คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER 08 :: Please
CHAPTER 08
Please
ร่างไร้เรี่ยวแรงทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น เอนหลังพิงกับประตูที่เพิ่งปิดลงเหมือนความรู้สึกเขาที่ปิดกั้นไม่อยากรับรู้อะไรอีก แบคฮยอนถอนหายใจพลางชันขาทั้งสองข้างขึ้น เงยหน้าหลับตาลงแล้วจมอยู่กับความผิดมหันต์ที่ทำลงไป
แบคฮยอนจำสีหน้าและแววตาคู่นั้นได้ ทั้งตัดพ้อ สับสน และไม่เข้าใจ แม้ว่าในวินาทีสุดท้ายที่คนใจร้ายหันหลังให้ ปาร์คชานยอลก็ไม่ตะโกนรั้งเลยสักคำ
เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ และในสถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกไปเผชิญหน้าแล้วพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แต่อีกความคิดมันก็พูดกรอกหูว่าตอนนี้ชานยอลยังคงอยู่ข้างนอก ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นเหมือนกับทุกครั้งถ้าบยอนแบคฮยอนบอกให้รอ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาโกรธตัวเองเหลือเกินที่ปล่อยให้ความคิดวูบหนึ่งทำลายเชือกเส้นสุดท้ายระหว่างเรา ความคิดบ้า ๆ ที่ว่าถ้าหากลองจูบคนตรงหน้าสักครั้งจะเป็นอย่างไร ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องราวดีขึ้นเลยสักนิดเดียว แบคฮยอนไม่อยากคิดโทษว่าเป็นเพราะพิษเหล้า เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะตัวเขาเองทั้งนั้น
บยอนแบคฮยอนอายุสามสิบสี่แล้ว เขาไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะวิ่งหนีปัญหาแล้วปล่อยให้เรื่องราวเลยผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ฉะนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้า หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป
เพื่อพบว่าที่ตรงนั้นไม่มีปาร์คชานยอลยืนอยู่แล้ว...
รู้สึกได้ถึงแรงสั่นในกระเป๋ากางเกง คนตัวเล็กหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีข้อความเข้าจากชานยอล หากแต่เขาไม่กล้ากดเปิดอ่านในทันที เพียงเพราะหวาดกลัวกับเนื้อหาที่ไม่รู้ว่าจะส่งไปในทางไหน และจะต้องตอบโต้อย่างไรดี
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ชานยอล’
[ คุณคงเห็นข้อความนี้ตอนตื่นแล้ว ...มันอาจจะยาวหน่อยนะครับ
ผมแค่จะส่งมาย้ำอีกครั้งว่ากับข้าวอยู่ในตู้เย็น พรุ่งนี้ก่อนออกไปทำงานก็เอาออกมาอุ่นกินสักนิดก็ดีนะครับ ถ้าปล่อยให้ท้องว่างเดี๋ยวจะทำงานไม่รู้เรื่องนะ
ผมลองเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตดู เห็นว่าซุปร้อน ๆ ช่วยแก้แฮงค์ได้เหมือนกัน บังเอิญจริง ๆ นะครับที่ผมทำซุปมันฝรั่งใส่ซี่โครงหมูไว้ให้ด้วย คุณเคยบอกว่าชอบกิน ผมจำได้ แต่คราวนี้ทำเผ็ดน้อยกว่าครั้งที่แล้ว หวังว่าคุณจะชอบนะครับ
ส่วนเรื่องอะไรก็ตามที่กำลังทำให้คุณรู้สึกไม่ดี และกังวลเกี่ยวกับตัวผมอยู่ ผมอยากบอกว่าไม่เป็นไรนะครับ เพื่อนในห้องก็ชอบเล่นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว เมื่อกี้ผมกลั้นขำแทบแย่เลย แต่คุณอย่าเมาแบบนี้บ่อย ๆ นะครับ ถ้าคุณจงอินไม่อยู่ ผมก็กลัวว่าคุณจะถูกปล้นเอา ดึก ๆ มันอันตราย
ราตรีสวัสดิ์ แล้วก็อรุณสวัสดิ์ล่วงหน้าครับ ]
แบคฮยอนหลับตาพร้อมถอนหายใจกับความอึดอัดที่ไม่ได้ลดลงไปกว่าเดิมเลยสักนิดเดียว คนตัวเล็กเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกใสที่สามารถมองเห็นกรุงโซลยามค่ำคืนได้ ทอดสายตาออกไปเพื่อพบกับความว่างเปล่าในจิตใจ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่างนอกจากยืนจมอยู่กับความทุกข์ ในขณะที่เด็กอายุสิบเก้าเลือกที่จะทำร้ายตัวเองเพื่อให้คนอย่างเขาสบายใจ เจ้าเด็กยักษ์ทำหน้าแบบไหนตอนพิมพ์ข้อความบ้า ๆ นี่
ไม่บ่อยนักที่บยอนแบคฮยอนจะพบเจอปัญหาคิดไม่ตกอย่างนี้ หากเป็นเรื่องงานก็แค่ใช้สมอง แต่พอเป็นเรื่องความรู้สึกที่ต้องใช้หัวใจ เขากลับกลายเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งเท่านั้น คนตัวเล็กไม่รู้ว่าควรตอบข้อความหรือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการรักษาน้ำใจอีกฝ่าย หรือเพิกเฉยไปจะเป็นการทำร้ายเด็กคนนั้นได้มากกว่ากัน
เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว...
.
.
