ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #103 : Chapter 98 :: Move

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.15K
      102
      15 เม.ย. 59

    ? Tenpoints!

     

     

    Chapter 98

    Move

     



     

     

    ลงมา

    แม้ว่าน้ำเสียงของชายชุดดำจะฟังดูไม่เป็นมิตรนัก แต่การที่มือของเขาและแบคฮยอนยังขยับได้โดยไม่ถูกมัด และฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ถืออาวุธครบมือเอาไว้ มันก็เป็นเรื่องดีรองจากตอนหาทางหนีฝูงพวกกินคนตรงนั้น

    ชานยอลลงมาก่อนตามด้วยแบคฮยอน เขากวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อเก็บรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมหรือพฤติกรรมของผู้คนที่อาศัยอยู่ตรงนี้ ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็ก แต่ก็ไม่มากเท่าผู้ชาย นับโดยรวมจากที่สายตามองเห็นก็คงไม่น่าถึงยี่สิบ

    ทุกคนมีดูมีเรื่องให้ทำอยู่ไม่ขาดมือ ก่อนจะหันมาทางนี้เมื่อได้ยินเสียงผิวปากของซงมินโฮ

    วันนี้เรามีสมาชิกใหม่

    ไม่มีคำกล่าวทักทาย ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดนั้น แค่ไม่คว้ามีดขึ้นมาตั้งท่าจะปาดคอเพื่อเอาไปทำอาหารก็ถือว่าดีว่าเป็นเรื่องดีหลังจากวิ่งหนีตายมาตลอดทั้งวัน แบคฮยอนยังคงขวัญเสียกับกลุ่มพวกกินคน ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะลบความทรงจำนี้ไปได้เมื่อไหร่

    สองคนนี้ไม่ได้มาอยู่ฟรี ๆ วางใจได้

    เข้าใจดีว่าซงมินโฮและคนในกลุ่มคงไม่ได้พาเขาและแบคฮยอนมาพักอาศัยที่นี่เพราะสงสาร เราทั้งคู่ต้องทำอะไรเพื่อชดใช้หนี้บุญคุณ ซึ่งการโพล่งถามออกไปตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องสมควรนัก

    แบคฮยอนชำเลืองมองคนตัวสูงที่ยังคงปั้นหน้าเรียบเฉย ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังแยกตัวออกไปทำงาน หลังจากได้คำตอบที่ทำให้โล่งใจแล้วว่าเขาและชานยอลไม่ได้มาแย่งข้าวกินฟรี ๆ

    ที่นี่ไม่ต่างจากแฟลชพวกกินคน แต่สภาพแวดล้อมกลับน่ายืนหายใจนานกว่า ถ้าบยอนแบคฮยอนไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป คนที่นี่ก็อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่กังวลมาตลอดทาง เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีเด็กกับผู้หญิงให้อุ่นใจบ้าง ซึ่งถ้าคนพวกนี้คิดร้ายกับเขาและชานยอลจริง ๆ ก็คงไม่เสี่ยงตายเข้าไปช่วยลากออกมาจากฝูงพวกผีดิบและพาติดรถมาถึงที่นี่หรอกมั้ง...

    เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง

    ซงมินโฮเป็นคนพูดน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่พูดเลย แบคฮยอนยังคงเป็นฝ่ายเดินตามหลังชานยอลอยู่เสมอ แต่เรากลับมีเหตุผลที่ต่างกัน เพราะเจตนาของแบคฮยอนคือการระวังหลัง ในขณะที่มุมมองของชานยอลคือการปกป้องให้เขาปลอดภัย

    ภายในห้องมีกลิ่นเหม็นอับเนื่องจากไม่มีการดูแลปัดกวาด แต่ก็ยังถือว่าดีที่มีทั้งหมอนและผ้าห่มให้ ผู้ชายหน้านิ่งเดินไปกระชากผ้าม่านผืนเก่าจนฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่วอากาศ ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแขกใหม่ว่าพอใจหรือไม่

    จะแยกกันอยู่ไหม?

    เรานอนด้วยกันได้ครับชานยอลตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ซึ่งนั่นทำให้คนฟังไหวไหล่กับคำตอบ

    นั่งหายใจทิ้งไปก่อนแล้วกัน อีกสักชั่วโมงจะมาตามไปกินข้าว ซงมินโฮมองหน้าเราทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู อ้อ แล้วก็อย่าดีใจจนเนื้อเต้นจนหลงคิดว่าฉันเป็นคนดีล่ะ พวกนายต้องกินข้าวเพื่อเก็บแรงไปทำงานใช้หนี้ เข้าใจนะ?

    ขอบ--เด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบก็ต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อผู้นำของกลุ่มชุดดำเปิดประตูเดินออกไปแล้ว

    แบคฮยอนขมวดคิ้ว เบะปากเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังเดินสำรวจห้องโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่า ๆ หยิบจับสิ่งของขึ้นมาดู กวาดสายตาไปโดยรอบ รวมถึงการเขย่าปลอกหมอน ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าในหัวผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ของในมือมันจะสามารถใช้เป็นอาวุธได้หรือไม่ หรือว่าแค่หาอะไรทำเฉย ๆ

    ช่วยเปิดม่านตรงนี้หน่อยครับคนตัวเล็กทำตามอย่างว่าง่าย พลางมองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงง่วนอยู่กับผ้าห่มและผ้าปูเตียงมันคงไม่ดีถ้าเกิดมีตัวอะไรดิ้นอยู่ในนี้ระหว่างที่เรากำลังหลับกันอยู่

     

     

    อ่า... ที่แท้ก็เช็กความเรียบร้อย

     

     

    เราจะเอายังไงต่อเหรอ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามในทันที ชานยอลเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง ใช้นิ้วกดม่านมู่ลี่ลงเล็กน้อยพร้อมมองออกไปข้างนอกเพื่อสังเกตการณ์

    ทำความรู้จักกับคนที่นี่ระหว่างทานข้าว แล้วรอดูว่าฝั่งนั้นจะให้เราใช้หนี้ด้วยวิธีไหน คุณคิดว่าไงครับ?เขามองคนตัวสูงที่หันมาถามความเห็น แบคฮยอนยืนนิ่งเพื่อใช้ความคิด ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม

    คุณคิดว่าที่นี่เป็นยังไง?

    ไม่แย่อย่างที่ผมคาดไว้ ชานยอลเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งหมายถึงตอนนี้

    ถ้าพวกเขาคิดร้ายก็คงฆ่าเราไปตั้งแต่แรกแล้ว คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ?

    ยังตัดสินทันทีไม่ได้หรอกครับ บนโลกที่ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ รวมถึงความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าในสถานการณ์คับขัน บางทีเราอาจจะมีประโยชน์ด้านไหนด้านหนึ่งกับคนที่นี่ชานยอลยังคงชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้อยู่เสมอ และไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป เขารู้ว่ามันเป็นข้อดีที่จะทำให้เราระวังตัวกันมากขึ้น ซึ่งการบอกว่าฝั่งนั้นเป็นคนดีเพราะรู้สึกอย่างนั้นมันก็ไม่ได้อีก หรือบางที...

