ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 :: His Tutor (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.5K
      162
      21 ก.ค. 57

     


     

    Chapter 12

    His Tutor

     

     

     

    หลังจากไปอาศัยใบบุญกินข้าวฟรีบ้านสองเพื่อนซี้เรียบร้อยแล้วน้าผู้แสนดีอย่างแบคฮยอนก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ชายหนุ่มหอบหนังสือชีวะสองเล่มออกมาแนบอกพร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าเป้คู่ใจไปทางด้านข้างก่อนจะใช้ขาหลังปิดประตูรถ แน่นอนว่าภาพความเทอะทะทุกอย่างอยู่ในสายตาหลานตัวสูงที่ยืนทำหน้าเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คอยู่ฝั่งตรงข้ามรถ

     

    ทำไมเราไม่ติวกันที่บ้านพี่เซฮุนเลยล่ะ ที่นั่นก็มีแอร์ นั่งรออีกหน่อยพี่เซฮุนก็กลับมาแล้ว เด็กหนุ่มบ่น

     

    น่าเสียดายไม่น้อยที่ไปถึงบ้านพี่เซฮุนแล้วแต่กลับเห็นเพียงแค่พี่จงอินนั่งตีดอทอยู่ ถ้านั่งรอสักหน่อยคงได้เจอกันให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ พอถึงตอนนั้นกูก็จะได้ครอบครองความเท่ของพี่เซฮุนไว้แต่เพียงผู้เดียว เพราะคงไม่มีแฟนคลับหน้าไหนที่จะมีโอกาสได้เห็นพี่เซฮุนนอนกินปลาหมึกแผ่น เอาขาพาดพนักโซฟาได้เหมือนปาร์คชานยอลคนนี้อีกแล้ว

     

    ถ้าอยู่นั่นต่อฉันเชื่อว่าไอ้จงอินคงหอบโน้ตบุ้คออกมาต่อสายแลนเล่นดอทเอกับแกแน่ ๆ แบคฮยอนพูดถูก เพราะก่อนหน้านี้เขาก็นั่งลุ้นอยู่ว่าพี่จงอินจะเอาชนะทีมฝั่งตรงข้ามด้วยวิธีไหน ตอนนั้นรู้สึกคันไม้คันมือจนอยากขอเล่นแทน แต่น่าเสียดายที่แบคฮยอนอยู่ตรงนั้น

     

    เสี้ยววินาทีหนึ่งที่พี่จงอินหันมาสบตากับเขา ชานยอลรู้ว่าแววตาคู่นั้นกำลังมองหามือดีจากพระนครไปร่วมทีม ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก Anubias ผู้นี้ มันคือชื่อในเกมที่เขาเริ่มใช้หลังจากโละมิสเตอร์ชาร์ลทิ้ง นึกแล้วก็นะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ไม่ว่าจะเป็นชื่อเก่าหรือชื่อใหม่

     

    ด้วยความซื่อบื้อของคนเราน่ะนะครับ คิดว่าชื่อที่ใช้มานานมันหมายถึงเทพอนูบิส ที่เป็นเทพเจ้าแห่งความตายของชาวอียิปต์ ซึ่งปาร์คชานยอลจะสื่อว่าพวกในเกมต้องแดดิ้นเพราะความเทพของเขา แต่วันหนึ่งก็ได้รู้ความจริง เมื่อไอ้เทาถามว่า เฮ้ย~ ชื่อมึงมันแปลว่าพวกพรรณไม้น้ำใช่ป่ะว้านั่นแหละ...กูถึงได้อับอายมาจนถึงทุกวันนี้

     

    คนเป็นหลานหันไปมองน้าชายที่กำลังกวาดสายตามองหาเป้าหมายสำหรับห้องเรียนพิเศษอย่างตั้งใจ ตอนนี้เขากำลังเซ็งกับทุกอย่างที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเสียเวลามานั่งติววิชาที่ไม่ชอบ หรือการถูกบังคับให้ไปไหนมาไหนทั้งที่ใจอยากจะนอนอยู่เฉย ๆ  ถึงไฟที่บ้านจะดับก็เถอะ แต่ใช่ว่ามันจะดับไปตลอดชีวิตเสียเมื่อไหร่ รออีกสักครึ่งชั่วโมงก็คงกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว

     

    แบคฮยอน

     

    ว่า?

     

    กลับบ้านกัน คนเป็นน้าเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก นี่พ่วงมาพร้อมเสียงถอนหายใจที่แสดงออกถึงอาการงิดอีกด้วย

     

    แกคิดว่าฉันเสียค่าน้ำมันขับรถมาที่นี่เพื่อได้ยินประโยคนี้แล้วก็ขับรถกลับบ้านอย่างง่าย ๆ งั้นเหรอ ตากแอร์ฟรีมันไม่ดีตรงไหน? ประหยัดและคุ้ม เออ ดีแหละครับ ขี้งกนี่ที่หนึ่ง ไม่ว่าจะอ้างไปที่ไหนแบคฮยอนก็ไม่เห็นด้วยสักข้อ ทำไมถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่ชอบขัดใจไปซะทุกเรื่องแบบนี้

     

    ชานยอลก้มลงมองข้อมือตัวเองที่กำลังถูกถูลู่ถูกังเข้าไปในแม็คโดนัล ไม่ต้องจินตนาการครับ ภาพมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด สภาพเมื่อกี้เหมือนถูกกระชากลงเหวเพราะแบคฮยอนเห็นโต๊ะว่างที่อยู่ทางมุมอับด้านในสุด ซึ่งมีเพียงแค่คนหูตาไวอย่างน้าชายเขาเท่านั้นที่จะมองเห็นอะไรแบบนี้ได้

     

    คนตัวเล็กวางเป้กับหนังสือชีวะลง ยอมรับเลยว่าแบคฮยอนเป็นคนมีสปิริตเรื่องการสั่งสอนคนอื่นเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่เริ่มหย่อนตูดนั่งลงบนเก้าอี้ก็ไม่ยอมเสียเวลาไปอย่างเปล่า ๆ ปี้ ๆ เลย สองมือนั้นรูดซิปกระเป๋าแล้วเอาเครื่องเขียนออกมาวางครบเซ็ท

     

    ชานยอลเริ่มรู้สึกอับอายขึ้นมา ถึงรอบข้างจะเต็มไปด้วยพวกติวเตอร์กับเด็กเตรียมแอดเยอะแยะก็เถอะ แต่คนพวกนั้นก็ยังซื้อของมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการยืนยันว่า นี่กูไม่ได้มานั่งติวฟรี ๆ นะ กูอุดหนุนมึงด้วย ในขณะที่แบคฮยอนไม่ได้ทำอย่างนั้น หนำซ้ำยังมีหน้าเอาขวดน้ำเปล่าที่หนีบมาจากบ้านขึ้นมาวางโชว์ด้วย

     

    แบคฮยอน

     

    มา เข้าบทเรียนกัน

     

    เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ อายเขาตาย ชานยอลยกมือขึ้นป้องปากกระซิบ ซึ่งคนเป็นน้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลานชายของเขาถึงได้มีท่าทีแบบนี้

     

    อายทำไม

     

    เอ้า! ที่นี่แม็คโดนัลนะครับ อย่างน้อยน้าก็ควรซื้อโค้กหรือเฟรนด์ฟรายเพื่อกลบเกลื่อนความน่าเกลียดกับสิ่งที่ทำอยู่ ชานยอลเลิกคิ้วมองคนเป็นน้าด้วยแววตาคาดโทษนิด ๆ แบคฮยอนไม่รู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้วขณะให้สมองประมวลผล ทำไมกูต้องไปซื้อทั้งที่ไม่ได้อยากกินด้วยวะ

     

    แต่โค้กมันแพงนะ แกดูดิ แบคฮยอนหันควับไปมองป้ายราคาที่อยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ราคาแต่ละสิ่งนี่กะขายส่งลูกไปเรียนดาวอังคารเลยไหม แล้วราคาแก้วเล็กก็เท่าราคาขวดลิตร ซึ่งก็เห็น ๆ อยู่ว่าอะไรคุ้มกว่า ทำไมไอ้เด็กนี่ถึงไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองแล้วกลับไปกินที่บ้าน

