพ่อผมไปดื่มบ้างนะ แกจะได้ผ่อนคลายหน่อย ไม่เครียดเรื่องลูกเรื่องหลานมากเกินไปเดี๋ยวความดงความดันขึ้นจะยุ่ง ครับ...ผมก็รักลุงเหมือนกันแหละน่า รักลูกชายลุงด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงผมก็อยากเป็นเมียอัยการเหมือนกัน พูดจบก็ค้างอยู่ท่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาซะเสียงดังหลังจากคนปลายสายก่นด่ากลับมาแรง ๆ ก่อนวางสาย

     

    แบคฮยอนคิดว่าคนที่ชานยอลกำลังคุยด้วยคงเป็นพ่อของจงอินแหง ๆ ไม่งั้นเจ้าตัวคงไม่กล้าพูดกวนประสาทขนาดนั้น ร่างเล็กยืนนิ่งมองคนขี้เกียจที่เอาแต่นอนแห้งอยู่ที่บ้านเขามาเกือบสามเดือน แล้วก็ได้แต่นึกย้อนกลับไปว่าชานยอลไปเรียนถึงอเมริกาทำไม

     

    มากอดก่อนเร็ว

     

    ไม่เอาอ่ะ ชานยอลอย่าเอาแต่นอนนะ ตื่นมากินข้าวเที่ยงด้วย

     

    ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้นล่ะทูนหัว ชานยอลดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกระดิกนิ้วเรียกให้คนตัวเล็กมาหา แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละที่แบคฮยอนใช้เวลาไปกับการคิด ก่อนจะตรงมาทางนี้แล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน

     

    คุณลุงหางานมาให้อีกแล้วใช่ไหม

     

    ใช่ คราวนี้ดีกว่าบริษัทก่อนด้วย

     

    ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่คนตัวสูงจะก้มลงมองมือตัวเองที่เพิ่งถูกกุมเอาไว้ สายตาของแบคฮยอนในตอนนี้ดูเป็นกังวล และปาร์คชานยอลรู้ดีว่าต้นเหตุมันมาจากไหน

     

    เรารู้สึกผิดจัง ถ้าชานยอลอยู่โซลก็คงมีงานดี ๆ ทำไปแล้ว

     

    แล้วงานที่มกโพมันไม่ดีตรงไหน?

     

    ถ้าดีแล้วทำไมชานยอลถึงไม่ยอมหางานทำสักทีอ่ะ

     

    กริบ...

     

    ชานยอลนิ่งไปเกือบครึ่งนาทีเห็นจะได้หลังจากโดนสวนกลับมาด้วยหมัดน้อย ๆ จากนักมวยรุ่นไลฟ์เวท บ.แบค ศิษย์หลวงพ่อโต คนตัวสูงคล้ายว่าสตั๊นท์กับประโยคนี้อยู่เนือง ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนด่าว่าเหี้ยทางอ้อม เพราะงั้นปาร์คชานยอลจะไม่หวั่นไหว

     

    แบคฮยอนเพียงแค่มองคนที่ระเบิดหัวเราะลั่นแล้วลงไปนอนชักดิ้นแด่ว ๆ บนโซฟาอย่างระอา ชานยอลต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่สามารถหัวเราะอย่างมีความสุขได้ เพียงแค่พูดถึงความล้มเหลวเบื้องต้นของชีวิตหลังเรียนจบมาจากสถาบันดี ๆ

     

    เราไปแล้วนะ

     

    เดี๋ยวดิ ชานยอลดึงแขนอีกคนให้นั่งลงที่เดิม ก่อนจะล็อกคอเอาไว้หลวม ๆ แล้วเอาคางเกยไหล่ แบคฮยอนหันไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังและก็ได้แต่ถอนหายใจ ชานยอลเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ชอบขัดขวางการไปทำงานของเขาเห็นนี่ไหม

     

    อะไรอีกอ่ะ ร่างเล็กมองปกหนังสือสีขาวแต่งแต้มด้วยจุดสีดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษ ชานยอลจิ้มนิ้วย้ำ ๆ อยู่ตรงจุดสีดำพร้อมรอยยิ้มเวอร์ ๆ เราอ่านออกแต่แปลไม่ได้ ชานยอลอยากจะสื่ออะไร เราต้องรีบไปทำงานแล้ว

     

    มันคือจุดเริ่มต้นของเราน่ะฮอบบิท

     

    ...

     

    ไง? มุกนี้ด้นสดเลยนะ ชานยอลแสดงออกทางสีหน้าอย่างภาคภูมิใจว่ามุกนี้มันเด็ดดวงมาก ซึ่งถ้าไอ้บ้านนอกยิ้มขำแล้วบอกว่า ชานยอลเล่นอะไรเนี่ย เราจะไปทำงานแล้ว คนบ้า!’ แล้วเขินตูดบิดออกไปทำงานก็คงไม่แปลก

     

    แล้วชานยอลเห็นนั่นไหมอ่ะ นั่นไง คราวนี้จะยิงมุกคืนสินะ จัดมาเลยฮอบบิท พี่ตั้งลำรอแล้ว

     

    ไหน ร่างสูงยังคงเกยคางไว้กับบ่าคนรัก สายตาก็มองไปตามเรียวนิ้วที่ชี้เข้าไปในห้องครัวซึ่งถูกปิดไฟไว้เมื่อไม่ได้ถูกใช้งาน อะไร จะเล่นมุกเห็นผีเหรอ บอกเลยนะว่าไม่ได้กลัว

     

    เห็นยังอ่ะ

     

    ยัง มึงจะให้กูดูอะไร ชานยอลขมวดคิ้วเพ่งมองเข้าไปในความมืด แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแมวที่ไหนทั้งนั้น ห้องครัวบ้านมึงเชื่อมต่อกับชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่เหรอ แฮรี่พอตเตอร์กับครอบครัววิสลี่ย์จะโผล่มาทางนั้นหรือไง นี่มึงจะเล่นมุกอะไรฮอบบิท กูฉลาดเกินกว่าจะตามทัน

     

    อนาคตชานยอลไง

     

    ...

     

    มืดมิด

     

    ...

     

    ดูไม่มีอะไรเลยอ่ะ

     

    คนรักกันเขาพูดงี้ช่ะ ชานยอลมองเจ้าของแก้มขาว ๆ ที่ล่อตาล่อใจเขาอยู่ตอนนี้ แบคฮยอนย่นจมูกใส่ ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะถูกโจมตีโดยการจี้เอวหนัก ๆ

     

    อ๊ากกก ชานยอลอย่า!! เรายอมแล้ว!! คึคึ...

     

    ไม่ต้องไปทำงานแล้ว เลิกซะ

     

    เลิกได้ไงอ่ะ เรายังต้องช่วยชาวบ้านแถวนี้อีกอาทิตย์นึงนะ สุดท้ายแบคฮยอนก็ปล่อยให้ไททันตัวโตรั้งเข้าไปในอ้อมกอด ชานยอลเอนหลังพิงกับโซฟา ประคองคนในอ้อมกอดให้นั่งตรงกลางหว่างขาแล้วจูบหัวแรง ๆ

     

    อีกอาทิตย์นึงเลยเหรอ

     

    ใช่ ห้าวัน ร่างเล็กเอี้ยวหน้าหันไปมองคนรักที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังพร้อมชูห้านิ้วให้ดู ชานยอลมองใบหน้าซน ๆ ของมนุษย์ฮอบบิท แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเกือบห้าปีแล้ว แต่คนตรงหน้าเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนถ้าช่วยงานที่นี่เสร็จค่อยมองหางานอื่นอีกทีตอนกลับมาจากงานแต่งงานของจงแด พอถึงตอนนั้นชานยอลก็ต้องหางานทำเหมือนกันนะ

     

    อยากให้กูทำงานอะไรล่ะ

     

    เอ้า ชานยอลเรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มาเพื่อถามเรางี้เหรอ

     

    ใช่ กูเรียนจบมาเพื่อถามมึงโดยเฉพาะเลย ทั้งคู่สบตากัน แบคฮยอนขมวดคิ้วมองอีกคนที่เอาแต่พูดจาแปลก ๆ ถ่วงเวลาไปทำงานเขาอยู่ได้

     

    เก็บเศษเหล็กไหม

     

    เอาดิ ซื้อซาเล้งให้ด้วยนะ

     

    หูย ชานยอลอ่ะ ไม่เอางี้สิ ชานยอลต้องหางานทำจริง ๆ นะ ไม่งั้นเราสองคนจะอดตายอ่ะ แล้วก็จะไม่มีหม้อไฟให้กินอีกแล้ว ข้าวก็ด้วย เราจะต้องกินรามยอนทุกวันจนตาย ชานยอลหัวเราะ เขารู้ว่าที่ทำอยู่มันไม่ดี แต่ตอนนี้ยังไงก็ยังอยากยืนยันคำเดิมว่าขอเวลาอีกหน่อย

     

    จะหาว่าเหี้ยก็ได้แหละ แต่เขายังไม่พร้อมรับงานในโซล ถึงแม้ว่าทางเลือกที่นั่นจะเยอะกว่า ประเด็นหลักคือปาร์คชานยอลไม่อยากห่างจากแฟนอีก ตอนนี้เล็งบริษัทใหญ่ใจกลางเมืองมกโพอยู่

     

    แล้วเรื่องคุณลุงอีก

     

    เรื่องพ่อไม่ต้องเครียดหรอก เดี๋ยวกูจัดการเอง

     

    เราสัญญาว่าจะไม่เครียด แต่ต้องเป็นหลังจากที่ชานยอลจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนคิดอย่างนี้จริง ๆ เพราะชานยอลปล่อยให้เวลามันผ่านมาเกือบสามเดือนโดยที่ไม่กลับไปให้คุณลุงเห็นหน้าอีกเลยหลังจากวันนั้น ยิ่งทั้งคู่เคยทะเลาะกันมาก่อนก็ยิ่งกลัวว่าจะปรับความเข้าใจกันยาก

     

    ชานยอลยิ้มแล้วปัดผมม้าออกจากดวงหน้าขาวอย่างเบามือ เขารู้ว่าแบคฮยอนเป็นห่วง แต่เรื่องนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป เขายังอยากให้ความรู้สึกของพ่อจางลงกว่านี้ พอถึงเวลานั้นค่อยคุยกันอีกที

     

    โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์ ตำแหน่งตรงสายกับที่แกจบมาพอดี ไหนแกจะจบมาจากสถาบันชื่อดัง อีกทั้งเรื่องเกรดเฉลี่ย ทางบริษัทเลยต้องการตัวแกไปทำงานด้วย

    ครับ

    สตาร์ทก็เกือบสองล้านวอนแล้ว ถ้าอยู่ไปอีกหน่อยเงินเดือนก็สูงขึ้น มากกว่าสายงานของพ่ออีก

    ครับ

    ถ้าแกสนใจก็อย่าเสียเวลาเลย รีบติดต่อกลับไปจะดีที่สุด เขาจะได้เห็นว่าแกมีความกระตือรือร้นอยากทำงานด้วย

    ครับ

    ว่าไงล่ะ ทำไมเอาแต่ขานตอบอย่างเดียว แกไม่โอเคหรือไง?

