ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22 :: Hold On

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.46K
      178
      23 มี.ค. 57

    ? Tenpoints!

     


     

    Chapter 22

    Hold On

     

     
     

     

     

    แกร่ก แกร่ก...

     

     

    ตึก ตึก... ตึก ตึก...

     

     

    แกร่ก แกร่ก...

     

     

     

    เสียงหลอดไฟที่กำลังติด ๆ ดับ ๆ ปลุกให้ร่างบางลืมตาขึ้นหลังจากสลบไปในช่วงเวลาหนึ่ง แพรขนตายาวค่อย ๆ กะพริบปรับสภาพสายตา สิ่งแรกที่เห็นคือพนังสีครีมของรถไฟฟ้ากับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนจมกองเลือดเลอะประตูเต็มไปหมด ใช่...มันคือประตูที่เขานอนทับอยู่ในตอนนี้ พอกลอกตาไปอีกนิดก็เห็นผู้ชายวัยทำงานอีกคนนอนคอพับอยู่ส่วนเพดานรถไฟฟ้า ภาพมันพลิกกลับไปอีกด้านราวกับโลกขนาน

    อึ่ก!”

    ความเจ็บแล่นปราดไปทุกอณู เซฮุนพยายามหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็รู้สึกปวดไปทั่วแผ่นหลังเพราะแรงกระแทกจากอุบัติเหตุเมื่อครู่ ร่างบางนิ่วหน้าพร้อมกับกุมหัวไหล่ข้างขวา สภาพรถไฟฟ้าในตอนนี้เละเทะไม่เหลือชิ้นดี ผู้คนหมู่มากที่เคยยืนเบียดเสียดกันเมื่อก่อนหน้านี้ปัจจุบันนอนล้มทับกันจนแทบแยกไม่ออกว่าใครตายแล้วใครมีชีวิตอยู่

    ซากศพชายหญิงเป็นสิบนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เขาปวดไปทั้งตัวเพราะปลิวไปกระแทกกับประตูทางออกแต่แลกมากับการที่ไม่ถูกคนเป็นสิบทับจนขาดอากาศหายใจตายไปตอนสลบ

    บางคนคอหัก บางคนมีรอยบาดแผลเนื้อขาดวิ่นออกจากซอกคอและแขนขาบางส่วน แต่ยังมีใครอีกหลายคนที่ยังส่งเสียงโอดครวญกับความเจ็บปวดที่ได้รับหากแต่พวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้

    ไฟสีขาวติด ๆ ดับ ๆ ชวนให้ขนลุก เรียวขายาวก้าวข้ามผ่านศพที่นอนจมกองเลือดไปยังเบาะนั่งตัวถัดไปอย่างทุลักทุเลเพราะสภาพรถไฟฟ้าพลิกคว่ำ เด็กหนุ่มนั่งลงยอง ๆ ตรงหน้าเด็กมัธยมรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่กำลังเอื้อมมือขึ้นมาราวกับต้องการความช่วยเหลือ

    นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองเศษกระจกรถไฟฟ้าชิ้นใหญ่ที่ปักอยู่กลางอก มันฝังลึกลงไปมากเท่าไหร่เขาไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ ๆ ดูเหมือนว่าความอดทนของเด็กคนนี้จะเหลือน้อยอยู่เต็มที ไม่รู้ว่าติดอยู่ในนี่มานานแค่ไหน มองไปทางขวาก็พบกับเพดานรถไฟ มองไปทางซ้ายก็พบกับพื้นทางเดิน เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าภายนอกเป็นอยู่ยังไง ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองกระจกบนที่นั่งสีขาวที่แตกออกและดูเหมือนว่ามันคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาหนีไปจากที่นี่ได้

    ลุกไหวไหม เซฮุนถามแล้วก็ช่วยประคองเด็กคนนั้นขึ้นมาหากแต่เมือเรียวเล็กกลับบีบแขนเขาเอาไว้พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

    อ่ะ...อ...อย่าเพิ่ง...ขยับตัวผม...

    ... ร่างบางค่อย ๆ วางอีกฝ่ายลงที่เดิมเมื่อเลือดสีสดทะลักออกมาตอนที่ขยับตัว เด็กหนุ่มหอบหายใจหนัก ใบหน้าซีดเผือดขณะปรือตามองเขา

    ผมคงไม่รอดแล้วล่ะ...

    อย่าพูดแบบนั้นสิ ข้างนอกต้องมีหน่วยกู้ภัยอยู่แน่ ๆ เซฮุนพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ

    ป่านนี้พวกเขาก็คงเป็นเหมือนกับ พวกมันแล้วล่ะ...

    ...

    คุณต้องรีบหนีก่อนที่พวกมันจะมา...

    พวกมันงั้นเหรอ? ร่างบางฉายแววตาสงสัย

    เด็กหนุ่มเอามือกดตรงปากแผลที่มีกระจกเสียบอยู่เอาไว้พลางเลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วมองคนตรงหน้า

    พวกคนบ้า...ที่ไล่กัดทุกคน

    ... พูดแค่นั้นเซฮุนก็จับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเรียบเรียงได้ถูก ร่างบางหลุบสายตาลงเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ พวกคนคุ้มคลั่งที่ไล่กัดคนด้วยกันเหมือนกับหมาที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้านั่นน่ะ

    พวกคนที่รอด...ถูกหน่วยกู้ภัยช่วยออกไปแล้วส่วนหนึ่ง...แต่คนพวกนั้น...ไม่ได้กลับเข้ามาสักพักแล้ว เด็กหนุ่มพูดเมื่อเขาได้เพียงแค่นอนรอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยอย่างสิ้นหวัง

    ...

