คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : #SFเซมที่รัก | ตอนที่ 07
(7)
“อยากกินอะไรอีกไหม บอกได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ใช้ไอ้เซฮุนไปซื้อให้”
“อ้าว ทำไมต้องผมวะ” คนถูกโบ้ยค้างอยู่ในท่าจะงาบพิซซ่า ก่อนจะเหล่มองรุ่นพี่ที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเข้าโรงเรียนนายร้อย แต่อยู่ได้ปีเดียวก็ซิ่วออกมา เพราะเซฮุนค้นพบตัวเองแล้วว่าอยากเป็นคนชั่วมากกว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
“เพราะมึงดูว่างสุดไง”
“ว่างทิ่ลไหน พี่เห็นพิซซ่าในมือ --” ยังพูดไม่ทันจบ พิซซ่าขอบชีสหนานุ่มก็ถูกปัดตกลงบนถาดทันทีโดยพี่ชายผู้เป็นที่เคารพ เซฮุนมองจงอินหน้านิ่ง เขารู้สึกได้ว่ารุ่นพี่กำลังขู่เขาด้วยอาชีพ
“มือลูกว่างแล้วล่ะเซฮุน” จุนมยอนว่าขณะใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือหนีบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้น
“แม่ง!”
“แค่นี้ก็พอ ผมไม่อยากกินอะไรแล้ว” ชานยอลเหล่มองเจ้าของคำพูดดูตอนนี้ไม่ว่าไอ้อีหน้าไหนต่างก็เอาอกเอาใจเพราะเรื่องล่วงรู้อนาคต เขากวาดสายตาไปยังอาหารมากมายที่วางอยู่เต็มพื้น พิซซ่าสามถาด สปาเกตตี้ ต๊อกปกกี และอภิมหาไก่ทอด อารมณ์แบบว่าแดกชาตินี้อิ่มได้ยันชาติหน้า ไม่อิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ
“It’s that true? YES! Okey Dokey Yo!” คนเป็นแรปเพ่อร์ว่าพร้อมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ “น้องไม่อยากกินอะไรแล้ว ยู๊โน๊ว?” มันจะเกินไปแล้ว เห็นว่าเขาอายุน้อยที่สุดเลยจะจิกหัวใช้ยังไงก็ได้เหรอ เขาเป็นถึงแรปเพ่อร์จากโชว์มีเดอะปั๊บปี้เลยนะ อีวี่เป็นหมาชื่อดังได้เพราะโอเซฮุน!!!
จงอินแค่นหัวเราะ ง้างมือขึ้นเตรียมจะโบกกบาลรุ่นน้องคนสนิทแต่ติดว่ามีเรื่องสำคัญมากกว่านั้น
“มันจะดีนะ ถ้าเกิดว่าเรากินไปด้วยแล้วก็คุยกันไปด้วย” จงอินยิ้มอย่างคนจิตใจงดงาม เขาเป็นคนมีคุณภาพ และสามารถคาดคั้นเอาคำตอบจากเด็กคนนี้ได้โดยไม่ต้องจับเข้าห้องสอบสวนแล้วเปิดไฟตรงกลางหัวเพื่อเพิ่มความกดดัน เขาเป็นคนฉลาด เรื่องนี้รู้กันทั้งสน.
