ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #119 : Chapter 113 :: Feel Real (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.8K
      121
      14 มิ.ย. 60

     

     

    Chapter 113

    Feel Real


     

     

    คุณไปนอนเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง

    ชานยอลเงยหน้ามองเจ้าของคำพูดที่กำลังช่วยเขาเก็บโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องดื่มมันเมา ทั้งเหล้าเก่าแก่และแบบที่หาดื่มได้ทั่วไป ซึ่งทุกคนต่างดื่มด่ำไปกับมันเพื่อผ่อนคลายก่อนจะเริ่มตั้งหลักออกหาเสบียงกันต่อในอีกสองวันข้างหน้า

    คยองซูยังคงมีสติครบถ้วนถ้าเทียบกับจงแดที่เมาหลับคอพับไปก่อนใครอื่น ตามด้วยแบคฮยอนที่เวียนหัวจนต้องขอตัวขึ้นห้องก่อน อี้ชิงฟุบไปแล้ว ส่วนซีวอนน็อคเป็นรายสุดท้าย ทีแรกผู้ชายคนนั้นค่อย ๆ ดื่มและร่วมหัวเราะไปกับความตลกของอี้ชิงตอนพยายามอธิบายเป็นภาษาเกาหลีอย่างจริงจังแต่ความหมายกลับเพี้ยนไปทางเรื่องลามก แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นอยู่ ๆ ถึงวกไปถึงเรื่องซูโฮ พ่อที่ยังทำใจเรื่องเสียลูกไม่ได้จึงกระหน่ำดื่มอย่างหนัก

    ปล่อยไว้ตรงนี้แหละ ถ้าทนปวดคอไม่ไหวผมว่าพวกเขาคงกลับไปนอนในห้องเอง คยองซูมองสภาพของแต่ละคน คงมีแค่ซีวอนที่ปกติที่สุดเพราะท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ส่วนอี้ชิงหลับคอพับกับพนักวางแขน และแย่สุดคือจงแดที่นอนจูบพรมบนพื้นอย่างไม่ได้สติ

    ผมจะไปเอาผ้าห่มมาให้ ถ้าใครคนหนึ่งเป็นหวัดตอนออกไปหาเสบียงคงไม่ดี ชานยอลยิ้มขำ มองสภาพแต่ละคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินไป คยองซูมองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย ผู้ชายคนนั้นดื่มน้อยกว่าใครและคาดว่าคงเตรียมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ ในเมื่อมีคนเมาก็ต้องมีคนเก็บกวาด ซึ่งเขาชินกับตำแหน่งนี้มาตลอด

    ระหว่างนั่งดื่มชานยอลจิบไปเพียงเล็กน้อยและยิ้มกับบทสนทนามากมายที่เราทุกคนหยิบยกมันขึ้นมาพูดเพื่อสร้างบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวก่อนโลกเปลี่ยนไป หรือเรื่องที่ทำให้ถอนหายใจทุกครั้งเมื่อนึกถึง

    อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าเข้าไปประมาณหนึ่ง และตอนนี้ก็ดึกมากพอที่จะทำให้นึกถึงเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ตั้งแต่หกล้มตอนเป็นเด็ก ถูกเพื่อนแกล้งจนร้องไห้ พบเจอความสูญเสีย ถูกบีบบังคับให้เป็นขี้ข้า ไปจนถึงการปล่อยมือใครคนหนึ่งให้ตกลงไปตายต่อหน้าต่อตา เรื่องเหล่านั้นยังคงกัดกินหัวใจโดคยองซูอยู่เสมอ

    มันบั่นทอน... กัดกร่อนทีละนิดและเขาไม่รู้ว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

    ซูโฮเป็นเด็กดี ตอนที่พูดประโยคนั้นซีวอนไม่ได้หันมามองหน้าเขาเพื่อย้ำให้รู้สึกผิดเลยสักนิด พ่อที่ตกอยู่ในความเศร้าเพียงยกแก้วขึ้นดื่มเพียว ๆ โดยไม่สนว่าเหล้าเก่าแก่ของบ้านหลังนี้จะแรงมากแค่ไหน เราต่างยังคงกระอักกระอ่วนกับเรื่องที่ผ่านไปพร้อมเวลา แต่กลับหยั่งลึกอยู่ในใจตอกย้ำทุกวี่ทุกวันให้มนุษย์อย่างเขารู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร

     

    เด็กหนุ่มยังถนัดการแสดงออกว่าไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งวินาทีนี้

     

    คยองซู

    ...

    เก็บไว้คิดวันอื่นเถอะนะครับ ให้สมองคุณได้หยุดพักบ้าง

    รอยยิ้มของปาร์คชานยอลไม่ได้เยียวยาสิ่งที่โดคยองซูกำลังเผชิญอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประโยคเมื่อครู่ทำให้หัวใจที่กำลังร้องไห้หยุดสะอึกสะอื้นได้แม้จะไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมาจากดวงตา เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปอีกทาง เลียริมฝีปากท่ามกลางความเงียบที่กึกก้องไปด้วยเสียงตะโกนในใจของเขา

    ปาร์คชานยอลคงมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งโดยไม่ต้องถามว่ายังเศร้าเรื่องซูโฮอยู่เหรอ? ผู้ชายคนนั้นเพียงแค่มองมาเท่านั้น มองราวกับว่าเขาเป็นโจทย์คำถามที่อยากลองแก้เล่น ๆ ฆ่าเวลาในค่ำคืนนี้

    ผมไม่ได้ขอให้คุณยิ้มอย่างมีความสุขเพราะเรามีบ้านกับเสบียงอาหารที่จะทำให้เราไม่ต้องดิ้นรนเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ผมอยากให้คุณหลุดออกมาจากความทุกข์ใจบ้าง คยองซูเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของเสียงทุ้มต่ำกำลังมีสีหน้าแบบไหน เด็กหนุ่มเงียบไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องตอบโต้บทสนทนานี้หรือเปล่าอย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง

    อาจจะครึ่งนาทีหรือมากกว่านั้นที่ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก คยองซูรับรู้ได้ถึงความหวังดีที่ชานยอลมีให้ แต่มันช่างน่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับคนที่เคยชินกับการถูกมองข้ามความรู้สึกมาตลอด ใช่ หลายคนที่วนเวียนอยู่ในชีวิตมักจะปล่อยให้โดคยองซูเข้าใจโลกใบนี้ด้วยตัวเอง เขาจึงค่อนข้างกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยกับความเป็นห่วงของชานยอล

    ผมจะพยายาม

    แม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แทนเด็กโง่อย่างซูโฮ โดคยองซูจึงค่อย ๆ ยกมุมปากเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของเขาแสดงสิ่งที่เรียกว่ารอยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่คงทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าเด็กกำแพงสูงคนนี้ยินดีที่รับฟัง

    ชานยอลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเอาผ้าห่ม มือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มยังถือขวดเหล้าที่ดื่มหมดไปแล้ว มองของมึนเมาที่ควรส่งเขาให้นอนหลับไม่ได้สติเหมือนคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นกลับเหลือเพียงโดคยองซูคนเดียวที่ยังอยู่กับความจริง

    ...

    ชายวัยกลางคนที่นอนหลับตาอยู่บนโซฟาได้ยินบทสนทนาทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขารู้ว่าคยองซูยังคงยืนอยู่ที่นี่ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงถอนหายใจของเด็กผู้ชายไม่ค่อยพูด ซีวอนยังคงแกล้งหลับซึ่งเอาเข้าจริงเขาแค่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรในเวลาแบบนี้

    เพราะเหล้า... เขาถึงรู้สึกเหมือนตกนรกอีกครั้ง

    เพราะเหล้า... เขาถึงคิดแต่เรื่องการจากไปของลูกชาย

     


    .


     


    ผมคิดว่าคุณหลับไปแล้วเสียอีก

    คนที่ท้าวแขนกับราวจับระเบียงหันไปด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่ ชานยอลยังคงดูปกติเหมือนเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนที่พวกเราเริ่มดื่มกัน สังเกตได้จากสีหน้าและท่าทางการเดินซึ่งกำลังตรงมาทางนี้ ก่อนจะหยุดยืนข้าง ๆ เขาพร้อมท้าวแขนกับระเบียงเช่นกัน

    ผมนอนพักสายตาไปแป๊บนึง พอรู้สึกดีขึ้นก็เลยออกมาสูดอากาศสักหน่อยชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแสงสว่างระยิบระยับเป็นจุดบนท้องฟ้ามืดตามคนตัวเล็ก  

    คืนนี้ดาวสวยนะครับ แบคฮยอนเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มปล่อยให้ความเงียบและลมเย็นสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้กับเราหลังจากวุ่นวายกับการขุดดินทำแปลงผักมาตลอดทั้งวันจนร่างกายเลอะไปด้วยโคลนดิน

    คนอื่น ๆ เลิกดื่มกันแล้วเหรอ?

