ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "MEAN BOY" มนุษย์ชานยอล | CHANBAEK KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29.58K
      223
      29 มี.ค. 57

     

     
     

    Intro

     

     

    คำว่า... เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน กับ โตขึ้นตามกาลเวลา

    คำไหนเหมาะกับ ปาร์คชานยอล มากกว่ากัน?

     

     

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่รอบข้างเต็มไปด้วยโปสเตอร์วงศิลปินชื่อดังเช่น Jason Mraz และอีกหลากหลายพอลดระดับสายตาลงมาหน่อยก็พบกับซากอารยธรรมอันดีงามที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้นซึ่งมันคงไม่ใช่อะไรนอกจากเสื้อผ้าและลูกบาสเกตบอลที่ถูกเขวี้ยงใส่ผนังอย่างแรงเพราะอารมณ์โทสะเมื่อครู่

    เด็กหนุ่มตัวสูงนั่งอยู่กับขอบเตียงพลางหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์หลังจากมีปากเสียงกับใครอีกคนที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม ในมือของเขามีกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งพร้อมกับซองจดหมายที่ซ้อนอยู่ข้างล่างซึ่งสภาพมันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ หลุบสายตาลงก่อนจะคลี่กระดาษออก ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงเกรดแต่ละวิชานี่แหละที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

    ไปซ้อมดนตรีก็ไม่ได้ดั่งใจเลยหนีไปเล่นเกมกับเพื่อนเพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย เล่นไปหกตาแพ้ห้านี่กูเล่นไปเพื่ออะไร ปาร์คชานยอล อยากจะบ้าตาย พอกลับมาถึงที่ซุกหัวนอนถอดรองเท้าได้แค่ข้างเดียวก็ต้องถอนหายใจเพียงแค่เห็นเจ้าของบ้านยืนกอดอกมองอยู่ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ บยอนแบคฮยอน ญาติห่าง ๆ ที่มียศศักดิ์เป็นน้าชายจะยืนจังก้าทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเขาทำผิดทุกอย่างแม้กระทั่งกำหนดจังหวะการหายใจ แน่นอนว่าการพูดคุยระหว่างทั้งคู่นั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเรื่องจำเป็นและดูเหมือนว่ามันจะจำเป็นในวินาทีนั้นขึ้นมาเมื่อคนตัวเล็กกว่าคว้าแขนเขาเอาไว้ให้หันกลับไปมองหน้ากัน

    ยังจำสีหน้าของน้าชายได้เป็นอย่างดี สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด อารมณ์เสีย โกรธ โมโหกับกระดาษเฮงซวยแผ่นเดียวที่ส่งมาจากโรงเรียน คำพูดที่เจ้าตัวบอกว่า สั่งสอน แต่เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดกลับกันแล้วบยอนแบคฮยอนทำได้ดีแต่เรื่องขัดใจและตอกย้ำเขาก็เท่านั้นแหละ ไม่ว่าจะเรื่องดนตรีหรืออะไรก็ตาม น้าชายคนนี้ไม่เคยเห็นด้วยเลยสักครั้ง

    ปาร์คชานยอลเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดที่กำลังจะสิบแปดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่จะมานั่งให้ใครสั่งสอนว่าไอ้นั่นผิดไอ้นี่ถูก เขาโตพอที่จะคิดเองได้แล้ว มันไม่น่าเบื่อไปหน่อยเหรอที่ต้องมาทนฟังคนบ่นทุกวี่ทุกวันกับเรื่องเดิม ๆ ทุกคนมีขีดจำกัดความอดทนซึ่งปาร์คชานยอลก็ไม่ได้มีมากมายอะไรขนาดนั้นเลยเผลอตวาดไป มันก็แค่ประโยคสั้น ๆ แต่คนที่มีศักดิ์เป็นน้าชายกลับขยำใบเกรดแล้วเขวี้ยงใส่หน้าเขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโดยที่ไม่พูดอะไรอีกเลย

     
     

     

    ก็แค่พูดว่า ยุ่งอะไรด้วย พ่อแม่ก็ไม่ใช่ ...ก็แค่นั้นเอง

     

     
     