    เปล่า งานที่พ่อบอกมามันดีกับผมทุกอย่าง

    ชานยอลยังจำสีหน้าของพ่อในตอนนั้นได้ แววตาที่มีแต่ความคาดหวังอยู่ลึก ๆ เคล้าไปด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าริมฝีปากของพ่อจะไม่ได้ยกยิ้มเลยก็ตามที

    แต่พ่อ...

    ร่างสูงเงียบไปชั่วอึดใจขณะสบตากับคนตรงหน้า เขากำลังจะทำสิ่งที่ผิดกับผู้เป็นพ่อ และทำสิ่งที่ถูกต้องกับหัวใจตัวเอง

    ผมรักแบคฮยอน

    ...

    เชื่อว่าตอนนั้นพ่อคงรู้สึกเหมือนถูกลูกชายวัยเด็กฟาดหน้าด้วยความหวัง แววตาคู่นั้นแข็งเกร็ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่นไหวขณะที่ยังไม่ละสายตาจากเขา ปาร์คชานยอลรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำมันเลวร้ายมาก ถ้าเขาเป็นพ่อคน ก็คงจะรู้สึกแย่มากไม่แพ้กัน กับการที่ลูกชายวัยย่างเข้ายี่สิบห้าเดินมาบอกว่า ผมชอบผู้ชาย

    ชานยอลไม่ได้มือสั่นถ้าเทียบกับตอนตอนอายุสิบเก้า ตอนนั้นเขานิ่งและใจแข็งมากพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง พ่อหลุบสายตาลง เสียงผ่อนลมหายใจออกหนัก ๆ ราวกับกำลังสงบสติอารมณ์นั้นเขาได้ยินชัดเจนเป็นอย่างดี

    ผมจะไปอยู่มกโพ

    ...

    ผมรู้ว่าพ่อกำลังช็อก เพราะงั้นผมจะยังไม่อธิบายให้ฟังตอนนี้

    มีอะไรก็พูดมาให้หมด

    พ่อกำลังโกรธ ตอนนี้สมองของพ่ออาจจะรับฟัง แต่ใจของพ่อจะไม่ทำความเข้าใจ

    ...

    ผมจะไม่มาให้พ่อเห็นหน้าสักสามเดือน พอถึงเวลานั้นผมหวังว่าพ่อจะใจเย็นพอที่จะรับฟังคำอธิบายจากปากผมนะ

    ...

    แต่ก่อนผมจะไป

    ชานยอลยังคงไม่ละสายตาจากคนเป็นพ่อ มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ให้กำเนิดเหลือเกินที่จะทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ แต่เขาก็ยังหวังอยู่ลึก ๆ ว่าพ่อจะยอมเปิดใจกับเรื่องนี้ และไม่รังเกียจแบคฮยอน

    ผมอยากขอบคุณที่พ่อให้ผมเกิดมา ส่งเสียผมจนได้ดีถึงขนาดนี้ แต่ผมอยากให้พ่อรู้ไว้...ว่าผมเป็นลูกที่ดีได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิง

     
     

    และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขากับพ่อได้คุยกัน...

     
     

    ตอนนี้แบคฮยอนไปทำงานแล้ว ร่างสูงนอนก่ายหน้าผากปล่อยให้ความเงียบช่วยทบทวนตัวเองอีกครั้ง เหมือนกับทุกวันตลอดเวลาเกือบสามเดือนที่ได้ผ่านไป

     

    มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะต้องทนอยู่กับความรู้สึกค้าง ๆ คา ๆ แบบนี้ แต่ถ้าคุยกันต่อหน้าม้วนเดียวจบแล้วพ่อเข้าใจได้ง่าย ๆ ก็ว่าไปอย่าง ปาร์คชานยอลรู้ดีว่าพ่อเป็นคนยังไง แล้วพ่อก็คงรู้จักนิสัยของเขาดีเช่นกัน

     

    แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกกับตัวเองตลอด ซึ่งมันได้ผลมาแล้วตอนกัดฟันไปเรียนต่อเมืองนอก และครั้งนี้มันก็ต้องได้ผล

     
     

     
     

    ชานยอลตัดสินใจหางานทำในมกโพ หลังจากใช้เวลาทบทวนตัวเองมานานสามเดือนว่าควรเดินไปทางไหนดี ครั้นจะกลับโซลก็ห่วงแฟน แต่ถ้าจะหางานทำที่นี่ก็มีบางอย่างให้ได้ลังเล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เจอทางออกดี ๆ จนได้

     

    ชานยอลสมัครงานไปหลายบริษัทเลยทีเดียว ที่เหลือก็แค่รอฝั่งนั้นตอบกลับมา

     

    เย็นนี้เขากับมนุษย์ฮอบบิทมากินข้าวกันในเมืองเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ไอ้บ้านนอกนี่ก็คิดมากเหลือเกินกลัวว่าเขาจะเบื่อมกโพจนต้องถ่อหนังหน้ากลับไปอยู่โซล แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ถือโอกาสดูสิ่งแวดล้อมแถวนี้ถ้าเกิดมีงานทำแล้ว

     

    เรายังใช้รถประจำทางเนื่องจากไม่มีรถเป็นของตัวเอง ก็แน่ล่ะ...ผู้ชายวัยยี่สิบห้าสองคนที่เพิ่งเรียนจบจะเอาเงินจากไหนไปซื้อ ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยบุญเก่ากับเงินเก็บที่สะสมไว้ พอมาแลกเป็นเงินวอนแล้วเลยดูเป็นคนมีตังค์ขึ้นมาหน่อยนึง แต่การเอาส่วนเงินนี้ไปดาวน์รถมาขับแล้วผ่อนแบบรายเดือนก็จะลำบากเรื่องปากท้องอีก อยากสะดวกสบายก่อนอื่นก็ต้องมีงานเป็นหลักเป็นแหล่งเสียก่อน

     

    ชานยอลพาเราไปเลือกสูทใส่ไปงานแต่งของจงแดได้ไหม

     

    เอาสิ ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะได้ไม่เสียเวลา

     

    ทั้งคู่เดินไปตามฟุตปาธอย่างไม่เร่งรีบ ถ้ามีรถขับมันก็คงสะดวกต่อการไปไหนมาไหน แต่ปาร์คชานยอลก็ยังยืนยันคำเดิมว่าการเดินตามทางไปเรื่อย ๆ กับแฟนในเวลาว่างมันก็ดีเหมือนกัน คลาสสิก โรแมนติกไปอีก

     

    เราไม่ได้เดินจับมือกันเหมือนคู่รักทั่วไป ไอ้บ้านนอกเพียงแค่หันมาคุยด้วย ยิ้ม และหัวเราะ มีบ้างที่เขาคว้าแขนอีกคนเอาไว้เพื่อพาข้ามถนน การสกินชิพของเราไม่มากและไม่น้อยเกินไปจนดูแปลก หลังจากที่ปาร์คชานยอลได้รู้แล้วว่าความพอดีเป็นยังไง

     

    เราไม่จำเป็นต้องแสดงความรักกันตลอดเวลา ซึ่งถ้าจะทำมันก็ได้อยู่แล้ว แต่ทำไมต้องไปทำให้คนอื่นมองด้วยล่ะ อยู่บ้านทำได้มากกว่าข้างนอกอีก ปาร์คชานยอลคิดอย่างนั้น

     

    ในที่สุดก็มาถึงร้านขายสูท ไอ้บ้านนอกเลือกแบบราคากลาง ๆ มากกว่าจะเลือกของแบรนด์เนม ไอ้ตัวเขาก็มีสูทอยู่แล้ว สถานภาพทางการเงินตอนนี้ยังไม่พร้อมจะซื้อชุดใหม่พร่ำเพรื่อ เลยต้องนั่งรอแบคฮยอนลองชุดไปพลาง ๆ

     

     

    RRrrr!!!

     

     

    ไงครับเพื่อน

     

    ( จะโทรมาถามว่าอดตายยังครับ เป็นห่วง )

     

    ปากวอนตีนนะครับ แฟนกูเลี้ยงดี ที่นี่ค่าครองชีพถูก

     

    ( โถ ให้ตายเถอะว่ะจงอิน ตอนนี้เพื่อนของเรากำลังโฆษณามกโพดินแดนแห่งความบ้านนอกให้เราฟังอยู่ )

     

    ( ถุยเถอะ กูยังจำได้นะว่าวันแรกมึงด่าแบคฮยอนว่าไงบ้าง )

     

    เสียงของสองเพื่อนสนิทผลัดกันส่งเข้ามาในสาย ชานยอลเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ กับเสียงก่นด่า แน่นอนว่าตัวเขาเองก็จำเหตุการณ์วันแรกที่เจอมนุษย์ฮอบบิทได้เหมือนกัน

     

    พวกมึงทำอะไรอยู่วะ

     

    ( วันนี้กูนัดท่านอัยการออกมากินข้าว คิดถึงมึงเลยโทรหา )

     

    แล้วมึงเป็นไงบ้างล่ะ เปิดโรงเรียนสอนว่ายน้ำนี่รวยยัง

     

    ( จะรวยนะถ้าได้มึงมาเป็นลูกค้าอีกคน )

     

    ( เงินจะแดกข้าวยังไม่มี มึงยังจะชวนมันมาเป็นลูกค้าอีกเหรอ )

     

    ( ฮ่า ๆ )

     

    ( แล้วมึงล่ะทำอะไรอยู่ )

     

    กูนั่งรอแบคฮยอนลองสูทอยู่ จะใส่ไปงานแต่งไอ้จงแดแหละ

     

    ( เออ กูก็ว่าจะถามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน สรุปมึงจะมาโซลวันไหน? )

     

    ก็คงอีกสักสองสามวัน รอแบคฮยอนเคลียร์งานเรียบร้อยคงได้นั่งรถไฟไป

     

    ( โหไอ้เหี้ย คำก็แบคฮยอน สองคำก็แบคฮยอน ถ้าไม่ห้ามให้กูใช้คำว่าเห่อเมียนะ... )

     

    ( เมียมันไม่สุภาพ เรียกแม่ก็พอแล้ว )

     

    ( 555555555555555555555 )

     

    กวนตีนละสัด ไปแดกขี้กันต่อเถอะ คุยกับกูนาน ๆ เดี๋ยวได้อมเหรียญแทน

     

    ( โหดจังครับพี่ )

     

    ( นักเลงมกโพก็งี้ )

     

    เออ แค่นี้นะ

     

    ร่างสูงยิ้มพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ พอได้คุยกันแบบนี้แล้วก็อดคิดถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้ มันก็นานมากแล้วที่เราไม่ได้นั่งคุยกันอย่างจริงจัง เพราะตอนกลับมาเกาหลีเมื่อไหร่ก็จะได้เจอสองคนนั้นแค่ที่สนามบินเท่านั้น ใช่ว่าปาร์คชานยอลจะสนใจแบคฮยอนแค่คนเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ แต่ละคนก็มีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกัน

     

    ชานยอล

     

    ไง?