    ครับ สลบเหมือดกันหมด แต่เว้นคยองซูไว้คนนึงนะ ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แบคฮยอนจึงหัวเราะเบา ๆ ขำอะไรครับ เล่าให้ผมฟังด้วยสิ

     ผมนึกถึงวันคริสมาสต์น่ะ คืนนั้นคยองซูคอแข็งมาก มอมยังไงก็ไม่เมา ทั้งที่คนอื่น ๆ แทบยืนไม่ไหวแต่เขายังนั่งดื่มหน้าตาเฉย ผมจำได้เลยว่าต้องช่วยคุณกาฮีหิ้วปีกอึนจีไปส่งที่ห้อง แล้วก็เดินโซซัดโซเซกลับ -- รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มจางหายไปเมื่อภาพเก่า ๆ ย้อนกลับมาย้ำเตือนว่าค่ำคืนนั้นเป็นอดีตที่ไม่ได้สร้างไว้แต่ความทรงจำดี ๆ

     

    อยากให้คนได้ยินเหรอครับถึงได้ส่งเสียงร้องไม่หยุดแบบนี้?’

    คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าทำแบบนี้แล้วพรุ่งนี้ผมจะเกลียดคุณมากกว่าเดิม...

     

    แบคฮยอนเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ความใจร้ายในค่ำคืนนั้นยังคงตอกย้ำให้รู้สึกแย่ได้ทุกครั้งที่นึกถึง แต่คนที่กำลังจมดิ่งไปกับเรื่องเก่า ๆ จำต้องหลุดออกมาพบความจริง เมื่อตอนนี้ร่างของเขาได้ถูกใครอีกคนรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด มันอบอุ่น แต่ก็รู้สึกชาวาบอย่างน่าใจหายเมื่อมันมาจากเจ้าของความใจร้ายในความทรงจำคืนนั้น

    ชานยอลไม่ได้ถามว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่แม้แต่จะหยั่งเชิงด้วยคำพูดหรือแววตาอย่างที่ชอบทำ แบคฮยอนไม่ใช่คนอ่านใจคนอื่นเก่ง และเขาอยากรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ รู้สึกผิดใช่ไหม หรือว่าอยากให้เด็กคนนี้เลิกพูดเรื่องแย่ ๆ เสียที เพราะปัจจุบันนี้เราสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องมีใครถอนหายใจไปกับกำแพงที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นอย่างเช่นเมื่อก่อน

    กอดผมแน่นเกินไปแล้ว ผมหายใจไม่ออกแบคฮยอนไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับความอึดอัดในตอนนี้ดี โอเค มันเป็นความผิดของเขาเองก็ได้ที่อยู่ ๆ ก็พูดเรื่องนั้นขึ้นมาทั้งที่ควรปล่อยให้มันตายไปพร้อมตัวเอง

    ผมรู้ว่าคุณหาทางออกได้โดยที่ผมไม่ต้องปล่อยมือออกจากตัวคุณ

    จิตวิทยากับผมอีกแล้ว ชานยอลดีกับเขามากขึ้นตั้งแต่ตอนถูกจับไปอยู่ในกลุ่มกินเนื้อคน หนีตายกันอย่างทุลักทุเลกระทั่งไปเจอกับกลุ่มซงมินโฮ ทั้งที่ระยะเวลาช่วงนั้นผ่านไปยังไม่เท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกเหมือนว่าเราสนิทใจกันมากขึ้นมานานแล้ว

    แต่ถึงความสัมพันธ์ของเราจะดีกว่าเมื่อก่อน แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้องทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้

    นอกจากกอดตอบแล้ว... แบคฮยอนก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย

    ...

    ไม่รู้ว่าชานยอลกำลังทำหน้าแบบไหนและกำลังรู้สึกยังไง เขาเป็นแค่เด็กโง่คนหนึ่งที่อยากขับไล่ความรู้สึกแย่ ๆ ให้หายไป ไม่ว่าจะมาจากตัวเขาเองและคนตรงหน้า

    ผมบอกแล้วว่าคุณหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้


    เราปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครต้องวิ่งหนีตายทั้งที่ยังมีเรื่องค้างคาใจเหมือนปีก่อนอีก


    คุณชอบพูดอะไรที่มันซับซ้อนเข้าใจยากอยู่เรื่อย

    แต่คุณก็เข้าใจไม่ใช่เหรอครับ?

    ผมไม่ได้เข้าใจสักหน่อย ผมก็แค่ --

    คุณ? ชานยอลกระชับคนในอ้อมกอด เขายังคงหุบยิ้มไม่ได้หลังจากแบคฮยอนกอดตอบ ซึ่งมันตรงกับที่คาดหวังไว้ ใช่ เขาอยากให้แบคฮยอนกอดตอบ และซบศีรษะลงกับแผงอกผู้ชายขี้ขลาดอย่างเขา

    ผมแค่ทำตามที่รู้สึก

    ผมจะไม่ถามแล้วกันว่าคุณรู้สึกอะไร เพราะถ้าคุณเขินมากไปกว่านี้เดี๋ยวจะมีคนนอนหันหลังให้อีก นึกถึงเมื่อคืนแล้วก็นึกขำ พูดด้วยความสัจจริงเลยว่าปาร์คชานยอลไม่ได้ตั้งใจทำผ้าขนหนูหลุด แต่แบคฮยอนกลับหันมาเห็นพอดี หลังจากนั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ยอมสบตาเขาอีกจนถึงช่วงสาย

    คุณก็เป็นซะอย่างนี้

    ฟังดูไปทางแง่ลบนะครับ คุณกำลังจะบอกว่าผมไม่ดีเหรอ? คนตัวเล็กไม่ได้ตอบคำถาม เขาผละอ้อมกอดออกมาเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นสบตากับคนอายุมากกว่าเพื่อพยายามอ่านใจอีกฝ่าย

    ชอบไล่ต้อนผมอยู่เรื่อย เห็นเด็กอย่างผมทำตัวไม่ถูกแล้วสนุกมากเลยสินะ

    ขอโทษครับ แต่ก็... สนุกจริง ๆ ชานยอลอมยิ้ม ก่อนจะนิ่วหน้าเจ็บเพราะถูกคนตัวเล็กชกอกเข้าให้ แต่สีหน้าตอนแอบโมโหเล็ก ๆ ก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน

    มันน่าตลกชะมัด ที่เขามองเด็กคนนี้น่ารักไปเสียทุกอย่าง

    ที่กอดผมก็เพราะรู้สึกผิดใช่ไหมล่ะ?

    ครับ แต่ผมคงไม่พูดว่าขอโทษอีกครั้งหรอกนะ เขาสบตากับอีกฝ่าย ก่อนจะเกลี่ยปอยผมออกเพื่อให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยได้ชัดขึ้น ต่อไปนี้ผมจะพูดแค่เรื่องที่คุณอยากฟัง สำหรับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทั้งเรื่องดีและแย่ ผมอยากให้คุณจำเอาไว้

    อะไรกัน... ชานยอลควรบอกให้เขาลืม ๆ มันไปไม่ใช่หรือไง?

    เพราะว่าหลังจากนี้ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจอีก

    ...

    ไม่ใช่อย่างนี้สิ ชานยอลควรพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาสวนกลับไปได้บ้าง ไม่ใช่ฮุคหมัดตรงมาอย่างนั้นจนเขาทำได้แค่ยืนทำหน้าโง่แบบนี้

    ผม... จำอยู่แล้วล่ะ แบคฮยอนเบือนสายตาไปอีกทาง พยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากโลกกลม ๆ ใบนี้ที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล แต่มันก็ยากเหลือเกินคุณเคยต่อยหน้าผม จำได้ไหม?

    ครับ ผมจำได้ ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พลางลูบแก้มคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม กับความรู้สึกที่ช่างต่างกันราวกับฟ้าและเหว คืนนั้นเขาต่อยหน้าเพื่อเรียกสติ เมื่อแบคฮยอนกำลังคลั่งเพราะจะออกไปตามหาหมอมารักษาพี่ชายที่ถูกกัดให้ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าโลกมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ็บมาถึงตอนนี้เลยใช่ไหม?

