ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #59 : Chapter 55 :: Stay

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.82K
      139
      14 เม.ย. 57

    ? Tenpoints!

     
     

     

    Chapter 55

    Stay

     

     

     

    บิดกุญแจแล้วเดินลงจากรถก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัว ต้นไม้และโขดหินไม่เว้นแม้แต่บันไดทางเดินขึ้นภูเขาต่างถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ร่างหนาเปิดประตูหลังแล้วเอาไรเฟิลออกมาถือไว้ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกให้อีกคนเดินตามมา

    เรามาทำอะไรที่นี่เหรอครับ

    ถึงจะใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการเดินสำรวจแต่นายก็รู้ใช่ไหมว่าป่ามันกว้างมาก

    คุณคิดว่ายังมีลิงหลงเหลืออยู่เหรอ เซฮุนถามพลางมองไปรอบ ๆ ตัว รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ บนพื้นที่เหยียบอยู่ก็ทำด้วยแผ่นไม้

    ไม่รู้สิ อย่างน้อยก็อยากดูอีกรอบให้สบายใจ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันกลับไปหาคนที่เดินตามมาติด ๆ แต่ที่ชวนมาด้วยกันเพราะฉันเห็นว่านายทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ฉันออกไปไหน

    โห... เซฮุนหรี่ตามองคนตรงหน้าที่หลุดหัวเราะออกมากับคำพูดของตัวเองผมเพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่าผลข้างเคียงของยาสลบมันทำให้คนเราหลงตัวเองมากขึ้น

    หรือจะบอกว่าไม่?

    ถ้าคุณตอบว่า ที่พานายมาด้วยกันก็เพราะว่าฉันคิดถึงนายเกินไป แล้วผมจะยอมรับครับ คำพูดของเซฮุนทำให้คนที่เดินนำหยุดกึก ใบหน้าคมเอี้ยวหันกลับไปมองอีกคนแล้วก็นะ...

     

     

     

    เด็กคนนี้นี่...

     

     

     

    ป่วยแล้วยอกย้อนเหรอ?

    ถ้าป่วยก็ต้องนอนพักสิครับ อีกอย่าง...คนแถวนี้คงไม่เห็นด้วยถ้าผมจะออกไปไหนมาไหนในสภาพไม่เต็มร้อยพูดอีกก็ถูกอีก นั่นเป็นเรื่องที่คิมจงอินชั่งใจอยู่นานว่าจะเอายังไงดี อยากอยู่ด้วยก็อยากแต่ก็กลัวเซฮุนยังไม่หายดี แล้วสุดท้ายเป็นไง...ก็ลากมาด้วยกันจนได้

    หยุดเถียง เขี่ยปลายจมูกรั้นทีนึงแล้วหันหลังกลับ ก้าวขาไปไม่ถึงสองก้าวก็เซไปข้างหน้าเมื่อจู่ ๆ เซฮุนก็กระโดดขึ้นมาขี่หลังเขาเสียอย่างนั้นเฮ้?

    หนักเหรอครับ

    ที่สุดในโลกอ่ะ ไปแอบกินช้างมาหรือไง คนถูกถามยิ้มแล้วพยักหน้ารับพร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคออีกคนไว้

    อย่าไปบอกคุณจงแดนะครับ...จงอินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะยิ้มออกมาแน่นอนว่าเซฮุนคงไม่มีทางเห็นสีหน้าเขาในตอนนี้

    อย่างกับลิง

    ถ้าผมเป็นลิงก็ต้องกัดคุณแล้ว

    ก็เคยกัดแล้วไม่ใช่เหรอ? เอี้ยวหน้าหันไปสบตากับคนที่อยู่ข้างหลังพร้อมกับยิ้มมีเลศนัย ทั้งกัด...ทั้งข่วน

    ... พูดอะไรไม่ออก ตอนนี้โอเซฮุนเหมือนไข้จะกลับเพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนถึงใบหูกับประโยคเมื่อครู่

    อ้าวอี้ฟาน มาได้ยังไงน่ะ? 

     

     
     

    ตุ่บ!

     

     
     

    เด็กหนุ่มรีบกระโดดลงจากหลังแล้วปั้นหน้าให้เป็นปกติ ท่าทางเลิกลั่กตอนมองหาบุคคลที่สามมันทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้จริง ๆ

    ล้อเล่นน่ะจงอินหัวเราะกับสีหน้าของอีกคน ถึงจะได้ยินกับปากแล้วว่าถูกแกล้งแต่เซฮุนก็ยังหันหลังกลับไปอีกครั้งเพื่อสำรวจให้แน่ใจ

    ถ้าอี้ฟานมาจริง ๆ ผมจะบอกเขาว่ายังไงดีล่ะ สีหน้าของเซฮุนในตอนนี้ดูเป็นกังวลมาก แน่นอนว่าเรื่องของเขาสองคนมันเป็นความลับมาตลอดและคนที่รู้เรื่องก็มีแค่ลู่หานเท่านั้น ตอนแรกก็กลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องระหว่างเขากับจงอิน แต่พอมาคิด ๆ ดูว่าการที่ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ มันก็คงไม่น่าสงสัยเท่าชายหญิงอยู่ด้วยกัน

    ฉันจะบอกให้เขากลับไปซะ จงอินพูดอย่างไม่ยี่หระ ร่างบางหลุบสายตาลงมองมือหนาที่ยื่นออกมาหาเขาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันคงแบกนายขึ้นเขาไม่ไหว แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นจับมือทั้งวันก็ยังได้ถ้านายไม่อายไปก่อนน่ะ

    ...

