ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #37 : Special KaiHun :: His Teria (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.27K
      60
      13 ต.ค. 57

     

     

     

    Special KAIHUN

    His Teria

     

     



     

    มีคนเคยบอกว่าไม่ต้องโหยหาความรักหรอก

    พอถึงเวลาเดี๋ยวโลกก็เหวี่ยงคนเชี่ย ๆ มาให้เราเองแหละ

     

    แฮ่ก ๆ ๆ

     

    ตอนนี้ไอดอลหน้าใหม่กำลังเพลิดเพลินไปกับเอ็นคอร์โดยมีเหล่าแฟนคลับร้องแฟนชานท์ตามได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนหลังจากศิลปินที่พวกเธอเสียเงินโหวตให้ได้รับรางวัล แน่นอนว่าพวกบอยแบนด์กลุ่มนี้เป็นที่สนใจของแฟนคลับในห้องส่ง แต่ไม่ใช่คนสองคนที่เพิ่งร่วมรักกันจนเสร็จแล้วเปิดทีวีทิ้งไว้ให้นักร้องในจอร้องแข่งกับคนที่อยู่ใต้ร่างของเขา

     

    จงอินผละตัวออกมานอนแผ่หลาเหมือนคนใกล้ตายหลังจากเสร็จกิจกรรมในร่มและเซฮุนก็เช่นกัน มือกรัง ๆ เอื้อมไปหยิบรีโมททีวีแล้วกดเปลี่ยนช่องรำคาญ นี่ถ้าไม่ติดว่าเก็บเห็ดกับฮุนจ๋าอยู่กูจะเดินไปทุบจอแล้วกระโดดทิ้งศอกใส่สักทีข้อหาแย่งรางวัลสามสาวออเรนจ์ราคาแมวของพี่ไป

     

    ไอดอลเงินล้านขยับเข้าไปนอนบดเบียดคนรักโดยไม่รังเกียจกลิ่นเหงื่อ หนำซ้ำเขายังคิดว่ามันมีเสน่ห์อีกด้วย หลายครั้งที่โอเซฮุนถามตัวเองว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่าที่ชอบอะไรแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านเขา นี่ก็ถามตัวเองมาสิบปีแล้วแต่ก็ไม่ได้คำตอบสักที

     

    หยิบพิซซ่าให้หน่อย ตบหน้าผากคนรักแล้วชี้ไปยังถาดกระดาษที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงและจงอินก็ไม่ปล่อยให้พ่อยอดขมองอิ่มของเขาทนหิวนานไปกว่านี้ มือหนาเอื้อมไปหยิบพิซซ่ามาป้อนให้มนุษย์แฟนที่นอนทับแขนอยู่แล้วปากนิ่ม ๆ ก็อ้าปากงับแถมยังมองตาเขาอย่างมีเลศนัยอีกด้วย

     

    แดกเถอะที่รัก ไส้กรอกอีสานกูคงเหี่ยวไปถึงพรุ่งนี้เช้า

     

    เซ็ง

     

    เซฮุนรับพิซซ่ามาถือเองแล้วพลิกตัวไปนอนดี ๆ หลังจากที่อีไคจ๋าบอกทางอ้อมแล้วว่าคืนนี้เครื่องยนต์ของมันคงใช้งานไม่ได้อีก จงอินเอื้อมไปหยิบพิซซ่ามากินบ้างก่อนจะกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ และจบลงที่ช่องรายการทำอาหาร

     

    น่าอร่อยว่ะ พูดทั้งที่พิซซ่าคำโตยังอยู่ในปาก เซฮุนหรี่ตามองแล้วส่ายหน้า เขาไม่เห็นด้วยเลยสักนิดกับสิ่งที่คนรักพูดเมื่อครู่

     

    รสชาติอย่างกับน้ำล้างตีน กูไปลองแดกมาละตอนไปถ่ายละครที่ญี่ปุ่น

     

    เออ จะว่าไปแล้ววันนี้มึงไม่มีงานเหรอวะที่รัก

     

    ไม่มีอ่ะ จะทำทำไมเยอะแยะ คนรวยแล้วเขาไม่ทำงานกันหรอก

     

    เออ ที่รักพูดถูก

     

    ...

     

    ...

     

    ถุ้ย

     

    หลังจากปล่อยให้ความเงียบกับความโง่แดกหัวอยู่นานคิมจงอินเลยหันไปถุยน้ำลายแห้งใส่คนข้าง ๆ เซฮุนหัวเราะร่าแล้วเอาขาก่ายอีกคน จะว่าไปมันก็นานพอสมควรแล้วนะที่ไอดอลเงินล้านอย่างเขาไม่ได้พักผ่อนแบบนี้

     

    ถึงแม้ว่าเดือนก่อนเพิ่งจะพาไอ้จงอินบินไปเที่ยวยุโรปมาก็เถอะ นึกแล้วก็เซ็งเล็ก ๆ ที่คนรักของเขาเป็นพวกติดดิน ติดจนแทบจะเอาหน้าไปคลุกขี้ฝุ่นเลยก็ว่าได้ ก็จะอะไรอีกล่ะ...พอไปถึงยุโรปแทนที่จะได้แดกเมนูอินเตอร์ ๆ แต่เสือกร้องจะเอากิมจิ ใครจะนั่งหมักให้มึงเหรอครับกูอยากจะรู้นัก

     

    พาไปนั่งกินร้านอาหารในโรงแรมหรูชนิดที่ว่าค่าหัวราคาซื้อบัตรคอนเสิร์ตจัสตินบีเบอร์แถวหน้าสุดได้มันก็เสือกนั่งเงอะ ๆ งะ ๆ ใช้ช้อน ใช้มีดไม่เป็น ไอ้จงอินเอาแต่นั่งบ่นอุบอิบว่ารสชาติมันห่วยแล้วยังจะแดกยากอีก แต่ที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้ก็คือประโยคสุดท้ายที่มันบอกว่า รามยอนสำเร็จรูปฝีมือฮุนจ๋าอร่อยกว่าเป็นไหน ๆ เรื่องความหรูหราอลังการเลยกลายเป็นขี้ตีนไปโดยปริยาย

     

    ถามจริงนะไคจ๋า

     

    ยังไง ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่มึงถามกูเล่น ๆ มาตลอดเหรอ

     

    แค่มองกูแล้วพยักหน้าก็พอแล้วป่ะห่า ดาราใหญ่หันไปมองค้อนไอ้กรังที่เคี้ยวพิซซ่าเหมือนควายเคี้ยวเอื้อง มึงเคยคิดอยากไปเป็นครูบ้างป่ะวะ

     

    ถามงี้หมายความว่าไง สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องอยู่กับรายการอาหารง่อย ๆ ทั้งที่ปากยังคงเคี้ยวพิซซ่าไม่หยุด ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเข้าเรื่องมีสาระ วันนี้นึกครึ้มอะไรถึงได้วกเข้าเรื่องวิชาการ

    เปล่า กูเห็นไอ้แบคฮยอนแล้วก็สงสารมึงขึ้นมา เขารู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ปิดกั้นคนรักไม่ให้ออกไปทำงานทำการเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ไอ้กรังไปลำบากทั้งที่จริงแล้วกูแค่กลัวมันติดสาว

     

    มันไม่สายไปหน่อยเหรอที่รัก กูเรียนจบมาห้าปีกว่าแล้วมึงเพิ่งมาคิดได้อะไรตอนนี้ถ้าเป็นรายการทีวีคงมีเสียงหมัดฮุคหลังจากที่จงอินพูดประโยคนี้จบ

     

    เออจริง ทั้งคู่เงียบไปอีกครั้งแล้วฟังเสียง MC ในทีวีพูดไปเรื่อย ๆ จงอิน

     

    อ่า ชายหนุ่มขานตอบในลำคอ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินเซฮุนเรียกด้วยชื่อนี้ ปกติถ้าไม่ไคจ๋าก็ต้องเชี่ยถ่านหรืออะไรต่าง ๆ บนโลกที่หาความดีไม่ได้ จากบรรยากาศและบทสนทนาแปลก ๆ เมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอะไรบางอย่าง

     

    วันนี้เป็นวันครบรอบ

     

    ห้ะ

     

    มึงจำไม่ได้สินะ เซฮุนหันไปมองตัดพ้อคนข้าง ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ไอดอลเงินล้านแสดงออกมานั้นเขาสัมผัสและเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าตอนนี้มันกำลังรู้สึกยังไงอยู่ ถึงฮุนจ๋ามันจะเอนิเวอร์อยู่ทุกปีก็เถอะแต่ยอมรับแบบเหี้ย ๆ ก็ได้ว่าคิมจงอินผู้นี้ไม่เคยจำได้เลย

     

    ขอโทษ ไม่รู้จะว่าไงเลยจุดนี้ จงอินดูดนิ้วทั้งห้าที่เลอะคราบซอสพริกก่อนจะละไปกุมมือคนข้าง ๆ แล้วทำหน้าหงอย ถ้าจะทำหน้าเซ็งแล้วบอกว่า มึงจะใส่ใจทำไมวะที่รักกะอีแค่วันครบรอบก็จะโดนถีบตกเตียงอีกล่ะ

     

    กูก็จำไม่ได้เหมือนกัน นี่มือถือแจ้งเตือนเลยรู้ ไอดอลหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาโชว์หน้าตาเฉยแล้วปล่อยให้ความเงียบและความว้าเหว่แดกหัวกันและกันอีกครั้ง ห่าเอ้ย กูก็นึกว่ามึงจะดราม่า

     

    จะคบนานแค่ไหนก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มึงจำวันแรกที่เรามีกันได้ก็พอแล้วที่รัก จงอินกุมมือแน่นขึ้นพร้อมกับส่งสายตาหวานซึ้งไปชนิดว่าไอดอลเงินล้านอย่างมันต้องระทวยกันไปข้าง เซฮุนหลุบตาลงมองมือกรัง ๆ ที่ยังเลอะน้ำลายอยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้น อยากจะชักมือกลับเพราะความซกมกแต่ก็กลัวอีไคจ๋าจะเฟล

     

    แล้วมึงจำได้ไหมว่าเรื่องของเรามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    จำได้สิ...วันนั้นเป็นวันที่...

