ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24 :: Into My Eyes

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.63K
      182
      2 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     


     

     

    Chapter 24

    Into my eyes

     

     

     
     

    เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องตื่นเหมือนกับทุกวัน รู้สึกปวดไปทั้งตัวจนไม่อยากขยับไปไหนแต่สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นและคงนอนอุดอู้แบบนี้ทั้งวันไม่ได้เพราะยังมีภาระหน้าที่ ๆ ต้องรับผิดชอบให้ทำอยู่

     
     

    แต่เดี๋ยว...เขาไม่ต้องไปเข้าเวรช่วงเช้าแล้วนี่...

     
     

    พอเรียบเรียงเหตุการณ์ได้เด็กหนุ่มก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่สิ่งที่พบก็คือห้องที่ไม่คุ้นตากับความว่างเปล่า ไม่มีใครอีกคนที่นอนกอดเขาและเอาแต่พร่ำบอกคำว่าขอโทษอยู่ซ้ำ ๆ เพราะพิษไข้ มินซอกก้มลงคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ ถึงจะปวดตัวแต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ว่าจะเดินเหินไปไหนไม่ได้ มือเล็กดึงชายเสื้อลงก่อนจะหยิบแว่นแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

    ร่างเล็กเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกติดอยู่กับบานประตู ส่องดูหน้าตัวเองแล้วปล่อยให้หยดน้ำไหลลงมาอย่างช้า ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเลยเถิดจนยากที่จะย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ต่อไปนี้จะเป็นยังไง เขาอาจจะต้องเจ็บปวดมากกว่าที่เคยเป็นถ้าเกิดลู่หานพูดว่า เรื่องเมื่อคืน...พี่ขอโทษนะ

    ถ้าเป็นแบบนั้นคนที่น่าสมเพชที่สุดก็คงไม่ใช่ใครนอกจากคิมมินซอก เด็กหนุ่มเอาแขนเสื้อเช็ดหน้าตัวเองลวก ๆ แล้วสวมแว่นเข้าไป พยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าเก็บเรื่องนี้มาคิดมากให้วุ่นวายใจไปเลย ถ้ายังคาดหวังแบบนี้คนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่ใช่ใคร...คิดซะว่ามันก็แค่เซ็กส์ ถ้าคิดได้แบบนั้นทุกอย่างจะดีเอง

     

     
     

    ดีทั้งกับตัวเขาแล้วก็ลู่หานด้วย...

     
     

     

    เลิกคิดได้แล้วว่าตอนนี้ลู่หานจะอยู่ไหน อาการดีขึ้นหรือยัง จะอะไรก็ตามแต่ช่วยเลิกคิดถึงผู้ชายคนนั้นสักนาทีได้ไหมคิมมินซอก...

    ทันทีที่เดินกลับมาถึงห้องของตัวเองเด็กหนุ่มก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรูมเมทของเขากำลังยกตะกร้าผ้าออกมา พอชำเลืองมองนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะทำงานแล้วก็ยิ่งสงสัยว่าทำไมแอลโจถึงยังไม่ไปเข้าเวรอีก

    แปดโมงแล้วนะแอลโจ

    อื้อ เด็กหนุ่มชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ก่อนจะกระชับกอดตะกร้าผ้ากองสูงเอาไว้

    เราแลกเวรกันแล้ว นายคงไม่ได้ลืมหรอกใช่ไหม?

    เห้ย จะลืมได้ไงกัน ฉันดูเหมือนคนขี้ลืมขนาดนั้นเลยหรือไง แอลโจหัวเราะแล้วมองคนตรงหน้าที่ก้มลงเก็บเสื้อที่เพิ่งตกลงพื้นขึ้นมาให้

    แล้วทำไมนายถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ ถ้าห่วงเรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวฉันจัดการเอง

    ก็ฉันขึ้นไปข้างบนแล้วแต่เขาบอกให้ฉันลงมากินข้าวก่อนสักเก้าโมงค่อยขึ้นไปก็ได้ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนกินข้าวเร็วไม่ถึงห้านาทีก็หมดแล้ว ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือก็เลยจะเอาผ้าไปให้อึนจีช่วยซัก

    เขาที่ว่าคือแบคฮยอนเหรอ?

    น่าจะใช่ป่ะ คนที่ตัวสูงกว่านายนิดหน่อย อยู่กลุ่มเดียวกับผู้ชายบ้าดีเดือดคิมจงอินอ่ะ

    งั้นเหรอ...อะไรของเขากันนะ อยู่บนนั้นทั้งคืนแทนที่จะลงมาพักผ่อน... มินซอกพึมพำ

    ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนฉันขึ้นไปเขาก็ดูร่าเริงดีออก ไม่มีท่าทีว่าจะง่วงสักนิด

    เหรอ? มินซอกขมวดคิ้ว ได้แต่สงสัยว่าบยอนแบคฮยอนไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน จริงอยู่ที่การนั่งเฝ้าเวรมันไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย แต่ถ้าต้องนั่งถ่างตาทั้งคืนมันก็ต้องมีเพลียกันบ้าง เรื่องนี้เขารู้ดี

    สงสัยเป็นเพราะมีคนอยู่คุยด้วยมั้ง ฉันก็เคยเป็นเหมือนกันตอนที่ชอนจีมาชวนเล่นไพ่ตอนกลางคืน เล่นยังไงก็ไม่ง่วง ก็มันมีเพื่อนนั่งคุยด้วยทั้งคืนนี่หว่า

    นายกำลังจะบอกว่ามีคนไปอยู่เป็นเพื่อนหมอนั่นเหรอ?มินซอกถาม ได้แต่คาดหวังคำตอบจากปากรูมเมทว่ามันคงไม่ใช่อย่างที่คิด

    ช่าย~ ผู้ชายคนนั้นอ่ะฉันจำชื่อไม่ได้ ที่เขาหายไปช่วงนึงแล้วก็เพิ่งกลับมา ฉันเห็นเขานั่งคุยกันอยู่ นายก็รีบพักผ่อนเถอะ ฉันเข้าใจว่าเฝ้าเวรทั้งวันมันเหนื่อยมากแต่ให้คนอื่นไปเฝ้าช่วงต่อแบบนั้นมันถูกต้องแล้ว

    ...

    นอนเยอะ ๆ จะได้ไม่แอบง่วงตอนกลางคืนเหมือนที่ฉันเป็นอยู่บ่อย ๆ โอเคเปล่า? แอลโจหัวเราะแล้วยกตะกร้าผ้าเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แค่ใครอีกคนที่ยืนคว้างอยู่ตรงนั้น

    ...

     

     

    ช่าย~ ผู้ชายคนนั้นอ่ะฉันจำชื่อไม่ได้ ที่เขาหายไปช่วงนึงแล้วก็เพิ่งกลับมา ฉันเห็นเขานั่งคุยกันอยู่

     

     

    คนเราก็แปลกอย่างนึง...ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีแล้วล่ะก็ เรามักจะจินตนาการออกมาเป็นฉาก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของคิมมินซอกคือภาพของลู่หานกับแบคฮยอนกำลังนั่งคุยกันและหัวเราะอย่างมีความสุข

    นัยน์ตาสั่นเครือหากแต่ไม่มีหยดน้ำใสไหลร่วงลงมาสักหยด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกผลักตกลงจากตึกสูงไม่มีผิด แต่ถ้าตกลงมาแล้วคอหักตายก็คงดีจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวที่ทำให้เจ็บปวดแบบนี้...ที่เป็นอยู่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนพิการที่ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปบนยอดตึกสูงเพื่อมองหาใครอีกคนที่ผลักเขาลงมา...ให้ตายทั้งเป็น

     

     
     

    จะโทษใครได้ล่ะคิมมินซอก...