“ทำไมตาบวมขนาดนั้น พี่ไปทำอะไรมา” ซูยองมองพี่ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะอาหารด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เช้า เธอยังไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดเลยสักคำเดียว
“เปล่า รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
ยอมรับก็ได้ว่าซูยองชอบแกล้งพี่ชายมากยิ่งกว่าอะไรดี แต่พอเห็นพี่ชานยอลเป็นแบบนี้เธอก็ใจหายเหมือนกัน สีหน้าของคนตัวสูงเหมือนคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ เหมือนจะไม่สบายแต่ก็ไม่ใช่ และถ้าถามออกไป พี่ชายก็คงไม่ตอบอะไรมากกว่าการบอกให้เธอรีบกินข้าว
“พี่คะ เดือนหน้าวันเกิดซึงฮวาน เพื่อน ๆ จะไปควนกึมซองกัน หนูไปได้ไหม?”
“มีผู้ใหญ่ไปด้วยหรือเปล่า” ชานยอลถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองซูยอง สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ช้อนว่างเปล่าในมือ โดยที่ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าสนใจ
“พ่อซึงฮวานพาไปล่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เด็กสาวยิ้ม มองหน้าพี่ชายอย่างลุ้น ๆ ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ซึ่งแค่ครู่เดียวอีกฝ่ายก็พยักหน้า แม้จะดูไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ “เย้! งั้นหนูซื้อรองเท้าคู่ใหม่นะ เบื่อคู่เก่าแล้วอะ”
“นั่นคือเหตุผลเหรอ หาเงินเองได้แล้วหรือยังถึงได้คิดอยากซื้อทุกอย่าง”
“ก็--”
“ทุกวันนี้เราใช้เงินคุณแบคฮยอนอยู่นะ ลืมไปแล้วหรือไง?” ซูยองนั่งนิ่ง สบตากับพี่ชายโดยไม่กล้าโต้เถียงใด ๆ กลับไป เด็กสาวแทบลืมไปแล้วว่าพี่ชายเคยดุเธอด้วยสายตาแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ “ถ้าไม่มีเขา พี่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาซื้อข้าวให้เธอกิน”
“...”
“คุณแบคฮยอนดีกับเรามาก สิ่งที่เราควรทำคือตอบแทนบุญคุณเขา ไม่ใช่เอาแต่กอบโกยเอาแต่ความสุขของตัวเอง เข้าใจที่พี่พูดไหมซูยอง”
เด็กสาวนั่งนิ่ง มองดวงตาอีกคนที่กำลังสั่นหลังจากพูดประโยคเมื่อครู่ เธอทำผิดมากถึงขนาดที่ต้องขึ้นเสียงกันเลยหรืออย่างไร ซูยองเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งสำนึกผิดและน้อยใจพี่ชาย ทั้ง ๆ ที่ถ้าบอกว่า ‘ไม่ให้’ เธอก็พร้อมจะเข้าใจแล้ว
“หนูขอโทษ...”
คนเป็นน้องเงยหน้ามองพี่ชายที่อยู่ ๆ ก็ตักข้าวใส่ปากจนอัดแน่นกระพุ้งแก้ม เคี้ยวอย่างฝืนใจและกลืนลงไปในที่สุด ซูยองสำนึกผิดแล้วที่เคยตัวกับความสะดวกสบาย จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งเราสองพี่น้องเคยลำบากแค่ไหนกับตอนที่พ่อแม่หนีไป
แต่ทำไมวันนี้พี่ชายของเธอถึงโมโหทั้งที่ใบหน้าเศร้าหมองอย่างนี้
.
.
สำหรับปาร์คชานยอลแล้ว ความรักมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง และฟังจากคนอื่นมา อีกทั้งที่ไม่เคยรับรู้
ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มเคยมีความสุขจนไม่สามารถหาวิธีหยุดยิ้มได้ หัวใจมันพองโตจนไม่รู้เลยว่ามันวิเศษแค่ไหนกับการให้ใครคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในหัวใจ ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย เพียงแค่เห็นการโต้ตอบบทสนทนาในโปรแกรมแชท หรือแม้แต่การรอคอยให้ถึงวันเสาร์ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสีขาวปนชมพู จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้รู้จักกับความรักที่เป็นสีดำ
สีดำที่มีแต่ความมืดมิด ทำให้มองไม่เห็นความผิดชอบชั่วดี นำพาเดินเข้าสู่หนทางที่มีเหวลึกอยู่ด้านหน้า แล้วตกลงไปตายในที่สุด
ชานยอลนั่งเหม่อลอยอย่างคนโง่ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงประกาศผลคะแนนสอบ จนกระทั่งมินโฮสะกิด และบอกว่าเขาได้ท็อปคณิตศาสตร์ ซึ่งมันเป็นครั้งแรก เสียงของเพื่อนฝูงรอบข้างไม่ได้เรียกรอยยิ้มคนที่กำลังตกอยู่ในความซึมเศร้า เขาเพียงแค่มองตัวเลขบนหัวกระดาษที่มาจากความมุมานะเพื่อให้คน ๆ หนึ่งภูมิใจ แต่ใครคนนั้นกลับเงียบหายไปหลายวันโดยไร้การพูดคุยไม่ว่าจะด้วยทางไหน
เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าทักไปก่อนเพราะคิดว่าคนอายุมากกว่าคงไม่อยากคุย มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างสนิทใจ หลังจากผ่านเรื่องวันนั้น ซึ่งชานยอลไม่นึกโกรธคนตัวเล็กเลยสักนิด
เคยถามตัวเองว่าเพราะอะไร ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกจูบ เป็นฝ่ายถูกหันหลังให้ เขาควรจะนึกตัดพ้อ น้อยใจ หรืออะไรก็ได้เพื่อปกป้องหัวใจว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย แต่ปาร์คชานยอลก็เอาปากกาสีเข้มขีดฆ่าความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปจนหมด
เพราะในเมื่อคำตอบคือ... คุณแบคฮยอนก็ยังเป็นทุกข้อยกเว้น และปาร์คชานยอลเต็มใจยอมทุกอย่าง
.
.