    หงุดหงิด หิวก็หิว ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย นี่มันวันเหี้ยอะไรวะ? ร่างสูงถอนหายใจหนัก ๆ แล้วหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง เปิดประตูออกไปแล้วยืนจ้องประตูห้องฝั่งตรงข้ามอยู่ครู่หนึ่ง ชั่งใจว่าจะเอายังไงดีกับชีวิตนี้ ก็รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่อยากขอโทษ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทะเลาะกันและมันก็เป็นเขาทุกครั้งที่เป็นฝ่ายเข้าไปขอโทษ แต่คราวนี้มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ในหัวเอาแต่บอกว่าในเมื่อผิดกันทั้งคู่ คนที่โตกว่าก็ต้องเป็นฝ่ายที่เข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าสิไม่ใช่ให้เด็กตามขอโทษอยู่ได้ แบคฮยอนเอาแต่คิดว่าตัวเองโตกว่าโตแล้วเคยผ่านอะไรมาก่อนเขาซึ่งมันก็เป็นแค่ข้ออ้างของคนที่อยากเอาชนะเด็กเท่านั้นแหละ

    คราวนี้ปาร์คชานยอลจะไม่ยอมขอโทษแต่จะลองพิสูจน์ดูว่าน้าชายจะสนใจการมาของเขามากแค่ไหน

    หมุนลูกบิดเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะสักแอะ จะหาคำว่ามารยาทจากปาร์คชานยอลโปรดรอไปอีกห้าล้านปีแล้วจะมีให้ ขนาดได้ยินเสียงเปิดประตูน้าชายขี้บ่นก็ยังเอาแต่สนใจกับอะไรสักอย่างบนโต๊ะทำงานไม่ยอมหันมามองหน้าเขาเลยสักนิด ได้แต่พูดในใจว่า ใครกันแน่วะที่ต้องโกรธ แล้วเคาะประตูสองที

    จะไปนอนบ้านเพื่อนนะไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ พูดจบไม่ถึงห้าวินาทีคนตัวเล็กก็ยกมือขวาขึ้นโบกปัด ๆ เป็นเชิงไล่ทำนองว่า มึงจะไปตายห่าที่ไหนก็ไปเถอะ ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วปิดประตูดังปึงอย่างหัวเสีย

     

     

     

    ให้มันได้อย่างนี้...

     

     

     

    ห่าเอ๊ย... พึมพำเบา ๆ แล้วใส่รองเท้าก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน ล้วงกระเป๋ากางเกงเอามือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาเพื่อนสนิท

    ( เฮ้ย~ ว่าไง )

    ห่าเทา มึงอยู่บ้านเปล่าวะ

    ( อยู่ครับเพื่อน )

    เออ เดี๋ยวคืนนี้กูไปค้างด้วย

    ( เฮ้ย~ทำไมอ่ะ ทะเลาะกับน้าอีกแล้วเหรอวะ? )

    อย่าถามมาก บอกแม่มึงทำกับข้าวเผื่อด้วย กูหิว

    ( โดนบวกเรื่องใบเกรดมาอ่ะดิ )

    ...

    ( กูก็เพิ่งโดนหม่อมไล่ไปเลี้ยงควายเมื่อกี้เอง เอาน่ามึงผู้ใหญ่ก็แบบนี้แหละ ให้เค้าบ่นไปเถอะเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเอง )

    ไม่ต้องพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอะไรทั้งนั้น กูกำลังจะขึ้นแท็กซี่แล้วแค่นี้นะ พูดจบก็เก็บมือถือใส่กระเป๋า เอี้ยวหน้าหันกลับไปมองที่ซุกหัวนอนแล้วเบ้ปากน้อย ๆ คิดว่าอยากอยู่มากนักหรือไง บ่นอุบอิบแล้วแค่นหัวเราะก่อนจะเปิดประตูหน้าบ้านออกไปแล้วปิดกระแทกแรง ๆ จนประตูรั้วเด้งกลับเข้าไปข้างใน

     

     
     

     

     

     
     

     

    ได้ยินเสียงปึงปังจากข้างนอกคาดว่าไอ้เด็กแสบนั่นคงออกไปค้างบ้านเพื่อนตามที่พูดแล้ว แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ พลางนวดขมับกับความเครียดที่สุมอยู่ในหัว ช่วงนี้มีแต่เรื่องให้คิดมากมายเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นงานที่เพิ่งชวดอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งที่ตั้งใจมานานกับการสอบบรรจุเป็นครูโรงเรียนในฝัน แต่ทุกอย่างก็ล่มสลายไม่เหลือชิ้นดีเพราะคนที่สอบผ่านมันไม่ใช่เขาแต่กลับกลายเป็นคนที่มีเส้นสาย ตอนแรกก็โทษตัวเองที่มีความสามารถไม่ถึง...จนกระทั่งไปแอบได้ยินเองกับหูนั่นแหละ

    พอกลับบ้านมาก็เปิดกล่องจดหมายเป็นอันดับแรก พอเห็นว่ามีจดหมายที่ส่งมาจากโรงเรียนของหลานนรกก็รีบเปิดดูทันที วันนี้บยอนแบคฮยอนเชื่อแล้วที่พ่อเคยบอกว่า การอยากรู้อยากเห็นบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกแย่นะ และมันก็ใช่จริง ๆ กับการไล่ดูเกรดแต่ละตัวของปาร์คชานยอล