    วินาทีนี้จะโทษใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากตัวเอง...

     

     

     

     

     

     

    พอพี่แบคโฮไม่หยุด ฉันก็เลยปั่นจักรยานชนเขาจนขาเป็นแผล

    แสบนี่หว่า

    ฮ่า ๆ

    ทั้งคู่หัวเราะกับเรื่องที่แบคฮยอนเล่าให้ฟัง หลังจากที่ลู่หานเดินเข้ามาในนี้โดยไม่ตั้งใจเพียงแค่อยากรู้ว่าใครที่เข้าเวรแทนมินซอก ถ้ารู้แล้วก็จะกลับไปที่ห้อง ถึงจะคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว...แต่พอเห็นชานยอลอยู่กับแบคฮยอนสองต่อสองมันก็หน่วงดีเหมือนกัน

    กว่าจะได้อยู่ตามลำพังก็นั่งอึดอัดกันนานสองนานจนกระทั่งชานยอลเอ่ยปากว่าจะลงไปเอามื้อเช้าขึ้นมาให้ ไอ้ตัวเขาไม่อยากเป็นตัวทำลายบรรยากาศเพราะขึ้นมาทีหลังเลยพยักหน้าส่ง ๆ ไปจนกระทั่งได้อยู่กันสองต่อสองสักที ปล่อยให้ความเงียบกดดันอยู่พักใหญ่สุดท้ายก็เป็นเขาที่เริ่มชวนคุยก่อน หลังจากที่ทำเรื่องไม่ดีกับมินซอกไปแล้วเขาก็ควรกลับไปเป็นคนเดิมให้เร็วที่สุด ถึงมันจะเป็นเรื่องยาก...แต่ถ้ายังอยากเห็นแบคฮยอนยิ้ม...ลู่หานก็ต้องทำให้ได้

    กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยานะ

    ไม่กินได้ป่ะ ไม่ชอบ

    อะไรกัน ฉันไม่เคยเห็นใครบอกว่าชอบกินยาเลยสักคนเดียว แต่ที่กินก็เพราะว่ามันจำเป็นนะ แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนข้าง ๆ ที่เอาแต่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น

    แล้วจะกินก็ได้

    โตแล้วยังต้องให้บ่นเรื่องกินยาอีก แบคฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบ ลู่หานยีหัวอีกคนแรง ๆ เพราะหมั่นเขี้ยวพอเห็นอย่างนั้นร่างเล็กก็หัวเราะแล้วปัดมือออก

    ก็อยากให้บ่นอ่ะ บ่นบ่อย ๆ เลยได้ป่ะ

    ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบคนนิสัยเหมือนฉัน ลู่หานเลิกคิ้วมองเมื่อได้ยินคนตัวเล็กพูด

    เหมือนยังไง

    ก็พูดไม่ฟัง หัวรั้น เอาแต่ใจ ฉันยังบังคับตัวเองไม่ได้แล้วจะไปบังคับนายได้ยังไงล่ะ

    นั่นสิ ลู่หานหัวเราะนายดูโตขึ้นนะ พอนึกถึงวันแรกที่รู้จักกัน ลู่หานมองคนข้าง ๆ ที่ยิ้มบาง ๆ ขณะมองไปยังท้องฟ้ายามเช้า จากลูกแหง่ติดพี่ชาย แสดงความเห็นแก่ตัวให้ทุกคนเห็นตอนนี้กำลังมองโลกกว้างขึ้นจนเขาประหลาดใจ

    แล้วมันดีไหม?

    ก็ต้องดีอยู่แล้ว

    อื้อ แบคฮยอนอมยิ้ม

    ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว คิดอะไรอยู่หรือไง

    เปล่า ฉันแค่คิดว่าถ้าทุกคนมองฉันเหมือนที่นายมองเห็นก็คงดี แบคฮยอนหัวเราะเบา ๆ หากแต่ร่างโปร่งกลับหุบยิ้มลง

    ไม่ดีหรอก แบคฮยอนเลิกคิ้วมองลู่หานที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ฉันไม่อยากให้ทุกคนมองนายเหมือนกับฉัน

    เอ๋?

    เอ่อ...ฉันแค่จะบอกว่าคนเราไม่เหมือนกันก็ต้องมีมุมมองที่ต่างกันออกไปน่ะ ลู่หานยิ้มบาง ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันหลังกลับไปมองผู้มาใหม่ที่กำลังถือถาดอาหารเข้ามา

    ผมช่วย แบคฮยอนรีบวิ่งเข้าไปช่วยชานยอลถือของในขณะที่ลู่หานได้เพียงแต่มองคนสองคนที่เอาแต่สบตากันแล้วอมยิ้มอย่างมีความหมาย

     

     
     

    รอยยิ้มที่ต่างคนต่างมีให้กัน...

     

     
     

    คุณกาฮีทำซุปร้อน ๆ มาให้คุณด้วยนะ รีบทานตอนที่มันยังร้อน ๆ สิครับ ชานยอลว่าแล้วหมุนฝากระติกเก็บความร้อนออก ถึงจะเต็มไปด้วยความหวังดีแต่ลู่หานกลับไม่รู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ปาร์คชานยอลกำลังมอบให้เลยสักนิด

    ยิ่งเห็นแบคฮยอนนั่งลงข้าง ๆ ชานยอลแทนที่จะกลับมานั่งที่เดิมแล้วก็ยิ่งรู้สึกแย่ เขาควรจะทำอะไรในตอนนี้ดี ก็ตั้งใจไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าได้คุยกับแบคฮยอนอีกครั้งเขาจะพยายามเป็นเหมือนเดิมแล้วมองข้ามความรู้สึกตัวเองไปซะ

    ถ้าเดินออกไปตอนนี้แบคฮยอนคงไม่สบายใจแน่...แต่ถ้าอยู่ต่อไปคงได้เห็นภาพบาดตาชัดขึ้น...

    คุณชอบข้าวโพดหรือเปล่า?

    ชอบครับ แบคฮยอนพยักหน้า พอเห็นคนตัวเล็กมีท่าทีสนใจชานยอลก็หักข้าวโพดออกเป็นสองท่อนแล้วเอาส่วนที่ยังมีก้านเล็กน้อยให้อีกคนถือ

    ระวังนะ มันร้อน

     

     
     

    เหมือนกับอากาศธาตุ...ลู่หานรู้สึกอย่างนั้น...

