คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 07 :: His Reason
Chapter 7
His Reason
แกร่ก ๆ ๆ ๆ
“Mid มาสามมี Enigma อยู่ในป่าอีกตัวนึง” นิ้วเรียวยาวกดปุ่ม Hot Key อย่างชำนาญ สายตาจับจ้องอยู่กับจอมอนิเตอร์ปากก็ขยับรายงานสถานการณ์ในเกมที่กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่ว หน้าขวานเมื่อตอนนี้ทีมของคิมจงอินกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“มา All Mid ได้แล้วเดี๋ยวกูเปิดแล้วมึงเก็บ Enigma ก่อนที่มันจะได้อัลตินะแทมิน”
( เค เดี๋ยวกู Blink เข้าไป )
ไวเท่าความคิด ฝั่งตรงข้ามไม่รอนานจนเกินไปก็ทำการบุกรุกเข้ามาในเขตกลางทั้งที่ทีมของเขายังมาไม่ครบ จงอินขมวดคิ้วส่วนมือก็บังคับตัวละครไปบวกกับศัตรูโดยที่มีเพื่อนตามมาสมทบอย่างรู้งาน ภาพในจอชลมุนไปหมด Effect Skill เป็นสิบมั่วซั่วชนิดว่าถ้าการ์ดจอเหี้ยคงได้ค้างกันไปข้าง
GODLIKE!!! HOLY SHIT!!
“ไป ๆ” พูดผ่านไมค์อย่างจริงจังแล้ววิ่งนำเพื่อนร่วมทีมที่เหลืออยู่สองคนไปข้างหน้าเมื่อฝั่งตรงข้ามตายเรียบเป้าหมายคือป้อมหน้าบ้านที่พวกเขาควรตีให้แตกเพื่อดึงเกมกลับมา
แม้ว่าจะเหลือเลือดกันไม่ถึงครึ่งหลอดแต่ถ้ามากับ Void ผู้โหดสัดอย่างคิมจงอินแล้วล่ะก็ต่อให้พวกมันเกิดมาทีละตัวในตอนนี้ก็จัดการได้ง่าย ๆ ร่างหนายกยิ้มมุมปากเมื่อป้อมหน้าบ้านแตกในเวลาอันรวดเร็วด้วยฝีมือ Carry ทั้งสองคนและเป้าหมายต่อไปคือป้อมกลาง
“ว่าไงครับ NOOBBBBBBBBBBBBBBBBBBB” ชนะแล้วต้องปากดี มันคือคติประจำใจของคิมจงอินที่นับว่าเป็น Skill ติดตัวมาแต่ชาติปางไหน ศัตรูฝั่งตรงข้ามได้เพียงแค่จุดจุดจุดกลับมาเพราะความพ่ายแพ้จุกอก
สองมือปล่อยเมาส์กับคีย์บอร์ดแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้โซฟา ถึงจะไม่สะดวกสบายเท่าเก้าอี้ที่บ้านแต่คอมพ์ของไอ้ชานยอลก็พอช่วยถีบความหงุดหงิดไปจากสมองเขาได้อยู่
ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ชานยอลมันไม่อยู่บ้านไม่งั้นคงลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ แล้วสาระแนโชว์ภูมิให้เขาออกของอย่างนั้นออกของอย่างนี้อีก เขาเริ่มเล่นเกมนี้ตั้งแต่ไอ้เด็กนั่นตัวเท่าลูกหมากล้าดียังไงริอาจมาสั่งสอน จริงอยู่ที่คิมจงอินเป็นคนรักเด็กแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องรักเด็กที่โตเป็นควายแถมสูงกว่าอย่างมันนี่ครับ
หยิบแก้วพลาสติกสูงขึ้นมายกซดแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อในแก้วเหลือเพียงแค่น้ำแข็งก้อน ทั้งที่ก่อนเริ่มเกมใส่โค้กมาเต็มแก้วทำไมมันหมดเร็วจังวะ
“พวกมึงเล่นไปก่อนเลย เดี๋ยวกูมา” บอกเพื่อนร่วมทีมแล้วถอดหูฟังพ่วงไมค์วางไว้บนโต๊ะก่อนจะพาร่างพร้อมแก้วน้ำออกไปข้างนอก ได้ยินเสียงทีวีเจื้อยแจ้วอยู่ในห้องนั่งเล่นและจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนตัวเตี้ยของเขาที่กำลังจริงจังกับซีรี่ย์อยู่
“ห่าเอ๊ย โง่แบบนี้มึงก็ยังได้เล่นเป็นพระเอกเนอะ” จงอินกดน้ำแข็งหน้าตู้เย็นแล้วหันไปมองคนที่กำลังสบถด่าซีรี่ย์อย่างเหลืออดอยู่คนเดียว ได้ยินบทสนทนาเรียกน้ำตาในทีวีแล้วก็แค่นหัวเราะอยู่ มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าถ้าต้องพูดคำว่า ‘ตราบใดที่ผมยังหายใจ ผมจะไม่มีวันรักคุณเด็ดขาด’ ในชีวิตจริงดูดิ แม่งคงขำโหนกสั่นก่อนจะดราม่า
“แบคฮยอน โค้กหมดแล้วเหรอวะ”
“ขวดลิตรที่มึงกระหน่ำแดกไปก่อนหน้านี้คือขวดสุดท้ายที่บ้านกูจะมีให้” แม้แต่ตอนพูดกับเพื่อนก็ยังไม่คิดจะหันมามองหน้ากัน มึงจะทำตัวเป็นแม่บ้านติดซีรี่ย์เกินไปแล้วนะแบคฮยอน