     

    ชุดนี้ตัวใหญ่ไปไหมอ่ะ แบคฮยอนเดินออกมาพร้อมชุดที่เพิ่งลองใส่ ชานยอลลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็ก จับหัวไหล่ให้หมุนตัวเป็นวงกลมพร้อมเพ่งมองพิจารณา

     

    หลวมไป คนตัวสูงว่าแล้วหันไปทางพนักงานสาวที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ มีไซส์เล็กกว่านี้ไหมครับ?

     

    อ๋อมีค่ะ รอสักครู่นะคะ เธอยิ้มแล้วเดินหายเข้าไปข้างใน แบคฮยอนก้มลงมองตัวเองแล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อชานยอลเข้ามาช่วยจัดแจงปกเสื้อให้เข้าที่

     

    คิ้วหนาที่แอบขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นสิ่งบ่งบอกว่าตอนนี้ชานยอลกำลังจริงจัง พอคนตัวโตรู้ตัวว่ากำลังถูกมองอยู่ เราทั้งคู่เลยมีโอกาสได้สบตากันระหว่างรอชุดใหม่ ร่างเล็กอมยิ้มแล้วปล่อยให้มือใหญ่ยีหัวเหมือนอย่างเคย

     

    ยิ้มอะไร

     

    ไม่รู้สิ เวลามองชานยอลแล้วก็ยิ้มเฉยเลยอ่ะ

     

    ไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ ร่างสูงก้มลงมองใกล้ ๆ ซึ่งคนตัวเล็กก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    เวลาอยู่กับชานยอล คำว่าเหตุผลก็ไม่จำเป็นแล้ว

     

    ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นเอง รวมไปถึงความรู้สึกฟุ้ง ๆ ในใจ แบคฮยอนคิดว่ามันไม่มีเหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาอยู่กับคนรัก หรือถ้ามันจะมีจริง ๆ เหตุผลทุกอย่างก็คงจบอยู่แค่คำว่า เรารักกัน เท่านั้น

     

    มาแล้วค่ะ ดิฉันว่าไซส์นี้น่าจะเหมาะกับน้องชายของคุณนะคะ เธอว่าแล้วยื่นสูทตัวใหม่ให้ แบคฮยอนชะงักไปชั่วอึดใจกับคำว่าน้องชาย ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วยิ้มเจื่อน

     

    แหะ ขอบ...

     

    อ๋อ ไม่ใช่น้องครับ นี่แฟน

     

    เอ่อะ...

     

    ชานยอล...

     

    คบกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ถ้าแต่งงานมีลูกได้ป่านนี้คงกระเตงกันมาเลือกชุดด้วย แบคฮยอนถึงกับตาเหลือก ในขณะที่ชานยอลเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่า อะไรเหรอ? ผู้ชายคนนี้ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

     

    ชานยอล... ร่างเล็กกดเสียงลงต่ำปรามให้อีกคนหยุด แต่มนุษย์โลกแดงกลับยิ้มกวนประสาทให้หญิงสาวที่ยังคงช็อกอยู่ตรงนี้

     

    เอ่อ...

     

    ผมเอาชุดนี้แล้วกันครับ...ขอใส่กลับเลย แบคฮยอนคืนสูทที่ถือไว้ให้เธอก่อนจะรีบเข้าไปในห้องลองชุดเพื่อเอาชุดเดิมออกมา หญิงสาวยิ้มเจื่อน สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็แค่ยิ้มโง่ ๆ เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์แล้วคิดเงิน แม้ว่าในหัวของเธอจะมีแต่คำถามว่า ไอ้เด็กสองคนนั้นต้องการอะไรจากกู

     

     

     

     
     

    โอ๊ย เจ็บนะเว้ย!” ถึงจะบ่นอย่างนั้นแต่ชานยอลก็เอาแต่ขำตอนถูกชก คนตัวสูงลูบแขนป้อย ๆ แล้วแย่งถุงเสื้อผ้าไปถือให้

     

    เอาคืนมาเลย เราจะถือเอง

     

    ถือของหนักเดี๋ยวจะเตี้ยลงนะ ไม่รู้เหรอ

     

    ไม่ต้องมาขู่หรอก เราจะไม่เตี้ยไปกว่านี้แล้ว เอาคืนมา คนตัวเล็กในสภาพชุดสูทแบมือออก แต่ก็ต้องชักมือกลับเมื่ออีกคนทำท่าจะฟาดลงมาจะตีเราทำไมเนี่ย

     

    ปล่อยให้ถือก็จบแล้ว อย่าดื้อกับแฟนให้มันมากนัก เดี๋ยวมีน้ำโห ไม่ขู่อย่างเดียว ชานยอลชี้หน้าคาดโทษแฟนจ๋าที่กำลังย่นจมูกทำปากจู๋ใส่เขาเป็นการสั่งให้หยุด ปาร์คชานยอลไม่อยากฟัดแฟนในที่สาธารณะแบบนี้

     

    ชานยอลไปแกล้งพี่สาวคนนั้นทำไมก็ไม่รู้ เห็นไหมล่ะ เราเลยต้องใส่ไซส์ใหญ่กว่าตัวเลย

     

    ดีแล้ว ซื้อไซส์ใหญ่ใส่เผื่อโตไง

     

    เราอายุยี่สิบห้าแล้ว แถมเกิดก่อนชานยอลตั้งหลายเดือนด้วย

     

    แค่นี้อวดเหรอ กูอายุจะยี่สิบห้าแล้ว ไม่มีงานทำด้วย กะว่าจะเกาะแฟนกินไปเรื่อย ๆ แบบนี้แหละ...โอ๊ย!” ชานยอลกัดฟันกรอดมองคาดโทษมนุษย์ฮอบบิทที่เตะต้นขาเขาซะแรงเชียว เดี๋ยวนี้หัดใช้กำลังใช่ไหม เดี๋ยวกลับบ้านมึงรู้เรื่องแน่ฮอบบิท

     

    สมน้ำหน้า

     

    สมน้ำหน้าเหรอ พรุ่งนี้เช้าอยากคลานออกจากห้องสินะ... เสียงลอดไรฟันนั้นช่างน่าสยดสยอง แบคฮยอนทำตาเหลือกแล้วรีบเดินไปข้างหน้าเมื่ออีกฝ่ายทำท่าว่าจะเข้าชาร์จใส่

     

    อย่านะ!!! ชานยอล...เดี๋ยวสิเดี๋ยว!!!”

     

    ไม่เดินอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้แบคฮยอนเร่งฝีเท้าวิ่งหนีไททันโลกแดงที่จ้องจะเอาชีวิตเขาอย่างไม่คิดชีวิต ถึงตอนมัธยมบยอนแบคฮยอนจะเก่งเรื่องกีฬา แต่พอขึ้นมหาลัยแล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย เขาแทบจะลืมวิธีการวิ่งไปแล้วด้วยซ้ำ ในขณะที่ฝั่งชานยอลกลับเฟิร์มขึ้น มีกล้ามเนื้อ เพราะอาหารและกีฬา เชื่อเถอะว่าขายาว ๆ นั่นสามารถวิ่งมาถึงตัวเขาได้อย่างไม่ยาก

     

    อ่อก!” แบคฮยอนอ้าปากแลบลิ้นเพราะถูกคว้าตัวเอาไว้จากทางด้านหลัง ไหนจะต้นแขนแกร่งที่โอบรอบคอตอนนี้อีก ไม่สิ...เรียกว่าล็อกคอเลยจะดีกว่า ชานยอลกะเอาตายเลยหรือไงเนี่ย โหดเกินไปแล้ว

     

    จะหนีไปไหน? เสียงกระซิบข้างหูนั้นแบคฮยอนจั๊กจี้ชะมัด ไหนจะลมที่แกล้งเป่าลงมาอีก

     

    หูย ใครหนี ไม่มี๊

     

    เมื่อกี้ใครสมน้ำหน้านะ?

     

    คนพูดวิ่งไปโน่นแล้วอ่ะ แบคฮยอนชี้ไปข้างหน้า แต่มือนั้นก็ถูกคว้าเอาไว้ ร่างเล็กยืนนิ่ง ปล่อยให้คนตัวโตกอดเขาจากข้างหลังท่ามกลางเสียงรถขับผ่านไปมาในเวลาค่ำคืน

     

    เหมือนกับเดจาวูอีกแล้ว เขาจำได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นตอนเราทั้งคู่อยู่ม.ปลาย แบคฮยอนจับต้นแขนแกร่งที่อยู่ใต้คางแล้วก้มลงไปจุ๊บเบา ๆ

     

    คิดถึงตอนอยู่ม.ปลายจัง

     

    อาจารย์ที่ MIT บอกว่าถ้าคนเราคิดถึงอดีต แสดงว่าเราไม่มีความสุขกับปัจจุบัน

     

    มันอาจจะถูกอย่างที่อาจารย์ของชานยอลพูดนะ แต่ทฤษฎีนั้นใช้ไม่ได้กับทุกคนในโลกหรอก ยกเว้นเราแล้วคนนึง ร่างสูงก้มลงมองคนในอ้อมกอดการที่เรานึกถึงอดีต มันอาจเป็นเพราะเรามีความสุขกับปัจจุบันมาก เลยนึกย้อนกลับไปว่าเพราะอะไรที่ส่งผลให้เรามีความสุขได้ถึงขนาดนี้

     

    ...