     

     

     

     

    ทางนี้ ๆ

     

    เอาเลย  ๆ สามแต้มนะเซฮุน!!” เขาได้ยินเสียงตะโกนในสนามบาสชัดเจนดี ร่างบางหันซ้ายขวาเพื่อหาจังหวะชู้ตสามแต้มตามที่เพื่อนร่วมทีมบอก แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้กระทั่งการเลี้ยงลูกเอาไว้ในมือ

     

    จังหวะนั้นหันไปเห็นเพื่อนสนิทที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้ จงอินกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าแน่วแน่ เซฮุนเอี้ยวตัวหลบคนตัวสูงที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังและกำลังหวังจะแย่งบอลจากเขาก่อนจะส่งต่อไปยังเพื่อนสนิท

     

    เด็กหนุ่มกระโดดรับลูกบาสได้ก่อนฝั่งตรงข้ามอย่างฉิวเฉียด เสื้อแขนกุดสีขาวดำเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องสีแทนก่อนที่ไนกี้สีเดียวกันกับชุดจะเหยียบลงบนพื้น แน่นอนว่าตอนนี้ทีมฝั่งตรงข้ามกำลังคิดหนักเมื่อลูกบาสตกไปอยู่ในมือตัวปั่นประสาทอย่างคิมจงอิน

     

    ไม่ใช่แค่ฝีมือการเล่นที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิด แต่มันรวมถึงสีหน้าท่าทางการแสดงออกของเด็กผู้ชายคนนี้ด้วย จงอินยักคิ้วขณะเลี้ยงลูกบาสอยู่กับที่ แน่นอนว่าการเล่นสงครามประสาทกับพวกเด็กปีสามมันคือเรื่องสนุก

     

    สักทีเถอะห่า

     

    โห ไม่รีบดิพี่ เด็กหนุ่มหัวเราะ ในปากยังคงเคี้ยวหมากฝรั่งเหมือนอย่างเคย

     

    เซฮุนยืนมองเพื่อนสนิทไม่ละสายตา เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าการเต้นของหัวใจมันแปลกเข้าไปทุกทีตอนที่มองหน้าจงอิน มันสักพักแล้วล่ะที่เขาเป็นแบบนี้ แล้วมันก็แย่มาก ๆ ที่จะต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่กำลังรู้สึกผิดปกติสุด ๆ

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไอ้ดำมันดูเท่ไปหมด ทั้ง ๆ ที่หน้ามันก็บ้าน ๆ ไม่ได้โดดเด่นเลยด้วยซ้ำ หลายครั้งที่โอเซฮุนเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับมันว่าใครมีข้อดีมากกว่า ซึ่งการตัดสินก็รู้ ๆ กันอยู่นับจากจำนวนผู้หญิงที่เข้าหา แต่ถามว่าทำไมถึงต้องเปรียบเทียบในเมื่อมันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยนอกจากความผิดปกติทางด้านความรู้สึกของเขา

     

    เราสองคนสนิทกันมากถ้าเทียบกับแบคฮยอนที่ชอบหมกตัวอยู่กับการเรียน แต่ก็ใช่ว่าไอ้เตี้ยนั่นจะดูเป็นส่วนเกินอะไรหรอกนะ เพราะคำว่าเพื่อนในความคิดของโอเซฮุนนั้นไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ต้องชอบเหมือนกันก็ได้แต่ขอแค่คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจกันก็พอ

     

    ไอ้จงอินชอบเล่นเกมและเซฮุนก็ชอบเหมือนกันแต่ไม่ได้ถึงขั้นติด แต่ที่ทำเป็นเหมือนว่ามีความสุขนักหนาตอนเกมใหม่ออกก็เพราะว่าจะได้มีเวลาอยู่กับไอ้เวรนั่นมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องหาข้ออ้างอื่น

     

    มันโคตรตลกสิ้นดีเลยว่ะ ทำไมคนหล่อ รวย ดูดี เพอร์เฟ็คอย่างโอเซฮุนถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ทั้งที่มีผู้หญิงอีกเป็นสิบตามจีบอยู่ บาสนี่ก็เหมือนกัน เขาไม่ได้รู้สึกหลงรักมันเหมือนกับไอ้จงอินเลยสักนิด แต่ที่เล่นก็เพราะว่าอยากอยู่กับมันเท่านั้นแหละ

     

    เคยถามตัวเองในกระจกว่าเป็นเกย์หรือเปล่าแต่ก็ไม่อยากยอมรับ เพราะเด็กหนุ่มก็ไม่เห็นว่าคนอื่นจะเข้าตาเลยสักคนแม้กระทั่งรุ่นพี่ยุนโฮที่เรียนจบไปเมื่อหลายปีก่อนก็ยังดูธรรมดาในสายตาเขา

     

    เซฮุนพยายามถอยห่างออกมาทีละนิดโดยทำเหมือนว่าติดโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งที่มันก็ไม่ได้สนุกอะไร เขาคิดแค่ว่าจะทำยังไงในหัวถึงจะลบภาพไอ้กรังนี่ออกไปได้แล้วให้เรื่องอื่นกลบทับเข้ามาแทน

     

    ...!!!”

     

    เด็กหนุ่มตัวขาวนิ่วหน้าเซถอยหลังก่อนจะล้มลงไปกับพื้นซีเมนต์หลังจากถูกลูกบาสอัดหน้าโดยไม่รู้ตัว ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามารุมล้อมและหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเขาที่เข้ามาถึงก่อนใคร

     

    เป็นไรเปล่าวะ? เซฮุนส่ายหน้า ร่างบางกุมจมูกตัวเองแล้วปรือตามองก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เพื่อน ๆ กับพี่ปีสามในสนามกำลังยืนมุงดูอาการของเขาใจลอยไปถึงไหนแล้วมึงเนี่ย เมื่อกี้อดสามแต้มเลย

     

    จงอินหัวเราะแล้วก้มหัวลงพร้อมกับจับแขนเขาพาดไหล่ส่วนมืออีกข้างก็ช่วยประคองเอวเขาให้ลุกขึ้นยืน ทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ในสนามพอเห็นว่าร่างบางไม่ถึงกับตายก็กระจายตัวกลับเข้าไปในสนาม โอเซฮุนก็ยังคงงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาก็ปล่อยให้เพื่อนสนิทหิ้วปีกไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ยาวที่มีขวดน้ำกับกระเป๋านักเรียนวางกองกันอยู่

     

    โหเลือดกำเดาออกด้วย โทษเว้ย จงอินนั่งลงยอง ๆ พร้อมกับเงยหน้ามองเพื่อนตัวบางที่ตอนนี้สีหน้าไม่สู้ดีนัก เซฮุนแตะปลายนิ้วลงใต้จมูกก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงเพราะยังรู้สึกเจ็บอยู่

     

    ฝีมือมึงเหรอ

     

    เออ แต่ไม่ได้ตั้งใจนะ กูเห็นมึงมองอยู่ก็นึกว่ารอ

     

    รอห่าไรล่ะ กูหาจังหวะชู้ตยังไม่ได้เลย ร่างบางรับผ้าขนหนูสีเข้มขึ้นมาซับจมูก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้เหมือนกับทุกครั้งที่ใส่เสื้อผ้าของจงอินเวลาไปค้างด้วย

     

     

    ใช่ เขาชอบกลิ่นของจงอิน

     

     

    โชคดีที่มึงไม่ได้ทำดั้งมา จงอินยิ้มขำแล้วก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เด็กหนุ่มมองการกระทำของคนตรงหน้าก็ใจเต้นแรงอีกแล้ว บางทีถ้าไอ้ห่านี่ทำตัวถ่อย ๆ ใส่เขามันอาจจะง่ายกว่าในการตัดใจ เพราะโอเซฮุนก็ไม่อยากรู้สึกอะไรกับมันมากไปกว่านี้แล้วจริง ๆ

     

    ถ้ากูทำมึงได้ขายบ้านมาจ่ายให้ค่ารักษากูแน่

     

    ไรวะ นี่มึงกล้าเรียกร้องค่าเสียหายกับเพื่อนจน ๆ ได้ลงคอเลยเหรอ นี่ถ้าไอ้เตี้ยอยู่ด้วยกูจะบอกให้มันประนามมึง จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แถมยังพลิกข้อเท้าของเขาดูอาการอีกด้วย