     แม้จะไม่ได้ยิ้มออกมาแต่ก็พอจะรู้ว่าตอนนี้หน้าของเขามันกำลังแดงแน่ ๆ เซฮุนเอื้อมมือไปจับมืออีกคนเอาไว้ก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น จะว่าไปแล้วโอเซฮุนก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ แต่การได้เดินจับมือกันอยู่ด้วยกันตามลำพัง มันก็ทำให้แทบลืมไปชั่วขณะว่าโลกนี้มันน่ากลัวแค่ไหน

    ในอินเตอร์เน็ตมีประโยคหนึ่งที่เคยทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วนั่งอ่านประโยคเดิม ๆ อยู่หลายนาทีกว่าจะเข้าใจความหมายนั้น แต่เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า ช่องว่างระหว่างนิ้วมือถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ใครอีกคนมาเติมเต็ม มันเป็นยังไง

    มือของเขากับจงอินมีขนาดเท่า ๆ กันแต่น่าแปลกที่มือของผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกตัวเล็กลงทุกครั้งเพียงแค่นิ้วมือเริ่มสอดประสานกัน ใบหน้าเรียบเฉยที่ถ้ามองผ่าน ๆ ก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจแต่โอเซฮุนกลับรู้สึกดีที่คิมจงอินเป็นแบบนี้

     

     
     

    ชอบตอนที่จงอินมองเขาด้วยแววตาแบบนั้น

    ชอบตอนที่จงอินแสดงออกว่ารู้สึกยังไงแทนที่จะพูดด้วยคำพูดหวาน ๆ

    ชอบตอนที่จงอินหลุดหัวเราะออกมาและสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะเขา

     

     
     

     

    จากตอนแรกก็แค่ชอบ...จนตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นความรักไปแล้ว...

     

     

     
     

    ผมรักคุณ

     

     

     

    มันเป็นความในใจที่เขาไม่กล้าพูดออกมา ไม่ใช่กลัวว่าจงอินจะปฏิเสธความรู้สึก แต่บางทีคำว่า รัก มันไม่จำเป็นต้องพูดเสมอไป ใช่ว่ามันไม่สำคัญแต่การที่เขาได้อยู่ด้วยกันทุกวันและซึมซับความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้มันก็เพียงพอแล้ว

     
     

     

    อีกอย่าง...เขากับจงอินคงทำตัวไม่ถูกหากว่าใครคนหนึ่งพูดคำว่า รัก ขึ้นมา

     

     
     

    ระหว่างทางมันเงียบเชียบราวกับว่าที่นี่ไม่มีสัตว์ชนิดไหนอาศัยอยู่เลย มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าของเขาทั้งสองที่ย่ำบนหิมะจนทางที่เดินผ่านมาเต็มไปด้วยรอยเท้า ควันสีขาวพ่นออกจากปากทุกครั้งที่หายใจเข้าออกบ่งบอกได้ถึงสภาพอากาศในปัจจุบัน แต่...โอเซฮุนกลับไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้น

     

     
     

    เพราะตอนนี้มือของเขากำลังเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของจงอินแล้ว...

     
     

     

    ยิ้มอะไร คนถูกถามส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเม้มปาก แต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมาอยู่ดี มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ กับการกลั้นยิ้มในตอนที่มีความสุข จงอินมองคนข้าง ๆ แล้วก็ปั้นหน้านิ่ง ก็รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันแปลก ๆ แต่ก็อยากทำ

    คุณเคยทำแบบนี้กับสาว ๆ เหรอครับ

    เปล่า จงอินทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับคำถามนี้ เขายังคงมองไปข้างหน้าและรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่เคยเห็นในละคร

    ไม่ยักรู้ว่าคุณดูละครด้วย

    ก็ไม่ได้ชอบหรอก ที่ร้านต๊อกเปิดเลยดูผ่าน ๆ เอะอะโทษร้านต๊อกไว้ก่อน เซฮุนยิ้มขำแล้วกระชับมือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแน่นยิ่งขึ้นแล้วมันไม่อุ่นขึ้นหรือไง?

    อุ่นครับ รู้สึกเมื่อยแก้มอย่างบอกไม่ถูก จงอินก็เป็นเสียอย่างนี้ ส่วนใหญ่หนังรักต้องมีฉากนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นตัวละครรู้สึกยังไง

    ...

    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วนะ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เขารู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่กำลังคลึงหลังมือเขา โอเซฮุนไม่ได้ต้องการมากไปกว่านี้ ไม่ต้องถึงกับเข้ามากอดแล้วปิดท้ายด้วยการจูบหวาน ๆ ก็ได้เพราะที่เป็นอยู่ก็มันก็ดีมากแล้ว

    ขายาวหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงที่หมาย พื้นที่เหยียบอยู่เป็นก้อนหินใหญ่ที่ยื่นออกไปข้างนอก ภาพเบื้องหน้าคือวิวทิวทัศน์ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ทั้งท้องฟ้า ก้อนเมฆและป่าไม้...ทุกอย่างดูกลืนกันแต่ก็ยังสวยงามอยู่ดี

    ที่นี่สงบมากจนวูบหนึ่งผมแทบลืมไปเลยว่าโลกภายนอกเป็นยังไง โลกที่เต็มไปด้วยผีดิบ ผู้คนที่เหลือรอดชีวิตเปลี่ยนไปอย่างน่าหดหู่ ไม่มีคำว่าอารยธรรม ไม่มีจิตใต้สำนึก ไม่มีความเมตตาปรานี ความหิวโหยเป็นแรงกดดันให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงในสิ่งที่ต้องการ

    แต่เราอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้

    ครับ

    เหมือนกับทุกครั้งที่เราต้องย้ายไปเรื่อย ๆ ร่างหนาทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ถ้าถามว่ากำลังสิ้นหวังเหรอเขาคงตอบว่าใช่ แต่ความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น

    ตอนหิมะละลายที่นี่คงสวยมากเลยนะครับเด็กหนุ่มพูดทั้งที่ยังคงมองไปยังเบื้องหน้า คุณชอบตอนไหนมากกว่าระหว่างตอนดวงอาทิตย์ขึ้นกับดวงอาทิตย์ตก

    ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยดูอะไรแบบนั้นหรอก ร่างบางหันหน้าเข้าหาอีกคนแล้วยิ้มบาง ๆ

    งั้นวันหลังเราขึ้นมาดูด้วยกันดีไหมครับ? จงอินมองคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดในหัวอยู่จะตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ถ้าคุณอยากดู

    น่าสนใจเหมือนกันนะ จงอินยิ้มแล้วคลายมืออีกคนที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทออกก่อนจะหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย

    ดวงอาทิตย์น่ะเหรอครับ?

