ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #27 : Chapter 26 :: His Baekhyun

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.74K
      128
      18 ต.ค. 57

     

     

     

    Chapter 26

    His Baekhyun

     

     


     

    ข้าวของในห้องถูกแพ็คใส่กล่องลังกระดาษแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งของใช้ของเขาจะเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า หมวก คอมพิวเตอร์และเกม Wii เท่านั้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นของหอพักทั้งหมด เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วมองหมวกเป็นสิบ ๆ ใบที่วางอยู่บนเตียง

     

    ชานยอลนั่งลงบนที่นอนแล้วเก็บหมวกใส่กล่องทั้งที่ยังยิ้มปากไม่หุบ แค่คิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าน้าชายตัวเล็กจะมารับเขากลับไปอยู่บ้านด้วยกันก็รู้สึกดีจนแทบรอไม่ไหวแล้ว เด็กหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเลย ทั้งที่เพิ่งถูกรีไทร์เขาควรจะรู้สึกผิดหรือเศร้าจนไม่เป็นอันทำอะไรไม่ใช่เหรอ ลึก ๆ แล้วมันก็รู้สึกแบบนั้นนะ แต่พอนึกถึงคำพูดของแบคฮยอนที่บอกกับเขาว่าไม่เป็นไรเพียงแค่นั้นปาร์คชานยอลก็รู้สึกว่าปัญหาทุกอย่างต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

     

    เมื่อเช้าเพิ่งคุยกับไอ้เทาไป มันทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เห็นอย่างนั้นเลยตบบ่ามันเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ จียอนเองก็ด้วย รายนั้นเป่าปี่เลยล่ะกว่าจะทำให้บรรยายกาศผ่อนคลายได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร

     

    อย่างน้อยการผิดพลาดในครั้งนี้มันก็ทำให้ปาร์คชานยอลรู้ว่าใครที่อยู่ข้างเขาในวันที่โลกมืดมน สองคนนี้เป็นเพื่อนที่ดี น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มไม่มีโอกาสได้กลับไปเรียน ไปเล่นกับพวกมันอีกเพราะต้องกลับไปยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง และปาร์คชานยอลมั่นใจว่าต่อให้เริ่มใหม่อีกกี่ครั้ง คงไม่มีเพื่อนคนไหนที่จะจริงใจกับเขาเท่ากับหวงจื่อเทาอีกแล้ว

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากเด็กตัวสูงให้หันไปมอง ชานยอลยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้แล้วก็เห็นน้าชายตัวเล็กในชุดเชิ้ตขาวกับเสื้อโค้ทครึ่งตัวสีน้ำตาลดูสุภาพ แบคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาได้แต่มองหลานชายตัวสูงที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบด้วยความประหลาดใจก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้อง

     

    มีเวลาทั้งวันทำไมเพิ่งเก็บได้แค่นี้ ถามพร้อมกับถอดเสื้อโค้ทพาดไว้บนที่นอน

     

    ก็ผมตื่นสายนี่ เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังคนตัวเล็กที่เดินไปดูข้าวของที่เขาเก็บใส่กล่องลังกระดาษเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเสียงขึ้นจมูก ไม่สบายเหรอ?

     

    นิดนึง น้าชายตอบอย่างไม่ใส่ใจนักราวกับว่าอาการป่วยมันเป็นเรื่องปกติที่เป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย

     

    ไหน ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนเป็นหลานอังหลังมือลงกับหน้าผากเขาก่อนจะเลื่อนไปตรงซอกคอ เป็นเพราะเมื่อคืนตากลมนานแน่ ๆ เลย

     

    เพราะแกนั่นแหละ

     

    เย้ เพราะผม

     

    ดีใจบ้าไร แบคฮยอนผลักหัวไอ้เด็กบ้าไปทีนึง นี่ขนาดเขาไม่สบายมันยังมาภูมิใจอีกว่าเป็นเพราะฝีมือตัวเอง

     

    กินยาหรือยัง

     

    กินพาราไปแล้ว ถ้ากินยาลดน้ำมูกก็กลัวง่วงเดี๋ยวจะเข้าสอนเด็กไม่ได้

     

    งั้นกลับบ้านแล้วกินเลยนะ

     

    เป็นห่วงฉันด้วยหรือไง แบคฮยอนถามด้วยท่าทีสบาย ๆ ขณะค้นดูลิ้นชักว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้เก็บอยู่หรือเปล่า

     

    ห่วงสิ แต่ไม่รู้ว่าเท่าที่แบคฮยอนเป็นห่วงผมไหม

     

    ทำเป็นพูดดี ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นงี้เลย

     

    ปาร์คชานยอลคนนั้นผมยิงมันตายแล้ว ตอนนี้เหลือแค่มิสเตอร์ชาร์ลที่น่ารัก ได้ยินอย่างนั้นแล้วแบคฮยอนก็หันกลับไปมองหลานชาย พอเห็นมันยิ้มกว้างพร้อมกับทำมือดอกไม้บานใต้คางแล้วก็อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าให้หายหมั่นไส้

     

    เดี๋ยวจะโดน

     

    รอเลยเนี่ย อยากโดนมานานแล้ว ชานยอลยกมือขึ้นบังเมื่อน้าชายเขวี้ยงปากกาที่ตกอยู่บนพื้นใส่เขา