    ผมคงต้องตายจริง ๆ แล้วล่ะมั้ง...

    ไม่สิ ผมจะพาคุณออกไปจากตรงนี้นะ

    อ...อย่า!” เด็กหนุ่มนิ่วหน้าพลางหอบหายใจหนักอีกครั้งเมื่อเขาเริ่มขยับตัว เศษกระจกที่ปักอยู่กลางอกเปรียบเหมือนตะปูเล่มใหญ่ที่ยึดให้เขาอยู่กับที่ เซฮุนได้เพียงแค่ยกมือขึ้นระดับหัวไหล่ เขาไม่ได้แตะตัวคนตรงหน้าอีกเพราะกลัวว่าจะต้องเจ็บด้วยมือของเขา

    ...

    ไปได้แล้ว...ถ้าเกิดข้างนอก...ยังมีหน่วยกู้ภัยเหลือรอดชีวิตอยู่ล่ะก็...ช่วยบอกเขาด้วยว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้...

    ...

    ไป...

    ใบหน้าเรียวเบือนหลบไปอีกทางก่อนจะถอนหายใจออกมากับความรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ เซฮุนหยัดตัวลุกขึ้นยืนพลางมองเด็กหนุ่มที่ยังคงนอนอยู่ที่เดิม ต่อให้เขาจะอยากช่วยคนอื่นมากแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากเกินไปในตอนนี้

    หันไปทางโบกี้ตัวถัดไปก็ต้องหยุดความคิดที่จะเดินไปฝั่งนั้นเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังแย่งกันกินตับไตของคนที่นอนนิ่งอยู่เฉย ๆ เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อเห็นคน ๆ หนึ่งกำลังใช้มือช่วยดึงไส้ของชายหนุ่มในชุดกู้ภัยที่โชกไปด้วยเลือดสีสดออกจากปาก

    มันไม่ใช่เรื่องของคนปกติที่จะมานั่งกินอะไรสักอย่างในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งเป็นเครื่องในของคนด้วยกันยิ่งแล้วใหญ่ เซฮุนพยายามตั้งสติ ไม่ว่าจะควรหรือไม่ควรแต่เขาจะไม่มีวันเข้าไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของคนเหล่านั้นแน่ ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองช่องโหว่ของกระจกแตกที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อครู่ ในเมื่อเขาเดินไปข้างหน้าต่อไม่ได้และข้างหลังก็มีแต่คนเจ็บกับซากศพกองอยู่เต็มไปหมด เห็นทีว่าเขาควรจะใช้ทางนี้เป็นทางหนี

    สิ่งของในกระเป๋ามันคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าโทรศัพท์มือถือ เด็กหนุ่มหยิบติดตัวออกมาแค่นั้นก่อนจะออกแรงปีนขึ้นไปข้างบน ใช้ศอกทั้งสองข้างค้ำไว้เพื่อทรงตัวแต่ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเจ็บตรงหัวไหล่มากเท่านั้น

     

     

    กรรรรรรรรรรรซ์

     

     

    ปีนยังไม่ถึงไหนร่างของเขาก็กระตุกจนเกือบตกลงมาเพราะแรงดึงที่ขาข้างขวา เด็กหนุ่มยื้อแขนเอาไว้จนเศษกระจกตรงริมขอบบาดมือเข้า พอก้มลงไปข้างล่างก็พบกับชายคนหนึ่ง นัยน์ตาแดงก่ำพร้อมกับปากที่กำลังอ้ากว้างเพื่อจะกัดขาของเขา

    ร่างบางสะบัดขาออกอย่างแรงเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของผู้ชายที่ไม่เอ่ยแม้แต่คำทักทาย เขาคนนั้นเอาแต่ส่งเสียงคำรามในลำคอพร้อมกับสายตาที่จ้องจะเอาชีวิต พยายามสะบัดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมือเหนียวหลุดออกจากขาเขาได้ในที่สุด เซฮุนกัดฟันฮึดเอาแรงสุดท้ายพาตัวเองปีนขึ้นไปบนตัวรถอย่างทุลักทุเล

    ...

    ร่างบางหอบหายใจหนักแต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่ทำให้เขาตกใจมันจะไม่จบสิ้นแค่นี้เมื่อมองไปตามอุโมงค์ทางยาวของรถไฟฟ้าก็พบคนจำนวนหนึ่งที่เดินอยู่ในท่าทีแปลก ๆ ขอเดาเอาเองว่าคนกลุ่มนั้นน่าจะเป็นพวกที่ไล่กัดคนอื่นเพื่อแพร่เชื้อระบาด พอหันไปทางชานชาลาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็พบกับกลุ่มคนที่กำลังแย่งกันกันเนื้อหนังคนตายอย่างเอร็ดอร่อย

    ...

     

     
     

    นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

     

     
     

    คำถามเดียวที่เขาอยากรู้คำตอบในตอนนี้ก่อนที่คำถามที่ไร้คำตอบอีกมากมายจะต่อคิวให้สมองได้เริ่มประมวลผล เจ้าหน้าที่ประจำสถานีหายไปไหน? คนอื่น ๆ หรือหน่วยกู้ภัยที่พูดถึงล่ะ?

