ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #117 : Chapter 111 :: Airplane (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.85K
      117
      25 มี.ค. 60

    Tenpoints!

     

     

    Chapter 111

    Airplane

     

     

     
     

    อ๊า นี่มันสวรรค์ชัด ๆ มีเครื่องปั่นไฟให้ได้อาบน้ำอุ่น มีกาแฟสดหอม ๆ กับเสื้อผ้าที่ซักแล้ว ไหนจะมีไวน์เก่าแก่อีก

    ยังดื่ม – ไวน์ – ตอนนี้ – ไม่ได้นะ – จงแดคนที่อยู่ในครัวชะโงกหน้าออกมา คนถูกเตือนจึงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี

    ผมรู้น่า

    จงแดวางแก้วกาแฟลงข้างของล้ำค่าในโลกปัจจุบันที่ใช้เงินแลกซื้อไม่ได้ เขาไม่ใช่คนมีความรู้เรื่องความเก่าแก่ของไวน์และเหล้าฝรั่งนัก แต่แค่เห็นตัวอักษรหลายภาษาแปะอยู่บนขวดก็พอทำให้นึกภาพออกว่าท่านคงเป็นคนค่อนข้างมีรสนิยมดีเลยทีเดียว คืนนี้เราอาจจะเมาแอ้เพราะบ้านหลังนี้มีทั้งไวน์ เหล้า และเบียร์อีกเป็นลังในห้องเก็บของ

    ชานยอลบอกว่าคุณตาเป็นคนชอบดื่มกาแฟสด ท่านจึงซื้อเมล็ดกาแฟมากักตุนไว้เพราะไม่ได้เข้าเมืองบ่อย และด้วยความที่อายุเมล็ดเก็บอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องบรรจุใส่กระป๋องพร้อมอัดแก๊สไนโตรเจนเข้าไปเพื่อให้ยืดเวลาเก็บได้นานขึ้นเป็นปี คนที่รอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ถึงมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติกาแฟสดอีกครั้งหลังจากดื่มแบบสำเร็จรูปมานาน

    เจ้าหน้าที่หนุ่มเงยหน้ามองเพดานเพื่อซึมซับความสุขที่เรียบง่ายซึ่งมันช่วยเยียวยาจิตใจคนที่หนีตายหัวซุกหัวซุนได้เป็นอย่างดี บ้านที่อบอุ่นงั้นเหรอ จงแดไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสรู้สึกแบบนี้อีกหลังจากเสียอุทยานไป ตอนนี้สัตว์ที่นั่นจะเป็นยังไงบ้าง เขาอยากคิดในแง่ดี แต่ความกลัวก็เป็นเหมือนมีดจ่อคอบอกให้คิมจงแดยอมรับสักทีว่าปาฏิหาริย์ไม่มีอยู่จริง

    แม้จะพูดคุยและหัวเราะกับคนรอบข้าง แต่ในใจของเจ้าหน้าที่คิมจงแดก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล

    หลังจากช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยทุกคนก็แยกกันไปจัดการในแต่ละส่วนซึ่งชานยอลเป็นคนแจกแจงว่าในบ้านหลังนี้มีอะไรบ้าง อี้ชิงอาสาทำมื้อเย็นที่ไม่ต้องออกไปหาวัตถุดิบจากข้างนอกเพราะในห้องเก็บของมีอาหารกระป๋องอยู่ส่วนหนึ่งที่พอจะยืดเวลาพักผ่อนให้คนกลุ่มนี้ไปได้อีกสักสองวัน ส่วนแบคฮยอนกับคยองซูช่วยกันแยกวัตถุดิบเป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นไก่กระป๋อง ผักดอง

    ที่นี่คือสวรรค์ชัด ๆ เขาเริ่มไม่อยากไปในตัวเมืองแล้ว

    แบคฮยอน เจ้าของชื่อวางอาการกระป๋องลงแล้วเดินไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าชานยอลโผล่ออกมาจากห้องน้ำเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงเรียก ช่วยไปเอาผ้าขนหนูให้หน่อยสิครับ ผมมัวแต่คุยกับซีวอนก็เลยลืมวางไว้ตรงราวจับบันได

    คุยจนลืม? เด็กน้อยเลิกคิ้วมองอย่างรู้ทัน อาบน้ำจนเสร็จแต่เพิ่งนึกออกว่าลืมผ้าขนหนูเนี่ยนะ...

    รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนที่โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่าให้เห็นก็คงยืนยันได้ว่าเขาคิดไม่ผิด

    ครับ ลืม กลิ่นสบู่อ่อน ๆ มาพร้อมความอุ่นของไอน้ำจากด้านในไม่ใช่เรื่องน่าตลกสำหรับเด็กที่ต้องสู้กับความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้เลยสักนิด ไม่ชอบที่จะรู้สึกดีแบบนี้เลย เขารู้หรอกว่าชานยอลแกล้งทำเป็นลืม แต่สุดท้ายผู้อาศัยก็ยอมเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วยื่นให้โดยไม่พูดอะไรอีก ใจดีจังเลยครับ

    อาบน้ำอุ่นแล้วคงสบายตัวสบายใจขึ้นมากสินะถึงแกล้งผมได้?

    ผมดูเป็นอย่างนั้นเหรอ? เบื่อใบหน้าหล่อ ๆ ตอนแสร้งทำเป็นเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้งที่ตอนแรกยังซึมเพราะบ้านหลังนี้ทำให้นึกถึงญาติพี่น้องที่เสียชีวิตในงานแต่งของตัวเองแท้ ๆ แต่พอรู้ว่าที่นี่ปลอดภัยสำหรับเราทุกคน มีอาหาร มีน้ำอุ่น มีไฟให้ใช้ ปาร์คชานยอลก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

    ผมไม่เล่นสงครามประสาทกับคุณหรอก แบคฮยอนยื่นผ้าขนหนูให้ และแทนที่จะรับไปดี ๆ แต่อีกฝ่ายกลับดึงมันจนร่างของเขาถลาไปจุ๊บกับแผงอกด้านซ้ายที่เปียกไปด้วยหยดน้ำอย่างไม่ตั้งใจ คุณ!” เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพลางหันซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีใครมองอยู่หรือไม่ จริงอยู่ที่อี้ชิงกับคยองซูอยู่ในครัวและซีวอนก็นอนแช่น้ำอุ่นอยู่บนชั้นสอง แต่จงแดยังอยู่ในห้องนั่งเล่นและตรงนั้นกับตรงนี้ไม่ได้อยู่ไกลกันเลย!

    ความสบายใจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการอาบน้ำอย่างเดียวหรอกนะครับ

    ผมไม่สนหรอก -- ชานยอล!” แบคฮยอนปล่อยผ้าขนหนูออกแล้วแต่อีกฝ่ายกลับดึงแก้มเขาอีกทั้งยังหัวเราะในลำคอราวกับว่าสนุกนักหนาที่ได้แกล้งเด็กคนนี้

    ตรงนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า“!” จงแดตะโกนถามพลางชะโงกหน้าดู เด็กน้อยของบ้านหลังนี้จึงถอยหลังสองก้าวโดยอัตโนมัติก่อนจะหันไปส่ายหน้าปฏิเสธ

    ป... เปล่า

    นึกว่าชานยอลลื่นล้มในห้องน้ำซะอีก ผมตั้งใจขัดอย่างดีแล้วนะ

    ถ้าลื่นได้ก็ดี...

    ว่าไงนะครับ?แบคฮยอนชำเลืองมองเจ้าของคำถามที่ยังคงโผล่ออกมาครึ่งตัวและทำหน้ามึนเหมือนว่าข้องใจกับคำพูดเมื่อครู่ 

    กลับเข้าไปเช็ดตัวสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ

    เป็นห่วงผมเหรอ?

    ผม – ไม่ – ตอบ – หรอก เด็กน้อยย่นจมูกใส่คนที่เอาแต่ไล่ต้อนเขาให้จนมุม ไม่เอาด้วยหรอก ไม่อยากประหม่าเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว มันเหนื่อยมาก ชานยอลควรจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้

    ชายหนุ่มมองตามคนตัวเล็กโดยไม่ยอมเข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แบคฮยอนแกล้งเบลอไม่สนใจ ก้าวดุ่ม ๆ ไปตามทางเดินแต่พอจะพ้นทางโค้งจึงหันกลับไปดูว่าตอนนี้คนขี้แกล้งเข้าไปในห้องน้ำหรือยัง แต่บยอนแบคฮยอนกำลังหาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ เพราะมันผิดคาดไปสักหน่อย

    ไม่สิ... มากเลยล่ะ

    เลือดบนใบหน้าเริ่มสูบฉีดเพราะชานยอลกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันรอบเอว โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่าที่ทำให้ต้องย้อนถามตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกแปลก ๆ ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ชานยอลเสยผมที่เปียกเข้ากับโครงหน้าขึ้นกลางศีรษะจนเห็นสันกรามและลูกกระเดือก ดวงตาที่เคยฉายทั้งความร้ายกาจและความอ่อนโยนกำลังมองมาทางนี้  

    ปาร์คชานยอลยังคงเป็นผู้ชายที่ดีแต่เก่งกับเด็กอย่างเขาเสมอ

    แบคฮยอน – ไปเรียก – ซีวอน – หน่อย – กับข้าว – เสร็จ – แล้ว

    อะ... อ้อ! ได้เลย!”

    ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทางเลิ่กลั่กของคนตัวเล็กที่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยังต้องจำใจเดินกลับมาทางเดิมเพราะบันไดทางขึ้นชั้นสองอยู่ข้างห้องน้ำที่เขายืนอยู่ ปาร์คชานยอลคงนิสัยเสียจริง ๆ ที่ไม่สามารถอมยิ้มแล้วให้สายตาสื่อความหมายเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด ก็ถ้าบยอนแบคฮยอนไม่ทำตัวน่ารัก เขาก็คงเป็นผู้ชายปากหนักและดีแต่พูดว่าครับ ทุกครั้งที่ไม่อยากตอบคำถามใด ๆ

    รู้ใช่ไหมครับว่าถ้าหยิบหมอนไปขอนอนเบียดกับคนอื่นมันจะทำให้พวกเขาอึดอัดไม่สบายตัว

    ...แบคฮยอนยืนห่อไหล่พลางเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่เท้ามือไว้กับผนังกั้นไว้ไม่ให้เขาเดินผ่าน

    แบ่งเป็นห้องละสองคน ลงตัวแล้วนะครับ ซีวอนกับอี้ชิงนอนห้องน้าสาวของผม จงแดกับคยองซูนอนห้องคุณตาคุณยายชานยอลอมยิ้มก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูคนตัวเล็กเหลือเราสองคนกับห้องนอนของผม

    ผมเกลียดคุณจัง

    ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจครับ แบคฮยอนขยับปากบ่นแบบไม่มีเสียง ก่อนจะก้มหัวลอดผ่านท่อนแขนแกร่งไปโดยไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ชานยอลจะหัวเราะในลำคอเพราะสนุกกับการแกล้งเขามากสักแค่ไหน

    อันที่จริงแบคฮยอนก็เก็บสีหน้าไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่ผู้ชายคนนั้นเลือกเสื้อผ้าให้ในห้องที่เราต้องนอนด้วยกันในค่ำคืนนี้

     

     
     

     
     

     

    พวกมันยังครางกันอยู่เลยพี่

    ถ้าใช้คำว่าโหยหวน หรือ กรีดร้อง อะไรเทือก ๆ นั้นน่าจะเข้าท่ากว่านะ อี้ฟานถอนหายใจพลางมองเด็กลูกครึ่งที่กำลังทำตาปริบ ๆ ขณะกวาดสายตามองเหล่าผีดิบที่กระจายอยู่บนรันเวย์ผ่านทางหน้าต่างเครื่องบิน

    คำนั้นมันผิดเหรอ?

    มันฟังดูแปลก ๆ น่ะ นอกจากลูกสาว แบคฮยอน และมินซอกแล้ว อู๋อี้ฟานก็ไม่คิดว่าจะต้องสอนใครอีกกระทั่งได้เจอกับเด็กอย่างมาร์ค

    ทำไมอะ? ดวงตากลมโตหรี่ลง ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าตนเองใช้คำผิดตรงไหน

    เสียใจไหมที่ต้องมาอยู่ตรงนี้จงอินถามเพื่อนร่วมทางอย่างเห็นอกเห็นใจ นึกสภาพอีกกลุ่มไม่ออกเลยว่าจะปวดหัวแค่ไหนที่ต้องคอยอธิบายเรื่องง่าย ๆ ให้ไอ้เด็กนี่รู้ แต่ก็ไม่แน่ บางทีมันอาจเป็นแบบนี้กันทั้งกลุ่ม

    ตอนแรกก็ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้ว เขาต้องอธิบายด้วยวิธีไหน เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถึงจะเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าคำนั้นน่ะ...

    โหย ไม่รู้ก็อธิบายให้ฟังได้ไงพี่ ผมเป็นเด็กอยู่ในวัยกำลังเรียนรู้

    แถวบ้านกูเรียกโง่ จงอินมองไอ้เด็กเกรียน มือจะลั่นหลายทีแล้วแต่ยังยั้งไว้ได้อยู่

    บ้านพี่อยู่ไหน? มาร์คเชิดหน้าถาม แล้วก็ได้คำตอบเป็นฝ่ามือของพี่ชายผิวสีแทนซึ่งเหมือนว่าจะรอจังหวะนี้มาตั้งแต่ชาติก่อนเจ็บนะเอาจริง

    สมองไม่ไหลออกมาก็บุญแล้ว

    ดุเกิ๊น คนอายุน้อยจิ๊ปากรัวพลางหันไปทางผู้ชายตัวสูงดูภูมิฐานที่น่าจะคุยภาษาเดียวกับเขารู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันอ้าปากคุยกับพี่อี้ฟาน ผู้ชายสายโหดก็พูดดักขึ้นมาก่อน

    ปิดหน้าต่างลง

    ได้พี่ได้มาร์ครีบทำตามคำสั่งเพราะไม่อยากขัดใจผู้ชายที่วิ่งสี่คูณร้อยเพื่อช่วยชีวิตเขา เด็กน้อยคลานออกมาจากเบาะนั่งพลางเงยหน้าทำตาปริบ ๆ เพื่อขอความเอ็นดู แต่เหมือนว่าพี่จงอินจะอยากเอาไขควงแทงหัวเขามากกว่าจะรู้สึกอย่างนั้น

    เอาไป

    ให้โทรหาใครเหรอพี่? โอ๊ะ!!!” มาร์คกุมหัวตัวเองทันทีที่โดนตบหัวจนหูอื้อ เขาปล่อยให้สมองได้ประมวลผลว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนจะก้มลงมองสมาร์ทโฟนที่อีกคนยื่นให้

    หาป้ามึงมั้ง ทุกวันนี้มีสัญญาณโทรศัพท์เหรอ? จงอินมองไอ้เด็กเกรียนที่ถามอะไรไม่รู้เรื่อง

    เราจะใช้มันส่องไฟฉายหาของจำเป็นหลังฟ้ามืดน่ะ ถ้าไม่ปิดหน้าต่างพวกมันก็มองเห็นแสงจากตรงนี้ถูกไหม? อี้ฟานเป็นคนให้คำอธิบายง่าย ๆ สำหรับเด็กที่ไม่ค่อยประสีประสานัก มาร์คอ้าปากค้างพร้อมพยักหน้าเข้าใจ

    เค เก็ทเลย พอรู้เจตนา เด็กน้อยก็รีบวิ่งข้ามศพไปปิดหน้าต่างช่วยคนโหดแดนสนามบิน พอถึงบานสุดท้ายเครื่องบินลำเล็กก็มืดลงจนมองอะไรไม่เห็น ทั้งสามคนจึงเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่ค้นได้จากศพผู้โดยสาร

    ขับเครื่องบินเป็นไหม? อี้ฟานไม่คิดว่าจงอินอยากเล่นมุกตลกตอนนี้ แต่ก็ถือว่าตลกใช้ได้เพราะมันเป็นคำถามที่ค่อนข้างน่าขำ

    ผมก็อยากขับเป็นเหมือนกันนะ ทั้งคู่สบตากันอย่างเคว้งคว้างกับหนทางหนีที่ช่างริบหรี่เหลือเกิน

    ถ้าชานยอลอยู่ด้วยก็อาจมีสิทธิ์

    ก็น่าอยู่

    ใครเหรอพี่? มาร์คถามอย่างสนอกสนใจ

    เสือก

    เค

    จงอินมองประตูทางเข้าห้องนักบินแล้วก็นึกเสียดาย มันคงงัดเข้าไปไม่ได้และต่อให้มีปัญญาเข้าไปก็ไม่น่าใช้สมองอันน้อยนิดบังคับเครื่องบินให้ลอยตัวขึ้นได้

    ไม่รู้ป่านนี้พวกไอ้ลู่หานเป็นยังไงบ้าง ชายหนุ่มผิวแทนถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังไปเผชิญหน้ากับอีกสองคน พี่มึงกับเพื่อนพี่มึง หนึ่งในนั้นมีคนเจ็บ

    ... อี้ฟานไม่ได้ห้ามถ้าหากจงอินอยากสั่งสอนให้มาร์คเข้าใจโลกมากขึ้นด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกผิดไปทั้งใจ จริงอยู่ที่มนุษย์เราควรรักษาน้ำใจกันให้มาก แต่เด็กอย่างมาร์คคงไม่รู้สึกจนกว่าจะเจอเองกับตัว

    พี่ผมจะรอดไหม...

    ถามกูแล้วกูจะไปถามใคร? มาร์คเบะปาก คิ้วตกเป็นหมาเมื่อนึกถึงภาพสุดท้ายที่เขาเห็นพี่ชายทั้งสองคน เป็นเพราะเขาแท้ ๆ ถึงได้แยกเป็นสองกลุ่มแบบนี้ ฝั่งจอห์นนี่จะเป็นยังไงบ้าง พี่ลู่หานจะช่วยทั้งสองคนไว้ได้ไหม เขาเป็นห่วง แต่ถ้าอยากได้คำตอบก็ต้องช่วยกันหาทางออกไปจากเครื่องบินลำนี้ เข้าใจที่พูดใช่ไหม? 