    เปล่าเด็กหนุ่มได้เพียงแค่มองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาแบบนั้น...แววตาที่เขาตกหลุมรัก

     

     

     

     

    ฉันหมายถึงนาย...โอเซฮุน

     

     

     

     

     

     

     

    คืนวันนั้นทุกคนนั่งรอบกองไฟกันอยู่ฝั่งตรงข้ามที่พัก แต่ละคนต่างมีเสื้อกันหนาวหรือผ้าห่มผืนบางเป็นของตัวเอง บางคนยื่นมือทั้งสองข้างออกมาผิงไฟเพื่อรับไออุ่นแต่มีเพียงแค่ชานยอลที่ขอแยกตัวไปพักผ่อนก่อนและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ไม่ใช่ว่าไม่รู้ พวกเขาต่างดูออกว่าปาร์คชานยอลเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ถึงจะเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยดูอยู่ห่าง ๆ

    เข้าบ้านได้แล้วจ้ะเดี๋ยวจะเป็นหวัด ครูสาวบอกและเหล่าเด็ก ๆ ก็พยักหน้า

    หนูไปนั่งเล่นบ้านคยองซูก่อนได้ไหมคะครู? เด็กสาวที่ยืนอยู่กับเพื่อน ๆ อายุรุ่นเดียวกันกล่าวขออนุญาตแล้วครูสาวก็พยักหน้าตกลง เด็กทั้งหกคนเดินเข้าไปในบ้านที่คยองซูพักอยู่หลังจากเริ่มบทสนทนาเรื่องน่าสนใจไปได้แค่นิดเดียวและเรื่องนั้นก็ไม่พ้นเรื่องผี พอเห็นเด็ก ๆ เข้าบ้านไปแล้วผู้ใหญ่ที่เหลือก็กลับเข้าสู่ความเงียบ

    ในเมื่อปักหลักอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะแค่หนึ่งอาทิตย์หรือยาวไปเป็นเดือนเราก็ต้องออกไปหาเสบียงและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาเพิ่ม ทุกคนเห็นด้วยกับความเห็นของอี้ฟาน

    ก่อนหน้านี้พวกคุณอยู่กันยังไงจงแดถามเพราะจากที่เห็นคนกลุ่มนี้สามารถเอาตัวรอดและจัดการกับพวกติดเชื้อได้อย่างง่ายดายถ้าเทียบกับเขา

    ออกไปหาตามมินิมาร์ท ห้างสรรพสินค้าไปจนถึงบ้านคน ลู่หานตอบ

    พวกคุณทุกคนรอดมาได้กันหมดเลยเหรอ

    เปล่า เสียงของจงอินเรียกความสนใจจากทุกคนที่นั่งอยู่รอบกองไฟเราเคยสูญเสียพี่น้องไปในวันออกไปหาเสบียง เพียงแค่นี้ก็ทำให้นึกถึงใครคนหนึ่งที่จากไปนานมากแล้ว ผู้ชายคนนั้นที่เคยปกป้องน้องชายของตัวเอง บยอนแบคโฮ...เขาเป็นคนมีความกล้าแม้ว่าจะไม่ดีเด่นทางเรื่องป้องกันตัวเลยก็ตาม

    ผมเสียใจด้วยนะ

    เขาอยู่ในความทรงจำของพวกเราเสมอ อี้ฟานยิ้ม แม้ว่าอี้ชิงกับกาฮีจะไม่เข้าใจกับเรื่องที่จงอินพูดแต่ถ้าถามเรื่องความรู้สึกหลังการสูญเสีย แน่นอนว่าเธอเกือบสติแตกตอนที่เห็นนักเรียนถูกกัดตายต่อหน้าต่อตาถึงสามครั้ง

     

     
     

    ครั้งแรกตอนวันเกิดเหตุ...

    ครั้งที่สองตอนเชื้อระบาดและไม่สามารถหาสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ เธอสูญเสียครูห้องพยาบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทและนักเรียนในการปกครองไปเกือบครึ่ง

    และครั้งสุดท้าย...ตอนที่ประตูหลังโรงเรียนพังโดยไม่รู้ตัว...

     

     
     

    แล้วนายล่ะ เอาตัวรอดมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง คำถามของจงอินเป็นคำถามเดียวที่คนอื่น ๆ ก็อยากรู้เช่นกัน เจ้าหน้าที่หนุ่มมองเปลวไฟที่กำลังมอดไหม้ท่อนไม้แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างหนา

    จะเรียกว่าเอาตัวรอดก็คงไม่ถูก จงแดเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเมื่อนึกไปถึงเรื่องราววันนั้นหลังจากปิดประตูทางเข้าได้ผมก็นั่งสติหลุดอยู่นานเป็นวันโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยและสุดท้ายผมก็คิดได้ว่าควรทำอะไรสักอย่าง ผมถือปืนยิงยาสลบติดมือไปด้วยเพราะคิดว่ามันคงช่วยอะไรผมได้แล้วมันก็ได้ใช้งานจริง ๆ ผมยิงหมีเพื่อป้องกันตัวแต่นั่นก็แค่ทำให้มันสลบไปแค่ช่วงเวลาหนึ่ง

    ...

    ผมหยุดที่ริมธาร...กวักน้ำล้างหน้าเรียกสติแล้วดื่มน้ำเพื่อคลายความหิว ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นแค่สิบห้านาทีเพื่อคิดว่าจะเอายังไงต่อไปก่อนจะย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าอีกครั้ง ข้างนอกเต็มไปด้วยพวกติดเชื้อ ผมลองยิงมันด้วยปืนยาสลบแต่ก็ไม่ได้ผล

    ...