     

    แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่แล้วหันกลับไปมองรอบ ๆ ก่อนจะก้มลงมองใต้เตียงแล้วก็พบว่ามันว่างเปล่า ไม่มีลังกระดาษที่ยังอยู่ในนั้นแล้ว

     

    เป็นไงบ้าง นี่แหละห้องที่ผมอยู่มาตลอดปีนึง

     

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเด็กตัวสูง มันทำให้นึกถึงคืนนั้นที่เขาลากไอ้เด็กขี้เมากลับห้องแล้วช่วยทำความสะอาดให้เสร็จสรรพ จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ยังไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเหยียบที่นี่

     

    อยากอยู่ต่อไหมล่ะ

     

    ไม่ ผมอยากกลับบ้านแล้ว ชานยอลอ้อมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าน้าชายตัวเล็กพร้อมกับช่วยพับแขนเสื้อขึ้นให้จนถึงข้อศอก แบคฮยอนเหลือบมองเด็กตัวสูง เขารู้สึกหมั่นไส้อยู่ลึก ๆ ที่ไอ้เด็กนี่เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ ตั้งแต่ตอนนั่งกินรามยอนเมื่อคืนแล้วนะ

     

    น้าชายตัวเล็กผละตัวออกมา เห็นท่าทางก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนจะเขินแบบนั้นแล้วชานยอลก็ยิ้มขำ แบคฮยอนเดินไปช่วยเก็บพวกชีทกระดาษใส่ในลัง ส่วนเขาก็กลับไปเก็บหมวกทั้งหมด ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นอยู่พักนึงก็ขนของออกไปเก็บในรถ

     

    เคลียร์เรื่องค่าเช่าแล้วใช่ไหม?

     

    เรียบร้อย ได้ค่ามัดจำคืนแล้วด้วย

     

    อืม น้าโทรไปบอกแม่แกแล้วนะ เด็กตัวสูงเบิกตาอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งไปขนาบข้างคนตัวเล็ก

     

    บอกว่าไง แม่ผมด่ายับเลยดิ?

     

    ฉันบอกว่าแกเครียดเรื่องเรียนมากเลยย้ายกลับมาอยู่บ้าน แม่แกเลยฝากให้ฉันช่วยดูแกด้วย ก็นะ...ทั้งฉันทั้งแม่แกก็เคยผ่านชีวิตมหาลัยมาแล้ว ก็เลยพอจะเข้าใจเรื่องเครียด แต่ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องโดนรีไทร์นะ

     

    ถ้าบอกนี่แม่ฆ่าผมแน่

     

    ไม่หรอก คนตัวเล็กเก็บของใส่ท้ายรถแล้วปิดประตูลงถ้าแกตัดสินใจว่าจะลงเรียนคณะไหนแล้วน้าจะโทรไปคุยให้อีกที

     

    มันก็เหมือนเดิมแหละ ยังไงแม่ก็ด่าผมอยู่ดี

     

    เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว แกเสียเวลาไปปีนึงแทนที่จะได้เรียนจบพร้อมเพื่อน ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาแค่โดนด่าหรือจะย้ายกลับไปอยู่ปูซาน

     

    อะไรก็ได้ขอแค่อยู่กับแบคฮยอน

     

    ...

     

    ป่ะ กลับบ้านกัน เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแล้วเดินไปนั่งข้างคนขับ วันนี้เขาจอดดูคาติไว้ที่บ้านแล้วนั่งแท็กซี่มาหอพักเพราะกะว่าจะกลับพร้อมแบคฮยอน

     

     

     

     

    พอกลับไปถึงบ้านแบคฮยอนก็แทบจะไม่ได้จับต้องอะไรเลยเพราะชานยอลบอกว่าจะจัดการเอง เขาได้เพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วดูหลานชายเก็บของในกล่องกลับไปวางไว้ที่เดิม แทบจะนับครั้งไม่ได้ที่ปาร์คชานยอลหันมายิ้มให้ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้ว่าลึก ๆ แล้วเขาจะมีความสุขกับภาพที่เห็นก็ตาม

     

    ร่างเล็กเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็น วัตถุดิบที่เคยซื้อมาตุนไว้ทีละเล็กทีละน้อยทั้งหมดถูกเอาออกมาวางไว้บนโต๊ะ ใช้เวลาทำอาหารอยู่พักใหญ่ ๆ ก็เสร็จเรียบร้อย

     

    เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ทั้งสองคนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยกัน เขาไม่แน่ใจว่าชานยอลหิวหรือว่าชอบฝีมือการทำกับข้าวของเขากันแน่ เด็กคนนั้นเอาแต่กิน ๆ ๆ แล้วก็เงยหน้ามายิ้มทั้งที่ข้าวเต็มกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง

     

    แบคฮยอนยิ้มน้อย ๆ แล้วกินข้าวบ้าง อาจเป็นเพราะอาการไข้หวัดที่ทำให้เขาไม่เจริญอาหารเท่าที่ควร อีกทั้งยังรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมในการสอนวันแรกของเทอมนี้ ร่างเล็กกุมขมับแล้วตักซุปร้อน ๆ เข้าปาก พอเห็นอย่างนั้นชานยอลเลยชะงักมือแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว

     

    แค่ครู่เดียวเด็กหนุ่มก็เดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่า ชานยอลดื่มน้ำเย็นในแก้วของเขาจนหมดแล้วเทน้ำขวดใหม่ที่อยู่ในอุณหภูมิปกติลงไปแทน แบคฮยอนมองมือตัวเองที่ถูกอีกคนดึงไป เด็กตัวสูงวางยาสามเม็ดลงบนมือเขาแล้วนั่งลงที่เดิม

     

    ยาลดไข้กับยาลดน้ำมูก ถ้าอิ่มแล้วกินซุปอีกนิดนึงแล้วค่อยกินยาก็ได้ เด็กหนุ่มตั้งหน้าตั้งตามองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

     

    ...

     

    เดี๋ยวผมเก็บโต๊ะเอง กินยาแล้วก็ไปนั่งพักผ่อนตรงโซฟานะ  พูดจบชานยอลก็ลุกขึ้นเก็บจานชามถ้วยข้าวสแตนเลสส่วนที่กินหมดแล้วเข้าไปในครัว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ถ้วยซุปร้อน ๆ กับข้าวในถ้วยของเขาที่พร่องไปนิดเดียวที่วางอยู่ตรงหน้า

     

    ได้ยินเสียงจานชามกระทบกันกับเสียงเปิดน้ำก๊อก วูบหนึ่งเขารู้สึกเหมือนว่าเด็กตัวสูงที่อยู่ตรงนั้นเป็นใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก คนที่ใส่ใจเรื่องของเขาแม้กระทั่งน้ำในแก้ว กับคนที่เอายาลดไข้มาให้เขา...นั่นใช่ไอ้เด็กตัวแสบที่ชอบทำให้ปวดหัวจริง ๆ น่ะเหรอ?

     

    แบคฮยอนมองยาในมือแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ถึงจะไม่ชินกับปาร์คชานยอลในรูปแบบนี้แต่ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ

     

     

     

     

    ฮัดเช้ย!”

     

    บยอนซอนแซงนิมไหวเปล่า?นักเรียนถามพร้อมกับวางการบ้านลงบนโต๊ะ

     

    ไหว นี่เสื้อตัวนอกไปไหน เป็นคนเหล็กหรือไงทำไมไม่รู้จักใส่เสื้อกันหนาว แบคฮยอนลุกจากเก้าอี้แล้วเอาสมุดเคาะหัวนักเรียนเบา ๆ เด็กหนุ่มย่นจมูกแล้วลูบหัวป้อย ๆ ก่อนจะเดินกลับไปเอากระเป๋า

     

    สมุดการบ้านเริ่มกองสูงขึ้นเรื่อย ๆ และนักเรียนในห้องก็เริ่มลดลงหลังจากที่เขาบอกว่าใครส่งงานเสร็จแล้วก็ออกไปกินข้าวได้เลย ร่างเล็กนั่งกุมขมับ ในมือของเขามีทิชชู่อยู่กำนึงกับชาครึ่งแก้วที่เย็นสนิทแล้วเพราะเขาไม่มีเวลาจิบมัน

     

    ครืดดด...

     

    เปลือกตาลืมขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงสมาร์ทโฟนสั่น แบคฮยอนคว้ามือถือขึ้นมากดรับสายพี่อี้ฟานแล้วถอนหายใจเบา ๆ กับอาการไข้หวัดที่ทำให้เขาเหนื่อยแม้กระทั่งการหายใจเข้าออก

     

    ครับพี่อี้ฟาน

     

    ( พี่ไม่เห็นเราอยู่ห้องพักครู ยังสอนไม่เสร็จเหรอครับ? )

     

    อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ พี่หิวแล้วเหรอ ไปกินก่อนก็ได้นะ

     

    ( ได้ไงกัน เราไหวหรือเปล่าทำไมเสียงดูแย่ ๆ )

     

    ไหวอยู่แล้วน่า แบคฮยอนว่าแล้วทำท่าจะฟุบลงกับโต๊ะแต่ก็ต้องค้างอยู่ท่านั้นเมื่อหันไปเห็นใครคนหนึ่งยืนยิ้มแห้ง ๆ อยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับถุงกระดาษในมือ คนที่เขาไม่คิดว่าจะมายืนอยู่ตรงนั้นได้

     

    ( งั้นพี่จะรออยู่ในห้องพักครูนะครับเราจะได้ไปทานข้าวกัน ถ้ามีเวลาเหลือเดี๋ยวพี่พาไปหาหมอด้วย )

     

    ...

     

    ( แบคฮยอน ได้ยินไหม? )

     

    พี่ครับ...ผมว่าพี่คงต้องไปกินข้าวคนเดียวแล้วล่ะ... แบคฮยอนยังไม่ละสายตาจากเด็กตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียน ชานยอลหันไปโค้งหัวขอบคุณเด็กนักเรียนหญิงสี่คนที่พาเขามาถึงที่นี่อย่างเคอะเขิน

     

    เด็กหนุ่มอมยิ้มแล้ววางถุงกระดาษลงบนโต๊ะ เขาเห็นว่าตอนนี้น้าชายตัวเล็กวางสายไปแล้วแต่อะไรในโลกนี้ก็ไม่สำคัญเท่ากับแววตาคู่นั้นที่มองมาหรอก แบคฮยอนคงตกใจสุด ๆ ที่เห็นเขาโผล่มาอยู่ที่นี่

     

    ลมอะไรพัดมา

     

    ไม่ตอบหรอก เดี๋ยวน้าจะเขิน

     

    ประสาท

     

    ผมแอบดูตารางสอนของน้า พอมาถึงเลยเดินมั่วหาแล้วก็ได้น้องผู้หญิงช่วยพามาที่นี่ แบคฮยอนแค่นหัวเราะแล้วมองเด็กตัวสูงที่เดินไปยกเก้าอี้นักเรียนมาตั้งข้าง ๆ เขา ร่างเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีที่เห็นชานยอลเอากล่องทัพเปอร์แวร์ออกมาวางไว้อีกทั้งยังมีขวดเก็บความร้อนอีกด้วย โว้ว ๆ ๆ

     

    เมนูของคนป่วย ไม่คิดค่าจัดส่ง เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับแกะฝากล่องออกให้ เมนูสารพัดอย่างแต่สภาพดูไม่ได้เลย ชานยอลเทไก่ตุ๋นโสมที่อยู่ในขวดเก็บความร้อนลงมาแล้วยัดช้อนใส่มือเขาก่อนจะนั่งลง

     

    ซื้อมาเหรอ

     

    ถ้าอร่อยคือผมทำเอง แต่ถ้าไม่อร่อยคือผมซื้อมา พอได้ยินคำตอบกวนประสาทแบคฮยอนเลยผลักหัวเด็กตัวสูงเพราะหมั่นไส้ ชานยอลยิ้มกว้างแล้วจัดแจงมื้อเที่ยงให้ กินเยอะ ๆ นะ ผมเอาน้ำส้มคั้นมาด้วย นี่คั้นเองกับมือเลยใส่เกลือไปนิดนึง ในเวปบอกว่าเป็นหวัดต้องกินวิตามินซี

     

    ถ้าฉันท้องเสียล่ะ

     

    เดี๋ยวผมอุ้มไปเข้าห้องน้ำเอง เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทำหน้าจริงจังแล้วแบมือทั้งสองข้างออกเหมือนท่าเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาว ส่วนคนป่วยได้เพียงแค่ปรายตามองแล้วหันไปตักซุปกินคำแรก รสชาติแปลก ๆ มันไม่อร่อยเลยสักนิดแต่ก็ไม่แย่จนกระเดือกลงคอไม่ได้

     

    เป็นไงบ้าง

     

    ร้านที่แกซื้อมานี่ห่วยแตกชะมัด

     

    โธ่...แบคฮยอนอ่ะ ชานยอลทำหน้าหงอแล้วทาบแก้มลงกับโต๊ะ แสดงว่าที่เขาใช้เวลาทำตั้งหลายชั่วโมงนี่มันไม่ได้เรื่องเลยสินะ เด็กหนุ่มทำตาปริบ ๆ มองน้าชายที่กำลังกินข้าวแม้ปากจะบอกว่าไม่อร่อยเลยก็ตาม

     

    ไม่กินเหรอ

     

    เห็นแบคฮยอนกินผมก็อิ่มแล้ว

     

     

    โคร่กกกกกกกกก....

     

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งคู่มองหน้ากันหลังจากที่ท้องของชานยอลร้องโครกครากสวนทางกับคำพูด เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะอ้าปากเป็นเชิงบอกให้อีกคนป้อน แบคฮยอนแค่นยิ้มมองหลานชายแล้วหันไปทางประตูห้องและก็พบว่าตอนนี้ยังมีนักเรียนเดินผ่านไปมาอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเวลาพักเที่ยงก็ตาม

     

    เอาไป แบคฮยอนยื่นปลายช้อนให้ ไอ้เด็กนี่ชักจะเอาใหญ่ได้คืบจะเอาศอก ชานยอลยิ้มกวนแล้วรับช้อนไปแต่เด็กหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อน้าชายไม่ยอมปล่อยไม่ได้สิ เดี๋ยวแกติดหวัด

     

    คิดมาก เด็กหนุ่มดึงช้อนเข้าหาตัวแล้วตักข้าวกินหน้าตาเฉย ระหว่างนั้นชานยอลก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับเด็กสาวหลายคนที่มาแอบมองเขาอยู่หน้าห้องเรียน พูดก็พูดเถอะครับ หล่อ ๆ อย่างนี้มันไม่แปลกหรอกที่สาวจะกรี๊ด มันเป็นการเช็คเรตอย่างหนึ่งซึ่งเขาก็มีความสุขที่จะทำ

     

    ทำไมไม่อ่านหนังสืออยู่บ้าน เดี๋ยวก็จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว

     

    อ่านไปแล้วนิดนึงเดี๋ยวคืนนี้อ่านต่อ ที่มาหาก็เพราะเห็นว่าแบคฮยอนไม่สบาย

     

    ต้องซึ้งไหมเนี่ย

     

    เป็นครูต้องรู้ว่าควรทำยังไง เด็กตัวสูงหัวเราะแล้วตักน้ำซุปขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากน้าชายพร้อมกับใช้มืออีกข้างรองไว้กันหกอ้าปากเร็ว

     

    ฉันแค่เป็นหวัด ไม่ได้เป็นง่อย

     

    อันนั้นรู้ ก็แค่อยากป้อนป่ะวะ

     

    จะทำอะไรก็ช่วยดูบ้างว่าที่นี่มันสถานที่ราชการ แบคฮยอนพูดลอดไรฟัน พอได้ยินอย่างนั้นชานยอลก็หายใจฮึดฮัดเพราะถูกขัดใจก่อนจะกินซุปเองซะเลย

     

    ใครถามก็บอกไปดิว่าเป็นหลาน

     

    ดูจากที่แกทำเขาคงเชื่อกันหรอกนะ

     

    ถ้าคนอื่นจะมองว่าเราเป็นแฟนกันก็เรื่องของเขา เราบังคับให้คนทั้งโลกเข้าใจเราไม่ได้หรอกนะแบคฮยอน เด็กหนุ่มพูดหน้าตาเฉยก่อนจะหน้าหันไปอีกทางเพราะถูกโบกหัวอย่างแรง

     

    เพ้อเจ้อนะแกเนี่ย

     

    มีสอนอีกทีกี่โมง

     

    บ่ายโมง ถามทำไม

     

    งั้นผมรอกลับพร้อมน้านะ

     

    รอทำไม กว่าฉันจะสอนเสร็จก็ตั้งบ่ายสาม แบคฮยอนถามอย่างไม่เข้าใจก่อนจะอ้าปากกินข้าวเมื่อหลานชายตัวดีตีเนียนป้อนให้เขา

     

    ผมรอได้ นี่เอาหนังสือมาด้วยเล่มนึง เดี๋ยวหาที่อ่านรอแบคฮยอนหรี่ตามองจับผิด เด็กหนุ่มเอากระเป๋าเป้มาวางไว้บนตักก่อนจะรูปซิปออกแล้วก็พบว่ามีหนังสืออยู่ในนั้นจริง ๆ

     

     

     

     

    บ่ายสองแล้ว ชานยอลละสายตาจากหนังสือก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนอาคารแล้วก็เห็นว่าน้าชายของเขากำลังเดินออกมาจากห้องเรียนเพื่อตรงไปสอนอีกห้องหนึ่ง เด็กหนุ่มยิ้มแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ

     

    จะว่าไปแล้วก็คิดถึงบรรยากาศโรงเรียนอยู่ลึก ๆ ทั้งที่เพิ่งผ่านไปแค่ปีเดียวแต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่าจบจากโรงเรียนมาแล้วหลายปี กลิ่นอายของโรงเรียน เสียงพูดคุย เสียงนกหวีดที่ดังมาจากสนามฟุตบอล อีกทั้งเสียงลากเก้าอี้ กับเสียงครูที่พูดอยู่หน้าชั้น นั่นแหละคือเสน่ห์ของสิ่งที่เรียกว่าโรงเรียน

     

    ก่อนแยกกันเมื่อตอนกินข้าวเสร็จแบคฮยอนถามเขาอีกแล้วว่าคิดได้หรือยังว่าจะลงเรียนคณะไหน ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ตอบไปเพราะยังคิดไม่ออก อันที่จริงการที่เขาเรียนวิศวะก็เพราะกระแสอย่างที่ไอ้เทาว่าจริง ๆ นั่นแหละ เหตุผลเพราะมันเท่ หล่อ แต่มันกลับไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด อีกสามวันจะไปสมัครเรียนอยู่แล้ว บางทีปาร์คชานยอลก็ควรจะใช้เวลาคิดกับเรื่องนี้ให้มากขึ้นแล้วทบทวนว่าอะไรที่มันเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

     

    แต่ลึก ๆ แล้วในหัวมันก็มีความคิดว่าอยากจะลองเรียนครูดูสักครั้ง เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากมายนักนอกจากประทับใจความเป็นครูในตัวน้าชาย ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเรียนจบออกมาเป็นครูแล้วจะสามารถทำหน้าที่นั้นได้ดีเท่ากับแบคฮยอนหรือเปล่า?

     

    แต่แค่ประโยคเดียวของแบคฮยอนเท่านั้นที่ทำให้เด็กห่วยแตกอย่างเขามีกำลังใจก็คือ อย่าไปกลัวคนเก่ง แต่ให้กลัวคนขยัน คนเก่งถ้าไม่ขยันมันก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าแกตั้งใจซะอย่าง อนาคตจะเป็นประธานาธิบดีก็ยังได้  มันคือกำลังใจที่ปาร์คชานยอลได้รับจากน้าชายสุดที่รักของเขา

     

     

     

     

    เอาล่ะ...เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเรียนครู

     

     

     

     
     

     

    เด็กหนุ่มมองตึกสูงที่อยู่เบื้องหน้า วันนี้แล้วสินะที่เขาจะเริ่มต้นใหม่ ชานยอลขมวดคิ้วกำหมัดแน่นพร้อมกับขยับปากพูดไฟติ้ง!’ กับตัวเองเบา ๆ ขายาวก้าวเข้าไปข้างหน้าแต่พอถึงบันไดทางเดินขึ้นตึกก็เห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น

     

    ...

     

    ...

     

    มึงมาโคตรช้าอ่ะ เด็กหนุ่มว่าแล้วเดินเข้ามาหาคนที่กำลังยืนงงอยู่ ชานยอลมองคนตรงหน้าที่สวมชุดนักศึกษาเหมือนกับเขาแต่ไม่มีตราหรือเน็กไทของมหาลัย ซึ่งมันก็แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำเท่านั้น

     

    มึงมาทำไรวะห่าเทา ชานยอลถามอย่างไม่เข้าใจ เห็นมันเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้ยุ่งกับเรื่องเตรียมตัวรับน้องไม่ใช่เหรอ

     

    สมัครเรียนดิถามได้

     

    หะ?

     

    ไม่ต้องเลย มึงแม่งแย่อ่ะ จื่อเทาผลักไหล่เพื่อนเบา ๆ จนถึงวินาทีนี้ปาร์คชานยอลก็ยังคงงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ไม่มีกูมึงจะเรียนกับใครว้า

     

    ...

     

    กูมั่นใจว่าเพื่อนใหม่มึงต้องนิสัยน่ารำคาญกว่ากูแน่ กูกลัวมึงลาออกกลางคันเพราะเข้ากับเพื่อนไม่ได้เพราะงั้นกูจะยอมเสียสละตำแหน่งเดือนวิศวะมาเป็นเด็กปีหนึ่งกับมึง

     

    มึง?

     

    เออ ไม่มีใครทนมือทนตีนมึงเก่งเท่ากูหรอกเชื่อดิ จื่อเทายิ้มน้อย ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมา เด็กหนุ่มตัวสูงทั้งสองคนอ้าแขนออกเพื่อรับอ้อมกอดของกันและกันพร้อมกับตบแผ่นหลังกว้าง

     

    จื่อเทาใช้เวลาคิดอยู่สองคืนกับเรื่องนี้ว่าเขาควรจะทำยังไง มันก็นานมาแล้วที่เขารู้สึกไม่ดีกับชีวิตมหาลัยที่ไม่มีชานยอล เพราะมันเอาแต่เล่นเกมกับเที่ยวเล่น แต่ครั้งล่าสุดที่คุยกันเห็นมันบอกว่าจะเริ่มต้นใหม่กับการเรียนครู และเขาก็เก็บเรื่องนี้ไปคิด

     

    มันเป็นอย่างที่ใคร ๆ พูดจริง ๆ นั่นแหละว่าชีวิตในมหาลัยมันต่างจากชีวิตมัธยมอย่างสิ้นเชิง หลายครั้งที่จื่อเทามองเพื่อนในคณะแล้วก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่ามีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ? ทำไมถึงมีแต่คนเห็นแก่ตัวทั้งที่เขาให้ใจเพื่อนทุกคนเต็มร้อยเท่ากัน ก็แน่ล่ะ...แต่ละคนมาจากต่างโรงเรียน ต่างสังคม มันคงไม่แปลกถ้าเขาจะไม่ทันคนอื่นเขา

     

    โลกของชานยอลแคบลงในขณะที่โลกของจื่อเทากว้างขึ้น กว้างจนรู้สึกไม่ชินกับการได้รับความสนใจจากคนรอบข้างเพราะตำแหน่งเดือนคณะและเดือนมหาลัย ถึงจะยืนเด่นอยู่บนเวที มีผู้หญิงนับร้อยที่ส่งเสียงกรี๊ดให้เขา แต่ก็เท่านั้นแหละ พอถึงเวลาฟ้ามืดหวงจื่อเทาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องเผชิญอยู่กับความเหงาเพราะไม่มีเพื่อน

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจลองคุยกับแม่ว่าอยากซิ่ว เขาไม่อยากทนอยู่กับโลกแบบนั้นต่อไปถ้าไม่มีชานยอล ถึงมันจะดูแย่ที่ดูเหมือนคนติดเพื่อนจนยอมทิ้งอนาคตแต่มันก็ยังดีกว่าการฝืนอยู่ในสังคมแบบนั้นตามลำพัง และมันอาจจะเป็นโชคของเด็กหนุ่มที่พ่อแม่ไม่ว่าอะไรและเห็นด้วยถ้าลูกอยากเรียนครู เพราะพ่อของหวงจื่อเทาก็เปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนในโซล

     

    ต่อไปมึงต้องฟังกูบ้างนะเว้ย

     

    เออ กูยอมมึงแล้ว

     

     

     

     

     
     

    หลังจากจัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วเด็กทั้งสองคนก็แวะมาร้านกาแฟ ชาเขียวปั่นใส่วิปครีมคือเมนูที่จื่อเทาสั่ง ส่วนชานยอลดื่มโกโก้ปั่น เด็กทั้งสองคนก้มหน้าดูดน้ำแข่งกัน ถ้าใครหยุดก่อนแพ้ และก็เป็นเด็กเขียวที่สู้ความเย็นของน้ำแข็งที่แล่นขึ้นสมองไม่ไหว

     

    โอย จี๊ดเลยอ่ะ

     

    กระจอกสัด มื้อนี้มึงจ่าย

     

    ก็กูตลอดป่ะว้า จื่อเทาบ่นอู้อี้แล้ววางแบงค์หมื่นวอนลงบนโต๊ะ ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายใจ

     

    จียอนว่าไงบ้าง?

     

    ร้องไห้ บอกว่างอนกูกับมึงจะไม่คุยด้วยสามวัน ห้ามง้อด้วย

     

    งั้นกูยกหน้าที่นี้ให้มึง

     

    เฮ้ย ไม่เอาดิ มึงเป็นคนผิดนะเว้ย มึงต้องไปง้อนาง

     

    เอองั้นก็ปล่อยไปก่อน รายนั้นเคยงอนนานที่ไหนล่ะ หายเองตลอด ชานยอลพูดอย่างไม่ยี่หระแล้วดูดโกโก้ปั่นต่อ

     

    ตอนแรกจีจี้ว่าจะซิ่วตามแล้วถ้าไม่ติดว่าพ่อโหด

     

    ดีแล้ว ซิ่วตามเพื่อนไม่ใช่เรื่องที่สมควรหรอก แต่ยกเว้นมึงไว้คนนึง

     

    ส้นตีนเนอะ

     

    อะไร แล้วคราวนี้มึงห้ามเสนอหน้าลงประกวดเดือนคณะอีกนะ

     

    ทำไม มึงจะลงอ่ะดิ?

     

    เออ เดี๋ยวงานนี้พี่ฉายเดี่ยวเอง ชานยอลหัวเราะพอใจในขณะที่จื่อเทาเบ้หน้าเพราะหมั่นไส้

     

    ของแบบนี้มันอยู่ที่สังคมป่ะวะว่าเขาจะเลือกใคร อย่างมึงไม่น่ารอดหรอก ตกรอบตั้งแต่คำถามแรกแล้ว ถ้าเขาถามว่างานอดิเรกทำอะไรแล้วมึงตอบว่าตีดอทเขาคงผายมือให้มึงไปกินขี้แทบไม่ทัน

     

    กูก็ตอแหลเป็นอยู่ไหม กูแสดงละครเป็น กูก็ไม่โง่ตอบแบบนั้นป่ะวะห่า เชี่ยนี่แม่งยังไง คิดว่ากูโง่มากไหมเนี่ย

     

    แต่อย่าเป็นเลยมึง งานกิจกรรมเยอะชิบหายกูเหนื่อย จื่อเทาทำหน้าเนือยเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

     

    เออ กูก็พูดไปงั้นแหละ

     

    คราวนี้มึงต้องเอาจริงนะเว้ย กูสงสารนะแบคอ่ะ

     

    ทำไมวะ ชานยอลยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาบนโซฟาก่อนจะวางแขนลงบนหัวเข่า จื่อเทาเลียริมฝีปากพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม?

     

    ไหน ๆ มึงก็กลับไปอยู่กับน้าแบคแล้ว...กูเล่าได้ช่ะ?

     

    เออเล่ามาเหอะ เดี๋ยวนี้กูกับแบคฮยอนเปิดใจคุยกันทุกเรื่องแล้ว ไม่มีทะเลาะกันแน่นอนสาบานได้

     

    ตอนอยู่ม.ปลาย กูเคยคิดว่าบางทีอาจจะจริงที่มึงบอกว่าน้าแบคน่ารำคาญ เซ้าซี้ วุ่นวายกับชีวิตมึงเกินไป แต่พอขึ้นมหาลัยกูถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วมึงนั่นแหละที่เหี้ย

     

    อ้าวห่านี่วอนตีนแล้วไหม ชานยอลเลิกคิ้วมองเพื่อนตัวเขียวที่กำลังกัดหลอดจนเป็นรอยระหว่างเรียบเรียงคำพูดในหัว

     

    ที่กูบอกว่าแม่กูซื้อของไปฝากมึง ทำกับข้าวเผื่อมึงอ่ะ

     

    เออ

     

    กูโกหกว่ะ โทษนะชานยอลขมวดคิ้วหลังจากได้ยินประโยคนี้ จื่อเทาวางแก้วลงแล้วมองหน้าเพื่อนอย่างจริงจังทุกอย่างเป็นฝีมือน้าแบค กูคุยกับเขาทุกวันเรื่องของมึง

     

    ...

     

    กูต้องออกจากบ้านเร็วกว่าเดิมชั่วโมงนึงแล้วไปหาน้าแบคที่โรงเรียนเพื่อที่จะเอาข้าวกล่อง เพราะช่วงนั้นมึงไม่มีเงินจะแดก

     

    ...

     

    พอหลังเลิกเรียน น้าแบคก็ไปรอกูที่สวนสาธารณะแถวมหาลัยเพื่อที่จะฝากมื้อเย็นมาให้ แต่แกกลัวมึงจะจำได้เลยลองแปลงรสชาติไปนิดหน่อยอ่ะ แล้วก็...

     

    ...

     

    วันที่มึงไปเที่ยวกับพวกไอ้คยองซู กูกับน้าแบคช่วยกันแบกมึงออกมาจากที่นั่น

     

    เดี๋ยว ชานยอลขมวดคิ้วพร้อมกับยกมือห้ามขอให้เพื่อนหยุดพูดก่อน ภาพในคืนวันนั้นมันเบลอและพร่ามัวมากแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำได้ลาง ๆ

     

    เด็กหนุ่มกำลังแยกแยะไม่ออกว่าภาพที่เห็นในตอนนี้มันคือความจริงหรือสิ่งที่เขาเรียกว่าความฝัน ที่เขาเห็นแบคฮยอนในคืนนั้น...