     

    เรารู้สึกว่าชานยอลมีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเราอยู่ ร่างเล็กไม่ได้หันกลับมา เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดลงบนแขนเขา แต่ไม่เป็นไรนะ เรารู้ว่าชานยอลมีเหตุผลที่อยากเก็บเอาไว้ในใจ

     

    ...

     

    เรารู้ว่าชานยอลไม่ได้อยู่บ้านเฉย ๆ ...เราสังเกตจากกองหนังสือที่วางซ้อนกันผิดตำแหน่ง แหะ...เราแปลไม่ออกหรอก แค่จำสีหน้าปกได้ ร่างเล็กหัวเราะเบา ๆ เพราะตอนแรกเขาคิดว่าชานยอลเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ เฉย ๆ แต่เปล่าเลย...ชานยอลไม่ได้ทำอย่างนั้น ที่จริงชานยอลก็อยากทำงานแล้วใช่ไหม

     

    ...

     

    ไม่เป็นไรนะ เราไม่ได้หวังคำตอบหรอก แต่ถ้าสิ่งที่กวนใจชานยอลอยู่คือตัวเรา...เราก็อยากให้ชานยอลตัดทิ้ง

     

    กูจะทำอย่างนั้นได้ไง

     

    ชานยอลคลายอ้อมกอดออกเมื่ออีกคนพลิกตัวหันเข้าหาเขา ร่างสูงมองรอยยิ้มบนใบหน้าคนรัก อีกทั้งมือของเขาที่ถูกจับไปวางบนศีรษะทุยนั่นอีก แม้ว่าจะใส่สูทเต็มตัว แต่มนุษย์ฮอบบิทก็ยังดูเหมือนเด็กอายุยี่สิบเหมือนในตอนนั้น

     

    เราว่าเรารักชานยอลมากเกินกว่าจะทำใจยอมรับอะไรไม่ได้แล้ว

     

    ...

     

    ต่อให้ชานยอลจะไปทำงานที่โซล เราก็ยังมีแผนบีอยู่ไม่ใช่เหรอ เรานั่งรถไฟไปหาก็ได้ แค่สามชั่วโมงก็ได้เจอกันแล้ว แหะ มนุษย์ฮอบบิทยังคงยิ้ม จนดูเหมือนว่าปัญหาที่ก่อกวนใจปาร์คชานยอลมาตลอดหลายเดือนนั้นกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเลย

     

    ร่างสูงยิ้มบาง ๆ เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะเรารักกันมากใช่ไหม ทั้งเขาและคนตัวเล็กถึงได้นึกถึงความรู้สึกของกันและกันอยู่ตลอดกับทุกเรื่องที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

     

    เขาไม่อยากไปอยู่โซล ถ้าแบคฮยอนยังอยู่ที่นี่ ส่วนแบคฮยอนก็พร้อมที่จะยอมรับการตัดสินใจของเขาทุกอย่าง เพื่อความสบายใจเขาและพ่ออีกคน ไอ้บ้านนอกมักจะคิดถึงใจคนอื่นอยู่เสมอ จนยอมลดความสุขของตัวเองลง

     
     

    ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น

     
     

    นี่แบคฮยอน

     

    คับ

     

    ถ้ามึงคิดมากเรื่องงานกู เรื่องพ่อ หรือเรื่องต้องแยกกันอยู่ล่ะก็... ชานยอลวางมือลงบนไหล่เล็กแล้วยิ้มบาง ๆ เลิกคิดไปได้เลยนะ

     

    เลิกคิดไม่ได้หรอก ยังมีสิ่งสำคัญกว่าเรารอชานยอลอยู่นะ แบคฮยอนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเต็มร้อยได้ ทั้ง ๆ ที่คุณลุงกำลังเสียใจแบบนี้

     

    สิ่งที่สำคัญกว่าคืออะไรล่ะ พ่อน่ะใช่ แต่งานทำที่ไหนก็ได้ ชานยอลลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ ต่อให้เงินเดือนมากแค่ไหน แต่ทำแล้วไม่มีความสุขกูก็ขอเลือกเงินเดือนน้อยแต่ได้อยู่กับแฟนดีกว่า

     

    ...

     

    ไม่ต้องห่วงนะ ปัญหาทุกอย่างที่ค้างคา กูจะจัดการมันด้วยตัวเอง โดยที่เราไม่ต้องแยกกันไปไหนอีกแล้ว

     
     

     

     

    แน่ใจนะว่าจะพักโรงแรม บ้านกูมีห้องว่างอยู่

     

    โรงแรมแล้วกัน เกรงใจมึงเผื่อตอนดึกกูกับไอ้บ้านนอกเผลอส่งเสียงกุกกักรบกวน

     

    ชานยอลอ่ะ

     

    จงอินยิ้มขำส่ายหน้าหน่าย ๆ เมื่อแบคฮยอนที่นั่งอยู่เบาะหลังโผล่มาตรงกลางแล้วมองคาดโทษชานยอลซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับ คนตัวสูงดันหัวร่างเล็กให้กลับไปที่เดิม แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมง่าย ๆ

     

    ไอ้เทาล่ะ

     

    มันมีสอนเด็กว่ายน้ำจนถึงห้าโมงเย็นน่ะ เดี๋ยวกูพามึงไปเช็กอินก่อน ถ้าหิวก็หาหญ้าแดกไปพลาง ๆ ก่อนนะกูต้องไปทำงาน

     

    เออ แค่มารับกูก็ขอบใจมากแล้ว

     

    สบายดีนะแบคฮยอน? จงอินมองคนตัวเล็กผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งเจ้าของชื่อก็พยักหน้ายิ้มเป็นคำตอบ

     

    จงอินล่ะ เป็นยังไงบ้าง

     

    ก็ดีนะ มีบททดสอบให้ใช้สมองทุกครั้งที่ขึ้นศาล

     

    หูย งานแบบนั้นชานยอลคงทำไม่ได้แน่ ๆ อ่ะ

     

    เดี๋ยวจะโดน แบคฮยอนยิ้มตาหยีหลบไปนั่งชิดกับประตูรถเมื่อร่างสูงทำท่าว่าจะโน้มตัวมาทำร้ายเขา

     

    และแล้วก็มาถึงโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของจงแดในวันพรุ่งนี้ จงอินบอกว่าถ้าค้างที่นี่จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทาง พอเก็บของเรียบร้อยทั้งคู่ก็ออกมาข้างนอกเพื่อหาร้านกินมื้อเที่ยง แทนที่จะนั่งกินของแพง ๆ ในโรงแรม

     

    ร้านเนื้อย่างเจ้าประจำเมื่อตอนม.ปลายคือเป้าหมายหลัก ชานยอลเปิดประตูแล้วดันใหล่ให้แบคฮยอนเข้าไปก่อน ข้างในร้านค่อนข้างเงียบ เนื่องจากตอนนี้มีลูกค้าอยู่แค่สามโต๊ะ ทั้งคู่เดินเข้าไปเลือกหาที่นั่ง ก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อเจอใครคนหนึ่งอย่างไม่คาดคิด ผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ทางด้านในสุด

     

    พ่อ?

     
     

     

     

    ไว้เจอกันนะจองซู

     

    ครับฮยองนิม

     

    เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งคุกเข่าอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ พลางมองคนเป็นพ่อกับน้องชายคนเล็กที่ลุกขึ้นยืนขาชิดกัน ก่อนจะโค้งหัวลารุ่นพี่ผู้ซึ่งเป็นพ่อของจงอิน

     

    เจโน่โตขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ส่วนสูงและเสียงทุ้มต่ำนั้นที่ทำให้รู้สึกว่ามีส่วนคล้ายชานยอลอยู่บ้าง ร่างเล็กเม้มริมฝีปากพลางก้มหน้าเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวจากความเงียบโดยรอบ

     

    เสียงพูดคุยของโต๊ะอื่นเปรียบเสมือนเสียงยุงบินผ่าน ซึ่งมันไม่สามารถทำให้เขาผ่อนคลายกับความอึดอัดนี้ไปได้เลย

     

    แบคฮยอนรู้แล้วว่าคนเราไม่สามารถวิ่งหนีความจริงไปได้ตลอด เพราะไม่ว่ายังไงสักวันหนึ่งเขาก็ต้องได้เผชิญหน้ากับคุณลุงอีกครั้งเพื่อยอมรับคำพิพากษา และวันนี้โลกก็ได้ผลักให้เรามาเจอกันโดยบังเอิญแล้ว

     

    ถ้าเทียบกับเขา ตอนนี้ชานยอลนิ่งกว่าเป็นไหน ๆ คนตัวสูงเพียงแค่ใช้สองมือถือแก้วใบเล็กเอาไว้พร้อมก้มหน้าลงเมื่อคนเป็นพ่อรินเหล้าให้

     

    มาถึงโซลตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

     

    ขึ้นมาทำอะไรล่ะ

     

    งานแต่งงานเพื่อน

     

    ให้แบคฮยอนตอบบ้างก็ได้ ฉันอยากคุยกับเขา ร่างเล็กก้ม ๆ เงย ๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย พอเห็นว่าคุณลุงทำท่าจะรินเหล้าให้ เลยยื่นแก้วออกไปด้วยสองมือแล้วก้มหัวลงตามพิธี ก่อนจะหันไปทางด้านข้างแล้วยกดื่มรวดเดียว

     

    ขอบคุณครับ...

     

    กลัวเหรอ?

     

    อ่ะ... แบคฮยอนพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหนดีในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าเขากำลังกลัว แต่ถ้าจะให้เลือกระหว่างขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด กับยอมนั่งอยู่ตรงนี้แล้วยอมรับความจริง เขาก็ขอเลือกอย่างหลังดีกว่า

     

    ทำไมถึงกลัว?

     

    เพราะผมทำให้คุณลุงรู้สึกไม่ดีครับ...

     

    อย่างเช่น...?

     

    พ่อมีอะไรก็คุยกับผมคนเดียวเถอะ

     

    ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นในเมื่อแกสองคนเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน สีหน้าของคนเป็นพ่อยังคงเรียบเฉยเหมือนในทีแรก ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะสบตากันอย่างหยั่งเชิง ไม่รู้ว่าพ่อต้องการอะไรกันแน่

     

    คุณลุงถามมาได้เลยครับ มือที่วางอยู่บนหน้าขาเริ่มกำเข้าหากันแน่นตามความอึดอัดที่ก่อตัว ชานยอลหันไปทางคนรักที่กำลังเงยหน้าขึ้นสบตากับพ่อของเขาผมพร้อมจะตอบทุกอย่าง

     

    ...