    แววตาจริงจัง แน่วแน่ของผู้ชายคนนั้นทำให้เด็กที่ตกอยู่ในความกลัวมีความหวังขึ้นมาบ้าง มาร์คจึงพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ  

    เอาล่ะ แผนของเราตอนนี้คือหาอะไรยัดลงท้องก่อน จงอินพรูลมหายใจทางริมฝีปากแล้วตรงไปยังช่องแคบใกล้ประตูที่มีไว้สำหรับเก็บเสบียงส่วนหนึ่งไว้บริการผู้โดยสารกองทัพเดินด้วยท้อง

    อี้ฟานรับซองขนมกับน้ำแก้วน้ำพลาสติกใสที่จงอินโยนให้ได้โดยไม่พลาดเหมือนมาร์คที่รับแล้วรับอีกอย่างทุลักทุเลแต่สุดท้ายก็ตกลงพื้นอยู่ดี

    ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีมารยาทที่ต้องรอให้ใครคนหนึ่งกินก่อน พี่ชายทั้งสองฉีกซองแล้วยัดขนมใส่ปากเคี้ยวเอา ๆ ทำเหมือนว่าเราต้องรีบทำมันให้จบ ๆ ไป

    ไหนดูซิมีอะไรน่าสนใจบ้าง พี่จงอินกินเสร็จโคตรไว มาร์คทำตาปริบ ๆ มองตามอีกคนที่กำลังเดินมาทางนี้พร้อมขยำแก้วพลาสติกจนบี้คามือก่อนจะโยนใส่หัวเขาอย่างหน้าตาเฉย ไรวะ ไม่มีพี่เตี้ยคนนั้นอยู่กูก็โดนจากพี่จงอินอยู่ดี!

    ผมช่วย อี้ฟานส่องไฟฉายจากสมาร์ทโฟนไปยังชั้นเก็บของเหนือศีรษะ จงอินจึงใช้สองมือง่ายขึ้น มาร์คค่อย ๆ กินขนมทีละคำอย่างไม่เร่งรีบ ถึงโลกจะเป็นแบบนี้แต่เรื่องมารยาทพ่อกับแม่เขาสอนมาดีมาก อย่าตะกละ ยูโน๊ว

    ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัว

    เพราะถ้าจะมีเสบียงที่เป็นของฝากก็น่าจะโหลดลงใต้เครื่องซึ่งมันโคตรยากที่จะหาทางลงไปรื้อได้โดยไม่โดนพวกกินคนลากคอไปแดกเสียก่อน อี้ฟานช่วยจงอินอีกแรงด้วยการหาของจากอีกฝั่งหนึ่ง ประโยชน์ของเด็กอย่างมาร์คจึงทำได้แค่ใช้สองมือถือโทรศัพท์เพื่อส่องไฟฉาย

    ค่ำคืนนี้คงอีกยาวไกล... และเขาคงทำให้เด็กคนนั้นเป็นห่วงอีกแล้ว

     

    ขอโทษนะเซฮุน

     

     

     

     

     

     

    ครูให้มาถามว่านายสองคนหิวหรือยัง ถ้ายังจะได้รอสามคนนั้นต่อ เซฮุนกับเทาหันไปทางเพื่อนตัวเล็กที่เดินออกมาพร้อมไฟฉาย

    เราจะรออีกหน่อย มินซอกมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเซฮุน ก่อนจะกวาดสายตามองความมืดที่อยู่รอบตัวหลังจากดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงแสงสว่างจากไฟฉายในมือเขาเท่านั้นที่ทำให้มองเห็นสีหน้าเพื่อนอีกสองคนได้

    ครูครับ เรายังไม่หิว คนตัวเล็กตะโกนบอกครูสาวที่นั่งอยู่ด้านใน

    ไปถึงไหนกันวะ ป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีกเทามองนาฬิกาข้อมือ แทบนับไม่ได้แล้วว่าเขาให้ความสนใจกับเวลาไปทั้งหมดกี่ครั้ง รู้งี้ออกไปด้วยก็ดีหรอก

    รถอาจจะน้ำมันหมดหรือหลงทางก็ได้

    ฉันว่าพวกเขาไม่น่าหลงทางนะ จากที่เดินทางด้วยกันมานาน เซฮุนเชื่อว่าเรื่องแบบนั้นคงเกิดขึ้นยากหน่อย อย่างน้อยลู่หานก็เป็นคนหนึ่งที่ดูจะถนัดเรื่องการเดินทางบนท้องถนน

    เอาจริงไหม ที่ทำให้ฉันปวดหัวตอนนี้คืออี้ฟาน เขาเลือกออกไปลองของทั้งที่ขาเพิ่งหายดี ไหนจะไอ้จงอินอีก ถึงมันจะดูมีสติสตางค์มากขึ้นแล้วแต่ก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี

    ... คำพูดของเทาทำให้เซฮุนเป็นกังวลยิ่งขึ้นไปอีก ต่อให้จะเป็นจงอินคนเดิมหรือคนที่สูญเสียความทรงจำ แค่อยู่ห่างกันเด็กอย่างเขาก็ไม่สามารถนั่งรออย่างสบายใจได้แล้ว

    เป็นห่วง นั่นคือสิ่งเดียวที่เซฮุนรู้สึกในตอนนี้

    ฉันขอไปรอข้างถนนได้ไหม?เทากับมินซอกหันขวับมองหน้าเพื่อนตัวผอมที่พูดพร้อมแววตาเว้าวอน

    ฉันไม่คิดว่าครูจะอนุญาตนะ นายอยู่ในช่วงต้องรักษาตัว คนตัวเล็กกล่าวเสียงเรียบ และเซฮุนรู้ดีว่ามินซอกคงไม่ยอมคล้อยตามง่าย ๆ

    ที่เลือดกำเดาไหลคงเพราะเหนื่อยน่ะ แต่ตอนนี้ฉันสบายดีแล้วนะ ดูหน้าฉันสิมินซอก เด็กหนุ่มตัวผอมจับข้อมือเพื่อนเพื่อขอความเห็นใจ เทาจึงมองทั้งคู่สลับกันและทบทวนว่าควรเอาไงในสถานการณ์ที่เขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้เซฮุนเหมือนกัน

    นายไปคนเดียวไม่ได้ เทาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง เพราะถ้าจะไป เราก็ต้องไปด้วยกัน

     

     
     

     

     

     

    ถ้าครูรู้เรื่องนี้ฉันจะโทษว่าเป็นความผิดของนาย หวงจื่อเทา

    เชื่อเถอะว่าครูคงไม่บ่นแค่ฉันคนเดียวหรอก เด็กหนุ่มตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ ขณะที่เขาและเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินไปตามทางลูกรังซึ่งมีเพียงไฟฉายสองกระบอกเท่านั้นที่ทำให้เด็กเหล่านี้ไม่สะดุดล้ม

    รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้และพงหญ้าทำให้รู้สึกหลอนอยู่ลึก ๆ ถ้าเป็นคนกลัวผี อันที่จริงเราทุกคนต่างก็เลยจุดที่ต้องกลัวเรื่องพรรค์นั้นมาแล้วตั้งแต่คุ้นชินกับการเห็นตัวกัดคนเดินเพ่นพ่านอยู่บนถนน พวกมันน่ากลัวกว่าวิญญาณเสียอีก

    มินซอกเงียบเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปโต้แย้งกับความต้องการของเพื่อนทั้งสองคนอีก ใจหนึ่งก็อยากให้ทุกคนรออยู่บ้านเฉย ๆ โดยไม่ต้องออกมาข้างนอกเพื่อเสี่ยงกับโลกตอนกลางคืน แต่อีกใจเขาก็เป็นห่วงลู่หานจนต้องคล้อยตามโอเซฮุนจนได้

    จริงอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นเอาตัวรอดเก่งกว่าใครหลายคน บางครั้งเพราะโชคช่วย บางครั้งเพราะไหวพริบและความสามารถ แต่อัตราการเสี่ยงก็มีเต็มร้อยทุกครั้งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกมัน ความรักอันตรายจริง ๆ ถ้าเขาเลือกเห็นแก่ตัวด้วยการไม่รักใคร ป่านนี้ก็คงนั่งอย่างสบายใจอยู่บ้านแล้ว

    ทำอะไร? เทาหันไปถามเพื่อนตัวผอมที่สอดประสานสองมือไว้ใต้คางโดยมีสร้อยคอเส้นหนึ่งอยู่ตรงกลางฝ่ามือ อธิษฐานให้สามคนนั้นปลอดภัยเหรอ?

    เด็กหนุ่มตัวสูงหัวเราะทันทีที่เห็นว่าเซฮุนพยักหน้าเป็นคำตอบ เพื่อนของเขาช่างอ่อนไหวอะไรขนาดนี้ เอาจริง ๆ สามคนนั้นก็น่าเป็นห่วงนั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นเสียเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่นตอนไอ้จงอินหายไปเป็นคืนแล้วโผล่หัวกลับมารับเซฮุนออกไปอีกรอบ นั่นก็เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้เองไม่ใช่เหรอวะ

    วินาทีนี้พระเจ้าคงช่วยใครไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฝีมือทั้งนั้น โอ๊ย!!!!”