    คนตัวเล็กไม่ได้ตอบคำถาม ผ่านไปเกือบสิบวินาทีเจ้าตัวจึงพยักหน้าช้า ๆ แต่ชานยอลกลับไม่ได้ขอโทษย้อนหลังอย่างที่ควรพูดมันออกไป เพราะตอนนี้เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้ ๆ เพื่อจูบทับรอยช้ำที่จางหายไปแล้ว

    จำเรื่องนี้ด้วยนะครับ เสียงกระซิบแหบพร่าชวนให้ขนลุก ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ และแบคฮยอนยังคงตกอยู่ในสถานะผู้แพ้ที่ถูกไล่ต้อน

    ผมจะจำแค่เรื่องที่คุณใจร้ายกับผม

    อืม... แบบนั้นจะทำให้คุณตีตัวออกห่างผมหรือเปล่าครับ?

    ก็ไม่แน่ -- นี่? คนตัวเล็กขมวดคิ้ว เอนหลังเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาราวกับว่าจะสั่งให้เขาหยุดพูด นอกจากจะใช้คำที่ทำให้ต้องคิดเยอะ ก็คงเป็นการจูบปิดปากนั่นแหละที่ชานยอลเริ่มใช้มันกับเขาบ่อยขึ้น

    ไม่ทันแล้วล่ะครับแบคฮยอน

    ...

    ผมเคยคิดว่าจะทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่พออยู่ใกล้คุณมากขึ้นผมก็เริ่มห้ามตัวเองไม่ได้

    ...

    ขอโทษนะครับที่ผมเพิ่งตกหลุมรักคุณเอาตอนนี้

    ถ้าบอกว่าอาการมึนเมาจากการดื่มเหล้าเพิ่งออกฤทธิ์ตอนนี้ก็คงเชื่อ แบคฮยอนรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เพียงเพราะได้ยินประโยคไม่คาดฝันจากผู้ชายคนนี้ คนที่คิดว่าต่อให้ตายจากโลกไปก็คงไม่ได้ยินคำ ๆ นั้น คำว่ารักที่แบคฮยอนคิดว่าชานยอลคงมีให้คุณโฮจองคนเดียว

    บอกผมหน่อยว่าคุณเมา โกหกก็ได้ ชายหนุ่มยิ้มขำกับสีหน้าของคนตัวเล็กซึ่งดูเหมือนว่าจะช็อกไปแล้ว

    เมาก็ได้ครับ แบคฮยอนเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็รั้งเอวเขาเข้าไปจนปะทะกับแผงอกแกร่งเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพูดให้ฟังอีกรอบ

    บ้าไปแล้ว... บ้าไปแล้วแน่ ๆ -- ชานยอล!”

    ชู่ว์... ดูริมฝีปากที่กำลังห้ามไม่ให้เขาเสียงดังนั่นสิ แบคฮยอนจำต้องคว้าไหล่กว้างของอีกฝ่ายไว้เป็นหลักเพราะร่างของเขาถูกอุ้มขึ้นจนขาลอยจากพื้น

    ถ้าพวกกินคนข้างนอกได้ยินเสียงคุณจะแย่เอานะครับ

    ให้ได้ยินเลย มันจะได้รู้ว่ามีคนผีเข้าอยู่ที่นี่ ชานยอลไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นคนยิ้มเก่งขนาดนี้ กระทั่งรู้จักวิธีการแกล้งแบคฮยอน ชายหนุ่มอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปในห้องทั้งที่ยังสบตากันอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ วางลงบนเตียง

    ผมชอบเวลาคุณหน้าแดง

    เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว ผมเหนื่อยนะ เขาชี้หน้าคนตัวสูงที่อยู่ในท่าเหมือนจะคร่อมตัวเขา ใจคอจะไม่หยุดทำให้เขินเลยหรือไง พออยู่ด้วยกันสองคนเมื่อไหร่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เห็นใจผมบ้างสิ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร แต่คุณคงเคยทำให้คนอื่นเขินมานักต่อนักแล้ว

    คุณรู้สึกไม่ดีเวลาเขินเหรอครับ? แบคฮยอนตอบคำถามนี้ไม่ได้ เพราะเขาทั้งรู้สึกดีและทำตัวไม่ถูกในเวลาเดียวกัน ผมชอบความรู้สึกแบบนั้นนะ มันทำให้รู้ว่าเรายังมีหัวใจอยู่

    แต่ผมเป็นคนฟัง และผมก็รู้สึก

    ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกครับแบคฮยอน ชายหนุ่มยิ้มพร้อมขยับลงไปนั่งข้าง ๆ ก่อนจะเลื่อนไปกุมมือคนขี้เขินที่กำลังขมวดคิ้วเคร่งเครียดการที่ผมไม่พูดเสียงตะกุกตะกักหรือหลบสายตาเหมือนคุณ นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้สึกนะครับ

     “...”

    อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมอยากจูบคุณ หัวใจผมมันกำลังเต้นแรงอยู่

    โกหก นั่นคือสิ่งที่คิด แต่ที่คนตัวเล็กทำกลับไม่ใช่การตอบโต้อย่างสมองสั่ง เพราะตอนนี้เขากำลังค่อย ๆ หลับตาลงเมื่ออีกคนเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ หัวใจที่เคยเข้มแข็งจนเยียวยาความเจ็บปวดเมื่อคราวนั้นได้จึงถูกละลายโดยผู้ชายคนเดิมอีกครั้ง

    จูบที่เริ่มต้นอย่างเนิบนาบยังคงชวนให้ใจเต้นแรง เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนตกอยู่ในสภาพผู้แพ้เพราะเขาไม่สามารถไล่ต้อนชานยอลได้ หรือต่อให้ได้... ยังไงคนที่เป็นฝ่ายเริ่มจูบก็คงเป็นผู้ชายคนนี้อยู่ดี

    ชายหนุ่มประคองร่างคนตัวเล็กให้นอนราบลงกับเตียงทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออกพร้อมสองมือที่สอดประสานเรียวนิ้วจนแทบไม่เหลือให้อากาศวิ่งผ่าน ทั้งคู่สื่อความรู้สึกกันผ่านรสจูบที่เปลี่ยนจากความขมเป็นหวานเมื่อพายุพัดผ่านไป

    ชานยอลผละออกมาสบตากับคนใต้ร่าง เพียงครู่เดียวก็กลับไปลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากคนที่คิดว่าต่อให้ตายก็คงรักไม่ได้ ครั้งหนึ่งบยอนแบคฮยอนเป็นแค่เด็กงี่เง่าติดพี่ชาย เก่งแต่เรื่องร้องไห้ โทษตัวเอง และเอาตัวรอดไม่เก่งจนต้องคอยให้คนรอบข้างปกป้อง

    ประจวบเหมาะกับตอนที่เขายังคงฝังใจเรื่องการจากไปของครอบครัวและภรรยา จึงทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเด็กคนนี้เกิดขึ้นช้า ซึ่งการเริ่มต้นจากความชอบพอแต่ไม่ได้รักมันได้ทำร้ายเด็กคนนี้ไปแล้วถึงสองครั้ง เซ็กส์ครั้งแรกในวันฝนตกหนัก และครั้งต่อมาในคืนวันคริสต์มาส

    ชานยอลรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ และเขาตั้งใจไว้เป็นอย่างดีแล้วว่าจะรักให้มากกว่าที่เคยทำให้แบคฮยอนต้องเสียใจ

    โฮจองไม่ได้หายไปไหน ผู้หญิงคนนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำ ปาร์คชานยอลไม่อยากจมอยู่กับอดีตจนเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ช่วงเวลาหนีตายบนถนนซึ่งเต็มไปด้วยพวกกินคนตอนไปเอารถบรรทุกทำให้เขาตระหนักได้ว่าคนเราอาจจะตายวันนี้หรือวันพรุ่ง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายหนุ่มอยากแสดงออกกับแบคฮยอนให้มากกว่าที่เคย

    อยากทำหน้าที่พี่ชายแทนบยอนแบคโฮ และคนรักที่จะคอยดูแลให้ดีที่สุด

    หนักไหมครับ? คนตัวเล็กยิ้มบาง ๆ พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ คนที่ถูกเอาใจด้วยคำตอบจึงโน้มลงไปจูบอีกครั้งและแบคฮยอนก็ตอบรับได้เป็นอย่างดี

    มือที่เคยทุบตีเวลาเขินค่อย ๆ เลื่อนขึ้นกอดรอบคอคนตัวสูง หลังจากได้ยินคำว่ารักคนที่ถูกความเขินเล่นงานก็หัวใจพองโตจนยอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป

    หนวดขึ้นแล้ว...