    แบคฮยอนมองคนตัวสูงที่ละสายตาจากหน้าต่างม่านมู่ลี่ แล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูที่ชายหนุ่มชุดดำเพิ่งเดินออกไป ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าลูกบิดตรงหน้าไว้ หมุน พร้อมดึงประตูเข้าหาตัวเพียงเล็กน้อย ตอนนั้นจึงได้รู้ว่าซงมินโฮไม่ได้ขังเราไว้จากข้างนอกอย่างที่คิด

    พวกเขาอาจจะเป็นคนดีจริง ๆ ก็ได้

     

     

     

     

     
     

    จำนวนผู้คนที่มานั่งรอบกองไฟคืนนี้น้อยลงกว่าปกติ หลายคนเข้านอนไปแล้วเพราะเหนื่อยล้าจากการปัดกวาดพวกตัวกินคนในป่าหน้าประตูทางเข้าอุทยานตลอดทั้งวัน ตอนนี้จึงเหลือเพียงหุ่นยนต์อย่างจงอิน ลู่หาน อี้ฟาน เซฮุน ยูริ เทา อี้ชิง และจงแด เท่านั้นที่เข้าร่วมการออกความเห็น

    คุณน่าจะไปพักผ่อนนะครับอี้ชิง เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เซฮุนเห็นมาตลอดว่าวันนี้บุรุษพยาบาลหนุ่มพยายามมากแค่ไหนกับการฆ่าพวกกินคนด้วยตนเอง แม้จะทุลักทุเล แต่อี้ชิงก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปกลางคัน

    ไม่เป็นไร – คุยกันเถอะ – ผม – อยากอยู่ฟัง – จนจบ อี้ชิงยิ้มบาง ๆ พร้อมกวาดสายตาไปโดยรอบ เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ เป็นกังวลในตัวเขามากนัก

    ถ้ายืดเวลาอยู่ที่นี่ต่อไป เราก็ต้องออกไปหาเสบียงกันอีกครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าเสียงรถจะดึงพวกกินคนเข้ามาใกล้อุทยานยิ่งขึ้นไปอีก และเราคงเดินออกไปหาเสบียงด้วยเท้าไม่ได้เหมือนกันคนอายุมากที่สุดหันไปมองเจ้าหน้าที่หนุ่มอย่างรู้สึกผิด

    ไม่เป็นไรอี้ฟาน ผมรู้และเข้าใจทุกอย่างดี จงแดยิ้มพลางวางมือลงบนหน้าขาอีกฝ่าย พร้อมตบเบา ๆ เพียงสองครั้งเพื่อให้ตนเองและอีกฝ่ายสบายใจ

    ฤดูหนาวก็ยากที่จะล่าสัตว์ พวกนายควรรีบตัดสินใจกันตั้งแต่ตอนนี้ ยูริดึงทุกคนให้เข้าเรื่องอย่างจริงจัง มากกว่าอธิบายเหตุผลว่าเพราะอะไร เพื่อให้จงแดเข้าใจและยอมรับเหตุผลที่ทุกคนต้องย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง

    เรารอชานยอลกับแบคฮยอนไม่ได้แล้ว

    คำพูดของอี้ฟานฟังแล้วน่าใจหาย แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนล้วนแต่เป็นห่วงสองคนนั้น แต่การรอเพื่อหนีไปพร้อมกันจะทำให้คนอื่น ๆ เดือดร้อนไปด้วย ทั้งภัยจากความหิว และจากผีดิบด้านนอกซึ่งรุกรานเข้ามาใกล้จนรู้สึกเหมือนกลิ่นของพวกมันอยู่ใต้จมูก

    ไม่อยากให้รู้สึกแย่นะ แต่ถ้าสองคนนั้นจะกลับมา ก็คงไม่ทิ้งเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้หรอก คำพูดของควอนยูริเป็นเหมือนเข็มทิ่มแทงใจ ลู่หานถอนหายใจกับความขวานผ่าซากของหญิงสาวที่เอาแต่พูดจาตัดกำลังใจคนอื่นอยู่เรื่อย คิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นปาร์คกาฮี สถานการณ์คงไม่น่าหงุดหงิดอย่างในตอนนี้ ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงคนนั้นขออยู่เฝ้าอาการคยองซู

    นายว่าไงวะจงแด จงอินอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่หนุ่มคิดยังไงกับเรื่องนี้ มากกว่าปล่อยให้หมอนั่นนั่งฟังแล้วพยักหน้าเพื่อให้คนอื่นคิดว่าเข้าใจ

    พวกคุณอย่ากังวลเรื่องผมเลย ก่อนหน้านี้ผมเคยอยู่ได้ ต่อไปก็ต้องอยู่ได้เหมือนกัน จงแดยังคงยิ้ม แม้ว่าใจของเขาจะกำลังร้องไห้

    ความรู้สึกย้อนแย้งในใจมันกำลังทำร้ายเขา เจ้าหน้าที่หนุ่มอยากอยู่กับทุกคนที่นี่ แต่ความต้องการกับความจริงมันไปด้วยกันไม่ได้ ทุกคนจะต้องอดตายเพราะเสบียงในละแวกนี้ไม่มีให้เก็บอีกต่อไป จงแดไม่อยากเป็นตัวถ่วง แต่มันก็ยากเหลือเกินที่ต้องต่อสู้บนโลกอันโหดร้ายตามลำพัง หลังจากผูกพันกับคนกลุ่มนี้ไปแล้ว

    ฉันคงไม่รู้สึกดีถ้าทุกคนพร้อมใจกันย้ายออกไปจากที่นี่ แต่นายต้องอยู่อุทยานคนเดียวชายหนุ่มผิวแทนพูดตามที่รู้สึก การทิ้งใครสักคนไว้ข้างหลังเพื่อหนีเอาตัวรอดนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด

    ไม่คนเดียวหรอก ทุกคนหันไปมองเทาพร้อมกัน เด็กตัวสูงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าอี้ฟานเพราะคยองซูจะไม่ไปกับเรา

    ...

    จะไม่ไปได้ไง หมอนั่นเจ็บอยู่ เขาต้องได้รับการรักษา ลู่หานแย้ง

    ต่อให้ยกเหตุผลทั้งโลกมาอ้างมันก็ไม่ไปกับเราอยู่ดี มึงก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร จิตใจคยองซูมันเกินเยียวยาแล้วเทาสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง พลางนึกไปถึงเหตุการณ์ตอนคนเจ็บคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความเจ็บปวดไปให้พ้น ๆ

    คืนนั้นทั้งคู่มีโอกาสได้คุยกันหลายเรื่อง รวมไปถึงแผนในอนาคตที่จะย้ายออกจากอุทยาน ซึ่งคยองซูเลือกจะปักหลักอยู่ที่นี่ มากกว่าไปสร้างความลำบากให้คนอื่น ๆ ต้องดูแล เทาบอกตัวเองว่าจะโน้มน้าวอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้ามันไม่ได้ผล เขาก็จะไม่รบเร้า

    ลู่หานถอนหายใจอย่างหัวเสีย เมื่อทุกอย่างมันยากขึ้นเพราะความเห็นต่าง แต่ถ้าจะให้บังคับก็ไม่ได้อีก เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร ดังนั้นความเป็นห่วง ความหวังดีของชายหนุ่มจึงกลายเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างห้ามไม่ได้

    ถ้ามันเป็นความต้องการของคยองซู ผมก็จะดูแลเขาเอง น้ำเสียงของจงแดไม่มีความลังเลอยู่เลยสักนิด

