คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 06 :: Hero
CHAPTER 06
HERO
“พี่เซฮุน คุณจงอินทำงานอะไรเหรอครับ?”
ชานยอลหันไปถามผู้จัดการหนุ่มพร้อมล้างแก้วไปด้วย อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามทันที อันที่จริง เขาคิดว่าพี่เซฮุนคงไม่ค่อยชอบพูดถึงเจ้าของร้านนัก จากที่เห็นลับฝีปากกันอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานพิเศษที่นี่แค่สองวัน
“เป็นสถาปนิกที่คิดเรียนสถาปัตเพราะอยากทำงานกับแฟน” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว เขาเห็นว่าพี่เซฮุนกลอกตามองไปรอบข้าง เพื่อดูว่าตอนนี้คนที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่ในละแวกนี้หรือเปล่า ก่อนจะพลิกตัวหันมามองหน้าเขา “ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอกนะ แต่เมียเก่าผู้ชายคนนั้นเรียนวิศวะ เข้าใจอารมณ์คนโรแมนติกโง่ ๆ แบบไม่คิดไหม นั่นแหละ คิมจงอิน”
“พี่ครับ เบาเสียงหน่อย...” ชานยอลยกมือขึ้นป้องปาก ทำท่ากระซิบเพราะกลัวพนักงานคนอื่นได้ยิน ในขณะที่อีกคนแค่จิ๊ปากหน่าย ๆ
“ก็มันเรื่องจริง ไม่มีใครปฏิเสธได้ เจ้านายก็ดูเหลาะแหละเกินกว่าที่จะเลี้ยงลูก แต่เมียของเขาก็บ้างานจนอดคิดไม่ได้ว่าที่ทำอย่างนั้นเพราะอยากเลิกกับเขาหรือเปล่า”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“มันแย่ที่นอกจากทำงานเป็นผู้จัดการร้านแล้ว ฉันยังต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยเนี่ยสิ ถึงเขาจะให้เงินเพิ่มก็เถอะ แต่คิมแทโอก็เป็นเด็กที่โคตรน่าเอาขี้เถ้าอุดปากเหลือเกิน” เซฮุนถอนหายใจ พลางทอดสายตาไปอย่างไร้จุดหมายขณะถึงถึงหน้าเด็กหน้าเด็กตัวแสบนั่น
“พี่ทำงานที่นี่นานแค่ไหนแล้วครับ”
“ก็เกือบ ๆ สามปีมั้งนะ”
“โห นานเหมือนกันนะครับเนี่ย”
“ก็นานพอ ๆ ที่ไอ้เด็กก้อนออกมาหายใจบนโลกนั่นแหละ” พี่เซฮุนง่วนอยู่กับการเช็กสต๊อกของ จะว่าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้คงสนิทกับคุณจงอินมาก ถึงได้พูดออกมาได้อย่างไม่กลัวใครได้ยิน
“แล้ว... พี่สนิทกับคุณแบคฮยอนไหมครับ?”
“ไม่ถึงกับสนิทหรอก นาน ๆ ทีเขาถึงจะมา แต่ถ้าถามถึงคุณจูฮยอนก็อีกเรื่องนึง” มือที่กำลังเช็ดแก้วถึงกับชะงักไป เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนอายุมากกว่า ในหัวก็เอาแต่คิดว่าอยากรู้อะไรมากกว่านี้
“อ๋อ... แฟนคุณแบคฮยอนใช่ไหมครับ”
“อ่าฮะ”
“เธอมาที่นี่บ่อยเหรอ?”
“เกือบทุกวันเลยล่ะ เธอมาอยู่สองเวลา เจ็ดโมงกับช่วงทุ่มสองทุ่ม แล้วแต่ว่าจะเข้าหรือออกเวรตอนไหน ผู้หญิงคนนั้นติดกาแฟหนักมากชนิดว่าสองช็อตยังเอาไม่อยู่”
“อะไรกัน นินทาฉันอยู่เหรอ?”
เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว หลังจากรู้ว่ามีบุคคลที่สามได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้เข้า ชานยอลหันไปตามเสียงพร้อม ๆ กับพี่เซฮุน ก่อนจะเห็นดวงหน้าขาวของหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ รอยยิ้มของเธอทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่า ผู้หญิงสวยไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าจัดเสมอไป
“แบบนี้คนโบราณเรียกว่าดวงแข็ง พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยนะครับ” พี่เซฮุนกดเครื่องสั่งออเดอร์ โดยไม่ถามว่าอีกฝ่ายจะรับอะไร หญิงสาวตัวเล็กยังคงยิ้ม ก่อนจะหันมาหยุดสายตาอยู่ที่เขา
“ว่าไงชานยอล เลิกเรียนแล้วก็มาทำงานต่อแบบนี้ เหนื่อยไหม?”
“อะ.. ไม่ครับ” คงไม่ต้องถามว่าอีกฝ่ายรู้จักชื่อเขาได้อย่างไร ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่ต่างจากในรูปที่เคยเห็นเมื่อวันนั้นเลยสักนิด เธอคือคุณเบจูฮยอน คนรักของคุณแบคฮยอนที่คบหากันมานานเป็นสิบปี
ชานยอลโค้งศีรษะทำความเคารพ ทุกอย่างดูประหม่าไปหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของคุณแบคฮยอน เขาไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกได้เลย แววตาของเธอเป็นประกาย อีกทั้งรอยยิ้มสวยที่แสดงออกอย่างจริงใจ
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าเซฮุน?”
คนถูกถามส่ายหน้าเป็นคำตอบ “มีอะไรครับ?”
“ขอยืมตัวลูกมือนายสักเดี๋ยวได้ไหม?” เธอยิ้มพลางชี้มายังเขา ซึ่งพี่เซฮุนก็มองเราทั้งคู่สลับกัน
“อย่าจีบแล้วกัน เด็กนั่นอ่อนกว่าคุณตั้งรอบนึงเลยนะ”
“เบื่อคนรู้ทันจัง” คุณจูฮยอนหัวเราะ พร้อมคว้าแก้วกาแฟเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ไม้ติดกระจกร้านด้านหน้า และไม่ลืมที่จะกวักมือเรียกเขาให้ไปนั่งด้วยกัน
ชานยอลยืนตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง แน่ล่ะ เขาคงไม่สามารถเดินตามไปอย่างงง ๆ แล้วเอาแต่มองหน้าเธอเพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่ได้หัวใจคุณแบคฮยอนไป เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมบอกตัวเองว่าต้องแยกแยะทุกเรื่องออกจากกันให้ได้
เพราะนอกจากไอ้มินโฮแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กอายุสิบเก้าคนนี้คิดอกุศลกับผู้อุปการะของตนเอง และแน่นอนว่าตอนนี้ในสายตาของคุณจูฮยอน ก็คงเห็นเขาเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แฟนของเธอรับเลี้ยงดูอยู่
“สั่งอะไรดื่มไหม ฉันเลี้ยงเอง” เธอว่า พลางขยับเก้าอี้ตัวสูงเล็กน้อยเพื่อให้เขานั่งอย่างสบาย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมลองดื่มที่ชงเองจนปวดหัวไปหมดแล้ว” เด็กตัวสูงยิ้มเจื่อน และเธอก็ยิ้มอย่างสดใส ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิด ที่ตกหลุมรักคนของเธอ
“สมแล้วที่แบคฮยอนเอ็นดูเธอ”
“อะ... เหรอครับ” ชานยอลเกาท้ายทอย บอกตามตรงว่าไม่ได้ขลาดเขินกับประโยคเมื่อครู่ แต่เขาแค่ไม่รู้จะวางตัวแบบไหน ระหว่างอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ ที่ทั้งสวย ดูฉลาด และเป็นคนที่คุณแบคฮยอนรัก
ให้ตายเถอะ เธอคือคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก
“ใช่สิ เขาน่ะน่าโมโหมากเลยนะ เวลาคุยกันทีไรก็เอาแต่โม้ว่าเธอเป็นเด็กดีอย่างนั้นอย่างนี้ จนฉันเริ่มจะหึงเข้าให้แล้ว” หญิงสาวหัวเราะ ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่เธอทำให้มันตลกเพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับการคุยกันครั้งแรกระหว่างเรา หรือไม่ก็เพราะมันเป็นนิสัยของเธออยู่แล้ว
“ไม่หรอกครับ ผมว่าเขารักคุณมาก ๆ เลยนะ”
“จริงเหรอ?” เราสบตากัน แล้วเธอก็หลุดขำออกมาอีกครั้ง “ฟังแล้วน่าขนลุกแปลก ๆ”
“ทำไมล่ะครับ?”