“ชานยอลเอาแต่ยัดห่าท่าเดียวเลย คงไม่ได้กินของดี ๆ มานานแล้วสินะ” จุนมยอนมองรุ่นน้องอย่างเวทนา ตั้งแต่เลือกเส้นทางเป็นนักวาด ชีวิตชานยอลก็พลิกผัน ทั้งคู่สบตากัน ซึ่งดูเหมือนว่าชานยอลจะไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของบาทหลวงสักเท่าไหร่
“หรือมึงจะให้กูตีลังกาแดกล่ะหลวงพ่อ เอาไหม หรือจะให้เล่นท่ายากกว่านั้น กูทะเวิ้กได้นะ” คนตัวสูงเชิดหน้าเถียงทั้งที่ไก่เต็มปาก จนจุนมยอนต้องรีบยกมือปราม ถ้าให้ดูชานยอลเต้นท่าเขย่าตูดเขายอมเอาคองัดดากหมาตายซะยังดีกว่า
“แซวเล่นไม่ได้เลย นี่สินะที่เขาว่ากันว่าเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน” จุนมยอนตัดพ้อก่อนจะหยิบขวดมายองเนสขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากรุ่นน้อง
“ดราม่าไรหลวงพ่อ ดึกดื่นแล้วกลับบ้านไปนอนไป” เจ้าของบ้านทำมือปัด ๆ เป็นเชิงไล่
“จริง รีบแดกรีบกลับบ้าน พรุ่งนี้มึงต้องเข้าโบสถ์นะ” จงอินชะโงกหน้ามองคนอายุมากที่สุดในนี้ จุนมยอนรู้สึกเหมือนกำลังโดนรุม ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่ทุกคนพร้อมใจกันขับไล่เขาทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ยังคาราคาซัง
“พี่จุน ผมขอมายองเนส” เซฮุนยื่นมือไปแต่คนเป็นบาทหลวงกลับไม่ให้และมองตอบโต้ตำหนวดกับเจ้าของบ้านด้วยสายตาจริงจัง
“พ่อกลับไม่ได้หรอก ที่นี่ยังต้องการพระเจ้า”
“แต่มึงเป็นบาทหลวง” <- ชานยอล
“แถมช่วยห่าเหวไรไม่ได้อีกต่างหาก อยู่ต่อก็มีแต่จะแดกฟรี นี่กูสั่งมาให้น้องแบคฮยอนทั้งนั้น” จงอินเกร็งแขน ผายมือไปรอบพื้นซึ่งเต็มไปด้วยของกิน
“พี่จุน ผมขอมายองเนส” <- เซฮุน
“พูดอย่างนี้ได้ไงจงอิน พ่ออุตส่าห์เป็นห่วง ที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เพื่อลูกทั้งนั้น ความผูกพันทั้งหมดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน ตั้งแต่คำถามแรกที่พ่อชวนลูกเข้าแก๊งหยำฉา ร่วมกันก่อตั้งเป็นจิ๊กโก๋ต๊อกต๋อยจนกระทั่งได้เป็นนักเลงที่ใหญ่โตแถบนั้นจนเราแยกย้ายกันเรียนมหาลัยนั่นน่ะลูกลืมไปแล้วหรือ?! ความผูกพันทุกวันนี้คืออะไร ลูกไม่เคยนึกถึงมันเลยใช่ไหม?!”
คนเป็นบาทหลวงทนไม่ไหวแล้ว เขามองรุ่นน้องที่เชิดหน้าตาเหลือกอย่างท้าทายราวกับว่าไม่นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ เหล่านั้น จุนมยอนกำขวดมายองเนสไว้แน่น จิตใจของจงอินช่างหยาบกร้านตั้งแต่เลือกจับปืนแทนไอ้จ้อนเวลาช่วยตัวเอง
“สัดเอ๊ย! กูขอมายอง --”
...และแล้วความฉิบหายก็เกิดขึ้นโดยแรปเปอร์ปัญญานิ่มอย่างโอเซฮุน
ปรี๊ดดดดดดดดดดด!!!
มายองเนสสีเหลืองขุ่นที่ถูกแย่งพุ่งใส่หน้าและเสื้อของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจนดูเหมือนคราบอะไรสักอย่าง จงอินที่กำลังยกเบียร์ขึ้นดื่มถึงกับสำลักพรวดทั้งทางปากและจมูก บาทหลวงหนุ่มและแรปเปอร์ปัญญานิ่มค้างอยู่ท่าถือพิซซ่าและมายองเนสด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง น่องไก่ในมือชานยอลร่วงลงพื้นเมื่อเห็นภาพที่คุ้นตา แม้ว่าสีมายองเนสกับสีน้ำกะทิที่เขาเคยพ่นใส่แบคฮยอนมันจะต่างกันอยู่หลายขุม แต่ถ้าพูดถึงของเหลวที่เปรอะเปื้อนอยู่บนหน้า... มันก็ทำให้คิดไปถึงเรื่องดี ๆ ไม่ได้เหลย...