     

    ตีนกูไม่ได้เป็นอะไร

     

    กูว่ามึงเปลี่ยนรองเท้าเหอะเซฮุน จงอินยังคงง่วนอยู่กับรองเท้าของเขา แน่นอนว่ามันเป็นแค่รองเท้าผ้าใบที่ราคาแพงกว่าโรงเรียนขาย แต่มันก็ไม่ได้เหมาะที่จะเอาไว้เล่นบาสเก็ตบอล ซึ่งตัวเขาก็ปวดเข่าปวดขาเพราะมันมาแล้ว

     

    เปลี่ยนทำไม

     

    มึงเล่นบาสกับกูออกจะบ่อย ถึงจะไม่ใช่นักบาสทีมโรงเรียนก็เถอะแต่ถ้าจะเล่นเรื่อย ๆ เอาความสะดวกสบายก็น่าจะซื้อเฉพาะไปเลยนะ ลองขอให้พ่อมึงซื้อรองเท้าดี ๆ ให้สักคู่ดิ กูจะไปรู้ไหมล่ะ ก็ไม่ได้รอบรู้เรื่องกีฬาขนาดนั้น นี่เล่นก็เพราะว่ามีมึง ส่วนกติกาการเล่นก็พอจำได้บ้างตอนเรียนม.ต้น ส่วนที่เหลือก็ไปศึกษาเอาในอินเทอร์เน็ต

     

    มึงว่าแบบไหนดีกว่าล่ะ

     

    อืม... จงอินเงียบไประหว่างใช้ความคิด เด็กหนุ่มผละตัวออกมานั่งลงบนพื้นซีเมนต์แล้วชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น เขาเห็นว่าคิ้วสีเข้มนั้นกำลังขมวดเข้าหากัน มันทำให้โอเซฮุนรู้สึกดีอีกแล้วที่ไอ้เวรนั่นกำลังคิดเรื่องของเขา “NIKE ก็นุ่มดีนะ ช่วยเซฟซับแรงกระแทกด้วย แต่มึงไม่ได้เป็นนักบาสเล่นขำ ๆ งี้ก็ลอง ADIDAS ไหมล่ะกูว่ามันทนปูนดี

     

    อ่าฮะ

     

    แต่ถ้าชอบคอมโบ นุ่ม ทน กระชับก็จัด Jordan ไปเลยก็ได้ แต่ถ้าถามว่าอันไหนดีที่สุดก็คงบอกไม่ได้ว่ะ เพราะเรื่องเซฟตัวเองนี่จะพึ่งรองเท้าอย่างเดียวไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวคนด้วย ต่อให้ใส่รองเท้าคู่เป็นแสนวอนแต่ทรงตัวไม่ดีข้อเท้าก็พลิกได้เหมือนกัน จงอินจะดูจริงจังมากเวลาพูดเรื่องที่มันชอบ อย่างเช่นตอนนี้ มึงชอบแบบไหนล่ะเดี๋ยวกูพาไปเลือกดูก่อน กว่าจะซ้อมบาสลงแข่งกีฬาสีก็อาทิตย์หน้ากูยังพอมีเวลาอยู่

     

    เชื่อเถอะว่าตอนนี้ในหัวของโอเซฮุนไม่มีเรื่องรองเท้าอยู่เลยสักนิด เด็กหนุ่มกำลังคิดว่าไปเลือกดูของจงอินนั้นคือการไปด้วยกันสองคนใช่ไหม? มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาสองคนจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ถึงจะมีแบคฮยอนไปด้วยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันมากนัก ถ้าจะต่างไปจากเดิมก็ตอนที่เขาเริ่มคิดไม่ซื่อนี่แหละ...ให้ตายเถอะ โอเซฮุนจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งไอ้จงอินมันรู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไง

     

     

    เราคงเข้าหน้ากันไม่ติดเพราะคำว่าเกย์ แน่ ๆ

     

     

    ไม่อ่ะ ช่วงนี้กูติดสาวในไซเวิลด์ คงไม่มีเวลาไปกับมึงหรอก เหมือนกับผีผลักให้พูดออกไป เซฮุนเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นไอ้โง่ที่กำลังทำเรื่องถูกต้องก็ตอนที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นมันก็ไหวไหล่แล้วเอื้อมไปคว้าขวดน้ำมาเปิดดื่ม

     

    เห็นไหมล่ะว่ามันก็ไม่ได้ใส่ใจ ไอ้จงอินก็แค่หวังดีเลยอยากแนะนำรองเท้าดี ๆ สักคู่ให้คนมีตังค์อย่างเขาแค่นั้น มันไม่ได้แซวหรือชักสีหน้าหาว่าเขาเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนเลยถ้าเทียบกับไอ้แบคฮยอน

     

    มันเป็นเรื่องน่าสมเพชที่โอเซฮุนกำลังผิดหวังเพราะอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยสักอย่าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายทั่วไปที่จะแสดงออกแบบนี้เวลาได้ยินเพื่อนสนิทบอกว่ามีนัดกับผู้หญิง

     

    คาดหวัง...ใช่...เขาแอบคาดหวังอยู่ลึก ๆ ว่าไอ้จงอินจะห้ามหรือประชดประชันเป็นตุ๊ดบ้างแต่มันกลับเฉย และที่เห็นอยู่ในตอนนี้มันทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าควรจะให้ทุกอย่างมันเดินไปในทางไหน

     

     

    โอเค...โอเซฮุนควรหยุดความรู้สึกตัวเองก่อนที่มันจะมากไปกว่านี้

     

     

    มึงไม่กลับเข้าสนามแล้วเหรอ

     

    ไม่ล่ะ เดี๋ยวกูไปส่งบ้านแล้วกัน ปวดดั้งแบบนี้กูกลัวมึงหน้ามืดล้มกลางทาง เด็กหนุ่มว่าแล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้

     

    ได้ข่าวว่าบ้านมึงก็อยู่คนละฟาก เซฮุนยังคงนั่งอยู่กับที่โดยไม่เอื้อมไปเอากระเป๋าเป้ของตัวเอง

     

    กูพอมีตังค์จ่ายค่าแท็กซี่ คิดซะว่าชดใช้ที่อัดบอลใส่หน้ามึงแล้วกัน ถ้าจะพาขึ้นรถเมล์ก็คงหลายต่ออีกทั้งช่วงเย็นคนก็เยอะกลัวคนเพิ่งโดนบอลอัดรู้สึกไม่สบายตัวเลยคิดว่ากลับทางแท๊กซี่น่าจะดีที่สุด

     

    ไม่ต้อง จงอินขมวดคิ้วมองอีกคนที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เซฮุนคว้ากระเป๋าเป้แล้วมองหน้าเขาก่อนจะเดินถอยหลังทีละก้าวกูมีนัดแล้ว แยกกันกลับเหมือนเดิมแล้วกัน

     

    อ้าว นัดไรวะทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย

     

    กับคนที่กำลังคุย ๆ อยู่ เขาเพิ่งส่งเมจเสจมาบอกกูว่าอยากเจอ ทั้งคู่ยังคงสบตากันอยู่อย่างนั้นแม้ว่าคนปากดีจะถอยหลังห่างออกไปทุกทีแล้ว จงอินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรให้เขาคาดเดาได้ ไอ้เวรนั่นเพียงแค่ปั้นสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับมองมาที่เขาเท่านั้น

     

    งั้นก็ตามใจ

     

    เออ

     

    เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวหันหลังให้อีกฝ่าย กระชับเป้สะพายแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกอัดอั้นเกินบรรยาย ไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลยสักนิด เขารู้ว่ามันโคตรจะงี่เง่าที่ต้องพูดตรงข้ามกับความรู้สึก แต่ให้ทำไงได้...อย่างน้อยคำว่า มีคนที่กำลังคุยอยู่มันก็ช่วยกลบเกลื่อนความรู้สึกที่เขามีต่อมันได้บ้าง

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นเซฮุนก็ตีตัวออกมาและให้เพื่อนทั้งสองคนเข้าใจว่าเขากำลังเห่อโซเชียลเน็ตเวิร์คที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่เด็กวัยรุ่นเช่นไซเวิร์ล ไฮไฟฟ์ เอ็มเอสเอ็น ทุกอย่างมีครบหากแต่โอเซฮุนไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับมันเลยสักนิด

     

     

    เพราะไม่มีคิมจงอิน

     

     

    หลายครั้งที่ทำได้แค่มองเพื่อนสนิทเล่นบาสอยู่ห่าง ๆ เกมออนไลน์ที่เล่นด้วยกันก็ปล่อยร้างรกเดสก์ท็อปไว้ให้แทงใจเล่น ๆ ว่าอย่ากดเข้าไปเล่น มันโคตรจะเศร้าเลยที่เขาถอยออกมาเรื่อย ๆ แต่กลับรู้สึกชอบมันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ชอบจนไม่อยากฝืนทำแบบนี้ต่อไปแล้ว

     

    วันนี้มีทำคัทเอาท์แสตนด์เชียร์ และโอเซฮุนจะไม่มาโรงเรียนเด็ดขาดถ้ารู้ว่าไอ้จงอินก็มาช่วยเพื่อนทำด้วย เขายอมให้เพื่อนทั้งห้องด่าว่าเป็นคนเจ้าสำอางโดนแสงแดดไม่ได้ยังดีกว่าต้องนั่งเงียบไม่พูดไม่จากับมัน