    พอหันไปอีกทางก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งปีนออกมาจากโบกี้ท้ายสุดอย่างทุลักทุเล เสื้อผ้าของเธอเต็มไปด้วยเลือดซึ่งเขาดูไม่ออกว่ามันเป็นของเธอหรือของคนอื่นกันแน่

    หญิงสาวแผดร้องดังก้องไปทั่วอุโมงค์มืดขณะกำลังวิ่งหนีผู้ชายสามคนที่ตามเธอไปติด ๆ และเสียงนั่นเรียกความสนใจจากกลุ่มคนที่กำลังกัดกินซากศพบนชานชาลาให้หันไปมอง พวกเขาทุกคนลุกขึ้นวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นที่กำลังหนีตายเอาชีวิตรอดเข้าไปในอุโมงค์ลึกที่รถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่งขับผ่านเข้ามา

    ช่วยด้วย!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!”

    ฮืออออออ

    เด็กหนุ่มขยับตัวไม่ออกเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างชายหนุ่มสามคนที่เข้าไปกัดกินร่างกายของเธอ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น คนที่ตามหลังไปติด ๆ อีกสี่คนก็แหวกทางเข้าไปแย่งราวกับอดอยากมาจากไหน

    เสียงของเธอเงียบไปแล้ว...ไม่มีเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ไม่มีเสียงอะไรใด ๆ อีก ริมฝีปากบางสั่นระริกเพราะความน่าสยดสยองของภาพตรงหน้า เขาไม่มีเวลาประมวลผลว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ยังไงและมันเริ่มต้นจากไหน แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้เขาต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

     

     
     

    สถานีกิลดง

     

     
     

    สถานนีกิลดง...เขาต้องย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อไปหาพ่อที่สถานีคังดงแต่ต้องไม่ใช่ทางอุโมงค์มืดนั่นแน่ ๆ เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะนี้กระโดดลงไปข้างล่างก่อนจะวิ่งข้ามรางรถไฟไปยังชานชาลาฝั่งตรงข้าม ใบหน้าเรียวก้มลงมองบาดแผลกระจกบาดมือแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่นเพราะความเจ็บปวด แต่ทันทีที่ปีนขึ้นไปบนชานชาลาได้เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มสี่ห้าคนวิ่งตามขึ้นมาหากแต่คนเหล่านั้นกลับไม่คิดที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขาเลยแม้แต่น้อย

    คนพวกนั้นดูปกติ สังเกตได้จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับการหันมามองหลังเป็นระยะขณะวิ่งหนี พอเห็นอย่างนั้นเขาก็รีบวิ่งตามไปเพราะอย่างน้อยการอยู่กับคนหมู่มากก็ยังดีกว่าอยู่ตามลำพัง

    ทางนั้น!”

    รีบวิ่งเร็วเข้า พวกมันมากันแล้ว!!”

     

     
     

    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

     

     
     

    อ๊ากกกกกกกกกกก

    ร่างของชายหนุ่มในชุดพนักงานบริษัทชักกระตุกเมื่อถูกปืนกลสาดใส่จนหงายหลังตกลงมาตามบันไดเลื่อนที่ยังเคลื่อนตัวไปข้างบน ทุกคนหยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองปากทางออกที่เป็นทางรอดเดียวในตอนนี้แต่ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นหนทางที่นำไปสู่ความตายเสียมากกว่าเมื่อตำรวจในชุด S.W.A.T. ต่างสาดกระสุนมาไม่ยั้ง

    ร่างบางรีบถอยหลังกลับเมื่อตำรวจเหล่านั้นเล็งปืนมาทางนี้ เสียงปืนลั่นขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงหวีดร้องของคนที่วิ่งตามหลังเขากลับมา เซฮุนหันกลับไปมองร่างที่นอนจมกองเลือดแล้วก็หยุดชะงัก ริมฝีปากสั่นระริกพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากขมับชื้น ขาทั้งสองข้างเกร็งสั่นจนคิดว่าถ้าวิ่งต่อไปเขาคงสะดุดล้มได้ง่าย ๆ

    เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าคนไหนติดเชื้อและคนไหนยังไม่ติด?!”

    ผมไม่มีเวลามาแยกแยะหรอกว่าใครติดเชื้อหรือไม่ แต่สิ่งที่คุณต้องทำในตอนนี้คือหยุดการระบาดภายในสถานีนี้เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปที่อื่น

    ครับผม!”

    เสียงขานตอบรับคำมอบหมายเป็นสัญญาณเตือนให้โอเซฮุนเตรียมตัวออกวิ่งอีกครั้ง เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาแล้ววิ่งเลียบไปตามผนังก่อนจะหลบเข้าไปซ่อนข้างตู้น้ำอัดลมหยอดเหรียญแล้วค่อย ๆ ย่อตัวลงต่ำ

    ตำรวจพวกนั้นวิ่งผ่านไปแล้ว...เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้เขาไม่แน่ใจเลยว่าคนที่ถูกยิงคือคนปกติหรือพวกคนคุ้มคลั่งที่วิ่งไล่กัดคนอื่น เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติ

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะอันตรายไปหมด อย่างที่เห็นกับตาว่าตำรวจเหล่านั้นกราดยิงใส่ทุกคนที่ขวางหน้าโดยที่ไม่สนเลยว่าจะ ติดเชื้อหรือไม่ ร่างบางชะเง้อมองออกไปข้างนอกเพียงเล็กน้อย พอแน่ใจว่าไม่มีตำรวจหรือตัวประหลาดอยู่ข้างนอกเขาก็ย่องออกมาอย่างช้า ๆ

     

     
     

     

     

     

     

     

    สถานีคังดงอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าอาศัยจังหวะวิ่งไปโดยที่ไม่หยุดภายในไม่กี่นาทีก็คงถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก ทันทีที่ร่างบางออกมาพบกับแสงสว่างขาของเขาก็หยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า...