    เทาแหกปากลั่นทันทีที่โดนตบหัวท่ามกลางความมืด แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือเซฮุนแน่เพราะเขามองอีกฝ่ายอยู่ตลอด งั้นมันจะเป็นใครไปได้อีกที่เดินมาด้วยกันนอกเสียจาก...

    คิมมินซอกที่มองมาอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่าการตบหัวเขามันสมควรแล้ว

    พูดให้คนอื่นเสียกำลังใจมันไม่ได้เท่เลยนะ

    นายก็ทำบ่อยไม่ใช่หรือไงเล่า? เทาลูบหัวตัวเองขณะสบตากับเพื่อนตัวเล็ก คิมมินซอกน่ะตัวดีเลย!

    แต่เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูด

    โอเค ฉันผิดเอง พอใจไหม? เด็กหนุ่มตัวสูงถลึงตาใส่อย่างเหลืออด เสียงวิ้งยังก้องอยู่ในหูอยู่เลย ตัวก็เล็กแค่นั้นแต่มือโคตรหนัก

    พระเจ้ามีตัวตนอยู่จริงในความเชื่อของคน ๆ หนึ่งนะ เซฮุนเก็บสร้อยเข้าไปในคอเสื้อแล้วยิ้มบาง ๆ หลังจากสร้างความสบายใจให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ได้อยู่เพื่อสร้างปาฏิหาริย์ แต่ท่านอยู่เพื่อสร้างกำลังใจให้กับฉัน

    ...

    นายก็ควรมีพระเจ้าเป็นของตัวเองบ้างนะเทา

    อยากจะตอบว่า ไร้สาระน่าเซฮุน แต่เขาก็ทำได้แค่มองรอยยิ้มที่สะท้อนจากแสงของไฟฉายโดยที่ไม่พูดอะไรอีก โอเค เขามันปากหมาเองที่เก่งแต่ดับฝันคนอื่นโดยลืมนึกว่าคนบางคนก็ยังต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้มแข็งได้ ไม่สิ... ไม่ใช่ทุกคนที่จะ แสดงออกว่าเข้มแข็งได้

    เขาเคยเป็นเหมือนเซฮุน แต่ความผิดหวังทำให้ความเชื่อเหล่านั้นพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดี

    ดูนั่น ทั้งสามคนหยุดฝีเท้าข้างถนนพร้อมมองไปยังฝั่งขวามือตามที่มินซอกชี้ให้ดู

    แสงสว่างสาดส่องมาทางนี้และแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีที่พวกเขาจะโผล่หน้าออกไปทักทายผู้รอดชีวิต หวงจื่อเทาดึงเพื่อนทั้งสองถอยหลังเข้าพงหญ้าพร้อมกดไหล่ให้หมอบลงต่ำ พร้อมคำถามในหัวที่ว่าคนเหล่านั้นมองเห็นแล้วหรือไม่

    ปิดไฟฉาย!”

    มินซอกทำตามทันทีที่เพื่อนสั่ง แสงสว่างจากตรงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ชัดขึ้น เด็กทั้งสามมองทะลุผ่านพงหญ้าสูงเกือบถึงเอวจึงเห็นว่าด้านหน้าเป็นคอนวอยซึ่งมีชายฉกรรจ์ในชุดลายพรางหิมะเดินขนาบข้างตัวรถ

    หัวใจเต้นระส่ำตามระยะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ทั้งสามรีบเอาหน้าแนบพื้นดินเมื่ออยู่ ๆ คอนวอยก็จอดลงพร้อมฉายไฟปาดผ่านไป เสียงพูดคุยของชายชุดลายพรางจากมุมนั้นทำให้จับใจความไม่ได้ เสียงความหนักของคอมแบตก้าวบนถนน... มันชัดเสียจนเด็กทั้งสามคนรู้สึกเหมือนทหารกลุ่มนั้นเดินอยู่ข้างตัว

    ให้ไวหน่อย เรายังต้องเดินทางกันอีกไกล

    รู้แล้วน่า

    แม้คนที่เดินทางด้วยเท้ามาตลอดจะเป็นทหารรอบคอนวอย แต่คนที่หอบหายใจจนเหนื่อยกลับเป็นเด็กที่หลบอยู่ในพงหญ้า เสียงหัวเข็มขัดกับเสียงรูดซิปกางเกงของเงาดำทหารสองนายกลายเป็นความน่ากลัวกว่าฝูงตัวกินคน

    เสียงขับของเสียเป็นน้ำอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก เทาค่อย ๆ กวาดมองไปโดยรอบเพื่อดูว่าทหารกลุ่มนี้มาจากไหน ค่ายนรกนั่นหรือไง หรือว่าเป็นของค่ายอื่น เรื่องนี้เขาไม่สามารถหาคำตอบได้และคงไม่คิดจะออกไปถามเพื่อความอยากรู้

    เหนื่อยว่ะ

    ทุกคนก็เหนื่อยหมดนั่นแหละ อดทนอีกหน่อย

    อีกหน่อยของแกมันนานแค่ไหนกันวะ?

    นานกว่าตอนขาดใจตายนิดนึง

    ตลกตายห่า

    เอาน่า นายสั่งเราก็ต้องทำตาม คนที่อยู่โซลเหนื่อยกว่านี้

    ...

    ถ้าไม่ทำก็ตาย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันถือปืนกลหนักเกือบสิกิโลทั้งวันได้

    เสียงของนายทหารสองคนนั้นเงียบไปเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลุ่มฉายฉกรรจ์ชุดลายพรางหิมะเริ่มกลับไปประจำที่ เสียงคอมแบตยังคงข่มขวัญเด็กทั้งสามที่ไร้อาวุธติดมือมาด้วย เทามองรถหทารสามคันซึ่งด้านหลังถูกคลุมไปด้วยผ้ายางสีเขียว ความสงสัยยังคงทำงานหนักอย่างต่อเนื่องว่าด้านหลังมีอะไร

    และ คนที่อยู่โซล น่ะ... หมายความว่ายังไง“

    คอนวอยเริ่มออกเดินทางต่อและทั้งสามยังคงหมอบอยู่ในท่าเดิมเพื่อไม่ให้ทหารสังเกตเห็น เทาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมสีหน้าเซฮุนตอนนี้ถึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยปกติของเพื่อนคนนี้ คนที่ออกไปเสี่ยงตายเพื่อเอายาตั้งแต่ตอนมาถึงโรงเรียนเขาในวันแรก คนที่อาสาเข้าไปในค่ายทหาร คนที่ไม่เคยแสดงความหวาดกลัวต่อการออกไปเผชิญหน้าข้างนอก...

    กำลังตัวสั่น

    เซฮุน...

    เจ้าของชื่อหลับตาพร้อมบีบแขนเพื่อนตัวสูงแน่นเมื่อเสียงพูดของนักวิทยาศาสต์และภาพเก่า ๆ ตอนถูกกักขังในศูนย์วิจัยฉายเข้ามาหลอกหลอนในความคิดจนรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เสียงของอีทงเฮ ความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว

    คุณจะทำอะไรน่ะ? อย่านะ!

    อยู่เฉย ๆ

    ไม่! นี่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงไม่ใช่เหรอ?!’

    ทุกอย่างมันย้อนกลับมาทำร้ายโอเซฮุนอีกครั้ง

    พวกทหารไปแล้ว มินซอกหันมาสะกิดเพื่อน เทาจึงประคองร่างคนตัวผอมให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมตบแก้มเบา ๆ เพื่อเรียกสติ

    เฮ้ เซฮุน

    มินซอกเริ่มเป็นกังวลจึงหันไปเช็กอีกครั้งว่าคอนวอยไปไกลมากพอที่เขาจะเปิดไฟฉายได้แล้วหรือยัง คนตัวเล็กกดไฟฉายลงต่ำเอาพอให้มองเห็น แล้วก็พบว่าตอนนี้เซฮุนเอาแต่นั่งนิ่ง ตาแข็ง เขาเป็นอะไร?

    ฉันไม่รู้ หายใจเข้าลึก ๆ เซฮุนเทาจับสองมือที่เย็นเฉียบของเพื่อนตัวผอมขึ้นมาเพื่อพ่นลมหายใจรดลงไป ก่อนจะถูเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ ทำอย่างนั้นอยู่นานอยู่หลายนาทีกว่าเซฮุนจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ

    นายโอเคไหม? มินซอกวางมือลงบนบ่าเพื่อน คนถูกถามจึงพยักหน้าช้า ๆ พลางกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ เมื่อกี้นายเป็นอะไรไป ฉันตกใจแทบแย่

    ทั้งสามคนยังคงนั่งอยู่ในพงหญ้าท่ามกลางความมืดในค่ำคืนที่มีเพียงแสงจากดวงจันทร์กับไฟฉายขนาดเล็กเท่านั้นที่ทำให้มองเห็นหน้าของกันและกันได้ แผลเป็นในใจกับความทรงจำเมื่อตอนนั้นยังคงกัดกินโอเซฮุนจนถึงวินาทีนี้ เพราะมันคือการตัดสินใจโง่ ๆ ของเขาที่ทำให้เกือบเสียจงอินไปจากชีวิต

    ฉัน...