     

     
     

    เพราะตอนนี้เขากับไอ้จงอินนั้นห่างกันออกไปจนแทบไม่ได้ยินเสียงกันและกันแล้ว

     

     
     

    ถึงจะมีผู้หญิงจากโรงเรียนอื่นรายล้อมอยู่รอบข้างพร้อมไอ้เด็กกะโปกผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหลานของเพื่อนสนิทอยู่ด้วย แต่ในสายตาเขากลับมองเห็นแค่คนกรัง ๆ ที่กำลังตอกตะปูอยู่ข้าง ๆ ไอ้แบคฮยอนที่นั่งทาสีอยู่ตรงป้ายคัทเอาท์

     

     
     

    ไม่ไหวแล้ว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้เขาต้องเป็นบ้าตายเพราะไม่ได้คุยกับไอ้หอกหักนั่นแน่ ๆ

     

     
     

    เซฮุนหยัดตัวลุกขึ้นแล้วดันไหล่เด็กสาวที่ยืนมุงอยู่ให้พ้นทาง สองขาก้าวไปข้างหน้าตรงไปยังเพื่อนสองคนที่กำลังนั่งทำคัทเอาท์อยู่ พอได้แล้ว...ทำตัวห่างเหินบ้าบออะไรกันมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยสักนิด สู้ให้เก็บความรู้สึกไว้ยังดีกว่าต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าในสายตาของไอ้จงอินโอเซฮุนคิดอย่างนั้น

     

    ทำไมกูต้องอิจฉามันด้วยวะ

     

    ประโยคนี้ทำให้ฝีเท้าหยุดยืนอยู่กับที่ เซฮุนมองไปยังเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตอกตะปูอยู่ จงอินดูไม่สบอารมณ์นักหลังจากพูดประโยคเมื่อครู่และตัวเขาเองก็เช่นกัน

     

    เอ้า! กูจะรู้ไหมล่ะ ควายยังเกรงใจที่จะถามคำถามนี้อ่ะ

     

    ถ้าจะทำอย่างมันกูก็ทำได้ แต่มันไม่จำเป็นป่ะวะ?”

     

    เพื่อนพูดถูก

     

    ห่า

     

    เออน่าปล่อยมัน

     

    กูปล่อยนานละ

     

     

    ปล่อยงั้นเหรอ?

     

     

    ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจเพื่อนแล้วจะไปเข้าใจหมาที่ไหนวะถูกป่ะ นี่กูยังสงสัยอยู่เลยว่าทุกวันนี้เป็นเพื่อนกับพวกมึงสองคนได้ยังไง คนนึงบ้าเกมบ้าบาส อีกคนบ้าโลกอินเทอร์เน็ตแบคฮยอนเอาพู่กันชี้หน้าจงอิน

     

    บทสนทนาของเพื่อนสนิททั้งสองที่กำลังพูดถึงตัวเขาทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวไม่ออก ไม่ใช่เพราะกำลังตกเป็นประเด็นจนถูกพูดถึง แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกชาไปหมดนั่นก็คือน้ำเสียงและคำพูดของคิมจงอินที่บ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดแค่ไหนเวลาพูดถึงเขา

     

    เออ กูเข้าใจแล้ว

     

    แน่ใจเหรอว่าเข้าใจ

     

    นี่คือประโยคสุดท้ายที่โอเซฮุนจำได้ว่าพูดอะไรออกไปก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมามองหน้าเขา หลังจากนั้นทุกอย่างมันก็เลือนราง อาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มกำลังรู้สึกเจ็บจนรวนไปหมดอยู่ล่ะมั้ง พอรู้ตัวอีกทีจงอินก็เดินหนีไปแล้ว...

     

     

     

     

    กูกลับก่อนนะ

     

    เสียงของเพื่อนสนิทเรียกให้หลุดออกจากความคิด เซฮุนมองสองน้าหลานที่มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่บ้านเขาก่อนจะพยักหน้าส่ง ๆ แล้วเดินไปส่งมันขึ้นรถเมล์หน้าหมู่บ้าน ไอ้เด็กหูกางหันมาโบกมือให้เขาพร้อมกับส่งจูบ ถ้าเป็นปกติโอเซฮุนคงยกตีนให้แล้วบอกว่ารีบกลับไปดูดนมแม่เถอะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น

     

    กลับมาอยู่คนเดียวอีกแล้ว เซฮุนมองเหม่อไปยังถนนใหญ่ที่มีรถราวิ่งผ่านไม่ได้ขาดช่วง วูบหนึ่งเขารู้สึกว่างเปล่าจนอยากร้องไห้ออกมายังไงอย่างนั้น แน่นอนว่าตลอดเวลาหลายชั่วโมงที่อยู่กับสองน้าหลานเขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการอดกลั้นที่จะไม่ร้องไห้ออกมา

     

    ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้ชั่วนั่นมันจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาขนาดนี้ มันเป็นใครกันวะ กะอีแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ติสม์แตกชอบถ่ายรูปบ้า ๆ อัพลงไซเวิลด์แล้วใส่คำคมกาก ๆ เข้าไป ไอ้หอกหักที่ชอบคุยเรื่องเกมกับการ์ตูนเป็นตุเป็นตะอย่างกับว่าชีวิตคงไม่มีอะไรวิเศษเท่านี้อีกแล้ว แดกเก่งก็ที่หนึ่ง อีกทั้งผิวสีแทนที่พอทาบกับแขนของเขาแล้วมันสีตัดกันจนเพื่อนเรียกว่าคู่หูหยินหยางนั่นน่ะ

     

     

    เพราะตัวสูงเท่า ๆ กัน

    เพราะชอบอะไรเหมือนกัน

    เพราะสนิทกัน

    แต่เรา...ไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน

     

     

    ถ่ายรูปน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามประตูระเบียงกระจกแล้วอัพลงไซเวิลด์พร้อมกับแคปชั่นใต้ภาพว่าไม่ชอบฝน ไม่ถึงนาทีก็มีคนแห่มาเมนท์รูปโง่ ๆ ว่าเดี๋ยวมันก็หยุดแล้ว ไม่เป็นไรนะเซฮุนเราอยู่ตรงนี้ ซึ่งตัวเขาไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดที่มีคนเป็นร้อยกำลังให้ความสนใจในตัวเขา

     

    โอเซฮุนไม่ได้อยากให้ใครมาปลอบ สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการในตอนนี้คือใครคนหนึ่งที่เคยนั่งหันหลังพิงกันตอนอ่านหนังสือการ์ตูนในวันที่ฝนตกหนักแล้วกินขนมซองเดียวกันหมดไปวันละสี่ห้าห่อ

     

     

    แต่ดูตอนนี้สิ? ทั้งที่ห้องกำลังอุ่นได้ที่แต่เขากลับรู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ

     

     

    ขายาวขดเข้าหาตัวพลางทอดสายตาออกไปนอกประตูระเบียง ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงแล้วแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เซฮุนซบหน้าลงกับหัวเข่าแล้วถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นี่คือผลลัพธ์ของการแอบรักเพื่อนสินะ มันคือบทลงโทษที่เขาคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทของตัวเอง

     

    ทั้งที่ไอ้ห่านั่นไม่ผิดเลยสักนิด มันก็อยู่ของมันอย่างนั้นแต่ตัวเขาต่างหากที่ดิ้นไปเองคนเดียว เริ่มรักเองแล้วก็จบด้วยตัวเอง ทรมานสิ้นดี

     

    ...

     

    ชำเลืองมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งไว้หลังจากได้ยินเสียงเอ็มเอสเอ็นเด้งขึ้นมา ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนทักมาคุยกับเขา แต่ที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ออกนั่นก็คือชื่อของคนที่ทักมาเมื่อครู่นี้ต่างหาก

     

     

    จงอิน : ทำไร

     

     

    คำถามปกติทั่วไปที่ไม่ได้มีความหมายนัยยะอะไรให้คิดเป็นอย่างอื่น แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในความเศร้าดีใจจนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เซฮุนวางมือลงบนคีย์บอร์ด ร่างบางไม่รู้แม้แต่วิธีการตอบโต้กลับไปทั้งที่เขามีสิทธิ์จะหยาบคายกับมันแค่ไหนก็ได้

     
     

    คุณ : นั่งหายใจเฉย ๆ แล้วมึงล่ะ?

     

     
     

    จงอิน...กำลังพิมพ์...

     

     
     

    เกิดมาไม่เคยเป็นฝ่ายต้องรอใคร แล้วไอ้ชั่วนี่ก็เป็นคนแรกที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพกระวนกระวายแบบนี้ มันยากมากเหรอกะอีแค่ตอบกลับมาว่าทำอะไรอยู่ คนที่ต้องใช้ความคิดกับการตอบคำถามมันคือตัวเขามากกว่าไหม?