    รถตำรวจ รถเมล์ รถยนส์ส่วนตัวที่จอดแออัดกลางถนนเกิดไฟลุกโชนเพราะอุบัติเหตุ ผู้คนมากมายต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดพวกคนคุ้มคลั่งที่กำลังไล่ตามหลังไปติด ๆ บางคนเดินช้า บางคนเดินเร็ว บางคนกำลังตั้งหน้าตั้งตากินกัดกินคน...เซฮุนส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองจนกระทั่งเสียงระเบิดดังขึ้นจนต้องหมอบลงตามสัญชาติญาณ

     

     
     

    ครืน...!!!

     
     

     

    ควันสีเทาดำลอยขึ้นบนอากาศในเวลาถัดมา เสียงหวอรถพยาบาลประสานกับเสียงกรีดร้องบีบให้เขาแทบเป็นบ้า ร่างบางวิ่งไปหลบหลังพุ่มไม้เมื่อเห็นตำรวจขับรถมาจอดทางนี้ก่อนจะชักปืนออกมายิงผู้คนที่วิ่งสวนกันอยู่บนถนน ตอนนี้เขาชักจะแน่ใจแล้วว่าสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้คำว่าประชาชนคงไม่ได้อยู่ในหัวของตำรวจ คำว่าความปลอดภัยคืออะไร ไม่มีใครสามารถเข้าถึงมันได้อีก

    ไม่ว่าจะ ถูกกัด หรือ ไม่ถูกกัด ยังไงตำรวจพวกนั้นก็คงยิงไปยังเป้าหมายโดยที่ไม่ลังเล แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่ควรเสนอหน้าวิ่งออกไปตามถนน แม้กระทั่งบนทางเดินเท้าที่เคยเป็นที่ปลอดภัยต่อรถรา เซฮุนก้มลงต่ำแล้ววิ่ง ๆ เดิน ๆ ไปตามทาง

    ทั้งต้องหลบวิถีกระสุนตำรวจ ทั้งต้องวิ่งหลบคนที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกับพวกคนคุ้มคลั่งในสถานการณ์ตอนนี้ การที่จะไปให้ถึงสถานีคังดงมันเริ่มจะเป็นเรื่องยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ร่างบางนิ่วหน้าเจ็บเมื่อถูกชนตรงหัวไหล่ข้างขวาจนเซไปข้าง ๆ ถ้าจะให้หวังคำขอโทษจากปากมนุษย์ด้วยกันในตอนนี้คงเป็นเรื่องตลกจนเกินไป เด็กหนุ่มกัดฟันวิ่งต่อไปข้างหน้าแม้ว่าร่างกายของเขาจะยังคงเจ็บปวดจากอุบัติเหตุในรถไฟใต้ดิน

    ระหว่างทางก็นึกขึ้นได้ถึงครอบครัวที่อยู่บ้าน มือเรียวล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก แต่รอสายเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับ นั่นทำให้เขาเป็นกังวลจนแทบบ้า เด็กหนุ่มยังคงกดโทรออกอยู่อย่างนั้นขณะที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด

    เสียงหอบหายใจที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าไม่ได้ทำให้ขาของเขาหยุดวิ่งได้แต่เสียงฮอลิคอร์ปเตอร์ที่เพิ่งขับผ่านหัวเขาไปกลับสร้างความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด พอหลุบสายตาลงก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางนี้ สองแขนยาวเอื้อมตรงหน้าพร้อมกับริมฝีปากอ้ากว้างเตรียมที่จะกัดเขาได้ตลอดเวลา นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงก่อนที่ขาซ้ายจะก้าวถอยหลัง แต่ยังไม่ทันได้เข้ามาถึงตัวร่างของชายคนนั้นก็ปลิวทะลุเข้าไปในกระจกร้านกาแฟที่อยู่ตรงซ้ายมือเพราะถูกรถคันหนึ่งขับพุ่งชนใส่

     

     
     

    ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!

     
     

     

    เสียงแตรดังลั่นเพราะหน้าคนขับฝังลงกับพวงมาลัยรถ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะเข้าไปถามไถ่สุขภาพคนอื่นหรือเข้าไปช่วยใครนอกจากพ่อของเขาที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เซฮุนตัดสินใจวิ่งไปข้างหน้าอีกครั้งพร้อมกับกำมือถือไว้ในมือ เหตุการณ์วุ่นวายบนถนนยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่าย ๆ

     

     

     

     
     

    (  http://www.youtube.com/watch?v=E17MmBfpfyg ฟังเพลงนี้ไปด้วยก็ได้นะคะ อยากให้อิน 555 )

     

    พอแค่นี้ก่อนก็ได้นะ ร่างหนาหันไปมองคนข้าง ๆ ที่หลุบสายตาลงมองพื้นขณะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ถ้าจะให้เซฮุนเล่าถึงเรื่องนั้นต่อไป

    ผมยังเล่าไม่ถึงไหนเลย เซฮุนพูดทั้งที่ไม่หันมามองหน้าอีกฝ่าย จงอินเอนหลังพิงกับประตูก่อนจะชันขาขึ้นพร้อมกับวางมือลงบนหัวเข่า คุณกลัวผมร้องไห้เหรอครับ

    ทำไมฉันต้องกลัวด้วย ถ้านายจะร้องมันก็น้ำตาของนาย ไม่ใช่น้ำตาฉันสักหน่อย

    นั่นสินะ... เด็กหนุ่มยิ้มบาง ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยิ้ม แต่ถ้าเขาไม่ยิ้ม ความเศร้าที่เคยฝังลึกไว้ในใจก็คงไหลออกมาเป็นน้ำตา

    แต่ถ้าไม่ไหวก็ร้องออกมาเถอะ

    ...