     
     

     

    รีบกินเถอะ นายสองคนจะได้ไปพักผ่อน

    อ่า...พูดถึงเรื่องพักผ่อน...เห็นทีว่าเราควรจะประชุมกันหลังจากที่คุณกับจงอินหายป่วยแล้ว

    คุยเรื่องอะไรล่ะ ลู่หานถามทั้งที่สายตาจ้องมองไปยังข้าวในถาดที่สีสันก็ไม่ได้น่ากินนัก แต่ในเวลาแบบนี้เขาคงคาดหวังกับสเต๊กเนื้อสันในจานใหญ่ไม่ได้ แบคฮยอนมองอีกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินราวกับหิวมาจากไหนทั้งที่จริงแล้วลู่หานก็แค่ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองเขากับชานยอลเท่านั้น

    ที่คุยกันว่าจะไปจัดการพวกกินคนในหอหญิงน่ะ

    อ้อ จะไปวันนี้เลยก็ได้นะ ฉันหายแล้ว

    ได้ยังไงกัน จงอินก็ยังไม่หายดี ชานยอลก็ยังไม่ได้นอน แล้วนายก็ใช่ว่าจะหายดีแล้ว รออีกสักวันสองวันสิ แบคฮยอนท้วงขึ้นมาหลังจากได้ยินลู่หานพูดโดยที่ไม่นึกถึงคนรอบข้าง คนถูกขัดเงยหน้าขึ้นมา ลู่หานทำหน้าเหรอหราก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ

    เออว่ะ โทษที

    เป็นรอยยิ้มที่โง่ที่สุดในโลกลู่หานรู้สึกอย่างนั้น แม้ว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ และดูเหมือนว่าดวงตาคู่นั้นจะอ่านใจเขาออกจนหมด แต่หมอนั่นเลือกที่จะเก็บเอาไว้

    แค่จะโชว์พาวว่าฉันเจ๋งนะ ป่วยแล้วยังบู๊ได้ ลู่หานปั้นหน้าปั้นตาแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน แบคฮยอนส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วเป่าเอาความร้อนออกจากข้าวโพดในขณะที่อีกสองคนยังคงจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น

     
     

     

     

     
     

     

    กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างสนใจกับอาหารมื้อเช้า แต่ใครคนหนึ่งกลับเลือกที่จะเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า แกเป็นคนฉลาดนะลู่หาน ปู่ของเขาเคยบอกแบบนี้ตั้งแต่เด็กและเขาก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด

     

     

    แต่จริง ๆ แล้วผู้ชายอย่างลู่หานก็เป็นแค่คนโง่ที่ทำเหมือนว่าฉลาดเสียเต็มประดาก็เท่านั้น

     

     
     

    แอ๊ด...



    ทั้งสามคนหันไปมองที่ประตูทางเข้าดาดฟ้าแล้วก็พบเด็กหนุ่มที่ชะงักและเดินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งราวกับตกใจที่เห็นพวกเขา สายตาภายใต้เลนส์แว่นนั้นหลุบลงราวกับไม่อยากมองแต่ถึงอย่างนั้นผู้มาใหม่ก็เดินเข้ามาข้างในและตรงดิ่งไปหาปืนไรเฟิลที่พิงอยู่กับกำแพง

    อรุณสวัสดิ์มินซอก เป็นแบคฮยอนที่เอ่ยทักทายขึ้นมาก่อนและก็ได้การทักทายตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าแบบส่ง ๆ ทั้งที่ไม่หันกลับมามอง

    ลู่หานมองตามมินซอกทุกการเคลื่อนไหวหากแต่คนตัวเล็กกลับไม่หันมามองหน้าเขาเลยสักนิด ถ้าคิดแบบเข้าข้างตัวเอง...มินซอกอาจจะกำลังโกรธที่เขาขึ้นมาอยู่บนนี้สินะ แน่นอนว่ามินซอกกำลังเข้าใจผิดและเข้าใจถูกไปพร้อม ๆ กัน แต่ถ้าจะให้เข้าไปอธิบายตอนนี้เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเด็กคนนั้นคงไม่ฟัง

    ขึ้นมาเฝ้าเวรเหรอ?

    อืม

    แล้วแอลโจล่ะ แบคฮยอนถามต่อ

    เราไม่แลกเวรกันแล้ว มินซอกตอบสั้น ๆ แล้ววางไรเฟิลลงที่เดิมก่อนจะคว้ากล้องส่องทางไกลขึ้นมาห้อยคอแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงรั้วดาดฟ้า

    มินซอก

    ...

    กับแบคฮยอนยังพอฝืนตอบคำถามได้ แต่เสียงของคน ๆ นี้กลับทำให้เขาพูดไม่ออก เด็กหนุ่มไม่ได้ขานตอบ ราวกับว่าเสียงนั้นเป็นเสียงจากสายลมที่พัดผ่านไป เขาควรจะทำอะไรสักอย่างสิ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเมินลู่หานจนผิดสังเกตแบบนี้ สุดท้ายก็ตัดสินใจหันไปยิ้มทักทายให้กับทั้งสามคน ยิ้ม...แบบขอไปที

    ผมแค่ไม่ชินที่มีคนขึ้นมาบนนี้เยอะ ๆ น่ะ

    ถ้าคุณไม่สะดวก พวกเราจะรีบทานแล้วรีบลงไปครับ ชานยอลยิ้มบาง ๆ

    ไม่ใช่อย่างนั้น พวกคุณก็กินกันไปเถอะ ผมไม่เป็นไร มินซอกตอบแล้วหันกลับเข้าหาวิวทิวทัศน์อีกครั้ง

     

     
     

    น่าอึดอัดจริง ๆ ...

     
     

     

    อี้ฟานเคยสอนคุณใช้ปืนสั้นหรือยังครับ? เป็นเสียงของชานยอลที่เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เหมือนกับทุกวัน พอหันไปก็เห็นร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ยังครับ

    ผมว่าคุณน่าจะเรียนรู้ไว้บ้าง เพราะการสู้ในระยะประชิดไรเฟิลคงไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ชานยอลอธิบายถึงเหตุผลให้ฟัง มินซอกเงยหน้ามองคนตัวสูงก่อนจะหันหลังกลับไปหาลู่หานกับแบคฮยอนที่กำลังมองมาทางนี้

    ครับ ไว้ผมจะบอกเพื่อนสอนให้

    เพื่อนของคุณก็คงไม่ได้รู้เรื่องปืนมากไปกว่าคนอื่นหรอก ผมจะสอนให้คร่าว ๆ เอาไว้ป้องกันตัวเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ

    ... มินซอกหันไปสบตากับคนป่วยที่ไม่รู้ว่าหายดีแล้วหรือยัง แต่สีหน้าของลู่หานในตอนนี้ไม่บอกก็รู้ว่าไม่พอใจอย่างยิ่งที่ชานยอลหยิบยื่นความหวังดีให้กับมินซอกแบบนั้น

    ผมให้คุณ

    แต่มันเป็นปืนของคุณไม่ใช่เหรอ? มินซอกถามพลางมองปืนในมืออีกคน

    ที่หามาได้ยังเหลืออีกหลายกระบอก คุณเก็บไว้เถอะ มันไม่ใช่ปืนส่วนตัวของผมหรอกครับ ชานยอลยื่นปืนมาตรงหน้า มินซอกชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วรับมันเอาไว้

    ขอบคุณ

    ส่วนกระสุนสำรองเดี๋ยวผมจะเอาขึ้นมาให้ทีหลัง เราจะเริ่มเรียนกันเลยดีไหม?