    ที่แย่กว่านั้นคือผมเห็นเพื่อนตัวเองกำลังกัดกินศพที่นอนตายอยู่บนถนน มันทำให้ผมรู้สึกแย่และท้อแท้ในชีวิต ผมได้แต่ถามตัวเองว่าจะเอายังไง มันเกิดอะไรขึ้น ข้างนอกยังมีคนรอดชีวิตอยู่ไหม ผมจะทำยังไงดี สีหน้าของเจ้าหน้าที่หนุ่มในตอนนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดสุดท้ายผมก็กลับไปยังบ้านพักเจ้าหน้าที่แล้วกินอาหารสำเร็จรูปที่เคยซื้อมาตุนเอาไว้เผื่อตอนเข้าเวร ระหว่างกำลังกินก็คิดไปด้วยว่าจะเอายังไงกับชีวิต มันต้องมีคนจัดการเรื่องนี้สิ อาจจะเป็นทางรัฐบาลหรือกลุ่มทหาร พวกเขาต้องเข้ามาช่วยแน่ ๆ แต่ที่สำคัญคือผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไงโดยไม่อดตายไปก่อน ซึ่งมันหมายความว่าผมต้องออกไปหาอาหารมาเพิ่ม

    ทุกคนนั่งเงียบตั้งใจฟังเรื่องราวของจงแดโดยที่อี้ฟานคอยหันไปอธิบายให้อี้ชิงฟังเป็นระยะ ชายหนุ่มที่เจอเรื่องราวในวันเกิดเหตุต่างไปจากคนอื่น ๆ ลู่หานใส่ฟืนเข้าไปในกองไฟ คงไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดว่าเรื่องที่จงแดเล่ามันคือความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็น่าจะรู้ดีแต่ก็เลือกหลอกตัวเองต่อไป

    ผมขับรถเจ้าหน้าที่ออกไป ผ่านที่นี่...ถนนเส้นนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจอีกครั้งก็คือผู้คนต่างวิ่งไล่กัดกัน พออีกฝ่ายถูกกัดก็กลายเป็นอาหาร ผมขับผ่านไปทั้งที่กลัวจนแทบบ้า สุดท้ายก็ออกมาไปข้างนอกได้โดยที่ไม่ถูกกัด

    พวกนักท่องเที่ยวที่เคยมาพักที่นี่น่ะเหรอ? จงแดพยักหน้าเป็นคำตอบ

    ผมออกไปหาของกินในมินิมาร์ทใกล้ ๆ ในนั้นมีพนักงานคนหนึ่งถูกกัด เธอนอนจมกองเลือดและกำลังจะตาย เธอพูดกับผมว่า ได้โปรดช่วยฉันด้วย... ผมยังจำสีหน้าเธอในตอนนั้นได้ติดตา แต่ยังไม่ทันไรเธอก็ขาดใจตายไปเสียก่อน ถึงจะอยากช่วยเธอมากแค่ไหนแต่ผมก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ประจำอุทยานไม่ใช่หมอที่จะยื้อชีวิตเธอเอาไว้ได้

    แล้วคุณทำยังไงต่อคะ?

    ผมเก็บของจำเป็นออกไปไว้ในรถให้เร็วที่สุด อะไรที่หยิบจับได้ ทั้งอาหารกระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ข้าวสารไปจนถึงน้ำดื่ม แต่ขนไปได้ไม่เท่าไหร่ผมก็แทบเอาตัวไม่รอดเมื่อหันกลับมาอีกทีก็เห็นผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นยืน เธอพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับร้องเสียงดัง ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แค่พังชั้นวางของเพื่อทำให้เธอเสียหลักก่อนจะวิ่งออกไปขึ้นรถ

    ...

    ระหว่างทางไปมินิมาร์ทอีกร้าน ผมเห็นรถถัง รถทหารและศพจำนวนมากที่นอนตายเกลื่อนบนถนน สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยิ้มได้ในวินาทีนั้นคือการเห็นคนยังมีชีวิตอยู่ รถหนึ่งคันที่จอดไม่ไกลจากตรงนี้ ข้างในนั้นมีผู้หญิงผมยาวกับเด็กพร้อมกระเป๋าเดินทางหลายใบที่ถูกมัดไว้อย่างดีบนหลังคารถ ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังค่อย ๆ ย่องไปที่ท้ายรถทหาร เขาลองเตะศพในชุดลายพรางอยู่สองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจแล้วค่อยยกกล่องลังลงมาไว้บนพื้น เขาเอามีดพกออกมางัดกล่องออก ผมเปิดประตูแล้วรีบวิ่งไปหาเขา เบื้องหน้ามีพวกติดเชื้ออยู่จำนวนหนึ่งและผมต้องไปถึงผู้ชายคนนั้นโดยที่ไม่ให้พวกมันรู้ตัว

    คุณไม่กลัวเขาฆ่าคุณหรือคะ?

    ตอนนั้นผมไม่ทันคิดและมันก็เป็นอย่างที่คุณถามนั่นแหละ พอผมไปถึงตัวเขาก็ต้องรีบยกมือขึ้นเหนือศีรษะเพราะเขาเล็งปืนมาทางนี้ จงแดทำท่าประกอบเขาไม่ยอมแบ่งปืนให้และคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดผมไม่มีอาวุธป้องกันตัวเลย จากที่เห็นผู้ชายคนนั้นก็คงไม่เคยจับปืนมาก่อน มือของเขาสั่น เหงื่อแตกพลั่ก ๆ แต่ผมเองก็ไม่ได้ต่างจากเขานักหรอก เรื่องการใช้ปืนของผมจัดอยู่ในระดับเด็กอนุบาลมาก สุดท้ายผมเลยเสนอข้อแลกเปลี่ยนไปว่าถ้าเขายอมแบ่งปืนผมก็จะแบ่งอาหารให้เขากับครอบครัว

    มันคืออาวุธทั้งหมดที่อยู่บ้านพักเหรอครับ?

    ใช่ นั่นคือทั้งหมดที่ผมแลกมา จงแดยิ้มบาง ๆ เวลาผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ผมก็ลดอาหารลง จากสามเป็นสอง จะสองเป็นวันละมื้อเดียว ถ้าหิวก็ดื่มน้ำในลำธาร การรัดเข็มขัดแน่น ๆ ก็ช่วยคลายหิวได้เหมือนกัน

    ทรหดน่าดู

    ผมออกไปข้างนอกอีกครั้งเพราะจำได้ว่าละแวกนี้มีร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีพวกติดเชื้ออยู่ในนั้นสักตัว ผมได้เมล็ดพันธุ์กลับมาเยอะมาก ผมใช้เวลาขุดแปลงทั้งวันแล้วปลูกผัก พอมันโตขึ้นก็เก็บมาหมักเป็นกิมจิ อะไรก็ตามที่สามารถยืดชีวิตไปได้นาน ๆ ผมก็จะทำ...จนกว่าจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือที่นี่

     

     

     

    คิมจงแด...

     

     

     

    งั้นพรุ่งนี้ฉันจะออกไปหาของมาเพิ่ม นายพอจะแนะนำว่าที่ไหนเสบียงเยอะ ที่ไหนไม่ควรไปได้ไหม?จงอินยื่นแผนที่ให้อีกคนดู

    ผมขอเก็บไปทำเป็นการบ้านคืนนี้แล้วกัน จงแดรับแผนที่มาพับเป็นสี่เหลี่ยมแล้วเก็บใส่กระเป๋า

     

     

     

     

     

     

    อีกแล้ว...

    กลิ่นนี้อีกแล้วเหรอ?

     

     
     

    ร่างสูงลืมตาขึ้นหลังจากทนเหม็นกลิ่นคาวเลือดต่อไปไม่ไหว เบื้องหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่รอบข้างเต็มไปด้วยตึกพาณิชย์ มันทั้งเก่าและสกปรกราวกับถูกละเลยมานานเกินสิบ ๆ ปี ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้ก้อนเมฆ ความรู้สึกหดหู่ตีขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้หลังจากมองไปรอบ ๆ ตัว สองขาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ ตอนนี้มีคำถามหนึ่งในหัวปาร์คชานยอลว่านายกำลังจะไปไหน?

     

     
     

    หาทางออกจากที่นี่...

    หรือตามหาใครสักคนในกลุ่ม...

    หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกเคว้งคว้างในตอนนี้

     

     
     

    ...

    สองขาหยุดกึกเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น เธอกำลังลากชอร์กสีขาวไปตามพื้นเป็นวงกว้างอย่างตั้งอกตั้งใจ สองขาเล็กถอยหลังมาสองก้าวก่อนจะเริ่มกระโดดเข้าไปในช่องสี่เหลี่ยมเบี้ยว ๆ ที่เธอวาดไว้

    เสียงรองเท้าเตาะแตะกับเสียงกระดิ่งข้อมือของเธอราวกับต้องมนต์สะกด...เขาไม่สามารถละสายตาไปได้เพียงแค่ได้ยินเสียงใสที่กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นคนเดียว ริมฝีปากหยักยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเด็กคนนั้นหันหน้ามา...

     

     

     

    และหน้าของเธอแหว่งไปข้างหนึ่ง...

     

     

     

    พ่อ

     

     

     

    ศัพท์นามที่ถูกเรียกทำให้นัยน์ตาเบิกโพลง ใช่...ตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังช็อกและทำตัวไม่ถูก เด็กสาวคนนั้นยังคงมองมาทางนี้ก่อนที่มือเล็กจะค่อย ๆ คลายชอร์กทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี

     

     

     

    แกร่ก...

     

     

     

     

    เสียงคอหักจนได้ยินเสียงชัดเจนเต็มสูงหู เธอยังคงจ้องมาทางนี้ก่อนจะชักกระตุกแล้วกระอักเลือดสีสดออกมาจนเลอะปากและไหลลงเปรอะเสื้อผ้าไปหมด แววตาของเธอช่างน่ากลัวจนแทบทนมองต่อไปไม่ไหว ร่างสูงถอยหลังออกไปทีละก้าว ๆ

     

     

     

    พ่อ...

     

     
     

     

    ร่างสูงค่อย ๆ ส่ายหน้าราวกับจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ใช่...มันไม่ใช่เรื่องจริง เธอจะเป็นลูกของเขาได้ยังไงกัน? เด็กคนนั้นกำลังเดินมาหาเขาทีละก้าว ชานยอลมองไปที่เด็กสาวคนนั้น

     

     

     

    ชานยอล!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

     

    เสียงตะโกนจากที่สูงเรียกความสนใจจากคนที่กำลังโดนโจมตีทางความรู้สึกอย่างหนัก เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าตึก แสงสว่างจ้าสีขาวส่องลงมาจนต้องยกมือขึ้นป้องระดับสายตา ตรงนั้นต่างจากที่ ๆ เขายืนอยู่อย่างสิ้นเชิง ตรงนี้มันช่างหมองหม่นจนรู้สึกหดหู่ เห็นชายหนุ่มห้าคนยืนอยู่บนนั้นจากตอนแรกเห็นเป็นเงาดำแต่ไม่นานนักภาพก็ชัดเจนขึ้นในเวลาถัดมา อี้ฟาน จงอิน ลู่หาน เซฮุนหรือแม้กระทั่งแบคโฮ ชานยอลยังคงเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ได้ เขาก้มหน้าลงแล้วก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อตอนนี้รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเด็กทารกผีดิบ

     

     
     

    ชานยอล!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     
     

     

    คราวนี้เป็นเสียงที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี ร่างสูงเงยหน้าขึ้นแล้วก็เห็นแบคฮยอนกำลังโยนเชือกลงมาให้เขาก่อนที่คนอื่น ๆ จะเข้ามาช่วยดึงอีกแรง

     

     

     

    รีบปีนขึ้นมาเร็วเข้า!!”

     

     

     

    เสียงของอี้ฟานนั้นเขาได้ยินชัดเจนดี ทุกคนต่างพยายามช่วยเขาที่กำลังถูกล้อมด้วยเหล่าผีดิบเด็กทารก ตอนนี้หัวใจมันเต้นแรงผิดปกติเพราะความหวาดกลัวที่กำลังคืบคลานเข้ามาทีละนิด...ทีละนิด ตอนนี้ที่ ๆ เขายืนอยู่คือหลุมใหญ่คล้ายกับหลุมอุกกาบาตที่เต็มไปด้วยเด็กทารก เด็กผู้หญิงที่เรียกเขาว่าพ่อเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว? ร่างสูงหอบหายใจหนักพร้อมกับถอยหลังไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดาดฟ้าตึกเป็นระยะ เขาจะไปจากที่นี่ยังไง?

     

     
     

    คุณต้องฆ่าเขา!!!!”

     

     

     

    คำสั่งของคนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าขัดกับความต้องการของปาร์คชานยอลเหลือเกิน สิ่งที่เขากลัวไม่กล้าลงมือทำก็คือการฆ่าเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่ว่าจะเป็นทารกหรือเด็กที่เริ่มเดินด้วยขาตัวเองได้แล้ว เสียงของคนเหล่านั้นกรอกเข้าหูประสานกับเสียงร้องโยเยของทารก...ความกดดันทำให้เขาแทบเป็นบ้าเดี๋ยวนั้น

     

     

    ...

     

     

    ก้มลงมองขาตัวเองแล้วก็เห็นผีดิบทารกกำลังเกาะขาเขาเอาไว้ ริมฝีปากเล็กกำลังอ้าเตรียมพร้อมกัดแม้ว่าในโพรงปากจะไม่มีฟันเลยสักซี่เดียว ถ้าหากทารกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นเหมือนพวกกินคนแล้วมันคงไม่ยากเกินความสามารถนักหากว่าจะแพร่เชื้อให้ใครสักคน

     
     

     

    ชานยอล!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

     

    แรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ร่างสูงก้มลงอุ้มเด็กทารกขึ้นมาด้วยสองมือก่อนจะมองร่างตรงหน้าที่กำลังพยายามดิ้นทุรนทุราย เสียงหวีดร้องดังลั่นจนแสบแก้วหู ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดอีกทั้งดวงตาขาวโพลน มันช่างน่ากลัวจนแทบทนมองต่อไปไม่ไหว

     

     

     

    ฆ่าซะ!!!!!!!!!!!!!”

     

     

     

    จู่ ๆ ก็มีเสียงเข็มนาฬิกาดังขึ้นในหัวเขาราวกับกดดันให้ปาร์คชานยอลตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เสียงเด็กทารกยังคงหวีดร้องสร้างความหวาดกลัวไม่ได้ขาด และเสียงของคนที่อยู่บนดาดฟ้าก็เช่นกัน ร่างสูงหลับตาแน่นเตรียมบีบคอเด็กคนนี้ให้ตายคามืออย่างจำใจ เขาต้องการหลุดพ้นกับสิ่งที่เป็นอยู่ จนกระทั่ง....

     

     

     

    ...

     

     

     

    เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นเมื่อเสียงทุกอย่างเงียบไปอย่างน่าประหลาด หากแต่กลิ่นเหม็นหืนยังคงอบอวลอยู่ทุกช่วงจังหวะหายใจ ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเจ้าสาวที่เขาเป็นคนช่วยเธอเลือกเองกับมือ สายตาหลุบลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ถึงจะไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้เขาใส่ชุดไหนแต่ที่แน่ ๆ มันต้องไม่ใช่ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้ พอเงยหน้าขึ้นมองไปตามความยาวของแขนตัวเองแล้วก็พบว่า...

     

     

     
     

    เขากำลังเล็งปืนไปที่เธอ...

     

     
     

     

    ชานยอล...

    ...

    แววตาตัดพ้อที่ส่งมาทำให้ปาร์คชานยอลเข้าใจได้ไม่ยากว่าเธอกำลังผิดหวังในตัวเขามากแค่ไหนกับการที่ได้เห็นปืนเล็งมาตรงหน้าเธอแบบนี้ ใบหน้าเรียวสวยได้รูปกำลังอาบไปด้วยน้ำตา มือของเขาสั่นเพียงแค่เห็นอีกฝ่ายกำลังก้มลงมองท้องนูนป่อง

    “พวกเราทุกคนรอคุณอยู่

    เสียงเบาหวิวดังมาจากข้างหลัง ร่างสูงค่อย ๆ หันกลับไปตามต้นเสียงแล้วก็เห็นใครคนหนึ่งยืนมองเขาอยู่ สีหน้าเด็กคนนั้นดูเศร้าหมองแต่แววตาที่มองมาราวกับว่ากำลังให้กำลังใจคนขี้แพ้อย่างเขา

    แบคฮยอน...

    คุณต้องผ่านมันไปให้ได้นะ

    เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ แต่กลับทำให้เขาแทบจะร้องไห้ออกมา ใช่...เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยทำได้ เขาไม่สามารถผ่านพ้นความเจ็บปวดที่กำลังฆ่าเขาให้ตายทุกวินาที และสิ่งที่ปาร์คชานยอลทำได้ดีที่สุดคือการวิ่งหนีความจริงอย่างที่คนขี้ขลาดทำ ร่างสูงหันหน้ากลับเข้าหาภรรยาของเขาที่อยู่ในชุดเจ้าสาว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

     

     

     

    เรียบเฉย...เย็นชา...จนน่ากลัว...

     

     

     

     

    คุณฆ่าลูกของเราลงเหรอคะ...ชานยอล?

     

     
     

     

    “!!!!”

    ร่างสูงดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนักทำให้คนที่เพิ่งกลับเข้ามาเอาเสื้อโค้ทในห้องหันกลับไปมอง อี้ฟานยกไฟฉายขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะส่องลงบนพื้นเพื่อให้ความสว่างในตัวห้อง แม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าปาร์คชานยอลแต่ก็พอเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาวะตกใจสุดขีดสังเกตได้จากเหงื่อกาฬที่ไหลซึมอยู่ตามต้นคอและโครงหน้า

    คุณโอเคนะชานยอล?

    ... ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม เขากำลังเรียกสติตัวเองกลับคืนมาและบอกตัวเองว่าสิ่งที่กำลังทำให้เขากลัวจนถึงวินาทีนี้มันเป็น เพียงแค่ความฝัน

     

     

     

    ฝันร้ายที่เริ่มน่ากลัวมากขึ้นทุกวัน ๆ

     

     

     

    สิ่งเดียวที่ยึดสายตาได้ในตอนนี้คือผ้านวมสีเข้มที่ปกคลุมขาทั้งสองข้าง ภาพเด็กทารกที่กำลังพยายามจะกัดขาเขายังคงติดตาไม่ไปไหน ชานยอลพยักหน้าช้า ๆ เพื่อให้อี้ฟานสบายใจ

    ถ้าคุณนอนไม่หลับ พวกเรายังนั่งอยู่ที่เดิมนะ รู้ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหนและเขาจะไม่บังคับฝืนใจชานยอลมากไปกว่านี้ ถึงจะเป็นห่วงแต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดรับมันก็เปล่าประโยชน์ ชานยอลพยักหน้าช้า ๆ จนกระทั่งอี้ฟานเปิดประตูห้องออกไป...

     

     

     

    เหลือเพียงแค่ใครอีกคนที่จมอยู่กับฝันร้ายไม่รู้จบเท่านั้น...

     


     

     

     

     

     
     

    อย่าเสียงดังนะ ชานยอลนอนอยู่

    ครับ/ค่า เด็ก ๆ ยกเว้นคยองซูกับมินซอกขานตอบทันทีที่ได้รับคำสั่ง ทุกคนมองตามอี้ฟานที่กำลังเดินออกไปจากห้องก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง

    ฉันขยับได้ยัง

    ...

    คายองซูวววววว...

    เจ้าของชื่อละสายตาจากกระดาษสีขาวบนตักแล้วเงยหน้าขึ้นมองต้นแบบที่นั่งเกร็งหน้ามานานพอสมควรแล้ว มีเพียงแค่ตะเกียงบนโต๊ะไม้ต่ำที่ให้ความสว่างในห้องนั่งเล่น ส่วนคนอื่น ๆ กำลังเคลิ้มจะหลับหลังจากที่จองอึนจีอ้าปากขอให้คยองซูวาดรูปเหมือน

    เสร็จยัง ฉันอยากฟังเรื่องผีต่อแล้วนะ เทาบ่นติดรำคาญก่อนที่คยองซูจะพลิกสมุดเข้าหาเด็กสาว อึนจีรีบคว้ามาดูใกล้ ๆ แล้วอ้าปากค้างกับรูปวาดที่เหมือนจริงจนน่าตกใจ

    โห ขนาดใช้ปากกานะเนี่ย!”

    ไหน ๆ มาดูดิ๊ คนอื่น ๆ เข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วก็ทึ่งในฝีมือของสมาชิกใหม่ในบ้าน โอ้โห...โหดสัดอ่ะ

    ไว้สอนให้บ้างดิ อึนจีปั้นหน้าจริงจังแล้วเทาก็พยักหน้าเห็นด้วย

    การหัดวาดรูปมันไม่ช่วยให้รอดตายจากพวกข้างนอกหรอกนะ เอาเวลาที่เสียไปกับการทำตัวไร้สาระไปหัดฝึกป้องกันตัวเถอะ

     

     
     

     

    ถามว่าในนี้หน้าสั่นกี่คน...

     

     

     

    เขาว่านายน่ะ

    ว่าเธอนั่นแหละ

    เมื่อกี้คุณอี้ฟานเพิ่งบอกว่าอย่าเสียงดัง เบา ๆ กันหน่อย มินซอกปรามเพื่อนทั้งสองคนที่กัดกันอีกแล้ว

    พวกนายไม่ง่วงกันหรือไง ถามทุกคนแต่สายตาไปหยุดอยู่กับรูมเมทคนใหม่ที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาเดี่ยว นายไปนอนก่อนก็ได้นะ

    ฉันยังไม่ง่วงน่ะ

    ไม่สบายหายดีแล้วเหรอ?

    หายแล้ว...ให้ฉันอยู่ตรงนี้กับพวกนายเถอะ

    ...

    คำพูดของแบคฮยอนทำให้ทุกคนหันมามองหน้ากัน เทาสะกิดแขนเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มก่อนจะกระแซะให้เข้าไปช่วยปลอบแบคฮยอนหน่อยแต่กลับถูกโยนงานกลับมาซะงั้น เทาขยับปากพูดยุ๊กยิ๊กเกี่ยงกับอึนจีจนกระทั่งเธอยอมแพ้

    แบคฮยอน!”

    ...

    มา! ฉันวาดรูปให้ เด็กสาวลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ โซฟาเดี่ยวแล้วทำหน้ามุ่งมั่นลากปลายปากกาลงบนสมุดอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากมืออาชีพแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบอะไรกลับมาเลยก็ตาม คนอื่น ๆ หันไปมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่รอลุ้นว่ารูปวาดจะออกมาเละเทะแค่ไหน

    แท่นแท๊นนนนนนนน

     “...

     

     

     

     
     

    อุ่บ!” เทายกมือขึ้นป้องปากแล้วหันไปหัวเราะกับเซฮุนสองคน มินซอกกับคยองซูหลุดยิ้มออกมาเพียงแค่ได้เห็นรูปวาดที่ดูดีกว่าก้างปลาก่อนหน้านี้หน่อยนึง

    ดูเร็ว อึนจีเขย่าแขนเพื่อนที่ตัวสูงไม่ต่างกันเท่าไหร่จนแบคฮยอนยอมหันมาดูผลงานของเธอชอบไหม

    ...

    ฉันวาดสุดฝีมือเลยนะ ตั้งใจวาดกว่าตอนทำเมมเบอร์การ์ดให้คายองซูอีก เด็กสาวยิ้มแล้วกระแซะตัวไปนั่งบนพนักวางแขนโซฟา แบคฮยอนขยับออกแล้วเลิกคิ้วมอง

    มานั่งตรงนี้ทำไมที่ก็มีตั้งเยอะ

    ก็เก้าอี้ไม้มันเจ็บก้นอ่ะเซฮุนแทบสำลักน้ำกับประโยคนี้โชคดีที่เขากลืนมันไปได้ทัน

    โห ยัยผู้หญิงแค่เครื่องใน พูดอะไรอายปากบ้างเหอะ เทาเขวี้ยงกระดาษที่กำเป็นก้อนใส่หัวอีกคน อึนจีแยกเขี้ยวแล้วแค่นหัวเราะก่อนจะถลาเข้าไปจิกหัวเทาแล้วรัวตบไม่ยั้งมือ

    โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!”