เด็กอายุสิบแปดที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้นิ้วนางเกลี่ยมายองเนสจากแก้มตนเองออกมาดู ดวงตาเรียวช้อนมองชายหนุ่มทั้งสี่ที่ยังไม่ละสายตาจากตน ก่อนจะแลบลิ้นเลียมายองเนสตั้งแต่โคนนิ้วจนถึงส่วนปลาย
จงอินสะอึกและรู้สึกได้ว่าเบียร์ที่สำลักออกมายังคงอยู่ในร่องจมูก เขารีบควานหากล่องทิชชู่แต่ก็พบเพียงซากบ็อกเซอร์ใช้แล้วของเพื่อนเท่านั้นที่อยู่ใกล้มือ ชายหนุ่มผิวแทนจึงจำใจใช้แขนเสื้อเชิ้ตราคาแพงของตนเช็ดแทนเสียยังดีกว่าเอาหน้าไปแนบกลิ่นหรรมของปาร์คชานยอล
เซฮุนอ้าปากค้าง พิซซ่าในมือร่วงตกพื้นจนลืมไปเลยว่าเคยพยายามแย่งขวดมายองเนสจากมือคนของศาสนา คนเป็นหลวงพ่อยัดพิซซ่าและไก่เข้าปากอย่างบ้าคลั่งเพื่อกลบสิ่งลวงตาตรงหน้าซึ่งกำลังทำให้เขาเสียหลัก คิมจุนมยอนเป็นคนของศาสนา เขาจะไม่หลงไปกับสิ่งเร้าตรงหน้าเด็ดขาด
“เลียทำไม!!!” ชานยอลตะคอกคนข้าง ๆ ที่ทำตัวอีโรติกใส่เพื่อนฝูงเขาซึ่งใช่ว่าจะเป็นคนดี ไอ้พวกนี้มันยิ่งกว่าเสือสิงกระทิงแรด ไม่เว้นแม้แต่คนของศาสนาที่เหมือนว่าจะพูดดี แต่สุดท้ายสายตาของมันก็มองขาขาว ๆ ของแบคฮยอนอยู่ไม่ห่าง
“ก็มันเลอะ จะให้ผมทำไง?” คนตัวเล็กว่าเสียงเรียบ มองคนข้าง ๆ พลางถอนหายใจ ราวกับจะด่าว่าผู้ใหญ่อย่างปาร์คชานยอลโคตรงี่เง่าที่โวยวายเด็กเพราะเรื่องขี้หมูขี้หมา
“เดี๋ยวเซมเช็ดให้เอง!!!!”
“...”
“...”
“...”