“มันก็นานมากแล้วที่เราสองคนไม่ได้ยินคำว่ารักจากปากอีกฝ่าย มันเลยน่าขำนิดหน่อยน่ะ” เธอยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“น่าขำเหรอครับ?”
“อื้ม” หญิงสาวยิ้ม “ทุกอย่างมันเป็นลำดับ และเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นการแสดงออกด้วยคำพูดว่ารักมันเลยเกิดขึ้นแค่ช่วงที่เรายังเป็นวัยรุ่นน่ะ”
“ผมไม่เคยมีความรัก แต่ฟังแล้วดูน่าใจหายจังเลยครับ” ชานยอลมองอีกฝ่ายด้วยความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าระยะเวลาจะทำให้ความรักจืดจางลงหรือเปล่า แต่จากที่ฟังที่คุณจูฮยอนเล่า และเอาไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่ มันก็ดูเหมือนจะมีส่วนจริงอยู่
“มันขึ้นอยู่กับคนด้วยน่ะ บางคนก็รักที่จะแสดงออกด้วยคำพูด แต่บางคนก็ให้การกระทำสื่อแทน” เธอยิ้ม “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันไม่รู้สึกหรอกนะ”
ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลต้องเป็นยอดมนุษย์แน่ ๆ ที่สามารถนั่งฟังเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่ลุกเดินหนีออกไปหน้าร้าน แล้วเอาหัวโขกป้ายต้อนรับอย่างบ้าคลั่งเพราะรับไม่ได้ ใจนึงก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรับฟัง แต่อีกใจก็อยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณแบคฮยอน
และเขาก็ได้แต่นั่งเงียบ โดยไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ ออกไป
เด็กหนุ่มรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ที่เลือกปล่อยให้คุณจูฮยอนคิดอย่างนั้นต่อไป มากกว่าการเตือนสติบอกเธอให้หันไปสนใจคุณแบคฮยอนบ้าง ต่อให้ใครหลายคนจะบอกว่าปาร์คชานยอลเป็นคนดี แต่เขายอมเป็นคนเลวเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน และรักกันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เด็กหนุ่มไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ แล้วเห็นว่าคุณแบคฮยอนมีความสุขแค่ไหนเวลาอยู่กับเธอ
‘ผมขอโทษครับ... คุณแบคฮยอน’
.
.
การใช้ชีวิตของเด็กหนุ่มเริ่มปั่นป่วน หลังจากได้พูดคุยกับคุณจูฮยอนในวันนั้น เธอเป็นคนดีเกินกว่าที่จะได้รับรู้ว่าไอ้เด็กบ้าคนหนึ่งกำลังมีใจให้คนรักของเธอ แต่เรื่องของหัวใจมันห้ามกันยากเหลือเกิน ฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงเลือกเก็บเอาไว้ในใจเหมือนในทีแรก
ชานยอลถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน นึกโกรธตัวเองที่ไม่รู้จักดูแลหัวใจ ถึงได้ปล่อยให้มันคิดไปต่าง ๆ นานา ทั้งเรื่องนัดกินข้าวเวลาสองทุ่มที่ว่านั่น... ที่มันตรงกับเวลาว่างของคุณจูฮยอน พอมีเรื่องให้คิด เรื่องน่าปวดหัวก็ตามมาเรื่อย ๆ
อย่างเช่นคุณแบคฮยอนกับคุณจูฮยอนรักกันมากแค่ไหน วัน ๆ หนึ่งคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ตอนที่คุยกับเขาแล้วสลับหน้าจอไปคุยกับเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของคนตัวเล็กนั้นฉีกกว้างกว่าเดิมหรือเปล่า? เวลาอยู่ด้วยกันสองคนเป็นอย่างไร ไปจนถึงเรื่องบนเตียงที่ไม่อยากนึกถึง
เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่บนฟุตปาธ ก้มหน้าดูรูปที่เขาแอบถ่ายคุณแบคฮยอนในสวนสนุกด้วยความคิดถึง อยากเจอจัง ทำไมหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ชั่วโมงมันถึงยาวนานขนาดนี้ เขาอยากเป็นคนที่โผล่ไปหาคุณแบคฮยอนได้โดยไม่ต้องพึ่งเหตุผล อยากพูดว่ารัก พูดว่าคิดถึงให้หายอึดอัดเท่าที่ต้องการ แต่สิ่งที่ปาร์คชานยอลทำได้ก็คือ ส่งข้อความไปถามอีกฝ่ายด้วยประโยคสุดเบสิกว่าทำอะไรอยู่
ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นโลเกชั่นไซต์ก่อสร้าง เด็กหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว แต่คุณแบคฮยอนก็ยังตรวจงานไม่เสร็จ ซึ่งเด็กอย่างเขาก็ถูกความเป็นห่วงเล่นงานอีกจนได้ เมื่อขาที่ควรเดินกลับบ้าน มันวกหันหลังแล้วมุ่งตรงไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกวัตถุดิบดี ๆ ในการทำอาหาร
ชานยอลไม่ได้คิดอยากเอาใจ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายคงปวดหัวกับงานจนไม่ยอมออกไปกินข้าว เขาก็คงยอมปล่อยให้เป็นเหมือนทุกครั้งไม่ได้ ทั้งที่มีแฟนเป็นหมอ แต่คุณแบคฮยอนก็ชอบละเลยเรื่องสุขภาพ แล้วเขาจะอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไรกัน
เสียงน้องสาวตะโกนไล่หลังไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหยุดให้ความสนใจ ชานยอลเข้าครัวแล้วก้มหน้าก้มตาทำมื้อเย็นอย่างขะมักเขม้นและใส่กล่องเป็นอย่างดี เขาใช้เวลาไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมงกับเมนูสามอย่าง ก่อนจะหันไปสั่งซูยองให้ล็อกบ้านดี ๆ
พอลงจากรถเมล์ก็กวาดสายตาไปรอบข้าง ก้มลงมองหน้าจอมือถือเป็นระยะ พร้อมขายาวซึ่งกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามตำแหน่งโลเกชั่นที่อีกฝ่ายแชร์มา จนกระทั่งมาถึงไซต์ก่อสร้างในที่สุด
ไฟสปอร์ตไลท์ฉายอยู่เป็นจุดทำให้ไซต์ก่อสร้างไม่น่ากลัวจนเหมือนบ้านผีสิง ชานยอลเลียริมฝีปากพลางชะเง้อหน้ามอง หากเดินเข้าไปเฉย ๆ โดยไม่บอกคุณแบคฮยอนก่อนคงถูกมองไม่ดีแน่ ยังไงปาร์คชานยอลก็ชอบตัวเองเวลาเป็นเด็กดีในสายตาอีกฝ่ายมากกว่าเป็นไหน ๆ เอาไงดี... ทำเป็นส่งข้อความถามเรื่องกินข้าวดีไหมนะ แต่ถ้าอีกฝ่ายตอบว่ากินแล้วล่ะ? ก็คงต้องเก็บทุกอย่างกลับบ้านใช่ไหม
ปาร์คชานยอลทำอะไรโง่ ๆ จนติดเป็นนิสัย แม้แต่ตอนขาพามาถึงที่นี่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับอาหารทั้งสามอย่างนี้ เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วเอาหัวโขกผนังกับความซื่อบื้อ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันไปเห็นว่าตอนนี้มีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ก็ยืนมองอยู่ตั้งนาน คิดว่าคนงานซะอีก มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะเรา?” คุณแบคฮยอนหัวเราะ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือเรื่องดี แต่เดี๋ยวนะ... เด็กที่อีกฝ่ายอุ้มอยู่น่ะคือ...
“นั่นแทโอเหรอครับ?”