     

    ดี คนเป็นพ่อถอนหายใจเบา ๆ แล้วดื่มเหล้าที่เจโน่รินให้ ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบโดยรอบกัดกร่อนความรู้สึกของเด็กหนุ่มทั้งสองคน ชานยอล แกออกไปรอข้างนอกก่อน

     

    พ่อ?

     

    ฉันอยากคุยกับแบคฮยอนตามลำพัง

     

    แต่ที่เราสัญญากันไว้มันไม่ใช่แบบนี้ ชานยอลไม่เข้าใจว่าพ่อต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปคุยกับพ่อด้วยตัวเองหลังจากผ่านงานแต่งงาน ปาร์คชานยอลมีเวลามากพอถ้าพ่อต้องการ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

     

    นั่นคือสิ่งที่แกพูด ฉันไม่เคยตอบตกลงสัญญาด้วย

     

    ...

     

    ชานยอลออกไปรอข้างนอกก่อนนะ ร่างเล็กยังคงยิ้ม เพื่อบอกให้อีกคนรู้ว่าเขาจะต้องไม่เป็นอะไร ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี

     

    ร่างสูงถอนหายใจอย่างหัวเสียแล้วเดินออกไปรอข้างนอก ถ้าแบคฮยอนไม่พูดอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมลุกไปไหนจนกว่าจะคุยกับตาแก่หัวดื้อรู้เรื่อง

     

    คออ่อนหรือเปล่า?

     

    ผมพอดื่มได้ครับ แบคฮยอนยื่นแก้วไปตรงหน้าอีกครั้ง เขายังคงก้มหัวรับแล้วหันไปด้านข้างเพื่อดื่มอย่างไม่อิดออด

     

    เป็นยังไงบ้าง

     

    ผมสบายดีครับ แล้วสุขภาพคุณลุงเป็นยังไงบ้างเหรอครับ

     

    ก็ดีนะ เรื่อย ๆ

     

    คุณลุงดูผอมลงไปเยอะ ถ้าไม่คิดว่าผมวุ่นวายจนเกินไป ผมว่าคุณลุงเพลา ๆ บุหรี่ลงอีกสักหน่อยดีไหมครับ ดื่มน้ำผลไม้แทนเหล้า มันช่วยได้เยอะเลย

     

    ...

     

    ยอมรับว่ารู้สึกผิดอยู่ในใจลึก ๆ พอเห็นแววตาคู่นั้นที่อยู่ใต้เลนส์แว่น แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาปาร์คจองซูเห็นเด็กคนนี้เป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเขารักและเอ็นดูแบคฮยอนมากเกินกว่าจะทำใจโกรธได้ลง

     

    เด็กคนนี้ยังคงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเขาเสมอ เหมือนตอนที่เคยอยู่บ้านหลังเดียวกันแบคฮยอนก็มักจะทำอาหารเพื่อสุขภาพให้เขาได้กินอยู่ตลอด

     

    แบคฮยอน

     

    ครับ...

     

    ก่อนอื่นลุงต้องบอกก่อนว่า ลุงเสียใจที่เราสองคนปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับมาตลอด ความรู้สึกมันเหมือนถูกตบหน้า

     

    ขอโทษครับ...ผมยินดียอมรับคำต่อว่าจากคุณลุงทุกอย่าง แบคฮยอนก้มหัวอย่างรู้สึกผิด

     

    รู้ใช่ไหมว่าลุงรักเราเหมือนลูกคนหนึ่ง?

     

    ครับ...ผมรู้

     

    ลุงไม่รู้เลยว่าจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ยังไงดีเขาเพียงแค่มองอีกคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม ความรู้สึกต่าง ๆ มันถาโถมเข้ามาให้ได้คิดอีกครั้ง ว่ามันเป็นความผิดของเด็กคนนี้จริง ๆ น่ะหรือ?

     

    ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากให้ต้องมีใครรู้สึกแย่ครับ แบคฮยอนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย คนที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง ผมไม่อยากให้คุณลุงเสียใจมากไปกว่านี้ ส่วนความเสียใจที่เกิดขึ้นแล้ว ผมอยากให้คุณลุงระบายกับผมนะครับ

     

    ...

     

    ผมไม่อยากให้ชานยอลโทษตัวเองว่าเขาเป็นลูกที่ไม่ดี กับการที่เราสองคนคบกัน และมันส่งผลทำให้คุณลุงต้องเสียใจ ร่างเล็กกำมือแน่นจนมือชุ่มเหงื่อ แบคฮยอนกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูดดี ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจได้มากกว่านี้ผมจะดูแลชานยอลเป็นอย่างดีครับ

     

    ...

     

    ผมอาจจะมีลูกให้คุณลุงอุ้มไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ชานยอลมีแต่ความสุข

     

    เจโน่มองพ่อสลับกับรุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ใช่แล้ว เขาได้ฟังเรื่องของพี่ชายคนรองมาเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งพ่อก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก ถ้าพี่ลู่หานไม่กลับไปอยู่จีนเสียก่อน ตอนนั้นพ่อก็อาจจะมีผู้ฟังที่ดีมากกว่าเขา

     

    คบกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วใช่ไหม?

     

    ...ครับ

     

    โอเค ปาร์คจองซูยกเหล้าดื่มแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถคาดคั้นเอาอะไรจากคนตรงหน้าได้แล้ว เพราะสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นมันมีแต่ความรู้สึกผิดต่อใจตัวเอง เขารู้สึกเหมือนกำลังชี้หน้าสั่งให้เด็กคนนี้สารภาพผิด ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรเจโน่ ไปตามพี่เรามา

     

    ครับ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดลุกขึ้นออกไปตามพี่ชายที่อยู่ข้างนอก เพียงแค่ครู่เดียวชานยอลก็กลับมา สายตาของร่างสูงดูเป็นกังวลเมื่อมองไปยังใบหน้าของคนตัวเล็ก สลับกับพ่อของเขา

     

    แบคฮยอนออกไปรอข้างนอกก่อน

     

    ครับ ร่างเล็กโค้งหัวอย่างสุภาพ ก่อนจะหันไปมองคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีเวลาให้ได้อิดออด ชานยอลเพียงแค่ถอนหายใจอย่างเบาหวิวกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่

     

    ว่ามาสิ กับเรื่องที่แกอยากอธิบายให้ฉันฟัง

     

    พ่อแน่ใจเหรอว่าพร้อมที่จะฟังแล้ว

     

    ฉันไม่คิดว่าคนเป็นพ่อแม่จะมีความพร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้ได้

     

    จากน้ำเสียงของพ่อ ผมคิดว่าพูดไปก็คงเท่านั้น

     

    ยังไงล่ะ กับการที่ฉันบอกว่าไม่พร้อม มันหมายความว่าฉันจะรับไม่ได้หรือไง?

     

    พ่อรู้อยู่แก่ใจดีว่ารับได้หรือไม่ได้

     

    ใช่ ฉันรู้ แต่นั่นต้องเป็นหลังจากที่ได้ฟังเหตุผลทุกอย่างแล้ว พูดจบคนเป็นพ่อก็ยกเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะสบตากับลูกชายอีกครั้ง

     

    ผมรู้ว่าพ่อคาดหวังในตัวผมไว้สูง แต่ผมเลือกทางนี้แล้ว และผมคงไม่เปลี่ยนใจ

     

    งั้นก็ช่วยพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันวางใจหน่อยสิ อย่างเช่นว่าแกจะไม่ลำบากถ้าไม่มีลูกหลานคอยเลี้ยงดูตอนแก่ตัวลง

     

    ผมดีใจที่พ่อเป็นห่วงว่าตอนนั้นผมจะอยู่ยังไง แต่ผมก็อยากอยู่กับแบคฮยอนอยู่ดี ต่อให้ตอนนั้นเราจะแก่จนเดินไม่ได้แล้ว ผมก็กะว่าจะนอนแห้งตายกันตรงนั้นแหละ

     

    พ่อคงคิดว่าเขากำลังกวนประสาท แต่เชื่อเถอะว่าทุกอย่างมันออกมาจากสมองจริง ๆ ถึงจะดูเหมือนคิดเป็นเด็ก ๆ ไปหน่อย แต่พอถึงเวลานั้น ปาร์คชานยอลมั่นใจว่าเขาคงไม่มานั่งคิดเสียดายเรื่องลูกหลาน

     

    พ่อ...ไม่เคยมีใครรักแล้วก็ทำเพื่อผมถึงขนาดนี้

     

    ...

     

    ถ้าพ่ออยากให้ผมเลิกกับแบคฮยอนเพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมก็คงบอกพ่อได้เลยว่าผมจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนทั้งนั้นปาร์คจองซูไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่มองหน้าลูกชายคนรองที่กำลังพยายามอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟัง และพอผมไม่แต่งงาน พอถึงตอนนั้นผมก็คงใช้ชีวิตเหมือนพ่อ ทำงานงก ๆ ไปจนแก่ตัว แต่ไม่มีความสุขเรื่องความรัก

     

    ...

     

    ผมคิดว่ามันแย่กว่าการรักเพศเดียวกันซะอีก

     

    ปาร์คจองซูรู้สึกเหมือนถูกหอกทิ่มกลางอกกับสิ่งที่เขาเคยมองข้ามไป ว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน ถูกอย่างที่ชานยอลพูด เขาจำไม่ได้แล้วว่าความสุขที่เกิดจากความรักมันเป็นยังไง หลังจากต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมาตลอดหลายปี

     

    ผมเรียนจบแล้วและกำลังจะมีงานทำ ผมจะเลี้ยงตัวเองให้ได้ ถ้ามันถึงวันที่พ่อทำงานไม่ไหว ผมจะเป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ พ่อเอง สายตาของชานยอลในตอนนี้จริงจังมากไปกว่าทุกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าลูกชายคนนี้ไม่ได้พูดเล่น ส่วนเรื่องลูกหลานที่จะดูแลผมในอนาคตน่ะช่างหัวมันเถอะ

     

    ...