วันนี้เป็นวันประชุมผู้ปกครองของฝั่งมอต้น และเด็กหนุ่มก็คงทำหน้าที่เหมือนกับทุกปีคือการไปนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ น้องสาวในฐานะผู้ปกครอง ซึ่งคงไม่มีใครทำเหมือนเขา แต่ในเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาอนุญาต และเข้าใจถึงปัญหาทางบ้านของเราสองพี่น้อง ชานยอลจึงโทรหาพี่เซฮุนเพื่อขอเลื่อนเวลาเข้าทำงานพิเศษไปหนึ่งชั่วโมง
แต่พอไปถึงตึกมอต้น เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อพบว่าตอนนี้น้องสาวของเขากำลังยืนหัวเราะอยู่กับหญิงสาวชุดเดรสสีดำเข้ารูประหว่างรอเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา ชั่วอึดใจเดียวสองคนนั้นก็มองทางนี้ และเป็นซูยองที่โบกมือเรียก ก่อนที่คุณจูฮยอนจะยิ้มทักทายเหมือนกับทุกครั้ง
“สวัสดีครับ”
“เพิ่งเลิกเรียนเหรอ” แววตาของเธอแม้จะยิ้ม แต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบ เขาไม่ควรทิ้งความรู้สึกทุกอย่างไว้ข้างหลังขณะอยู่ต่อหน้าเธอ “พอดีว่าฉันเพิ่งออกเวร เลยมาทำหน้าที่ผู้ปกครองดูสักหน่อย ตื่นเต้นชะมัดเลย” เธอหัวเราะ
“พี่จูฮยอนบอกว่าจะพาหนูไปกินข้าวด้วยแหละ แต่พี่คงไปไม่ได้เพราะต้องทำงานพิเศษ” ซูยองยิ้มล้อพี่ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“วันนี้ลางานเถอะ ไปกินข้าวกันนะชานยอล”
ขณะที่มองรอยยิ้มของเธอ และแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังดี เด็กหนุ่มก็รู้สึกแย่จนไม่อยากยืนตีหน้าซื่ออยู่ตรงนี้อีกต่อไป ชานยอลยิ้มเจื่อน ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรักษาน้ำใจคุณจูฮยอนมากที่สุด
“คงไม่ได้ครับ ช่วงนี้พี่เซฮุนกับแจฮยอนอยู่ร้านกันแค่สองคนเพราะพนักงานคนเก่าลาออก ขอโทษด้วยนะครับ” หญิงสาวหลุดยิ้ม กอดอกมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างอ่อนใจ เล่นพูดแบบนี้แล้วใครจะไปบังคับลง
“งั้นไว้โอกาสหน้าก็ได้ เดี๋ยวฉันพาไปซื้อกระเป๋าใหม่ด้วย ไหนดูซิ... ใบนี้ใช้มากี่ปีแล้วเนี่ย” เธอถอยออกมาทางซ้ายหนึ่งก้าว จับกระเป๋าเป้แบรนด์นี้ที่ออกมาหลายปีแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ มันยังใช้ได้ดีอยู่เลย”
“ไม่เป็นไรได้ไงกัน งั้นคิดซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าดีไหม เธอจะได้สบายใจ” หญิงสาวว่า แล้วหันไปยิ้มกับซูยอง “อ้อ ส่วนก็ค่าขนมเดือนนี้ฉันโอนให้แล้วนะ ไปกดมาใช้ได้เลย ส่วนพวกอุปกรณ์หรือของใช้ในบ้านที่ชำรุดน่ะ ลิสต์ไว้เลยนะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะพาไปช็อป”
เขาไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีกต่อไป หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้ ชานยอลยืนนิ่ง แล้วปล่อยให้เสียงของคุณจูฮยอนกรอกเข้ามาในหู ราวกับเธอกำลังช่วยตอกย้ำให้เห็นภาพว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลควรยืนอยู่จุดไหน
มันจะมีเหตุผลอะไรอีก นอกจากว่าทั้งคู่ใช้กระเป๋าเงินใบเดียวกัน ชานยอลน่าจะรู้และเข้าใจได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะผู้ปกครอง การเอาใจเขาและน้องสาวซึ่งมาจากความเต็มใจ แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บ จนเหมือนว่าน้ำตามันพาลจะไหลออกมา
“ขอบคุณนะครับ”
ชานยอลก้มศีรษะลงต่ำ เสียงของเธอตอนพูดว่าไม่เป็นไรเป็นเหมือนเสียงความคิดที่กระซิบถามว่า ‘แกกล้าทำร้ายผู้หญิงคนนี้ลงคอได้ยังไง?’ จนกระทั่งคุณจูฮยอนและซูยองเดินเข้าไปด้านใน การฝืนยิ้มโง่ ๆ ถึงได้สิ้นสุดลงเสียที
ขายาวก้าวออกจากตรงนั้นอย่างไม่เร่งรีบ มองเงาตนเองที่วาดอยู่บนพื้นถนนอย่างคนสิ้นหวัง หัวใจที่บอบช้ำยังคงไม่ได้รับการเยียวยา หนำซ้ำยังได้รับบาดแผลเพิ่มด้วยความหวังดี แต่จะโทษใครได้ ปาร์คชานยอลเด็กเกินกว่าจะจัดการความรู้สึกด้วยการบอกตัวเองให้ ‘หยุดรักคุณแบคฮยอน’ แค่คำเดียว
เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม ใส่สมุดบัญชีเข้าไปเพื่ออัพเดทยอดเงิน ก่อนจะพบว่ายอดที่ได้รับมันมากกว่าทุกเดือนเล็กน้อย ชานยอลยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตามองตัวเลขหลายหลักที่ลำบากใจทุกครั้งเมื่อต้องกดออกมาใช้เพื่อ ความอยู่รอด แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เขาไม่อยากใช้เงินของคุณจูฮยอน แม้ว่าเงินของเธอจะเหมือนเงินของคุณแบคฮยอนก็ตาม
.
.