    นายยังเปลี่ยนใจได้นะเว้ย ลู่หานพยายามเกลี้ยกล่อม พอถึงตอนนั้นจะได้ไปลากคอไอ้เด็กหัวดื้อที่คิดจะปักหลักฝังหลุมศพตัวเองอยู่ที่นี่ด้วยเลย จะได้รู้ไปว่ามันยังกล้าอยู่คนเดียวอีกไหม

    เจ้าหน้าที่หนุ่มยิ้มพลางหลุบสายตามองท่อนไม้ในมือ ก่อนจะโยนมันเข้ากองไฟ

     “ผมรู้สึกขอบคุณพวกคุณทุกคนจริง ๆจงแดลอบถอนหายใจเบาหวิว ก่อนจะเงยหน้ากวาดสายตามองแต่ละคนเพื่อจดจำรายละเอียด แต่ผมจะไม่ทิ้งอุทยานไปไหน

    แม้ว่านายจะต้องตายน่ะเหรอ? เทาถามด้วยเสียงเรียบเฉย และเขาก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้ม ซึ่งมันดูเศร้าหมองราวกับว่าเจ้าตัวพร้อมยอมรับความจริง

    คนไม่อยากไป จะบังคับทำไม เสียงของควอนยูริเป็นเหมือนก้อนหินที่ทุบศีรษะทุกคนอีกครั้ง ท่ามกลางความตึงเครียดภายในวงสนทนาหน้ากองไฟ ไม่มีใครอยากเลือกทางไหนทางหนึ่ง แต่ทุกคนล้วนเข้าใจถึงความจำเป็นเอาตัวเองให้รอดก่อนไหม แล้วค่อยห่วงคนอื่น

    ถ้ารีบมากก็หอบข้าวของไปก่อนเลยก็ได้นะ ไม่มีใครห้าม

    ลู่หาน... เซฮุนหันไปมองคนข้างตัว ซึ่งดูเหมือนว่าจะทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว

    คิดว่าฉันไม่กล้าหรือไง?

    แล้วกล้าไหมล่ะ ออกไปเลยดิ มัวรออะไรอยู่ ต้องให้พ่อมาตัดริบบิ้นเปล่า?

    อย่ามาปากดีกับฉันให้มากนักหญิงสาวพูดลอดไรฟันพร้อมกำหมัดแน่น

    ทำไม ทีงี้ทำเป็นอ่อนไหวรับไม่ได้เลยดิ ก่อนหน้านี้เห็นพล่ามไม่หยุด คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกที่จะพูดยังไงก็ได้เหรอวะ หะ?

    พอสักทีเถอะว่ะ จงอินพยายามปราม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ข้าวก็แดกหม้อเดียวกันยังจะทะเลาะกันอีก

    สิ้นเสียงของชายหนุ่มผิวแทน เธอก็แค่นหัวเราะ ตลกดีนะ ทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็วางแผนเอาตัวรอดกันอยู่ตลอด มีตัวเลือกในใจอยู่แล้วนี่ คำพูดที่บอกว่าเคารพการตัดสินใจก็แค่ทำให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดที่คิดทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลังสินะ?

    ถ้าอยู่ก็ตายกันหมด มันใช่เรื่องที่ต้องแสดงออกเพื่อซื้อใจกันเหรอ? จงอินกดเสียงลงต่ำ มองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ

    ก็ใช่น่ะสิ แล้วจะพูดทำไมให้มันมากความ ก็แค่บอกว่าจะหนี ใครไม่ไปก็อยู่ที่นี่ก็จบ ไม่เห็นต้องใช้คำพูดสวยหรูเพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนดี

    เซฮุนมองสีหน้าของอี้ฟานซึ่งดูเหมือนว่าจะกดดันกับสถานการณ์ตอนนี้มากที่สุด คนที่แบกรับทุกอย่างแต่เลือกที่จะเก็บไว้คนเดียว เพราะตอนนี้จงอินยังไม่พร้อมที่จะให้คำปรึกษาได้เหมือนอย่างเคย รวมถึงชานยอลที่ไม่อยู่ที่นี่ ผู้ชายคนนั้นจึงต้องชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ด้วยตนเอง ซึ่งถ้าทุกอย่างพัง อี้ฟานคงโทษว่าเป็นความผิดของตนเองแน่ ๆ

    ผมเห็นด้วยกับเธอนะ ถ้าเรามัวแต่โน้มน้าวจงแดกับคยองซูให้ไปด้วยกัน พรุ่งนี้ก็คงตัดสินใจไม่ได้ เทาเสริม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับตรรกะพัง ๆ ของควอนยูริ แต่เด็กหนุ่มชาวจีนก็ไม่อยากให้คนอื่น ๆ ต้องเสี่ยงกับความตาย ทั้งที่พยายามหนีกันมาไกลได้ถึงขนาดนี้

    ไหน ๆ ก็ได้พูดแล้ว ขออีกสักหน่อยแล้วกันทุกคนรู้ว่าควอนยูริไม่ใช่คนที่จะหยุดง่าย ๆ และหลายคนในที่นี้ก็ยังมีความเกรงใจให้กับเพศตรงข้าม แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวินาทีนี้ พวกนายยังคิดว่าสองคนนั้นจะกลับมาอยู่อีกเหรอ?

    ...

    ไม่มีใครขานตอบ ไม่ใช่เพราะไม่มีใครสนใจประโยคเมื่อครู่ แต่เป็นเพราะลึก ๆ แล้วคำถามนี้มันเคยเกิดขึ้นในความคิดของทุกคนมาแล้ว ว่าชานยอลกับแบคฮยอนอยู่ที่ไหน จะกลับมาหรือไม่ และ...

    ไม่คิดว่าสองคนนั้นหนีเอาตัวรอดไปแล้วหรือไง?

    ...

    ในโลกแบบนี้ ยังคิดว่าความผูกพันจะทำให้คนสองคนกลับมาในที่ ๆ มีแต่ความเสี่ยงตายเหรอ?

    คำถามของเธอไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหน จะพูดให้คนอื่น ๆ เครียดไปทำไมกัน? จงอินเริ่มทนไม่ไหว คำพูดของยูริไม่ได้เป็นตัวช่วยให้การตัดสินใจนี้ง่ายขึ้นเลยสักนิด ซ้ำแต่จะสร้างความคิดในแง่ร้ายให้คนที่อยู่ตรงนี้

    ฉันก็แค่อยากรู้ว่าพวกนายคิดยังไง เป็นเพื่อนกันมานานไม่ใช่เหรอ ลองคิดดูสิ... ปาร์คชานยอลเป็นคนฉลาด ฝีมือดี แต่อยู่ ๆ ก็บึ่งรถหนีหายจ๋อมไปแบบนั้น เป็นฉันคงโลกสวยคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้

    ถ้ามันหนีแล้วไงวะ พวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อรอสองคนนั้นอย่างเดียว ที่นี่คือบ้าน มีการตื่นมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง ลุกขึ้นมาแปรงฟัน อาบน้ำ ซักผ้า มองหลุมศพของคนสำคัญที่อยู่ข้างริมธาร นอนตอนกลางคืนโดยไม่ต้องกอดอาวุธแทนหมอนข้าง พูดคุยกันตอนกินข้าวเพื่อให้รู้สึกว่าคนข้าง ๆ ยังมีชีวิตอยู่