    ดูเหมือนว่าความหวังดีของปาร์คชานยอลกำลังเป็นปัญหาสำหรับคนสองคน ลู่หานเท้ามือไว้ข้างหลังแล้วปรายตามองร่างสูงที่กำลังสอนวิธีการใช้ปืนอย่างถูกต้องให้กับมินซอก ในขณะที่แบคฮยอนได้เพียงแค่นั่งมองอยู่เฉย ๆ เท่านั้น

     

    อิจฉา...แล้วก็หวง...

     

    ทั้งที่ไม่มีอะไรแท้ ๆ ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กันนะ...

    เพราะว่าเมื่อคืนชานยอลจูบเขางั้นเหรอ...เพียงแค่นั้นก็ทำให้รู้สึกหึงหวงจนไม่อยากให้ไปยุ่งกับใครเลยใช่ไหม?

    อิ่มแล้วเหรอ พอได้ยินเสียงลู่หานแบคฮยอนเลยหันมาพยักหน้าเป็นคำตอบ

    นายยิงปืนเป็นหรือยัง

    เป็นแล้ว

    เขาสอนให้เหรอ

    อื้ม

    คงสอนจนยิงแม่นเลยสิ

    ไม่ถึงกับแม่นหรอก ฉันยังต้องฝึกอีกเยอะ ไม่ได้เรียนรู้เร็วเหมือนมินซอกหรอก แบคฮยอนยิ้มบาง ๆ

    อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนั้นดิ ลู่หานเหล่มองคนข้าง ๆ ที่กำลังตัดพ้อตัวเอง

    ก็มันเรื่องจริงนี่

    เฮ้ย!”

    แบคฮยอนสะดุ้งจนสุดตัวในขณะที่อีกสามคนหันไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า มือเล็กยกขึ้นทาบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อจงอินในสภาพผ้าปิดปากสีขาวเดินเข้ามากับเซฮุน

    อรุณสวัสดิ์

    อรุณสวัสดิ์

    ขึ้นมากองอะไรกันอยู่บนนี้วะ นี่หาทั่วตึกจนคิดว่ามึงแอบหนีไปไปนอนในหลุมที่กูขุดไว้ให้หรือเปล่า จงอินว่าก่อนจะหยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ ลู่หาน

    เปลี่ยนบรรยากาศมั่ง ลู่หานหันกลับไปมองชานยอลที่เดินไปหยิบซากกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาใส่น้ำฝนที่อยู่ในถังน้ำเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้มันปลิวไปตามแรงลมหากว่าเขาจะตั้งมันไว้บนรั้วดาดฟ้า

    เออ อากาศบริสุทธิ์ดีกูเคยขึ้นมา RIP มึงข้างบนนี้ครั้งนึง แต่แดดไม่ค่อยออกแบบนี้เดี๋ยวฝนคงตกแน่...นี่เด็กดาดฟ้า! เวลาฝนตกนี่ไปแอบอยู่ตรงไหนอ่ะ ตรงนั้นป่ะ?!” ถึงจะป่วยอยู่และมีผ้าปิดปากกั้นไว้แต่จงอินก็ไม่ได้สิ้นฤทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น

    มึงจะไปขัดจังหวะเขาทำไม ลู่หานแค่นยิ้มทั้งที่ยังมองไปยังคนสองคน

    ขัดเหี้ยไร กูถามเพราะอยากรู้

    การเสือกไม่ได้ทำให้มึงฉลาดขึ้นหรอกนะ ได้ทีขอเอาคืนบ้าง จงอินเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ ที่แม่งกัดแหลกจนน่าประหลาดใจ

    ทดลองเป็นตัวกินคนเหรอ กัดกูจังนะ

    จริง ๆ มึงไม่น่าใส่ผ้าปิดปากนะจงอิน ลู่หานดึงผ้าปิดปากสีขาวของอีกคนลงไปไว้ที่คาง

    แล้วจะให้กูใส่ไรวะ

    ตะกร้อครอบปาก

    ไว้ไปครอบหัวพ่อมึงเถอะครับงั้น จงอินตบหัวเพื่อนสนิทไปทีนึงก่อนจะหันไปเห็นปืนไรเฟิลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    เยด มึงนี่เองสินะที่เกือบยิงแสกกลางหน้ากูวันนั้น จงอินลูบ ๆ คลำ ๆ ไรเฟิลแล้วเอาขึ้นมาทาบแก้มแถมยังเอาหน้าถู ๆ กระบอกปืนกวนประสาทอีก

    ระวังปืนลั่นใส่ปากนะสัด

    “HEAD SHOT~” จงอินหรี่ตามองพร้อมกับเปล่งสำเนียงกวนส้นตีนระดับขั้น MAX ใส่คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ ถึงจะไม่เห็นว่าภายใต้ผ้าปิดปากเป็นยังไงแต่ก็พอจะเดาออกว่าไอ้ห่านี่มันกำลังยิ้มกวนอยู่

     

     

    คนกำลังหงุดหงิด แม่งเลือกกวนส้นตีนได้ถูกเวลาจริง ๆ

     

     

     

    เป็นไงบ้างกับการอยู่เฝ้าเวรกลางคืน เซฮุนถามแบคฮยอนที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่

    อ้อ...ก็ไม่เป็นไรนี่... คนตัวเล็กหัวเราะแห้ง ๆ

    อยู่คนเดียวเหรอ? ร่างบางถามด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้ขึ้นมาปั่นป่วนแบคฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่

    เปล่าหรอก แบคฮยอนยิ้มบาง ๆ กับชานยอลน่ะ คนตัวเล็กเม้มปากแล้วหันไปมองร่างสูงอีกครั้ง

    ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เซฮุนยิ้มและดูเหมือนว่าแบคฮยอนก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

    อื้อ...ดีมากเลยล่ะ

    เฮ้ เซฮุนหันไปตามเสียงแล้วก็เห็นจงอินกระดิกนิ้วเรียกเขาอยู่ ร่างบางลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ถือปืนไรเฟิลแล้วก็เลิกคิ้วมอง

    อะไรครับ?

    เห็นชานยอลมันสอนเด็กดาดฟ้าใช้ปืนพกก็เลยนึกขึ้นได้ว่านายก็ควรหัดใช้ไรเฟิลเหมือนกัน

    อ๋อ ได้ครับ เซฮุนพยักหน้าขณะมองไรเฟิลในมืออีกคน

    ถือไว้ คนป่วยวางปืนลงบนมือเรียวก่อนจะเดินอ้อมไปยืนข้างหลังเซฮุน เด็กหนุ่มตั้งปืนขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะผิดท่าจงอินเลยช่วยจัดท่าทางให้แต่ที่เป็นอยู่ทำให้ทุกคนหันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียวกันแม้กระทั่งชานยอลกับมินซอก

    โลกส่วนตัวที่สร้างขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกมองอยู่ทำให้คนที่เหลือหันไปมองหน้ากัน เสียงของจงอินที่กำลังพร่ำสอนอีกทั้งนักเรียนอย่างเซฮุนก็ว่าง่ายเรียนรู้เร็ว ลู่หานชำเลืองมองอีกคนที่นั่งอยู่ห่างราว ๆ สามช่วงแขน สายตาของแบคฮยอนยังคงจับจ้องไปยังผู้ชายคนนั้น

    นั่นอี้ฟานนี่หว่า เล็งไปที่เขาเร็วเข้า

    คุณจะบ้าเหรอ เซฮุนหันไปดุคนป่วยที่กำลังหัวเราะชอบใจขณะที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเขา

    อี้ฟาน!”