“อ๋อ ใช่ พอดีวันนี้แม่แทโอว่าง ก็เลยขอเอาลูกไปอยู่ด้วยวันนึง แต่ผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งวันแทโอก็ร้องโยเยหาพ่อแล้ว พอโทรตามไอ้จงอิน ทางนั้นก็หัวเสียใหญ่เลย เพราะมันไปเรื่องงานที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เช้า ฉันก็เลยไปรับหลานมา อย่างน้อยแทโอก็ชอบขนมที่ฉันให้น่ะนะ”
ชานยอลไม่รู้ว่าทำไมต้องเขินที่คุณแบคฮยอนหัวเราะเบา ๆ พลางกอดโอ๋เด็กตัวน้อยซึ่งผล็อยหลับไปแล้ว เขาอมยิ้มพลางเกาท้ายทอย คำพูดมันจุกอยู่ที่คอแล้ว ในหัวเอาแต่คิดว่าจะอธิบายอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจได้โดยไม่ต้องเกิดคำถาม
“เห็นว่าโลเกชั่นที่คุณแชร์มามันอยู่ใกล้บ้าน ผมก็เลยทำกับข้าวมาให้น่ะครับ เผื่อว่าคุณจะอยู่ทำงานจนดึก แต่ถ้าคุณกินแล้วก็ไม่เป็นไรนะ ผมจะ--” อีกฝ่ายทำให้เขาหยุดพูดด้วยของเล่นเด็กที่แตะอยู่ตรงริมฝีปาก คนตัวเล็กยิ้มบาง ๆ พลางหลุบสายตาลง มองถุงพลาสติกในมือเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากัน
“กำลังหิวพอดีเลย”
เชื่อเถอะ ชานยอลพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้ว แม้จะรู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้าซึ่งมันลามไปจนถึงใบหู แต่การกลั้นยิ้มทั้งที่รู้สึกดีสุด ๆ มันก็เป็นเรื่องยากจริง ๆ
ขอบคุณที่ยืดเวลาให้เราได้อยู่ด้วยกัน โดยไม่บอกว่า ‘ฉันอิ่มแล้ว’
.
.
หลังจากนั่งมองคุณแบคฮยอนจัดการมื้อเย็นตอนดึกเสร็จ เขาก็จัดการเก็บโต๊ะแล้วบอกให้อีกฝ่ายไปนั่งทำงานต่อ ชานยอลไม่เคยรู้สึกว่าเบื่อเลยสักวินาทีเดียวกับการอยู่ที่นี่ เพื่อมองอีกคนนั่งเคลียร์เอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างตั้งใจ โดยมีแทโอโชว์พุงอยู่บนตัก ชานยอลไม่ใช่คนรักเด็กเสียทีเดียว ชนิดว่าถ้าเจอก็ไม่ถึงขั้นอยากวิ่งเข้าใส่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เมื่อเขากำลังรู้สึกดีที่คิมแทโอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่กดดันกับความเงียบ
หลายครั้งที่คนตัวเล็กคัดจมูก แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงไม่ละออกห่างจากเอกสารบนโต๊ะ วิศวกรหนุ่มเป็นคนจริงจัง และดูเท่มากเวลามองจากมุมนี้ ถ้าโตขึ้นเขาก็อยากเป็นผู้ใหญ่แบบคุณแบคฮยอน
“อัปป้า...”
“...”
คนตัวเล็กละสายตาจากโต๊ะทำงาน พลางมองไปยังเด็กน้อยสามขวบที่กำลังตั้งเค้าเตรียมงอแงหลังจากรู้สึกตัว ซึ่งชานยอลคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เมื่อเด็กหนุ่มค่อย ๆ ช้อนตัวแทโอแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมตบหลังปุ ๆ
“แทโอย่า ไม่ร้องนะ” โชคดีที่งานเสร็จพอดี ไม่อย่างนั้นการโอ๋ให้แทโอสงบคงเป็นเรื่องยาก แบคฮยอนเก็บเอกสารใส่แฟ้มเตรียมพร้อมกลับคอนโด พลางมองไปยังเด็กตัวสูงที่กำลังโอ๋น้องในอ้อมกอด
“อัปป้า... ตะโอจะไปหาอัปป้า” เด็กน้อยเบ้ปาก เกาะหลังพี่ชายตัวโตพร้อมบีบน้ำตาขณะมองหน้าอาแบคฮยอน
“เดี๋ยวอาจะพาไปหาอัปป้า แต่ตอนนี้แทโอต้องหยุดร้องไห้ก่อน โอเคไหม?”
“ฮึก”
“ถ้าร้องไห้แล้วหมีจะกินอัปป้านะ...” ชานยอลหลุดยิ้มออกมอย่างห้ามไม่ได้กับคำขู่ของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ไม่เอานะ! หมีจะกินอัปป้าไม่ได้!”
“งั้นก็หยุดเดี๋ยวนี้เลย คนเก่งเขาไม่ร้องไห้กันหรอก”
“ตะโอไม่ได้ร้องไห้ ตะโอแค่น้ำตาไหลเฉย ๆ”
“ขี้โม้จัง อาไม่เชื่อหรอก เมื่อกี้ยังร้องหาอัปป้าอยู่เลย”
“ตะโอไม่ได้ร้อง!”