    ความหดหู่เกิดขึ้นเพราะความจริงบนโลกนี้จากปากลู่หาน มันเป็นความเศร้าที่จะหลุดพ้นไปได้ก็คือความตาย ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่มนุษย์ต้องการมัน

    เราทุกคนอยู่อุทยานเพราะอยากอยู่ มีชีวิตแบบคนปกติโดยไม่ต้องดิ้นรนหนีความตาย แต่พออยู่ไม่ได้ก็ต้องย้ายออกไปหาที่ใหม่ แม่งเข้าใจยากตรงไหน

    ใครเข้าใจยากกันแน่ นี่นายกำลังเล่นตลกอยู่เหรอ? ยูริแค่นหัวเราะ กับความเขลาของลู่หาน

    ตอนนี้ผมอยากได้ข้อตกลงที่ชัดเจน ทุกคนจะได้แยกกันไปพักผ่อนสักที เพราะฉะนั้นอย่าทะเลาะกันได้ไหม? อี้ฟานคิดว่าเขาปล่อยให้ทุกคนได้ออกความเห็นมามากเกินพอแล้ว ดังนั้นเขาควรจะหยุดทุกฝ่าย

    พวกคุณอย่าลังเลเลย เลือกทางที่มันดีกับทุกคนเถอะ เจ้าหน้าที่ประจำอุทยานเองก็คงเช่นกัน ตอนนี้สีหน้าของจงแดนั้นแย่ลงจนไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีกต่อไปแล้ว

    บรรยากาศยังคงอึดอัดหลังจากทุกคนเงียบไป เหลือเพียงเสียงกิ่งก้านไม้ที่แตกปะทุกับเปลวไฟ กับการออกความเห็นซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนรอใครสักคนตัดสินใจมัน และก็คงไม่พ้นอู๋อี้ฟาน

    ผมยังไม่หายเจ็บดี จงอินก็ยังฟื้นฟูความจำได้ไม่หมด เพราะฉะนั้นมันคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้พวกมันเข้ามาออหน้าประตูมากไปกว่านี้ เพราะคนที่เหลือคงต้านพวกมันพร้อมกันด้วยอาวุธระยะประชิดไม่ไหว

    ...

    พรุ่งนี้เช้าเราจะลุกขึ้นมาจัดเตรียมของ แล้วออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

    การตัดสินใจอย่างเฉียบขาดเหนือความคาดหมายของอี้ฟานมาพร้อมสีหน้าตื่นตระหนกของคนรอบข้าง ทุกคนมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่ใช้ไม้เท้าพาตนเองกลับเข้าไปในบ้านหลังจากได้ให้คำตอบ

    แม้จะรู้ดีว่าผลลัพธ์ต้องออกมาเป็นทางนี้ แต่จงแดก็รู้สึกชาวาบตรงหน้าอกข้างซ้าย หลังจากทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานกำลังจะย้ายออกไปในที่ ๆ เขาไม่สามารถมองเห็นได้อีก

    ควอนยูริส่ายศีรษะหน่าย ๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเป็นคนที่สอง ตามด้วยเทา ส่วนลู่หานเลือกคว้าซองบุหรี่เดินลงไปตรงลำธารเพื่อดับโทสะ เซฮุนหันไปมองจงอินเพื่อขอความเห็น ชายหนุ่มผิวแทนพยักหน้าชวนอีกฝ่ายให้กลับไปบังกะโลด้วยกัน เพื่อความสะดวกใจมากกว่าการพูดต่อหน้าจงแดและอี้ชิงที่ยังคงอยู่ตรงนี้

    ความหนาวเหน็บยังคงกัดกร่อนทั้งกายใจ บุรุษพยาบาลหนุ่มมองผู้พิทักษ์ป่าไม้และสัตว์ในอุทยานซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางความเงียบงันที่ไม่มีใครอยากพูดอะไรอีก อี้ชิงไม่สามารถเข้าไปทิ้งตัวลงบนเตียงอุ่น ๆ แล้วข่มตาหลับ ทั้ง ๆ ที่จงแดยังนั่งคิดไม่ตกอยู่ตรงนี้

    ทำไมยังไม่ไปอีก มีเรื่องจะคุยกับผมเหรอ

    เปล่า อี้ชิงเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งผมแค่ – ไม่อยากทิ้งให้คุณ – นั่งอยู่ตรงนี้ – คนเดียว

    จงแดหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองหนุ่มชาวจีนที่มีความพยายามไม่แพ้ใครที่นี่ คนที่ฝึกพูดภาษาเกาหลีเพื่อสื่อสารกับคนรอบข้าง พยายามสู้กับพวกกินคนทั้งที่เคยกลัวมันแทบตาย และเสียสละเวลาพักผ่อนเพื่ออยู่เฝ้าไข้คนเจ็บ ซึ่งหลายครั้งมันมาพร้อมความกดดัน

    ก่อนไป คุณช่วยลิสต์ให้ผมด้วยนะว่าต้องดูแลคยองซูยังไงบ้าง ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องดูแลแผลสักเท่าไหร่ ไม่เอาภาษาอังกฤษนะ จีนก็ไม่ไหว ให้ลู่หานช่วยแปลเป็นเกาหลีให้ผมหน่อยแล้วกัน

    คุณ – ก็ต้อง – ดูแล – แผลตัวเอง – ด้วย อี้ชิงหลุบสายตามองจุดที่เป็นแผลจากการโดนยิงของเจ้าหน้าที่หนุ่ม ซึ่งจงแดแค่ไหวไหล่ ราวกับจะบอกว่ามันใกล้จะหายดีแล้ว

    ผมไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน แต่คุณเป็นคนดีจริง ๆ นะอี้ชิง

    คุณก็ – เป็นคนดี บุรุษพยาบาลหนุ่มยังคงพูดอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนที่นี่ – ก็เป็น – คนดี

    อืม เพราะงั้นผมเลยรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้เจอพวกคุณ จงแดยิ้ม เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนเติมฟืนเข้าไป เพื่อบ่งบอกว่าบทสนทนาของเราจะไม่จบลงในเร็ว ๆ นี้ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่แย่อะไรขนาดนั้น แต่พอทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ตื่นมาเจอกัน กินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน ผมก็รู้สึกโหวงไปสักหน่อยตอนรู้ตัวว่าต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้ง

    คุณ – กำลัง – เศร้า

    อย่าจี้ใจกันสิ เดี๋ยวผมร้องไห้ขึ้นมาจะทำไง

    ก็ร้อง – เลย – คุณยังเป็น – คน – คุณมีสิทธิ์ที่จะ – รู้สึก

    ...