    พรุ่งนี้โกนให้ผมได้ไหม?

    เราสองคนคงบ้าไปแล้วที่เอาแต่ยิ้มตอนสบตากัน คนตัวเล็กพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่ายโดยไม่บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นอย่างเช่นทุกครั้ง และชานยอลก็ให้ค่าตอบแทนการโกนหนวดล่วงหน้าให้เป็นจูบหวาน ๆ ซึ่งแบคฮยอนไม่ได้นับแล้วว่าวันนี้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่

     

     

    CUT

    (WELCOME TO MALINWORLD)

     

     

    50%

     

      

    ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่เป็นไร แหกตาดู

    นอนอยู่บ้านอมขี้ฟันไป คราวนี้มึงไม่ต้องสาระแน

    จงอินเอามือดันหน้าเพื่อนสนิทไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินขึ้นรถพร้อมคนอื่น ๆ ที่กำลังจะออกไปเช็กถนนหนทางว่ามันพอจะมีจุดไหนในโลกที่ปลอดภัยมากพอให้ทุกคนย้ายไปปักหลักสักช่วงเวลาหนึ่ง เรายังคงต้องเดินทางไปเรื่อย ๆ แม้จะมีจุดหมายที่อยากไปแต่ประเด็นสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือภัยระหว่างทางซึ่งมีพวกกินคนเป็นหลัก และมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่แต่ไม่รู้ว่าใครจะมาดีมาร้าย

    ลู่หานเจ็บขาตั้งแต่ตอนหนีตายจากสนามบิน อาทิตย์ต่อมาซ่าจนเจ็บตัวซ้ำเดิมอีก ปีนี้ไม่ใช่ปีชงปะวะ ทำไมอะไร ๆ ถึงได้พร้อมใจกันมาลงที่ขากู พยายามเก็บอาการก็แล้ว ไม่รู้ควรเขินดีไหมที่มินซอกเป็นคนจับได้ว่ามีคนเจ็บขาอยู่ที่นี่ จะเหมาเอาเองแล้วกันว่าทั้งหมดนั้นล้วนมาจากความรักและความใส่ใจ แต่การเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอี้ฟานมันใช่เรื่องเรอะ คนรักกันไม่ควรทำอะไรแบบนี้ เซ็งเลย จะให้ช้างเท้าหน้านอนโง่อยู่บ้านแล้วปล่อยให้คนอื่นออกไปเสี่ยงเหมือนไอ้จงอินตอนสมองหายก็ไม่ใช่ไหม

    พักก่อนเถอะลู่หาน เราแค่ออกไปสำรวจกับหาน้ำมันเพิ่ม ไม่ได้ไปหาเสบียงอย่างจริงจัง คำพูดของอี้ฟานมีน้ำหนักเสมอ และมันทำให้เขาเซ็งเข้าไปใหญ่

    แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ปะ คราวสนามบินถ้าไม่มีฉัน นาย ไอ้จงอิน กับเด็กบอยแบนด์นั่นคงเป็นผีเฝ้าเทอมินอลไปละ ได้ทีต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ให้สำเหนียกกันหน่อยว่าโลกนี้ขาดลู่หานไม่ได้

    พอได้ยินมึงพูดภาษาอังกฤษแล้วกูตื่นเต้นแปลก ๆ <- เทา

    นั่นสิ <- ยูริ

    ออกเสียงเกือบชัดเลยนะคะ ฉันว่าใช้ได้เลย เดี๋ยว ครูก็เป็นไปกับเขาเรอะ

    กาก <- ไอ้เพื่อนชั่ว

    อย่าพูดแบบนั้นสิครับจงอิน การตอกย้ำเรื่องภาษาจะทำให้เขาขาดความมั่นใจได้นะครับ <- เด็กกรงหมา

    อาคารผู้โดยสารก็ได้ห่า แซวกูจังเลยเรื่องการศึกษาเนี่ย ไอ้คนปริญญาสิบใบ ไอ้ด็อกเตอร์ระดับโลก ไอ้เหรียญทองโอลิมปิก ด่าไอ้เพื่อนนรกกับไอ้เทาแต่สายตาของคนที่เหลือกลับมองมาเหมือนจะถามว่า นี่ด่ากูด้วยปะ? ดังนั้นลู่หานจึงยอมหยุดเพียงเท่านี้ แต่ที่ด่า ๆ กูนี่มันเกี่ยวห่าไรกับอาการขาเจ็บวะห่านป่า

    มีควอนยูริไปด้วยกูยังต้องกลัวอะไรอีก?

    ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่านายเป็นใบ้นะ หญิงสาวที่ยืนกอดอกพิงกับรถปรายตามองเจ้าของคำพูดซึ่งยักคิ้วอย่างกวนประสาท พอเริ่มจำอะไรได้ทีละนิดก็เริ่มแกว่งปากหาเสี้ยนเลยนะ คงไม่ต้องเดาเลยว่าก่อนหน้านี้คิมจงอินคงนิสัยไม่ต่างจากผู้ชายอย่างลู่หาน

    ผมกับมินซอกเคยคุยกันเรื่องขับรถ ผมคิดว่ามันน่าจะเข้าท่านะครับถ้าคุณจะสอนเขาต่อสายตรงตอนที่พวกเราออกไปข้างนอก เด็กกรงหมาก็อีกคน แต่เหตุผลของเด็กนั่นค่อนข้างน่าฟังกว่าคนอื่น ๆ ลู่หานหันไปสบตากับเด็กแว่นที่มองมาเหมือนอยากถามว่า สอนไม่สอน ถ้าไม่ก็นอนข้างนอก

    ตามใจนะ ผมไม่บังคับอยู่แล้ว มีความกดดันไปอีก... คำพูดกับสายตาที่มองมานี่โคตรสวนทางกันยิ่งกว่าสี่แยกไฟแดงตาย

    หรือไม่ก็ช่วยกูผ่าฟืน จะเอาไง? ไอ้เทาเสริมอีกคน ไม่เอาหรอก งานหนักแบบนั้นปล่อยแม่งทำไปคนเดียวดีกว่า ชอบเห็นคนทรมาน

    เออได้ จะต่อสายตรง สายหน้า สายข้าง สายหลัง สายใยแห่งรักอะไรก็มาเหอะ กูทำได้หมดจนพวกอยู่อู่ซ่อมรถมาตลอดชีวิตยังต้องเขินอะ ลู่หานยืดอกมองหยามเพื่อนเพื่อให้มันรู้สึกแพ้บ้าง แต่เสือกเป็นจังหวะที่ไอ้จงอินหันไปคุยอะไรสักอย่างกับเด็กกรงหมาจึงไม่ได้สนใจว่าเมื่อกี้เขากวนตีนยังไง

    แล้วเราจะรีบกลับมา ทันทีที่พูดจบ อี้ฟานก็หันไปพยักหน้าบอกให้ทุกคนขึ้นรถ ซึ่งวันนี้แบ่งเป็นสองคัน กระบะเอาไว้ขนถังน้ำมัน ส่วนรถยนต์อีกคันเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน หากเจอเรื่องไม่คาดคิดจะได้ใช้หลบหนีถ้าอีกคันโดนล้อมหรือซุ่มโจมตี และเผื่อใช้ขับลากสิ่งกีดขวาง

    ลู่หานยังยืนที่เดิมอยู่เลยครับ หลังจากรถขับออกมาเซฮุนก็มองไปด้านหลัง เขาเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายคนนั้นที่คงเชื่อใจตัวเองมากกว่าคนอื่น ถึงได้ไม่อยากรออยู่เฉย ๆ ที่บ้าน

    เห็นอย่างนั้นก็นึกถึงวันที่ต้องจับไม้สั้นไม้ยาวกัน จงอินมองกระจกมองหลังก่อนจะหันไปทางคนข้างตัว วันที่ได้เจอนายครั้งแรกน่ะ วันนั้นทุกคนกลัว ไม่มีใครอยากออกไปเสี่ยงตาย เราต่างแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา ไม่เหมือนกับตอนนี้

    นึกถึงตอนนั้นแล้วก็อุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด จากคนแปลกหน้าที่ต้องหาทางรอดไปด้วยกันด้วยความจำเป็น เหตุการณ์เฉียดตายแต่ละครั้งทำให้เราได้เห็นตัวตนของกันและกัน อดอยากบ้าง เจ็บตัวบ้าง แต่เซฮุนก็ไม่เคยเสียใจที่ได้อยู่กับคนกลุ่มนี้