    ...

    อยากเจอจงอิน...

     

     

    60%

     

     

     

      

    เฮ้ย ตื่น

    จอห์นนี่ยกมือขึ้นบังระดับสายตาเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงสว่างซึ่งไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์อย่างที่ควรจะเป็น แสงไฟฉายจากรุ่นพี่ตีนผีปลุกให้ตื่นขึ้นมาพบความจริงว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลานอนเขาจึงตื่นอย่างเต็มตา เด็กหนุ่มคว้าแขนเพื่อนที่นั่งซบไหล่อยู่ข้าง ๆ พร้อมเขย่าเบา ๆ เป็นเชิงปลุก

    ไหวไหม?

    ไหว... สีหน้าแทยงไม่สู้ดีเพราะเสียเลือดและไม่ได้ทำแผลอย่างถูกต้อง คาดว่าตอนนี้เท้าของเด็กคนนี้คงอักเสบและบวมพอสมควร

    ตีห้าแล้วว่ะ มันคงไม่มีเวลาไหนเหมาะไปกว่าตอนนี้อีก ลู่หานคว้าข้อมือจอห์นนี่มาดูนาฬิกา ก่อนจะฉายไฟขึ้นบนเพดานซึ่งมีช่องแอร์ขนาดเล็กพอให้ลอดออกไปได้

    ผมพร้อมแล้ว เด็กหนุ่มตัวสูงสบตากับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง หลังจากวางแผนกันตั้งแต่เมื่อคืนเรื่องหาทางเอาตัวรอดไปจากที่นี่ ซึ่งความเสี่ยงรอบด้านและอาการบาดเจ็บของแทยงจึงทำให้ทุกอย่างยากขึ้น แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ถ้าไม่รีบพาเด็กนี่ไปทำแผลอะไร ๆ อาจจะแย่ไปกว่านี้

    อดทนหน่อย อย่าเพิ่งชิงตายไปก่อนล่ะ ลู่หานตบแก้มคนเจ็บเบา ๆ ซึ่งแทยงก็ไม่งี่เง่าบ่นอิดออดสักคำ คนมากประสบการณ์หลุบสายตามองมือแกร่งที่คว้าแขนเขาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับความจริงจังที่จอห์นนี่ส่งมาให้เขาได้รับรู้

    ได้โปรดพาเราออกไปจากที่นี่

    ...

    ผมขอร้อง

    ใจอยากจะแซวให้เขินว่าสุดท้ายเด็กปากแข็งก็ต้องพึ่งคนอย่างเขาอยู่ดี แต่ในเวลานี้ผู้ชายอย่างลู่หานดันเสือกจริงจังขึ้นมาเพราะนึกถึงเพื่อนร่วมทางอีกสองคนกับไอ้เด็กกะโหลกที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอยู่อย่างไร จริงอยู่ที่ไอ้จงอินมันจำทุกอย่างได้แล้ว แต่เพื่อนเขาไม่ใช่ซุปเปอร์แมนที่จะถูกกระหน่ำตีนแค่ไหนก็ไม่ตาย

    ข้างนอกนั่นมีพวกมันอยู่เป็นร้อย เมื่อคืนก็คิดหนักจนนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วง ใจอยากคิดในแง่ดีแต่สภาพโลกนี้เสือกไม่เห็นด้วย ลู่หานเลียริมฝีปากพลางหันไปอีกทาง ก่อนจะมองสภาพคนเจ็บที่เห็นแล้วโคตรสงสารจึงพยักหน้ารับ

    งั้นเริ่มแผนกันตอนนี้เลย

     

     

     

     

     

    มาร์ค ตื่น

    อือ...

    ถึงเวลาแล้ว

    ...

    เด็กน้อยสะลึมสะลือปรือตามองเครื่องบินลำเล็กซึ่งมีเพียงแสงสว่างจากมือถือเท่านั้นที่ทำให้มองเห็นว่าตอนนี้พี่จงอินกับพี่อี้ฟานกำลังช่วยกันขนย้ายศพ มาร์คขยี้ตาลุกขึ้นยืนนิ่งเพื่อตั้งสติมองซากศพที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลอดทั้งคืนถูกวางซ้อนทับกันบนทางเดินสามแถวจนสูงถึงคอ

    ไม่มีสายตาดุหรือคำก่นด่าหลุดออกจากปากพี่จงอิน พี่ชายสายโหดคนนั้นคงรู้ว่าเด็กอย่างเขาคงช่วยอะไรไม่ได้ถึงปล่อยให้นอนยาวมาจนถึงตอนที่ทุกอย่างใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    มีอะไรเหลือให้ผมช่วยไหมอะ?

    สะพายเป้แล้ววิ่งออกไปจากสนามบินก็พอ

    แค่นั้นเหรอ?

    แถมให้อีกอย่างก็ได้ อย่าเสือกตาย โอเคนะ?

    มาร์คทำปากยื่นใส่ก่อนจะยกมือขึ้นบังองศามือของพี่ชายผิวแทนซึ่งเหนี่ยวมาอย่างไว แผนที่วางไว้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก... อันนี้พูดในกรณีเด็กที่ต้องวิ่งอย่างเดียว แต่สำหรับพี่ชายตัวโตอีกสองคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแผนที่วางไว้คือการให้พี่จงอินหลอกล่อพวกก้อนเนื้อให้มารวมฝั่งประตู ส่วนพี่อี้ฟานรอแสตนด์บายรอเปิดประตูฉุกเฉิน

     

    ใช่... เราจะใช้มันเป็นทางหนี

     

    พร้อมนะจงอิน? เจ้าของชื่อพยักหน้าก่อนจะสบตากับเพื่อนร่วมทางที่ผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน และครั้งนี้พวกเขาก็จะรอดไปได้อีกเช่นกัน

    อย่าทำหน้าเหมือนที่นี่เป็นจุดจบของทุกสิ่งสิ จงอินหัวเราะพลางตบแขนแกร่งเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายยิ่งขึ้น

    ถ้าเครื่องบินลำนี้มันกว้างมากพอให้คุณวิ่ง ผมก็คงสบายใจขึ้นมาหน่อย

    ไม่ดีหรอก เพราะถ้ามีทางเดินสองเลนเราคงได้ฉิบหายกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอได้ยินอย่างนั้น อี้ฟานจึงหลุดขำออกมาเบา ๆ นั่นสินะ ถึงเครื่องบินลำเล็กจะทำให้ลำบากในการวิ่ง แต่มันก็ดีตรงที่ไม่ต้องพยายามกันพวกผีดิบจากทุกช่องทางถ้าหากเป็นเครื่องบินลำใหญ่ อย่ารอผม

    ทำไมพูดงั้นอะ... มาร์คไม่ชอบคำนี้เลย มันฟังแล้วดูใจหายยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งคิดว่าต้นเหตุของความฉิบหายครั้งนี้มาจากตัวเขาเองก็ยิ่งรู้สึกผิด

    วิ่งไปข้างหน้า อย่าหันหลัง

    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ผม --

    อี้ฟาน พวกมันเป็นแค่ซากศพไม่มีหัวคิด แต่เรามี ชายหนุ่มผิวแทนเคาะขมับขณะสบตากับคนอายุมากกว่า จงอินนึกถึงตอนท่าเรือที่ต้องวิ่งหนีตายอย่างสุดชีวิต คราวนั้นหนักหนาสาหัสและคิดว่าคงไม่รอดแต่สุดท้ายก็ได้กลับไปพบกับทุกคนอีก เขาจะไม่ยอมตายทั้งที่เพิ่งปรับความเข้าใจกับเซฮุนได้เด็ดขาด

     

    คิมจงอินไม่มีเวลาให้ความกลัวและความไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว

     

    เชื่อใจผมเหมือนที่คุณเคยเชื่อ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากขอให้คุณทำตอนนี้

    ...