    ... ร่างสูงเงยหน้าขึ้นไปยังดาดฟ้าแล้วก็เห็นเด็ก ๆ ที่ยืนมองเขาอยู่บนนั้น ริมฝีปากหยักยิ้มบาง ๆ แล้วยกมือขึ้นป้องระดับสายตา

     

     
     

     

     
     

    ผมหาพวกคุณอยู่นาน ไม่ยักรู้ว่าจะขึ้นมาอยู่บนนี้กันหมด อี้ฟานพูดหลังจากที่เขาขึ้นมาถึงดาดฟ้าแล้ว

    ลู่หานมันอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ

    มีอะไรหรือเปล่าอี้ฟาน? ชานยอลถาม ตอนนี้มีเพียงแค่มินซอกเท่านั้นที่ไม่ได้เข้ามาร่วมสนทนาด้วย เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นส่องกล้องทางไกลเพื่อให้ไม่ว่าง แต่ทุกประโยคที่พวกเขาคุยกันคนตัวเล็กก็ได้ยินหมด

    ผมจะมาคุยเรื่องหอหญิง แต่เพิ่งรู้ว่าคุณไม่สบาย อี้ฟานมองไปทางจงอิน พอได้ยินอย่างนั้นคนอวดดีก็รีบถอดผ้าปิดปากออกทันที

    ใส่กลับเข้าไปเถอะครับ คุณเป็นตัวพาหะ เดี๋ยวคนอื่นจะติดหวัดเอา

    อ้าว ร่างหนาเลิกคิ้วมองเซฮุนที่จู่ ๆ ก็พูดไม่เข้าหูขึ้นมาแต่ถึงอย่างนั้นจงอินก็ใส่ผ้าปิดปากกลับเข้าไป

    ถ้าคุณไม่ไหวก็อยู่พักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องนี้ผมกับคนอื่น ๆ จะจัดการเอง

    ได้ไงกัน? คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายเคยได้ยินเปล่า? จงอินแย้งขึ้นมา เขาไม่โอเคแน่ถ้าเกิดว่าทุกคนจะบุกเข้าไปในหอหญิงโดยที่ไม่มีเขา

    เพื่อนตายก็ฝัง ทุกคนหันไปมองลู่หานที่นั่งทำหน้าตาเฉยอยู่  

    กูจะฝังมึงคนแรก

    ถ้ากำจัดพวกมันให้หมดทั้งโรงเรียนได้ก็ยิ่งดี เพราะผมกลัวว่าสักวันหนึ่งมันจะหลุดเข้ามาได้โดยที่เราไม่รู้ตัว หน้าทางเข้าประตูหลังก็ด้วย เราต้องจัดการกับพวกมันทุกวันแล้วเคลียร์ศพไปทิ้ง อี้ฟานชี้แจงแล้วทุกคนก็เดินไปหยุดอยู่ข้างรั้วดาดฟ้าที่มองเห็นพวกตัวกินคนจากประตูหลังกำลังตะกุยรั้วอยู่

    จริงอยู่ว่ามันไม่ได้มากันเป็นฝูง พวกมันทยอยมาทีละตัว จากหนึ่งตัว สองตัว สามตัว ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างแล้วปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันสังเกตแล้วเริ่มจัดการมันด้วยวิธีเดิมคือการเอาชะแลงแทงหัวมันจากข้างใน

    เออว่ะ ถ้าไม่ทำแบบนั้นรั้วคงพังเข้าสักวัน จงอินทำหน้าครุ่นคิด

    เราอยู่กันเฉย ๆ ไม่ได้แล้ว ทั้งเรื่องอาหาร ความปลอดภัย อะไรหลายอย่างที่ผมอยากให้พวกเราแอคทีฟกันให้มากกว่านี้ อี้ฟานมองทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง

    งั้นก็ไปวันนี้เลย ฉันไหว

    จงอิน เซฮุนมองคนข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง เมื่อคืนเขาก็อยู่เช็ดตัวให้ทั้งคืน มีแอบเผลอหลับไปบ้างแต่ก็สะดุ้งตื่นเพราะจงอินไข้ขึ้นจนต้องเช็ดตัวให้อีกครั้ง

    ฉันรู้ตัวเองน่ะว่าไหวหรือไม่ไหว จงอินหันมาบอกเซฮุนอีกอย่างหอหญิงมันจะมีพวกกินคนสักกี่ตัวกันวะ?

     

     

     

     

     

     
     

    ฮือออออออออออออออ

    แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง !!!

     

     

    อื้อหือ...มากันทั้งหมู่บ้านโคโนฮะ...

    ร่างหนาสบถหลังจากที่ทุกคนยกเว้นมินซอกเดินมาถึงทางเข้าหอพักหญิงแต่มีเทาอีกคนที่เพิ่มมาด้วย ข้างในมีตัวกินคนที่อยู่ในชุดนักเรียน ชุดลำลอง และชุดพละปะปนกันไปหมด เสียงตอนเห็นเหยื่อของพวกมันบ่งบอกถึงความหิวโหยที่อดอยากมานาน

    ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดเดินตัวเบาเข้าไปแล้วจะออกมาในสภาพไหน

    จะได้เดินออกมาไหม พูดงี้ดีกว่า เทาเอามีดแทงเข้าที่หัวเด็กสาวคนหนึ่งจนทรุดตัวลงไปกับพื้น

    ลาก่อนยัยบ้า!!”

    เอ้า... ทุกคนผงะเมื่อเห็นเทาตะคอกใส่ศพเด็กสาวคนนั้น นัยน์ตาคมราวกับใบมีดหันควับกลับมามองทุกคนแล้วสลัดเลือดออกจากปลายมีด

    แฟนเก่าผมเอง

    อ้อ... จงอินกับลู่หานพยักหน้าก่อนจะเหล่มองศพเด็กสาวคนนั้น

    คุณสองคนยังไม่หายดีงั้นก็อยู่เคลียร์แค่ชั้นล่างแล้วกันนะ ส่วนชั้นบนผม ชานยอล เซฮุน แล้วก็เทาจะขึ้นไปเอง

    ... จงอินเหลือบมองเซฮุนที่ไม่ว่าไปไหนมาไหนก็เกาะติดตัวกับเขาตลอด แต่ครั้งนี้อี้ฟานถึงกับออกปากว่าจะให้เซฮุนไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเด็กนี่คงไม่ได้อยู่ในระยะสายตาเขาแน่ ๆ

    ผมจะเดินตามหลังคุณอี้ฟานตลอดเลยครับ

    อืมพอได้ยินเจ้าตัวออกปากแบบนั้นก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ก่อนอื่นเราต้องเคลียร์พวกที่รั้วนี่ให้หมดแล้วค่อยปีนรั้วเข้าไป เพราะถ้าเปิดประตูล่ะก็ เราไม่รู้ว่าจะมีพวกมันโผล่ออกมาอีกหรือเปล่า