“แล้วมีน้ำอื่นไหม”
“มี น้ำเปล่า”
“กูหมายถึงน้ำที่ทำให้กูรู้สึกสดชื่นได้เช่นเซเว่นอัพ มิรินด้า โออิชิอะไรเทือก ๆ นั้นน่ะ”
“หมดแล้ว กูยังไม่ได้ไปซุปเปอร์”
“โห นี่มึงควรจะใส่ใจตู้เย็นบ้างนะ รู้ไหมว่าสิ่งที่ควรมีติดไว้ตลอดเวลาคืออะไร? โค้กไงครับโค้ก” จงอินพูดอย่างหัวเสียแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ เพื่อนตัวเตี้ยขณะคั่นโฆษณา แบคฮยอนก้มลงมองแผนการสอนที่วางอยู่บนตักอย่างตั้งใจเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ทำเป็นเห่อ สึด
“โค้กเขาเอาไว้ขัดห้องน้ำ ไม่มีประโยชน์ห่าอะไรกับชีวิตเลยสักนิดแถมกัดกระเพาะอีก แดกไปเพื่ออะไรหาสาระไม่ได้”
“แต่มึงก็ซื้อมาให้หลานแดก”
“กูเผลอได้ไหมล่ะ ตอนเดินเลือกของก็ไม่ได้หยิบใส่ตัดภาพมาอีกทีตอนจ่ายเงินแม่งยกมาเป็นลัง กูอยากรู้นักว่าแม่งเจ้าเล่ห์ได้ใคร” แบคฮยอนบ่นอุบอิบเพียงแค่นึกถึงไอ้เด็กหูกาง จะว่าไปไอ้หลานนรกก็หายหัวไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ ถ้าไม่ติดว่าไปกับไอ้เซฮุนล่ะมึงเอ๊ยมีขี้หูเต้นระบำ
“เอาเถอะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แบคฮยอนหรี่ตามองเพื่อนผิวคล้ำที่กำลังทำหน้าตัดพ้ออย่างงง ๆ “กูจะไปเซเว่น”
“จ๊ะ”
“ถ้าเซฮุนโทรมาบอกว่ากูไม่อยู่นะ”
“กูคงไม่วิ่งตามไปที่เซเว่นเพื่อการนั้นหรอกวางใจได้” ได้แต่ทำหน้าเนือยใส่มันครับ มึงสองคนจะตบจะตีจะบี้จะบวกกันยังไงก็เชิญเถิด
จงอินยักไหล่แล้วเดินออกมาจากบ้าน เดินล้วงกระเป๋ากางเกงทอดน่องไปตามทางพลางผิวปากเบา ๆ ถึงเซเว่นจะอยู่แค่ปากซอยแต่เขาก็ต้องบำบัดตัวเองให้อารมณ์ดีเพราะคิมจงอินไม่ชอบการรอคอยสักเท่าไหร่น่ะครับ
แอร์เย็นสาดเข้าหน้าทันทีที่ประตูเซเว่นเลื่อนออก เป้าหมายคือบิ๊กกัฟแก้วใหญ่ซึ่งมันจะกลายเป็นเพื่อนซี้คู่ใจให้ตลอดทั้งคืนในการตีดอท กดโค้กจนเต็มแล้วเดินวนรอบเซเว่นรับแอร์สักหน่อย ยกซดซักครึ่งแก้วแล้วค่อยกลับไปเติมเอาให้คุ้มค่า
หยุดยืนตรงโซนนิตยาสาร ดารานางแบบชายหญิงต่างวาดลวดลายเซ็กซี่บนปกและหนึ่งในนั้นที่ทำให้เขาเบ้ปากได้ก็คือนิตยาสารแฟชั่นวัยรุ่นที่โอเซฮุนเป็นนายแบบหน้าปก หยิบขึ้นมาดูแล้วยกซดย้อมใจอีกอึกนึง พออ่านคอลัมน์เล็ก ๆ แล้วก็บุ้ยปากกับบทสัมภาษณ์ที่ตอแหลสุดชีวิต
‘รักแรกของโอเซฮุน?
A: ผมเจอเธอที่สวนสาธารณะครับ ตอนนั้นผมเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จ เราสองคนบังเอิญเดินชนกันจนของในมือเธอตกลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมด ผมช่วยเธอเก็บของหลังจากนั้นก็ไปส่งเธอที่บ้าน ย่าห์ เธอน่ะ...ถ้าอ่านเจอข้อความนี้ก็รู้ไว้ด้วยนะว่าฉันคิดถึงเธอมาก...ยัยบ๊อง (ยิ้มเขิน)’
“สวนสาธารณะเหี้ยไร มึงบอกว่าเริ่มชอบกูตอนชู๊ตสามแต้มได้ครั้งแรก” บ่นอุบอิบแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันไปเห็นเด็กสาวหน้าเนิร์ด ๆ ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่จะซื้อเปล่า ถ้าไม่ซื้อหนูขอ”
“อะไร”
“เซฮุนโอป้าในมือพี่ไง”
“อ้อ...” จงอินแค่นหัวเราะแล้วมองนิตยาสารในมือ มึงนี่ขายได้แต่กับติ่งหูจริง ๆ นะที่รัก “ซื้อไปทำไม เปลืองเงินทิ้งเฉย ๆ ”
“ยุ่งอะไรด้วย เงินหนูอ่ะ” ได้ยินแบบนี้ถึงกับขึ้นครับ เด็กสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด คลั่งผู้ชายจนต้องลงทุนมายืนทะเลาะกับรุ่นพี่ที่ห่างกันเกือบวนรอบแบบนี้เลยเหรอวะ!!!