    ผม – จะนั่ง – อยู่ตรงนี้ อี้ชิงเหยียดเขาออกด้วยท่าทีสบาย ๆ พลางมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่ากำลังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ หลังจากที่เราเข้าสู่บทสนทนาจริงจังซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

    และสุดท้าย... จงแดก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนต้องยกมือปิดหน้าตนเอง

    เสียงสะอื้นเงียบ ๆ ไม่ได้ปลุกให้คนที่หลับอยู่ในบ้านต้องตื่นขึ้นมาให้ความสนใจ อี้ชิงยังคงทำตามอย่างที่พูดเหมือนก่อนหน้านี้ ว่าเขาจะนั่งอยู่เฉย ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

    เขารู้ดีว่าความรู้สึกเคว้งคว้างและต้องซ่อนความกลัวไว้เป็นยังไง หากจุดเริ่มต้นสามารถอยู่คนเดียวได้ แน่นอนว่าเราอาจไม่รู้สึกอะไรมากนัก อย่างมากก็แค่พูดคนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว แต่เมื่อไหร่ที่มีใครสักคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ จนแทบลืมไปแล้วว่าความเหงา ความหวาดกลัวการใช้ชีวิตตัวคนเดียวบนโลกคืออะไร

    จงแดพยายามห้ามน้ำตาตัวเอง และพร่ำบอกขอบคุณซ้ำ ๆ ที่เข้ามาเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ของอุทยานในช่วงเวลาหนึ่ง เจ้าหน้าที่หนุ่มเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง จึงพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอเพื่อพูดช้า ๆ ให้บุรุษพยาบาลเข้าใจ

    ตอนนี้สิ่งที่จางอี้ชิงทำได้ดีนั้นไม่ใช่แค่เรื่องรักษาบาดแผลทางกาย เพราะถ้าเป็นเรื่องทางจิตใจแล้ว เขาก็อยากช่วยบรรเทาให้คิมจงแดรู้สึกดีขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตาม

    ไม่เป็นไรนะ – จงแด – ไม่ – เป็นไร

     

     

     

     

     
     

    แปลกที่เลยนอนไม่หลับหรือไง?

    แทฮยอนดึงผ้าพันคอผืนหนาสีดำที่ปิดริมฝีปากลงพร้อมมองไปยังแขกใหม่ที่เงยหน้ามองเขาจากพื้น คนตัวบางพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เด็กหนุ่มปีนบันไดขึ้นมาบนป้อมยามที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้น ท่ามกลางความหนาวเหน็บยามค่ำคืนที่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ

    พี่ผมคุยไปกับคุณมินโฮตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว ผมนอนคงไม่หลับถ้าไม่เห็นเขาว่าเขาปลอดภัยอยู่หนุ่มผมทองยิ้มขำ พลางมองไปยังคนตัวเล็กที่มีสีหน้าไม่ต่างไปจากคำพูดเลยสักนิด

    คิดว่าเขาจะลอบฆ่าพี่นายเหรอ?

    แล้วพวกคุณเคยฆ่าใครหรือเปล่าครับ

    ให้ตอบเผื่อคุยกันครั้งหน้า หรือว่าจะให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายล่ะ? ชายหนุ่มคาบบุหรี่ไว้ในปาก จุดไฟแช็กแล้วปล่อยให้ควันลอยไปตามสายลม

    แสดงว่าเคย

    มันทำให้นายกับพี่ชายปลอม ๆ อยากหาจังหวะหนีออกไปจากที่นี่หรือเปล่าน้า? แทฮยอนหันมาสบตากับคนอายุน้อยกว่า ปั้นหน้าปั้นตาอ้อร้อคนที่กำลังเบิกตากว้างอย่างตกใจบังเอิญไปได้ยินเข้าน่ะ เกลียดหูตัวเองจัง

    เขาขมวดคิ้ว ทำท่าแคะหูประกอบอย่างไม่ยี่หระ แบคฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด คนตัวเล็กกำลังกังวลและสงสัยว่าอีกฝ่ายได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับชานยอลเมื่อตอนกลางวันได้ยังไง

    คุณโกรธหรือเปล่าที่ผมโกหก

    แล้วนายจะรู้สึกยังไง ถ้าเสี่ยงตายไปช่วยคนสองคนเพราะหวังดี แต่มันเสือกรวมหัวกันต้มนายจนสุก โดยไม่รู้เหตุผลด้วยว่าเพราะอะไร?

     

     

    คุณแทฮยอนเคืองจริง ๆ ด้วย

     

     

    เหมือนที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ เรื่องพวกกลุ่มกินคน แบคฮยอนรู้สึกผิด เขายังคงยืนข้าง ๆ ชายหนุ่มที่อยู่เฝ้ายามกะดึก ซึ่งมันเป็นอีกหัวข้อที่คนตัวเล็กตั้งใจจะยกมาชวนคุย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แทฮยอนจะมีโจทย์ให้เขาตอบแล้ว

    แล้ว?

    ... เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปาก ไม่กล้าสบตาตรง ๆ ซึ่งนั่นมันทำให้คนรอฟังความจริงรู้สึกหัวเสีย

    กลัวอะไรอยู่วะ?หนุ่มผมทองผลักศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นการผ่อนคลายบรรยากาศ ซึ่งแบคฮยอนก็ช้อนตามองเพื่อขอความเห็นใจ เขาจะพูดความจริงกับคนที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกได้ยังไง ถ้าชานยอลรู้เข้าต้องไม่พอใจแน่ ๆ

    ผมกลัวว่าความจริงใจของผม จะทำให้คนอื่นต้องลำบาก

    ...

    ผมอยากเชื่อใจพวกคุณ แต่ก็-- แทฮยอนยังคงรอว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน ผมพลัดหลงกับกลุ่มเดิม ระหว่างทางเราโดนกลุ่มกินเนื้อคนจับไป พวกเขาตั้งข้อเสนอว่าจะปล่อยเราก็ได้ แต่ต้องพาไปหาคนกลุ่มเดิม แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง

    แบคฮยอนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงกับความจริงครึ่งหนึ่งที่เขาเล่าให้ฟัง แต่จากสายตา และบุหรี่ที่หมดไปครึ่งตัวทั้งที่เพิ่งอัดเข้าปอดไปได้ไม่กี่ครั้ง มันก็ไม่ช่วยทำให้เด็กอย่างเขารู้สึกปลอดภัยจากคำพูดของตนเอง

    พวกนายระแวงเรา

    มันยากที่จะเชื่อใจใคร หลังจากถูกหลอกมาหลายครั้งไม่ใช่เหรอครับ?

    แทฮยอนแค่นยิ้ม ก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอดครั้งสุดท้ายแล้วโยนก้นบุหรี่ลงไปอย่างไม่ใยดี ใบหน้าเรียวได้รูปเงยหน้าขึ้นพลางหลับตาลง ปล่อยควันสีหม่นออกทางจมูกและริมฝีปากพร้อมกันอย่างใจเย็น

    คิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ

    เราคิดว่าจะตอบแทนบุญคุณตามที่พวกคุณเสนอมาก่อน แล้วค่อยหาทางกลับไปหากลุ่มเดิม แววตาของเจ้าตัวกะเปี๊ยกยังคงใสซื่อแต่ก็แฝงไปด้วยความกล้า แทฮยอนไหวไหล่แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวสูงขณะที่ยังไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย

    เริ่มปล่อยออกมาทีละเรื่องแล้วสิ ไม่กลัวฉันเอามีดจ่อคอนายแล้วบังคับให้ไปหากลุ่มเดิมเหมือนพวกกินเนื้อคนหรือไง?

    ...ไม่ครับ คำตอบที่ไม่หนักแน่น ทำเอาคนฟังหลุดยิ้มออกมา

    ทำไม?