     

     

    จงอิน : กูอยากเจอมึง

     

     

    คราวนี้เห็นทีว่าไอ้หอกนั่นจะต้องเป็นฝ่ายต้องรอบ้างแล้วล่ะ เพราะตอนนี้โอเซฮุนกำลังเจอกับปัญหาระดับโลกที่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงกลับไปให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดทั้งที่กำลังดีใจขนาดนี้

     
     

    คุณ : ทำไมวะ

     

    จงอิน : เมื่อกลางวันอ่ะ ขอโทษ

     

    คุณ : เออ ไม่เป็นไร ช่างเหอะ

     

    จงอิน : มึงก็เหี้ยเองที่ทำให้กูโมโห

     

    คุณ : มึงก็เหมือนกัน

     
     

    ไอ้จงอินไม่ตอบอะไรกลับมาอยู่พักใหญ่ ๆ จนกระทั่งมันออฟไลน์ไป แน่นอนว่าตอนนี้โอเซฮุนยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าต่างแชทเดียวทั้งที่ไอคอนสีส้มยาวเต็มแถบทาสก์บาร์ ระหว่างรอมันกลับมาออนก็วางมือลงบนคีย์บอร์ดอีกครั้งแล้วพิมพ์ถามว่า มึงหายไปไหน ถ้าไอ้จงอินเข้ามาใหม่คงเห็นข้อความนี้ แต่ยังไม่ทันกดปุ่มเอ็นเทอร์เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน

     

     

     

    เซฮุน จงอินมาหาน่ะลูก

     

     

     

    60%

     



     

     

     

    ในห้องสี่เหลี่ยมเงียบ ๆ ไม่มีเสียงอะไรเลยแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเองโอเซฮุนก็ไม่ได้ยิน เด็กหนุ่มวางกระป๋องโค้กลงบนพื้นพรมตรงหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งพิงกับเตียงก่อนจะหยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ ซึ่งตัวเขานั้นเว้นระยะห่างไว้พอสมควร

     

    จะออฟก็ไม่บอกนะมึง

     

    บอกไม่บอกก็มีค่าเท่าเดิมป่ะวะเพราะกูก็ถ่อหนังหน้ามาถึงนี่แล้ว อยากตบหัวไอ้เชี่ยนี่จริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าชอบมันไปแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้สันดานของคิมจงอินเคยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่มีผิด ทั้งคู่มองไปยังทีวีจอใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะราคาแพง บางทีเขาควรจะเปิดรายการอะไรสักอย่างเพื่อให้ช่วยทำลายความเงียบในตอนนี้บ้าง

     

    ที่บอกว่าอยากเจอกูอ่ะ มึงมีอะไรจะพูดเปล่าวะ มันยากจริง ๆ ที่ต้องพยายามปรับน้ำเสียงและบทสนทนาให้ดูธรรมดาที่สุด เซฮุนกำมือแน่น เขาไม่เคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้มาก่อนเลย

     

    มีดิ จงอินเว้นช่วงไปนานพอสมควรและมันควรสำเหนียกได้แล้วว่าตอนนี้มีคนรอให้มันพูดต่ออยู่ กูว่ามันแย่ว่ะที่เราไม่คุยกันแบบนี้

     

    ...

     

    มึงเป็นไรวะเซฮุน เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบในทันที ซึ่งคำถามนี้เด็กหนุ่มก็เคยถามตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนว่าเขาเป็นอะไรกันแน่

     

    แต่คนเราก็เป็นซะแบบนี้ พอมีความรักแล้วก็สูญเสียความเป็นตัวเองจนควบคุมอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักแม้แต่วิธีเลือกการแสดงออก ทั้งที่โอเซฮุนสามารถปั่นหัวเด็กผู้หญิงได้เป็นร้อยเป็นพันคนแท้ ๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันใช้กับคิมจงอินไม่ได้เลย

     

    มึงหงุดหงิดที่กูเป็นแบบนี้เหรอ เด็กหนุ่มผินหน้าหันไปถามเพียงเล็กน้อย เขาเห็นเพียงแค่กางเกงยีนส์สีเข้มของคนข้าง ๆ ที่อยู่ใกล้กระป๋องน้ำอัดลมเท่านั้น โอเซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะมองดูว่าตอนนี้คิมจงอินกำลังทำหน้าแบบไหน

     

    ถึงจะไม่อยากตอบอย่างนั้นแต่กูยอมรับก็ได้ว่าใช่

     

    แล้วมึงรู้สึกยังไง ไหน ๆ ก็ได้พูดแล้วงั้นก็เคลียร์ไปเลยแล้วกัน เด็กหนุ่มบอกตัวเองในใจว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรมากไปกว่านี้จนกว่าจะทนไม่ไหวจริง ๆ เพราะถ้าขืนโพล่งออกไปว่าชอบ ไอ้จงอินคงช็อกจนหนีกลับบ้านไม่ทันแน่ ๆ

     

    ก็บอกแล้วไงว่าหงุดหงิด มันมีคำซ้อนของคำนี้ด้วยเหรอวะ

     

    ไม่มี แต่กูอยากรู้เผื่อมันจะมากกว่านั้น

     

    ไม่มีหรอก

     

    เออ ก็แค่นั้นแหละ

     

    เซฮุนประสานมือไว้บนหน้าขาส่วนสายตากำลังจับจ้องไปยังกรอบรูปที่ตั้งอยู่ข้างเครื่องเสียง มันคือภาพถ่ายของเขาสามคนตอนไปทัศนศึกษาปีที่แล้ว น่าแปลกนะ ทั้งที่ตอนนั้นเดินกอดคอกันปีนขึ้นเนินเขาก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้แค่หายใจข้าง ๆ มันหัวใจของโอเซฮุนก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

     

    อันที่จริงกูมี

     

    เด็กหนุ่มหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เพิ่งถอนหายใจออกมาราวกับว่ากำลังอึดอัดกับความคิดในหัว จงอินหันมาสบตากับเพื่อนสนิท แววตาคู่นั้นดูประหม่าและไม่เป็นตัวของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เขาสองคนมองหน้ากันนาน ๆ ได้โดยที่ไม่ระเบิดหัวเราะออกมาแล้วฟาดแขนกันระบายความตลก

     

    มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ

     

    ห้ะ? เซฮุนเลิกคิ้วขึ้นกับคำถามของอีกฝ่าย แต่เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบถึงจะยังงง ๆ อยู่ และดูเหมือนว่าคิ้วหนาที่เคยขมวดเข้าหากันจะค่อย ๆ คลายออกอย่างกับว่าไอ้จงอินกำลังรู้สึกผ่อนคลายทันทีที่ได้ยินเขาพูด

     

    แล้วผู้หญิงในไซเวิลด์ล่ะ

     

    ไม่

     

    อ้าว กับคนที่ว่าคุย ๆ อยู่ก็เลิกไปแล้วเหรอ? หลังจากที่ห่างกันไปเขาก็เลือกไม่รับรู้เรื่องส่วนตัวของเซฮุนอีกเพราะงั้นที่ได้ฟังเมื่อครู่เลยทำให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

     

    เขาเห็นว่าเซฮุนนิ่งไป คิมจงอินเพิ่งรู้ว่าคำถามนี้มันอาจจะแทงใจดำเพื่อนสนิทได้ถ้าเกิดว่ามันกับผู้หญิงคนนั้นจบไม่สวย เด็กหนุ่มผิวสีแทนถูจมูกเบา ๆ เขากำลังพยายามหาทางออกให้กับความอึดอัดที่ทั้งคู่มีต่อกันในตอนนี้

     

    กูโกหก

     

    ...

     

    กูไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหน

     

    ...

     

    เพราะกูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว

     

    เพิ่งรู้ตัวว่าบีบมือตัวเองแน่นก็ตอนรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่เพิ่งพูดประโยคกล้าตายก็ยังไม่คลายมือออก โอเซฮุนไม่กล้าหันไปมองว่าตอนนี้ไอ้เวรคิมจงอินกำลังทำหน้าแบบไหน เพราะเขาคงเฟลไปถึงชาติหน้าแน่ ๆ ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายกำลังเบ้หน้าเป็นเชิงบอกทางอ้อมว่า

     

    กูไม่เชื่อมึงหรอก

     

    ใครวะ อาจเป็นเพราะห้องนี้เงียบมากเขาถึงได้ยินคำถามนี้แม้ว่าเสียงมันจะเบาบางกว่าประโยคก่อน ๆ เซฮุนรู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้โง่ยิ่งกว่าเดิมก็ตอนที่เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทนที่จะโกหกไปก็ได้ว่าเป็นผู้หญิงโรงเรียนไหนสักแห่ง มึงชอบเขามานานยัง?

     

    ก็พอสมควร

     

    แล้วจะคบกับเขาเปล่า

     

    กูไม่รู้

     

    ทำไม

     

    เพราะกูไม่เคยบอกเขาว่ารู้สึกยังไง

     

    ทำไมถึงไม่บอกวะ

     

    แล้วทำไมมึงต้องเอาแต่ถามว่าทำไม ๆ ด้วยวะ เซฮุนขมวดคิ้วหันไปมองคาดโทษเพื่อนสนิทที่เอาแต่ไล่ต้อนให้พูดอยู่ได้ ถ้าเกิดเขาหลุดปากออกไปแล้วจะทำยังไง

     

    ถามโง่ ๆ ก็เพราะว่ากูอยากรู้ไงไอ้ชิบหาย จงอินสวนกลับมาโดยไม่ทิ้งจังหวะให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ทั้งคู่สบตากันนิ่งโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก

     

    พวกเราดูเหมือนกันไปหมดแม้กระทั่งท่านั่งและสีหน้าในตอนนี้ คิ้วของเรากำลังขมวดเข้าหากันกับความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ทำไมมันน่าอึดอัดแบบนี้ เซฮุนชันขาขึ้นแล้วประสานแขนไว้บนเข่า สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสักนิด

     

    กูบอกไม่ได้หรอก

     

    ...