“ไม่ มันไม่ใช่เงินเธอ มันคือเงินของพ่อแม่เธอต่างหาก แล้วนี่ออกบ้านหลังสามทุ่มไม่คิดว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงบ้างเหรอ ไอ้นิตยาสารเฮงซวยนี่มันคุ้มค่ากับความปลอดภัยของเธอไหมถ้าเกิดขากลับโดนฉุดกระชากลากไปข่มขืน คิดว่านิตยาสารเล่มนี้มันจะปกป้องเธอจากภัยอันตรายได้หรือไง ดูสิมันมีอะไรบ้าง? ก็แค่โอเซฮุนอยู่หน้าปกกับเนื้อเรื่องประสบการณ์รักครั้งแรกสั้น ๆ หน้าเดียวกับรูปมุ้งมิ้งสามหน้าถ้วน แล้วดูราคาดิ ขายแพงแบบนี้กะรวยเท่าประธานาธิบดีสหรัฐเลยไหม เธอน่ะรีบกลับบ้านไปเลย” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คิมจงอินจะแรปยาวได้ขนาดนี้ แต่ต้องยกความดีความชอบให้กับเพื่อนสนิทอย่างแบคฮยอนที่มักจะด่าหลานให้ฟังอยู่เสมอจนซึมซับมาเยอะ
“หนูจะเอา” เด็กสาวแบมือออกมา เด็กนี่รั้นอะไรนักหนาวะ โอเซฮุนมันมีดีอะไร๊
“ไม่ - ให้” พูดจบก็เอานิตยาสารแนบอกพร้อมเชิดหน้าผงาด จงอินเฟดตัวออกมาจากตรงนั้นและไม่ลืมที่จะไปกดบิ๊กกัฟเพิ่มให้เต็มแก้วก่อนจะไปจ่ายเงิน ได้ยินเสียงด่าพ่อตามหลังมาไหว ๆ แต่ใครจะแคร์ครับ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เด็กวัยต่อต้านต้องเจอครูไม่มีงานทำอย่างคิมจงอิน!!
“สามสิบแอคแล้วนะพี่” <- ชานยอล
“หิวแล้วอ่ะ พี่เซฮุนสั่งพิซซ่าได้ไหม” <- เทา
ประโยคขอร้องเข้าโสตประสาทอย่างชัดเจนแม้ว่าทั้งสองมือกำลังเล่นคุกกี้รันอย่างบ้าคลั่ง เด็กหนุ่มทั้งสองคนนั่งง่อยอยู่หน้าโน๊ตบุ้ค มือนึงเลื่อนสกอร์เมาส์อีกมือเท้าคางอย่างหน่าย ๆ มันนานเป็นชั่วโมงแล้วนะที่เขาทั้งสองคนมานั่งสมัครแอคเคาน์ทวิตเตอร์ใหม่ตามที่เซฮุนบอก
“เออน่า ทำไปก่อน นี่จะห้าล้านแล้ว”
“กว่าจะครบสองร้อยแอคคงตีห้าแหง” ชานยอลบ่นเบา ๆ ถ้าเป็นแบคฮยอนสั่งมีหรือเขาจะมานั่งทำอะไรแบบนี้ เซฮุนวางสมาร์ทโฟนลงแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง ส่งสายตาหงอย ๆ ไปยังหลานชายเพื่อนเพื่อเรียกคะแนนสงสารและมันก็ได้ผล ปาร์คชานยอลถึงกับเงียบกริบ
“พี่รบกวนแกมากไปใช่ไหม”
“เฮ้ยเปล่านะเปล่า กับพี่เซฮุนผมเต็มใจช่วยเสมอนั่นแหละ จริงป่ะวะ” หันไปขอความเห็นจากเพื่อนที่นั่งปรือตาง่วงเต็มที เทาพยักหน้าช้า ๆ แล้วเบ้ปาก
“หิวอ่ะ”
“โทรสั่งพิซซ่าเลย อยากกินอะไรก็สั่งมาขอแค่พวกแกช่วยฉันให้เสร็จ”
“ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะก่อนสมัครทวิตมันต้องสมัครอีเมลล์ก่อนไงพี่ ก็เสียเวลาตรงเนี้ย” ชานยอลว่า “แล้วถ้าแผนไม่สำเร็จล่ะพี่เซฮุน? เกิดมีคนจับได้ว่าฟลว.ทั้งหมดเป็นฟอลฟรีจะทำยังไง”
“จะบอกอะไรให้ มาตรฐานของคนขี้เสือกเบื้องต้นเขาไม่สนใจกดเข้าไปส่องดูหรอกว่าฟลว.มึงมีใครบ้าง มันดูแค่ตัวเลขเว้ย”
“แล้วมันจะได้ผลเหรอ”
“ได้ผลดิ...แต่เดี๋ยวนะ” เซฮุนดีดนิ้วดังเป๊าะ “กูคิดออกละ” เด็กทั้งสองคนมองไอดอลด้วยความสงสัยก่อนที่เซฮุนจะขยับตัวมานั่งแทรกกลาง เด็กม.ปลายถึงกับตาสว่างเมื่อได้กลิ่นที่ไม่มีขายตามตลาดทั่วไปอย่างน้ำหอม cc ละสองบาท
นี่แหละ กลิ่นกายของดารา!!!