    เบา ๆ สิเทาคุณชานยอลนอนอยู่ ว่าแล้วก็เอามือปิดปากคนที่กำลังโดนประทุษร้าย เด็กตัวสูงยังคงหวีดร้องแม้ว่ามือของเซฮุนจะยังคงปิดปากเอาไว้อยู่อย่างนั้น กลับกลายเป็นว่าคนข้าง ๆ ร่วมมือกับอึนจีทำร้ายเขาเสียอย่างนั้น คยองซูกับมินซอกหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเทากำลังไหลลงจากโซฟาตามแรงจิกหัวของอึนจี

    ผู้หญิงแค่ภายในเหรอ! ห๊า!” เสียงลอดไรฟันช่างน่ากลัวยิ่งนัก เทายกมือขึ้นปกป้องตัวเองแล้วรีบคลานหนีออกจากตรงนั้นแต่ก็ไม่รอดเมื่ออึนจีรีบปีนข้ามโซฟาไปดักรอข้างหน้าจะไปไหน!”

    ยัยผีบ้า! เธอจะโหดเกินไปแล้วนะ!”

    พูดไม่ดีต้องจับตบปาก!” ตอนนี้เทาคลานออกมาแล้วก็แทบหน้าคะมำไปกับพื้นเมื่อเด็กสาวกระโดดทับเขาจากข้างหลังพร้อมกับงัดคอด้วยท่ามวยปล้ำ

    นั่นคือตบปากเหรอ <- คยองซู

    ฉันกลัวคุณชานยอลตื่นจริง ๆ นะ <- เซฮุน

    นี่คือสิ่งที่พวกนายทุกคนควรชินได้แล้ว <- มินซอก

    ตายซะ!” <- อึนจี

    ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงหัวเราะ แบคฮยอนมองไปยังเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังงัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเมื่อยแก้ม บยอนแบคฮยอนกำลังยิ้มอยู่งั้นเหรอ?

    มองไปทางซ้ายก็เห็นเซฮุน คยองซู มินซอกกำลังหัวเราะอยู่ ทั้งสามคนล้วนแต่เป็นคนยิ้มยากยิ่งคนนั้นที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ใช่ว่าเขาจะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง แต่จากที่เห็นมันก็พอทำให้รู้ว่าโดคยองซูกำลังใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเข้าหาคนอื่น

     

     
     

    แล้วบยอนแบคฮยอนกำลังทำอะไรอยู่?

     

     
     

    เอาแต่นั่งเหม่อลอยจมอยู่กับความเศร้าแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ดูคนอื่นบ้างสิแบคฮยอน คนพวกนี้ไม่มีอะไรต่างจากนายเลยสักนิด พบความสูญเสียเหมือนกัน อยู่ตัวคนเดียวเหมือนกันแต่พวกเขากลับใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้วได้โดยไม่มีปัญหา แล้วทำไมบยอนแบคฮยอนถึงไม่พยายามเป็นแบบนั้นบ้าง

     

     

     
     

    ถ้าพยายามให้มากกว่านี้...เขาก็คงผ่านพ้นไปได้ใช่ไหม?

     

     
     

     

    อึนจี

    เด็กสองคนที่กำลังงัดกันอย่างดุดันหยุดชะงักเพียงแค่ได้ยินเสียงของคนที่เศร้ามาตลอดทั้งวัน เจ้าของชื่อค้างอยู่ในท่ารัดคออีกคนจากข้างหลังหันไปหาอีกคนที่กำลังหยิบสมุดขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มบาง ๆ

    ขอบใจมากนะ ฉันชอบรูปที่เธอวาด

    ...

    เหรอ... เด็กสาวยิ้มเจื่อน ๆ แล้วหันไปทางสิบแปดไลน์ที่นั่งอยู่ข้างหลัง แต่ละคนต่างตกใจไม่ต่างกันเมื่อคนที่ซึมมาตลอดทั้งวันกำลังยิ้มอยู่

    แบคฮยอน เจ้าของชื่อยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนหันไปทางเซฮุนที่กำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง

    ใครคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ภายในความมืดหลังประตูห้องที่แง้มออกเพียงแค่นิดเดียว นัยน์ตามองไปยังคนตัวเล็กที่นังกอดเข่าตัวเองอยู่บนโซฟาเดี่ยวกำลังยิ้มแม้จะดูออกได้ง่าย ๆ ว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มที่ฝืนออกมา

    รู้ว่าทำกับแบคฮยอนเกินไป...และมันกำลังทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ กับความรู้สึกที่ตัดสินใจไม่ได้สักอย่างเพราะความกลัวที่กัดกินหัวใจเขาทุกวินาที เขายังจำสีหน้าแบคฮยอนตอนที่เขาเผลอชักสีหน้าใส่เมื่อตอนกลางวันได้ ปาร์คชานยอลคนเดิมที่เคยยิ้มให้เด็กคนนั้นทุกครั้งที่สบตานั้นหายไปแล้ว เขารู้สึกได้เพียงแค่ความหวาดกลัวของตัวเองที่เด่นชัดขึ้นทุกวัน

    หากมีทางแยกอยู่ข้างหน้าและมีแบคฮยอนอยู่ทางซ้ายและโฮจองอยู่ทางขวา เขาก็ไม่กล้าเลือกเดินไปทางไหน ทำได้เพียงแค่ยืนอยู่กับที่เฉย ๆ และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่แก้ไขอะไรทั้งนั้น เขาเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง ทำไมมันถึงได้ยากแบบนี้...

     

     

     

     

    เล่าเรื่องผีกันเถอะ ฉันอยากฟังต่อแล้ว

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

    ฉันสงสารพี่ชาร์ลจนไม่รู้จะสงสารนางยังไงแล้วค่ะ 

     

     

    ปล. เด็กผู้หญิงคอหักในฝันชานยอลเกิดขึ้นจากภาพติดตาตอนที่เห็นพี่ลู่ตัดคอเด็กต่อหน้าต่อตาค่ะ ส่วนมากเราจะใส่ความกลัวเข้าไปในความฝัน เหมือนตอนที่เซฮุนฝันถึงลิงก็เพราะว่าตอนกลางวันเจอเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับลิงมา และเบื้องลึกของจิตใจที่กลัวว่าจงอินจะตาย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×