“จริงเหรอ ไหนขออาดูใกล้ ๆ ซิ”
ชานยอลชำเลืองมองอีกคนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เด็กน้อยซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา คุณแบคฮยอนคงชอบเด็กมากจริง ๆ การพูดคุยและสีหน้าที่แสดงออกถึงดูเป็นธรรมชาติขนาดนี้
“อา... จริงด้วยแฮะ”
“แบคฮยอนพาตะโอไปหาอัปป้านะ”
“ได้ แต่เราต้องเกี่ยวก้อยสัญญากันก่อน”
เด็กหนุ่มชอบที่จะยืนอยู่เฉย ๆ แบบนี้ แล้วฟังบทสนทนาระหว่างผู้ชายอายุสามสิบสี่กับเด็กวัยสามขวบ มองดวงตาคู่นั้นที่มองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู แม้ว่าสีหน้าจะอิดโรยจากการทำงานมาทั้งวัน
มันตลกดี ที่เขาคิดว่าตอนนี้เราทั้งสามคนเหมือนพ่อแม่ลูกกัน
“ตั๋นยาอะไร...”
“สัญญาว่าแทโอจะหลับตา แล้วก็ห้ามงอแงจนกว่าอัปป้าจะมา ไม่งั้นหมีบุกโลกแน่”
“อะไรอะ! ตำไมหมีนิสัยไม่ดีอีกแล้ว! แบคฮยอนไย่หมีไปได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก หมีมันตัวใหญ่มาก ๆ เลยนะ อัปป้าคนเก่งของแทโอก็สู้ไม่ได้” คนตัวเล็กทำหน้าจริงจัง พร้อมอ้าแขนออกเพิ่มความเวอร์ให้เด็กกลัวขณะที่เรากำลังเดินออกไปขึ้นรถ
“งั้นพี่ก็ได้ พี่ชายไย่หมีให้อัปป้าของตะโอทีนะ” เด็กน้อยหันมาสบตาเขาหวังขอความช่วยเหลือ ดวงตาแป๋ว ๆ กับแก้มยุ้ย ๆ ดูน่ารักขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เพียงเพราะเด็กคนนี้หันมาให้ความสนใจ
“แทโออยากให้พี่ทำอะไรนะ?”
“ไย่หมีให้อัปป้าของตะโอ พี่ชายตัวไหย่ ต้องไย่หมีได้ ปล่อยให้แบคฮยอนโดนกินแล้วช่วยอัปป้าของตะโอนะ...”
“อะไรกัน ดูพูดเข้าสิ” คนตัวเล็กเลิกคิ้ว พร้อมดึงแก้มยุ้ยอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะมองเด็กตัวสูงที่เอาแต่ยิ้มขำ เหมือนว่าเห็นด้วยกับคำพูดเด็กอายุสามขวบ “ขำอะไรน่ะเรา”
“กำลังคิดว่าจะช่วยไล่หมีให้แทโอยังไงน่ะครับ”
“มันตลกมากเลยสินะ ใช่ซี้ ฉันมันไม่มีดวงกับเด็ก” คุณแบคฮยอนถอนหายใจพลางมองตัดพ้อเด็กสามขวบ และไม่ลืมที่จะชี้หน้าขู่ให้รีบหลับตา ซึ่งแทโอก็ทำตามทันทีเพราะกลัวพ่อถูกหมีกิน
“ไม่เห็นจะตลกเลย ผมชอบเวลาคุณอยู่กับเด็กนะ”
“หืม?” คนตัวเล็กเลิกคิ้ว และนั่นทำให้เด็กหนุ่มเบิกตากว้างกับคำพูดโง่ ๆ ที่หลุดปากออกไป
“อ๋อ ผมหมายถึงว่าดูคุณเล่นกับเด็กแล้วเพลินดีครับ น้องก็คุยเก่ง ผมชอบฟัง” ชานยอลหัวเราะ ก่อนจะเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วสบถด่าตัวเอง
เด็กหนุ่มเปิดประตูรถ โดยมีเด็กน้อยวัยสามขวบนั่งบนตัก เกาะแหมะดิ้นยุกยิกอยู่ในอ้อมกอดเขากับการถูกบังคับให้หลับตาจนกว่าพ่อจะมา ยิ่งเห็นว่าเจ้าตัวแอบลืมตาระหว่างที่คุณแบคฮยอนไม่เห็น ก็ยิ่งรู้สึกว่าคิมแทโอน่าเอ็นดู