    ผมจะอยู่เฝ้าทางออกเอง แบคฮยอนออกปากรับหน้าที่นี้พร้อมกับควักปืนออกมาถือไว้เพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นว่าเขาก็มีอาวุธป้องกันตัวที่เข้าท่ากว่าไม้เบสบอลตอกตะปูเป็นไหน ๆ

    ดี แต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบวิ่งกลับเข้าไปแล้วล็อกประตูทางเข้าหอพักชายทันทีนะ เข้าใจไหม? จงอินชี้หน้าแล้วแบคฮยอนพยักหน้ารับ

    พอมาคิดดูแล้ว...ถ้าเอาเวลามายืนทิ่มหน้าพวกนี้วันนึงคงไม่เสร็จ ผมว่าเราควรแบ่งคนเข้าไปเซอร์เวย์ข้างในด้วย จงอินหันไปบอกอี้ฟาน ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้า

    คุณจะเข้าไปก่อนเหรอ? ชานยอลถาม

    ใช่ ผมกับไอ้ลู่หานจะเข้าไปดูลาดเลาก่อน ถ้าข้างในมีพวกมันอยู่เยอะจะได้รีบเผ่นออกมา เพราะขืนเข้าไปพร้อมกันแล้วเจอเซอร์ไพร์สเกรงว่าเราจะตายกันหมดเพราะพะวงคนที่มาด้วย

    จงอินกระดิกนิ้วเรียกเพื่อนสนิทให้เดินไปทางซ้ายมือ ลู่หานเดินตามมาติด ๆ ก่อนจะชะเง้อหน้ามองเข้าไปข้างใน ร่างหนาปีนรั้วขึ้นไปและส่งสัญญาณเรียกลู่หานอีกครั้ง

    สองคู่หูกระโดดลงไปข้างในหอพักหญิง ในมือของเขามีปืนเก็บเสียงคนละหนึ่งกระบอกหากว่าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ร่างหนาดึงไขควงออกมาจากสนับขาแล้วย่องเข้าไปข้างหลังผีดิบเด็กสาวก่อนจะแทงเข้าที่กลางหัวจนร่างผอมบางเซล้มลงไป

    คนอื่น ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรั้วกำลังช่วยกันเอามีดแทงหัวผีดิบจำนวนมากที่แห่เข้าไปตะกุยรั้วเมื่อเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้า จงอินส่งสัญญาณเรียกให้เทาตามเข้ามาและในเวลาแบบนี้เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับอย่างรู้งาน ร่างสูงรีบวิ่งอ้อมไปทางด้านข้างแล้วปีนรั้วเข้าไป เทาก้มลงต่ำในขณะที่จงอินกับลู่หานยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่หน้าประตูทางเข้าหอพัก

    นี่ประตูไรวะ

    ประตูทางเข้าห้องซักผ้าป่ะวะ...ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยเข้าหอหญิง เทาพูดเบา ๆ แล้วขมวดคิ้วมุ่น

    จากโครงสร้างแล้วกูว่าน่าจะเป็นห้องนั่งเล่นป่ะ คงไม่ต่างอะไรจากหอชายนักหรอก จงอินพูด

    จะห้องหอกอะไรก็ช่างเถอะ พอมึงเปิดประตูปุ๊บ กูบวก ลู่หานที่ดูแล้วเหมือนคนยังไม่หายป่วยดีแต่มันกลับร้อนวิชากว่าคนอื่น ๆ

    ครับพี่ ผมจะเปิดให้เดี๋ยวนี้เลย ใจเย็นนะครับพี่ จงอินโค้งหัวน้อย ๆ ทำท่าเหมือนบ๋อยในร้านอาหารทั้งที่ยังใส่ผ้าปิดปากอยู่

    ลู่หานถือปืนไว้ระดับหัวไหล่เมื่อร่างหนาชูนิ้วขึ้นนับถอยหลังเตรียมความพร้อม เทาเล็งปืนไปข้างหน้าพลางถอยออกไปสามก้าวเพื่อตั้งหลักหากว่าจะมีตัวประหลาดพุ่งออกมาจากประตู

     

     

    แอ๊ด...

     

     

    ค่อย ๆ หมุนลูกบิดออกมาแล้วให้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปในทางเดินแคบขนาดสองช่วงแขน ตัวกินคนในชุดนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ตามทางเดินหันหน้ามาอย่างช้า ๆ ดูเหมือนว่างานนี้เขาจะใช้แค่มีดไม่ได้แล้วสิ

    เอาเถอะ ค่อยออกไปหากระสุนใหม่ พูดจบก็ยิงไปยังกลางขมับผีดิบสาวที่ยืนขวางทางเดินจนล้มลง

    ของเล่นกูล่ะ

    เออลืมไปเลยว่ะ...คาตาน่ามึงอยู่ในห้องแบคฮยอนมั้ง มีอะไรก็ใช้ ๆ ไปก่อนนะครับ จุดนี้จะกลับไปเอาก็ไม่ทันแล้ว

    พอพบเจอกับความมืดทั้งสามคนก็เปิดไฟฉายขนาดเหมาะมือที่พกมาด้วย แสงสว่างเป็นวงกลมส่องเข้าไปพร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวอย่างระมัดระวัง ได้ยินเสียงครางฮืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และมันก็เป็นอย่างที่คิดว่าทางนี้คือทางเข้าห้องนั่งเล่นจริง ๆ

    หมอนอิงที่เคยวางเรียงอยู่บนโซฟาถูกฉีกขาดจนนุ่นหลุดรุ่ยออกมา กลิ่นเหม็นเน่าและคราบเลือดแห้งกรังบนผนัง พื้นพรมและโซฟาตรงหน้าช่างดูสยดสยองจนลู่หานกับเทาต้องยกมือขึ้นปิดจมูก

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

     

     

    ปัง!

     

     

    อันนยอง

    ลู่หานยกปืนขึ้นยิงผีเด็กสาวที่โผล่ออกมาจากมุมห้องให้ตายภายในนัดเดียว พอมองเข้าไปข้างในก็เห็นศพเน่าที่เป็นตัวต้นเหตุของกลิ่น ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนั้นจะกลายเป็นอาหารในทุก ๆ มื้อของพวกมันในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

    มึงไปทางนั้น ส่วนมึงออกไปส่งซิกบอกอี้ฟานให้เข้ามาได้ จงอินบอกหน้าที่ให้กับคนที่มาด้วยทั้งสอง ลู่หานเดินนำไปข้างหน้าส่วนเทาเดินกลับไปที่ประตูทางเข้าแล้วส่งซิกเรียกอี้ฟาน ชานยอล และเซฮุนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้ตามเข้ามา

     

     

     

     

     

     

    คุณไปทางซ้าย ผมไปทางขวา โอเคไหม? อี้ฟานบอกเซฮุนที่ขึ้นมาด้วยกันบนชั้นสามในขณะที่เทากับชานยอลขึ้นไปชั้นสี่ เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วทั้งคู่แยกย้ายกันไปสำรวจทีละห้อง