“ชานยอล ทวิตมึงแอคไหน”
“@real__pcy” พูดพร้อมกับกดเข้าไปดูแอคทวิตซึ่งมีจำนวนฟอลโลวเวอร์อยู่ประมาณหมื่นกว่าคนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกสาว ๆ ในเน็ตที่ชอบตามมากดไลค์รูปใน IG เขาทั้งนั้น
“แล้วมึงล่ะเทา”
“@pandaaaaa_qingdao พีเอเอ็นดีเอเอเอเอเออันเดอร์สกอร์คิวไอเอ็นจีดีเอโอ แพนด้าอ้าอ้าอ้าอ้าอ้าชิงเต่า” เซฮุนค้างท่านั้นแล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองหลานเพื่อนที่นั่งทำหน้าเอือมไม่ต่างจากเขาอยู่ข้าง ๆ
“เอาเถอะ ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป” ไอดอลหนุ่มพูดปลง ๆ ก่อนจะสะกิดให้ชานยอลล็อกอินแอคเคาน์ส่วนตัวซะ
“มึงอัพทวิตไปว่า ‘ผมเคยเห็นตัวจริงแอดมินคาอิ เคยไปนั่งกินกาแฟด้วยกันครั้งนึงแต่ไม่กล้าถ่ายรูปเธอเพราะเขิน (1)’ แล้วติดแท็ก #แอดมินคาอิโรคจิตชีวิตซาแซง ด้วย” ชานยอลขมวดคิ้วเหล่มองเพื่อนน้าชายตัวเองที่กำลังพยักหน้าบอกให้เขาเร่งมือทำเดี๋ยวนี้ “ทวิตต่อไป ‘ไม่ได้อวดนะครับแต่ผมกับแอดมินคาอิเคยคุยกับพี่เซฮุนจริง ๆ และการที่แอดมินคาอิตามถ่ายรูปแบบนั้นพี่เซฮุนก็ไม่ได้ว่าอะไร บางครั้งเขายังบอกให้ผู้จัดการส่วนตัวเรียกแท็กซี่ให้เธอกลับบ้านอยู่เลย (2)’ เออ พิมพ์เร็วดีว่ะ” ไอดอลหนุ่มมองนิ้วเรียวของไอ้เด็กตัวสูงที่พิมพ์ตามทุกคำที่เขาพูดอย่างรวดเร็วโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ถ้าผู้จัดการลาออกกูจะจ้างมึงนะชานยอล
“ใครคือแอดมินคาอิเหรอพี่เซฮุน” เทากอดหมอนแล้วเอาคางเกยลงไปขณะจ้องจอโน๊ตบุ้คอยู่
“เขาเป็นคนดีที่ถูกสังคมแอนตี้เพราะฉันไง”
“โห โลกนี้โหดร้ายเนอะ” อยากจะตอแหลต่อแต่พอได้ยินคำตอบของมันแล้วก็เหนื่อยใจ เซฮุนพยักหน้าแบบขอไปทีแล้วหันไปสนใจกับโน๊ตบุ้คต่อ
“ต่อไป ‘ผมไม่เห็นด้วยเลยที่พวกคุณรุมทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนึง แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่โลกโซเชียล...แต่บางทีโลกนี้มันอาจจะเป็นทั้งหมดในชีวิตเธอก็ได้ ทุกคนครับ...ที่คาอิจังทำไปไม่ใช่เพราะอยากให้พวกคุณรับรู้เรื่องราวของพี่เซฮุนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนที่พวกคุณรักหรอกเหรอครับ? (3)’ อย่าลืมติดแท็กตามหลังทุกครั้งนะ อ้าวเกิน 140 ตัวอักษรเหรอ เรียบเรียงประโยคใหม่ ๆ”
ดูเหมือนว่าตอนนี้ไอดอลหนุ่มจะจริงจังกับการแก้ต่างให้แฟนคลับเหลือเกินซึ่งปาร์คชานยอลรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจ ไม่เสียแรงที่ติ่งมาตั้งแต่ขนหน้าแข้งยังไม่ขึ้นจนตอนนี้มันยาวหงอกเป็นเถาวัลย์หน้าอาคารสามแล้ว