ทั้งสามมองคนตัวสูงที่ใช้สองมือโอบแก้มขาวไว้ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียมายองเนสบนหน้าคนตัวเล็กเยี่ยงหมาข้างถนนที่หิวโซมาหลายวัน แบคฮยอนนิ่งนั่ง ปล่อยให้อีกคนเลียหน้าตนเองพลางอมยิ้มขณะมองไปยังชายทั้งสามคน
“มึงเหลือแค่เห่านะชานยอล อีกนิดเดียว” <- จงอิน
“พ่อไม่แน่ใจว่าลูกหวงแบคฮยอนหรือเสียดายของกันแน่” <- บาทหลวง
“พี่กูโคตร SWAG” <- เซฮุน
“เดี๋ยวพ่อทิ้งเงินไว้ให้หมื่นวอน เก็บเอาไว้ซื้อทิชชู่นะ” <- บาทหลวง
“กูว่าเดินไปล้างในห้องน้ำง่ายสุด” <- จงอิน
“Respect” <- เซฮุน
ชานยอลยันตัวลุกขึ้นคุกเข่า ถลกชายเสื้อตนเองขึ้นมาเช็ดคราบน้ำลายออกจากแก้มเมียพาร์ทไทม์ที่อ่อยเรี่ยราดจนทำให้เขาเป็นผีบ้าต่อหน้าเพื่อน ๆ
“มึงไม่เห็นสายตาตัวเองตอนมองแบคฮยอนเลยคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้เหรอวะ” คนขี้หวงว่าพร้อมกวาดสายตาคาดโทษเพื่อน
“หึ กล้าพูดนะ ว่าคนอื่นแต่ตัวเองจะมองทะลุขุมขนยังไงก็ได้ว่างั้นเถอะ? ต่อให้ตอนนี้แบคฮยอนจะไม่ใช่เด็กแปดขวบ แต่น้องก็อายุสิบแปดอยู่ดี กูพร้อมลากคอเอามึงเข้าตารางได้ทุกเมื่อ จำใส่กบาลกลวง ๆ ของมึงเอาไว้” จงอินแค่นหัวเราะอย่างผู้มีกฎหมายอยู่ในกำมือ ปาร์คชานยอลมันบังอาจนักที่กล้าลองดีกับเขา
“แต่เป้าลูกตุงนะจงอิน” จุนมยอนชะโงกหน้ามองรุ่นน้องพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนทุกสายตาจะหันไปทางเป้ากางเกงของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
“ว๊าย มึงมีอารมณ์กับเด็กเหรอคร๊ตำหนวด” ชานยอลเหลือกตาเบ้ปากคว่ำ
“กูเปล่า -- เชี่ยเซฮุน!!!” จงอินสะดุ้งสุดแรงเกิดเมื่อถูกรุ่นน้องขยำขลั่ยโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“Hey bro ยูตุงจริง ๆ ว่ะ แน่นยิ่งกว่าข้าวหลามหนองมนอีก นี่สิ Turn up ที่แท้จริง” เซฮุนขมวดคิ้วมอง คนถูกกล่าวหาจึงรีบหันไปทางแบคฮยอนเพื่อที่จะแก้ตัวว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะสิ่งเร้า หากใช่จิตใต้สำนึกของเขาไม่!
“นี่จงอิน มองหน้าพ่อ!” จุนมยอนลุกขึ้นมาหยุดอยู่ข้าง ๆ รุ่นน้องพร้อมใช้สองมือโอบใบหน้าตำรวจหนุ่มจนปากจู๋ตาเหลือก ทั้งคู่สบตากันจนแทบเป็นฉากคิสซีน ชานยอลกับเซฮุนขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้า ส่วนแบคฮยอนถอนหายใจแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมากิน
“ให้กูมองไรหลวงพ่อ ให้กูมองอะไร!”
“มองหน้าพ่อ แล้วตั้งสติ!” จุนมยอนก็เกือบไม่รอดเหมือนกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องยากแค่ไหนที่ต้องนั่งอยู่ตรงหน้ากิเลสตัณหาที่เป็นเพศเดียวกันแต่น่าอึ๊บ จงอินคงตกอยู่ในบ่วงเดียวกับเขา ดังนั้นจุนมยอนจะไม่ยอมให้เด็กอย่างแบคฮยอนมามอมเมาพวกเราเด็ดขาด!
“...”
“หายใจเข้าลึก ๆ”
“...”
“ดีขึ้นไหม?”