    ทางเดินเงียบสงบไม่มีตัวกินคนเดินเพ่นพ่านให้เล็งเป้าไปที่หัว และถ้าให้เลือกระหว่างเห็นเป้าหมายชัดเจนกับให้เล่นซ่อนแอบแบบนี้เขาขอเลือกอย่างแรกดีกว่า เซฮุนหันหลังกลับไปมองอี้ฟานที่เพิ่งเปิดประตูออก ร่างสูงเดินเข้าไปข้างในไม่นานแล้วก็เดินออกมา ดูเหมือนว่าห้องนั้นจะไม่มีตัวประหลาดอาศัยอยู่ข้างใน

    ร่างบางหมุนลูกบิดก่อนจะผลักประตูเข้าไปเบา ๆ แล้วตั้งปืนพร้อมกับส่องไฟฉาย เข้าไปในห้องที่ว่างเปล่า...ไม่มีตัวกินคนอยู่ข้างใน ๆ ระยะที่เขามองเห็น ความมืดเพราะผ้าม่านสีเข้มที่ปิดบังแสงแดดทำให้เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ขาเรียวค่อย ๆ ก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ เขาน่ะเกลียดจริง ๆ กับการที่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวหรือเปล่า

     
     

    ครืดด...

     
     

    ดึงผ้าม่านออกให้แสงแดดส่องเข้ามา เขาเก็บไฟฉายไว้กับสนับขาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก แค่คิดว่าบนชั้นนี้มีเพียงแค่เขากับอี้ฟานที่ยังมีชีวิตอยู่มันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแปลก ๆ

    พอได้สติก็หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เด็กหนุ่มคว้ามันมาดูแล้วก็ใจหาย ภาพตรงหน้าคือเด็กสาวคนหนึ่งที่ถ่ายรูปกับครอบครัว มีพ่อ แม่และน้องชายอีกสองคน

     

     

     

    คิดถึงบ้านจริง ๆ

     

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซ!!!”

    “!!!”

    ร่างบางเหวี่ยงกรอบรูปฟาดหน้าอีกฝ่ายทันทีเพราะความตกใจ ร่างของหญิงสาวเปลือยเปล่าเซถอยหลังไปเล็กน้อย เซฮุนก้ม ๆ เงย ๆ เพราะในหัวมันกำลังบอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านะ ถึงมันจะไม่สมควรมองแต่ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นภายในวินาทีนี้เธอต้องฆ่าเขาแน่

    และแล้วก็เป็นอย่างที่คิด หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าบุกเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง เซฮุนเสียหลักล้มลงไปบนเตียงทั้งที่ยังล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ แรงของผู้หญิงที่ว่าน้อยกว่าผู้ชายคงเปรียบเทียบกับผู้หญิงในสภาพตัวกินคนไม่ได้


    กรรรรรรรรรรรรรรซ์


    ฟันคมที่เยิ้มไปด้วยน้ำลายเหนียวสีแดงสดกับดวงตาสีเทาปนขาวกำลังจ้องเอาชีวิตเขา เสียงโหยหวนที่อยู่ใกล้แค่นี้คิดว่าคงต้านเธอไว้ได้อีกไม่นาน เซฮุนออกแรงผลักเธอออกแล้วลุกขึ้นชักปืนออกมาแต่เพราะความกดดันเป็นบ่อเกิดของความลนลานเลยทำให้ปืนตกพื้นไถลไปทางด้านข้าง

    ยังไม่ทันจะวิ่งไปเก็บปืนหญิงสาวร่างเปลือยก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบางมองหาทางหนีทีไล่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นผู้ชายในสภาพเปลือยท่อนบนอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ ถ้าเกิดเขาเลือกที่จะสู้ตอนนี้เห็นทีว่าคงไม่ไหวแน่ เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบผีดิบสาวแล้วเปิดประตูเสื้อผ้าก่อนจะแทรกตัวเข้าไปหลบอยู่ในนั้นในทันที

    เสียงทุบประตูดังไม่หยุดสร้างความหวาดผวาให้กับเด็กหนุ่มกว่าที่เป็นอยู่อีกทั้งความคับแคบภายในที่ทำให้หายใจลำบากยิ่งขึ้น เซฮุนยังคงยื้อดึงประตูตู้เสื้อผ้าเอาไว้

     

     

    เกิดเขาโผล่ออกไปตอนนี้ถ้าไม่ถูกผู้หญิงกัดก็ต้องเป็นผู้ชายคนนั้นแน่

     

     

    ร่างบางดึงมีดพกขึ้นมากำไว้แน่น ริมฝีปากบางสั่นระริกเตรียมพร้อมสู้หากว่าประตูตู้เสื้อผ้าถูกพังเข้ามา ในที่แคบ ๆ แบบนี้คงไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงหอบหายใจของเขากับเสียงทุบประตูจากด้านนอก

     

     
     

    บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงได้มีผู้ชายอยู่ในนี้ได้นะ?!

     
     

     

    กึง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

     

     
     

    อึ่ก!” ร่างบางเกร็งจนมือสั่น ไม่ว่ายังไงเขาต้องยื้อไว้จนกว่าอี้ฟานจะมาช่วย แต่เมื่อไหร่กันล่ะ? ในเมื่อเขาแยกฝั่งกันเรียบร้อยแล้ว 

     
     

     

    กึง!!!

     

     
     

    อ่ะ!!!”

    ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อคราวนี้ประตูมันกระชากออกไปแรงกว่าทุกครั้งแต่ยังโชคดีที่ยังยื้อไว้ได้ หยาดเหงื่อไหลอาบโครงหน้าไปจนถึงซอกคอขาวเพราะความอบอ้าวในตู้เสื้อผ้า เด็กหนุ่มหอบหายใจหนัก ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมเสี่ยงถูกกัดอีกครั้งแน่ ๆ

     

     

     

    จริงอยู่ที่เขาถูกกัดแล้วไม่เป็นไร...

    แต่มันจะโชคดีไปซะทุกครั้งเลยเหรอ?

     

     

     

    ...

     
     

     

    เสียงทุบประตูเงียบไปแล้ว...

     

     

     

    ...

    เด็กหนุ่มนั่งนิ่งหากแต่มือของเขายังคงออกแรงยื้อประตูเอาไว้เผื่อว่าตัวกินคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมันออกแรงกระชากอีกครั้งจะได้ไม่เสียหลัก ชายหญิงคู่นั้นกำลังทำอะไร ยืนอยู่ตรงมุมไหน ถ้าเขาเปิดออกไปแล้วจะหาจังหวะวิ่งหนียังไง เด็กหนุ่มได้แต่พยายามตั้งสติแล้วคิดหาทางหนี

    เวลาผ่านไปน่าจะไม่ถึงนาทีครึ่งโอเซฮุนถึงได้สำเหนียกว่าถ้าเขาไม่ออกไปจากที่นี่คงได้กลายเป็นผีเฝ้าตู้เสื้อผ้าเพราะหายใจไม่ออกแน่ เอาล่ะ...ตั้งสติ...ถ้าโผล่ออกไปเจอคนไหนก่อนก็แทงมันให้เสียหลักแล้วรีบวิ่งออกไปหาอี้ฟานซะ

     

     
     

    กึง!