     

    ผมวางแผนว่าจะอยู่ทำงานที่มกโพสักปีหนึ่ง พอเก็บเงินได้แล้วจะไปเรียนต่อโท MBA ที่อเมริกา หลังจากจบจากที่นั่นผมก็จะมีเครดิตที่ดีขึ้น พอถึงตอนนั้นผมจะทำหน้าที่ลูกชายที่ดีที่สุด(MBA = Master of Business Administration หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต)

     

    ถ้าเรียนจบโทสาขานี้เขาจะมีโอกาสเลือกงานได้มากขึ้น เงินเดือนก็จะสูงกว่าคนเรียนจบปริญญาตรีทั่วไป ชานยอลวางแผนไว้ว่าถ้าจบสายนี้เขาก็อยากจะบรรจุเข้าตำแหน่งงานด้านบริหาร ถึงดูเหมือนว่าจะฝันสูงไปหน่อย แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็เริ่มจากการฝันแล้วค่อยลงมือทำไม่ใช่หรือไงกัน

     

    พอได้ยินแบบนี้แล้วพ่อจะยอมถอยให้ผมสักก้าวหนึ่งไหม?

     

    ...

     

    ให้ผมเลือกแบคฮยอน และนอกจากนั้นผมจะทำตามที่พ่อต้องการทุกอย่าง

     

    คนเป็นพ่อนิ่งไปเป็นนาที เขาไม่สามารถตอบตกลงในทันทีได้ แต่การปฏิเสธความต้องการของลูกชายที่ร่างเป้าหมายมาเป็นฉาก ๆ ในแบบที่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงได้...เขาก็ไม่กล้าทำเหมือนกัน

     

    ปาร์คจองซูยอมแพ้แล้ว วันนี้เขาได้รู้อีกอย่างว่าลูกชายคนรองนั้นนิสัยเหมือนใคร ซึ่งก็คงไม่พ้นตัวเขาเอง วูบหนึ่งเขามองเห็นเงาตัวเองในตัวเด็กคนนี้ ความเด็ดขาด หนักแน่น เหมือนตอนที่เขาเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตแม่ของลู่หาน เพื่อที่จะใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ

     

    พวกแกจะมีความสุขจริง ๆ ใช่ไหม?

     

    ...

     

    ถ้าเลือกแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด จำคำที่พ่อพูดเอาไว้นะชานยอล

     

    หมายความว่าพ่อ...

     

    อืม... คนเป็นพ่อเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขากำลังพยายามทำความเข้าใจกับความสุขของลูกชายคนนี้แล้วก็อย่าลืมว่าแกยังมีบ้านอยู่ที่นี่ล่ะ

     

    ชานยอลเบิกตากว้าง เขาแทบจะไม่อยากเชื่อตัวเองว่าพ่อจะยอมใจอ่อนกับเรื่องนี้ได้ ยอมรับว่าคาดหวัง แต่มันก็ริบหรี่มากเกินกว่าจะมั่นใจในคำพูดของตัวเองและความหัวดื้อของคนเป็นพ่อ ร่างสูงถอยหลังออกไปเล็กน้อย ก่อนจะก้มหัวติดกับที่นั่งเพื่อทำความเคารพ

     

    ขอบคุณครับพ่อ

     

    เอาล่ะ แกกับแบคฮยอนคงทนหิวมานานแล้ว ปาร์คจองซูพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลูกชายคนเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะคว้ากระเป๋าเงินออกมาแล้วมองลูกชายคนกลางเป็นครั้งสุดท้ายฉันจะพาเจโน่ไปซื้อของ พรุ่งนี้หลังจากผ่านงานแต่งงานเพื่อนไปแล้วแกยังไม่รีบกลับ วันมะรืนฉันก็อยากจะกินข้าวกับแกสองคน

     

    ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายแล้วพยักหน้ารับ ร่างสูงมองตามแผ่นหลังของพ่อที่เดินไปหยุดอยู่หน้าแคชเชียร์ แล้วก็เห็นว่าเจโน่หันหลังมองมาทางนี้พร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกกับเขาว่าผมเชื่อในตัวพี่เสมอ

     

     

     

     

    วันนี้เราต้องซื้ออะไรกันบ้างนะ?

     

    หลัก ๆ ที่ต้องซื้อก่อนก็เป็นรองเท้าบาสครับ ส่วนของอย่างอื่นยังไม่จำเป็นเท่าไหร่ ถ้าพ่อไม่ว่างผมไปเองก็ได้นะ เจโน่มองตามคนเป็นพ่อที่เดินไปเปิดประตูที่นั่งคนขับแล้วแทรกตัวเข้าไปข้างใน

     

    เขาเห็นว่าพี่แบคฮยอนยืนมองอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วโบกมือลาซึ่งร่างเล็กก็โบกมือกลับมาเช่นกัน แค่ครู่เดียวเท่านั้นพี่ชานยอลก็ตามออกมาข้างนอก แล้วทั้งคู่ก็กลับเข้าไปข้างในด้วยกัน

     

    เลือกยี่ห้อมาหรือยังล่ะ พ่ออยากให้เราใส่ของดี ๆ

     

    ครับ ผมเล็งมาแล้ว

     

    หืม เท่าไหร่ล่ะ?

     

    ไม่เป็นไรครับ ผมจะเอาเงินเก็บซื้อเอง จองซูหันไปมองลูกชายที่กำลังง่วนอยู่กับการคาดเข็มขัด เด็กหนุ่มหันมายิ้มแล้วควักกระเป๋าเงินออกมาตบกับฝ่ามือเบา ๆ เงินเก็บของผมก็คือเงินที่พ่อเคยให้นั่นแหละครับ พ่อไม่ต้องห่วงนะ

     

    ...

     

    พี่ลู่หานเคยบอกว่าถ้าพึ่งตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก เราจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ เด็กหนุ่มทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าเมื่อรถเคลื่อนตัวออก มันทำให้อดคิดถึงพี่ชายคนโตที่ที่เคยอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ

     

    แล้วรู้หรือยังล่ะว่าผู้ใหญ่ที่ดีเป็นยังไง?

     

    ตอนนี้ผมยังไม่รู้หรอกว่าการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเป็นยังไง แต่ผมรู้ว่าผมจะทำให้พ่อสบายใจได้

     

    ...

     

    พ่อไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพ่ออยากอุ้มหลาน พ่อยังมีผม

     

    ...

     

    พี่ชานยอลแค่อยากใช้ชีวิตอยู่กับพี่แบคฮยอน แต่เขาไม่ได้เป็นคนเลว ผมเชื่อว่าพ่อก็รู้เรื่องนี้ดี

     

    ...

     

    ผมจะอยู่กับพ่อ ต่อให้แต่งงานแล้วผมก็จะไม่ย้ายหนีไปไหน เพราะงั้นเลิกเครียดเรื่องพี่ชานยอลเถอะนะครับ พ่อยังมีผมอยู่อีกคนนะ

     
     

     
     

    ในห้องงานเลี้ยงใหญ่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมและสีชมพู ผู้คนมากมายต่างทยอยเข้ามาลงชื่อเข้าไปในงานแต่ง บ้างก็ถ่ายรูปกับซุ้มดอกไม้ บ้างก็นั่งคุยกัน

     

    พูดก็พูดเถอะ มึง...ไอ้คุณอัยการ จื่อเทามองเพื่อนสนิทที่นั่งไขว่ห้างเงียบ ๆ แล้วดื่มไวน์อย่างใจเย็น

     

    ถ้าจะพูดเรื่องนั้นมึงหุบปากไปเลยเทา จงอินเอามือดันหน้าเพื่อนชาวจีนออก ชานยอลเพียงแค่ยิ้มขำ เขาพอจะรู้ว่ามันสองคนหมายถึงเรื่องอะไร และคาดว่าคงมีใครสักคนที่ไม่ต้องการพูดถึงมันอีก

     

    เห็นทีว่าเราสามคนจะไม่ได้มีโอกาสได้มีงานแบบนี้เป็นของตัวเอง ชานยอลมองไปยังคู่บ่าวสาวบนเวทีซึ่งกำลังพูดถึงความรักที่หมักหมมกันมานานหลายปี ประหนึ่งว่าจะสำลักความสุขออกมารอมร่อ

     

    ตอนแรกกูไม่เศร้านะ พอมึงพูดงี้ปุ๊บชีวิตกูหดหู่เลย

     

    เต๊าะเด็กที่ไปเรียนว่ายน้ำสิ เห็นว่าคนมาชอบเยอะไม่ใช่เหรอ จงอินถาม ซึ่งจื่อเทาเพียงแค่แค่นหัวเราะ

     

    เด็กไม่ใช่แนวกูว่ะ กูชอบคนที่สามารถหยุดกูได้

     

    คนเก็บเงินค่าทางด่วนสินะ จงอินหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้หลังจากที่ชานยอลเบรกจื่อเทาด้วยประโยคนี้

     

    เจอกันทั้งทีไม่น่าจะกวนตีนนะครับพี่

     

    นิดนึงไงครับ ผมก็เหงาปาก อยู่กับแฟนก็ได้ด่าแฟน เผลอ ๆ โดนมันหลอกด่าอีก ชีวิตดีเหลือเกิน จงอินกับจื่อเทาค้างอยู่ในท่ายกแก้วไวน์ดื่ม ทั้งคู่หลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงหน้าซื่อ ๆ ของมนุษย์ฮอบบิท

     

    ทั้งสามคนหันไปสนใจกับเวทีอีกครั้ง ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนได้กลับมางานคืนสู้เหย้ายังไงอย่างนั้น เมื่อหันไปทางไหนก็เห็นแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตา ทั้งเพื่อนร่วมห้องของฮันซอนฮวาและเพื่อนร่วมห้องของเขา

     

    วันนี้คิมจงแดยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาก็เห็นมันทำหน้าแบบนั้นอยู่บ่อย ๆ ตอนที่ยังเรียนอยู่ด้วยกัน ก็พอจะเข้าใจหรอกนะ ได้เมียสวยเลยเก็บอาการฟินไว้ไม่อยู่ ร่างสูงกระแอมไอเบา ๆ เสียงในห้องงานเลี้ยงเงียบไปแล้วเมื่อเจ้าสาวหยิบไมค์

     

    จงแดเป็นผู้ชายอารมณ์ดี ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอเวลาอยู่กับเขา จงแดมีอะไรหลายอย่างที่ผู้ชายหล่อ รวย สมาร์ทให้ฉันไม่ได้ค่ะ

     

    บางทียัยนั่นน่าจะแยกแยะให้ออกว่าอารมณ์ดีกับเป็นบ้ามันไม่เหมือนกัน

     

    พอถึงช่วงเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวขึ้นไปกล่าวความภาคภูมิใจ ตัวแทนฝั่งเจ้าสาวคือจอนฮโยซอง แม่สาวอกอึ๋มที่เคยหลงผิดชอบปาร์คชานยอลมาก่อน ยัยนั่นพูดติดอ่างเพราะตื่นเวที แถมยังทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ก็นะ...เพื่อนสาวคนสนิทหาผัวได้ก่อนมันก็น่าเศร้าอย่างนี้

     

    ส่วนฝ่ายชายตอนแรกกะจะส่งจุนมยอนไป แต่ไอ้หมอนี่ก็เหมือนกัน มัวแต่ร้องไห้เพราะตื้นตันใจ แบคฮยอนก็ได้แต่ลูบหลังปลอบ แต่หมอนั่นก็หยุดร้องไม่ได้คยองซูเลยอาสาขึ้นไปแทน

     

    สวัสดีครับ ผมโดคยองซู

     

     

    กริบ...