“ยิ่งกว่าดีอีก เห็นหน้ามึงแล้วไอ้จ้อนกูแทบหดกลับเข้าไปในลำไส้ใหญ่” จงอินปัดมือบาทหลวงออก พร้อมทุกสายตาที่หลุบมองเป้ากางเกงตำรวจหนุ่ม และก็ใช่อย่างที่เจ้าตัวว่าจริง ๆ ข้าวหลามหนองมนของจงอินฟีบลงอย่างไม่โกหก
“เจ๋งว่ะหลวงพ่อ Respect” เซฮุนชูนิ้วหัวแม่มือ หรี่ตาพร้อมพยักหน้าอย่างชื่นชม “ความเชื่อในพระเจ้าจะช่วยเยียวยาเราทุกคนสินะ”
“เปล่า กูเห็นหน้ามันแล้วหรรมหด” จงอินตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ก่อนจะสบตากับคนเป็นบาทหลวงแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีกฝ่ายโดยไม่ปิดแฟลช ชนิดว่าถ้าสว่างจ้ามากกว่านี้อีกนิดคงมีตาบอด “ถ้าเกิดอารมณ์อีก กูจะดูรูปมึงนะพี่จุน”
“เจริญพวง” จุนมยอนยิ้มอย่างคนถูกทำร้ายจิตใจ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม
“สรุปหนูจะเล่าได้ยัง” ชานยอลหันไปคาดคั้นคนตัวเล็กที่เอาแต่กิน จนอดคิดไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาให้กินแต่อาหารขยะจนเด็กมันอดอยากเลยเอาแต่ยัดเอา ๆ สินะ
“ใช่ พี่ลุ้นจะแย่แล้วนะเนี่ย” จงอินถอนหายใจพลางมองนาฬิกาข้อมือ เขาควรจะได้ออกไปทำเรื่องดี ๆ ให้สังคมเสียที
“ก็ได้” แบคฮยอนยื่นซากขอบพิซซ่าให้ ซึ่งชานยอลก็รับไปกินต่ออย่างไม่รังเกียจ ทุกสายตามองคนตัวเล็กที่ยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มแล้ววางลง ปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผุดยิ้มออกมา “ผมมาจากอนาคต”
“นั่นไง! ผมว่าแล้ว!” เซฮุนตบเข่าดังฉาด ชี้นิ้วย้ำ ๆ ไปทางคนตัวเล็ก
“มึงพูดตอนไหนวะ” จงอินเหล่มองไอ้แรปเปอร์ปัญญานิ่มอย่างอ่อนใจ
“ผมพูดในใจ”
“ถุ้ย!” ทั้งชานยอลและจงอินต่างประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“อย่าหาว่างู้นงี้เลยนะแบคฮยอน นี่ก็เริ่มมีอายุกันแล้ว ดักควายผู้ใหญ่มันไม่ดี” จุนมยอนยกมือปางห้ามญาติ ซึ่งเด็กสิบแปดก็ไม่มีท่าทีเผยไต๋ให้รู้ว่ากำลังดัก
“ผมพูดเรื่องจริง”
“พวกพี่จริงจังนะแบคฮยอน มันเหลือเชื่อเกินไป สี่จียังครอบคลุมไม่ทั่วประเทศไทยเลย จะเอาอะไรมาจากอนาคต” จงอินขมวดคิ้ว
“คิดว่าผมพูดเล่นหรือไง ยังมีอะไรน่าเหลือเชื่อกว่าการที่ผมเดี๋ยวโตเดี๋ยวเด็กอีก”
“น้องพูดถูก” เซฮุนกอดอกพยักหน้า
“หมายถึงหนูย้อนเวลามาจากสิบปีข้างหน้า ถูกปะวะ?”
“ใช่”
“เหมือนโดเรม่อนน่ะเหรอ” คนเป็นนักวาดเอนตัวออกด้านข้างเล็กน้อย หรี่ตามองความน่ารักน่าชังของเด็กแสบตั้งแต่หัวจรดขาขาว
“ประมาณนั้นแหละ”
“เหยช... นี่มันโดเรม่อนที่อึ๊บได้” <- ชานยอล
“เซ็กส์แมชชีน...” <- จุนมยอน
“ใครอึ๊บใครนะ?” <- เซฮุน
“พวกมึงพูดเรื่องแบบนี้กันโดยไม่กระดากปากได้ไงวะ นี่เด็กนะ! เด็กที่ตอนตีห้าจะกลายเป็นเด็กแปดขวบ เด็กที่เป็นอนาคตของชาติ เด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นั่งดูม้าโพนี่วิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างมีความสุข มึงเห็นดวงตาสุกสกาวของเด็กแปดขวบเมื่อตอนกลางวันไหม?! ปาร์คชานยอล! มึงมันชั่วช้า! ตอนแบคฮยอนแปดขวบมึงก็คิดอกุศลอยู่เหมือนกันสินะ?!”