    เรื่องตายน่ะเอาไว้คุยวันหลังแล้วกัน

    อี้ฟานหลุบสายตาลงระหว่างทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ ความจริงเขาควรจะเป็นคนล่อผีดิบแต่จงอินกลับขอทำเองโดยใช้ข้ออ้างว่าเปิดประตูฉุกเฉินไม่เป็น ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วินาที... อู๋อี้ฟานได้ตระหนักว่าเพราะอะไรเราทุกคนถึงพาตัวเองเดินเข้าหาความตายอย่างนี้ เพราะความหิวงั้นหรือ? ใช่... เพราะถ้าไม่มีอาหาร ทุกคนก็ต้องหิวโซและอดตายไปในที่สุด มันเป็นอย่างนี้มาตลอด ซึ่งเขาและคนอื่น ๆ ต้องยอมรับให้ได้ แต่ลึก ๆ ก็หวังว่าสักวันหนึ่งโลกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

     

    แม้ว่าความหวังมันจะริบหรี่มากก็ตาม

     

    อี้ฟานพยักหน้าแล้วคว้ากระเป๋าสองใบขึ้นสะพายไหล่ สบตากับเพื่อนร่วมทางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินถอยหลังทีละก้าวไปหยุดอยู่ข้างประตูฉุกเฉิน เมื่อถึงเวลาทั้งสามคนก็ต้องเริ่มทำตามแผน จงอินปีนข้ามเบาะที่นั่งไปอีกฝั่งเมื่อทางเดินถูกขวางไว้ด้วยกองซากศพ

    ประตูเครื่องบินที่แง้มไว้ตลอดคืนถูกดันออกจนเกิดเสียงฝืด เหล่าตัวกินคนจำนวนมากยังคงเดินโซซัดโซเซอยู่บนรันเวย์อย่างไม่รู้จักเหนื่อย เสียงโหยหวนดังแว่วไปตามสายลมชวนให้ขนลุก จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะหันไปส่งสัญญาณบอกอี้ฟานว่าแผนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

    เฮ้!!!” ชายหนุ่มผิวแทนตะโกนพร้อมผิวปากซ้ำ เซ็ทแก้วราคาแพงของผู้โดยสารที่คงซื้อเป็นของขวัญให้ใครสักคนถูกโยนลงพื้นจนตกแตกเพื่อดึงความสนใจจากผีดิบส่วนที่อยู่อีกฝั่งของเครื่องบิน

    เสียงโหยหวนดังขึ้นจนเรียกได้ว่าคำราม บันไดทางขึ้นที่โดนถีบออกไปอยู่ตรงกลางกำลังถูกดันกลับเข้ามาโดยฝูงตัวกินคน เป็นจังหวะเดียวกับที่อี้ฟานและมาร์คเปิดหน้าต่างบานเล็กขึ้นเพื่อดูว่าพวกก้อนเนื้ออีกฝั่งหายไปบ้างแล้วหรือยัง

    มันได้ผล... ตัวกินคนไร้ความคิดกำลังเดินไปตามเสียงแก้วแตกที่จงอินไม่ได้โยนลงไปเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มผิวแทนทิ้งระยะเวลาไปราว ๆ สิบวิ แม้อากาศช่วงเช้าจะเย็นจนค่อนไปทางหนาว แต่เหงื่อกลับไหลซึมตามขมับและซอกคอชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูเครื่องบิน

    กร๊าซซซซซซซซ!”

    มานี่ไอ้หนู... ผีดิบมากมายแย่งกันปีนขึ้นบันไดจนตกลงไปกระแทกกับพื้น ส่งเสียงหวีดร้องประสานกันจนดังกึกก้องไปทั่วรันเวย์ บางตัวลุกขึ้นยืนได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ บางตัวหัวแตกตายคาที่เพราะกะโหลกบอบบาง ไป!”

    อี้ฟานพยักหน้าแล้วเปิดประตูฉุกเฉิน มาร์คสไลด์ลงไปก่อนเนื่องจากตอนนี้ทางด้านขวาโล่งมากพอที่จะให้โอกาสเด็กคนนี้ได้ตั้งหลักวิ่ง เขาหันไปทางจงอินที่กำลังถีบสกัดผีดิบซึ่งดาหน้าเข้ามาพร้อมกันจนคิดว่าถ้าเขายังไม่รีบลงไปตอนนี้อีกฝ่ายคงต้านไว้ไม่ไหวแน่

    ครั้งนี้มาร์ครู้งานจนไม่ต้องตะโกนสั่ง เด็กคนนั้นสะพายกระเป๋าอย่างทุลักทุเลแล้ววิ่งไปตามรันเวย์ยาวท่ามกลางก้อนเนื้อมากมายที่ต่างให้ความสนใจเด็กคนนั้น ไม่ว่าจะจากทางซ้าย ขวา หน้า หลัง... ใช่... มันเสี่ยงที่ให้มาร์ควิ่งไปก่อน แต่คงเสี่ยงกว่านี้แน่ถ้าหากให้อีกฝ่ายตามมาทีหลังจนพื้นที่ให้วิ่งแคบลง

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซ!!!” ทันทีที่เห็นว่าอี้ฟานกับมาร์คไม่อยู่แล้ว ชายหนุ่มผิวแทนจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินถอยหลังเข้าเครื่องบิน ผีดิบที่เข้าเส้นชัยเป็นตัวแรกล้มลุกคลุกคลานตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นก็ถูกเหยียบโดยผองเพื่อนที่ดาหน้าเข้ามาหวังจะตะครุบเหยื่อ

    จงอินคว้ากระเป๋ากล้องดีเอสแอลอาร์เขวี้ยงอัดหน้าผีดิบจนเซ ก่อนจะใช้จังหวะนั้นปีนข้ามเบาะนั่งแล้วคว้ากระเป๋าเป้โดยไม่เสียเวลาทิ้งไปแม้แต่วินาทีเดียว ตัวกินคนส่งเสียงหวีดร้องลั่นเครื่องบิน บางตัวพยายามข้ามฝั่งมาทางนี้ด้วยการปีนข้ามเบาะอย่างทุลักทุเล แต่บางตัวก็ยังติดอยู่กับกำแพงซากศพที่ขวางตรงทางเดิน

    ขายาวรีบวิ่งไปยังประตูฉุกเฉิน สุดสายตามีผีดิบมากมายที่กำลังวิ่งไล่ตามอี้ฟานและมาร์ค ซึ่งทั้งคู่วิ่งแยกกันเป็นตัววี ด้านล่างมีพวกมันรอต้อนรับอยู่และเขาไม่มีเวลาตั้งหลักมากไปกว่านี้แล้ว จงอินหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะสไลด์ลงไป

    กรรรรรรรรรรซ์!!!”

    ผีดิบพนักงานขนถ่ายสัมภาระคร่อมทับร่างชายหนุ่มผิวแทนที่ไม่มีโอกาสได้ตั้งหลักเมื่อถึงพื้น จงอินใช้ท้องแขนดันคอซากศพมีชีวิตไว้พร้อมเบี่ยงหน้าหลบน้ำลายเหนียวที่สุดแสนจะน่าขยะแขยง ฟันเน่าขบกันซ้ำ ๆ หวังจะกัดกินเหยื่อที่อยู่ใต้ร่าง สองมือปะป่ายหวังจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้น ๆ

    ใบหน้าคมหันไปทางด้านข้างแล้วก็พบว่าภัยใหญ่หลวงยังไม่ใช่ผีดิบตัวนี้เมื่อยังมีอีกหลายตัวกำลังตรงมาทางนี้ และถ้าหากคิมจงอินยังนอนโง่โดยไม่ย้ายก้นไปไหน สนามบินคงได้กลายเป็นสุสานให้กับเขาเป็นแน่

    กรรรรรรรรซ์

     

     


     

     


    เมื่อไหร่จะได้ นี่จงใจเหยียบหัวผมหรือเปล่าเนี่ย?

    บ่นไรนักหนาวะ เดี๋ยวก็ได้แล้วเนี่ย คนที่กำลังงัดฝาช่องแอร์แอบลอบยิ้มหลังจากได้เหยียบทั้งหลังทั้งหัวไอ้เด็กจอห์นนี่เพราะมันยอมเป็นฐานให้ เสียงกระจกแตกครั้งที่สองนะ เข้าใจ๋?

    รู้แล้ว

    อ้าวนี่ขึ้นเสียง? ลู่หานก้มลงถลึงตาใส่เด็กหนุ่มที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะความหนักเดี๋ยวทิ้งให้ตายอยู่ในห้องนี้กันทั้งคู่เลยดีไหม คือถ้ากูออกไปได้ยังไงก็รอดไงเพราะกูหล่อ

    ถ้าคิดงั้นแล้วสบายใจ

    ยังอีก ยัง

    ขอโทษครับ พอใจไหม? จอห์นนี่ถลึงตาสู้ พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าลิงใส่ก็ยิ่งหงุดหงิด

    ให้มันได้อย่างนี้ ฮึกเหิมกันหน่อยดิวะ ความฉิบหายกำลังจะมาถึงแล้ว!”

    ...!!!” จอห์นนี่กัดฟันกรอดเมื่อรุ่นพี่ตีนผีพยายามเอาเท้าเขี่ยแก้มเขาอย่างกวนตีนก่อนจะลอดเข้าไปในช่องแอร์พร้อมมีดดาบคู่ใจ

    แทยงยันผนังลุกขึ้นยืนมองใครอีกคนที่กำลังคลานเข้าไปอย่างช้า ๆ กระทั่งแสงสว่างจากไฟฉายหายไป ในห้องเหม็นอับมีเพียงความมืดและเสียงลมหายใจของเขาและจอห์นนี่เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ ผ่านไปหลายนาทีแล้วแต่ความกังวลและความหวาดกลัวยังไม่จางหายไปตราบใดที่ทั้งคู่ยังรอดไปจากตรงนี้ไปไม่ได้

    นายคิดว่าเขาจะช่วยเราจริงไหม?

    ...

    ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นฉัน... ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะวกกลับมาช่วยคนเจ็บท่ามกลางพวกมันเป็นร้อยหรือเปล่า?