     

     

    ราวกับไอ้เตี้ยนั่นมีเวทมนต์ที่สามารถดึงความสนใจของทุกคนให้มาหยุดที่ตัวเองได้ ไม่มีแม้แต่เสียงซุบซิบ หรือที่จริงแล้วพวกคนเหล่านั้นกำลังลุ้นว่าโดคยองซูพูดได้ด้วยเหรอ ทีแรกนึกว่าเป็นใบ้

     

    ตอนแรกจุนมยอนจะขึ้นมากล่าว แต่เขาไม่สามารถเรียกสติตัวเองกลับมาได้ในเวลานี้ เด็กหนุ่มตาโตกล่าวเสียงเรียบ ซึ่งตอนนี้จงแดกำลังยิ้มอย่างปลื้มปิติ กับการที่คนพูดน้อยในกลุ่มกำลังจะกล่าวถึงเขาในฐานะที่ผมเป็นส่วนหนึ่งในชมรมห้องสมุดเมื่อตอนม.ปลาย ผมอยากจะบอกจงแดว่า...โชคดีจังเลยน้า...

     

    น้ำเสียงกระแนะกระแหนปิดท้ายทำเจ้าบ่าวยิ้มค้าง และคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน เจ้าสาวอย่างซอนฮวาเพียงแค่ลูบหัวปลอบใจว่าที่สามี เธอชินแล้วกับการเห็นโดคยองซูฆ่าคนอื่นทางคำพูด

     

    เมื่อกี้ผมแซวเล่นนะครับ เราสนิทกันเลยเล่นกันขำ ๆ บ้าง ผมจะเอาจริงแล้วนะ อะแฮ่ม!” คยองซูกระแอมไอเรียกเสียงก่อนจะปรับขาไมค์ จงแดอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด...ไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อที่สุด...ไม่ใช่เจ้าชายในเทพนิยาย...

     

    ประโยคนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ประโยคต่อไปเขาเชื่อว่ามันต้องเป็น แต่เขาคือผู้ชายที่ดีพอสำหรับซอนฮวาแล้ว แน่ ๆ จงแดยิ้มกว้างแล้วอ้าแขนออก ถ้าคยองซูเดินมากอดเขาตอนนี้มันคงเป็นภาพที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

     

    สรุปคือมันไม่มีอะไรดีเลย

     

     

    กริบ...

     

     

    ย่าห์! โดคยองซู แกก็ไม่มีอะไรดีเหมือนกันนั่นแหละ!” เจ้าบ่าวตะโกนกลับไปจนหมดมู้ดผู้ชายอารมณ์ดีอย่างที่เจ้าสาวเคยโฆษณาไว้ ซอนฮวาล็อกแขนจงแดเพื่อห้ามไม่ให้คนรักของเธอขึ้นเวทีไปดวดหน้าเพื่อนสนิทกลางงานแต่ง

     

    เพราะฉะนั้นสาวคนไหนที่ยังโสดอยู่และต้องการลองสิ่งแปลกใหม่ก็ให้ติดต่อผม เบอร์โทรหลังไมค์ได้ ขอบคุณสำหรับพื้นที่โฆษณาครับ...ลาล่ะ คยองซูโค้งลาก่อนจะเดินลงเวทีไปอย่างสวยงาม

     

    วูบหนึ่งแขกเหรื่อในงานต่างกันไปมองหน้ากัน อารมณ์แบบว่ากูควรจะปรบมือดีไหม รอยยิ้มตามมารยาทนี่ยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า จนกระทั่งจุนมยอนเป็นคนปรบมือเปิดทั้งน้ำตานั่นแหละ คนอื่น ๆ เลยทำตาม

     

    ไม่นานนักแก๊งห้องสมุดยืนอยู่ด้วยกันทั้งสี่หน่อ โดยมีจงแดยืนอยู่ตรงกลาง และแล้วก็มาถึงช่วงเจ้าบ่าวแอนด์เดอะแก๊งพาเพลิน ทั้งสี่คนมีไมค์เดี่ยวอยู่ในมือ ทันทีที่ดนตรีบรรเลงขึ้น คนแคระก็โยกตัวไปมาแล้วร้องเพลงไปพร้อม ๆ กัน

     

    เสียงปรบมือเป็นจังหวะประสานกับเสียงร้องของชายหนุ่มทั้งสี่ ทุกคนยังคงเหลือเค้าโครงใบหน้าเดิมอยู่ ถึงแม้ว่าบางคนจะเปลี่ยนไปบ้าง อ้วนขึ้น ผอมลง แต่ก็ไม่ถึงขั้นจำไม่ได้

     

    ชานยอลมองคนรักที่กำลังร้องเพลง สายตาของมนุษย์ฮอบบิทตอนมองไปยังคนเป็นเจ้าบ่าวนั้นเต็มไปด้วยความยินดี ร่างสูงหลุดขำออกมาเบา ๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเลโกลัสที่กำลังนั่งมองแก๊งฮอบบิทร้องเพลงสรรเสริญอะไรบางอย่าง พอจงอินกับจื่อเทาเห็นเพื่อนเอาแต่ยิ้มเลยสะกิดเพราะความอยากรู้

     

    ขำไรวะ

     

    กูแค่รู้สึกเหมือนเพิ่งแกล้งแก๊งคนแคระไปเมื่อวานนี้น่ะ ชานยอลยังคงมองไปยังภาพเบื้องหน้ารู้สึกเหมือนเพิ่งโดนโดคยองซูนินทาว่ากูเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกมึงซวยไปด้วย รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดที่ทำให้คิมจุนมยอนกับคิมจงแดต้องผวา รวมไปถึงวันแรกที่ได้เจอกับแบคฮยอนเช่นกัน

     

    จงอินกับจื่อเทายิ้มเมื่อนึกไปถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านพ้นไป ในวันนี้ทุกคนต่างเปลี่ยนเส้นทางการเดินแยกกันไป เราถอดชุดนักเรียนออกแล้วใส่สูท สำหรับหนทางข้างหน้าที่มีเรื่องราวน่าค้นหารออยู่ พวกเขายังต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ

     

     แม้ว่าเราจะคิดถึงอดีตมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ยังต้องทำคือการเดินหน้าต่อไปเพื่อต้อนรับสิ่งแปลกใหม่หรือความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของจิตใจ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป...ก็คือมิตรภาพของคำว่าเพื่อนที่จะอยู่ในใจพวกเราทุกคนไปตลอด

     

     

     

     
     

    อึ่ก...

     

    เดินดี ๆ หน่อยได้ไหม

     

    เดินดี ๆ แล้วแต่โลกมันหมุนเองได้ด้วยอ่ะ...

     

    ร่างสูงจิ๊ปากก่อนจะล้วงกระเป๋าเอาคีย์การ์ดขึ้นมาแตะสแกนประตูห้อง แต่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้กลับกลายเป็นเรื่องยาก เมื่อคนตัวเล็กที่กำลังเมาแอ้ทำท่าจะดิ่งโหม่งโลกอยู่ตลอดเวลา ไอ้ครั้นจะแบกขึ้นหลังมันก็ได้หรอกนะ แต่พอทำอย่างนั้นแล้วมนุษย์ฮอบบิทเสือกดิ้นยุกยิกจนต้องปล่อยให้เดินเองน่ะสิ

     

    สาบานตรงนี้เลยว่าถ้าได้เจอสามแก๊งคนแคระเมื่อไหร่มีได้เคลียร์แน่ ไอ้พวกนั้นไม่ดูสังขารตัวเองเลยหรือไงถึงได้ดื่มเหมือนสามล้อถูกหวยขนาดนั้น การเลี้ยงส่งให้เพื่อนไปมีครอบครัวนี่ต้องจัดหนักกันขนาดนี้เลย

     

    ร่างสูงวางคนเมาลงบนฟูกนุ่มแล้วคลายหัวเน็กไทออกจนหลุดลุ่ย จากอากาศเย็น ๆ เพราะแอร์ในโรงแรมก็ร้อนอบอ้าวขึ้นมาเพราะโดนพิษของมนุษย์ฮอบบิทเล่นงานเข้า

     

    เสื้อสูทถูกถอดออกแล้วพาดไว้กับเก้าอี้ ก่อนจะตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใน เขาอยากจะอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นหน่อย หลังจากนั้นค่อยเช็ดตัวให้คนเมาอีกที

     

     

    หมั่บ!!!

     

     

    ...?

     

    ร่างสูงก้มลงมองวงแขนเล็กที่ตวัดกอดรอบเอวเขาซะแน่น ไหนจะใบหน้าร้อน ๆ ที่ซบลงกับแผ่นหลังเขาอีก เออนะ คนเมายังไม่สิ้นฤทธิ์

     

    อะไร

     

    เราจะสอนศัพท์ภาษาอังกฤษให้ชานยอลแหละ... เจ้าของชื่อยิ้มขำก่อนจะเอนตัวไปตามแรงที่อีกคนชักนำเหมือนเด็ก ๆ เอาวะ เล่นกับเขาหน่อย รู้ไหมว่าที่เราทำอยู่เขาเรียกว่าอะไร...

     

    ปาร์คชานยอลคิดว่าปกติแบคฮยอนก็ทำตัวน่ารักอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพอเมาแล้วระดับความน่ารักจะเพิ่มขึ้นไปอีก ชานยอลจับมือเล็กที่กอดเอวเขาเอาไว้แล้วอมยิ้ม

     

    ไม่รู้สิ มันเรียกว่าอะไรล่ะ?

     

    แบคฮัคไง...แบคฮัค...