“แต่เมื่อกี้มึงก็เป้าตุงนะจงอิน” ชานยอลกรีดมือเหมือนตุ๊ดพร้อมชี้ไปยังหนอนน้อยของเพื่อนสนิท
“เมื่อกี้มันคืออุบัติเหตุ!!!”
“ถ้าพี่ยังด่าเซมอีก ผมจะไม่เล่าอะไรต่อทั้งนั้น”
ทุกอย่างหยุดนิ่งเพราะเสียงของเด็กอายุสิบแปด ทุกสายตามองไปยังแบคฮยอนจนเหมือนว่าเวลาหยุดนิ่งไป จงอินจึงยอมนั่งลงและเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ
“ผมกลับมาเพื่อแก้ไขอดีตของทุกคน” คนตัวเล็กเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ พลางกวาดสายตามองและหยุดอยู่ที่ชานยอล “ผมเป็นเด็กอัจฉริยะ เรียนจบปริญญาโทตั้งแต่อายุสิบแปด และผมก็เข้าร่วมกับองค์กรหนึ่งเพื่อทดลองเรื่องย้อนเวลา”
“ยิ่งกว่าพล็อตหนังใหญ่ของโนแลน” <- ชานยอล
“มีการอวยว่าตัวเองอัจฉริยะด้วย” <- จุนมยอน
“เคยมีหลายคนลองแล้วแต่ไม่รอด มีแค่เซลล์ของผมเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ เพราะร่างกายของผมมันทน...” พูดจบก็หันไปสบตากับชานยอล “แล้วก็อึด... มากด้วย”
“อะฮื้ม...” คนถูกอีโรติกใส่ถึงกับนั่งหน้านิ่ง มองไอ้เด็กแสบที่ปรือตากัดริมฝีปากล่างอย่างยั่วยวน
“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ แล้วที่บอกว่ากลับมาแก้ไขอดีตของทุกคนนี่... หมายความว่าแบคฮยอนจะทำให้พี่ไม่ตายในปี 2019 ได้ใช่ไหม?” จงอินขมวดคิ้วทำเสียงหล่อ เก๊กหน้าเข้มขรึมอย่างตำรวจที่กำลังคาดคั้นเอาความจริงจากผู้ต้องหา
“ใช่”
“เยส!!!!!!!!! กูรอดแล้ว!!!!!!!!” จงอินลุกขึ้นยืนโค้มหลังลงแล้วทำท่าชกอากาศ
“แต่เมื่อกลางวันลูกแอบบอกพ่อว่า ‘ตีนเถอะ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ ไม่มีทางที่กูจะตายในปี 2019 แน่นอน’ ไม่ใช่เหรอ”
“หลวงพ่อ มึงช่วยนั่งอยู่เฉย ๆ เหมือนฟันข้างบนได้ไหม”
“โอเค อะกรีวิทยูเลย” จุนมยอนนั่งทับส้นเท้าและยิ้มอย่างคนมีศีลธรรม
“แต่ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ถ้าพวกพี่อยากรู้ว่าใครจะเป็นจะตายยังไงเมื่อไหร่ อาทิตย์หน้าค่อยมาหาผมแล้วกัน” แบคฮยอนลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าขนหนูเตรียมตัวอาบน้ำ ท่ามกลางสายตาชายหนุ่มทั้งสี่ที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง
“อ้าว ทำไมต้องอาทิตย์หน้าอะ”