     

    แพงก็ต้องลงทุนหน่อย มานั่งติวเฉย ๆ น่าเกลียดตาย

     

    เหย...แกน่ะคิดไปเอง แบคฮยอนโบกมือปัด ๆ เรื่องเสียเงินซื้ออาหารขยะนี่ไม่เคยอยู่ในหัวเลยสักนิด ใช่ว่าเขาจะแก่ขนาดว่าเห็นเฟรนด์ฟรายเป็นขนมของเด็กหรอกนะ แต่หาประโยชน์จากมันไม่ได้เลยจริง ๆ แถมราคาก็แพงเกินความจำเป็นด้วย ถ้าอยากกินมากเดี๋ยวซื้อแบบแช่แข็งไปทอดโรยเกลือให้กินที่บ้านก็ยังได้

     

    คนเป็นน้าเปิดหนังสือหน้าแรกออกมา แต่ยังไม่ทันได้อ่านคำนำ สารบัญก็ต้องค้างอยู่ท่านั้นเมื่อมือใหญ่ของใครอีกคนทาบลงกลางหน้าหนังสือ แบคฮยอนมองคนเป็นหลานที่กำลังจ้องเขาอยู่ ถ้าเป็นรายการทีวีคงมีเอฟเฟ็คกระแสไฟฟ้าที่กำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายขณะสบตากับอีกฝ่าย

     

    ผมอายเขา

     

    แกก็อายทุกเรื่องนั่นแหละ ปีที่แล้วฉันซื้อเสื้อกันหนาวให้แกก็บอกว่าอาย ทั้งที่มันออกจะสวยแล้วก็แพงเกินกว่าที่คนยังไม่มีงานทำพึงจะหาซื้อให้ได้ แบคฮยอนถลึงตาบ่น แต่ถึงอย่างนั้นหลานบังเกิดเกล้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกบุญคุณเลยสักนิด

     

    ก็ลายมันเห่ยอ่ะ จะซื้อของขวัญวันเกิดทั้งทีทำไมไม่รู้จักศึกษาข้อมูลมาก่อนว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร

     

    อ้าว ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยในเมื่อฉันเป็นคนซื้อให้ ฉันก็ต้องเลือกแบบที่ฉันชอบสิ

     

    เป็นหนึ่งในล้านล้านคนที่คิดเรื่องแบบนี้ได้ ชานยอลแค่นหัวเราะแล้วเบ้ปากประกอบเพื่อแสดงให้คนเป็นน้ารู้ว่าตอนนี้เขากำลังเซ็งสุดขีด

     

    หยุดเลยหยุด นี่มันไม่ใช่เวลาที่ฉันกับแกจะมาทะเลาะกัน

     

    ตอนไหนก็ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ ผมบอกแล้วว่าให้เราต่างคนต่างอยู่ ทำไมไม่รู้จักเอาเวลาว่างไปทำเรื่องที่มันบันเทิงกว่านี้ห้ะแบคฮยอน เท้าคางข้างหนึ่งมองหน้าคนเป็นน้าที่กำลังเปิดจุกปากกาแถมยังฮัมเพลงสวนกระแสประโยคประชดประชันของเขาอีก

     

    ไว้แกจบม.ปลายก่อนแล้วฉันจะเลิกยุ่ง

     

    โห คนจริงต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ?

     

    เอ้อ! นี่แกคิดว่าฉันอยากวุ่นวายกับชีวิตของแกนักหรือไง รีบจบ รีบหางานทำ รีบหาเมียไปเลยไป แบคฮยอนพูดติดรำคาญแต่กลับเรียกรอยยิ้มจากใบหน้ากวนประสาทของหลานชายได้เป็นอย่างดี

     

    นี่มึงคิดว่ากูอยากเลี้ยงมึงไปจนวันตายงั้นเรอะปาร์คชานยอล ก่อนจะมโนช่วยเช็คความสมัครใจของกูบ้าง

     

    งั้นเอามา

     

    อะไร คนตัวเล็กหลุบตาลงมองมือใหญ่ที่แบออกมา ซึ่งหมาหน้าเซเว่นเห็นแล้วก็รู้ว่ามันจะสื่ออะไร

     

    จะไปซื้อเฟรนด์ฟราย

     

    จะซื้อทำไมวะ ติวฟรี ๆ พนักงานก็ไม่กล้าไล่หรอก แค่ให้นั่งท่าแบบนี้ คนเป็นน้ายืดหลังตรงทำหน้าหยิ่งจองหอง เด็กหนุ่มโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับกระซิบคำหนึ่งที่ทำให้ความตั้งใจของคนเป็นน้าชายเขวไปเกือบครึ่ง

     

    ช่วงนี้มันลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะแบคฮยอน...

     

    ...

     

    ซื้อแค่เฟรนด์ฟรายก็ได้ พกน้ำมาด้วยไม่ใช่เหรอ โอกาสทองแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ หรอกนะ คนเป็นหลานยังคงเซิ้งไม่เลิก แบคฮยอนหลุบตาลงพลางใช้ความคิด กับโรคจิตชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากได้ยินคำว่า Sale ในหัวหักลบตัวเลขออกมาเป็นฉาก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กตัวสูงอีกครั้ง

     

     

     

    ไปซื้อแล้วรีบกลับมาติว

     

     

     

     

     

     

    ผ่านไปหลายชั่วโมงที่น้ากับหลานใช้เวลาไปกับการติวชีวะ เฟรนด์ฟรายที่เคยพูนกล่องปัจจุบันเหลือเพียงแค่ซากถ้วยซอสพลาสติก แอบทึ่งอยู่ไม่น้อยที่แบคฮยอนสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ทั้งที่ไม่ใช่วิชาหลักที่เจ้าตัวสอน ได้แต่คิดว่าอาจเป็นเพราะคลิปเสียงที่น้าของเขาฟังทั้งคืนอีกทั้งการเตรียมตัวมาดีของคนเป็นครูนั่นแหละ

     

    ถ้าผลสอบออกมาคะแนนสูง เขาก็คงไม่ออกปากชมหรอกนะว่าเป็นเพราะแบคฮยอนติวให้ เพราะถ้าพูดแบบนั้นได้กระดากปากอายตาย เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ฝ่ายสื่อสารอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ มันอยู่ที่ฝ่ายรับสารที่ฉลาดหลักแหลมอย่างเขาด้วย

     

    เมื่อกี้แบคฮยอนเพิ่งออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก ประมาณห้านาทีก็เดินกลับมา เขาเห็นรูปเจ้าของเบอร์นั้นตอนโทรเข้า มันจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากไอ้ครูขี้เก๊กคนนั้น แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ปาร์คชานยอลควรจะอ้าปากบอกน้าได้แล้วว่าเขามีนัดซ้อมดนตรีตอนหกโมงเย็น ซึ่งตอนนี้ก็ห้าโมงครึ่งแล้ว

     

    แบคฮยอน

     

    อืม

     

    วันนี้เราก็ติวไปเยอะแล้ว... พอพูดประโยคนี้จบคนเป็นน้าก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน เชื่อไหมว่าเขาสามารถเห็นคำว่า เชี่ยไรมึง ในแววตาคู่นั้นที่กำลังมองมา

     

    จริงอยู่ที่ผมมีสอบวันจันทร์ แต่สำหรับวัยรุ่นเรื่องแข่งวงดนตรีมันก็สำคัญเหมือนกัน แล้ววงของผมก็ยังไม่ได้ซ้อมเลย มันคงจะหอกหักมากถ้าเกิดว่าผมขึ้นเวทีไปโซโล่กีต้าร์ไฟฟ้าบนเวทีทั้งที่ยังจำคอร์ดไม่ได้ ชานยอลยิ้มแหย ๆ จริงอยู่ที่เขามักจะดื้อกับคนเป็นน้าตลอด แต่ถ้าเรื่องไหนสามารถเจรจาศึกกับแบคฮยอนได้โดยที่ไม่จบด้วยการโทรไปฟ้องแม่มันก็คงดีกว่า

     