    เพราะผมคิดว่าคุณไม่ใช่คนแบบ-- ยังพูดไม่ทันจบ เด็กหนุ่มก็ต้องเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายจ่อปลายมีดทหารลงบนคางของเขา จนรู้สึกได้ถึงความเย็นของมัน

    นายจะตายเพราะปากตัวเองจริง ๆ ด้วย บยอนแบคฮยอน

    ...

    ต่อให้ถูกหลอกถาม หรือถูกบังคับนายก็ไม่ควรพูด นายควรมีกึ๋นมากกว่านี้ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

    คนตัวเล็กหลุบสายตามองอีกฝ่ายกลางกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ สายตาของนัมแทฮยอนดูเรียบเฉย ราวกับกำลังดูแคลนความเขลาของเด็กอย่างเขาที่เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง ชายหนุ่มผมทองกระหวัดนิ้วหมุนปลายมีดเข้าหาตัว ก่อนจะเก็บมันเข้าซองหนังขณะที่ยังไม่ละสายตาไปไหน

    ผมอาจดูโง่ที่แสดงออกให้คุณเห็นแบบนั้น แต่ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้พูดแบบนี้กับทุกคนนะครับ สีหน้าซื่อ ๆ ที่มาพร้อมเลือดสีสดจุดเล็ก ๆ ตรงปลายคางทำเอาคนอายุมากกว่ารู้สึกผิดขึ้นมา

    ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ใช้ปลายนิ้วชี้ผ่านถุงมือช่วยเช็ดเลือดซึ่งเกิดจากความคมของมีดพกเมื่อครู่ออกให้ลวก ๆ เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากใครคนหนึ่งคายความจริงออกมา แบคฮยอนยังคงมองเพื่อรอให้อีกฝ่ายพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งคนไม่สนใจโลกอย่างนัมแทฮยอนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

    ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับมินโฮก็ได้ แต่นายต้องให้คำสัญญากับฉันว่าจะไม่คิดตลบหลังเรา และพูดความจริงกับเขาด้วยตัวเอง เข้าใจไหม?

    คนตัวเล็กสบตากับอีกฝ่ายซึ่งมาพร้อมปลายนิ้วที่ชี้หน้าสั่งให้ทำตาม ทั้งคู่เงียบไปเพื่อให้เสียงสายลมยามค่ำคืนทำงาน ก่อนที่แบคฮยอนจะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มโง่ ๆ ของเด็กที่กำลังดีใจ

     

     
     

     

     

     

    ใครคนหนึ่งตื่นจากความฝันเพราะได้ยินเสียงกุกกักภายในห้อง เซฮุนกระพริบปรับสายตาก่อนจะดูนาฬิกา แล้วยันตัวลุกขึ้นมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เข้านอนไปพร้อม ๆ กันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วหลังจากคุยเรื่องประชุมหน้ากองไฟ

    จงอินครับ

    คนผิวแทนละสายตาจากตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันไปตามเสียงที่มาจากด้านหลัง ฉันทำนายตื่นหรือเปล่า? เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วลุกมายืนอยู่ข้าง ๆ คนผิวแทน ช่วยจัดแจงเสื้อผ้าออกมาพับใส่กระเป๋าในเวลาตีสี่ ซึ่งคนอื่น ๆ คงกำลังหลับอยู่ไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง

    คุณนั่นแหละครับที่ต้องนอน ผมงีบไปตั้งสองชั่วโมงแล้ว คงอยู่ยาวไปจนถึงตอนเย็นเลย

    ชายหนุ่มมองอีกคนที่ยิ้มบาง ๆ ขณะจัดของใส่กระเป๋า เด็กคนนี้สร้างเรื่องน่าประทับใจให้คิมจงอินคนใหม่อีกแล้ว เพียงเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขารู้สึกได้แม้ว่าเซฮุนจะไม่ได้พูดมัน

    งั้นช่วยกันทำให้เสร็จ จะได้มีเวลาไปนอนต่อ

    เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพียงครู่เดียวของจำเป็นก็ถูกยัดใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่จนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ปล่อยให้ตะเกียงบนโต๊ะช่วยส่องแสงสว่างจุดเล็ก ๆ เพื่อให้เรามองเห็น

    คุณกำลังกังวล

    คนถูกจี้ใจนิ่งไป ก่อนจะชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ท่าทีของเซฮุนดูสบาย แต่ก็รู้สึกได้ว่าที่อีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ก็เพราะเป็นห่วงเขา

    ปกติเดาใจคิมจงอินคนเก่าออกได้ง่าย ๆ แบบนี้เหรอ

    เปล่าหรอกครับ เราแค่อยู่ด้วยกัน แล้วก็ซึมซับไปเองว่าอีกคนจะรู้สึกยังไง ถือว่าตอบได้ดี เพราะชายหนุ่มค่อนข้างกังวลว่าคำตอบจะส่งไปอีกทาง ว่าเซฮุนกับคิมจงอินคนเก่าค่อนข้างผูกพันกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมด ต่อไปนี้ผมจะอยู่กับคุณบ่อย ๆ นะ

    ...

    เซฮุนรู้ว่าต้องยิ้มยังไง บรรยากาศถึงจะผ่อนคลายขึ้น หลังจากที่เรากังวลถึงเรื่องตอนเช้าที่ใกล้เข้ามาถึง จึงทำให้เขาได้แต่นอนเอาท่อนแขนก่ายหน้าผาก พลิกตัวไปมาจนต้องลุกขึ้นไปเก็บของ

    พอรู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยทำได้ดีแค่ไหน ฉันก็รู้สึกผิดที่ช่วยอะไรอี้ฟานไม่ได้เลย

    แต่ไม่ได้หมายความว่าวันพรุ่งนี้หรือมะรืนคุณจะทำไม่ได้นี่ครับ

    ...

    บางอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมว่ามันเริ่มส่งไปในทางที่ดี ที่คุณเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว ทุกอย่างมันเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เซฮุนกุมมืออีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ สอดประสานเรียวนิ้วเพื่อมอบความอบอุ่นให้กันและกันข้อเสียคือเราอาจต้องจำใจทิ้งจงแดไว้ข้างหลัง แต่ข้อดีคือ คุณจะได้ฟื้นฟูความจำถ้าได้เห็นโลกภายนอกมากขึ้น

    ...

    เราไม่มีทางเลือกมาก แต่เราสามารถทำในสิ่งที่จำเป็นต้องเลือกให้มันดีได้ ว่าไหมครับ?

    จงอินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ต้องได้รับการย้ำเตือนบ่อย ๆ เพื่อให้ไม่รู้สึกเขวไปจากที่เป็นอยู่ ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะยีกลุ่มผมสีเข้มอย่างเอ็นดู แล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เข้านอนพร้อมกันอีกครั้ง

     

     

     
     

     

    หน้าหงิก

    ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนพี่เจออะไรมาบ้าง เราจะเข้าข้างพี่

    ผมไม่อยากรู้หรอก

    ที่ทักแบบนั้นก็เพราะอยากรู้ชัด ๆ อย่าปากแข็งเลยน่า ลู่หานเคี้ยวหมากฝรั่งพลางเปิดกระโปรงรถเพื่อเช็กสภาพเครื่อง มองเด็กแว่นที่ส่ายหน้าอย่างระอาขณะยกของไปเก็บ

    ผมจะไปลาคยองซู คุณจะไปด้วยกันไหม?