“วันนี้ผมไม่อยากเล่าแล้ว ผมอยากใช้เวลาอยู่กับเซมสองต่อสอง พวกพี่คือส่วนเกิน กินเวลาของผมไปตั้งกี่ชั่วโมงแล้ว กลับบ้านไปเลยไป” ชานยอลมองไอ้ตัวแสบที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ ซึ่งคนถูกไล่ทั้งสามถึงกับทำหน้าเหวอ
“แต่เรายังกินไม่หมดเลยนะ” เซฮุนชี้ถาดพิซซ่า
“ไม่หมดก็คือไม่หมด เก็บใส่กล่องแล้วเอาลงไปไว้ชั้นล่างให้เซมด้วย วาดการ์ตูนเหนื่อย ๆ ตื่นมาจะได้อุ่นกิน” แบคฮยอนยื่นคำขาด ทำเอาคนจ่ายเงินอย่างจงอินทำตาปริบ ๆ พร้อมชี้หน้าตนเอง
“กลับไปเลย ไม่งั้นผมจะปล่อยให้ตายทั้งหมดนี่แหละ”
“ถ้าพวกพี่ตาย ไอ้ชานยอลก็ต้องตายด้วยล่ะวะ!” จงอินกระตุกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ช่างห้าวหาญนัก มาจากอนาคตแล้วยังไง เรื่องต่อรองล่ะก็ขอให้ไว้ใจตำรวจอย่างคิมจงอิน!
“เสียใจด้วย เพราะในอนาคตเซมจะเป็นคนเดียวที่รอด ส่วนพวกพี่ตายเรียบ” แบคฮยอนยิ้มพร้อมกระดิกนิ้วบ๊ายบาย ทำเอาสองหนุ่มยืนหน้าแห้ง เว้นแต่บาทหลวงที่ก้มลงเก็บซากขยะบนพื้นอย่างรู้งาน
“ก็ได้!!!” แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่คิมจงอินก็ต้องเชื่อผู้อยู่เหนือกฎของเวลาอย่างแบคฮยอน ชายหนุ่มผิวแทนกัดฟันกรอดสบตากับเด็กน้อยวัยสิบแปด “แล้วเสาร์หน้าเจอกัน!”
“ซื้อของอร่อยมาฝากผมกับเซมด้วย”
“เพื่อน แบคฮยอนจะทำให้มึงไม่ตาย เพราะงั้นคงรู้นะว่าในโซลมีอะไรที่อร่อยบ้าง” ได้จังหวะกูก็หาเรื่องแดกฟรีมีเกียรติเลย ปาร์คชานยอลไม่เคยกระดากอายถ้าเป็นเรื่องของฟรี!!!
“เซมจ๋า”
“หือ...”
“ไปอาบน้ำกันนะ ตัวผมเหนียวไปหมดแล้วอะ”
ชานยอลยืนนิ่งมองอีกคนที่ใช้ผ้าขนหนูรั้งท้ายทอยเขาลงมาสบตากันในระยะใกล้โดยไม่รอให้ไอ้สามตัวนั้นออกไปก่อนเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มตัวสูงยิ้มแห้งกับลูกยั่ว ดูทรงแล้วคงได้ปิดจ็อบในห้องน้ำแน่ ๆ คืนนี้
“เพิ่งกินอิ่มไปเมื่อกี้เดี๋ยวหนูจะจุกนะ”
“นั่นแหละที่ต้องการ... ผมอยากจุกเพราะเซมจะแย่อยู่แล้ว...”
TBC
ฟิคไร้สาระ ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น! อย่าคาดหวังสูงนะ เห็นขำ ๆ กัน เราไม่รู้เลยว่าฟิคมันตลก 555555555 เราเพิ่งไปหาหมอมา เลยมาอัพฟิคช้า เลยเจิมด้วยเรื่องนี้ หวังว่าคงไม่ช้าเกินไปสำหรับความคิดถึงนะ จุฟ
ตอนหน้ามีตัวละครใหม่!
ความคิดเห็น