    เวลาเสียใจก็แค่ร้องไห้ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ใบหน้าคมจ้องใบหน้าเรียบเฉยของคนข้าง ๆ ที่ขอบตากำลังแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ เซฮุนหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลง

    ถ้าได้ร้องแล้ว...ผมกลัวว่าจะหยุดมันไม่ได้น่ะครับจงอิน... เสียงของเซฮุนเริ่มสั่น ตอนนี้ร่างกายที่เคยเปียกฝนเริ่มแห้งไปตามระยะเวลา พอนึกถึงตอนที่ไปถึงสถานีคังดงแล้วเห็นพ่อกำลังกินคนอื่นอยู่ผมก็...

    ...

    นัยน์ตาที่กำลังจ้องไปยังคนข้าง ๆ ที่กำลังก้มหน้าก้มตามองเข่าตัวเองแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ มือหนาเอื้อมขึ้นมาอย่างช้า ๆ ให้สมองกับความรู้สึกถกเถียงกันอยู่ครู่หนึ่งว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำในต่อไปนี้มันสมควรแล้วหรือเปล่า

    คำว่าฟอร์มจัดที่มีมาแต่ไหนแต่ไรมันกำลังถูกกลบด้วยความเห็นใจผ่านมือหนาที่วางลงบนหัวทุยของร่างบาง เซฮุนเม้มปากเน้นก่อนที่น้ำตาอุ่น ๆ จะหยดลงบนกางเกงยีนส์ที่เปียกชุ่ม

    จงอินไม่ได้รั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดปลอบ เขาเพียงแค่วางมือไว้บนหัวเซฮุนแล้วเลื่อนปลายนิ้วเข้าหาฝ่ามืออย่างช้า ๆ ทำอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ ยิ่งได้รับสัมผัสแบบนี้ร่างบางก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแอ ทั้งที่พยายามเข้มแข็ง แต่พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ไปแอบร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวอยู่เสมอ

    ผมเกือบถูกพ่อกัด...ถ้าไม่ได้พวกนัมจุนมาช่วยเอาไว้

    ...

    แต่จะว่าช่วยก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก พวกมันก็แค่ฆ่าทุกคนที่ติดเชื้อเพื่อความสนุกเท่านั้น... ร่างบางเล่าทั้งที่ไม่หันหน้าไปมองคนข้าง ๆ

    แล้วนายก็เลยติดสอยห้อยตามไปกับพวกมันน่ะเหรอ?

    ผมไม่มีทางเลือกอื่น พวกมันมีปืน ในทีแรกมันก็หวังดีพาผมกลับไปที่บ้านเพื่อไปดูว่าแม่กับปู่ย่าเป็นยังไงบ้าง แต่พอกลับไปถึง...

    ...โอเค ไม่ต้องเล่าแล้ว

    ...ครับ

    หัวของนายก็เล็กแค่นี้ เลือกจำแค่เรื่องดี ๆ ก็พอ ส่วนเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เข้าใจที่พูดหรือเปล่า? ร่างหนายีหัวอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดแล้วก็ผลักหัวเบา ๆ จนหน้าผากมนโขกกับหัวเข่า เซฮุนกุมหน้าผากแล้วเงยหน้าขึ้นแต่คนขี้แกล้งกลับเลิกคิ้วมองกลับราวกับพร้อมสู้ถ้าร่างบางคิดจะหือกับเขา

    เห็นทำหน้านิ่ง ๆ ไม่คิดว่าจะร้องไห้เป็นด้วย

    ผมก็คนนะครับ เซฮุนขยับปากบ่นแล้วกระชับผ้าห่มเข้าหาตัว

    แต่นายเข้มแข็งมากนะ ถ้าให้เทียบกับแบคฮยอน

    ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ต่างอะไรจากแบคฮยอนเลย ถ้าจะมีจุดต่างก็คงเป็นที่ผมเลือกที่จะเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ แต่เขาแค่แสดงมันออกมาเท่านั้น

    เพราะคนเราเติบโตมาในสังคมที่ต่างออกไป มันก็ไม่แปลกที่นายกับแบคฮยอนจะมีนิสัยต่างกันทั้งที่อายุเท่า ๆ กัน...ถ้าแบคฮยอนใช้ชีวิตมาในทางเดียวกับฉัน ป่านนี้เด็กนั่นอาจจะวิ่งไล่เป่าหัวตัวกินคนอย่างเลือดเย็นก็ได้

    ครับ

    แต่เพราะเขาถูกเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหิน มีพี่ชายคอยให้ท้ายตลอด แถมยังไม่สู้คนอีกทุกคนเลยละสายตาไปไม่ได้ ไหนแบคโฮมันจะฝากเอาไว้ว่าให้ช่วยดูแลน้องชายสุดที่รักไว้อีกแล้วคนอย่างฉันก็ไม่ชอบผิดสัญญากับใครซะด้วยสิ

    ผมเข้าใจ เพราะฉะนั้นถึงได้พยายามไม่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงไงครับ

    งั้นเหรอ

    อื้ม

    แต่ในเมื่อนายยื่นขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้แล้วมันคงเป็นเรื่องยากหน่อยนะที่จะไม่ให้คนอื่นเป็นห่วงนายเลย เซฮุนมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังทอดสายตาไปข้างหน้า

    ที่พูดน่ะ... ร่างบางเว้นจังหวะไว้ชั่วอึดใจ เสียงสายฝนข้างนอกซาลงจนร่างหนาได้ยินประโยคนี้ชัดเจน ใบหน้าคมหันกลับมาสบตากับคนข้าง ๆ ที่ฉายแววจริงจังจนนึกอยากเบือนหน้าหนีหากต้องสบตาคู่นี้ “...หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าครับจงอิน?