เรานั่งรถเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไร ซึ่งมันน่าเสียดายเหลือเกินกับช่วงเวลาอันน้อยนิดที่จะได้อยู่ใกล้คุณแบคฮยอน เขาอยากพูดอะไรมากกว่านี้ อยากชวนคุย อยากถามถึงอาการคัดจมูกที่อาจทำให้เป็นหวัดได้ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ แต่เขาก็แค่นั่งเงียบจนกระทั่งรถขับมาถึงหน้าบ้าน
“ขอบคุณที่มาส่งผมนะครับ”
“ฉันสิต้องขอบคุณที่อุตส่าห์ทำกับข้าวไปให้กินถึงไซต์งาน” คุณแบคฮยอนยิ้ม เอาเถอะ อย่างน้อยคนตัวเล็กก็กินอาหารที่เขาทำจนเกือบหมด ถือว่าวันนี้ภารกิจเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
“คุณเหมือนจะไม่ค่อยสบาย เพราะงั้นคืนนี้อย่าสระผมก่อนนอนเลยนะครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” ชานยอลมองอีกคนที่พยักหน้าเป็นคำตอบ และตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เขาอยู่ต่อแล้ว “ถ้าหายใจไม่ออก ก็นอนหมอนสูง ๆ นะครับ”
เด็กหนุ่มหลุบสายตาอย่างขลาดอาย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ หลังจากที่เขาหยิบยื่นความเป็นห่วงเป็นใยให้ ชานยอลค่อย ๆ ประคองร่างเด็กน้อยในอ้อมกอดให้นั่งแทนที่ตนเอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อแทโอดึงคอเสื้อเขาเอาไว้
“จะไปไหน!”
“แทโอ เดี๋ยวเสื้อพี่เขาจะขาดนะ” คุณแบคฮยอนเข้ามาจับมือเล็กไว้ ขณะที่ชานยอลกำลังสบตากับเด็กน้อยที่มองมาอย่างดุดัน
“ไหนบอกว่าจะช่วยไย่หมีให้อัปป้าไง! พี่ชายจะหนีเหรอ! ห้ามนะ! ต้องอยู่ช่วยแบคฮยอนไย่หมี!”
ชานยอลทำตาปริบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองคนตัวเล็กที่คงเหวอกับประโยคเมื่อครู่เหมือนกัน แทโอยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อ ซึ่งจะผิดไหมถ้าจะบอกว่าเขารู้สึกดีที่ถูกเด็กคนนี้ห้ามไว้
“เอาอัปป้ามา!!!!”
“แทโอ...”
“พี่ชายต้องไปไย่หมีเดี๋ยวนี้!!! ตะโอจะอยู่กับอัปป้า!!!” เด็กน้อยเขย่าคอเสื้ออีกคนจนตัวโยกเอง ชานยอลยิ้มเจื่อน มองคนตัวเล็กเป็นเชิงขอความเห็น
“...เอาไงดีครับ”
“อ๊า ให้ตายเถอะ” คุณแบคฮยอนถึงกับกุมขมับ เด็กหนุ่มนึกขอโทษในใจที่เขาอยากปล่อยให้แทโองอแงมากกว่าช่วยคนตัวเล็กห้ามปราม
ชานยอลอุ้มเด็กน้อยออกมานอกรถแล้วหอมแก้มเสียฟอดใหญ่ แม้เจ้าตัวแสบจะยู่หน้าไม่พอใจ แต่คิมแทโอก็สมควรได้รับรางวัลนี้ คุณแบคฮยอนเปิดประตูออกมา พร้อมเท้าแขนกับหลังคาและมองมาทางนี้ราว ๆ ห้าวินาที ก่อนจะพูดประโยคที่เรียกรอยยิ้มเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าในค่ำคืนนี้ได้อย่างง่ายดาย
“โทษทีนะ คืนนี้ขอค้างด้วยได้ไหม?”
.
.
เพดานบ้านไม่เคยน่ามองขนาดนี้มาก่อนเลย ชานยอลเอาแต่นอนยิ้มอยู่บนโซฟา เพียงแค่คิดว่าตอนนี้อีกคนนอนอยู่บนเตียงของเขา โชคดีที่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนไปเมื่อวันก่อน ไม่อย่างนั้นคงเสียฟอร์มแย่ถ้าคุณแบคฮยอนต้องนอนบนเตียงเหม็น ