ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 34 :: Again

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.8K
      175
      24 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 34

    Again





     

     

    สามวันต่อมา...

    ลู่หานอาการดีขึ้นตามลำดับ ไข้ที่เคยขึ้นสูงลดลงหลังได้รับการดูแลเคี่ยวเข็ญจากบุรุษพยาบาลอย่างอี้ชิงโดยเจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้หวังดีอะไรแต่เขาแค่ขี้เกียจหิ้วปีกลู่หานไปไหนมาไหนก็เท่านั้น ส่วนแผลที่ช่วงเอวทุเลาลงได้ด้วยยาแก้ปวด ลู่หานยังไม่สามารถเดินเหินด้วยตัวเองแต่โชคดีที่เขายังมีไม้ค้ำที่ชานยอลหามาได้จากการเข้าไปเสี่ยงที่โรงพยาบาลในตัวเมือง จนมาถึงตอนนี้ความอึดอัดระหว่างเขาทั้งคู่ก็ยังคงมีอยู่ ลู่หานกับชานยอลไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยกันเหมือนกับคนอื่น ๆ อย่างมากก็แค่ออกปากขอบคุณตอนที่หมอนั่นยื่นไม้ค้ำมาให้ก็เท่านั้น

    ช่องว่างของความอึดอัดมันมีมากขึ้นอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน อาจเป็นเพราะว่าทุกคนต่างมีคนที่สนิทด้วยมากที่สุดและคน ๆ นั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ชานยอลสนิทกับอี้ฟาน ส่วนลู่หานกับเซฮุนสนิทกับจงอิน เพราะงั้นเขาถึงไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอึดอัดตอนที่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่ารู้สึกไม่ดีกับคนพวกนี้หรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าไม่สนิทกันเขาเลยไม่รู้ว่าจะต้องคุยกับคนอื่นยังไง

    ดูอย่างอี้ชิงสิ? ถ้าไม่พูดภาษาเดียวกันเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเขาสองคนคงไม่มีทางหันหน้าเข้าหากันแน่นอน เด็กกรงหมาก็อีกคน...หมอนั่นจัดว่าเป็นเด็กที่เข้าถึงได้ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ พูดก็น้อยเดาทางไม่ถูกเลยว่าเด็กคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนปาร์คชานยอล...ตัดหมอนี่ทิ้งไปได้เลย นอกจากจะไม่สนิทกันแล้วครั้งหนึ่งเขาสองคนก็เกือบจะแตกหักกันด้วยซ้ำ

    บรรยากาศริมทะเลที่ใคร ๆ โหยหามันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ ลู่หานนั่งลงบนเก้าอี้ชิงช้าสีขาวหน้าโบสถ์ มองไปทางซ้ายมือก็เห็นทางเดินยาวที่จุดหมายคือประภาคาร จุดดำเล็ก ๆ ข้างบนสุดนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กกรงหมา มองไปตรงทางเดินลง ตรงนั้นมีชานยอลกับอี้ชิงที่ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ แล้วแบคฮยอนล่ะ?

    นี่

    ตายยากว่ะ... ลู่หานเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วพึมพำเบา ๆ ก่อนจะขยับที่ให้เมื่อถูกเบียดโดยคนตัวเล็กไม่เห็นหรือไงว่าฉันเจ็บอยู่

    อ้อ โทษที แบคฮยอนยิ้มแห้ง ๆ แล้วก้มลงมองแผลของลู่หานที่อยู่ตรงช่วงท้องเป็นไงบ้าง?

    ไกลหัวใจ แค่นี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก คนทะเล้นว่าพร้อมกับยักคิ้วกวน แบคฮยอนแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะผลักไหล่อีกคนเบา ๆ

    ตอบดี ๆ ไม่เป็นหรือไง นายนี่มันน่าเอาเข็มทิ่มท้องอีกสักรอบ

    อย่าเลย แค่นี้ก็แทบกระอักเลือดดำละ ถ้าให้เย็บแผลสดอีกรอบสู้เอาฉันไปโยนให้พวกกินคนแดกดีกว่าแบคฮยอนหัวเราะกับคำพูดคำจาของลู่หาน ร่างโปร่งมองคนข้าง ๆ แล้วก็หัวเราะบ้าง

    ดีจังเลยนะ

    อะไรล่ะที่ว่าดี ลู่หานถามขณะที่ทั้งคู่ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ทะเลสีน้ำเงินที่ถูกคลื่นซัดมาพร้อมกับกระแสลมเย็น

    ดีที่เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้ไง

    ... ลู่หานเงียบไปหลังจากที่คนตัวเล็กพูดจบ นั่นสินะ...ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องราวมากมายจนแทบลืมไปว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบ้าเพราะเรื่องของแบคฮยอนมากแค่ไหน

    ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรให้นายไม่พอใจบ้าง แต่นายช่วยลืมมันไปได้ไหม? แบคฮยอนเท้ามือลงบนเก้าอี้ชิงช้า เด็กน้อยก้มหน้าลงเมื่อเขากำลังตั้งใจสื่อความรู้สึกให้คนข้าง ๆ ได้รับรู้

    อ้อ...”

    เมื่อก่อนฉันไม่เคยสนใจว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบฉัน เพราะคนที่ฉันแคร์มากที่สุดก็คือพี่แบคโฮ...แต่ว่าฉันน่ะคิดผิด แบคฮยอนยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น คนเราอาจจะอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่จะอยู่ยังไงให้มีความสุขนั่นแหละคือปัญหา

    หัดเป็นคนพูดจามีสาระตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าของลู่หานไม่ได้ดูตื่นเต้นไปกับคำพูดของคนข้าง ๆ เลยสักนิด ใบหน้าของเขาเหม่อมองไปข้างหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่เขาเคยชอบเด็กคนนี้มากจนยอมตายแทนได้

    ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อแบคฮยอนมันคือความรัก และวิธีแสดงความรักของเขาคือการตามใจและให้ทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการ มันเป็นวิธีการซื้อใจในแบบของเขา แต่บางครั้งมันก็ดูเหมือนคนโง่จนเกินไป

    ลู่หานยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก ยิ่งในเรื่องความรักคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าเขาเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขา แบคฮยอน และมินซอกก็คงไม่...

    คืนนั้นที่นายอยู่เฝ้าดาดฟ้าโรงเรียนน่ะเหงาหรือเปล่า?

    ตอนที่เฝ้าคนเดียวก็เหงานะ ข้างบนนั้นลมเย็นมาก ทุกอย่างมืดไปหมด ถ้ากลัวผีคงสติแตกตายแน่ ว่าแต่นายถามทำไมเหรอ? แบคฮยอนกระพริบตาปริบ ๆ มองอีกคนที่ยังคงทอดสายตาไปข้างหน้า

    นายคิดว่ามินซอกอยู่บนนั้นเขาจะเหงาบ้างไหม?

    อ่า...มินซอกเหรอ... แบคฮยอนทำหน้าครุ่นคิดพลางนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยของเพื่อนวัยเดียวกันฉันเคยถามแต่เขาไม่ตอบน่ะ

    เด็กคนนั้นก็เป็นซะอย่างนี้ ลู่หานหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ว่าจะกับใครมินซอกก็แสดงออกแบบนี้สินะ แต่น่าแปลกที่มันกลับน่าเอ็นดูในสายตาเขา 

    ที่โรงเรียนจะเป็นยังไงบ้างนะ คำพูดของแบคฮยอนทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ นี่คือเรื่องหนึ่งที่เขานึกถึงอยู่เสมอว่าที่นั่นจะเป็นอยู่ยังไง ลำพังไอ้เด็กเทาคนเดียวใช่ว่าจะดูแลคนอีกเป็นสิบได้ ที่สำคัญ...

     

     

    เขา...คิดถึงมินซอก...

     

     

    ถ้าเกิดคนที่โรงเรียนเปลี่ยนใจตามเรามาที่นี่ล่ะ

    ...

    ถ้าพวกเขาไปถึงท่าเรือมกโพ... แบคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อยากจะนึกถึงสภาพที่ท่าเรือในตอนนี้เลย คนที่โรงเรียนใช่ว่าจะมีทักษะด้านเอาตัวรอดกันทุกคน ส่วนใหญ่ก็ระดับพื้น ๆ เหมือนกับเขาทั้งนั้น

    ลู่หาน แบคฮยอน ทั้งคู่หลุดออกจากความคิดแล้วเงยหน้าขึ้นมองชานยอลที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับอี้ชิงและเซฮุน

    อะไรเหรอครับ

    พวกเราลงความเห็นกันว่าถ้าพรุ่งนี้จงอินยังไม่มาเราจะกลับไปฝั่งนั้นกัน คุณสองคนคิดว่าไง?ลู่หานกับแบคฮยอนหันมามองหน้ากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคนอีกครั้ง

    เพราะเราคงปักหลักอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แน่ ในเมืองมีพวกมันอยู่เต็มไปหมด มันเสี่ยงมากที่จะเข้าไปหาเสบียงที่นั่น ชานยอลพูดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

    ว่าไงก็ว่าตามกัน ฉันพอไหว ลู่หานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ จากจำนวนอาหารที่พวกเขาทั้งห้าคนกินในแต่ละมื้อมันช่างน้อยนิด และเขาก็ไม่สบายใจที่จะต้องให้ชานยอลกับเซฮุนเป็นคนออกไปเสี่ยงแทนด้วย เพราะการรอความหวังจากคนอื่นมันไม่ใช่นิสัยของเขา

    แล้วถ้าเราสวนทางกับจงอินล่ะครับ? แบคฮยอนถาม

    ถ้ามันจะมามันคงมาตั้งแต่สองวันแรกแล้ว ลู่หานตอบพลางเอนหลังพิงกับเก้าอี้ชิงช้าต่อให้เก่งแค่ไหนก็สู้พวกมันเป็นสิบ ๆ ไม่ได้หรอก

    ถ้าพวกคุณเห็นด้วย เราคงต้องวางแผนแล้วว่าจะขึ้นฝั่งกันยังไง ทุกคนหันไปมองชานยอลที่กำลังพูดอยู่เราไปมือเปล่าไม่ได้ อันดับแรกคือต้องเตรียมตัวให้พร้อม

    มีแผนอะไรดี ๆ หรือเปล่า? ลู่หานถาม

    ผมกับชานยอลจะออกไปหาอุปกรณ์มาทำโมโลทอฟ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผมคิดว่าไม่น่าจะมีร้านขายปืนอยู่ในเมือง เซฮุนพูดหลังจากที่เงียบมานาน

    เราจะหาที่จอดเรือตรงที่มีพวกมันอยู่น้อยที่สุด อี้ชิงจะเป็นคนบังคับเรือไว้ ส่วนผมกับเซฮุนจะขึ้นไปเคลียร์ทางขึ้นฝั่งก่อน ชานยอลนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นพร้อมกับใช้ชอล์คสีขาวลากยาวไปบนพื้นซีเมนต์ตรงนี้คือทางขึ้นท่าเรือ มันมีทางขึ้นอยู่สองทาง เราจะขึ้นฝั่งที่มีพวกมันน้อยที่สุด ทุกคนมองแผนที่ ๆ ชานยอลวาดลงบนพื้นพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ ร่างสูงยังคงอธิบายด้วยวิธีง่าย ๆ และพวกเขาก็เห็นด้วย

    ตกลง งั้นเอาตามนี้

     

     
     

     

     

     

    น้ำมันที่หามาได้ถูกเติมลงในถังเรือลำเดิมที่นั่งกันมา แบคฮยอนสะพายกระเป๋าเป้ที่ข้างในอัดแน่นไปด้วยอาหารที่หามาได้ทั้งหมด ส่วนอี้ชิงกับเซฮุนช่วยกันประคองลู่หานขึ้นไปบนเรือ กระเป๋าอีกใบมีไว้ใส่ขวดระเบิดไฟที่ชานยอลนั่งทำเมื่อคืนนี้ มันมีมากพอที่จะเผาพวกตัวกินคนได้ทั้งท่าเรือถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน

    เรือสีขาวมุ่งหน้ากลับไปที่แผ่นดินใหญ่ การเดินทางในครั้งนี้พวกเขาสัมผัสได้แต่ความผิดหวัง นอกจากจะมาเสียเที่ยวแล้วยังพลัดหลงกับจงอินอีก ขากลับต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครเปิดบทสนทนาหรือหาเรื่องชวนคุยเลยสักประโยคเดียว ทุกคนต่างคาดหวังกับการกลับไปในครั้งนี้

     

     
     

    ความหวังที่มีเพียงน้อยนิดว่าจะได้เจอจงอินที่ท่าเรือ...

     

     

     

    ใช้เวลาการเดินทางราว ๆ ห้าชั่วโมงก็เห็นแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันช่างเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานเหลือเกินสำหรับคนที่รอ ชานยอลขับไปทางซ้ายสุดของฝั่งแล้วให้อี้ชิงบังคับเรือแทน ร่างสูงพยักหน้าบอกอีกคนให้เตรียมพร้อมแล้วเด็กหนุ่มก็สะพายกระเป๋าเป้ที่อัดเต็มไปด้วยขวดโมโลทอฟเอาไว้

    เซฮุนยังคงใช้ไขควงเป็นอาวุธประจำตัว ส่วนชานยอลใช้มีดสั้นที่เก็บได้จากตัวเมือง ทั้งสองคนเหยียบเรือที่จอดเทียบฝั่งเพื่อนปีนขึ้นไปอย่างเงียบเชียบ ข้างหน้ามีพวกตัวกินคนยืนอยู่สามตัว ชานยอลยกมือห้ามก่อนที่ขายาวจะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหลังแล้วแทงเข้าไปกลางหัวมันอย่างแรง

    เสียงศพล้มลงไปบนพื้นเรียกความสนใจจากสองตัวที่เหลือและคราวนี้มันไม่ใช่ปัญหาอะไรที่จะต้องเผชิญหน้ากับมัน เซฮุนแยกไปทางขวาส่วนชานยอลไปทางซ้าย ไขควงแหลมแทงเข้าที่เบ้าตาอย่างแรงโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าประชิดตัวได้ทัน ที่ ๆ เขาสองคนยืนอยู่เรียกได้ว่าปลอดภัย แต่ถัดไปร้อยเมตรยังมีพวกมันอยู่อีกเป็นสิบ ๆ ชานยอลรูดซิปกระเป๋าเป้เซฮุนแล้วหยิบโมโลทอฟออกมา

    ผมจะอธิบายแผนของเราให้คุณฟังอีกครั้ง...”

    ชานยอล

    ... ร่างสูงเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าเมื่อจู่ ๆ เซฮุนก็พูดแทรกขึ้นมา

    คุณปีนขึ้นไปบนนั้น เดี๋ยวผมจะต้อนมันมาเอง

    ว่าไงนะ? ชานยอลขมวดคิ้วเมื่อจู่ ๆ ร่างบางก็เปลี่ยนแผนที่เราคุยกันไว้มันไม่ใช่แบบนี้นะเซฮุน

    ครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมวิ่งเร็วกว่า

    ...

    และต่อให้ผมถูกกัด เปอร์เซ็นต์การตายมันก็น้อยกว่าคุณ

    ... ร่างสูงพูดไม่ออกเมื่อคนตรงหน้ายัดกระเป๋าเป้ใส่มือเขา เซฮุนเดินถอยหลังออกไปทีละก้าวแล้วชี้ไปบนหลังคาสีฟ้า

    ไม่ต้องห่วง ผมสัญญาว่าจะไม่ตาย เซฮุนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังแล้วก้มลงต่ำ ชานยอลมองตามเด็กหนุ่มที่กำลังเดินเลียบไปตามทาง เป้าหมายคือการเข้าไปอยู่กลางฝูงตัวกินคนแล้ววิ่งหนีมาทางนี้เพื่อล่อให้พวกมันวิ่งตามมา

    ชานยอลถอนหายใจ แต่ถ้าจะให้เข้าไปห้ามเซฮุนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ร่างสูงเดินตรงไปข้างหน้าแล้วปีนกล่องไม้ที่วางทับกันเป็นชั้น ๆ มันสูงมากพอที่จะให้เขาปีนขึ้นไปบนนั้นได้ง่าย ๆ อี้ชิง ลู่หาน แบคฮยอนต่างมองทั้งสองคนที่อยู่บนฝั่งด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่ติดว่าเจ็บแผลล่ะก็...จ้างเขาก็ไม่ให้เด็กกรงหมาออกไปเสี่ยงแบบนั้นหรอก

    เฮ้!!!”

    ชานยอลใจเต้นแรงยิ่งขึ้นเมื่อตอนนี้เซฮุนได้ยืนอยู่ตรงกลางฝูงของพวกมันแล้ว เหล่าผีดิบอ้าปากกว้างเมื่อเห็นเหยื่อยืนอยู่ในระยะใกล้มือ เซฮุนกลอกตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเมื่อพวกมันพุ่งใส่เขา ร่างบางค่อย ๆ ก้าวถอยหลังพลางมองใบหน้าอัปลักษณ์ของพวกมันทีละตัว แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเร่งฝีเท้าเมื่อพวกมันกำลังวิ่งมาทางนี้

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

    เซฮุน...วิ่งสิ...วิ่งให้เร็วกว่านี้... แบคฮยอนพึมพำกับตัวเอง เด็กหนุ่มประสานมือไว้ตรงหน้าพร้อมกับออกแรงบีบจนมือแดงไปหมด พวกตัวกินคนวิ่งตามหลังเซฮุนจนแทบจะคว้าตัวได้อยู่แล้ว

     

     

    ซูมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

    เซฮุนปีนขึ้นไปเหยียบบนหลังคารถยกของพร้อมกับยกมือขึ้นบังแสงไฟที่ลุกโชนขึ้นจากการเผาไหม้พวกตัวกินคนเป็นฝูง ร่างที่ถูกไฟคลอกส่งเสียงโอดครวญ พวกมันเดินสะเปะสะปะไปข้างหน้าก่อนจะทรุดเข่าลงกับพื้น

    ร่างบางโกยอากาศเข้าปอด เมื่อกี้ตอนที่กำลังวิ่งเขาเกือบสะดุดขาตัวเองล้มเพราะวิ่งเร็วเกินไป เด็กหนุ่มหันไปมองชานยอลที่ยืนอยู่บนหลังคาก่อนจะยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกนิ้วโป้งให้

     

     
     

     


     

     

     

     

    คุณพักก่อนเถอะเซฮุน ชานยอลมองอีกคนที่กำลังยืนหอบหายใจอย่างหนักหลังจากวิ่งล่อพวกตัวกินคนมาฆ่าแล้วถึงสี่รอบ เซฮุนส่ายหน้าปฏิเสธพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อกาฬออก

    ตรงนั้นมีเยอะ ผมว่าอีกสองรอบน่าจะหมด...

    เดี๋ยวผมจะไปต้อนมันมาเอง

    ไม่...ผมยังไหว ร่างบางกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปมองข้างหลังเรามาทำให้มันจบ ๆ เถอะครับชานยอล

    ...

    ทั้งคู่เดินเข้ามาด้วยกันจนถึงส่วนกลางของท่าเรือ ทางด้านซ้ายยังมีตัวกินคนหลงเหลืออยู่ตัวหนึ่ง ร่างสูงเดินไปจัดการมันด้วยมีดสั้นที่พกมาด้วยก่อนจะเดินกลับมาหาเซฮุนอีกครั้ง

    ผมจะขึ้นไปข้างบนนี้ คุณจะได้ไม่ต้องวิ่งไกล

    ดีครับ เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วชานยอลก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาเหมือนในทีแรก เซฮุนหยุดยืนกับที่เมื่อข้างหน้ามีพวกมันอยู่เต็มไปหมด

    เปลือกตาบางหลับลงแล้วบอกกับตัวเองว่าถ้าจัดการพวกมันเรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น...ที่จงอินไปเชจูไม่ได้ก็เพราะท่าเรือถูกยึดด้วยฝูงตัวกินคน ถ้าจัดการพวกมันเรียบร้อยแล้วที่เหลือก็แค่รอจงอินมาที่นี่

     

     

     

     

     

     

    ดื่มสิ แบคฮยอนยื่นขวดน้ำให้เซฮุนที่นั่งหอบอยู่บนพื้น ตอนนี้ทุกคนขึ้นมาบนท่าเรือได้โดยสวัสดิภาพหลังจากที่เซฮุนเสี่ยงตายล่อพวกมันมาย่างสดด้วยโมโลทอฟ ร่างบางรับขวดน้ำมากระดกอึกใหญ่แล้วเอนหลังนอนราบลงไปกับพื้น ตั้งแต่วิ่งหนีตายมานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายอยู่แค่ปลายจมูก กลิ่นไหม้ยังคงอบอวลอยู่โดยรอบจากศพที่นอนแห้งเกรียมอยู่บนพื้นซีเมนต์

    เอาไงต่อ ลู่หานถามขณะกวาดสายตามองศพที่นอนตายเกลื่อนอยู่เต็มไปหมด

    เราต้องหาที่พักกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ชานยอลยื่นมือมาข้างหน้า เซฮุนหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับจับมือร่างสูงเอาไว้เพื่อดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ทั้งห้าคนกลับไปตรงทางเดินแคบ ระหว่างทางชานยอลกับเซฮุนก็ช่วยกันจัดการผีดิบที่ยืนขวางทางอยู่

    เดี๋ยว ทุกคนหยุดฝีเท้าเมื่อจู่ ๆ ชานยอลก็หยุดเดินเสียดื้อ ๆ

    มีอะไรเหรอครับชานยอล?

    รถ

    ...

    รถที่เราขับมามันหายไป

    พอได้ยินชานยอลพูดพวกเขาถึงนึกได้ว่าเคยจอดรถเอาไว้ตรงนี้ เซฮุนเป็นคนเดียวที่มีสีหน้าตกใจมากกว่าคนอื่น เด็กหนุ่มเดินออกไปยืนอยู่บนถนนพร้อมกับหันไปมองซ้ายขวา ใช่...รถที่พวกเขาขับมาหายไปแล้ว

    จงอินเหรอ?

    ไม่แน่

    อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้

    ไม่ ต้องเป็นเขาสิ

    เสียงจ้อแจ้กรอกเข้าหูเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่กลางถนน มันมีสิทธิ์เป็นไปได้ทั้งสองทางว่ารถที่หายไปเป็นฝีมือของจงอินหรือไม่ก็เป็นคนอื่นที่ผ่านมาแถวนี้ ชานยอลวางมือลงบนไหล่บางพร้อมกับออกแรงบีบเบา ๆ

    ถ้าเป็นจงอิน...คุณคิดว่าเขาจะขับไปที่ไหนเหรอครับ ร่างบางมองพื้นถนนที่มีรอยล้อรถสีดำที่เกิดจากการเสียดสี

    ...

    เขาคง...ขับออกไปตั้งหลักใช่ไหมครับ? ชานยอลเลื่อนมือขึ้นไปวางบนหัวเซฮุนพร้อมกับลูบหัว เมื่อมีการคาดหวังเกิดขึ้น สิ่งที่ทำลายมันได้ดีที่สุดก็คือความผิดหวังและนั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังพบเจออยู่

    เราจะพักกันที่นี่ ชานยอลชี้บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเดินนำหน้าไปก่อน อี้ชิงคอยเดินประกบลู่หานที่ใช้ไม้ค้ำช่วยในการเดินส่วนแบคฮยอนตามมาเป็นคนสุดท้าย

    เซฮุน

    ... ร่างบางหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่กุมมือเขาเอาไว้แล้วแบคฮยอนก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เซฮุนเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วยกัน

    เข้าไปพักผ่อนก่อนนะ มีอะไรค่อยคุยกันในบ้าน

     

     

     

     

     

     

    บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ไม่มีแม้แต่เงาของตัวกินคน ข้าวของบางส่วนหายไปคาดว่าเจ้าของบ้านคงย้ายออกตอนที่เกิดเหตุ ในบ้านมีห้องนอนแคบ ๆ เพียงห้องเดียว ทุกคนลงมติกันว่าจะให้ลู่หานนอนบนฟูกส่วนคนอื่น ๆ จะนอนบนพื้นในห้องโถงเอง ถึงเจ้าตัวจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ปริปากพูดอะไรมากไม่ได้เพราะสุดท้ายยังไงเสียงข้างน้อยก็แพ้เสียงข้างมากอยู่ดี

    อาหารในวันนี้คือรามยอนสำเร็จรูปอิมพอร์ตจากเกาะเชจู ในอดีตเคยเป็นอาหารสิ้นคิดแต่กลับเป็นเมนูชั้นเลิศในตอนนี้ ทันทีที่อี้ชิงเปิดฝาหม้อออกลู่หานกับแบคฮยอนก็อ้าปากหวอเมื่อกลิ่นหอมลอยเตะจมูก ชานยอลชำเลืองมองเซฮุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา เด็กคนนั้นเอาแต่เหม่อมองถ้วยเซรามิกซ์บนโต๊ะโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

    มีกิมจิด้วยอ่ะ ไปเอามาจากไหนเหรอ? Where is this ๆๆ ? แบคฮยอนชี้กิมจิในขณะที่ลู่หานคีบรามยอนเส้นยาวมาใส่ฝาหม้อแล้วจัดการซู๊ดมันเข้าปากก่อนจะอ้าปากกว้างเพื่อไล่ความร้อน เห็นแบบนั้นแบคฮยอนเลยฟาดแขนคนตะกละอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้

    เซฮุน

    ครับ

    คุณต้องทานอะไรบ้างนะ

    ครับ

    วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

    ครับ

    ผมอยากให้คุณพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราจะได้ออกไปรอจงอินที่ท่าเรือแต่เช้า ร่างสูงยิ้มแล้วคีบเส้นรามยอนใส่ถ้วยใบเล็กให้กับเซฮุน แบคฮยอนมองเพื่อนวัยเดียวกันที่นั่งเงียบมาตั้งนานแล้วก็เป็นห่วง จะมีก็แต่ลู่หานนี่แหละที่เอาแต่กินไม่สนใจใคร

    “What are we gonna do?” (เราจะเอายังไงต่อ?) อี้ชิงคีบเส้นรามยอนขึ้นมากินคำเล็ก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นรอคำตอบ

    “Tomorrow, Sehun and I are gonna go to find Jongin at the harbour. You guys relax here.” (พรุ่งนี้เช้าผมกับเซฮุนจะออกไปรอจงอินที่ท่าเรือ ส่วนพวกคุณก็พักผ่อนอยู่ที่นี่แล้วกัน)

    “If he doesn't come?” (แล้วถ้าเขาไม่มาล่ะ?)

    “...”

    “We will be here till he come, won't we?” (เราก็จะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเขาจะมางั้นเหรอ?)

    “I don't think about it yet.” (เรื่องนั้นผมยังไม่ทันคิด)

    “If we look on the bright side, he will come soon. But if we look on the bad side, he might already run away.” (ถ้ามองแบบโลกสวยหน่อยเขาก็คงจะมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ถ้ามองในแง่ร้าย...บางทีเขาอาจจะหนีเอาตัวรอดไปแล้วก็ได้)

    “Jongin isn't like that.” (จงอินไม่ใช่คนแบบนั้น) เซฮุนแทรกขึ้นมา เขารู้สึกไม่ดีที่ได้ยินอี้ชิงพูดแบบนั้น

    “In this situation, you still believe in him?” (ในสถานการณ์แบบนี้นายยังเชื่อมั่นในตัวเขาอีกเหรอ?)

    “...”

    “You can't combine the trust with truth. You get it? If I am in the same situation, I might find the way to survive, because it is impossible to go to that bastard island.” (ความเชื่อใจก็ส่วนความเชื่อใจบางครั้งมันก็ไปกับความจริงไม่ได้ ถ้าผมตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเขา ผมก็คงหาทางหนีเอาตัวรอดเหมือนกันในเมื่อมันไม่มีทางไหนเลยที่จะไปเกาะนรกนั่นได้)

    “Yixing, enough.” (อี้ชิง พอเถอะ) ชานยอลพูดเสียงเรียบ ตอนนี้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ จนสร้างความกดดันให้กับเขาอีกครั้ง

    “You guys want me to be alive, but...look at yourself? You look like the people who will die as the defeat.” (พวกคุณอยากให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ดูตัวเองในตอนนี้สิ? เหมือนคนกำลังจะเป็นจะตายเพราะหมดหวัง)

    “...”

    “If you can't manage your own life, don't think about the others.” (ถ้าจัดการเรื่องตัวเองไม่ได้ก็อย่าคิดที่จะช่วยเหลือคนอื่นเลย)

    ทุกคนเงียบหลังจากที่อี้ชิงลุกขึ้นเดินหนีออกไปข้างนอก ลู่หานค้างอยู่ในท่าคาบบะหมี่ก่อนจะกลอกตามองชานยอลกับเซฮุนที่นั่งทำหน้าอึมครึมอยู่ จะมีก็แต่เขากับแบคฮยอนนี่ล่ะนะที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้เพราะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง

    เซฮุนก้มหน้าลงกินรามยอนที่ชานยอลคีบให้ เขาไม่รู้สึกโกรธอี้ชิงเลยสักนิด ที่อี้ชิงพูดทั้งหมดคือการเตือนสติทุกคนที่กำลังหมดหวัง อีกทั้งคำพูดเหล่านั้นมันคือความจริง...ว่าความเชื่อใจบางครั้งมันก็ไปกับความจริงไม่ได้...

     

     

    แต่เขาก็แค่เชื่อว่าจงอินจะต้องกลับมา...

    ส่วนเรื่องของความเป็นจริงและความเป็นไปได้...เขาขอมองข้ามมันไปแล้วจมอยู่กับปาฏิหาริย์ได้ไหม?

     


     

     

     

     

    เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นเมื่อรู้สึกหน่วงตรงช่วงท้อง ลู่หานขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด ร่างโปร่งคลำหาไม้ค้ำที่วางอยู่ข้างที่นอนแล้วพยายามลุกขึ้นยืน  แผลที่อยู่ตรงช่วงท้องมันยังคงรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ขยับตัว แต่ถ้าจะให้ตะโกนเรียกคนที่นอนอยู่ข้างนอกมันก็ไม่ใช่เรื่อง กะอีแค่ปวดฉี่มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรขนาดนั้น

    เหน็บไม้ค้ำไว้ใต้วงแขนแล้วเลื่อนประตูออก พอจะจำพิกัดได้ว่าแต่ละคนนอนอยู่มุมไหนและเดินยังไงให้ไปถึงห้องน้ำได้โดยที่ไม่ต้องเหยียบใครเข้า ร่างโปร่งเลื่อนประตูหน้าบ้านออกแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนระเบียงทางเดิน

    เซฮุนเหรอ?

    ... เด็กหนุ่มหันมาตามเสียงเรียก ลู่หานยักไหล่เล็กน้อยแล้วค่อย ๆ พาตัวเองลงจากขั้นบันไดแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าต้นไม้ ร่างโปร่งรูดซิบกางเกงลงเพื่อจัดการธุระส่วนตัว วินาทีนั้นก็แอบชำเลืองมองเด็กกรงหมาที่เอาแต่นั่งเงียบเหมือนกับรูปปั้น ผิวปากเบา ๆ เพื่อดับความเงียบที่กำลังปกคลุมอยู่โดยรอบแต่ก็เหมือนเดิม เซฮุนไม่ได้สนใจว่าเขายืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิด พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินกลับไปทางเดิม ลู่หานหยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ เด็กหนุ่มแล้วก้มหน้ามอง

    นอนไม่หลับเหรอเด็กกรงหมา

    ครับ

    คิดมากที่อี้ชิงปากบอนอ่ะดิ

    ก็ไม่เชิงครับ

    เอาน่า หมอนั่นก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างคนจีนเขาชอบขึ้นเสียง มันทำให้ดูมีพลัง ลู่หานพยายามปลอบใจร่างบางด้วยวิธีของเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล

    ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงเหรอครับลู่หาน?

    หมายถึงอะไรล่ะ เรื่องแผลหรือว่าเรื่องอะไร

    เรื่องของจงอินน่ะครับ

    อ่า...

    คุณคิดว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่

    ไม่รู้สิ หนังหน้าอย่างมันคงนอนอยู่มั้ง ลู่หานยิ้มโง่ ๆ กับคำถามที่ต่อให้พระเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเดาถูกไหม

    เขาจะหายเจ็บหรือยังนะ

    หายแล้วมั้ง ถึกอย่างกับควายธนูแบบนั้นโดนเครื่องบินรบ F22 ยิงใส่จะสะเทือนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ลู่หานยังคงพยายามพูดให้คนข้าง ๆ ผ่อนคลาย

    ผมน่ะ...อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันทั้งสองครั้งเลยนะ เซฮุนเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่งทั้งที่ยังทอดสายตามองไปข้างหน้าครั้งแรกตอนที่คุณหายไปแล้วทุกคนคิดว่าคุณตายแล้ว

    ...

    ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

    ... บางทีเขาอาจจะคิดไปเองว่าน้ำเสียงของเซฮุนดูเศร้าไปกว่าทุกครั้ง เด็กหน้าตายที่จงอินชอบบ่นอยู่บ่อย ๆ ในตอนนี้ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

    ตอนนั้นผมพยายามสรรหาคำพูดดี ๆ เพื่อให้จงอินสบายใจขึ้น ผมชวนเขาออกไปตามหาคุณ ช่วยเขาขุดหลุมฝังศพ ช่วยทุกอย่างที่มันสามารถแชร์ความรู้สึกของเขามาให้ผมได้

    ...

    คุณจำสีหน้าของเขาตอนที่เห็นคุณกลับมาได้ไหมครับ? เซฮุนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปมองอีกฝ่ายสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แต่ก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหูแบบนี้ ร่างบางทำท่าประกอบ นอกจากคิมมินซอกแล้วยังมีเด็กกรงหมาอีกคนที่ทำให้เขาพูดไม่ออกได้

    เพราะผมเชื่อว่าคุณต้องรอด แล้วคุณก็กลับมาหาพวกเราอย่างที่เคยภาวนาเอาไว้ เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีกลุ่มดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่เต็มไปหมด

    ...

     “จงอินก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมครับ? ประโยคนี้แผ่วเบาลง เขารู้สึกได้ถึงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเด็กคนนี้ ลู่หานยืดตัวหลังตรงเพื่อเพิ่มความสูงก่อนจะประคองเซฮุนให้เอนลงมาซบไหล่เขาพร้อมกับลูบหัวปลอบใจ

    มันต้องกลับมา เชื่อฉันสิ

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น...

     

    แผ่นไม้กระดานสีขาวถูกตอกลงบนเสาไฟฟ้าตรงทางเดินเข้า เนื้อความคลุมเครือสั้น ๆ บนกระดานเขียนไว้ว่า กูกลับมาแล้วนะ  เพื่อบอกให้จงอินได้รับรู้ เพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้ามีแขกไม่ได้รับเชิญผ่านมาเห็นแล้วแวะเข้ามาทักทายพวกเขาด้วยปืน

    ชานยอลลดมือลงเมื่อจัดการกับป้ายบอกทางเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงเตะศพที่นอนขวางทางให้ตกลงไปในน้ำแล้วเดินเข้าไปในท่าเรือ บนลานกว้างยังเต็มไปด้วยซากศพที่ถูกเผาสดเมื่อวานนี้ พวกเขาปักหลักหาที่นั่งรอกันอย่างจริงจัง จะว่าโง่ก็โง่แต่มันคงไม่มีวิธีที่ฉลาดไปกว่านี้อีกแล้ว จงอินเป็นบุคคลสำคัญในกลุ่มที่พวกเขาไม่อยากทิ้งไว้ที่นี่แล้วเดินหน้าต่อไปทั้งอย่างนี้

    ตั้งแต่ไม่มีอี้ฟานดูเหมือนว่าอะไร ๆ จะยากไปหมด การดำเนินชีวิตในแต่ละวันบนโลกที่เปลี่ยนไปแล้วสิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจ เพราะทุกครั้งที่รู้สึกท้อก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้างนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาได้ ถึงมันจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นทั้งหมดสำหรับเขาก็ได้ 

    ...

    มีคนมา ทุกคนหันกลับไปมองทางเดินแคบหลังจากได้ยินลู่หานพูด

    เซฮุนกำไขควงเอาไว้แน่นในขณะที่ชานยอลลุกขึ้นวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับชักมีดออกมาเตรียมพร้อมหากว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดี เสียงพูดคุยเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แน่นอนว่าบุคคลปริศนาไม่ได้มีกันแค่คนเดียว อี้ชิงดันแบคฮยอนให้ไปหลบอยู่ข้างหลังจนกระทั่งผู้มาใหม่เดินเข้ามา...

    ...

    ...เซฮุน?

    เทา?

    ครูกาฮี อึนจี ยุนฮา? แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชานยอลลดมีดลงพลางมองไปยังคนสี่คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ ลู่หานลุกขึ้นยืนโดยได้รับการช่วยเหลือจากอี้ชิง

    คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?

    เรื่องมันยาวอ่ะ ฉันนึกว่าพวกนายจะไปเกาะเชจูกันแล้วซะอีก

    ... ทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ เทาถอนหายใจแล้วชะเง้อหน้ามองไปรอบ ๆ

    ไอ้จงอินกับอี้ฟานไม่อยู่เหรอ?

    ... ทุกคนเงียบ ไม่มีใครตอบคำถามของเทาและดูเหมือนว่าปาร์คกาฮีก็คงรอคำตอบอยู่เหมือนกัน

    อี้ฟานเขา... แบคฮยอนพูดเสียงเบา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองครูสาว สีหน้าของเธอดูตกใจกับแววตาที่แบคฮยอนกำลังสื่อให้เธอรู้แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา

    เดี๋ยว ทำไมมากันแค่นี้ล่ะ มินซอกอยู่ไหน? คราวนี้เป็นทีของลู่หานที่ดูเหมือนว่าจะกระวนกระวายกับการที่ไม่เห็นอีกคนอยู่ที่นี่ ได้ยินที่ฉันถามหรือเปล่า? ลู่หานขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตรงหน้า อึนจีเขย่าแขนเทาพร้อมกับพยักหน้าส่งเป็นเชิงบอกให้เทาพูด

    ฉันไม่รู้

    หมายความว่าไงที่บอกว่าไม่รู้?

    ลู่หาน... เซฮุนปรามคนข้าง ๆ ที่กำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แบคฮยอนบีบแขนลู่หานเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

    เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก เทาหลุบสายตาลง ตั้งแต่พวกนายออกไป พวกเราก็ไม่ได้ออกไปหาเสบียงกันเลยเพราะคิดว่าของหมดเมื่อไหร่ค่อยออกไปหา

    ...

    พวกเราจัดการพวกที่มายืนออทางออกประตูหลังโรงเรียน แต่ว่าไม่มีใครขนย้ายมันออกไปเผา ซากศพก็เลยทับกันขึ้นสูงเรื่อย ๆ

    ...

    คืนวันนั้นฝนตกแรงมาก พวกมันเหยียบศพที่นอนตายอยู่ตรงประตูแล้วข้ามรั้วเข้ามา...จากที่ชำรุดอยู่แล้วสุดท้ายประตูก็ล้มลง สีหน้าของเทาแย่ลงไปเมื่อพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เช่นกัน ทุกคนหลับอยู่ไม่มีใครรู้ตัวเลยแม้กระทั่งมินซอกที่เฝ้าเวรอยู่ตอนกลางคืน

    มินซอกอยู่เวรกลางคืนงั้นเหรอ?

    ใช่ พอรู้ตัวอีกทีทุกคนก็แตกตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง

    ...

    เหตุการณ์ชลมุนไปหมด ทุกคนวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ไม่มีใครตั้งหลักทันเลย บางคนถูกเพื่อนยิงตายโดยไม่ตั้งใจเพราะความตื่นเต้นที่ได้ลองยิงปืนครั้งแรก

    พวกคุณเหลือกันแค่นี้เหรอ? แบคฮยอนถาม

    อืม...ตอนที่พวกฉันหนีออกมาตอนนั้นฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว

    แล้วทำไมมึงไม่พามินซอกออกมาด้วยวะ?!” ลู่หานกำคอเสื้อร่างสูง เทาไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใด เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ แล้วจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังโกรธสุดขีด

    ฉันจะช่วยเขายังไง ในเมื่อฉันยังเอาตัวเองไม่รอดเลย

    แต่มึงก็ช่วยสามคนนี้ออกมาได้ไม่ใช่หรือไง?

    ไม่มีใครอยากปล่อยมินซอกไว้ตรงนั้นหรอกค่ะ แต่ว่าพวกมันขึ้นไปข้างบนเร็วมาก ฉันไม่รู้ว่ามินซอกจะเอาตัวรอดยังไง... อึนจีพูดเบา ๆ พลางก้ม ๆ เงย ๆ มองลู่หานที่กำลังกำหมัดแน่น ตอนที่หนีออกมา...เขา...ก็ยิงช่วยพวกเราเอาไว้ อึนจีเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเช็ดน้ำตาออกเมื่อนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอดแม้กระทั่งตอนที่พวกเธอหนีเอาตัวรอดออกไปโดยที่ไม่มีเขา

    ไม่...

    ...