แต่คำถามนึงที่ไม่กล้าถามออกไปคือเรื่องส่วนตัวของไอดอลที่เคารพ ว่าทำไมคราวนี้พี่เซฮุนถึงยอมปล่อยให้พี่จงอินไปค้างอ้างแรมที่บ้านเขาได้โดยที่ไม่ตามไปจิกหัวกลับบ้าน จะถามก็ไม่ได้เพราะไอ้ห่าเทานั่งอยู่ตรงนี้ แน่นอน...เรื่องของพี่เซฮุนกับพี่จงอินเป็นความลับที่ย้ำบอกเขาอยู่เสมอว่า ‘มีแต่คนสำคัญเท่านั้นที่รู้ นั่นหมายความว่ากูไว้ใจมึง และถ้าเอาไปบอกคนอื่นล่ะก็มึงจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกูทันที’ ซึ่งปาร์คชานยอลไม่ต้องการเป็นอย่างนั้น
“ไงต่อพี่”
“เซลฟี่กับกู” เซฮุนคว้าไอโฟนสีดำของเด็กหนุ่มที่วางอยู่ข้างโน๊ตบุ้คขึ้นมาสไลด์จอ
“รหัส1127” ไม่ต้องรอให้ไอดอลถามก็รีบบอกรหัสเข้าเครื่องทันที เซฮุนยกยิ้มกับความฉลาดของไอ้เด็กหูกางอย่างพอใจ
“เฮ้ย~ ผมถ่ายด้วย ๆ ๆ ๆ ” เทาเสนอหน้าเข้ามาและเซฮุนก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งกลับกันแล้วร่างบางยังขยับที่ให้พอดีในการเซลฟี่สามคนอีกด้วย
“เดี๋ยว” ยังไม่ทันกดถ่ายรูปเด็กสองคนที่ชูสองนิ้วคาดตาตัวเองก็ยิ้มเก้อ ชานยอลหันไปมองไอดอลที่นิ่งอยู่ท่านั้นแล้วก็มึนตึ้บ
“เป็นไรอ่ะพี่”
“กูว่ามันไม่ใช่ละ ถ่ายรูปมุมนี้เขาก็รู้หมดดิว่าเราสามคนอยู่ในบ้าน”
“เออใช่ พวกแฟนคลับคงคิดว่าผมมาบ้านพี่แน่ ๆ” ต่อให้เขาอัพทวิตไปอย่างนั้นแต่มันก็ไม่เข้าท่าถ้าจะประกาศให้โลกรู้ว่าสนิทกับเซฮุนมากเท่าไหร่
“มึงนี่ฉลาด คิดซิว่าเราควรถ่ายมุมไหน” ถึงจะจบครูมาแต่โอเซฮุนก็ไม่ชอบใช้สมองเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น ชานยอลลูบคางพลางใช้ความคิดแล้วก็ลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
“ผมจำได้ว่าพี่เคยเซลฟี่ในห้องนอนแล้วก็ห้องที่มีเปียโนกับตรงมุมนั้น” ชานยอลชี้นิ้วไปซึ่งทำให้ไอดอลหนุ่มอึ้งอยู่ไม่น้อย นี่มึงจำรายละเอียดกูได้ทุกอย่างขนาดนั้นเลยเรอะ
“ห้องน้ำไงห้องน้ำ!” เทาเสนอความคิด
“เออว่ะ กูยังไม่เคยเซลฟี่ในห้องน้ำเลย แต่เดี๋ยวนะ...มันเรื่องอะไรที่จะเข้าไปเซลฟี่ในห้องน้ำกันสามคนวะ” เซฮุนหรี่ตามองเด็กเขียวที่ยิ้มเก้ออยู่ท่านั้นก่อนจะจะเปลี่ยนเป็นนั่งพับเพียบอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ตรงนี้ไหมพี่ เซลฟี่มุมสูงให้มองเห็นแต่พื้น”
“มึงอย่าลืมว่าแฟนคลับกูแม่งเซียน แค่เห็นพื้นห้องก็รู้แล้วว่าที่นั่นที่ไหน” ถ้าแฟนคลับผันตัวไปเป็น FBI กูว่าท่าจะรุ่ง บางทีแค่เห็นหลอดไฟก็รู้แล้วว่าเป็นห้องใคร ตั้งแต่คราวนั้นที่เป็นข่าวกับยุนอานูน่าเพียงแค่เซลฟี่ในรถพี่แกเพราะวันนั้นติดรถไปกองถ่ายด้วยกัน ทั้งสามคนเงียบกริบแล้วเซฮุนก็ลุกขึ้นยืน “กูจะยอมเปลืองตัวสักครั้ง”
“หา” เทาทำตาปริบ ๆ ก่อนจะคว้ามือไว้อย่างเขิน ๆ เมื่อไอดอลที่แอบปลื้มมานานอุตส่าห์ยื่นมือนุ่มนิ่มมาให้จับ
“ลุกดิลุก” พอเห็นไอ้เด็กเขียวจับมือเขาแล้วทำตาใสใส่แถมยังไม่ยอมลุกขึ้นยืนก็รู้สึกอยากกระโดดถีบมันสักที นี่มึงเลือกคบเพื่อนแบบไหนปาร์คชานยอลกูอยากรู้
“พี่ว่าไง”