     

    ถ้ากูพูด...ทุกอย่างต้องพังแน่

     

    เพราะอะไร อีกแล้ว ทำไมมันต้องถามกลับมาทุกครั้งที่เขาตอบด้วย คนเรามีขีดจำกัดความอดทนไม่เท่ากันนะไอ้เชี่ยจงอินควรจะรู้เอาไว้ และคิดว่าสำหรับเขามันก็คงหมดแล้ว เซฮุนหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังรอคำตอบจากปากเขา

     

     

    ได้จงอิน...มึงทำให้กูต้องพูดเองนะ

     

     

    เพราะมึงไง

     

    ...

     

    กูชอบมึงจงอิน

     

    ...

     

    ที่กูทำตัวส้นตีนให้มึงต้องโมโหก็เพราะว่ากูชอบมึงมากเกินไป กูทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วมึงเข้าใจไหม พออยู่ใกล้ ๆ มึงแล้วใจกูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย กูอยากอยู่กับมึงนาน ๆ ก่อนนอนก็อยากได้ยินเสียง มีแค่มึงคนเดียวที่กูเอาเรื่องเกมขึ้นมาอ้างเพื่อที่จะได้คุยกันก่อนนอน กูมีความสุขชิบหายตอนที่มึงหลับคาโทรศัพท์ เสียงลมหายใจของมึงทำให้กูรู้สึกว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กูจะทำอะไรได้วะ เราเป็นเพื่อนกัน เหมือนกูกับมึงขีดเส้นคั่นไว้แต่แรกแล้วว่ามีสิทธิ์ในตัวกันและกันได้แค่ไหน เพื่อนน่ะ...ต่อให้สำคัญยังไงมันก็มีข้อจำกัด ทำเหมือนที่แฟนทำก็ไม่ได้ แล้วแม่งแย่ตรงที่กูอยากทำกับมึงแบบนั้น เด็กหนุ่มกำลังลน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะพูดสั้น ๆ แต่พอได้ระบายออกมาก็กลายเป็นว่าต้องพูดจนหมดเปลือก

     

    จงอินนั่งนิ่ง และนั่นทำให้คนที่กำลังประหม่ากลัวความจริงยิ่งขึ้นไปอีก บางทีถ้าไอ้เวรนี่ตะคอกใส่หน้าเขาหรือเดินหนีไปเฉย ๆ โอเซฮุนอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ก็ได้แต่มันไม่ทำอย่างนั้น ไอ้หอกหักยังคงมองไม่ละสายตาอยู่อย่างนั้น ก็รู้ว่ากำลังอึ้งแต่ก็ช่วยแสดงออกอะไรบ้างสิ ไม่ใช่เอาแต่เงียบแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าคนเขากำลังกลัวมากแค่ไหน

     

    มึงกลับบ้านเหอะ กูคิดว่ากูพูดหมดแล้ว รู้สึกชาไปหมดทั้งตัว จนถึงตอนนี้หัวใจของโอเซฮุนยังคงเต้นแรงเหมือนในทีแรกไม่มีผิด

     

    สักสามนาทีได้ไหมที่เราไม่พูดอะไรกันเลย เด็กหนุ่มกระวนกระวายจนทนไม่ไหวเลยหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อที่จะย้ำประโยคเมื่อครู่อีกครั้ง แต่มันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะไอ้เพื่อนชั่วตัวดีมันยันมือไว้กับพื้นแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาจูบ

     

    ...

     

    เด็กหนุ่มเบิกตาอย่างตกใจ ร่างของเขาเอนไปข้างหลังเพราะแรงกดจูบที่ย้ำเข้ามาราวกับว่าการที่ริมฝีปากแตะกันเพียงเบาบางนั้นมันไม่เพียงพอกับความรู้สึกในตอนนี้ โอเซฮุนไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์หรือคำพูดใด ๆ ได้เลย สิ่งที่เขามองเห็นมีเพียงแค่แพรขนตาของไอ้เพื่อนชั่วที่กำลังพยายามดันลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเขาเท่านั้น

     

    เด็กหนุ่มค่อย ๆ หลับตาลง เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ กับสิ่งที่ได้รับตอนนี้ มันเหมือนกับความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลัวว่าจะไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีกเพราะระยะห่างที่โอเซฮุนเป็นคนขีดคั่นมันเองกับมือ

     

     

    แต่ตอนนี้ไม่แล้ว...เขาเชื่ออย่างนั้น

     

     

    ...

     

    เซฮุนลืมตาขึ้นเมื่ออีกคนผละริมฝีปากออก ตอนนี้ใบหน้าของจงอินห่างอยู่แค่ช่วงลมหายใจเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสองคนมองกันและกันในระยะใกล้ขนาดนี้ ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ ไปจากเดิมแต่ก็รู้สึกดี

     

    มึงนี่มันสุดตีนแล้วเซฮุน

     

    ...

     

    ทำให้กูคิดมากอยู่ตั้งนานเพราะกลัวว่ามึงจะไปชอบใคร สันขวาน จงอินดึงอีกคนให้กลับมานั่งดี ๆ จนถึงตอนนี้โอเซฮุนก็ยังทำตัวไม่ถูก เขาไม่สามารถตบหัวคนตรงหน้าหรือสาดคำหยาบกลับไปได้เลยสักคำเดียว

     

    เหรอ ไม่บอกไม่รู้ว่ามึงก็คิดเรื่องกูด้วย เด็กหนุ่มกุมขมับ พอตั้งสติแล้วถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้นี้เขาเพิ่งจะจูบกับไอ้หอกหักไป แถมแลกลิ้นกันอีกด้วย

     

    กูจะพูดได้ไงก็มึงเป็นเพื่อนกู

     

    นั่นดิ เซฮุนกลืนน้ำลายก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมองเขาด้วยแววตาที่ต่างออกไป แน่นอนว่ามันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เราเคยมองกันและกันแล้วมึงคิดว่าเราควรทำไงดีวะ

     

    ...ทำห่าไรล่ะ เสียงของจงอินแผ่วลง ไม่ได้กระแทกแดกดันอย่างที่ชอบเวลาพ่นคำหยาบใส่เขามึงชอบกู

     

    ...

     

    ส่วนกูก็ชอบมึง...แล้วจะทำอะไรได้อีกนอกจากเป็นแฟนกันวะ

     

    จะด่าก็ด่าไม่ออก โอเซฮุนแทบลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อก่อนเขามองไอ้เชี่ยนี่ยังไง ลืมไปแล้วว่าเคยพูดคุยกันด้วยคำหยาบประโยคไหนบ้าง ชื่อพ่อชื่อแม่ก็ล้อกันมาเป็นปี ๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะพูดชวนขนลุกแบบนี้ ลืม...ลืมทุกอย่าง...เขาใจเต้นแรงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

     

    โทษทีว่ะ เวลาได้ยินมึงเล่าเรื่องผู้หญิงในไซเวิลด์ทีไรกูก็โมโหทุกที จงอินถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงกับเตียง

     

    มึงเป็นเกย์เหรอวะจงอิน

     

    เปล่า แล้วมึงอ่ะ?

     

    เขาหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังส่ายหน้าเป็นคำตอบ แน่ล่ะ ผู้ชายป๊อป ๆ อย่างไอ้เซฮุนน่ะเหรอจะเป็น เพราะปกติมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันแถมยังก่นด่าพวกที่พยายามทำตัวเท่อีกต่างหาก ยอมรับว่าตอนแรกตกใจตอนได้ยินมันบอกว่าชอบเขา แต่ยิ่งกว่านั้นก็คือความรู้สึกดี

     

    แต่คงได้เป็นเพราะมึงนี่แหละ

     

    เซฮุนมองมืออีกคนที่เลื่อนมาจับมือเขา บอกเลยว่ายังไงก็ไม่ชินกับสัมผัสแบบนี้รวมถึงจูบที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วย มือไอ้จงอินหยาบกร้านแต่พอจับแล้วโคตรรู้สึกดีเลย พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็เห็นมันกำลังยิ้มอยู่ จู่ ๆ ไอ้หน้าปลาตีนอย่างคิมจงอินก็เสือกหล่อขึ้นมาในสายตาเขาเสียอย่างนั้น

     

    มึงจะเสน่ห์แรงแค่ไหนก็เรื่องของมึง แต่อย่าเลิกชอบกูได้ไหมวะ

     

    จงอินจับมือเขาแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเป็นปกติโอเซฮุนคงขนสวนสัตว์หันไปด่ามันสักหนึ่งย่อหน้ากระดาษถ้าไม่ติดว่าแววตาของมันตอนนี้โคตรอบอุ่นน่ะนะ

     

    กูอยากให้มึงอยู่ตรงนี้ ที่เป็นทั้งเพื่อนแล้วก็แฟนของกู

     

    ...