     

    ชานยอล

     

    กูไม่ใช่คนที่ทำความสะอาดห้องให้มึงนะ

     

    แกตัวร้อนไปหมดแล้ว

     

    แล้วโพสต์อิทที่กูแปะให้ก็เพราะว่าน้ามึงขอมา

     

     

    พอแล้ว ถ้ามากกว่านี้ฉันจะออกไปจากฝันแก

     

     

     

    มันไม่ใช่ความฝัน...

     

     

     

     

     
     

    ฮัดเช้ย!”

     

    ครั้งที่ล้านแล้วที่จามในวันนี้ แบคฮยอนถูจมูกก่อนจะใช้สองมือถือแก้วชาร้อนเอาไว้ ร่างเล็กยืนพิงกับซิงค์ล้างจานแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากอาบน้ำเสร็จและกะไว้ว่าจะเข้านอนหลังจากดื่มชาสมุนไพรหมดแก้ว

     

    เป็นเพราะต้องตื่นแต่เช้าไปสอนและกลับบ้านมาเตรียมการสอนสำหรับวันถัดไป บยอนแบคฮยอนถึงไม่หายหวัดสักที ถึงอาการจะดีขึ้นแล้วก็เถอะ แต่มันคงดีกว่าถ้าเขาไปโรงเรียนโดยที่ไม่ต้องใส่ผ้าปิดปากเพราะกลัวจะแพร่เชื้อให้เด็ก ๆ

     

    เสียงประตูบ้านเปิดออกคาดว่าชานยอลคงกลับมาถึงแล้ว ร่างเล็กวางแก้วเซรามิกส์สีดำไว้บนซิงค์แล้วเดินออกมาแต่ยังไม่พ้นห้องครัวก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

     

    ชานยอล?

     

    ...

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า? แบคฮยอนพยายามมองหน้าหลานแต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างเล็กไม่สามารถขยับตัวได้เลยเพราะเด็กคนนี้กอดเขาแน่นเหลือเกิน ชานยอลส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่บาง เป็นอะไรก็พูดสิ น้าฟังอยู่

     

    เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร...

     

    ซิ่งมอเตอร์ไซค์อีกแล้วใช่ไหม บอกกี่ทีแล้วว่าให้ขับช้า ๆ แบคฮยอนค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดตอบ ถึงจะกล้า ๆ กลัว ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ให้เหตุผลกับตัวเองแล้วว่าการกอดในครั้งนี้ก็เพื่อทำให้ชานยอลอุ่นขึ้น ไม่ใช่การกอดเพราะเสน่ห์หา

     

    ผมไม่รู้จะพูดอะไร ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องอยากพูดเยอะแยะไปหมด

     

    อะไรกัน ฉันก็อยู่บ้านทุกวันแกจะทยอยเล่าทีละเรื่องก็ได้นี่ แบคฮยอนยิ้มขำแล้วตบหลังเด็กหนุ่มปุ ๆ ไปโดนจี้จุดอะไรมาล่ะ สภาพแบบนี้ถ้าไม่เจอเพื่อนที่คณะเก่าก็คงพีคเองแน่ ๆ น้าบอกแล้วไงว่าถ้ามันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วจำมันไว้เตือนใจตัวเองว่าอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก

     

    ผมจะไม่ให้มันเป็นแบบนั้นอีกแน่ ผมสัญญา ชานยอลตอบ แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปมันสื่อความหมายไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเขาขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้แบคฮยอนผิดหวังอีกหลังจากรับรู้เบื้องหลังของทุกเรื่องตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

     

     

    ว่าน้าชายตัวเล็กคนนี้เป็นห่วงเขามากแค่ไหน

     

     

    แบคฮยอนผละตัวออก เขาเห็นว่าตอนนี้ปลายจมูกของเด็กตัวสูงขึ้นสีระเรื่อ อาจเป็นเพราะขับมอเตอร์ไซค์ช่วงฟ้ามืดในฤดูหนาว ร่างเล็กเพ่งมองใบหน้าคมก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปบีบจมูกเย็นเอาไว้หลวม ๆ

     

    เฮ้...

     

    แบคฮยอน

     

    ...

     

    รอผมนะ

     

    ...

     

    ผมขอเวลาแค่สี่ปี แล้วผมจะพิสูจน์ให้น้าเห็นเอง

     

    ทั้งคู่สบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีก หนึ่งคนแสดงออกทางคำพูดเพื่อให้รู้ถึงความจริงจังที่ตั้งใจเอาไว้ อีกหนึ่งคนกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นบยอนแบคฮยอนก็ไม่ได้พูดประชดหรือสบประมาทว่าชานยอลจะทำไม่ได้

     

    ร่างเล็กยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้ารับ พอเห็นอย่างนั้นอีกฝ่ายถึงยิ้มได้ แบคฮยอนไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะลองเชื่อใจเด็กคนนี้ดูสักครั้ง อย่างน้อยเขาก็จะได้เห็นความพยายามของปาร์คชานยอล

     

     


     

    ที่เป็นทั้งหลานและผู้ชายที่เขา...รัก

     

     

     

     

    TBC

     
     

     

    แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×