     

    อ้อ...อย่างนั้นเหรอ ร่างสูงยิ้มขำ ยิ่งตอนคนตัวเล็กกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นและตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอนั่นก็ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่

     

    แบคที่ไม่ได้แปลว่าข้างหลัง...แต่แบคในที่นี้แปลว่าแบคฮยอน...เพราะฉะนั้นแบคฮัคในภาษาอังกฤษเลยต้องแปลว่า...แบคฮยอนกอดชานยอล...อึ่ก...

     

    ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย

     

    ตัวชานยอลเย็นจัง...เราร้อนไปหมดแล้วอ่ะ...แล้วก็มีความสุขมาก ๆ ด้วย...เราอยากเมาอีก...จะได้ตัวเบา

     

    ที่ดูลัลล้าเปลี่ยนเป็นเหมือนคนเมาง่วงหลังจากเล่นมุกศัพท์ภาษาอังกฤษไป ชานยอลพลิกตัวหันเข้าหาคนตัวเล็กแล้วกอดเอวไว้ด้วยมือข้างเดียว เพื่อไม่ให้คนเมาเทกระจาดลงไปกับพื้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างใจเย็น

     

    ชานยอลจะแก้ผ้าเราอีกแล้วเหรอ...

     

    อืม ชอบไหมล่ะ

     

    ชอบ...แก้เลย!” คนเมาเขาไม่พูดอย่างเดียวหรอกนะคุณ เขากางแขนออกกว้างแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มด้วย

     

    ปาร์คชานยอลไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปแล้ว ร่างสูงส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วจูบปลายคางมนของคนที่เอาแต่หัวเราะเอิ้กอ้าก ตอนนี้มนุษย์ฮอบบิทกลายร่างเป็นบอลลูนลมหน้าโชว์รูมรถไปแล้ว ท่าทางตอนยืนนี่ตลกเกินกว่าจะเซ็กซี่

     

    เราแก้ของชานยอลด้วยได้ไหมอ่ะ...

     

    แก้แล้วต้องทำอย่างอื่นด้วยนะ ถ้าไม่อยากทำก็อย่าแก้

     

    ทำสิทำ...เดี๋ยวเราทำให้...เราทำเก่ง

     

    เดี๋ยวจะโดน เมาแล้วทะลึ่งเหรอ ชานยอลยิ้มขำพลางเลิกคิ้วมองดุคนตัวเล็กที่กำลังสะอึกขณะปลดเข็มขัดกางเกงเขา ถ้าเมาแล้วเป็นงี้จะจับมอมบ่อย ๆ เลยให้ตายสิ

     

    เราซักผ้าเก่ง...เราซักกางเกงให้ชานยอล

     

    ไม่ใช่ซักผ้าสิ เฮ้อ... คนตัวสูงจิ๊ปากแล้วหลับตาลงเมื่อคนเมาสิ้นฤทธิ์จนล้มลงมาทับตัวเขาเสียแล้ว

     

    ชานยอลเซถอยหลังไปก้าวหนึ่งจนกึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่กับเคาน์เตอร์บาร์ไม้ ร่างสูงยิ้มบาง ๆ แล้วประคองให้คนรักเกยคางลงกับไหล่เขา ก่อนจะลูบศีรษะทุยเบา ๆ เป็นการกล่อมให้หลับ

     

    คลื่นไส้ไหม?

     

    ไม่คับ...

     

    งั้นไปนอนบนเตียงนะ เสียงกระซิบที่อยู่ข้างหูนั้นอบอุ่นไปถึงหัวใจ คนเมาพยักหน้าช้า ๆ แล้วตวัดแขนกอดรอบคอแกร่งก่อนจะจุ๊บแก้มคนตัวสูงเบา ๆ

     

    รักชานยอลจัง

     

    อารมณ์ไหนเนี่ย สรุปจะนอนหรือไม่นอนกันแน่ มนุษย์ฮอบบิทตัวยุ่งที่เหมือนจะเคลิ้มหลับกำลังทำตาใสใส่เขา ก่อนจะยิ้มตาหยี

     

    อารมณ์รักชานยอลมาก ๆ รักที่สุดเลย...

     

    เออ รักแล้วก็ต้องนอนพัก

     

    ชานยอลก็ต้องรักเราให้มาก ๆ นะ...

     

    เออ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วเนี่ย

     

    มีความสุขจังอ่ะ...

     

    ชานยอลลุกขึ้นยืนพลางถอนหายใจ เขาพอจะเข้าใจหัวอกเพื่อนที่มหาลัยแล้วว่าทำไมมันถึงบ่นนักหนาตอนเพื่อนอีกคนเมาอย่างสาหัส ชานยอลประคองร่างอีกคนเอาไว้ พอจะอุ้มขึ้นคนตัวเล็กก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเกี่ยวเอวเขา ก่อนจะตามด้วยขาอีกข้าง

     

    ให้ตายเถอะ...นี่แฟนหรือลูกลิงกันแน่

     

    ไปกินข้าวกับคุณลุงกันนะ...

     

    หืม

     

    คุณลุงยอมรับเราแล้ว...ไปกินข้าวกัน...

     

    เสียงงึมงำอยู่ข้างหูนั้นเรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชานยอลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยที่ยังไม่ปล่อยตัวร่างเล็กออก ก่อนจะสบตากับคนเมาที่กำลังปรือตามองเขา

     

    เราโชคดีจังที่มีชานยอล...

     

    แบคฮยอนยิ้มกว้าง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปพร้อมกับเปลือกตาที่ค่อย ๆ ปิดลง ชานยอลยังคงไม่ละสายตาจากดวงหน้าขาว เชื่อว่าตอนนี้คนเมาคงหลับจริง ๆ แล้วและคงไม่ตื่นขึ้นมาสร้างความวุ่นวายอีก

     

    ร่างสูงยิ้มขณะใช้เวลาไปกับการมองคนรัก ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปกดจูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา เกือบชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ชานยอลก็เป็นฝ่ายผละออกมาก่อน

     

    ไม่ใช่แค่แบคฮยอนที่มีความสุขหลังจากได้รู้ว่าพ่อของเขาเปิดไฟเขียวให้ ปาร์คชานยอลรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก กับปัญหาที่เคยค้างคามานานซึ่งเขาทั้งสองคนก็ผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดีจนได้

     

    มันน่าตลกดีเมื่อนึกไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอกัน พระเจ้าพาคนบ้านนอกจากมกโพมาให้ปาร์คชานยอลถึงที่เลยเหรอ? นั่นคือสิ่งที่เขาเคยถามตัวเอง

     

    ความรู้สึกของเราเริ่มจากติดลบ ชานยอลเคยคิดแต่จะหาทางเอาเปรียบคนบ้านนอกหน้าตาซื่อ ๆ อย่างแบคฮยอนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความเห็นอกเห็นใจ

     

    จากตอนแรกคิดว่าไอ้บ้านนอกคนนี้เป็นเพียงแค่เหยื่อที่จะทำให้เขาอยู่รอดจากทิฐิกับพ่อได้ แต่มันกลายเป็นว่าความหยาบกระด้างของปาร์คชานยอลนั้นค่อย ๆ จางหายไปทีละนิด หลังจากซึมซับความเป็นบยอนแบคฮยอนเข้าไป

     

    มนุษย์ฮอบบิทสอนให้เขาหัดมองเห็นคนอื่นมากกว่าการเอาแต่คิดถึงตัวเอง และอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่เขายังต้องเรียนรู้ โลกที่เคยปิดตายเอาไว้ แต่แบคฮยอนกลับเข้ามันมาได้ง่าย ๆ โดยที่เขาไม่เคยรู้ตัว

     

    ต่อไปนี้ทุกอย่างมันคือการเริ่มต้นที่แท้จริง เขาจะอยู่มกโพแล้วทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์สักปีนึง ก่อนจะชวนแบคฮยอนไปอยู่อเมริกาด้วยกันสองปีเพื่อเรียนต่อโทและทำงานไปด้วย ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศการใช้ชีวิต ซึ่งพอถึงเวลานั้น...เขาเชื่อว่าคนตัวเล็กคงพร้อมที่จะไปด้วยกัน

     

    ไม่สิ...เราสองคนพร้อมจะไปทุก ๆ ที่ที่มีกันและกันแล้ว

     

     

    เราโชคดีจังที่มีชานยอล งั้นเหรอ...

     

     

    ชานยอลยิ้มขำแล้วเขี่ยปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็กที่ผล็อยหลับไปแล้ว การเป็นความโชคดีของใครสักคนมันรู้สึกดีขนาดนี้เลยเหรอ ปาร์คชานยอลไม่เคยคิดว่าเขาจะดีพอสำหรับใคร จนกระทั่งมาเจอคน ๆ นี้...ที่ชื่อบยอนแบคฮยอน

     

     

    ไม่หรอก...เราโชคดีที่มีกันและกันต่างหาก

     

     

    ถ้าจุดเริ่มต้นของเรามันเริ่มที่การแชร์ค่าบ้าน...งั้นต่อไปนี้เรามาแชร์ชีวิตในส่วนที่เหลือไปด้วยกันจนแก่เถอะนะฮอบบิท

     

     

     

    THE REAL END

     

     

     

    จบบริบูรณ์แล้วค่ะ สำหรับ NERDY BOY หรือ #มนุษย์แบคฮยอน

    เป็นยังไงกันบ้างคะ จบแบบเคลียร์ ๆ นะคะ โอย ใจหายเนอะ คงคิดถึงไททันกับฮอบบิทแย่เลย

    เราเป็นคนเขียน เรารู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนนี้มีอยู่จริง ผูกพัน ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างจากตอนมนุษย์ชานยอลจบเลยอ่ะ แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกราเนาะ

    ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจกับฟิคเรื่องนี้ และติดตามมาจนถึงตอนจบนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทั้งในแท็กทวิตเตอร์ และคอมเมนท์ต่าง ๆ รวมไปถึงคำนิยมด้วยและการกดโหวตฟิคด้วยค่ะ ขอบคุณที่บอกต่อฟิคเราให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักนะคะ

    ถ้าไม่มีพวกคุณ ฟิคเราก็ไม่มีใครสนใจแน่นอน พวกคุณคือกำลังใจของเราค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณที่ชอบงานเขียนของเรา ซึ่งมันอาจจะดีสำหรับบางคน หรือแย่สุด ๆ สำหรับบางคน และเราจะพยายามพัฒนางานเขียนตัวเองให้ดีขึ้นนะคะ

     
     

    บ๊ายบายจ้า

     


     

    สนใจสั่งซื้อฟิค เชิญลิงค์นี้ได้เลยค่า :: http://my.dek-d.com/megacreep/writer/viewlongc.php?id=1227545&chapter=23

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×