    จากตัวคนเดียวเปลี่ยนเป็นครอบครัว ผมกับคุณเป็นคำว่าเรา เขามองเห็นข้อดีมากมายในโลกที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว

    หนึ่งปีแล้วนะครับ เซฮุนเลื่อนกระจกลง เงยหน้ามองท้องฟ้าและต้นไม้สีเขียวเหลืองคละกันไปตลอดทั้งทาง

    เด็กหนุ่มชูแขนขึ้นรับลมเย็นพร้อมนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้นที่เขาถูกจับไว้ในกรง ความหวาดกลัว ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง ความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้นพร้อมกันและเขาคิดว่าคงกำลังจะตายตามพ่อไป

    เป็นหนึ่งปีที่มองว่าผ่านไปเร็วก็คงใช่ แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่ามันยาวนาน

    เพราะเจออะไรมาเยอะขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกที่นายจะรู้สึกว่ามันนาน มือที่เคยวางอยู่บนกระปุกเกียร์กำลังเลื่อนมากุมมือเขาเอาไว้ และตอนนี้สายตาจงอินยังคงทอดมองไปยังถนนและรถกระบะคันหน้าเหมือนในทีแรก ถ้าไม่นับตอนอยู่อุทยาน พวกเราก็ผ่านอะไรมาแบบรายวันกันแทบไม่ได้หยุดพักเลย

    นั่นสิครับ ทั้งที่แค่ปีเดียวแท้ ๆ เซฮุนเอามืออีกข้างกุมมือจงอินไว้พลางเลียริมฝีปากระหว่างนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านไป แต่ผมรู้สึกเหมือนเราทุกคนเป็นครอบครัวกันมานานมากแล้ว

    เราอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา ถึงรู้สึกผูกพันและเข้าใจกันและกันมากกว่าตอนก่อนเรื่องจะเกิดขึ้น จงอินเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ ถ้าเป็นตอนโลกยังน่ารักอยู่ คนเราก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ฉันก็ตื่นไปอู่ซ่อมรถ ทำงานเพื่อเงินเดือนขั้นต่ำ ตกเย็นเมาหัวทิ่ม ส่วนนายก็ตื่นเช้าไปโรงเรียน เอาความรู้เพื่อเกรดดี ๆ ไว้แลกกับงานการในอนาคต พอเรียนเสร็จก็กลับบ้าน แล้วใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนกินข้าวเย็นคุยกับพ่อแม่ แลกเปลี่ยนความคิดกันว่าวันนี้เจออะไรมาบ้าง หลังจากนั้นก็ต้องรีบเข้าห้องไปทำการบ้าน เล่นเกม ดูทีวี หรือทำอะไรก็ตามเพื่อชีวิตตัวเอง

    พอทุกอย่างเปลี่ยนไป คนเราถึงได้ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น น่าใจหายจังเลยครับ

    เป็นการทำให้คนสำนึกได้เกินเหตุจริง ๆ คิดงั้นไหม? จงอินขมวดคิ้วจริงจังขณะหันมาสบตากัน ก่อนเราทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมา

    นั่นสิครับ ผมมาสำนึกได้เอาตอนนี้ ไม่ดีเลย

    เพราะงั้นก็รีบทำดีกับฉันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ซะ เข้าใจหรือเปล่า? จงอินเอื้อมมือไปยีผมเด็กหนุ่มตัวผอมที่ยอมก้มหน้าลงให้เล่นหัวอย่างว่าง่าย

    คุณก็ด้วยนะครับ ดีกับผมให้มาก ๆ นะ

    ดีกว่านี้ก็อุ้มขี้อุ้มเยี่ยวแล้วหนู

    คุณอุ้มไม่ไหวหรอกครับ ผมตัวหนักจะแย่ เด็กหนุ่มหัวเราะ ยิ้มตาหยีจนคนมองต้องย้อนถามตัวเองว่าระหว่างท้องฟ้าวันนี้กับรอยยิ้มของโอเซฮุนอะไรที่สดใสกว่ากัน


    เอาอีกแล้ว คิมจงอินคิดว่าความเลี่ยนเหล่านั้นคงเป็นผลกระทบจากครั้งหนึ่งที่เคยสูญเสียความทรงจำไป


    ไหวไม่ไหวก็เคยแล้วไหม หลายครั้งด้วย อย่าให้พูด ชายหนุ่มผิวแทนปรายตามองคนข้าง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะชะงักไปกับประโยคของเขาที่ไม่ได้ตั้งใจจะกำกวม อะไร ทำหน้าแบบนั้นคงคิดเรื่องลามกอยู่สินะ

    อะไรครับ ไม่ใช่คุณเองหรอกเหรอที่พูดมันขึ้นมาเอง เด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีจัด เบิกตากว้างมองมือตัวเองที่ถูกคว้าไปกุมไว้บนตักสลับกับใบหน้าคนข้าง ๆ

    ฉันหมายถึงตอนศูนย์วิจัยนรกนั่น แต่ถ้าจะให้นับตอนเราทำ -- ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกมือขาว ๆ ของเด็กขี้เขินปิดไว้เสียก่อน จงอินไม่ชอบกลั้นยิ้มหรอก เขาไม่ใช่เด็กอย่างโอเซฮุนที่ชอบทำแบบนั้นเพราะมีภูมิต้านทานน้อย

    พอก่อนครับ... ผมเขินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มผิวแทนยังคงขับรถอย่างใจเย็น มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาทิ้งให้เซฮุนดิ่งไปกับความขลาดอายก่อนที่เขาจะจูบฝ่ามืออีกฝ่ายเอาให้หน้าแดงกว่าเดิม

    จงอินยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากอีกฝ่ายหันไปให้ความสนใจกับลมเย็น ๆ นอกหน้าต่างรถ และเขาหวังว่ามันจะช่วยขับไล่ความร้อนบนแก้มของเซฮุนได้

    เซฮุน

    ครับ?

    ตอนที่ฉันฟังเรื่องพ่อของนายในไร่ข้าวโพด บอกตามตรงว่าตอนนั้นฉันแค่รู้สึกเห็นใจ แต่พอเป็นตอนนี้ ชายหนุ่มผิวแทนเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ ก่อนจะหันไปสบตากับคนรักที่เคยมองเห็นเป็นแค่เด็กหน้าตาย ฉันกลับอยากเป็นทุกอย่างให้นาย

    จงอินไม่ยอมหยุดทำให้เขาเขินจริง ๆ ด้วย ผู้ชายคนนี้คงคิดจะทำให้เขารู้สึกดีไปถึงเมื่อไหร่กันนะ

    ฉันรู้ว่ามันชดเชยกันไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นายต้องการคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนพ่อ พี่ชาย หรือคนรัก จงอินยิ้มขณะมองถนน ก่อนจะจับมือของเขาไปจูบค้างไว้แล้วหันมาสบตากัน ฉันจะทำหน้าที่นั้นทั้งหมดเอง

    ตั้งแต่ขับรถออกมาคุณยังจีบผมไม่หยุดเลยนะครับ... เสียงของเซฮุนแผ่วเบาไปกับความขลาดอาย และมันคงเป็นสิ่งยืนยันอีกอย่างหนึ่งว่าต่อให้เวลาผ่านไปเป็นปีแล้วแต่เขาก็ยังคงเขินกับทุกคำพูดของผู้ชายที่ชื่อคิมจงอิน

    ไม่ได้พูดบ่อย ๆ แล้วกัน จะเขินก็รีบเขินตั้งแต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความโรแมนติกของอีกฝ่ายอยู่ดี  

    วันนี้อากาศดีจัง... ทั้งที่พูดอย่างนั้น แต่ฝ่ามือของโอเซฮุนกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ ขณะประกบกับฝ่ามือของคนข้าง ๆ

    ชอบไหม?

    ชอบครับ แต่เดี๋ยวก็จะเข้าหน้าร้อนแล้ว พอถึงตอนนั้นเราคงต้องกังวลถึงเรื่องน้ำดื่ม เซฮุนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทางคนขับอีกครั้ง เหงาไหมครับที่ลู่หานไม่ได้มาด้วย?

    ไม่มาก็ดี บางทีฉันก็อยากเดทกับนายบนรถโดยไม่ต้องฟังเสียงนกเสียงกาคอยขัดจังหวะ

    ใช้คำว่าเดทด้วย... วันนี้จะจีบผมจนกว่าจะถึงปั๊มเลยหรือไงครับ...