     
     

     

    มือเรียวดันประตูออกพร้อมกับก้าวขาออกมาจากตู้เสื้อผ้าด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี หันขวาไม่เจอตัวกินคน พอหันมาทางซ้าย...

    “!!!” 

    จังหวะนั้นเองที่เซฮุนเหวี่ยงมีดไปข้างหน้าและคาดว่ามันคงกรีดถูกเนื้อหนังของคนที่คิดจะเข้ามาเอาชีวิตเขา ร่างผอมบางล้มลงไปบนเตียงพร้อมกับร่างใครอีกคนที่คร่อมทับลงมา เด็กหนุ่มยื้อดึงอยู่ได้แค่ครู่เดียวข้อมือทั้งสองข้างขยับไม่ได้เพราะถูกตรึงไว้กับผืนเตียง ใบหน้าเรียวเบือนหลบพร้อมกับดิ้นทุรนทุรายเพื่อหาทางเอาชีวิตรอด

    อี้ฟาน! ช่วยด้วย!”

    เซฮุน! เฮ้!”

    ...!!!” ร่างบางลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนที่อยู่บนร่างเรียกชื่อของเขาแล้วก็พบกับใบหน้าคมที่ห่างกันไม่ถึงช่วงแขน

    จ...จงอิน?

    ไม่เป็นไร...นายปลอดภัยแล้ว...

    มีพวกมันอยู่ในห้องนี้สองคน เซฮุนพยายามจะหยัดตัวขึ้นพร้อมกับหันซ้ายขวาหาเป้าหมายแต่ก็ต้องกลับไปนอนลงบนเตียงอีกครั้งเพราะหมดแรงหลังจากขังตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าในระยะเวลาหนึ่ง

    พวกมันตายแล้ว ทีนี้หายใจเข้าลึก ๆ นะ ทำตามที่ฉันบอก ร่างหนาค่อย ๆ คลายมือออกจากข้อมือแล้วเลื่อนไปดึงมีดออกจากมือเซฮุน

    ... นิ้วเรียวยาวไล้หยาดเหงื่อออกจากใบหน้าคนที่นอนหอบหายใจอยู่จนกระทั่งเซฮุนสงบลง ร่างบางจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ยังคร่อมทับตัวเขาอยู่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยเสื้อขาดพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาเล็กน้อย

    "คุณ... ทั้งคู่หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง จงอินก้มลงมองแผงอกตัวเองที่เป็นรอยบาดเป็นทางยาว สีหน้าของเซฮุนดูตกใจกับสิ่งที่เห็นจนเขาคิดว่าต้องรีบพูดอะไรสักอย่างให้เด็กนี่ไม่คิดมาก

    ไม่เป็นไรหรอก แค่เฉียด ๆ เอง

    ผม...ขอโทษครับจงอิน ร่างบางเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด คงเป็นเพราะเมื่อกี้เขาตกใจมากเลยเหวี่ยงมีดไปโดยที่ไม่ดูเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนหรือผีดิบกันแน่

    ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง จงอินตอบปัด ๆ แล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวคนที่นั่งก้มหน้าสำนึกผิดอยู่บนเตียง เซฮุนเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนเช็คความเรียบร้อยของผีดิบทั้งสองคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

    คาดว่าไอ้เด็กเวรนี่คงแอบปีนเข้าหอหญิง รอยถูกกัดก็มีทั้งคู่...แต่ที่สงสัยคือใครเป็นคนเข้ามากัดสองตัวนี้ตอนกำลังเอากันวะ... จงอินพึมพำกับตัวเองแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ไอ้เด็กเวรนี่มันสมควรตายแล้วที่บังอาจปีนเข้าหอหญิงเพื่อมาซั่มสาวแบบนี้

    โอ้...มีเสื้อผ้าผู้ชายด้วย แสดงว่าคงแอบปีนเข้ามาบ่อย ใครเป็นคนคุมหอพักหญิงวะ ร่างหนายังคงพูดกับตัวเอง พอเปิดตู้เสื้อผ้าก็เห็นเสื้อยืดแฟชั่นของผู้ชายแขวนอยู่ข้างใน

    จงอินครับ

    ว่า? เขาขานตอบทั้งที่ยังกวาดสายตาสำรวจความเรียบร้อย พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นเซฮุนยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

    ล้างแผลหน่อยนะ เซฮุนไม่ได้สบตากับเขา ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองบาดแผลที่สร้างความปวดแสบปวดร้อนแต่ที่ไม่พูดก็เพราะไม่อยากให้เซฮุนรู้สึกผิดก็เท่านั้น

    อ้อ จงอินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แค่ล้างแผลซะจะได้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องถูกเด็กหน้าตายบ่นความยาวสาวความยืดอีก

    พอเปิดก๊อกน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมองกระจกก็เห็นเซฮุนเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ แล้ว มือเรียวของเด็กนั่นดันไหล่เขาให้หันหน้าเข้าหากัน จงอินมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังจะช่วยล้างแผลให้โดยการถลกเสื้อของเขาขึ้นสูง

    จับไว้ก่อนครับ ร่างหนาจับเสื้อที่ถูกถลกขึ้นมาเหนือแผงอกเอาไว้แล้วมองคนที่กำลังเอาเสื้อยืดสีขาวของผู้หญิงที่คิดว่าเซฮุนคงไปค้นมาจากตู้เสื้อผ้ามาชุบน้ำก่อนจะซับลงบนแผนอกเขา

    อ...อา

    ขอโทษนะครับ

    ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง... ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ฟันที่ขบเข้าหากันตอนผ้าเย็น ๆ ทาบลงบนแผลสุดมันก็แสบเอาเรื่อง

    ผมควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ผมผิดเองที่สะเพร่า

    อืม

    เลยทำให้คุณต้องเจ็บ ประโยคนี้เบาหวิวไป จงอินมองอีกคนที่ยังคงช่วยล้างแผลให้กับเขาแล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมากุมข้อมืออีกคนเอาไว้

    ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม?

    ครับ?

    เซฮุนช้อนตามองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาจริงจัง มือหนาที่กุมข้อมือเขาถึงจะไม่แน่นมากแต่มันก็ทำให้รู้ได้ว่าจงอินจริงจังกับเรื่องที่กำลังจะพูดมากแค่ไหน พอมาถึงตอนนี้ก็ได้แต่คิดว่าจงอินขึ้นมาบนชั้นสามได้ยังไงในเมื่อทุกคนแบ่งหน้าที่เรียบร้อยแล้ว...

     

     

     

    ที่จงอินมา...ก็เพราะว่าเป็นห่วงเขา...

    ...ใช่ไหม?

     

     

     

     

    รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้นายอยู่ไกลเกินระยะสายตาที่ฉันจะมองเห็นได้น่ะ

     

     


     

     

     








     

    TBC

     

     

    สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน ขอให้มลินมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง ศัตรูพ่ายแพ้ มิตรสหายรักใคร่ ได้แฟนซายน์พี่ลู่ อยู่กินกันอย่างมีความสุข

    #คือร้ะ

     

    สวัสดีวันปีใหม่นะคะทุกคน อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะคะเพื่อนผองชาวซอมบี้ไลน์ทั้งหลาย

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×