“นั่งไง มาพอดีเลย”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นหลังจากผลักประตูร้านกาแฟเข้าไป แล้วก็ได้พบว่าตอนนี้พี่เซฮุนยืนอยู่ข้างเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกัน และเธอกำลังยิ้มพร้อมโบกมือทักทายเขา
“จื่อวี?”
“เพื่อนกันใช่ไหม ดีเลย มีอะไรจะได้คุยกันง่าย ๆ”
พี่เซฮุนว่าก่อนจะหันไปรับออเดอร์ลูกค้า ชานยอลยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพียงชั่วอึดใจ ยิ้มตามมารยาทให้เพื่อนร่วมชั้นเรียน ก่อนจะเข้าไปหลังร้านเพื่อถอดเสื้อกั๊กของโรงเรียนออกและสวมผ้ากันเปื้อนแทน
พอหันหลังก็พบว่าจื่อวียืนอยู่หน้าประตู รอยยิ้มขลาดอายของเธอนั้นคือสิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มจำได้ติดตา ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรก่อน ซึ่งเธอก็พอจะรู้ว่าหลายวันมานี้ชานยอลดูซึม ๆ ไปจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ทำได้แค่มอง
“ทำไมกลายเป็นเธอล่ะ”
“ฉันเห็นป้ายประกาศรับพนักงานพาร์ทไทม์ ก็เลยมาสมัครน่ะ เห็นว่าชานยอลทำที่นี่ด้วย ฉันคิดว่าคงดีถ้าได้ทำงานกับเพื่อน” เธอไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายโดยตรง แม้ว่าคนตัวสูงจะไม่ได้จ้องอย่างคนคาดคั้นเอาคำตอบก็ตาม “ชานยอลรู้สึกไม่ดีเหรอ”
“คิดมาก”
ใบหน้าหวานขึ้นสีจัด เพียงแค่อีกฝ่ายยีผมเธอเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ทิ้งไว้แค่ความรู้สึกอุ่น ๆ ในห้องเปลี่ยนชุด เด็กสาวริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ไม่ว่ากี่ครั้งปาร์คชานยอลก็ยังเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจเธออยู่เสมอ
.
.
กี่วันแล้วที่โลกของบยอนแบคฮยอนไม่มีรอยยิ้มของปาร์คชานยอลแต่งแต้มอยู่ เขาไม่ได้นับมัน ใจหนึ่งก็ไม่อยากรับรู้ว่าเขากำลังหัวเสียกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่อีกใจคงเป็นเพราะไม่ใช่เรื่อง เขาควรเลือกจำสิ่งดี ๆ มากกว่ามานั่งคิดว่าเราห่างเหินกันไปแล้วกี่วัน
แบคฮยอนเป็นคนใจเย็นกับบางเรื่อง แต่เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะโมโหเด็กคนนั้นเพราะข้อความแจ้งเตือนจากระบบของธนาคารพร้อมยอดเงินเข้าจำนวนหนึ่ง และอีกข้อความจากชานยอลที่ว่า
‘เงินจากเดือนที่แล้วยังพอเหลือใช้อยู่ ขอบคุณมากนะครับ’
และนั่นทำให้ผู้ชายวัยสามสิบสี่ทนไม่ไหว กดโทรออกไปโดยไม่รีรอจนกระทั่งอีกฝ่ายกดรับ เรามีปากเสียงกันเล็กน้อย ซึ่งมันล้วนแต่มาจากบยอนแบคฮยอนเท่านั้น
‘ทำไมถึงโอนกลับมา’
‘ผมยังพอมี--’
‘แล้วเดือนหน้าไม่จำเป็นต้องใช้หรือไง?’
‘...’
‘ฉันถามทำไมไม่ตอบ เธอเป็นอะไรของเธอ ปาร์คชานยอล?’
‘ขอโทษครับ’
‘มีเงินมากแค่ไหนถึงคิดว่าตัวเองกับน้องจะอยู่ได้จนถึงเดือนหน้าน่ะ ทำไมถึงงี่เง่าแบบนี้?’
‘ผมผิดเองครับ’
‘...’
‘ผมทำตัวแย่แบบนี้ คุณต้องว่านาน ๆ จนกว่าผมจะสำนึกนะ’
‘...’
‘จะว่ายังไงก็ได้ แต่ช่วยอยู่ในสายให้ผมได้ยินเสียงคุณอีกสักหน่อยได้ไหมครับ’
‘...’
‘แล้วหลังจากนี้ ผมจะเป็นเด็กดีของคุณ จะเชื่อฟังทุกอย่าง จะยืนอยู่ในที่ ๆ คุณอยากให้อยู่ จะไปหาแค่ตอนที่คุณบอกว่าหิวเท่านั้น’
‘...’
‘แบบนี้ได้ไหมครับ... ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว’
หลังจากวางสาย ผู้ชายอายุสามสิบสี่โง่ ๆ ก็ได้เรียนรู้ว่าความจริงแล้ว คนที่เป็นเด็กคือเขามากกว่าจะเป็นปาร์คชานยอล คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า หัวใจคนเรามันแค่กำมือเดียวเองไม่ใช่หรือไง ทำไมเจ้าเด็กยักษ์นั่นถึงทำร้ายมันซ้ำ ๆ แทนที่จะหาทางเยียวยาล่ะ
แต่ขึ้นชื่อว่าบาดแผล ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ...สุดท้ายมันก็เจ็บอยู่ดี
ใช่... เขารู้ แต่บยอนแบคฮยอนเลือกที่จะหลับตาวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง ไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกดีเมื่อใช้เวลาอยู่กับเด็กคนนั้น คนตัวเล็กพยายามถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทำไมถึงจูบ ซึ่งตอนนั้นแค่คิดว่าถ้าลองดูสักครั้งจะเป็นอย่างไร แต่มันก็เป็นเหตุผลโง่ ๆ เมื่อจิตใต้สำนึกก็มีความต้องการอยากทำอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน หากแต่มีความผิดชอบชั่วดีค้ำคออยู่ เหล้าก็แค่ตัวช่วยเพิ่มความกล้า และทำให้ความยับยั้งชั่งใจขาดหายไป
“แบคฮยอน”
“แบคฮยอน”
“นี่ แบคฮยอน?”