    ...

    เป็นอีกครั้งที่ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัว ตอนนี้โอเซฮุนเริ่มอยากตบปากตัวเองเพราะดันถามคำถามที่ต่อให้ตายก็คงไม่ได้คำตอบจากคน ๆ นี้ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วและกลืนคำถามโง่ ๆ นั่นลงคอไปให้หมด

    อ่านนิสัยใจคอคนอื่นได้แต่เรื่องแค่นี้กลับดูไม่ออกเลยหรือไง?

    ...

     

     

     
     

    ใช้ความรู้สึกของนายตัดสินเอาสิ แล้วคิดดูว่าฉันเป็นยังไง?

     

     
     

     

    ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ขณะสบตากันอยู่กับประโยคที่คล้ายจะกระซิบ ร่างบางหลุบสายตาลงเมื่ออีกคนหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือที่จับผ้าห่มไว้เริ่มออกแรงบีบเพราะความรู้สึกแปลก ๆ ตรงหน้าออกข้างซ้ายหลังจากได้สบตาคู่นั้น

    เสียงลูกบิดหมุนออกก่อนที่รองเท้าหนังสีน้ำตาลจะก้าวออกไปข้างนอก นิ้วเรียวถูจมูกตัวเองเบา ๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืนอยู่กับที่ ถ้าเกิดเขายังนั่งอยู่ตรงนี้จงอินคงหันกลับมาบ่นเขาอีกแน่ ร่างบางมองไปยังใครอีกคนที่ยืนหันหลังให้พร้อมกับบิดขี้เกียจ พอเห็นว่าจงอินยังยืนอยู่ตรงนั้นและยังปลอดภัยดี...ริมฝีปากมันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเรื่องแค่นี้...

     

     

     
     

     



     

    มานอนห่าไรตรงนี้

    อ้าว... ลู่หานสะลึมสะลือขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทปลุกให้ตื่นจากฝัน พอมองซ้ายขวาแล้วก็พบว่าร่างของเขานอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นพร้อมกับหมอนที่กระเด็นไปตรงกลางห้องจนต้องเอื้อมมือไปตะกุยเอามันกลับคืนมาหนุน

    มึงจะนอนบนเตียงก็ได้นะ บนนั้นไม่มีใครฉี่จองที่เอาไว้ จงอินพูดก่อนจะเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดใหม่ใส่ ในขณะที่เซฮุนได้แต่ยืนมองร่างของลู่หานที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นและไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นไปนอนบนเตียง

    แล้วกลิ่นฉุน ๆ นี่ไม่ใช่กลิ่นเยี่ยวมึงเหรอวะ

    นั่นต้องถามเซฮุนแล้วล่ะเพราะเตียงกูอยู่ฝั่งนั้น พูดจบก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ ลู่หานลืมตาขึ้นทันทีพลางเอี้ยวหน้าไปข้างหลังแล้วก็พบว่าเซฮุนยืนอยู่ตรงหน้าประตู

    งั้นคงเป็นกลิ่นตีนกูแล้วล่ะ ลู่หานแถแล้วหลับตาลงแต่ยังไม่ทันไรก็ต้องกุมหัวตัวเองเมื่อถูกใครบางคนเขวี้ยงหมอนใส่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซฮุนหยิบหมอนใบนั้นขึ้นมาถือไว้

    ขอโทษครับลู่หาน มันหลุดมือน่ะ

     

     
     

    หลุดมืองั้นเรอะ -_-

     
     

     

    ไม่เป็นไร แต่อย่าหลุดบ่อยแล้วกันนะ

    ผมเสียใจครับที่ทำมันหลุดมือ

    ...

    ลู่หานหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่เผ้าผมชี้โด่เด่พลางมองไอ้เด็กกรงหมาที่กำลังกวนตีนหน้าตาย ไม่ได้เจอกันนานระดับความกวนตีนของมันก็ยังเท่าเดิมผิดแค่ว่าตอนนี้มันเรื้อรังมาทางเขาแทนที่จะกวนตีนใส่ไอ้จงอินคนเดียวนี่แหละ

    ลู่หานอ้าปากหาวหวอด ๆ แล้วไสตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงของเซฮุนแล้วก็มองคนสองคนสลับกันไปมาด้วยความสงสัย

    ไปทำอะไรกันมาวะ ตัวเปียกทั้งคู่เลย

    การเสือกไม่ได้ทำให้มึงฉลาดขึ้นหรอกนะ

    ถามก็หาว่าเสือก ไปพลอดรักใต้น้ำหรือปลูกปะการังกันมาล่ะ

    ถ้าคุณสนใจโลกภายนอกสักนิด คุณก็จะรู้ว่าข้างนอกฝนตกครับลู่หาน

    สนใจน้องกรงหมาแทนได้ไหม ท่าจะบันเทิงกว่าเยอะเลย... ลู่หานเล่นหูเล่นตากับใครอีกคนที่กำลังเอาเสื้อออกมาจากตู้ก่อนจะสะดุ้งจนแทบหน้าหงายเมื่อถูกกางเกงยีนส์เปียก ๆ ลอยมาจากไหนก็ไม่รู้

    เหี้ย!”