    แทยงกลั่นความในใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาไม่อยากคิดอย่างนั้นแต่การมองข้ามความเป็นจริงก็คงดูเป็นคนโง่เกินไป กับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงวัน... ไม่มีความผูกพันกันใด ๆ มาก่อนน่ะเหรอจะย้อนกลับมาช่วยเขาทั้งคู่ ให้ตายยังไงก็เป็นแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ

    แต่เราไม่มีทางเลือกไหนที่ดีไปกว่าการเชื่อเขาแล้ว

    ...

    เราสามคนเลือกมาที่นี่เอง ถ้าผู้ชายคนนั้นจะทิ้งเราไว้ที่นี่ --

     

    เพล้ง!!!

     

    ...

    คำพูดทั้งหมดถูกกลืนลงคอไปหมดทันทีที่ได้ยินเสียงกระจกแตก มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบยิ่งกว่าเดิมพร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ผู้ชายปากร้ายคนนั้นรักษาคำพูดกับเขาจริงหรือ? เด็กหนุ่มถามตัวเองในใจ จอห์นนี่เลียริมฝีปากคลายความประหม่า เขากุมมือเพื่อนเอาไว้ท่ามกลางความมืดมิดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะหันหน้าเข้าหาประตู ถ้าได้ยินเสียงกระจกแตกอีกครั้งจอห์นนี่ต้องพาแทยงวิ่งออกไปจากที่นี่

    ได้โปรด... ขอแค่อีกครั้งเดียว แล้วเขาจะเลิกกังขาผู้ชายคนนั้น

    พร้อมนะ?

    อืม

    เสียงพวกก้อนเนื้อด้านนอกบ่งบอกได้ว่าตอนนี้พวกมันเจออาหารเช้าอันโอชะแล้ว เด็กหนุ่มกำลูกบิดเอาไว้พร้อมหายใจลึก ๆ ภาวนาขอให้ผู้ชายคนนั้นปลอดภัย ขอให้พระเจ้าอยู่กับพวกเขาไปจนกว่าทุกอย่างจะจบลง

     

    เพล้ง!!!

     

    เด็กหนุ่มค่อย ๆ ดึงประตูเข้าหาตัวก่อนจะพบว่าด้านหน้ายังเหลือพวกผีดิบกระจายอยู่ประปราย แต่ก็ไม่รอต้อนรับแนบอยู่กับประตูอย่างเมื่อวานนี้ จอห์นนี่หิ้วปีกแทยงออกไปด้านนอกอย่างทุลักทุเล หันซ้ายขวาดูลาดเลาเพื่อหาทางโล่งที่วิ่งไปแล้วจะไม่เจอทางตัน ก่อนจะสะดุดตากับฝูงก้อนเนื้อที่กำลังแย่งกันขึ้นบันไดเครื่องบินซึ่งจอดอยู่กลางรันเวย์

     

    และตรงนั้นมีใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าเครื่องบิน

     

    เราต้องรีบแล้วแทยง

    ฉันพร้อมแล้ว

    เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น วิ่งเขย่งขาเดียวหลบองศามือของผีดิบที่อยู่ข้างทาง จอห์นนี่ใช้ขายาวของตนได้เป็นประโยชน์มากที่สุดก็วันนี้ เขาใช้มันถีบซากศพมีชีวิตให้ถอยออกไปพร้อมวิ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ โดยมีจุดหมายเดียวคือต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้แม้จะไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน

    กร๊าซซซซซซซซซซซซ!”

    จอห์นนี่ ระวัง!”

    แทยงผลักเพื่อนออกก่อนที่ผีดิบจะกัดได้อย่างเฉียดฉิว ทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้นซึ่งเด็กหนุ่มตัวสูงรู้ดีว่าเขาและอีกคนมีเวลาไม่มากแล้ว จอห์นนี่รีบลุกขึ้นพุ่งไปรวบเอวตัวก้อนเนื้อจนล้มลงชนกับเก้าอี้ยาวเพื่อถ่วงเวลา แทยงประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะได้เพื่อนมามาช่วยหิ้วปีกอีกแรง

    นายโดนกัดหรือเปล่า?

    ไม่ ฉันไม่เป็นไร

    เฮ้ย!!!”

    เด็กทั้งสองเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อพบว่าผู้ชายปากดีขับกระบะพ่วงรถขนสัมภาระมาเทียบจอดด้านนอกกระจก ลู่หานพยักหน้าเร่งให้เราทั้งคู่รีบทำเวลา ท่ามกลางตัวก้อนเนื้ออีกมากมายที่กำลังตรงมาทางนี้และอีกขบวนใหญ่ ๆ ซึ่งวิ่งตามหลังรถคันนั้น

    จอห์นนี่กัดฟันเฮือกสุดท้าย หิ้วปีกเพื่อนสนิทออกไปด้านนอกประตูกระจกซึ่งเปิดทิ้งไว้บานหนึ่ง พยายามวิ่งหลบแทนที่จะต่อสู้เหมือนผู้ชายสามคนนั้นเคยแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง ฝีเท้าย่ำก้าวไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายจอห์นนี่ก็พาแทยงเข้าไปนั่งเบาะหลังได้อย่างปลอดภัย

    เมื่อกี้ผมเห็นเขา!”

    เออ เกาะแน่น ๆ ล่ะ เที่ยวบิน Hell 407 กำลังจะพาซิ่งแล้ว ลู่หานเข้าเกียร์ มองฝูงตัวกินคนที่ใกล้เข้ามาผ่านกระจกมองหลังด้วยแววตามุ่งมั่น

    กระบะพ่วงรถขนสัมภาระบดยางจนเกิดรอยเพื่อดึงดูดความสนใจ จอห์นนี่กับแทยงจัดท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับเที่ยวบินนรกซึ่งเขาพอจะรู้ว่ามันน่าหวาดเสียวแค่ไหนหลังจากเห็นสีหน้าคนขับ

    บนรันเวย์ยังคงเต็มไปด้วยผีดิบมากมาย ลู่หานเหยียบคันเร่งพร้อมมุ่งไปตามเป้าหมายซึ่งถ้าหากทำเวลาหน่อยก็คงไปช่วยเพื่อนร่วมทางได้ทัน ก่อนหน้านี้ระหว่างหาทางหนีก็ได้ยินเสียงพวกกินคนดังมาจากอีกฝั่ง ลู่หานถึงรู้ว่าเพื่อนนรกที่อยู่ด้วยกันมานานมันยังกล้าหายใจจนถึงตอนนี้ได้ทั้งที่บนเครื่องบินน่าจะมีตัวแดกตับอยู่ไม่น้อย

    แต่ก่อนจะคิดช่วยคนอื่นจังหวะนั้นต้องหาลู่ทางให้ตัวเองกับเด็กอีกสองคนเสียก่อน เขาวิ่งฝ่าดงตีนจนหอบแดกสักพักถึงได้เห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้าเป็นกระบะสีเทาพ่วงรถขนสัมภาระ จึงย้อนกลับมาช่วยเด็กที่ไม่ถนัดเรื่องเอาตัวรอดแล้วค่อยตามไปช่วยเพื่อนทีหลัง

    ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งชนตัวกินคนที่ยืนขวางทางอย่างไม่กลัวเครื่องยนต์พัง แทยงนิ่วหน้ากับภาพความสยองที่มาพร้อมเลือดสีเข้มสาดเต็มกระจกจนต้องเปิดน้ำและใช้ใบปัดฝนชะล้างออก เสียงหวีดร้องของพวกมันยังคงกรอกเข้าหูเรื่อย ๆ ลู่หานเร่งความเร็วยิ่งขึ้นจนรถส่ายเมื่อต้องเลี้ยว

     

    ให้ตายเหอะ เรียกว่าดริฟท์ยังปลอดภัยเกินไปเลย!

     

    ลื้อขับรถเป็นไหมวะ?

    เอ่อ ได้นะ?

    งั้นมา

    อะไรคืองั้นมา? จอห์นนี่ขมวดคิ้วก่อนจะหน้าพุ่งหัวโขกกับเบาะเพราะอยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เหยียบเบรกกะทันหัน

    มาขับแทน กูจะลงไปรับผู้โดยสารชั้นบิวซี่เนส!!”

    เด็กหนุ่มทั้งสองอ้าปากหวอโดยที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรในตอนนี้ดี อยู่ ๆ ลู่หานก็เปิดประตูออกไปพร้อมมีดดาบแถมฟันฉับจนหัวก้อนเนื้อแหว่งโดยไม่หยุดวิ่งอีกด้วย อันที่จริงแทยงอยากให้เพื่อนมีเวลาตั้งสติมากกว่านี้แต่สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่อำนวยเอาเสียเลย เขาจึงรีบเขย่าแขนคนข้าง ๆ จอห์นนี่ถึงรีบปีนข้ามไปนั่งเบาะคนขับเพื่อทำหน้าที่แทนผู้ชายคนนั้น

    ชั้นบิวซี่เนสบ้าบออะไรกัน เขาเรียกชั้นบิสสิเนสต่างหาก เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองพร้อมถอยหลังชนอุปสรรคเดินได้ก่อนจะหักเลี้ยวไปตามทางที่ลู่หานกำลังวิ่งฝ่าพวกก้อนเนื้อซึ่งเข้าใกล้ผู้ชายผิวแทนที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินสู้กับพวกมันไปตามรันเว

    “Here we go.” จอห์นนี่มองเป้าหมายอย่างมุ่งมั่นพร้อมเหยียบคันเร่งขับชนผีดิบเบื้องหน้าจนกระเด็นอย่างที่ผู้ชายบ้าพลังเคยทำเป็นตัวอย่าง

    ลู่หานได้ยินเสียงความซิ่งจากด้านหลังจึงหันไปขมวดคิ้วมองอย่างประหลาดใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก็ต้องหันไปให้ความสำคัญกับพวกเศษสวะด้วยคมดาบ

    พ่อมาแล้ว!!!”