เจ้าของชื่อหลุดออกจากความคิด พลันมองไปยังแม่กับจูฮยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน และเขากับพ่อนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว แบคฮยอนยิ้มพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม หากแต่คนเป็นแม่กลับหัวเราะในท่าทีของลูกชาย
“ใจลอยไปไหนกันนะ”
“อย่าเอาแต่คิดเรื่องงานตอนนี้สิลูก”
“อ๊า จูฮยอนทนคบกับผู้ชายแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ หนูชินแล้วล่ะ”
คงมีแค่แบคฮยอนคนเดียวที่ไร้เสียงหัวเราะ เขามองไปยังผู้หญิงสองคนที่คุยกันอย่างถูกคอ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียนอยู่ พ่อกับแม่ชอบจูฮยอนทุก ๆ เรื่องจนอยากจับเธอมาเป็นลูกสะใภ้ และจัดงานแต่งงานให้เป็นกิจจะลักษณะ
“บ้านก็จะสร้างเสร็จแล้ว แม่ว่าเราหาวันไปดูฤกษ์วันจัดงานแต่งกันดีไหม?” แม่กุมมือจูฮยอน และหันมาถามความเห็นลูกชายที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว
หญิงสาวไม่ได้ตอบตกลงในทันที เธอยิ้มบาง ๆ และหันไปถามความเห็นคนรักบ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้แบคฮยอนคงยังไม่พร้อมที่จะให้คำตอบกับเรื่องใด ๆ ทั้งนั้น ตอนนี้เธอนึกเป็นห่วงแฟนหนุ่มมากเกินกว่าจะตอบตกลงจนดูเหมือนมัดมือชก
“เดี๋ยวหนูกับแบคฮยอนจะคุยกันอีกที ถ้าได้เรื่องยังไงจะรีบบอกคุณพ่อกับคุณแม่เลยค่ะ” จูฮยอนเป็นคนมีมารยาทและฉลาด เธอรู้ว่าควรพูดอะไรในเวลาไหน
ทั้งคู่อยู่กินมื้อเย็นกับพ่อและแม่ฝ่ายชาย ซึ่งหัวข้อสนทนาบนโต๊ะก็ยังคงเป็นเรื่องอนาคตของเด็กสองคนที่คบหากันมานานเป็นสิบปี ไม่ว่าจะเป็นบ้าน งานแต่งงาน หรือแม้แต่การวางแผนมีลูกกี่คน จูฮยอนมองไปยังคนรักที่ขานตอบบ้าง เงียบไปบ้าง ซึ่งมันผิดปกติจนเกินไปแล้ว
“ยังป่วยอยู่เหรอลูก วันนี้ไม่ค่อยพูดเลยนะ”
“ครับ? อ๋อ... เปล่าครับแม่”
“ขับรถนานคงปวดหัวมั้งคะ เดี๋ยวขากลับฉันขับให้นะ” จูฮยอนมองไปยังคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แววตาของแบคฮยอนที่มองมานั้น แน่นอนว่ามันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอพูดถึง แต่ก็ช่วยให้ตัดคำถามของคุณแม่ไปได้
รถคันสีดำขับเคลื่อนไปบนถนนเส้นยาว และจูฮยอนไม่ได้เป็นคนขับตามที่พูดไป หญิงสาวมองคนรักที่เท้าศอกกับประตู พิงศีรษะลงกับมือพลางทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ใช้มือขวาบังคับพวงมาลัยไปตามทิศทาง โดยไม่มีบทสนทนาระหว่างเราเกิดขึ้นในวันว่างที่นาน ๆ ครั้งถึงจะมีเวลาตรงกัน
เบจูฮยอนรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างเรา มันชัดเจนเกินไป ทั้งที่เมื่อก่อนเธอสามารถอ่านความคิดอีกฝ่ายได้เพียงแค่สบตากัน แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็ได้แค่รอว่าอีกฝ่ายจะพูดมันออกมาหรือไม่
เห็นทีว่าเธอควรจะเคลียร์ตารางงาน เพื่อให้เวลากับความรักของเราบ้าง
“แวะร้านจงอินก่อนนะ ฉันอยากดื่มกาแฟ”
“เดี๋ยวก็นอนแล้วไม่ใช่เหรอ จะดื่มทำไมอีก”
“แก้วเดียวเอง มันทำให้ฉันตาค้างไม่ได้หรอก” หญิงสาวยิ้มพร้อมผลักหัวอีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งแบคฮยอนก็มองมาอย่างเอาเรื่อง ขยับปากบ่นพร้อมง้างมือทำท่าจะสู้ ซึ่งนั่นเรียกรอยยิ้มจากจูฮยอนได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยบรรยากาศในวันนี้ก็ไม่แย่จนเกินไป
รถขับมาถึงที่หมายภายในครึ่งชั่วโมง จูฮยอนถอดเข็มขัดนิรภัยแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ เธอลงจากรถและเดินไปได้แค่สี่ก้าวก่อนจะหันหลังกลับ และพบว่าแบคฮยอนยังคงนั่งอยู่ข้างในโดยไม่คิดจะลงมาด้วยกัน พอเห็นอย่างนั้นเธอจึงย้อนกลับไปเปิดประตูรถพร้อมก้มตัวลงเล็กน้อย
“ไม่ลงมาด้วยกันเหรอ?”
“ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ”
“ทำไมล่ะ ชานยอลก็อยู่ข้างในนะ”
“รีบซื้อรีบมาเถอะ ฉันง่วง อยากกลับคอนโดไปอาบน้ำนอนแล้ว” จูฮยอนขมวดคิ้ว จิ๊ปากมองอีกคนที่ก้มหน้ากดมือถือราวกับว่ารำคาญ และนั่นเป็นคำตอบแล้วว่าบยอนแบคฮยอนไม่คิดจะดื่มอะไรสักอย่างจริง ๆ
“ไอ้บ้านี่” หญิงสาวขยับปากบ่นแล้วปิดประตูลง ก่อนจะตรงเข้าไปในร้าน
แบคฮยอนค่อย ๆ ละสายตาจากมือถือ เงยหน้ามองเข้าไปในร้านกาแฟสีโทนอุ่น ผ่านกระจกใสที่สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน จนเห็นว่าเด็กยักกำลังโค้งทักทายจูฮยอน ก่อนจะเข้าไปช่วยพนักงานหญิงถูพื้น และเก็บซากแก้วที่ลูกค้าทำหก
สองคนนั้นคงอายุเท่า ๆ กัน แบคฮยอนเผลอกำพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัวทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กสองคนที่กำลังยิ้มและหัวเราะด้วยกัน เขาไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกไม่พอใจแค่ไหน เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นพิงไม้ถูพื้นไว้กับผนัง ก่อนจะเข้าไปช่วยพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่หลุดจากข้อศอกให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“...”
เสียงประตูรถเหมือนเสียงดีดนิ้วเรียกสติให้อีกคนหลุดจากความคิด แบคฮยอนเบือนสายตาหลบไปอีกทาง พยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึกเหล่านี้ออกไปจากหัว พร้อมมองไปยังรถราบนถนน ได้ยินว่าจูฮยอนพูดถึงอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่สามารถจับใจความได้ จึงรีบเคลื่อนรถออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
.
.
แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความความเปลี่ยนแปลง กับความสัมพันธ์ที่ห่างเหินไปนานแต่อยู่ ๆ จูฮยอนก็ให้เวลาเขามากขึ้น และในขณะเดียวกัน ชานยอลก็ค่อย ๆ ห่างออกไปจนเหมือนว่าเราทั้งคู่กลับไปสู่จุดเริ่มต้น คือการส่งเงินให้ใช้ แต่ไม่ได้นัดเจอกันอีก
บยอนแบคฮยอนไม่มีความสุข กับการได้รับรู้เรื่องของอีกฝ่ายผ่านจูฮยอนหรือซูยอง ในขณะที่เขาเคยทำอย่างนั้นได้โดยที่ไม่ต้องถาม เพราะชานยอลมักจะบอกให้เขารู้ทุกเรื่องเป็นคนแรกอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หากพูดว่าขอโทษเรื่องวันนั้นแล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็จะกลายเป็นการให้ความหวังอีก
“วันนี้ชานยอลไปทัศนศึกษาที่คังวอนโดล่ะ”
แบคฮยอนหันไปมองรูปถ่ายบนหน้าจอมือถือของแฟนสาวที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ มันคือรูปเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในอินสตาแกรม แล้วเขาก็ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงมากมายในนั้น ไม่ว่าจะเป็นทรงผมที่เพิ่งตัดใหม่ ไปจนถึงชุดนักเรียนที่เปลี่ยนไปตามฤดู
“นึกถึงตอนนั้นนะ ที่นายมาสายแล้ววิ่งตามรถบัสเกือบไม่ทันน่ะ” จูฮยอนหัวเราะ พลางมองเสี้ยวหน้าคนรักที่ยังคงจดจ้องสายตาอยู่กับรูปถ่ายในมือถือ “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า เธอหิวหรือยัง?” เขาคืนมือถือให้ พลางเหยียดขาพาดกับโต๊ะ พร้อมหยุดสายตาอยู่กับรายการทีวีที่ไม่ได้น่าสนใจเลยสักนิด “โทรสั่งมากินดีไหม ฉันขี้เกียจออกไปข้างนอก”
จูฮยอนยิ้มบาง ๆ พลางสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มและยีเบา ๆ เหมือนอย่างที่ชอบทำ ซึ่งแบคฮยอนก็จับมือเธอไว้ ก่อนจะเอามาวางบนตักและสอดประสานเรียวนิ้วกันและกัน
หญิงสาวจ้องหน้าคนรัก เธอไม่รู้ว่ากำลังจับผิดหรือแค่อยากมองอีกฝ่ายนาน ๆ กันแน่ แบคฮยอนหันมาสบตากัน จูฮยอนจึงหยุดความคิดทุกอย่างเพียงแค่เห็นดวงตาเศร้าหมอง จนกระทั่งอีกฝ่ายเลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบ
ทุกอย่างเนิบนาบค่อยเป็นค่อยไป หญิงสาวทอดกายลงนอนราบบนโซฟาพร้อมรั้งท้ายทอยอีกฝ่ายลงมาด้วยกันโดยที่ยังไม่ละริมฝีปากออกห่าง เมื่อก่อนเธอไม่สามารถแยกแยะคำว่าเซ็กส์กับความรักออกจากกันได้ เมื่อสมัยที่เรายังเป็นวัยรุ่น การมีเซ็กส์ทุกครั้งต้องเกิดจากความรัก แต่เชื่อเถอะว่าทุกวันนี้เราทั้งคู่คงแยกมันออกจากกันได้ง่าย ๆ ว่าบางครั้งเราก็แค่อยากปลดปล่อยความต้องการมากกว่าให้เป็นเรื่องแสดงความรัก
หญิงสาวหลับตา เชิดหน้ารับสัมผัสจากปลายจมูกและริมฝีปากที่กดจูบต่ำลงไปตามลำดับ เสื้อยืดตัวโคร่งถูกถลกขึ้นเหนือเนินอก ตามด้วยบราลูกไม้ที่ถูกปลดด้วยมือเดียว พร้อมความรู้สึกตื่นตัวกับโพรงปากอุ่นร้อน