    ตั้งแต่ม.ปลายปีสองที่เด็กคนนั้นย้ายมาอยู่กับเขาอย่างเต็มตัวเพราะหมอนั่นไปตอแหลให้แม่มันฟังว่าอยากมาอยู่กับน้าชายอย่างเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไปเอาอารมณ์คิดถึงมาจากไหน พอได้ยินอย่างนั้นพี่สาวที่เป็นญาติห่าง ๆ ก็เลยโทรมาคุยเรื่องนี้ว่ามันจะลำบากเกินไปหรือเปล่าถ้าเกิดจะรบกวนฝากเลี้ยงดูหลานสักสองปีจนกว่าจะจบมัธยมปลาย แน่นอนว่าตอนนั้นบยอนแบคฮยอนไม่ได้ติดใจอะไร ตอบตกลงไปโดยไม่เสียเวลาคิดเพราะเขาก็อยู่คนเดียวมานานพอสมควรแล้วตั้งแต่แม่ย้ายไปอยู่เป็นเพื่อนยายที่บ้านอีกหลัง

    ใครจะรู้ว่ามันโตขึ้นแล้วจะแสบได้ขนาดนี้ อยู่ด้วยกันแค่ปีแรกก็แทบจะมองหน้ากันไม่ติด ก็เข้าใจหรอกว่ามันกำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อแต่ก็อดไม่ได้ที่จะด่าจริง ๆ

    ฮัลโหลเซฮุน

    ( อ...ว่าไง... )

    ทำไรอยู่วะ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทครางกระเส่าจนผิดสังเกต

    ( ถ...ถ่ายหนังอยู่ )

    หนังห่าไรรับโทรศัพท์ได้

    ( หน...หนังสด...เดี๋ยวดิจงอิน คุยกับไอ้แบคฮยอนก่อน )

     

     

     

    โอเค...กูกระจ่างละ

     

     

     

    งั้นมึงถ่ายหนังต่อเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวกูแวะเข้าไปหา ไม่ต้องถามอะไรใส ๆ เหมือนเด็กสาววัยแรกแย้มให้เสียเวลาการทำมาหากินของพวกมันมากไปกว่านี้เขาก็กดวางสายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าเงินเตรียมตัวออกไปบ้านเพื่อนซี้ทั้งสองคนที่สนิทกันตั้งแต่เรียนม.ต้น

     

     

     

     

     

     

    แม่ง วัน ๆ ทำอะไรบ้างนอกจากรอเวลาเลิกเรียนแล้วตรงดิ่งไปห้องซ้อม วงดนตรีเส็งเคร็งอะไรของมันกูไม่เคยเข้าใจ เรียนจบไปจะทำห่าอะไรได้ เล่นกีต้าร์ตามร้านเหล้าเหรอกูงงไปหมด

    จงอินกับเซฮุนได้แต่นั่งเงียบ ๆ ฟังเพื่อนตัวเตี้ยระบายออกมาอย่างอัดอั้น แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่บยอนแบคฮยอนเป็นก็คนที่ทำอะไรเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดมันถึงได้ด่าไอ้หลานนรกนั่นอย่างออกรสทุกครั้งที่เอ่ยปาก

    กลับมาถึงบ้านทำอะไร? เอาข้าวไปแดกหน้าโต๊ะคอมแล้วเล่นดอทเอจนถึงตีห้า จานข้าวก็ไม่เอาออกมาเก็บด้วยนะ พอกูไปเคาะประตูหน่อยก็ชักสีหน้าใส่บอกว่าเล่นเกมอยู่เกือบตายเพราะแค่สละเวลาสามวิมาเปิดประตูให้กู เห็บหมา ใครกันแน่วะที่จะตาย มันหรือกู

    ทั้งด่าทั้งช่วยแพ็คของใส่ซองน้ำตาล จงอินเดินไปหอบกองโฟโต้บุ้คมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อนตัวเล็กแล้วนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับติดชื่อและที่อยู่ผู้รับ ซึ่งไอ้ของที่กล่าวไปข้างต้นก็ไม่ใช่อะไรนอกจากโฟโต้บุ้คของบ้าน ‘Oh Yes Sehun’ ที่จงอินมันเป็นแอดมิน เรื่องนี้คงต้องอธิบายกันยาวกับสิ่งที่เขาทั้งสองคนกำลังนั่งทำอยู่