    ไอ้ฉิบหายเอ๊ย ช่วยเฉย ๆ โดยไม่ต้องแหกปากได้ไหมวะ? จงอินพูดลอดไรฟันพร้อมแทงไขควงเสยคางผีดิบที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดแล้วกระชากออกอย่างแรง

    เร็วเข้า!!!”

    จอห์นนี่ลดกระจกลงตะโกนเรียกชายหนุ่มอีกสองคนที่กำลังเจอศึกหนักรอบด้าน ลู่หานพยายามเคลียร์ทางให้เพื่อนวิ่งง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยคมดาบในมือหรือเสียงของความวุ่นวายที่ดึงความสนใจจากพวกมันได้เป็นอย่างดี

    ไม่มีเวลาถามสารทุกข์สุขดิบ ลู่หานหาทางวิ่งเข้าไปขนาบข้างเพื่อนได้สำเร็จพร้อมตวัดมีดดาบจนเลือดสีเข้มสาดกระจาย สองเพื่อนซี้วิ่งไปข้างหน้าและครั้งนี้มีจุดหมาย หลายครั้งที่จงอินคิดว่ากลิ่นความตายมันอยู่ใต้จมูกแต่มันก็จางหายไปเมื่อมีเพื่อนวิ่งอยู่ข้าง ๆ

    ทั้งคู่กระโดดขึ้นท้ายกระบะซึ่งคนขับก็เหยียบคันเร่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรู้งาน จงอินกับลู่หานกันพวกผีดิบที่พยายามเกาะด้านข้าง ทั้งฟันหัวขาด ทั้งถีบให้หลุด แต่ก็ต้องประคองร่างตัวเองไม่ให้ล้มบนรถที่ขับด้วยความเร็วซึ่งส่ายเป็นระยะเมื่อชนกับเหล่าผีดิบ

    ความลำบากยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนเหมือนหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ ลู่หานเกือบหน้าคะมำจูบท้ายกระบะจังหวะรถขับพุ่งชนรั้วกั้น แต่โชคดีที่จงอินคว้าคอเสื้อเขาไว้ได้ทันท่วงทีไม่อย่างนั้นมีดดาบยอดรักคงได้แทงไส้ตัวเองตายแน่

    สองเพื่อนซี้ทิ้งตัวนั่งลงพิงกับขอบรถพร้อมโกยอากาศเข้าปอดเมื่อรถขับออกจากสนามบินได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้พวกเขารอดพ้นจากความตายแล้ว ลู่หานโยนมีดดาบทิ้งข้างตัวอย่างไม่ใยดีก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับไอ้หอกหักตีนผีซึ่งทำให้เขาคิดไม่ผิดที่เชื่อความรู้สึกตัวเองว่าไอ้ห่าจงอินมันต้องรอด

    ตอนโลกยังไม่เป็นแบบนี้มึงเคยตื่นมาแดกกาแฟตอนเช้าปะ?

    กาแฟเอาไว้ให้มนุษย์เงินเดือนกับพวกคนรวยแดกเถอะว่ะ อย่างกูได้เครื่องดื่มชูกำลังมาเยียวยาชีวิตวันนั้นก็หรูแล้ว หลังจากได้ยินคำตอบลู่หานก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่กักเก็บกับความสมถุยของชีวิตช่างซ่อมรถที่ต้องหาเช้าลงขวดค่ำ

    แต่กูไม่นะ เพราะกูตื่นบ่าย

    อย่างมึงน่าจะนอนไปตลอดชีวิต

    มึงด้วย

    สองเพื่อนสนิทสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ลู่หานจึงหวังเอาชนะด้วยการเอาตีนยันอีกฝ่ายซึ่งไอ้จงอินแม่งเสือกสู้ ทั้งคู่เล่นกันโดยไม่แคร์ว่าที่ทำอยู่จะเหมือนเด็กมากแค่ไหน บางครั้งการหาวิธีผ่อนคลายหลังจากจมอยู่กับความเครียดทั้งคืนด้วยวิธีบ้า ๆ ...มันก็อาจจะเยียวยาความรู้สึกคนเราได้เหมือนกัน

    งั้นกลับไปลองต้มแบบซองใส่แก้วเซรามิกส์หรู ๆ แดกสักถ้วยไหมล่ะ เผื่อมึงจะได้ดูเป็นโจรกระจอกที่ดูฮิปสเตอร์ขึ้นมาหน่อย

    บรรยากาศแบบนี้ต้องฉลองด้วยเบียร์สักลังสิวะ กาฟงกาแฟอะไรปัญญาอ่อน ของแบบนั้นเอาไว้ให้พวกขี้เก๊กแดก ลู่หานเลิกคิ้วพร้อมจิ๊ปากรัว ๆ มองไอ้กรังที่วาดแขนลงกับราวจับท้ายกระบะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเช้า

    ลมเย็นที่ทำให้รู้สึกหนาวไปทั้งกายในเวลานี้บ่งบอกว่าเราทุกคนยังเป็นคนอยู่ แม้จะต้องทิ้งกระเป๋าเป้ใบนั้นไว้กลางทางเพราะเป็นอุปสรรคต่อการหนี แต่การห่วงหน้าพะวงหลังในช่วงเวลาแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก

    หลังจากผ่านเหตุการณ์เฉียดตายอีกครั้งชายหนุ่มผิวแทนจึงตระหนักได้ว่าเหตุผลการมีชีวิตอยู่ต่อไปของผู้ชายอย่างคิมจงอินนั้นมันช่างแรงกล้าเสียเหลือเกิน แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอเด็กคนนั้นอีก... ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้าก็ได้เรี่ยวแรงจากไหนก็ไม่รู้ไปสู้กับผีดิบนับไม่ถ้วน

    ก็ถ้ามีคนถามว่าโอเซฮุนสำคัญมากแค่ไหน... เขาก็คงตอบได้ง่าย ๆ ว่า มากจนความตายยังอยู่ห่างไกลผู้ชายอย่างคิมจงอินนัก

    ...

    กระบะสีเทาเทียบจอดข้างทางจนสองเพื่อนสนิทต้องชะโงกหน้ามอง และพวกเขาก็ได้พบข่าวดีอีกอย่างในเช้าวันนี้ ลู่หานลุกขึ้นยืนท้ายกระบะ สบตากับเพื่อนร่วมทางที่เขายังจำได้ดีว่าตอนงัดประตูเข้าบ้านหมอนั่นจนถูกเอาปืนจ่อมันหวาดเสียวแก้มก้นมากแค่ไหน

    จอห์นนี่รีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปหาน้องชายแท้ ๆ ที่กำลังตรงมาทางนี้ ทั้งคู่สวมกอดกันแนบแน่นเพื่อยืนยันกับตัวเองว่าอีกฝ่ายปลอดภัยแล้ว มาร์คร้องไห้ในอ้อมกอดพี่ชายราวกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ก้าวร้าวเกรียนแตกอย่างที่พยายามแสดงออกให้ใครเห็น แทยงอมยิ้มกับภาพตรงหน้า เขาคิดว่าการเสี่ยงตายครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่นักเมื่อมันทำให้สองพี่น้องได้กลับมาแสดงความรักอีกครั้งหลังจากใช้คำพูดห่าม ๆ ต่อกันมานานหลายปี

    ขาโอเคเปล่า?!!!” ลู่หานตะโกนถามคนอายุมากกว่าที่กำลังเดินมาทางนี้อย่างไม่เร่งรีบ

    ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณช่วยแบกผมขึ้นหลังได้ไหมลู่หาน?!”

    ตลกแดกกกกกกกกกกก

    ทั้งสามคนหลุดหัวเราะออกมากับบทสนทนาโง่ ๆ ซึ่งไม่มีใครตัดพ้อก่นด่าว่าที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเฉียดตายอย่างนี้มันเป็นเพราะใคร อี้ฟานโยนกระเป๋าขึ้นท้ายกระบะและลู่หานก็รับไว้ได้ทันท่วงที ทุกสายตาหันไปทางสองพี่น้องที่กำลังเดินกลับมาทางนี้ จงอินคิดว่าเด็กทั้งสามคนคงได้บทเรียนชิ้นใหญ่กลับไป

    ส่วนตัวเขาก็จะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะวินาทีที่คิดว่าจะต้องตายโดยไม่ได้เจอโอเซฮุนอีกมันแย่มากจริง ๆ

    ไอ้ลู่หาน

    เออ

    อย่าเล่าเรื่องนี้ให้เซฮุนฟังนะ

     

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×