    ไปกี่โมงกลับกี่โมง คนคนเล็กถามเสียงเรียบ ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังฟันธงจากสายตาที่มองมากับประโยคคำถามนี้ไม่ได้ว่าแบคฮยอนจะอนุญาตไหม

     

    ไปหกโมงกลับสี่ทุ่ม ถึงบ้านไม่เกินห้าทุ่มแน่สัญญา ชานยอลชูนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมกับทำท่ามุ่งมั่น บางทีความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าถ้าเกิดทำตัวน่ารัก พูดจาว่าง่ายแบคฮยอนอาจจะใจอ่อนก็ได้

     

    คนเป็นน้านิ่งไปชั่วอึดใจ คิ้วทั้งสองข้างกำลังขมวดเข้าหากัน คนตัวเล็กมักจะเป็นแบบนี้เวลาต้องใช้เวลาทบทวนความเป็นไปได้และความสมเหตุสมผล ซึ่งมันถูกดึงมาใช้บ่อยกับคนเป็นหลานวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างปาร์คชานยอลอยู่เสมอ

     

    ไปสิ เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ยิ่งเห็นน้าชายกำลังเก็บเครื่องเขียนใส่กระเป๋าแล้วก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ปกติกว่าจะขออนุญาตไปทำเรื่องกะโปกได้ก็ใช้เวลาพอสมควรแต่ทำไมคราวนี้มันดูง่ายจังวะ

     

    จริงดิ?

     

    เออ แต่ถ้าเกินห้าทุ่มฉันฆ่าแกแน่ แบคฮยอนชี้หน้าเด็กตัวสูงที่กำลังยิ้มกว้าง ซึ่งเขาไม่ได้เห็นแบบนี้บ่อยนัก เด็กตัวสูงจับมือคนเป็นน้าเข้ามาก่อนจะเอานิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วหัวแม่มือของอีกฝ่าย เป็นการสัญญาที่ทั้งคู่ใช้มาตั้งแต่ชานยอลยังเป็นเด็ก

     

    เจ๋ง งั้นผมไปนะ ชานยอลดีดตัวลุกขึ้นยืน เขาควรจะรีบนั่งแท็กซี่กลับบ้านไปเอากีต้าร์แล้วตรงไปยังห้องซ้อมโดยเร็ว เพื่องานแข่งขันที่ใกล้เข้ามาถึงในเร็ว ๆ นี้

     

    เด็กหนุ่มไม่อยู่รอให้คนตรงหน้าอ้าปากบ่นอีก เพราะกลัวว่าแบคฮยอนจะเปลี่ยนใจไม่ให้เขาไป ขายาววิ่งออกมาจากห้างแล้วหยุดอยู่ข้างฟุตปาธ ชะโงกหน้ามองหาแท็กซี่อยู่อย่างนั้นแล้วก็ได้แต่สบถอย่างขัดใจเพราะถูกแย่งแท็กซี่ตัดหน้า เจริญเถอะมึงกูยิ่งรีบ ๆ อยู่

     

    ล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาเช็ค บางทีหลังซ้อมเสร็จเขาอาจจะแวะร้านเนื้อย่างกับเพื่อนก่อนกลับบ้าน เด็กหนุ่มอ้าปากหวอเมื่อพบว่าในกระเป๋ามีแต่แบงค์ใหญ่ ซึ่งเขาไม่โอเคหากว่าจะต้องจ่ายค่าแท็กซี่แล้วได้รับเงินทอนมาเป็นแบงค์พันวอนเยอะ ๆ เพราะเขาไม่ชอบให้กระเป๋าเงินหนาจนแทบปริ

     

    ยอมรับก็ได้ว่าเป็นเด็กนิสัยไม่ดีที่ชอบเก็บเงินแบงค์ใหญ่ไว้กับตัวมากกว่า แต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางออกนี่หว่า ชานยอลเก็บกระเป๋าเงินแล้วหันหน้ากลับเข้าไปในห้าง ตอนนี้แบคฮยอนคงยังเดินไปไม่ถึงลานจอดรถ เพราะฉะนั้นรีบวิ่งไปไถค่าแท็กซี่ก็ยังทัน

     

    ชานยอลวิ่งสี่คูณร้อยกลับเข้าไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามีก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงเอามือถือขึ้นมากดโทรหาคนเป็นน้า แต่อีกฝ่ายยังไม่ทันกดรับสายเด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้างเมื่อพบว่าแบคฮยอนยังคงยืนอยู่หน้าแม็คโดนัล ซึ่งมันเป็นเรื่องดีมาก ๆ ที่เขาจะไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปถึงลานจอดรถ

     

    แต่สองขาก็ต้องหยุดชะงักพร้อมกับปากที่ยิ้มเก้อเมื่อพบว่าใครคนหนึ่งเดินเข้าไปหาน้าชายของเขา คน ๆ นั้นตัวสูง ดูดี ภูมิฐาน แถมมาพร้อมกับแก้วกาแฟสตาร์บั้คกับแก้วชาเขียวปั่นวิปครีมที่ยื่นไปให้อีกฝ่าย ทั้งคู่กำลังยิ้มและหัวเราะด้วยกัน ซึ่งมันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ กับภาพที่เห็น

     

    แป๊บนึงนะครับ แบคฮยอนบอกคนตรงหน้าก่อนจะมองจอโทรศัพท์มือถือ เขาเห็นว่าคนตัวเล็กแอบขมวดคิ้วที่เห็นเบอร์คนโทรเข้า แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นน้าก็กดรับสาย ว่าไง

     

    ...

     

    ฮัลโหล?

     

    ...

     

    ชานยอล? ฮัลโหล...อะไรของมัน? คนตัวเล็กลดสมาร์ทโฟนลงพลางส่ายหน้าเบา ๆ เมื่ออีกฝ่ายกดตัดสายไปแล้ว ได้แต่คิดว่าบางทีเด็กนั่นอาจจะกดโทรผิดหรือไม่ก็นั่งทับมือถือจนมันกดโทรออกเอง

     

    เด็กตัวสูงมองตามคนสองคนที่กำลังเดินไปด้วยกัน ที่เหี้ยกว่านั้นคือเขาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังรู้สึกไม่ดีอย่างไร้สาเหตุ นี่สินะคือเหตุผลที่แบคฮยอนอนุญาตให้เขาไปซ้อมดนตรีได้อย่างง่าย ๆ ทั้งที่ปกติต้องด่าเช็ดถึงโคตรเหง้าศักราชก่อนถึงจะยอมปล่อยให้ไป ที่แท้ก็แอบนัดกับไอ้ครูหล่อไว้นี่เอง

     

    ชานยอลแค่นหัวเราะ เขารู้สึกเหมือนถูกหลอก กับการที่ครูนั่นมาถึงไวขนาดนี้คงเป็นเพราะนัดกันไว้ล่วงหน้าซะดิบดีแล้วสินะ พอรู้แบบนี้แล้วก็ได้แต่คิดว่าถ้าเขาไม่ขอไปซ้อมดนตรีแบคฮยอนอาจจะพาเขากลับไปส่งที่บ้านแน่ ๆ ถ้าบอกกันตรง ๆ ว่านัดกับไอ้ครูขี้เก๊กไว้เขาอาจจะไม่ต้องมารู้สึกแบบนี้ก็ได้

     

    ปาร์คชานยอลไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ทั้งโกรธที่แบคฮยอนไม่ยอมบอก ทั้งโมโหที่เห็นว่ายังติดต่อกับไอ้ผู้ชายคนนั้นจนนัดเจอกันข้างนอกโรงเรียนแบบนี้ เออ ก็รู้ว่าบังคับไม่ได้ แต่แล้วไงวะคนมันไม่ชอบ

     

    เรื่องไปซ้อมดนตรีถูกเตะกระเด็นไปขั้วโลกเหนือ ในหัวเด็กหนุ่มแลดูว่างเปล่า ขายาวก้าวตามสองคนนั้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร

     

    เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหลังเสาเมื่อสองคนนั้นเดินไปซื้อตั๋วหนังตรงหน้าเคาน์เตอร์ เขายืนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนพวกหัวเกรียนม.ต้นมองเป็นตาเดียวกัน แอบหันไปทำหน้าโหดใส่แม่งซักดอกที่บังอาจเสนอหน้ามองเขาด้วยแววตาแบบนั้น