    มีแมวมองมาทาบทามเซฮุนไปเป็นดาราตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยปีสามและหลังจากนั้นมันก็เริ่มดังจนหันไปเอาดีในวงการบันเทิง ทุกอย่างที่ร่ำเรียนมากลายเป็นศูนย์เมื่อความรู้ทุกอย่างถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วให้หนังหน้าช่วยหาเงินแทน ส่วนไอ้จงอินที่คบกับเซฮุนตั้งแต่ช่วงม.ปลายก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเปิดเวปเพจแฟนเบสของเมียมันเอง ซึ่งปากก็บอกว่าไม่ได้อยากทำแบบนี้นักหรอกถ้าเกิดเซฮุนไม่บอกว่า มึงไม่ต้องทำเหี้ยอะไรทั้งนั้น นอนอยู่บ้านเฉย ๆ ให้กูเลี้ยงนี่แหละ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะหวงแหนไอ้ห่าทำไมนักหนา มันบอกว่ากลัวคนอื่นมาเห็นแล้วชอบของดำเหมือนมันว่างั้น ไอ้จงอินมันอยู่บ้านเบื่อ ๆ เลยหาเรื่องทำแก้เซ็งและไอ้โฟโต้บุ้คหอกเนี่ยก็ฝีมือมันถ่ายทั้งนั้น ลำบากต้องมานั่งช่วยแพ็คของอีก

    ห้องก็รกอย่างกับรังหนู กูบอกให้ทำความสะอาดมันเคยทำไหม?

    แล้วมึงไม่เข้าไปทำให้มันล่ะจะได้จบ เซฮุนได้แต่นั่งยันคางฟังคนเป็นเพื่อนบ่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    กูเคยบอกแล้ว แต่มันเสือกสวนกลับมาว่า ให้ผมมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างเถอะ มึงอยากได้พื้นที่ส่วนตัวมากทำไมไม่อยู่หอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ แบคฮยอนแค่นหัวเราะแล้วโยนพัสดุไปข้างหลัง

    มึงก็ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตมันเกินไปเปล่า เด็กมันกำลังห้าว มึงก็เคยเป็นมาก่อนนี่ จงอินพูด

    ใครเคยเป็นมาก่อนนะ? แบคฮยอนเงี่ยหูพลางมองไปยังไอ้ดำที่นั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้โซฟาหน้าโต๊ะคอม

    กูกับเซฮุน จะว่าไปแล้วก็มีแต่เขากับแฟนสุดที่รักนี่แหละที่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ส่วนแบคฮยอนมันอยู่ในกรอบมาตลอด พอเจอเรื่องขัดใจบ้างเลยนอยด์แดกแบบควบคุมตัวเองไม่ได้

    ถ้ารู้ว่าโตขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้กูจะเอาส้นตีนยัดปากมันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แบคฮยอนยังคงบ่นอย่างต่อเนื่อง ได้ทีก็ขอบ้างเถอะ อยู่บ้านก็ไม่รู้จะคุยกับใคร แล้วคนที่รู้เรื่องชานยอลก็มีแค่มันสองคนเท่านั้น

    จะว่าไปแล้วก็นานอยู่นะมึง ตั้งสิบกว่าปีป่ะวะ จงอินขมวดคิ้วพลางทำหน้าครุ่นคิด

    ...

    สิบกว่าปีที่แล้วมันยังไล่ตามกูอยู่เลย เซฮุนหัวเราะ

    เออ แม่งเห็นฮุนจ๋ากูเป็นไอดอล จงอินเสริมแล้วหันไปแท็กมือกับคนรัก

     

     

     

    ครั้งแรกที่ได้เจอกันตอนนั้นชานยอลอายุเจ็ดขวบส่วนเขาอายุสิบสี่...

    เด็กยิ้มเก่ง พูดเพราะ ว่าง่าย ติดเขาอย่างกับอะไรดีคนนั้นน่ะ...

     

     

     

    แต่มันก็นานมากแล้วนะ นานจนแทบจำไม่ได้แล้วว่าเด็กชายปาร์คชานยอลเป็นคนน่ารักมากแค่ไหน...

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    อินโทรมาแบบมึน ๆ ตึง ๆ ดราม่านิดหน่อยนะคะ แต่ฟิคเรื่องนี้ไม่ใช่ฟิคดราม่านะ 55555555555555555 บอกไว้ก่อน เราจะเขียนฟิคเรื่องนี้สลับกับฟิคซอมบี้ แต่คงเน้นอัพซอมบี้บ่อยกว่าแต่เราก็อยากฝากเรื่องนี้

    อยากสครีมในทวิตเตอร์เชิญติดแท็ก #มนุษย์ชานยอล ได้เลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×