กางเกงสกินนี่ถูกร่นลงไปจนถึงหัวเข่า ซึ่งเธอก็ยกขาขึ้นเพื่อช่วยถอดอย่างรู้งาน จูฮยอนคงไม่ปล่อยให้เสียเวลามากไปกว่านี้ เธอยันตัวลุกขึ้นช่วยอีกฝ่ายปลดกางเกงออกและทำในสิ่งที่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องพอใจด้วยปาก
จูฮยอนคิดว่าแบคฮยอนคงเครียดกับอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นงานที่ทำอยู่ หรือความกังวลเกี่ยวกับชีวิตหลังแต่งงานซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นโดยเพื่อนสนิทอย่างคิมจงอิน เธอจึงอยากช่วยผ่อนคลายด้วยเซ็กส์ ซึ่งมันได้ผลดีสำหรับผู้ใหญ่ที่ชีวิตมีแต่งานอย่างเราทั้งคู่
หญิงสาวส่งเสียงติดขัดเมื่อชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวบนร่างกายเธอ ปรือตามองใบหน้าเคร่งเครียดซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นจากความรู้สึกดี ๆ กับสิ่งที่เราทำร่วมกันอยู่ แบคฮยอนไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้ก้มหน้าก้มตาทำและเริ่มรุนแรงขึ้น
เสียงเครื่องมือสื่อสารสั่นบนโต๊ะแก้วดับฝันทั้งคู่อีกครั้ง หากแต่คราวนี้กลับเป็นของฝ่ายชายมากกว่าศัลยแพทย์ซึ่งมักจะถูกโรงพยาบาลโทรตามอยู่เสมอ แบคฮยอนไม่ได้รับสายในทันที เขายังเคลื่อนกายพร้อมขบกรามแน่น หากแต่เสียงเรียกเข้าก็ยังดังไม่หยุด จนกระทั่งเขาทนไม่ไหว
ซูยอง...?
หญิงสาวมองคนรักที่ถอนกายออกแล้วกดรับสาย เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมมองแผ่นหลังที่นิ่งงัน ในขณะเสียงคนในปลายสายยังพูดกรอกเข้ามาไม่หยุด เสียงจากทีวีจอแบนทำลายความเงียบในโถงกว้างด้วยข่าวอุบัติเหตุ ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองภาพที่ฉายบนจอพร้อมคำบรรยาย ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
เธอยังไม่ทันได้ถามเลยด้วยซ้ำ อยู่ ๆ แบคฮยอนก็ก้มลงคว้ากางเกงขึ้นมาใส่อย่างลนลาน ก่อนจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าเงินกับกุญแจรถ
“แบคฮยอน!”
ผู้ชายคนนั้นไม่คิดจะหันมาขานตอบเลยสักนิด หญิงสาวมองประตูห้องที่ปิดลงพร้อมความว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่เบจูฮยอนถูกทิ้งกลางคันขณะมีเซ็กส์กัน ซึ่งก็คงไม่ใช่การแก้แค้นของหมอนั่นหลังจากเป็นฝ่ายถูกปล่อยให้ค้างอยู่ตลอด
หญิงสาวมองไปยังจอทีวีที่ยังคงฉายข่าวเดิม พร้อมสภาพรถบัสโรงเรียนที่แหกโค้งคว่ำข้างทางและรถกู้ภัยหลายคันที่เพิ่งไปถึงสถานที่เกิดเหตุ จูฮยอนยกมือขึ้นป้องปาก เมื่อพบว่าหน่วยกู้ภัยหลายนายกำลังช่วยพาร่างเด็กออกมาจากรถทีละคน ซึ่งชุดนักเรียนนั้น...
“ชานยอล...”
.
.
หัวใจไม่เคยเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน... ไม่เคยเลย...
บยอนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนจะสติแตก เพียงเพราะการเดินทางมาโรงพยาบาลนั้นไม่ได้อย่างใจ คนตัวเล็กจอดรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านใน หันซ้ายขวาเพื่อหาทางไปห้องฉุกเฉินพร้อมกดโทรหาเบอร์เดิมอย่างต่อเนื่อง
หัวใจเหมือนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว มือทั้งสองข้างมันเย็นและสั่นไปหมดกับความกลัวที่รุกรานจนเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง ภาพอุบัติเหตุในข่าวเมื่อครู่ยังคงติดตา ซึ่งถ้าเจ้าเด็กยักษ์รับสายเขาบ้างก็คงดี
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...’
แบคฮยอนกวาดสายตาไปรอบตัว ที่นี่มีผู้คนมากมายทั้งคนไข้และญาติที่มาเยี่ยมเยียน สองขายังคงวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ก่อนจะพบนักเรียนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสภาพแต่ละคนดูไม่สู้ดีนัก บางคนเพิ่งถูกเข็นออกมาพร้อมสายน้ำเกลือ และบางคนนั่งอย่างอิดโรย กับบาดแผลและคราบสกปรกบนชุดนักเรียน
คนตัวเล็กหยุดฝีเท้าทั้งที่ยังกดโทรหาเบอร์เดิม แม้จะได้ยินเสียงโอเปอร์เรเตอร์พูดกรอกหูซ้ำ ๆ นับครั้งไม่ถ้วนว่าต่อให้ตายอย่างไร ปาร์คชานยอลก็คงไม่มีทางรับสายได้ แต่แบคฮยอนก็ยังคงโทร พร้อมเดินเข้าหานักเรียนกลุ่มนั้น หวังจะได้เห็นเจ้าเด็กยักษ์นั่นยังปลอดภัยดี
แต่ดูเหมือนว่าความหวังจะริบหรี่ แบคฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่สามารถกลั้นไว้ได้ เมื่อพบว่าไม่มีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น เขาพร่ำบอกกับโทรศัพท์ที่แนบอยู่ข้างหู บอกให้เด็กคนนั้นรับสายสักที ก่อนที่เขาจะเป็นบ้าไปเสียก่อน
“...”
แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นที่บยอนแบคฮยอนรู้สึกว่าถูกฉุดเอาไว้ก่อนจะตกลงไปตายในเหวลึก เมื่อตอนนี้คนที่เขามองหากำลังเดินออกมาพร้อมเพื่อนอีกสองคนซึ่งได้รับบาดเจ็บไม่ต่างกันนัก
แบคฮยอนเพิ่งรู้ว่าตัวแข็งจนก้าวขาไม่ออกเป็นอย่างไร ก็ตอนที่เห็นว่าชานยอลกำลังมองมาทางนี้ พร้อมรอยแผลที่ถูกพันรอบขมับด้วยผ้าก๊อซ เราทั้งคู่ยืนอยู่ห่างกันราว ๆ ห้าเมตร ในขณะที่ความรู้สึกของเราเหมือนอยู่ไกลกันคนละซีกโลก
นักข่าวและตากล้องกลุ่มหนึ่งกรูเข้าไปหานักเรียนกลุ่มนั้นที่ยังสามารถให้สัมภาษณ์ได้ ในขณะที่บางคนแขนหักขาหักจนต้องเข้ารับการรักษาและนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล ชานยอลและเพื่อน ๆ กลุ่มนั้นกำลังถูกรุมถามถึงความรู้สึกหลังรอดพ้นจากความตาย ซึ่งเขาคงไม่สามารถเข้าไปแทรกกลางได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร
เราเพียงแค่สบตากัน อย่างน้อยก็โล่งอกแล้วที่เจ้าเด็กยักษ์ปลอดภัย แบคฮยอนคิดว่ารอยยิ้มของเขาที่ส่งไปยังอีกฝ่ายคงโง่น่าดู แต่มันก็คงดีกว่าการปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เพราะความอึดอัดใจที่สะสมมาหลายอาทิตย์และเรื่องอุบัติเหตุเมื่อครู่
คนตัวเล็กไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นนัก เมื่อตอนนี้ชานยอลกำลังดันนักข่าวออกให้พ้นทางโดยที่ยังไม่ละสายตาออกจากเขา และปล่อยให้คนที่เหลือให้คำสัมภาษณ์ไป เด็กตัวสูงกำลังตรงมาทางนี้ จนระยะห่างเราเหลือเพียงสองก้าวเท่านั้น
เขามองใบหน้ามอมแมมกับบาดแผลที่ยังมีเลือดซึมออกมา แววตาของเด็กคนนี้ยังคงเศร้าหมองไม่ต่างจากวันนั้น วันที่ทำให้บยอนแบคฮยอนกลายเป็นคนใจร้ายที่สุดในโลก ปลายจมูกโด่งขึ้นสีระเรื่อพร้อมดวงตาที่สั่นเครือ เราสบตากันเพียงแค่นั้น ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ
บยอนแบคฮยอนวิ่งไม่เก่งเอาเสียเลย ...โดยเฉพาะการวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง
คางมนเกยลงบนไหล่กว้าง สิ่งเดียวที่มองเห็นได้ในตอนนี้ก็คือแสงไฟบนเพดานเท่านั้น วงแขนแกร่งกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นราวกับกลัวว่าจะถูกผลักออก แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเขาหรือชานยอลกันแน่ที่กำลังตัวสั่นอยู่
“ผมคิดว่าจะไม่ได้กลับมาเจอคุณอีกแล้ว...”
“...”
เสียงกระซิบข้างหูนั้นเบาหวิว แขนทั้งสองข้างของคนถูกกอดยังคงวางอยู่ข้างตัว กล้า ๆ กลัว ๆ กับความคิดมากมายในหัวที่คนอายุสามสิบสี่จำเป็นต้องตระหนัก
“อย่าเพิ่งผลักผมออกนะ ให้ผมกอดคุณต่ออีกสักนิด”
ทำไมถึงเจ็บได้ถึงขนาดนี้? หัวใจที่เต้นแรงเพราะความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายและความหวาดกลัวกำลังผลักดันให้มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ยกขึ้น แบคฮยอนชั่งใจอยู่หลายวินาที จนกระทั่งเขามีความกล้ามากพอที่จะกอดตอบอีกฝ่าย
“ฉัน... ขอโทษ”
“ช่างมันนะครับ... ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“ขอโทษ...” ยิ่งอีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ยิ่งเสียใจ แบคฮยอนลูบหลังคนตรงหน้าอย่างเบามือ ทั้งเป็นการปลอบใจ และขอโทษไปพร้อม ๆ กัน
เราเอาแต่พร่ำบอกคำว่า ‘ขอโทษ’ ในช่วงเวลาที่อยาก ‘ขอบคุณ’ อีกฝ่ายมากที่สุด แบคฮยอนอยากขอบคุณที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัย เพราะเขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต โดยไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เลย ถ้าหากไม่มีโอกาสได้ทำดีกับคนตรงหน้าอีก
ในขณะที่ชานยอลอยากขอบคุณที่คนตัวเล็กยอมยืนนิ่ง ๆ ให้เขากอด เพื่อชะล้างความเจ็บปวดมากมายในใจออกไป ซึ่งไม่มีใครบนโลกนี้ทำแทนได้ อย่างน้อยก็แค่ตอนนี้ที่ขอให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง หลังจากพยายามฝืนใจอยู่ห่าง ๆ เพื่อให้คุณแบคฮยอนสบายใจ
ขอบคุณ... ที่ไม่วิ่งหนีความรักของเด็กผู้ชายคนนี้ไปอีกครั้ง
TBC
ที่เห็นเป็นบ้า เล่นมุก 5บาท 10บาทในทวิต ก็เขียนฉากพวกนี้อยู่
ความคิดเห็น