“มานี่” ยัดสมาร์ทโฟนใส่มือเด็กตัวสูงแล้วกอดคอมันทั้งสองคนให้เข้ามาใกล้ เทายิ้มกว้างพร้อมกับโพสท่าประจำตัวคือเอาสองนิ้วคาดตา “ถ่ายไปเถอะแล้วค่อยปรับสีเป็นขาวดำคนจะได้ดูไม่ออกว่าพื้นห้องสีอะไร ถ้ามีคนถามมึงก็อ้างไปว่าอยากวินเทจอยากศิลปิน” เหมือนที่ไอ้ห่าจงอินทำน่ะ
ชานยอลมองไอดอลหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจอีกครั้ง นอกจากจะหล่อ ดูดีแล้วพี่เซฮุนยังฉลาดล้ำเหลืออีกด้วย ชานยอลชูมือขึ้นสูงแล้วแอบเอียงหัวใกล้ไอดอลก่อนจะกดถ่ายรูป
“กูหล่อยัง” ทั้งสามคนสุมหัวกันดูรูปแล้วชานยอลก็กดเข้าโปรแกรมแต่งภาพอย่างชำนาญ
“พี่แคะขี้มูกยังหล่อเลยไม่ต้องห่วงหรอก”
“เฮ้ย ทำไมถ่ายติดกูแค่ครึ่งหน้าเองอ่ะ”
“ก็มึงไม่ขยับมาเอง” ชานยอลว่าแล้วกดเซฟซึ่งรูปที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจยิ่งนัก
“เอาล่ะ คราวนี้ก็อัพรูปลงทวิตเตอร์เพื่อยืนยันว่ามึงรู้จักกูจริง ๆ ”
“ต้องบอกไหมว่ารู้จักมานานแค่ไหนแล้ว”
“แค่นี้มึงก็ดังไม่หวาดไม่ไหวแล้วชานยอล นี่กูช่วยปั้นมึงสู่เส้นทางแคทวอร์คเลยนะ ที่ทำอยู่มึงสองคนไม่ต่างอะไรจากการเกาะผ้าเหลืองกูเลยสักนิด” เซฮุนว่าซึ่งเด็กทั้งสองคนก็รู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออก
“พี่เซฮุนโคตรเฉร๋ง” <- เทา
“ต่อไปพวกมึงต้องวางตัวให้ดีรู้เปล่า ถ้ามีคนถามเรื่องกูอนุญาตให้ไลน์มาได้ แต่อย่าเพิ่งตอบเข้าใจไหม”
“ผมไม่เคยขัดคำสั่งพี่เซฮุนเลย” ชานยอลสบตากับคนตรงหน้าแล้วก็อมยิ้มเมื่อไอดอลที่เคารพเอื้อมมือมาลูบหัว
“สมแล้วที่เป็นแฟนบอยนัมเบอร์วันของกู” แทบบิดเป็นขนมโปเต้เพราะความเขิน “คราวนี้อัพว่า ‘ไม่ได้อวดนะครับ แค่โพสรูปเผื่อมีคนหาว่าผมแอบอ้าง (:’ ”
“แล้วจะมีคนเชื่อเราเหรอพี่” เทาถาม
“เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงกูเข้าไปรีทวีตให้”
“เฮ้ยยย~~ งั้นให้ผมอัพรูปได้ไหม ผมอยากให้พี่เซฮุนรีทวีตผมมั่ง”
“เรื่องนี้มึงไปตกลงกันเอง” เซฮุนยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันไปลูบหัวเด็กตัวสูงทั้งสองคนและไม่ลืมที่จะควักเงินค่าขนมให้เป็นค่าตอบแทน
“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่ได้หวังค่าตอบแทนเลยนะ ที่ช่วยเพราะอยากช่วย” นี่เลยครับ แสดงความจริงใจให้เห็น เผื่อวันข้างหน้าพี่เซฮุนจะได้เรียกกูมาหาบ่อย ๆ วางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่ออนาคตที่รุ่งเรือง
“แต่กูไม่มีเงินค่ารถแล้วนะมึง ตอนนี้กูก็หิวมากเลยด้วย” ห่าเทา ปากมึงนี่นะ........
“เอาน่า ที่ให้ไม่ใช่ค่าตอบแทน ถือว่าพี่ชายให้น้องชายแบบนี้แกสองคนจะสบายใจขึ้นไหมวะ” พอได้ยินคำว่าพี่ชายกับน้องชายแล้วน้ำตาก็จะไหล มันอดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับน้าที่นั่งทำหน้าหงิกอยู่หน้าบ้านจริง ๆ
เด็กสองคนพยักหน้าหงึกก่อนจะรับเงินไว้ ไอดอลหนุ่มหันหลังยิ้มกริ่มเพียงแค่คิดไปถึงตอนที่ไอ้ห่าถ่านกลับมาถึงบ้านแล้วเข้ามากอดเขาพร้อมกับพูดขอโทษซ้ำ ๆ
“ฮัล...”