     

    ประมาณสามนาทีทั้งคู่ก็เดินออกไป ชานยอลไม่รอช้าไปกว่านี้ เขารีบกระโดดข้ามรั้วที่สูงประมาณหน้าขาแล้วพุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์เมื่อครู่ทันทีโดยที่ไม่แคร์สายตาคนที่ยืนต่อแถวเป็นสิบเลยว่าจะหันมาพร้อมใจประชุมตีนเขาหรือเปล่าที่กล้าแซงคิวขึ้นมาแบบนี้

     

    ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบซื้อตั๋วจริง ๆ แฟนผมเป็นลูคีเมีย เธอใกล้จะตายแล้วและผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าเกิดว่าพาเธอดูหนังเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้... ชานยอลหันไปอธิบายพร้อมกับปั้นหน้าปั้นตาละครสุดชีวิต และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าเรื่องที่แถไปมันจะตลกแดกสักแค่ไหน จุดนี้กูจะพลาดไม่ได้ ไม่ว่าอะไรก็ฉุดไม่อยู่ ตามนั้น พี่ครับ สองคนเมื่อกี้เลือกที่นั่งแถวไหน

     

    ...คะ? หญิงสาวทำหน้ามึนพลางมองเด็กหนุ่มที่วางสองแขนลงบนเคาน์เตอร์พร้อมกับบัตรนักเรียนที่สามารถใช้สิทธิ์ลดราคาได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์

     

    สองคนเมื่อกี้ดูเรื่องอะไร แล้วก็ที่นั่งแถวไหน

     

    ...

     

    คืองี้พี่ ชานยอลกลืนน้ำลายแล้วหายใจเข้าลึก ๆ แฟนผมเป็นลูคีเมีย แล้วไอ้คนตัวสูงคนนั้นน่ะมันเป็นพี่ชายของแฟนผมที่พลัดพรากกันไปเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว และความหวังสุดท้ายของแฟนผมคือการได้เจอพี่ชายอีกครั้ง พี่เคยดูออทั่มอินมายฮาร์ทไหม?

     

    ไม่ค่ะ

     

    นั่นแหละ!!! ผมก็ไม่เคยเหมือนกัน ชานยอลดีดนิ้วเสียงดัง ห่าเอ้ย นี่กูกำลังทำอะไรอยู่ TT_TT

     

    ถ้าเป็นสองท่านเมื่อครู่ เขาดูเรื่องนี้แถว H 12 13 น่ะค่ะ แม่มึง ไม่บอกแต่แรกว่าขอดี ๆ พี่ก็จัดให้ ชานยอลก้มหน้าลงมองจอที่ฉายให้เห็นถึงที่นั่งว่างและที่นั่งที่ถูกขายไปแล้ว

     

    ถือว่ายังดีที่แบคฮยอนไม่ทำให้เขาโมโหไปกว่านี้ที่ยังเลือกนั่งเบาะปกติ เพราะถ้านั่งเบาะสวีทแบบคู่คงมีน้ำโห ชานยอลขมวดคิ้วมองที่นั่งหมายเลข 11 และ 14 ซึ่งว่างอยู่ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าแบคฮยอนนั่งทางซ้ายหรือทางขวาวะสรรถ

     

    คุณลูกค้าคะ ข้างหลังคิวยาวค่ะ

     

    ผมรู้น่า! พี่ไม่เคยเครียดเรื่องจองบัตรคอนเสิร์ตหรือไง!” ชานยอลมองคาดโทษหญิงสาว หากแต่เธอยังคงปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม

     

    ไม่เคยค่ะ เพราะดิฉันไม่ติ่ง

     

    แต่ผมติ่ง ถ้าพี่รู้ว่าผมสนิทกับพี่เซฮุนที่เล่นละครเรื่อง พระเจ้าช่วย หวยงวดนี้ออกอะไรพี่จะไม่มองผมด้วยแววตาแบบนี้

     

    สรุปเลือกตรงไหนคะ?

     

    ตามหลักความน่าจะเป็นผมว่าแบคฮยอนน่าจะนั่งข้างขวา ชานยอลลูบคางขณะใช้ความคิด แต่ถ้าไอ้ครูหล่อทำตัวขี้เก๊กเป็นสุภาพบุรุษผายมือให้แบคฮยอนเข้าไปนั่งก่อนล่ะ?

     

    กับผู้ชายด้วยกันคงไม่ทำแบบนั้นหรอกมั้งคะคุณลูกค้า? เธอมองอีกฝ่ายอย่างหวาด ๆ

     

    ผมเคยอ่านเจอในการ์ตูนเกย์ ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างมั่นใจ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าเขาเพิ่งราดน้ำมันลงกลางหัวตัวเองพร้อมกับจุดไฟเผา ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ที่จะบอกคือเพื่อนผมมันอ่าน

     

    อ้อ...

     

    ไม่ใช่จริง ๆ นะ เพื่อนผมชื่อหวงจื่อเทา มันชอบอ่านอะไรแบบนี้ถึงปากมันจะบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ก็เถอะ แต่ผมน่ะเป็นชายแท้ทั้งดุ้นเลย เฮ้ยพี่อย่ามองผมด้วยแววตาแบบนั้นดิ แน่จริงก็ให้เบอร์ผมมาเลยดีกว่า ชานยอลแถ ถ้าเป็นการแข่งรถคงเรียกว่าดริฟท์จนยางไหม้

     

     

    ได้ยินเสียงก่นด่าดังมาจากข้างหลัง พวกมึงจะอะไรกับกูมากมายครับ ใช่ว่าจุดขายตั๋วหนังจะมีแค่ที่เดียวเสียเมื่อไหร่ ปาร์คชานยอลเพิ่งรู้สึกว่าคนทั้งโลกเป็นศัตรูของเขาก็วันนี้แหละ ทำไมทุกคนถึงได้ทำตัวน่าหงุดหงิดไปหมด

     

    จริง ๆ แล้วมันเป็นแผนที่จะเข้ามาจีบดิฉันสินะคะ

     

    ถึงพี่จะดูดีก็เถอะ แต่ผมพอจินตนาการออกว่าตอนหน้าสดพี่ไม่สวย เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบก่อนจะป้องปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเผลอยื่นปากเข้าหาส้นสูงไปอย่างไม่ตั้งใจ

     

    ...

     

    แต่พี่แต่งหน้าแล้วน่ารักนะ โอเค ผมเลือกเบอร์ 14 ไม่เอาตังค์ทอนเป็นแบงค์พันนะครับ เหรียญก็ไม่ เด็กหนุ่มกระดิกนิ้วชี้ไปมาเมื่อรู้ทันว่าอีกฝ่ายต้องทอนเงินให้เขามาในรูปแบบนั้นแน่ ๆ ซึ่งอย่าแม้แต่จะคิด เธอรู้จักเขาน้อยเกินไปแล้ว

     

    แล้วแฟนสาวลูคีเมียของน้องล่ะคะ?

     

    เธออยู่ในใจผม เม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับทาบมือแกร่งลงบนหน้าอกข้างซ้ายแล้วทุบปั่ก ๆ หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะดึงตั๋วหนังออกมา ชานยอลยิ้มกว้างและไม่ลืมที่จะทำท่าส่งจูบไปยังอีกฝ่ายที่กำลังด่าโคตรเหง้าเขาทางสายตา

     

     

     

     

     

    รอก่อนนะแบคฮยอน งานนี้เดี๋ยวได้รู้ว่าหมู่หรือจ่า!!!

     

     

     

     

     

     

    70%

     

     

      

     

    ดื่มน้ำไหม?