    ถ้าไม่กลัวแหกโค้งข้างทางก็คงจับมาจูบสักทีสองทีแล้ว มันเขี้ยวอะเข้าใจไหม เพราะงั้นนั่งเฉย ๆ ต่อไป อย่าขัดคนจะจีบ จงอินยังพูดจาน่ารักไม่หยุด และเซฮุนก็มีความสุขมากจนเอาแต่หัวเราะจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้ว

    ครับ... ผมจะนั่งให้คุณจีบอย่างตั้งใจเลย

    แสนรู้ เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความหมายหันมาสบตากันอีกครั้ง เซฮุนยังคงยิ้มและเขาคิดว่าคงทำอะไรได้ไม่เก่งมากไปกว่านี้อีกแล้ว

    ใบไม้แห้งปลิววนบนอากาศหลังจากรถสองคันขับผ่าน ข้างทางไม่มีตัวกินคนเดินเร่ร่อนอย่างที่เคยเห็นเป็นประจำ บรรยากาศรอบด้านเริ่มเปลี่ยนแปลงซึ่งเซฮุนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขากำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่าทุก ๆ อย่างถึงได้ดูดีขึ้นอย่างนั้น



    70%


     

    งานหนักแล้ว

    ควอนยูริไม่ใช่คนพูดบ่อย และการที่เธอพูดก็แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายได้เป็นอย่างดี มันน่าหัวเสียและน่าคิดไปพร้อม ๆ กันว่าทำไมละแวกนี้ถึงมีแต่ซากตัวกินคนกองอยู่ข้างทางมากกว่าจะเดินลากไส้ขวางถนนให้ต้องส่งใครสักคนลงไปตัดคอ

    พวกมันตายแล้ว... และคงไม่ใช่เพราะหิวจนท้อแท้ปลิดชีวิตตัวเองด้วยการพร้อมใจกันนอนทับเป็นชั้น ๆ อยู่ตรงนั้นแน่ มีคนแวะที่นี่เหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด และมันไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขา

    ไม่เหลือน้ำมันให้สูบสักคัน จงอินถอนหายใจพลางปัดฝาน้ำมันกลับเข้าไป ก่อนจะกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อสังเกตการณ์ ที่นี่เงียบสงบจนมือขวาเริ่มกำไขควงแน่นขึ้นพร้อมเตรียมรับมือกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่

    ถ้าหากมีใครซุ่มดักโจมตี เราคงหาทางหนียาก

    นี่ก็จุดที่สามแล้ว ผมว่าข้างหน้าคงไม่ต่างกัน ทุกคนเห็นด้วยกับอี้ฟาน เพราะระหว่างทางที่ผ่านมาก็ไม่หลงเหลือน้ำมันให้สูบ และไม่มีเสบียงให้เก็บสักอย่างเดียว

    บางทีมันอาจเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเราควรย้ายไปอยู่ที่อื่นกันได้แล้ว จงอินเอาเท้าเขี่ยซากศพตัวบนสุดให้หงายขึ้น เจ้าของร่างไร้วิญญาณคงอายุไม่น่าเกินสามสิบ และเขามีความสงสัยในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าว่ามีอะไรยัดอยู่ ทำไมถึงตุงขนาดนั้น พับขวาเหรอเราอะ

    ไอ้คนลามกเอ๊ย หลุดขำออกมาเพราะสีหน้าและน้ำเสียงของควอนยูริ ยิ่งเห็นตอนอีกฝ่ายส่ายศีรษะหน่าย ๆ ก่อนจะหันไปอีกทางก็ยิ่งชอบใจ เอาน่า... ตอนเขายังทำอะไรได้ไม่คล่องมือก็ถูกยัยนั่นกวนประสาทไปเยอะ ได้โอกาสก็ขอเอาคืนบ้างเถอะ

    จงอินย่อตัวลงค้นกระเป๋ากางเกงก่อนจะพบเงินสดจำนวนหนึ่งที่ถูกมัดไว้ด้วยยางโง่ ๆ สีของมันหมองไปตามกาลเวลาและคาดว่าคงไม่ได้มาด้วยความถูกต้อง หลังจากพบว่ามีสร้อยทองคล้องติดมาด้วยสองเส้น

    ชาติเดียวกันกับไอ้ลู่หานนี่หว่า

    คนจีนเหรอครับ? เซฮุนชะโงกมองด้วยความสนใจ

    เปล่า โจร

     อี้ฟานหลุดขำ อย่างน้อยบรรยากาศตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าตอนที่ต่างคนต่างคิดว่าข้างหน้าอาจพบความผิดหวังเช่นกัน ตอนนี้เพิ่งบ่ายสอง มันยังพอมีเวลาถ้าเราจะขับไปดูเส้นรอบเมืองกัน

    เพื่อหาเสบียงหรือบ้านใหม่ล่ะ? ยูริมองชายหนุ่มตัวสูงที่กำลังก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

    ทั้งสองอย่าง อี้ฟานตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันไปทางจงอินและเซฮุน แต่เพื่อความรอบคอบ เราน่าจะเข้าไปดูมินิมาร์ทด้านในให้แน่ใจก่อน

    เผื่อเจอคิมบับสักสองสามชิ้น อย่าลืมตะโกนเรียกผมล่ะ จงอินดีดเงินขึ้นไปบนอากาศก่อนที่มันจะโปรยปรายลงบนซากศพ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่ในตอนนี้เงินก็เป็นแค่เศษกระดาษที่เอาไว้ใช้จุดไฟประทังความหนาวยามค่ำคืนเท่านั้น

    ผมจะเอาให้คุณกินเป็นคนแรกเลยล่ะจงอิน

     

     

    *

     

     

    ช้า

    ...

    เร็วกว่านี้สิเปาจื่อ

    รู้แล้วน่า

    รู้แล้วก็รีบทำให้ได้สักทีดิ นี่กินเวลาไปตั้งเท่าไหร่ละ

    ก็เพราะคุณนั่งอยู่ตรงนี้ผมถึงทำไม่ได้ไง ถอยออกไปเลย มินซอกหันไปแว๊ดใส่คนที่นอนอยู่บนเบาะหลังอย่างสบายใจ แต่สายตาที่มองมากลับส่งไปในทางมันเขี้ยวปนเวทนาความสามารถของเขาที่ต่อสายตรงไม่ได้สักที

    พี่จริงจังนะเปาจื่อ ความจริงควรเรียกให้ไอ้เทามาสอนแทนด้วยซ้ำ คือเราก็รู้ใช่ปะว่าพี่ไม่ชอบดุ พี่ใจดีเกินไป พอเป็นอย่างนั้นเราก็เลยทำไม่ได้สักทีไง พูดไปก็เอานิ้วชี้กรีดไปตามร่องสันหลังของแฟนจ๋าที่กำลังพยายามต่อสายตรงจนคนตัวเล็กดิ้นยุกยิกอย่างรำคาญ

    ไม่ชอบดุหรือไม่กล้าโห พูดแบบนี้คนโหดหมื่นศพถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งถลึงตาสู้เลย

    ก็ไม่กล้าไง!!!”

    ก็ดีแล้ว มินซอกพูดเสียงเรียบ ก้มลงง่วนกับการต่อสายตรงโดยไม่สนใจใยดีคนกระจอกอีก

    ผิดสายปะ ไม่ พี่สอนว่ายังไงเปาจื่อ บอกว่าไม่ใช่สายนั้น ไม่โว้ย เออ นั่นแหละ ทำต่อไป หงุดหงิด ไม่เคยแพ้ให้ใครขนาดนี้แต่ก็หวังว่าจะเอาชนะให้ได้สักครั้งนึง ลู่หานเบะปากอย่างคนอารมณ์บ่จอย จะหันมายิ้มใส่แล้วพูดว่าล้อเล่นนะ นิดนึงก็ไม่ได้ ข่มกูตลอดเซ็งว่ะ

    ลู่หานลงจากรถ ปิดประตูอัดจนคนตัวเล็กสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองตามอย่างไม่เข้าใจ อะไรกัน ถูกเพื่อนห้ามไม่ให้ออกไปเร่ร่อนข้างนอกแล้วมาหงุดหงิดใส่เขางั้นเหรอ นิสัยเสียจริง ๆ

    คนกวนประสาทเดินหายไปแล้ว ไม่วายคงหาที่นั่งสูบบุหรี่หรือชวนหวงจื่อเทาคุยเรื่องไร้สาระฆ่าเวลาจนกว่าคนอื่น ๆ จะกลับมาพร้อมความผิดหวัง พอถึงตอนนั้นคนกระจอกคงหัวเราะลั่นแล้วบอกว่าที่หาเสบียงไม่ได้ก็เพราะขาดมือดีอย่างลู่หานไป  

    มินซอกไม่ได้ใส่ร้าย ที่พูดไปทั้งหมดมันคือความจริงที่อีกฝ่ายบ่นให้ฟังตอนสาย ๆ

    กลับมาที่การต่อสายตรงอีกครั้ง มันยากจริง ๆ สำหรับเด็กอย่างเขา ถ้าไม่ใช่คนที่คลุกคลีอยู่กับรถมานานก็คงต้องเป็นโจรอย่างลู่หานหรือเปล่าถึงจะทำได้ง่าย ๆ คิมมินซอกเป็นแค่นักเรียนที่อยู่กับหนังสือ สนามกีฬา หอพัก และห้องแล็บ จะให้ฝึกทำแบบนี้มันคงต้องใช้เวลาอยู่แล้ว

    ปัง!!!