    ไม่ล่ะ งอนมัน

    มินซอกแค่นหัวเราะ หรี่ตามองคนปากแข็งตัวจริงซึ่งเปลี่ยนไปก้มหน้าก้มตาเช็กเครื่องยนต์แทนที่จะเข้าไปพูดอะไรสักหน่อย ถึงเขาจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่การไปจากที่นี่โดยไม่คุยกันเลย มันก็คงรู้สึกหน่วงใจอยู่ไม่น้อย

    เขากับคยองซูเคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันพอสมควร พอรู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วมันก็ใจหาย

    จงอินกับเซฮุนกำลังเช็กสภาพรถอีกคัน ซึ่งดูเหมือนว่าไอ้เพื่อนโง่กำลังพยายามอย่างหนักในการทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่เคยอยู่ด้วยมาเกินครึ่งชีวิต สีหน้าจริงจังของมัน กับคนที่เอาแต่ยิ้มซึ่งดูเหมือนจะเป็นกำลังใจชั้นยอดนั่นน่ะ... แหม๊... โรแมนติกจริง ๆ

    เนื่องจากอี้ฟานขาเจ็บ จึงต้องไปกับรถบ้านของควอนยูริ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากครูกาฮีและซูยอน ในการพยุงให้ขึ้นไปบนรถ สายตาเปลี่ยนพิกัดเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตัวสูงโยนกระเป๋าไปท้ายรถ ก่อนจะชักอาวุธออกมา พร้อมตรงไปยังประตูรั้วทางออกอุทยาน

    ไปไหนวะ

    เคลียร์ปากทางหน่อย เริ่มยั้วเยี๊ยแล้ว บอกคนอื่นด้วยว่าอย่าเสียงดังมาก

    ลู่หานเบ้ปาก ไหวไหล่ขณะมองตามแผ่นหลังของไอ้เด็กซึมเศร้าที่ก้าวไปตรงนั้นอย่างไม่รีรอและไม่อ้าปากชวนใครสักคน พ่อมันเป็นซุปเปอร์แมนเหรอ หนึ่งต่อสิบนี่เก่งมากมั้ง

    ไอ้จงอิน

    เออ

    ปะ เดี๋ยวกูพาไปเก็บเวล พูดจบก็เปิดประตูรถก่อนจะเอามีดดาบคู่ใจออกมา จงอินมองเพื่อนสนิทที่ส่งซิกเป็นเชิงบอกให้ออกไปฆ่าพวกกินคนหน้าปากทางด้วยกัน เพียงครู่เดียวเขาก็วางเครื่องมือชนิดอื่นลง แล้วหยิบไขควงออกมา

    สองเพื่อนสนิทก้าวไปยังประตูอุทยานแล้วแทรกตัวออกไป ช่วยหวงจื่อเทาจัดการพวกผีดิบที่อยู่ใกล้รั้วหนามซึ่งบางเสาล้มไปแล้ว และพวกเขาไม่มีเวลาที่จะมาสร้างมันใหม่ เพราะตัวกินคนเริ่มทยอยมาเรื่อย ๆ จนมันเริ่มยากที่จะต้านไหว

    มึงว่าหลังจากพวกเราออกไปแล้วจะเป็นไงวะจงอิน?

    กูว่าพัง

    ประตูเหรอ

    ทุกอย่าง

    บทสนทนาเกิดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมองหน้ากัน เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งขณะมองเสี้ยวหน้าเหวอะหวะของผีดิบ ก่อนจะแทงไขควงเข้าไปทะลุตาขวาอย่างแรง

    ทั้งรั้ว แล้วก็ความรู้สึกของพวกเราทุกคน

     


     

     
     

     

    เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงในการเก็บของขึ้นรถ และเคลียร์ปากทางซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่สิ้นสุดง่าย ๆ รวมไปถึงการสั่งลาเจ้าหน้าที่หนุ่มกับคนเจ็บอย่างคยองซู ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะแกล้งหลับไม่รับรู้ แต่จากน้ำตาที่ไหลออกมาตอนได้ฟังเสียงคนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้อยากแยกจากทุกคนไปเลย

    ทุกคนออกมารวมตัวอยู่หน้าบ้าน เช็กความเรียบร้อยทุกอย่างจนวางใจแล้วว่าจงแดกับคยองซูจะมีอาหารพออยู่กินไปได้อีกหลายวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่หนุ่มเลือกพูดให้คนอื่นสบายใจ มากกว่าจะบอกว่าเขาจะรอดไปได้ยังไงหลังจากเสบียงหมด

    ผมช่วยอี้ชิงรับกล่องจากครูสาวไปถือเองโดยไม่รอให้เธอขานตอบ กาฮีเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มขำพลางส่ายศีรษะเบา ๆ

    ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่เห็นคุณหยุดมือเลยนะคะ

    ทำเยอะ ๆ – จะได้เหงื่อออก – ครับ

    ดูเหมือนว่าจะจริงบุรุษพยาบาลหนุ่มยืนนิ่ง กับลักยิ้มที่มาพร้อมมือนุ่ม ๆ ซึ่งยกขึ้นซับเหงื่อบนขมับให้กับเขา ทั้งคู่สบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร กับความขลาดอายที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกได้อยู่ลึก ๆ

    ใส่ – นี่ไว้

    กาฮีมองอีกคนที่กำลังถอดถุงมือออก ก่อนจะประคองมือเรียวไว้เพื่อสวมมันให้กับเธอ หญิงสาวมองความอ่อนโยนของคนตรงหน้า ที่ทำให้เธออบอุ่นใจทุกครั้งหลังจากรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครพูดถึงมัน

    แล้วคุณล่ะ

    ผม – แข็งแรง

    ถ้าคุณเกิดป่วยขึ้นมา ฉันคงได้ทำหน้าที่เป็นพยาบาลแทน เธอพูดกลั้วหัวเราะ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายกลับเลือนหายไป

    คุณ – ได้ทำ – แน่

    คะ?

    เพราะต่อไปนี้ – คุณ – ต้องเป็นคนดูแล – คนอื่น ๆ

    ลักยิ้มบนใบหน้าหญิงสาวยังคงไม่จางหายไป หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับฉายแววสงสัยในคำพูดแปลก ๆ ของชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งกำลังถอยหลังออกจากเธอไปสองก้าว พร้อมพูดในสิ่งที่ทำให้ทุกคนโดยรอบได้ยิน

    ผม – จะอยู่ – ที่นี่

    ...

    ...

    ทุกสายตาหันมาทางจางอี้ชิงพร้อมกัน รวมถึงคิมจงแดที่เตรียมใจไว้แล้วว่าเขาต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวเองและช่วยให้คยองซูหายไว ๆ อี้ฟานมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอึ้งอยู่ท้ายรถบ้าน เขาค่อย ๆ ประคองร่างตนเองออกมาจนได้เห็นเจ้าของประโยคเมื่อครู่

    ผมไม่ได้ – ใช้เวลา – หนึ่งนาที – ในการ – ตัดสินใจ อี้ชิงเลียริมฝีปาก พลางกวาดสายตาไปมองคนรอบข้างซึ่งยืนอยู่ข้างรถที่เตรียมออกเดินทางในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผม – ทบทวน – มาดีแล้ว

    แต่--

    อย่าห้ามผม – ได้โปรด กาฮีหยุดฝีเท้าอยู่ตรงนั้น ขณะที่สายตาของเธอยังไม่ละออกห่างจากชายหนุ่มตรงหน้า จงแด – ไม่มี – ความรู้เรื่อง – รักษา

    ...