     

    กูมั่นใจว่ากูรู้จักมึงดีกว่าผู้หญิงคนไหนในโลก แล้วกูก็มั่นใจมากด้วยว่ากูจะรักมึงได้มากกว่าวันนี้

     

    มึงจริงจังมากป่ะเนี่ยห่า... เซฮุนรู้สึกได้ว่าเสียงของเขากำลังสั่น อีกทั้งแก้มที่กำลังร้อนผ่าวอยู่ตอนนี้ด้วย นี่ไอ้จงอินกะฆ่าเขาให้ตายด้วยคำพูดเลยใช่ไหม นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คนแอบชอบอย่างเขาต้องพูดหรอกเหรอ

     

    มากกว่าที่มึงคิดแล้วกัน จงอินหลุบตาลง สีหน้าของมันในตอนนี้เหมือนคนกำลังคิดหนักว่าควรจะพูดยังไงต่อดี

     

    เหรอ งั้นแสดงว่ามันต้องน้อยมาก เขาก็ไม่ต่างกันนักหรอก แต่ถ้าจะให้พูดว่าพอเถอะจงอิน กูเขินจนจะระเบิดตัวตายอยู่แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่อง

     

    กูจริงจังถึงขั้นที่ว่าถ้าเรียนจบแล้วก็อยากมีบ้านสักหลังอยู่กับมึงสองคน

     

    ห้ะ...

     

    แล้วมึงล่ะเซฮุน...มึงจริงจังกับกูมากแค่ไหนวะ

     

     

     

     

    ช่วงคบกันแรก ๆ โคตรลำบากเพราะต้องแกล้งทำเหมือนทุกอย่างปกติดีถ้าไม่อยากถูกเพื่อนจับได้ เพื่อนที่ว่านั่นไม่ได้หมายถึงไอ้แบคฮยอนนะ เพราะรายนั้นมันบอกว่ารู้แล้วตั้งแต่วันที่เขากับไอ้จงอินทะเลาะกันว่างั้น ก็อยากจะซักไซ้ถามว่ารู้ได้ไงแต่กลัวว่าถามไปถามมาแล้วจะได้เรื่องเลยปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

     

    หลายครั้งที่หาเรื่องไปค้างบ้านไอ้จงอินเพราะอ้างว่ามีทำรายงานบ้างล่ะ ติวหนังสือสอบบ้างล่ะ เรานอนด้วยกันบนเตียงสามฟุต โอเซฮุนเพิ่งรู้ข้อดีของมันก็ตอนที่รู้สึกว่ากอดกันแน่นขึ้นทั้งที่ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนกอดบนเตียงหลังใหญ่ที่บ้านเขา

     

    ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วแต่เราก็ยังเหมือนเดิม ทั้งตัวเซฮุนและจงอินก็สบายใจกับการเป็นแบบนี้มากกว่าจะพยายามเปลี่ยนสถานะให้ต่างออกไป อีกอย่าง...เขาไม่อยากให้แบคฮยอนต้องอึดอัดกับการที่เพื่อนในกลุ่มคบกันเองด้วย

     

    ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เล่นเกมด้วยกัน อ่านหนังสือการ์ตูน หัวเราะ แล้วก็เปิดหนังโป๊ดูเหมือนอย่างที่เคยทำ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมมากนัก จะมีก็แต่นอนกอด หอมแก้ม จูบกันตอนที่รู้สึกอยากแสดงความรักก็เท่านั้น

     

    เด็กหนุ่มสองคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงสามฟุตในคืนวันฝนตก ผ้านวมสีน้ำตาลคลุมขึ้นมาถึงช่วงเอว เสียงขนมขบเคี้ยวสู้กับเสียงสายฝนข้างนอก จงอินวางโน๊ตบุ้คไว้บนตักพร้อมเข้าเวปไซต์หนังโป๊ ถ้าเป็นเรื่องจังไรล่ะก็ขอให้บอกเถอะ ทั้งสองคนน่ะถนัดเป็นไหน ๆ แต่พอหนังเล่นไปได้แค่ห้านาทีจงอินก็กดหยุดเอาไว้และนั่นทำให้เซฮุนขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ

     

    เป็นไรวะ

     

    ดูเรื่องใหม่กัน

     

    ทำไมอ่ะ เรื่องนี้ไม่สนุกเหรอ? เซฮุนได้แต่เลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ นี่ถ้ามันเคยดูแล้วก็น่าจะบอกกันก่อน หรือว่าไอ้จงอินมันดูบ่อยจนหลง ๆ ลืม ๆ วะ

     

    เปล่า กูอยากลองดูหนังเกย์

     

    ...

     

    มึงไม่อยากรู้เหรอวะว่ามันได้กันยังไง

     

    ให้ตายเถอะเจสัน ร้อยวันพันปีกูไม่เคยต้องมาเขินเพราะหนังโป๊แต่นี่ต้องมาหน้าแดงเพราะคำพูดไอ้หอกหักคิมจงอิน แล้วมันก็ไม่ได้พูดเฉย ๆ ด้วยนะ แม่งมองหน้าเขาด้วยไง โอเซฮุนกลอกตาไปมาระหว่างใช้ความคิดก่อนจะทำท่าไหวไหล่แล้วเอนไปนอนหมอนดี ๆ เป็นเชิงบอกว่าแล้วแต่มึงเถอะ

     

    พอเห็นแฟนไม่พูดอะไรคิมจงอินก็กดออกไปหน้าหลักแล้วเลือกเข้าโหมดหนังเกย์ ร่างบางมองอีกคนที่เอาแต่เลื่อนสกอร์เมาส์ดูรูปตัวอย่างหนังเรื่อย ๆ โดยที่ไม่คิดจะกดเข้าไปดูสักเรื่อง

     

    หาแบบ SM ไง? เซฮุนหรี่ตามองอีกคนจากข้างหลัง แต่ไอ้แฟนตัวดีเสือกเงียบไม่ปริปากอีก นี่มึงจริงจังมากไหมไหนดูดิ๊ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมาช่วยเลือกซะเอง

     

    ในความคิดโอเซฮุนหนังเกย์มันก็เหมือน ๆ กันแหละน่าจะคัดสรรค์อะไรเยอะแยะ ทั้งตัวเขากับจงอินก็ไม่ได้เป็นพวกที่มองเห็นผู้ชายทั่วไปแล้วเกิดอารมณ์สักหน่อย ดูแล้วจะฟินเหมือนหนังโป๊ชายหญิงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

     

    เลือกอะไรนักหนาวะ

     

    กูกำลังเลือกฝ่ายรับที่หน้าเหมือนมึงอยู่

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งคู่หันมาสบตากันอย่างมีความหมาย ซึ่งโอเซฮุนก็ไม่ได้ควายขนาดที่จะไม่เข้าใจว่าแฟนของเขาหมายถึงอะไร ร่างบางปล่อยให้ไอ้คนทะลึ่งตึงตังหาคลิปต่อไปจนกระทั่งได้เรื่องที่คิดว่าหน้าเหมือนแล้ว แต่พูดก็พูดเถอะ โอเซฮุนน่ะหล่อกว่าเยอะ

     

    ทำไมดูเฟค ๆ จังวะ

     

    ไม่รู้ดิ มันไม่เหมือนชายหญิงตรงที่ไม่ต้องฝืนมั้ง

     

    ทั้งสองคนดูหนังโป๊เกย์อย่างเอื่อยเฉื่อย ดูมันจูบกันแบบเฟค ๆ ไร้ความเป็นธรรมชาติก่อนจะขมวดคิ้วทีละนิดเมื่อเกย์ในคลิปทั้งสองคนถอดกางเกงให้กันและกันทั้งที่ยังแลกลิ้นอยู่

     

    มึงว่าใครรุก

     

    กูว่าไอ้หัวทอง

     

    เห้ยใช่เหรอ ไอ้นั่นมันเล็กนิดเดียวเองนะ

     

    ใครเป็นคนตัดสินฝ่ายรุกฝ่ายรับกันด้วยเป้ากางเกงวะ ถ้าเกิดมึงใหญ่กว่ากูงี้ มึงก็ต้องเป็นฝ่ายรุกงั้นสิ? จงอินหันมามองคาดโทษแฟนที่ทำหน้ามึนอยู่ พอได้ยินอย่างนั้นเซฮุนเลยหัวเราะออกมา

     

    มึงคิดไปถึงเรื่องนั้นแล้วเหรอวะแฟน

     

    หรือมึงไม่คิด? ถามหน้าด้าน ๆ อย่างนี้แหละ และมันก็ทำให้เซฮุนพูดไม่ออก

     

    ก็คิด แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นอยากทำป่ะวะ

     

    ทำไมถึงไม่อยาก หนังโป๊ก็ดูออกจะบ่อย กูรู้ว่ามึงชอบช่วยตัวเอง...เอ้า!!” พูดจบก็กุมหัวตัวเองหลังจากโดนคนรักโบกกระบาลอย่างแรง เซฮุนดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองคาดโทษคนข้าง ๆ

     

    โห มึงไม่เคยช่วยเลยว่างั้น

     

    ก็ช่วยไง หรือมึงจะให้กูไปทำกับคนอื่น

     

    ก็ลองดิ มีหัวแตกอ่ะกูบอกแค่นี้ เซฮุนชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมกับส่งสายตาบอกว่าถ้ามึงทำกูเอาจริงแน่ จงอินยิ้มพอใจแล้วจับเรียวนิ้วเอาไว้ก่อนจะจุ๊บลงไปเบา ๆ

     

    กูไม่อยากช่วยตัวเองแล้ว

     

    ...