     

    พอได้ยินประโยคนี้คนที่กำลังยัดป๊อปคอร์นใส่ปากรัว ๆ ถึงกับต้องค้างมือไว้ แบคฮยอนหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังยิ้มให้เขาพร้อมกับยื่นแก้วให้ คนตัวเล็กยิ้มเจื่อน จริง ๆ ไม่ได้หิวเลยครับแต่เขินมากจนต้องยัดทุกอย่างเข้าปาก ถ้าไม่ติดว่าแคร์ครูพี่อี้ฟานมากกูจะแทะพนักวางแขนให้ดู

     

    แบคฮยอนโค้งหัวเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วดูดน้ำอัดลมที่เขาบ่นนักบ่นหนาว่ามันเป็นน้ำยาขัดห้องน้ำของฝรั่ง วินาทีนี้น้ำสาหร่ายสบายรูสิท่ากูก็แดก มันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้มานั่งในโรงหนังแบบนี้

     

    เพราะเท่าที่จำได้ ตั้งแต่ไอ้เซฮุนเป็นไอดอลมันก็ไม่ค่อยมีเวลา จะไปดูหนังทีก็ต้องใส่แว่นดำ ผ้าปิดปากพร้อมหมวก โดยภาพรวมแล้วไม่ต่างอะไรจากแรงงานพม่าหนีข้ามชายแดนเลย ถ้ามีผ้าโพกหัวเป็นไอเทมอีกชิ้นนี่กูว่าใช่ ส่วนเพื่อนอีกคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าไอ้เซฮุนไม่ไปมีหรือไอ้จงอินจะไป ยิ่งพอมีโลกแห่ง Bittorrent แล้วแม่งยิงไม่ยอมเสียเงินค่าตั๋วหนัง

     

    ดูหนังครั้งล่าสุดน่ะเหรอโน่นเลยปีที่แล้วตอนชานยอลมันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านแรก ๆ ใช่ว่าอยากจะเซอร์วิสดูแลหลานอะไรหรอกนะครับ เพราะวันนั้นมันบอกว่าจะไปดูกับเพื่อนในเน็ตนั่นแหละ ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายจะไม่ว่าสักคำแต่นั่นผู้หญิง

     

    ไม่ได้กลัวว่ามันจะถูกหลอกแดก เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่แม่มันให้ก็อยู่กับเขาหมด เพราะฉะนั้นตัดปัญหานั้นไปได้เลย (แม่งคัดกรองมาจากประสบการณ์ตรงทั้งนั้น) แต่กลัวว่ามันดูหนังเสร็จแล้วจะไปเปิดห้องสร้างงานสร้างอาชีพกันน่ะสิ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แบคฮยอนต้องพาหลานบังเกิดเกล้าไปดูหนัง

     

    ครูพี่อี้ฟานชวนมาดูหนังแล้วครั้งนึง แต่ว่าต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลาเลยกลายเป็นว่าต้องเก็บเรื่องนี้ใส่กล่องไป แต่พอวันนี้พี่เขาโทรมาถามว่าทำอะไรอยู่ แบคฮยอนก็บอกไปว่าเออ กำลังติวให้หลานอยู่ในห้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่บ้านพี่อี้ฟานก็อยู่แถวนี้

     

    และประโยคที่ทำให้ยืนอ้าปากหวอหน้าแมคโดนัลก็คือ งั้นถ้าติวให้ชานยอลเสร็จแล้วเราไปดูหนังกันไหมครับ? ตอนนั้นแทบจะออกปากตกลงทันที แต่เพิ่งนึกได้ว่าควรเล่นตัวนิดนึงเลยตอบไปว่า ผมไม่รู้ว่าจะติวเสร็จเมื่อไหร่น่ะสิ กลัวว่าจะดึก เพียงแค่นั้นแหละพี่อี้ฟานก็ทำให้หัวใจข้าพองโต

     

     

    ไม่เป็นไรครับพี่รอได้ อยากดูหนังรอบดึกกับเราอยู่พอดี

     

     

    อ่อยตลอด เป็นแบบนี้ให้ได้นาน ๆ นะครับ แบคฮยอนอยากรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนทุ่งหญ้าสะวันนาอีกนาน ๆ หลังจากนั้นน่ะเหรอ? เล่นตัวคืออะไรกูไม่รู้จัก พอตอบตกลงเสร็จพี่อี้ฟานก็บอกว่าเดี๋ยวจะมาเดินห้าง ดูเน็กไท ดูเสื้อ ดูสูทรอ

     

    นั่นแหละ...ประจวบเหมาะกับหลานบังเกิดเกล้าอยากไปซ้อมดนตรีพอดี มันช่างลงตัวอะไรเช่นนี้

     

    กลับมาตรงนี้ก่อน เรื่องหลานช่างหัวมัน ความรู้สึกตอนมีคนจ่ายให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้นี่เอง อยากให้ไอ้ชานยอลมันมาเห็นตอนพี่อี้ฟานดันมือเขากลับแล้วบอกว่า พี่จ่ายเองครับ จริง ๆ มันจะได้เลิกพล่ามว่าเขาจะหลอกแดกกู

     

    หนังเล่นไปประมาณกี่นาทีแล้วเขาก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามันยาวนานทั้งที่ฉากนี้พระเอกเพิ่งจะได้เจอนางเอกเอง เป็นเพราะคนเขียนบทมันเริ่มเรื่องช้าหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกลับไปสิบสี่อีกครั้งตอนเริ่มแอบชอบคน ๆ นึง ตอนนั้นแค่เดินเฉียดเขาก็หายใจติดขัดละ จนโดนสองคู่รักหยินหยางแซวว่า

     

     

    มึงมันไก่อ่อนแบคฮยอน ชาติหน้าบ่าย ๆ จะได้แดกไหมถ้ายังนั่งทับไข่อยู่แบบนี้โดยไม่คิดจะเดินหน้า

     

     

    เหมือนจะมีหลักการแหละครับแต่เอาจริง ๆ แล้วมันสองคนก็แค่อยากเห็นสีหน้าเขาตอนโดนปฏิเสธ จะได้ยืนหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง เพื่อนดี ๆ แบบนี้อย่าไปคบนะครับจำไว้

     

    แบคฮยอนนั่งเกร็งเมื่อรู้สึกได้ถึงความนุ่มของฝ่ามือใหญ่ที่วางลงบนหลังมือเขา คนตัวเล็กค่อย ๆ เหลือบมองไปยังพนักวางแขนทางด้านขวา เห็นละครับเห็นละ...พี่อี้ฟานกำลังจับมือกู พี่อี้ฟานจับมือกู...

     

    ดื่มน้ำเยอะจนมือเย็นไปหมดแล้ว เสียงกระซิบด้วยน้ำเสียงโทนต่ำพร้อมกับสอดประสานกับมือของคนตัวเล็ก

     

    ได้ยินแล้วอยากให้กระซิบแบบนี้ทุกประโยค ทุกบทสนทนาเหลือเกิน แบคฮยอนเม้มปากแน่น ค่อย ๆ ช้อนตามองคนตัวสูงที่กำลังยิ้มให้แล้วหัวใจก็แทบจะเด้งออกมา สรรถเอ้ย เอาเรื่องกูไปเขียนเป็นหนังสักเรื่องไหม ฉากนี้มันโรแมนติกเกินกว่าจะเก็บไว้ฟินคนเดียวได้

     

    ซักกรึ๊บไหมครับ จะได้เย็นเหมือนกัน กรึ๊บพ่อกรึ๊บแม่อะไรของมึงแบคฮย๊อนนนน เวลาเขินแล้วชอบพูดอะไรกาก ๆ แบบนี้ตลอดเลย คุณเณรช่วย

     

    แต่ถึงจะพูดแปลกไปนิดแต่คนฟังกลับหลุดขำออกมาเบา ๆ แน่ล่ะครับถ้าเสียงดังกว่านี้อาจโดนคนในโรงหนังรุมกระทืบเอาได้ แบคฮยอนรู้สึกว่ากำลังหน้าแดงเพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มไปหมดเพียงแค่จ้องหน้าอีกฝ่าย แสงสว่างจากจอหนังถึงจะทำให้เห็นได้ไม่ชัดเท่าที่ควรแต่มันก็ทำให้เขาตายได้ง่าย ๆ เพราะกำลังสบตากับพี่อี้ฟานท่ามกลางความมืด

     

    มือพี่ไม่ว่าง ป้อนหน่อยได้ไหมครับ?