    คนที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการต่อสายตรงสะดุ้งอีกครั้ง พอเงยหน้าขึ้นก็พบลู่หานที่ทาบสองมืออยู่กับกระจกฝั่งคนขับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    ทำอะ --

    ปัง ๆๆ

    นี่คุณ? มินซอกขมวดคิ้วมองอย่างหัวเสีย ถ้าไม่ช่วยสอนให้การต่อสายตรงบ้านี่ง่ายขึ้นก็อย่ามากวนประสาทกันจะได้ไหม?

    ก้มลงทำต่อไป

    ผมจะทำได้ไงถ้าคุณยังทุบไม่หยุดอย่างนี้ คนตัวเล็กไม่สนุกด้วยแล้ว ถ้าลู่หานยังไม่หยุดเขาจะเททุกอย่างแล้วเลิกล้มความคิดนี้ไปจากหัวตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

    พอถึงเวลาจริงพวกมันทุบกันแรงกว่านี้

    ...

    หลายตัวด้วยเปาจื่อ

    ...

    พวกกินคนมันไม่ให้เวลาเราตั้งสติหรอก

    ปัง ๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ...!!!!” คนตัวเล็กหลับตาแน่น ลู่หานยังคงทุบกระจกไม่หยุดจนมินซอกขวัญเสียมือสั่นเพียงเพราะนึกถึงสถานการณ์กดดันที่อาจเกิดขึ้นอย่างที่อีกคนพูด

    ตอนนี้ครูนั่งอยู่ข้างหลัง แล้วกระจกฝั่งนั้นกำลังจะพังแล้วเปาจื่อ

    หยุดนะมือทั้งสองข้างสั่นเทาจนแตะสายผิด ๆ ถูก ๆ มินซอกเริ่มหายใจไม่ออกเมื่อถูกความกลัวกลืนกินทีละนิด

    พวกมันพังกระจกเข้ามาแล้ว ตอนนี้ครูไม่เหลือกระสุนไว้ยิงดักพวกมันอีก

    หัวใจเต้นตุบตับ สอดประสานกับเสียงทุบกระจกที่กดดันอยู่ทุกขณะ เหงื่อจากความอึดอัดในที่แคบซึมตามขมับ ฝ่ามือ และซอกคอมากขึ้นเพราะสถานการณ์บีบบังคับที่อีกฝ่ายตั้งใจทำให้รู้สึกเหมือนจริง

    เร็วกว่านี้

    ปัง ๆๆๆ

    ผมพยายามอยู่!!!”

    ครูกำลังจะถูกพวกมันกินแล้วเปาจื่อ

    ปัง ๆๆๆ

    ...!!!”

    ครืน...

    สองมือหยุดทุบกระจกทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทติด ลู่หานพรูลมหายใจทางริมฝีปากก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับออกหวังจะชื่นชมความสามารถ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าตอนนี้มินซอกกำลังฟุบหน้าร้องไห้กับเบาะที่นั่งจนได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น

    เปาจื่อ

    หัวใจหล่นยวบไปอยู่ปลายตีนทันทีที่เห็นน้ำหูน้ำตาเปื้อนเลนส์ไปหมด ลู่หานถอดแว่นออกให้แล้วใช้ชายเสื้อกรัง ๆ ของเขาทำความสะอาดก่อนจะพ่นไอร้อนซ้ำลงไปแล้วเช็ด ๆ ถู ๆ อยู่อย่างนั้นท่ามกลางเสียงสะอื้นของแฟนจ๋าที่ถูกเขากดดัน

    พี่ไม่ขอโทษนะ เพราะพี่ตั้งใจ

    งั้นก็ไปไกล ๆ

    ต่อให้โดนตบก็ไม่ไปหรอก -- โอ๊ย!” พูดไม่ทันขาดคำหน้าก็หันจนแทบจูบกับกระจกประตูรถ ลู่หานจับแก้มตัวเองพร้อมหันไปมองดวงตาคู่นั้นอย่างตัดพ้อ แต่คาดว่านาทีนี้คงไม่ใช่เขาที่จะเป็นฝ่ายได้รับการปลอบใจ

    ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วย อยากให้ผมเป็นบ้าตายเหรอ

    ก็วิธีแรกมันไม่เวิร์กพี่ก็เลยต้องใช้วิธีนี้ไง โมโหมากเหรอ ตบอีกดิ ลู่หานหันแก้มให้มินซอกตบ แล้วน้องก็ตบจริง หน้ากูนี่สั่นเป็นไวไบรเตอร์เลยฮ่า! เจ็บมือเลยล่ะสิ สมน้ำหน้า!”

    ...

    ...

    ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบและลู่หานรู้ว่าวิธีประสาทแดกไม่ได้ช่วยเรียกขวัญแฟนจ๋ากลับมาได้ เขายังคงนั่งอยู่ตรงนี้ถ้ามินซอกอยากระบายความโกรธด้วยการตบอีก มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกถ้าแลกมากับความคุ้มค่าที่น้องต่อสายตรงเป็น

    เมื่อกี้ผมไม่ได้นึกถึงแค่ครู

    ...

    ผมคิดว่าคุณกับคนอื่น ๆ อยู่ในรถด้วย แล้วถ้าผมทำไม่สำเร็จ ผมคงโทษตัวเองไปจนตาย

    โอ้โหใจ... ลู่หานยกมือขึ้นทาบอก เมื่อกี้ใครถูกตบเหรอจำไม่ได้แล้ว ถ้าจะพูดจาน่ารักแบบนี้ให้นวดหน้าด้วยฝ่าตีนทั้งสองข้างก็ยอม พักนี้น้องมันร้าย ชอบพูดจาให้หวั่นไหวทั้ง ๆ ที่เป็นแฟนกันอยู่แล้วไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ตรงนี้

    เขาดึงแฟนจ๋าเข้ามากอดแล้วจูบหัวไปหนึ่งที กอดโอ๋เหมือนเด็ก ๆ เพื่อเรียกขวัญให้กลับมาซึ่งมินซอกก็กอดตอบแทนที่จะผละตัวออกไปเอาฝ่ามือฟาดหน้าเขาอย่างเช่นเมื่อครู่นี้

    ไม่ต้องกลัวหรอก พี่คงไม่ให้เรารู้สึกแบบนี้อีกคนตัวเล็กผละออกมาสบตากัน ถ้าลู่หานบอกว่าพี่จะปกป้องเราเอง อย่างนั้นมันคงอุ่นใจดีไม่น้อย

    ทำไมเหรอ? มินซอกไม่ค่อยชอบตัวเองเวลาต้องเขินผู้ชายบ้า ๆ แบบนี้เลย แต่นาน ๆ ครั้งมันก็ทำให้ตื้นตันดีเหมือนกัน

    เพราะยังไงพี่ก็ต้องเป็นคนขับรถอยู่ดี -- โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย



    ให้ตาย... ลู่หานก็ยังเป็นลู่หานอยู่วันยังค่ำ

     

     

    *

     

     

    แม้แต่น้ำตาลก็ไม่เหลือ แช่งให้พวกแม่งเป็นเบาหวานตายไปเลยดีไหม จงอินถอนหายใจพลางมองแผงวางของซึ่งว่างเปล่าไม่มีอะไรให้หยิบติดมือกลับไปด้วย เหลือแต่พวกสเปรย์ดับกลิ่น รองเท้าแตะ กับซากของสดในตู้แช่เย็นที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นจนอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก

    หลักฐานก็ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเต็มไปหมดว่ามีคนมาถึงก่อนเรา ยูริควงมีดพกเล่นขณะนั่งพิงกับเคาน์เตอร์คิดเงิน เธอไม่ได้ห้ามคนโง่เหล่านี้ที่ยังคงมุ่งมั่นหาเสบียง อี้ฟานยังคงอยู่ด้านในสุด ส่องไฟฉายหาความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งคงรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าคงไม่ได้อะไรกลับไป

    คิดว่าที่เอาของไปหมดจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ฆ่าตัวกินคนข้างนอกหรือเปล่าครับ? เซฮุนถามความเห็น พลางคุกเข่ากับพื้นแล้วก้มลงมองข้างใต้แผงวางของ

    เป็นไปได้ แต่ก็ไม่มีอะไรฟันธงว่าใช่ เพราะบางทีอาจจะมีคนแวะเก็บก่อน แล้วพวกเร่ร่อนเหมือนกลุ่มเราที่หวังเข้ามาหาเสบียง แต่ก็อดเพราะมีคนสอยไปก่อนแล้วก็เลยฆ่าพวกข้างนอกแก้เขิน

    พูดแบบใช้สัญชาตญาณผู้หญิงเลยนะ ฉันว่าเราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน ๆ หรอก ยูริใช้ปลายมีดแคะเล็บ เธอดูสบายเกินกว่าจะกังวลเหมือนอย่างที่พูด

    งั้นเปลี่ยนเป็นสำรวจลู่ทางขับไปเมืองอื่นกัน ถ้าระหว่างทางปลอดภัยมากพอเราจะได้รีบย้ายไปอยู่ในจุดที่หาเสบียงได้ง่ายกว่านี้ อี้ฟานเก็บมีดใส่สนับขาแล้วตรงไปหยุดอยู่หน้าประตูมินิมาร์ท

    มันไม่มีอะไรง่ายหรอก

    ดักจังเลย เป็นไรอะเรา จงอินเลิกคิ้วมองหญิงสาว ถ้ามีไอเดียดี ๆ ก็พูดออกมาเลย อย่าอมขี้ฟันไว้

    ยูริแกล้งหูทวนลมไม่ได้ยิน เธอเดินออกไปข้างนอกตามอี้ฟานและตรงนี้จึงเหลือเพียงเขากับเซฮุนเท่านั้น

    ผมเก็บนี่ได้ครับ เด็กหนุ่มยื่นอมยิ้มหลากสีสันให้ แต่จงอินกลับเลื่อนหน้าเข้ามาสบตากันในระยะใกล้จนเขาต้องเอนถอยหลังเล็กน้อย  

    แกะกินเลยสิ เวลาจูบจะได้หวาน ๆ

    ...

    เซฮุนมองแผ่นหลังของคนขี้เล่นที่กำลังเดินออกไปข้างนอกซึ่งใจดีมากพอที่จะปล่อยให้เขายืนหน้าแดงตรงนี้คนเดียว เด็กหนุ่มยกมือทาบหน้าผากซึ่งร้อนผ่าวจนเหมือนคนมีไข้ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเพื่อไม่ให้ผิดปกติเกินไปถ้าหากว่าคุณอี้ฟานกับคุณยูริหันมาเห็น

    ก้มลง พอออกมาข้างนอกเซฮุนก็เลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจหลังจากถูกดึงให้ย่อตัวลงหลบหลังรถซึ่งจอดทิ้งไว้นานจนฝุ่นจับ สายตาของผู้ใหญ่ทั้งสามกำลังมองไปยังถนน ก่อนเด็กหนุ่มจะได้ยินเสียงรถที่ขับเข้ามาใกล้ทุกที

    คอนวอยทหาร?

    พวกเขาจะเห็นรถเราไหมครับ?

    อาจจะ ยูริตอบอย่างไม่มั่นใจ พลางมองรถทั้งสองคันซึ่งไม่ได้ใหม่จนโดดเด่น แต่ก็แปลกตาเมื่อจอดอยู่ใกล้ ๆ รถที่ถูกฝุ่นเกาะเต็มไปหมด

    ... เซฮุนก้มลงมองมือตัวเองที่ตอนนี้กำลังสอดประสานกับนิ้วคนรัก จงอินคงรู้ว่าเขากลัว ถึงได้หันมาสบตาเพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกัน และจะไม่มีใครจับแยกไปทดลองอีก

    พวกเขาไปแล้ว อี้ฟานเป็นคนแรกที่วิ่งออกไปข้างถนนตามด้วยยูริ ทั้งคู่ก้มตัวลงหลบหลังรถเพื่อดูว่าตอนนี้คอนวอยเดินทางไปไกลแค่ไหน เซฮุนยังอยากอยู่ตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าจงอินคงอยากไปสังเกตการณ์กับคุณอี้ฟาน เขาจึงยอมคลายมือออก

    ฉันรู้ว่านายกลัว แต่ฉันคงไม่สร้างโล่ป้องกันให้นายด้วยการบอกให้หลบอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มผิวแทนหันไปพูดกับเด็กหนุ่มซึ่งมีสีหน้าไม่ดีนัก เพราะงั้นจับแขนฉันไว้ ถ้าฉันอยู่ไหน นายก็จะอยู่ที่นั่นด้วย

    ผมขอโทษนะครับจงอิน ผมรู้ว่ามันงี่เง่าแต่ผมรู้สึกเหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไป

    เฮ้ อย่าคิดมาก เขาลูบหัวอีกฝ่าย นายมีสิทธิ์รู้สึกอย่างนั้น แล้วฉันก็กำลังพยายามเรียกความเป็นนายกลับคืนมา

    ...

    เหมือนที่นายเคยตามฉันกลับมาตอนที่ฉันหลงทางไงเซฮุน

    ความกลัวในใจทั้งหมดยังคงแพ้ผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินอยู่ดี เด็กหนุ่มตัวผอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะจับท่อนแขนอีกคนไว้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองจากกลุ่มชายชุดลายพรางเหล่านั้น ทั้งคู่ก้มลงต่ำกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยุดอยู่ข้าง ๆ อี้ฟานและยูริ ไม่นานนักก็พบว่าคอนวอยทหารกำลังหักเลี้ยวไปด้านซ้ายของถนน

    เหมือนที่ผมเจอกันวันนั้นเลยครับ มาเป็นกลุ่ม รถก็เหมือนกันด้วย ทั้งสามคนเงียบเพื่อใช้ความคิด ซึ่งจงอินหันไปทางอี้ฟานก่อนเพื่อขอความเห็น

    คิดว่าไง?

    น่าจะเป็นหน่วยลาดตระเวน เสียงของยูริดึงความสนใจจากชายทั้งสาม และเธอไม่ได้คลายความคาใจให้ด้วยการอธิบายต่อ น่าสนใจ

    คิดว่าอย่างนั้นนะ... อี้ฟานยังคงมองไปยังจุดที่รถเลี้ยวเข้าไป

    แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ?

    ดูไม่ออกหรือไง ทหารเดินรอบรถขนาดนั้นยังไงก็ออกมาลาดตระเวนอยู่แล้ว

    ฉันถามเพราะอยากรู้มุมต่าง สถานการณ์แบบนี้อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้หรือเปล่าแม่คุณ? จะเรียกว่ามีปากเสียงได้ไหมนะ แต่จงอินกับคุณยูริก็ไม่เคยคุยกันดี ๆ เลย

    อาจจะออกมาเดินเล่นแก้เครียดล่ะมั้ง คิม จง อิน หญิงสาวย้ำชื่ออีกฝ่ายพร้อมยิ้มเยาะ ซึ่งชายหนุ่มผิวแทนเพียงไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ

    เพราะถ้าใช่อย่างที่เธอพูด ฉันจะได้ตั้งคำถามว่าทำไมต้องเดินลาดตระเวน ตามหาคน หรือฆ่าพวกนี้ จงอินมองซากศพแล้วหันไปทางอี้ฟาน คุณคิดว่ามันมาสไตล์เดียวกับพวกค่ายศูนย์วิจัยนั่นหรือเปล่า?

    ผมไม่แน่ใจ แต่ระหว่างทางไปค่ายนั้นไม่มีใครเคลียร์ทางไว้แบบนี้ ชายหนุ่มตัวสูงมองซากศพข้างทาง ตอนขับผ่านคราวก่อนยังเห็นพวกมันเดินเร่ร่อนอยู่เลย เพราะงั้นมันคงแปลกไปหรือเปล่าถ้าจะมีค่ายปักหลักอยู่แถว ๆ นี้?

     

     

     

    TBC

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×