     

     

     

    CUT

     

     

     

    ครั้งแรกเห็นขัดขืนหัวชนฝา แล้วดูตอนนี้ดิ จงอินหันไปเบ้ปากใส่คนรักที่กำลังกัดพิซซ่าชิ้นที่สี่โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแดกง่าย ๆ

     

    ถ้าวันนั้นมึงยอมให้กูเป็นฝ่ายเสียบจริง ๆ ก็คิดสภาพตอนนี้ไม่ออกเลยว่ะ

     

    นั่นดิ

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งสองคนกินพิซซ่าต่อไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก อย่าว่าให้จินตนาการกับเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยครับ บางทีคิมจงอินอาจจะเป็นอีตุ๊ดหัวโปกที่เป็นเมียเก็บเซฮุนโอป้าก็ได้ แค่นึกถึงสภาพตัวเองตอนเป็นเมียก็เสียวหัวนมแปลก ๆ แล้ว

     

    โชคดีที่วันนั้นเซฮุนสมยอม ถ้าเกิดมันนึกสู้นี่กูมีหนาวขี้ เพราะหุ่นของเขาสองคนก็ใช่ว่าจะไซส์ต่างกันเลย แถมปัจจุบันไอ้เชี่ยไอดอลเงินล้านก็เสือกสูงกว่าแล้วด้วย แต่ไม่ว่าส่วนสูงหรืออะไรใด ๆ ในโลกก็ไม่สามารถขัดขวางความรักของสองเราได้

     

    นี่กูไม่คิดเลยนะว่าจะทนมึงมาได้ขนาดนี้ เซฮุนบีบซอสใส่พิซซ่าที่อีกคนยื่นมาก่อนจะซดโค้กเย็น ๆ ซะอึกใหญ่ ตอนนี้สายตาของจงอินยังคงจดจ้องอยู่กับรายการทีวีก่อนจะรับพิซซ่ามากิน

     

    กูก็เหมือนกัน จงอินเว้นจังหวะแล้วกัดพิซซ่าคำโต ตอนที่คบกันแรก ๆ กูว่าอย่างเก่งก็ห้าเดือน

     

    พอนึกถึงตอนคบกันแรก ๆ แล้วก็ตลกว่ะ พูดจบก็ชำเลืองมองไอ้คนไร้ความรู้สึกที่จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา จะว่าเป็นเพราะรายการทีวีที่ดูอยู่ก็ไม่ใช่ จงอินหันมามองหน้าเขาแล้วบีบจมูกเบา ๆ

     

    แก่แล้วดิ เอาแต่พูดเรื่องอดีต

     

    เปล่า กูแค่คิดว่าสันดานมึงตอนนั้นโคตรหล่อเลย ทำอะไรกูก็เขินไปหมด แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เซฮุนขยับปากบ่นไปอย่างนั้น

     

    มึงก็เหมือนกันแหละ

     

    พูดเป็นอยู่ประโยคเดียวไง? เหมือนกัน ๆ อยู่ได้ วันนี้ก็ว่างทั้งวันไหม มึงเล่าบ้างดิกูอยากฟัง ไม่บ่อยหรอกที่เขาสองคนจะมานั่ง ๆ นอน ๆ คุยกันเรื่องแบบนี้

     

    ด้วยความที่เป็นผู้ชายทั้งคู่เลยทำให้การพูดเรื่องหวาน ๆ กันสองต่อสองมันคงเป็นอะไรที่น่าเลี่ยนไป ถ้าจะกล้าพูดก็ต้องอยู่ต่อหน้าไอ้แบคฮยอนเท่านั้น ก็แน่ล่ะ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกถ้าสามารถทำให้ไอ้เตี้ยหงุดหงิดได้ด้วยพฤติกรรมแบบนั้น

     

    มึงอย่ารู้เลย ให้โอเซฮุนตอนอายุสิบเจ็ดอยู่ในความทรงจำของกูก็พอละ จงอินยิ้มขำ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันเล่าให้พ่อไอดอลชื่อดังฟังหรอกว่าตัวมันน่ะน่ารักแค่ไหน ถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนเซฮุนมันจะขี้อายกว่านี้ก็เถอะ

     

    แต่มันก็น่าจะเป็นอย่างนี้ทุกคู่ไม่ใช่เหรอ? คบกันแรก ๆ อะไรก็สวยงามดูดีไปหมด แต่พอถึงจุดอิ่มตัวแล้วความหวาน ความโรแมนติกก็ลดลงไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมก็คือความรักที่เขาทั้งสองคนมีให้กัน

     

    มึงเคยคิดอยากเลิกกับกูแบบจริงจังป่ะวะจงอิน

     

    เคย โดยเฉพาะตอนที่มึงงี่เง่าไม่ฟังเหตุผลน่ะ นี่เปิดใจคุยกันตรง ๆ ป่ะ? ต้องหันไปถามเอาความแน่ใจเพราะถ้าขืนพูดไปโดยไม่ได้รับการอนุมัติเดี๋ยวมีดราม่าอีก แล้วมันก็เป็นสัญญาณที่ดีเมื่อเซฮุนพยักหน้า

     

    มึงเล่าก่อน เดี๋ยวกูตาม

     

    เออ มึงน่ะชอบประชด ขึ้นเสียงใส่เวลาโมโห ไม่ฟังกูอธิบายเหตุผลห่าอะไรสักอย่าง ทั้งที่เราเคยคุยเรื่องนี้ตั้งแต่คบกันปีแรกแล้ว

     

    อันนั้นกูรู้แล้วก็พยายามปรับปรุงมาตลอด ถ้าเทียบตอนนี้กับปีแรกกูว่ากูใจเย็นลงกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้วนะ แต่มึงก็งี่เง่าเหมือนกันนั่นแหละที่ชอบทำให้กูโมโห ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ากูไม่ชอบให้ทำแบบนั้น

     

    เพราะงั้นเราถึงต้องถอยกันคนละก้าวเหมือนอย่างที่เคยทำไงวะที่รัก มึงไม่เบื่อเหรอเวลาทะเลาะกัน

     

    เบื่อหนังหน้ามึงอ่ะ เซฮุนมองอีกคนด้วยหางตาพร้อมกับแค่นหัวเราะ

     

    แล้วเลิกรักกูได้ไหมล่ะ จงอินดึงทิชชู่ออกมาเช็ดมือแล้วหันไปยิ้มกริ่มใส่คนรักที่กำลังด่าเขาทางสายตาถ้าเลิกไม่ได้ก็อย่าปากดี

     

    อย่าท้า

     

    กูไม่เคยคิดจะเอาชนะมึงอยู่แล้วฮุนจ๋า มึงก็น่าจะรู้ ร่างหนายิ้มขำ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมามีใครบ้างที่ยอมมึงได้นานเท่ากูกับพี่มินซอก ไหนบอกกูซิ?

     

    ...

     

    มีใครบ้างที่รองรับอารมณ์มึงได้ดีเท่ากูกับไอ้แบคฮยอน

     

    ...

     

    แล้วข้อสุดท้ายเนี่ย

     

    จงอินพลิกตัวหันเข้าหาคนรักที่ถือพิซซ่าค้างไว้อยู่อย่างนั้น แต่สายตาก็ยังคงมองเขาราวกับว่าต้องการฟังประโยคต่อไป ชายหนุ่มอมยิ้มน้อย ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูให้คนฟังรู้สึกดีจนต้องยิ้มออกมา

     

     

     

     

    จะมีใครรักมึงเท่ากูอีก ไหนบอกกูหน่อยซิโอเซฮุน?

     

     

     

     

    END

     

     

    ฉาก CUT ดูใน BIO เราเหมือนเดิมนะคะแอค @_malinworld ไม่ก็เสิร์ทกูเกิ้ลว่า malinworldfiction ก็จะเจอบล็อกของเรา

     

     

    แหม

     

    ก่อนจะมาเป็นไคจ๋าฮุนจ๋า เขาก็มีอดีตที่เคยงุ้งงิ้งกันมาก่อน จริง ๆ เราว่าจะไม่เขียนสเปคู่นี้นะ แต่เพราะมีคนรีเควสมาว่าอยากอ่านตอนก่อนมาคบกันก็เลยจัดให้ แล้วมันก็ไม่ตลกเหมือนตอนหลักที่เขียนไป กลัวจะเฟลกัน

     

    แต่เราอยากให้เห็นอีกมุมนึงว่าคู่รักคู่นี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่แรก เด็กอายุสิบเจ็ดที่เริ่มชอบผู้ชายด้วยกันเป็นยังไง ประหม่า กลัวแค่ไหนกับการชอบเพื่อนตัวเอง ก่อนจะมาเป็นไอดอลหยิ่ง ๆ โอเซฮุนก็เคยกลัวที่จะเสียคิมจงอินไปเหมือนกัน <3

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×