    เฮ้ยโทษ ๆ จงอินรีบเดินมาหยิบกางเกงยีนส์ที่จงใจปาใส่อีกคนขึ้นมาถือไว้ ลู่หานขมวดคิ้วมองไอ้เพื่อนตัวดีที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็คันตีนอย่างบอกไม่ถูก!

    หน้ากูเหมือนตะกร้าผ้ามากป่ะสัด

    ไม่เหมือนหรอก ตะกี้กูโยนพลาดเอง แม่งรู้งี้สมัยเรียนน่าจะตั้งใจเล่นบาส

     

     
     

    บาสที่หน้ามึงเถอะครับ...กูแซวไอ้เด็กกรงหมาแค่นี้ทำหวงเหรอ...

     

    ว่าแต่จงอินมันหวงไอ้เด็กนี่...?

     

     
     

     

    เดินไปไหนอ่ะเซฮุน ไม่เปลี่ยนตรงนี้เลยล่ะ ลู่หานเท้าศอกลงบนเตียงพลางมองไปยังร่างบางที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทั้งคู่สบตากันแค่ครู่เดียวเซฮุนก็หันไปมองใครอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ผมจะอาบน้ำน่ะครับ

    อ๋อ นึกว่าเขินซะอีก งั้นไม่ต้องล็อกประตูนะเดี๋ยวจะเข้าไปฉี่ จงอินหันไปมองเพื่อนสนิทที่จู่ ๆ ก็หยอดเซฮุนไม่หยุด ไม่รู้ว่ามันเกิดแดกยาผิดสำแดงอะไรถึงเกิดอยากสปาร์คกับเด็กนั่นขึ้นมาได้ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยยุ่ง

    งั้นคุณใช้ก่อนก็ได้ครับ ผมว่าจะย้ายกลับไปอยู่ห้องเดียวกับแบคฮยอนพอดี

    รีบอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวล่ะ คราวนี้เป็นจงอินที่ออกคำสั่ง เซฮุนพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปข้างนอกห้องปล่อยให้สองหนุ่มมองประตูเก้อโดยที่ไม่พูดอะไร

    เด็กกรงหมาโกรธกูป่ะวะ

    ไม่หรอก ตราบใดที่มึงยังไม่ถูกถอนหายใจใส่แล้วยืนจ้องหน้านั่นแสดงว่ายังไม่ถูกโกรธ

    แหม รู้ดีเหลือเกิน

    อะไรมึง ร่างหนาเลิกคิ้วมองลู่หานที่กำลังยิ้มทะเล้นก่อนจะสวมเสื้อยืดตัวใหม่เข้าไป

    เปล๊า...พวกมึงสองคนคงสนิทกันมากขึ้นช่วงที่กูไม่อยู่สินะ

    สนิทห่าไรล่ะ

    เห็นตัวติดกันตลอด ถามหน่อยว่าตอนฉี่นี่ต้องไปยืนให้กำลังใจกันด้วยป่ะวะ -.- ลู่หานแซวก่อนจะยกเท้าขึ้นดักเมื่อจงอินเขวี้ยงเสื้อตัวเปียกมาทางเขาโห เวลาเขินแล้วชอบปาข้าวของเหมือนกันอีกต่างหาก ช่างเหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก

    มึงดูเหงาปากนะ เฮิร์ทแล้วหาเรื่องพูดดับดราม่าเหรอ

    ก็แย่ละ ให้กูพูดบ้างเหอะ ไปอยู่ที่โน่นแม่งไม่ได้ทำห่าอะไรเลยนอกจากเรื่องไร้สาระ

    นึกว่าเฮิร์ทแล้วเลยหาเรื่องแซะคนอื่นกลบเกลื่อน... จงอินแค่นหัวเราะแล้วนั่งลงบนเตียงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสนิทที่เงยหน้าขึ้นมองเพดาน

    มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วป่ะ หรือมึงจะให้กูโชว์พระเอกชกกำแพงจนเลือดอาบมือ

    อย่าเลย หน้าอย่างมึงเป็นตัวประกอบผ่านฉากก็หรูละ

    ครับพี่ พ่อคนหล่อ พระเอกหนังโป๊ เท่ ฮิต ระเบิด

    ขนาดอกหักยังปากดีได้แบบนี้ กูคงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง จงอินหัวเราะแล้วเอนหลังลงนอนบนเตียงบ้าง

    ห่วงกูเถอะ ตอนคุยกับพวกมึงกูก็โอเคหรอก แต่พออยู่คนเดียวแม่งหน่วงสัด ว่าแต่อย่างกูนี่เรียกอกหักแล้วเหรอวะ

    แค่เขาไม่รักก็เรียกอกหักแล้วว่ะ

    โลกนี้แม่งช่างโหดร้ายกับผู้ชายหน้าตาดีอย่างกูจริง ๆ ลู่หานพึมพำแล้วแค่นหัวเราะ แค่เขาไม่รักก็เรียกอกหักแล้ว งั้นเหรอ...