     

    เอาซี๊ จะให้ป้อนจากปากก็ย่อมได้ถ้าพี่ให้ท่ามาขนาดนี้ แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ เขาแทบลืมวิธีหายใจว่ามันต้องทำยังไง ผู้ชายคนนี้ใช่ย่อยที่ไหนล่ะครับ ได้โอกาสก็ยิงมันทุกเม็ด

     

    คนตัวเล็กยื่นขวดน้ำให้ก่อนที่ครูพี่อี้ฟานจะก้มลงดูดน้ำจากหลอด บางทีพี่แกอาจจะไม่มีที่วางสายตาเลยต้องมองหน้าแบคฮยอนไปด้วย ทำดีครับ ถ้าเป็นปลากัดกูมั่นใจว่าต้องมีท้องกันบ้างล่ะวะ

     

     

     

    พรึ่บ!

     

     

     

    ...

     

    ...

     

    เหมือนมีใครเอานิ้วจิ้มฟองสบู่ที่ลอยอยู่กลางอากาศให้แตกภายในพริบตา เมื่อจู่ ๆ ก็มีใครสักคนทิ้งตัวนั่งลงทางด้านขวาอย่างแรง และคนที่เห็นผู้มาใหม่ได้ชัดมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครนอกจากครูพี่อี้ฟาน

     

    ชานยอล?

     

    ตอนแรกไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นใครจนกระทั่งได้ยินชื่อจากปากคนข้าง ๆ นี่แหละ แบคฮยอนก้มลงจนหัวแทบติดเข่าเพื่อมองเบ้าหน้าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่อี้ฟาน เดี๋ยวนะ...นั่นมัน...

     

    แบคฮยอน เอาละครับ พอหันมาสบตากันมันก็เบ้ปากทำหางตาตกใส่ ภาพนี้มันคุ้นมากอย่างกับเดจาวู จู่ ๆ ก็มีภาพเด็กอายุเจ็ดขวบซ้อนทับเด็กตัวสูงที่นั่งอยู่ถัดไปอีกสองที่นั่ง

     

    มาได้ไงเนี่ย ไหนบอกไปซ้อมดนตรีไง?!”

     

    แบคฮยอน... นั่น มันยังไม่ยอมตอบคำถาม แต่กลับทำเสียงหงอยใส่อีก อี้ฟานได้แต่มองน้ากับหลานที่กำลังกระซิบสื่อสารสลับกันไปมา แม้ว่าแบคฮยอนจะถามไปกี่ประโยค ชานยอลก็เอาแต่ แบคฮยอน อยู่อย่างนั้น

     

    ผมไม่ค่อยสบาย...

     

    ห้ะ? ไม่สบาย?

     

    อือ ไปซ้อมดนตรีไม่ได้แล้ว

     

    ยังไง แล้วทำไมไม่กลับบ้าน?

     

    ผมไม่มีแรง แบคฮยอนพากลับบ้านหน่อย ล้านทีปีหนถึงจะทำเสียงอ้อล้อแบบนี้ และแบคฮยอนคงไม่กล้าคิดว่าหลานชายของเขากำลังส่งเสียงออดอ้อนอยู่ เพราะสิ่งเดียวที่ชานยอลถนัดก็คืออ้อนตีน

     

    จะกลับได้ไง เห็นไหมเนี่ยว่าน้าดูหนังอยู่

     

    ...

     

    นั่น...พอได้ยินแบบนั้นคนเป็นหลานถึงกับส่งสายตาตัดพ้อมาเลย ชานยอลพยักหน้าช้า ๆ แล้วเอนหลังพิงกับเบาะก่อนจะค่อย ๆ ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมากอดร่างตัวเองที่กำลังหนาวสั่นเอาไว้ พอเห็นแบบนั้นแบคฮยอนก็เริ่มเป็นห่วง

     

    ชานยอล

     

    ดูจบแล้วกลับบ้านไปเล่าให้ฟังด้วยนะ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ เด็กหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องลงไปนั่งลงที่เดิมเมื่อคนตัวเล็กโน้มตัวข้ามไอ้ครูขี้เก๊กมาดึงเสื้อเขาเอาไว้

     

    เดี๋ยวดิ อย่าเพิ่งไป

     

    อี้ฟานเซไปข้างหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกถีบเบาะ เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับไปแล้วก็ได้คำตอบกลับมาเป็นสายตาไม่พอใจ เขารู้ว่าตอนนี้สองน้าหลานกำลังสร้างความน่ารำคาญให้กับคนในโรงหนัง

     

    สลับที่กันไหม จะได้คุยกับแบคฮยอนสะดวก ร่างสูงหันไปถามเด็กคนข้าง ๆ ที่ไม่สนใจแม้แต่จะหันมามองเขา

     

    แบคฮยอนสลับ

     

    ประโยคนี้ทำให้ร่างสูงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่คิดจะสนใจข้อเสนอของเขา ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อี้ฟานเพียงแค่หันไปพนักหน้าเป็นเชิงบอกให้คนตัวเล็กสลับที่กัน แบคฮยอนยิ้มแห้ง ๆ ทั้งเกรงใจทั้งรู้สึกผิดที่เรื่องมันเป็นแบบนี้

     

    เมื่อตอนกลางวันยังดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? พอแลกที่นั่งเสร็จคนเป็นน้าก็กระซิบถามเบา ๆ ชานยอลพยักหน้าแล้วแกล้งสูดน้ำมูกที่ไม่มีให้สูดขึ้นเพื่อประกอบความสมเหตุสมผล

     

    แป๊บนะ ชานยอลป้องปากหันไปทางด้านข้างเหมือนคนกำลังจะจาม เด็กตัวสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวนอกก่อนจะเอาเครื่องดื่มร้อนที่เพิ่งกดออกมาจากตู้หยอดเหรียญเมื่อครู่ออกมาทาบกับหน้าผากตัวเอง

     

    ไหน ตัวร้อนไหม? แบคฮยอนถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับยกมือขึ้นอังหน้าผาก คนตัวเล็กเบิกตาโพลงกับอุณหภูมิของคนเป็นหลานที่ร้อนจนน่าตกใจโห ตัวร้อนจี๋เลย

     

    แบคฮยอน...หนาว หลานชายกุมมือคนเป็นน้าเอาไว้แล้วเอามาทาบแก้มตัวเองพร้อมกับทำท่าสั่นเทาเหมือนคนใกล้ตาย

     

    เอาไงดี

     

    แบคฮยอนหลุบตาลงใช้ความคิด ถ้าจะพาหลานกลับบ้านตอนนี้ก็กลัวว่าพี่อี้ฟานจะเฟล แต่ถ้ายังอยู่ต่อไอ้เด็กนี่ต้องไข้ขึ้นแน่เพราะในโรงหนังแอร์เย็นอย่างกับห้องดับจิต แถมวันจันทร์นี้มันก็มีสอบอีก เอาไงดี ๆ ๆ

     

    ชานยอลมองคนที่กำลังทำท่าคิดหนักก่อนจะเลื่อนระดับสายตาขึ้นสบตากับไอ้ครูขี้เก๊กที่นั่งอยู่ข้างแบคฮยอน สายตาที่มองมานั้น เขาทั้งคู่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นมันไม่จำเป็นแล้วที่ปาร์คชานยอลจะต้องเล่นละครต่อหน้าผู้ชายคนนี้

     

    คือ...พี่ครับ แบคฮยอนหันไปทำหน้าคิดหนัก ร่างสูงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรต่อจากนี้ ถึงอู๋อี้ฟานจะเป็นคนมีเหตุผลมากพอสำหรับคำจำกัดความว่า ผู้ใหญ่ แต่เขาไม่โอเคที่จะได้ยินมัน

     

    พาหลานกลับไปพักผ่อนเถอะ

     

    เด็กตัวสูงชูสองนิ้วขึ้นคาดตาตัวเองพร้อมกับยิ้มเยาะ แน่นอนว่าคนที่เห็นมันได้ชัดเจนมีเพียงแค่อู๋อี้ฟานคนเดียวเท่านั้น

     

    ขอโทษจริง ๆ นะครับ

     

    ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะนี่... ร่างสูงยิ้มพร้อมกับลูบหัวอีกฝ่าย ชานยอลหุบยิ้มลง เขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกยั่วโมโหปะปนกับความกวนตีนที่อีกฝ่ายมอบให้

     

    ไปกันเถอะแบคฮยอน นะ ๆ ชานยอลลุกขึ้นยืน ตอนนี้เสียงฮือฮาของคนในโรงหนังกำลังประสานเสียง คนเป็นน้าเริ่มจะอับอายเลยรีบลุกขึ้นเดินตามหลานออกไปและปล่อยให้ใครอีกคนนั่งถอนหายใจอยู่ตามลำพังตรงนั้น

     

     

     

     

     

    มีเสื้ออยู่ตรงเบาะข้าง ๆ เอามาห่มซะ แบคฮยอนมองหลานที่นั่งกอดอกทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างผ่านกระจกมองหลัง ชานยอล

     

    ว่า

     

    นอนลงไปเลย เดี๋ยวก็ปวดหัวอ้วกแตกหรอก แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ไอ้เด็กตัวสูงก็ยังคงนั่งมองบ้านเมืองในโซลยามค่ำคืน มันป่วยประสาอะไรของมันวะยังปวดหัวอยู่ไหม

     

    อือ

     

    แล้วรู้สึกขม ๆ ลิ้นบ้างป่ะ

     

    ไม่เท่าไหร่

     

    หายใจเป็นไง?