    มินซอกต้องไม่เป็นอะไรสิ ลู่หานพึมพำเบา ๆ พลางเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย หัวใจของเขาเต้นช้าลงเพียงแค่จิตนาการตามที่คนเหล่านี้เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    ต่อให้ไม่อยากจะเชื่อแค่ไหน...แต่ในสถานการณ์แบบนั้นและมีคนเหลือรอดมาได้เพียงแค่สี่คน...มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่มินซอกจะยังมีชีวิตอยู่

    ฉันจะกลับไปโรงเรียน... ลู่หานเดินไปข้างหน้าพร้อมกับไม้ค้ำแต่ก็ถูกเซฮุนยืนขวางทางเอาไว้

    คุณจะไปทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ?

    ใช่

    มีสติหน่อยได้ไหมลู่หาน ถ้าคุณสภาพปกติเหมือนคนอื่นผมจะไม่ห้ามคุณเลย เซฮุนจ้องหน้าอีกฝ่าย ลู่หานเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วหลับตาลง

    เด็กตัวแค่นั้นจะเอาตัวรอดด้วยวิธีไหนเหรอ...? น้ำเสียงของลู่หานสั่นเครือ ทุกคนยืนนิ่งขณะมองไปยังคนเจ็บที่ยังต้องใช้ไม้ค้ำในการช่วยเดินอยู่ บนดาดฟ้า...ทางหนีมีอยู่แค่ทางเดียวคือบันได...

    ...

    บางทีมินซอกอาจจะยังอยู่บนนั้นก็ได้...

    สามวันแล้ว ทุกคนหันไปมองเทาที่พูดแทรกขึ้นมา พวกเราออกมาจากที่นั่นสามวันแล้ว

    ...

    ถ้าเขาไม่ถูกกัด...ก็คงหิวตายอยู่บนนั้น

    พูดห่าอะไรของมึงวะ!!!” เซฮุนเข้าไปรวบตัวลู่หานเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเข้าไปตั๊นท์หน้าเทาที่ยืนอยู่ข้างหลัง ร่างโปร่งหอบหายใจหนัก ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บใจมากกว่าแผลที่อยู่ตรงช่วงท้อง ปาร์คกาฮียืนน้ำตาคลอโดยที่ไม่พูดอะไรส่วนอึนจียืนก้มหน้าสะอื้นอยู่เงียบ ๆ

     

     

     

    ทุกคนต่างพบเจอกับความสูญเสีย...

    พวกเขาจะต้องพบเจอความเจ็บปวดกับการเห็นคนอื่นตายไปต่อหน้าต่อตาจนถึงเมื่อไหร่?

    หรือถ้าไม่อยากเห็นใครตาย...เขาก็ต้องตายไปก่อนคนอื่นสินะ?

     

     

     
     

     


     

     

    คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนจะเหยียบเบรกเมื่อเห็นฝูงเหล่ากินคนจำนวนมากที่ยืนขวางทางอยู่ กว่าจะขับจากมกโพมาถึงชุงช็องใต้ก็ใช้เวลาพอสมควร หยุดค้างคืนแล้วออกเดินทางอีกครั้งเพื่อกลับมาขอความช่วยเหลือจากคนที่โรงเรียนให้ไปช่วยเคลียร์ท่าเรือให้หน่อย อย่างน้อยเขาก็เคยช่วยโรงเรียนไว้ คนพวกนี้ก็คงไม่ใจร้ายใจดำกับเขาจนเกินไป ขายาวเดินลงจากรถพร้อมกับคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและไม่ลืมที่จะหยิบไขควงออกมา

    ฮืออ...

    อะไรกันวะ... ร่างหนาสบถเบา ๆ เมื่อเห็นประตูโรงเรียนล้มไม่เป็นท่าอีกทั้งยังมีพวกตัวกินคนในชุดนักเรียนเดินเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด

    ฮืออ...

    เชี่ยแล้วไง... เขาได้แต่ส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วเดินเข้าไปแทงหัวตัวกินคนที่กำลังเข้ามาหาเขาก่อนจะชักมือกลับในทันที เลือดสีสดติดออกมาจนต้องสลัดทิ้ง แต่พอหันหลังกลับไปก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นผีดิบอีกสามตัวกำลังวิ่งเข้ามาหาเขา

    มือที่กำไขควงไว้ยกขึ้นตั้งระดับหัวไหล่ ดวงตาคมกลอกมองตัวกินคนสามตัวที่กำลังเข้ามาใกล้แล้วก็ต้องถอยหลังทีละก้าว...ให้ตายเถอะ ถ้ามีปืนมันก็คงง่ายที่จะจัดการมัน สภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างเก่งก็ได้แค่ถีบอีกตัวให้เสียหลักแล้วจัดการอีกตัว...แต่ก็ยังเหลืออีกตัวนึงอยู่ดี...

     

     
     

    ปัง!

     

     
     

    ร่างหนาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างของตัวกินคนร่วงลงไปกับพื้นเพราะถูกยิงเข้ากลางหน้าผากอย่างจัง เสียงเบาหวิวคล้ายกับลมทำให้จงอินเงยหน้าขึ้นไปมองบนระเบียงชั้นสองของบ้านหลังหนึ่งแล้วก็พบว่ามีใครอยู่บนนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะหันไปขอบคุณ ขายาวถีบเข้ากลางอกผีดิบตัวหนึ่งให้เซถอยหลังก่อนจะเข้าไปแทงหัวมันอย่างแรงแล้วดันให้ไปติดกับรั้วบ้าน ตัวกินคนที่ถูกถีบออกเมื่อครู่ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันก้าวไปไหนร่างของมันก็ทรุดลงไปกับพื้นเมื่อถูกไรเฟิลยิงเข้ากลางหัว...

     

     
     

    เข้ามาในนี้!”

     

     
     

    เสียงปริศนาตะโกนมาพร้อมกับพวกตัวกินคนอีกเป็นสิบที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน จงอินกระชับกระเป๋าเป้แล้วปีนรั้วเข้าไปในบ้านก่อนที่ประตูทางด้านในจะเปิดออกในเวลาถัดมา ร่างหนาแทรกตัวเข้ามาข้างในแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อครู่คือ...

     

     


     

    เด็กดาดฟ้า?

     

     

     

     

     
     



     

     

    TBC

     

     

     

    ว๊าย!

     

    #ficzombie

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×