    ถ้าคยองซู – อาการทรุด – ขึ้นมา – เขาทั้งคู่ – จะต้อง – แย่

    ...

    อี้ชิงเงยหน้ามองผู้นำกลุ่มซึ่งลงมาพร้อมไม้ค้ำ ทั้งคู่สบตากัน ราวกับจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าตนเองรู้สึกยังไง อี้ฟานไม่ได้ลงมาเพื่อพูดโน้มน้าว เพราะเขารู้ดีว่าจางอี้ชิงไม่ใช่คนคิดอะไรตื้น ๆ ในขณะที่ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

    อย่าถามอีกเลย – ว่าเพราะอะไร – สิ่งที่พวกคุณ – ควรทำ – คือ – รีบไป

    บุรุษพยาบาลหนุ่มชักปืนพกออกมา พร้อมมีดพกอีกด้ามที่เขาใช้ฆ่าพวกผีดิบเมื่อวาน มินซอกกับเทามองไปยังครูสาวซึ่งดูเหมือนว่าจะช็อกกับการตัดสินใจของอี้ชิงมากที่สุด

    ผมจะ – คุ้มกัน – ให้พวกคุณ

    จางอี้ชิง

    ไปขึ้นรถ – เถอะครับ เขาไม่ปล่อยให้ลู่หานได้พูดอะไรอีก บุรุษพยาบาลหนุ่มรู้ว่าทุกคนต่างหวังดี แต่เขาไม่อยากให้ทุกคนและตัวเองต้องลังเลไปกับทางที่เลือกแล้ว

    อี้ฟานหลุบสายตาลงพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาพยักหน้าช้า ๆ อย่างจำใจ ก่อนจะมองไปยังคนอื่น ๆ ที่กำลังรอการตัดสินใจจากปากเขา

    เตรียมตัวออกรถ

    ...

    เสียงเปิดปิดประตูจากรถคันอื่นเป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่กำลังบอกให้ปาร์คกาฮีได้รู้ว่าเธอควรจะก้าวออกจากตรงนี้ได้แล้ว ครูสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเว้าวอน สำหรับคนที่ยังไม่เคยแสดงความรู้สึกต่อกันมากนัก ปาร์คกาฮีคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะบอกลา

    อี้ชิงก้าวเข้าหาเธอด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มมองดวงตาคู่สวยที่มีเสน่ห์ของอีกฝ่ายซึ่งกำลังคลอไปด้วยหยดน้ำใส พร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ออกให้อย่างอ่อนโยน เขากำลังจดจำรายละเอียดของเธอ ทุก ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ริมฝีปาก และลักยิ้มที่เราต่างมีเหมือนกัน

    กาฮีคว้ามือเย็นเฉียบของคนตรงหน้าไว้ แนบแก้มลงไปเพื่อซึมซับความรู้สึกจนถึงวินาทีนี้ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อชายหนุ่มเชยคางมนขึ้นพร้อมประทับริมฝีปากลงมา

    จงแดยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด กับการที่อี้ชิงยอมเสียสละตัวเองเพื่ออยู่ช่วยเขากับอุทยาน และชีวิตเด็กคนหนึ่งให้รอดพ้นจากความตาย โดยที่เจ้าตัวต่างรู้ดีว่าถ้าข้างนอกยังเป็นอย่างนั้นโดยไม่มีใครออกไปจัดการกับผีดิบ

     

    อีกไม่นาน... รั้วอุทยานก็คงจะถูกพังเข้ามา

     

    ทั้งคู่ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งพร้อมแนบหน้าผากกันและกัน เขามองดวงหน้าขาวที่กำลังอาบไปด้วยน้ำตา ท่ามกลางเข็มวินาทีที่เดินไปข้างหน้าราวกับกดดันให้เขาและเธอรู้ว่าต้องทำสิ่งที่ควรสักที

    ผมรักคุณ

    ฉันก็รักคุณค่ะ...”

    บุรุษพยาบาลหนุ่มยิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะละมือออกแล้วก้าวถอยหลังออกมาจากตรงนั้น เสียงรถสตาร์ทขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันเป็นสัญญาณบอกปาร์คกาฮี ครูสาวเม้มริมฝีปากแน่น สบตากับผู้ชายที่เธอรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะทำใจขึ้นไปบนรถบ้านในวินาทีถัดมา

    จงแดเป็นคนเปิดประตูอุทยานให้รถของเทาไปก่อน ตามด้วยรถบ้านของยูริ และรถลู่หาน ตัวกินคนจากทั้งสองฝั่งร้องโหยหวนเมื่อได้ยินเสียงรถ อี้ชิงรีบวิ่งตามไปสมทบเพื่อดึงประตูบานใหญ่ให้ปิดกั้นจากเหล่าผีดิบด้านนอกซึ่งส่วนหนึ่งกำลังวิ่งตามรถ และส่วนหนึ่งก็มาตามเสียงประตูอุทยาน

     

    กรรรซ์

     

    ถ้าคุณไม่ใช่คนดีที่สุด คุณก็ต้องเป็นคนที่โง่ที่สุด อี้ชิง

    เจ้าของชื่อยืนนิ่งกับคำพูดของจงแด พร้อมมองตามรถทั้งสามคันที่ขับออกไปจากที่นี่ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของตัวกินคนที่เข้ามาเกาะหน้าประตูทีละตัว เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนี้

    ภายในรถคันที่สามนั้นเงียบสงบ ไม่มีใครอยากพูดหรือเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบ ทุกคนปล่อยให้เสียงโหยหวนของพวกเดนตายรอบข้างกัดกินความรู้สึก ว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องไปจริง ๆ ไม่ว่าจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกดีได้เลย

    จงอินมองกระจกด้านข้าง ภาพที่เห็นคือผีดิบซึ่งแหวกรั้วหนามออกมา ไม่สนใจว่าไส้ในท้องจะเกี่ยวพันกับหนามจนหลุดลุ่ยลากยาวไปตามระยะการเดิน เดินโซซัดโซเซไปเกาะประตู ทีละตัว... ทีละตัว... โดยมีชายหนุ่มสองคนยืนตั้งท่าถือปืนพกอยู่ด้านใน

    เขาไม่เห็นว่าตอนนี้สายตาของจางอี้ชิงกับคิมจงแดเป็นยังไง จะหวาดกลัวแค่ไหน จะทำยังไงต่อไปกับวันพรุ่งนี้ ภาพเงาผีดิบจำนวนหนึ่งตรงหน้าประตูด้านในเป็นตัวเพิ่มความกังวลให้กับชายหนุ่มผิวแทนเป็นอีกเท่าตัว จงอินรู้ดีว่ารั้วนั่นคงต้านแรงพวกกินคนไว้ได้ไม่นาน เนื่องจากเสียงรถทั้งสามคนที่เป็นเหมือนนกหวีดเรียกให้พวกมันมาที่นี่เพิ่มมากขึ้น

     

     
     

    แต่พระเจ้า... ได้โปรดคุ้มครองสามคนนั้นด้วยเถอะ

     

     
     

     

    TBC

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×