    มึงลองคิดแง่ดีดิว่าที่เป็นแบบนี้มันดีมากแค่ไหนแล้ว ทุกคนอยู่ในสถานะเพื่อนไม่มีใครมาก ไม่มีใครน้อยเกินไป แต่ถ้าเปลี่ยนไปเป็นแฟนแล้วเกิดเลิกกันเมื่อไหร่กูกลัวว่ามึงจะเอาคาตาน่าบวกสิบฟันหัวแบคฮยอนเพราะหมั่นหน้า

    มึงอย่าเอ่ยถึงชื่อคนที่คุณรู้ว่าใครแบบนั้นดิ กูไม่อยากงานหยาบถ้ามีคนเดินผ่านมาได้ยินเข้า

    แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะห่า

    กิมจิ

    ไร้สาระ

    เออ กูบอกอะไรก็ให้ทำตามบ้างเหอะ ลู่หานหันไปมองคาดโทษคนที่นอนอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ ราวกับว่าเรื่องที่อีกคนพูดมันช่างไร้สาระเสียเต็มประดา

    มึงคิดว่ากูจะทิ้งแบคฮยอนลงหรือไง?

    เมื่อกี้มึงเพิ่งบอกไม่ให้กูเรียกชื่อ

    เออ มึงคิดว่ากูจะทิ้งกิมจิลงหรือไง จงอินหลุดขำพรืดหลังจากที่ลู่หานย้ำประโยคนี้ ร่างหนาระเบิดหัวเราะออกมาในขณะที่อีกคนได้เพียงแค่นอนเฉื่อยอยู่อีกเตียง

    ขำไปเถอะ

    กูไม่รู้หรอกว่ามึงจะทิ้งกิมจิไหม กูแค่พูดดักไว้ล่วงหน้าเฉย ๆ อะไรจะเกิดจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้หรอก จงอินพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ ลู่หานถอนหายใจเบา ๆ เมื่อลองนึกถึงไปอนาคตหากว่าเขาคบกับแบคฮยอนจริง ๆ

    กูจะเบื่อได้ไงวะ ในเมื่อกูชอบเขามากซะขนาดนี้

    อะไรที่ยังใหม่อยู่มันก็ดีหมดแหละ มึงก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี

    กูรู้ แต่กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนไง จะเรียกว่าเห่อก็ไม่ใช่

    แล้วไงวะ อย่างมากก็แค่ รู้สึกแบบนี้ครั้งแรก เดี๋ยวพอมีครั้งต่อไปมึงก็ชิน เหมือนกับที่มึงแดกข้าวครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ต้องแดกอีก

    มึงก็พูดได้ดิ มึงไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับกูนี่ห่า เจอหน้าแบคฮยอนทีกูก็ลืมไปหมดแล้วว่าหนังหน้ากูเวลาปกติมันทำยังไง แต่จะขึ้นไปหามินซอกบนดาดฟ้าก็รู้สึกผิดอีก

    แล้วเกี่ยวอะไรกับเด็กดาดฟ้าวะ? จงอินขมวดคิ้วก่อนจะเหล่มองคนที่ปิดปากเงียบอยู่ฝั่งตรงข้าม

    อ่อ

    อ่อ? จงอินย้ำราวกับกดดันให้คนเป็นเพื่อนพูดออกมา ลู่หานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา

    กูไปจูบเขามาว่ะ

    ห๊ะ?

    เออ

    มึง?

    เออ

    จูบเด็กหน้าโหดนั่นน่ะนะ

    ไม่โหดนะเว้ย ตอนหัวเราะก็น่ารักดี เหมือนซาลาเปาเลยว่ะ

    โห มีชมกันด้วย...

    เออ ก็นั่นแหละ

    แล้วมึงนึกไงไปจูบเขาวะ ไม่โดนตบมาเหรอนั่น

    กูโดนยิ่งกว่านั้นอีก... ลู่หานทำหน้าเนือยเมื่อนึกถึงความผิดของตัวเองที่ก่อเอาไว้

    เขาเหม็นหนังหน้ามึงแล้วอ่ะดิ

    เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีหรอก...

    “RIP ครับมึง

    ถึงเด็กนั่นจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ... ลู่หานหลับตาลงแล้วนึกถึงหน้าอีกคน คำพูดของเด็กคนนั้นยังก้องอยู่ในหัว คำพูดที่ทำให้เขาไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวมินซอกอีก...

     

     

     

     

    คุณจะทำอะไรก็ได้แต่อย่าพูดเหมือนว่ามีใจให้ผม...แค่นั้นพอ

     

     


     

     

     








     

    TBC

     

     

    ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ถ้าจะเล่าเรื่องน้องฮุนให้จบภายในสองตอนคงยาก งั้นก็ฟังเรื่องน้องไปคล่าว ๆ แล้วกันนะคะ ตอนนี้น้องฮุนยอมเปิดใจคุยกับพี่จงอินมากขึ้น พี่จงอินได้เห็นด้านอ่อนแอของน้องบ้างแล้ว ความสัมพันธ์กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ 

     

     

    แม่ยกไคฮุนว่าไงคะ พอใจยางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    เข้าใจอารมณ์ไหมว่าคู่นี้มันซึนทั้งคู่ จะให้ไปหวานหยดย้อยกันก็ไม่ใช่อีก ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กันไปก่อนแล้วกันเนอะ กว่าฟิคจะจบน่าจะเลย 30 ตอน ไม่ต้องห่วงโมเม้นไคฮุนเลยค่ะ 55555555555

     

     

    #ficzombie



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×