     

    ก็ติดขัดนิด ๆ

     

    เป็นอะไรวะ ไม่พอใจอะไรก็พูดสิ ขอทีเถอะ ไอ้ท่าทางแบบนั้นเขาไม่ได้คิดไปเองแน่ว่าชานยอลมันกำลังโกรธอยู่ ต่างจากในโรงหนังที่ทำตัวหงอยเหมือนกำลังจะตายเสียเดี๋ยวนั้นถ้าเขาไม่พามันกลับบ้าน

     

    สนใจด้วยเหรอ อ้าว กวนตีนละครับแบบนี้ ถ้าไม่สนใจกูจะพามึงออกมาจากโรงหนังแล้วทิ้งพี่อี้ฟานให้ดูหนังคนเดียวเรอะ ตอนที่รู้ว่าผมไม่สบายแทนที่จะพากลับทันที แต่น้าทำท่าลังเล

     

    เอ้า! ฉันผิด?

     

    ไม่ผิดหรอก คุณก็แค่อยากอยู่กับคนที่ชอบโดยที่ไม่สนใจว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง เอาละครับ สรรพนามชวนดราม่าถูกขุดขึ้นมาใช้อีกแล้ว

     

    ถ้าฉันทิ้งเขาไว้ในนั้นโดยไม่มีท่าทีลังเลเลยมันก็จะน่าเกลียดเกินไป แกยังเด็ก ไม่เข้าใจหรอกว่าเรื่องรักษาน้ำใจคนมันเป็นเรื่องสำคัญ แบคฮยอนมองถนนสลับกับกระจกมองหลังเป็นระยะ

     

    แต่ผมก็สำคัญน้อยกว่าอยู่ดี

     

    เออ ๆ ขอโทษได้ไหมล่ะ

     

    ถ้าขอโทษแล้วหาย ในคุกคงไม่มีนักโทษหรอกแบคฮยอน

     

    แล้วจะเอายังไงกับกู๊!!!!” คนเป็นน้าลากเสียงยาวอย่างเหลืออด มึงจะเอายังไงก็บอกมาสึด ให้กูจอดรถแล้วก้มลงกราบแทบเท้าแบบเบญจางคประดิษฐ์หรือให้คัดคำว่าขอโทษใส่สมุดสักล้านคำเลยไหมถึงจะสาแก่ใจ ที่มึงป่วยนี่เป็นความผิดกูเรอะ

     

    ผมเสียใจ

     

    เอ้อ ขอโทษ

     

    เก็บมันไว้เถอะ ไม่มีใครอยากฟังคำขอโทษพร่ำเพรื่อหรอก แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเล็กลงไปทุกที ๆ ในขณะที่ชานยอลกำลังเอาค้อนหินอันใหญ่ทุบตัวเขาซ้ำ ๆ เด็กหนุ่มยังคงมีสีหน้าไม่ต่างจากเดิม โอเค งานนี้เขาผิดก็ได้

     

    แล้วแกเข้าไปในโรงหนังได้ยังไง

     

    ผมแค่เดินไปคุยกับพนักงานบอกว่าจะเข้าไปตามน้ากลับบ้าน

     

    มีงี้ด้วย?

     

    อือ พี่เขาไม่ใจร้ายเหมือนคนแถวนี้หรอก ถนัดจังเลยเรื่องแซะเนี่ย พ่องเป็นคนขายขนมครกไงสึด

     

    แบคฮยอนจอดรถเทียบข้างฟุตปาธก่อนจะเปิดประตูรถลงไปมินิมาร์ทที่มีร้านขายยาเล็ก ๆ อยู่ตรงมุมทางด้านขวา ชานยอลมองน้าชายที่กำลังคุยกับคนขายยา ตอนที่เอามือทาบหน้าผากตัวเอง กับตอนทำมือประกอบว่าต้องการผ้าปิดปาก สีหน้าที่กำลังยิ้มอย่างเป็นมิตรกับพนักงานนั้นทำให้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแบคฮยอน

     

    เด็กหนุ่มเปิดประตูลงไป เขาเดินไปนั่งอยู่ข้างฟุตปาธหน้ามินิมาร์ทระหว่างรอ ถึงจะไม่ได้ป่วยจริงแต่การทำให้น้าชายรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปมันก็ถือว่าเสมอกันแล้ว แบคฮยอนไม่ควรทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ปกติจะห้ามไม่ให้เขาไปเถลไถล ต้องซักไซ้ทุกอย่างจนละเอียดก่อนถึงจะยอมปล่อยให้ไปได้แท้ ๆ

     

     

    เขารู้สึกดีกับแบคฮยอนที่ใส่ใจหลานจริง ๆ มากกว่าคนที่อยากมีแฟนแบบนี้ ไม่ชอบโว้ย!

     

     

    ชานยอลหันไปทางด้านซ้ายเมื่อใครอีกคนนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับถุงหิ้วในมือ คนตัวเล็กวางของที่ซื้อมา แบคฮยอนแยกยาออกเป็นส่วนก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้กับเขา

     

    อันนี้ยาลดไข้ ส่วนอันนี้ยาลดน้ำมูก กินแล้วอีกสักพักจะง่วง คืนนี้ก็นอนซะไม่ต้องเล่นคอมพ์เข้าใจไหม?

     

    ชานยอลมองยาเม็ดในมือ มันไม่ใช่ปัญหาหากว่าเขาจะกินมันลงไปทั้งที่ร่างกายอยู่ในสภาพปกติสุด ๆ แต่ไอ้ประโยคหลังที่บอกว่าเขาจะไม่ได้เล่นเกมนี่สิ มันคงจะดีถ้าแบคฮยอนไม่นั่งจ้องเขาแบบนี้ นี่ไม่เปิดโอกาสให้ทิ้งยาเลย เด็กหนุ่มอมน้ำไว้ในปากแล้วใส่ยาตามเข้าไปก่อนจะกลืน

     

    ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ

     

    เขารับผ้าปิดปากที่คนเป็นน้ายื่นมาให้ ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่มันก็สมควรแล้วนี่ แบคฮยอนควรจะรู้สึกผิดแล้วทำดีกับเขาให้มากกว่านี้

     

    ทั้งคู่ใส่ผ้าปิดปาก และมันเป็นเรื่องดีที่แบคฮยอนจะมองเห็นได้แค่ตาของเขาเท่านั้นโดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ ถึงจะหัวเราะเยาะ หรือเบ้ปาก น้าชายของเขาก็ไม่มีทางเห็น

     

    กลับบ้านเลยไหม?