( อยู่ไหน นี่มันห้าทุ่มแล้วนะจะกลับเมื่อไหร่? )
“ก็กำลังจะโทรมาบอกนี่ไง ทำไมต้องแย่งพูดด้วยเนี่ยรีบมากเหรอ?” ขมวดคิ้วกรอกเสียงเข้าไปในสายขณะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ซึ่งเป้าหมายนั้นไม่ใช่บ้านของปาร์คชานยอลแต่มันคือบ้านเพื่อนสนิทของเขาหวงจื่อเทา “คืนนี้ผมนอนบ้านไอ้เทานะดึกแล้ว”
( ไปนอนทำไมบ้านตัวเองก็มี พรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียนหนังสือหนังหาหรือไง? )
“เดี๋ยวแวะไปเอากระเป๋าเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนเช้า นี่ผมง่วงมากแล้วกว่าจะกลับไปถึงก็เที่ยงคืนพอดีป่ะ ไหนจะเดินทางดึก ๆ มันอันตราย ไม่บ่นดิแบคฮยอน”
( คิดว่าฉันอยากพูดนักเหรอ )
“ถ้าไม่อยากบ่นก็ไม่ต้องบ่นสบายใจทั้งคู่ น้าไม่ต้องเหนื่อย ส่วนผมก็ไม่ต้องทนรำคาญ” ชานยอลเบ้ปากแล้วเอนหลังพิงเบาะ ส่วนเทาได้แต่นั่งมองเพื่อนที่กำลังเปิดศึกไทยไฝว้กับน้าอันเป็นที่รักซึ่งก็เริ่มชินแล้ว
( ไม่หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับมันเลยล่ะ )
“ก็อยากอยู่หรอกถ้าแม่ไม่ว่า”
( ถ้าตอนเช้าฉันตื่นมาไม่เจอแกนะ เป็นเรื่อง )
“เรื่องไหนเหรอแบคฮยอน~” เด็กตัวสูงพูดเสียงอ้อล้อ
( เรื่องถึงหูแม่แกไง จบ )
ชานยอลจิ๊ปากแล้วมองสมาร์ทโฟนในมือที่ถูกอีกคนตัดสายทิ้งไปแล้ว เอะอะก็ฟ้องแม่ ๆ ทำตัวเป็นเด็กอนุบาลไปได้ แบคฮยอนนี่มันแบคฮยอนจริง ๆ ให้ตายเถอะ
“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
“อย่าใช้คำว่าอีกแล้ว มึงต้องถามว่าเคยคุยกันดี ๆ บ้างไหมถึงจะถูก” ชานยอลจ่ายเงินค่าโดยสารที่เซฮุนให้มาก่อนจะเปิดประตูแท็กซี่ลงไป
ในซอยที่ยังมีคนเดินเพ่นพ่านไปมาทำให้รู้สึกอุ่นใจกับซอยจีนแตกทางเข้าบ้านไอ้เทา สเต็ปการดราม่าของพ่อแม่มีข้อยกเว้นอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าเพื่อนมาค้างด้วยพวกเขาจะเก็บอาการอยากด่าลูกไว้ในใจไม่แสดงออกมา ซึ่งต่างจากบางครอบครัวที่อาจจะด่าหนักกว่าเดิมเพื่อให้ลูกขายขี้หน้า
แต่บ้านหวงจื่อเทารักปาร์คชานยอลยิ่งกว่าอะไรดี
“มึงน่าจะขอเค้าดี ๆ นะเว้ย”
“ไม่ได้ยินเหรอว่าน้ากูพูดแทรกตั้งแต่ตอนรับสาย แล้วแบบนั้นใครจะไปอยากพูดดีด้วยวะ”
“มึงดูหงุดหงิดทุกครั้งที่พูดถึงเค้าเลยอ่ะ” เทามองเพื่อนตัวสูงที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้าง ๆ “กูว่าจะถามนานละ”
“อะไร”
“มึงเริ่มไม่โอเคกับเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
เทาหยุดฝีเท้าเมื่อเพื่อนหน้าหล่อหยุดยืนอยู่กับที่ราวกับกำลังใช้ความคิด ใช่ ตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังนึกย้อนไปถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่...ว่าทำไม...เขาถึงได้แอนตี้น้าตัวเองนัก
จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากเข้ามาอยู่กรุงโซลกับน้าชายได้หนึ่งอาทิตย์พอดี ชีวิตที่นี่แฮปปี้มากสำหรับเด็กชายวัยสิบหกหยก ๆ ที่เพิ่งได้มาเปิดโลกในเมืองกรุง ใช่ว่าที่ปูซานจะแย่ไปเสียทีเดียวหรอกนะที่นั่นก็เจริญรุ่งเรืองใช้ได้
และการจะขึ้นมาผงาดที่โซลก็จำเป็นต้องอยู่บ้านกับน้าชายซึ่งชานยอลก็ไม่มีปัญหาอะไร กลับกันแล้วคิดว่ามันดีเสียอีกเพราะแบคฮยอนก็สนิทกับพี่เซฮุนไอดอลในดวงใจของเขา ถึงเจ้าบ้านจะไม่ยอมให้กลับบ้านดึกแถมทำตัวโหดโคตรก็เถอะ แต่คิดว่าพอเวลาผ่านไปเดี๋ยวแบคฮยอนก็เบื่อที่จะพูดเองเหมือนกับแม่ของเขา
เล่นเกมติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้วก็อยากพักสายตาบ้าง ท่องเวปไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยังไม่บันเทิงใจเท่าที่ควรจนกระทั่งนิ้วเรียวยาวเผลอกดเข้าไปเวปที่คุ้นเคย...
REDTUBE ดอทคอม...