     

    เดี๋ยวดิ ลมกำลังเย็น ทั้งคู่ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ถนนเส้นนี้มีรถวิ่งผ่านไปมาไม่มากเท่าในใจกลางเมือง ไม่บ่อยนักที่แบคฮยอนจะมีเวลามานั่งเอ้อละเหยลอยชายโดยไม่คิดหาอะไรที่มันมีสาระทำ

     

    แต่แกไม่สบายอยู่นะ

     

    กินยาแล้วเดี๋ยวก็หาย

     

    เออใช่!” ชานยอลขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่กำลังค้นถุงพลาสติก แค่ครู่เดียวเท่านั้นเด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อแบคฮยอนแปะเจลลดไข้ลงบนหน้าผากเขา

     

    ชานยอลรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไอ้เทามากอดแขนเอาหัวถูไหล่เขา ทำไมจู่ ๆ อากาศก็ร้อนขึ้นมา ความอึดอัดตรงช่วงอกนี่ด้วย มันคือเรื่องบ้าอะไร

     

    ดีขึ้นไหม?

     

    คนเป็นน้ากำลังยิ้มขณะดันฝ่ามือย้ำเจลลดไข้ติดให้แน่นยิ่งขึ้น ชานยอลผละตัวออกมาเหมือนกับถูกของร้อน เขาเบือนหน้าหลบไปอีกทางทำท่าเหมือนว่าไอ้เจลเส็งเคร็งนี่มันไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น

     

    ครบแปดชั่วโมงแล้วตื่นมากินยาด้วยนะ พรุ่งนี้แกยังต้องอ่านหนังสือ ถ้าไข้ขึ้นตอนไปสอบแล้วจะแย่เอา

     

    รู้แล้วน่า

     

    พรุ่งนี้น้าจะแวะเข้าไปโรงเรียนคงกลับช่วงบ่าย ถ้ายังสงสัยตรงไหนเดี๋ยวจะรีบกลับมาติวให้ พอพูดถึงเรื่องติวแล้วก็นึกขึ้นได้ คนเป็นหลานหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย

     

    ว่าจะถามตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วว่าไปเก่งชีวะมาจากไหน จะหาว่าเขาเป็นหลานที่ชุ่ย ๆ ก็ได้ที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องน้าตัวเองว่าเก่งวิชาไหนบ้างสมัยเรียน แต่คนเป็นครูสอนสังคมจะเก่งทุกวิชาเลยเหรอวะ เป็นไปไม่ได้

     

    อ๋อ ไม่ได้เก่งหรอก ฉันก็สอนได้แค่เรื่องที่แกสอบนั่นแหละ แบคฮยอนกำลังหัวเราะแน่ ๆ เขาเห็นว่าตาคู่นั้นกำลังเป็นสระอิ

     

    แค่ฟังคลิปเสียงกับอ่านหนังสือน่ะนะ เก่งเกินไปเปล่า?

     

    แล้วฉันสอนแกไม่เข้าใจหรือไง?

     

    ก็เข้าใจไง แต่อยากรู้

     

    ก็นั่นแหละ ฟังคลิปเสียงที่ครูพี่อี้ฟานอัดให้ แล้วก็อ่านหนังสือเพิ่มได้ยินประโยคนี้แล้วถึงกับสตั้นท์ ชานยอลดึงผ้าปิดปากลงไปไว้ตรงปลายคางแล้วเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์นัก

     

    อะไรนะ?

     

    ก็พี่อี้ฟานเขาสอนชีวะ

     

    รู้ น้าเคยบอกผมแล้วร้อยล้านครั้ง

     

    ก็เออ? แบคฮยอนมองอีกคนงง ๆ ไอ้เด็กนี่มันพีคห่าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ

     

    ได้ไงอ่ะ ทำไมต้องเป็นไอ้ครูคนนั้นด้วย

     

    เรียกดี ๆ สิ บอกกี่ทีแล้วว่าเขาไม่ใช่เพื่อนเล่น

     

    ก็ผมไม่ชอบอ่ะ ดูก็รู้ว่ามันเอาเรื่องติวเข้าหาน้า

     

    ทำไมพี่อี้ฟานต้องทำแบบนั้นด้วยวะ คนที่พยายามเข้าหามันคือฉันต่างหาก แบคฮยอนทาบมือทั้งสองข้างลงบนแก้มตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรอาย

     

    อ๋อ ก็เลยใช้หลานเป็นสะพาน ก็ดีแหละ ชานยอลแค่นหัวเราะ เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเป็นล้านเท่าเพียงแค่รู้ว่าความรู้ที่ซึมซับเข้าหัวทั้งหมดในวันนี้มันมาจากคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้า

     

    พูดอะไรแบบนั้น ต่อให้ไม่มีแกฉันก็มีวิธีเข้าหาเขาอยู่ดี

     

    หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย!” ชานยอลชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมกับมองคาดโทษ แบคฮยอนหลุบตาลงมองปลายนิ้วก่อนจะเงยหน้ามองหลานผมไม่ชอบเขา ได้ยินไหม?

     

    ได้ยิน

     

    ...

     

    ...

     

    ทั้งคู่สบตากัน ชานยอลดึงผ้าปิดปากขึ้นเมื่อเขาไม่ต้องการให้คนเป็นน้าเห็นสีหน้าของเขาไปมากกว่านี้ บรรยากาศตอนนี้เริ่มเย็นขึ้น มีเพียงแค่เสียงรถบนนถนนเท่านั้นที่ทำลายความเงียบระหว่างสองน้าหลาน

     

    น้ากำลังทำให้ผมหงุดหงิด

     

    ความผิดของฉันเหรอ แกอย่าเห็นแก่ตัวดิ

     

    เห็นแก่ตัวตรงไหน

     

    ตรงที่แกทำตัวเหมือนไม่อยากให้ฉันมีความรักนี่แหละ แบคฮยอนหันไปแว๊ดใส่คนเป็นหลานอย่างเหลืออด ชานยอลแค่นเสียงหัวเราะแล้วบ่นอุบอิบภายใต้ผ้าปิดปาก แกคงโกรธที่ฉันเคยห้ามไม่ให้แกคบกับผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตสินะ

     

    อันนั้นก็มีส่วน จะว่าไปแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด ซึ่งปาร์คชานยอลก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือให้แบคฮยอนถอยออกมาจากผู้ชายคนนั้นซะคบไปสักวันก็ต้องเลิกกันอยู่ดี พอถึงตอนนั้นคนที่จะเสียใจจะเป็นใครผมว่าน้าน่าจะรู้

     

    ถ้าคิดแบบนั้นแล้วแกหายใจทำไมวะ เพราะสักวันหนึ่งก็ต้องตาย

     

    คนผิดมีสิทธิ์ยอกย้อนเหรอแบคฮยอน

     

    ฉันผิดอะไร?!!!!” แบคฮยอนผลักไหล่เด็กตัวสูงแรง ๆ จนเซไปทางด้านข้าง พอเห็นอย่างนั้นคนเป็นน้าเลยรีบดึงแขนเอาไว้ได้ทันโทษ ๆ ลืมไปว่าป่วยอยู่

     

    ชานยอลแกล้งทำเสียงสูดน้ำมูกให้อีกคนรู้สึกผิด และมันได้ผล แบคฮยอนกำลังก้มหน้าลงมาดูใกล้ ๆ พร้อมกับลูบหัวเขา ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง ในหัวของเด็กหนุ่มเอาแต่คิดว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ผู้ชายคนนั้นเลิกยุ่งกับน้าชายของเขาได้

     

    กลับบ้านกัน พอเห็นว่าเด็กตัวสูงอาการไม่ค่อยสู้ดีเลยคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้ต่อ แบคฮยอนเก็บของเตรียมตัวจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นเมื่อจู่ ๆ ไอ้เด็กตัวแสบก็ทิ้งตัวลงนอนบนตักเขาหน้าตาเฉย

     

    อะไรของ...

     

    จะนอนตรงนี้

     

    ...

     

    แบคฮยอนก้มลงมองหน้าอีกฝ่าย เขาเห็นเพียงแค่เปลือกตาที่ปิดลงไปแล้วเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่กำลังเบ้ปากอยู่หรือกำลังยิ้มกว้างหลังจากแสดงความเอาแต่ใจได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นน้าชายอย่างเขาก็ได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ก่อนจะถอดเสื้อลายสก๊อตตัวนอกออกมาคลุมช่วงอกให้

     

     

     
     

    แล้วค่อย ๆ ปัดไรผมออกจากหน้าผากหลานชายตัวโตอย่างเบามือ

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    สวัสดีค่ะ ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×