เลือกหมวดหมู่แบบที่ชอบก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แบบญี่ปุ่นขาว ๆ หมวย ๆ นี่แหละสเป๊ก ยิ่งอยู่ในชุดสาวออฟฟิศยิ่งชอบ จากตอนแรกง่วง ๆ แต่ตากลับสว่างหลังจากหนังเล่นไปได้แค่ห้านาที เหงื่อกาฬผุดตามซอกคอและขมับชื้นกับอารมณ์วัยรุ่นที่กำลังตื่นตัวเพราะสิ่งเร้า
มือที่เคยวางอยู่พนักเก้าอี้ค่อย ๆ เลื่อนมาวางเป้าตัวเอง นี่ขนาดปิดเสียงยังกระตุ้นอารมณ์ดิบได้ขนาดนี้ คิดสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าได้ยินเสียงครางอิไต๊ ๆ ของนางเอกหนังโป๊จะขนาดไหน เด็กหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เมื่อมือแกร่งเริ่มสำผัสลูบไล้ส่วนใต้ร่มผ้า
เอาเถอะครับมันเป็นเรื่องปกติที่วัยรุ่นจะจัดการตัวเองด้วยวิธีนี้และคิดว่ามันไม่น่าอายเพราะไม่ได้ไปทำต่อหน้าใครที่ไหน แต่มันก็แค่ประโยคปลอบใจตัวเองล่ะวะ เพราะจริง ๆ แล้วการนั่งสาวแหน๋หน้าจอคอมพ์ขณะดูหนังโป๊นี่มันน่าอายสุด ๆ เลยต่างหาก
ถ้าทำความคุ้นเคยกับสาว ๆ ที่นี่ได้แล้วจะไม่พึ่งน้องอุ้งมืออีก ปาร์คชานยอลขอสัญญา
จังหวะมือเร่งขึ้นตามความพีคพระนางในจอ จนคิดว่าถ้าไม่ถลกกางเกงลงคงเลอะแน่ ๆ วินาทีนี้อารมณ์เตลิดจนยากที่จะหยุดยั้งได้ มืออีกข้างจิกลงกับพนักวางมือเมื่อความเสียวซ่านไต่ระดับสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ เด็กตัวสูงนิ่วหน้าเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝันจนกระทั่ง...
“ชานยอล พรุ่งนี้ให้น้าไปส่ง...โว้ว ๆ ๆ ๆ”
“บ...แบคฮยอน?! เข้ามาทำไมเนี่ย!!” สองมือรีบกุมเป้าตัวเองอย่างขลาดอายหลังจากที่น้าชายโผล่เข้ามาในห้องโดยไม่คิดจะเคาะประตูเลยสักนิด “ปิดประตู!!”
“ได้” แบคฮยอนเดินเข้ามาในห้องและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ตามที่อีกคนสั่งแต่นั่นยิ่งทำให้ชานยอลอายกว่าที่เป็นอยู่แสนล้านเท่าจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“ไม่ใช่โว้ย!!! ผมบอกให้น้าออกไปแล้วปิดประตู!!!”
“อ้าวกรรม โทษ ๆ ” น้าชายหัวเราะร่าแล้วชะเง้อหน้ามองเป้ากางเกงที่อีกคนกุมไว้ แววตาดูถูกของแบคฮยอนในตอนนี้มันทำให้เขาโกรธจนหน้าแดงหน้าดำไปหมดแล้วโว้ยยยยยยยยยย “ทิชชู่ไหมเดี๋ยวน้าไปเอาให้”
“ไม่ต้อง!! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!”
“โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรเรียกเลยนะน้านั่งอยู่ข้างนอก” แบคฮยอนกลั้นขำจนไหล่สั่น “ไม่เจ็บเหรอ เอาโลชั่นไหม...โอ๊ะ!” คนตัวเล็กเอี้ยวตัวหลบกล่องปากกาที่หลานชายเขวี้ยงมาก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นบ้านอย่างไม่อายใคร
สิ้นเสียงประตูห้องปิดลงเด็กตัวสูงก็ต้องกุมขมับกับความอับอายครั้งแรกที่เกิดขึ้นตลอดการใช้ชีวิตสิบหกปี รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปทั้งหน้าจนลามไปถึงใบหู สีหน้าเยาะเย้ยตอนมองเป้ากางเกงเขานั่นน่ะมันดูถูกกันเกินไปแล้ว แบคฮยอนคิดว่าการช่วยตัวเองมันเป็นเรื่องตลกหรือไง ยิ่งมาตอนถึงจุดพีคแบบนี้อีก
เด็กหนุ่มกุมเป้าตัวเองอย่างทรมานเมื่อถูกดับฝันกลางอากาศ จะทำต่อก็หมดอารมณ์แต่ถ้าไม่ปล่อยก็อึดอัดแถมน้องชายเขาก็ยังผงาดเรียกร้องความเห็นใจ ห่าเอ๊ย ต่อไปนี้จะเข้าหน้ากันยังไงวะ!!
กู เกลียด น้า ตัว เอง !!!!
TBC
เหตุผลของนายเป็นงี้เองสินะมิสเตอร์ชาร์ล โถ 555555555555555555555555
#มนุษย์ชานยอล แท็กนี้เป็นแท็กฟิคนะ เห็นหลายคนเล่นกันใหญ่ ส่วนมากเป็นแม่ยกชานยอลเคะด้วย เจ๊อยากตาย 5555555555555555555555
ความคิดเห็น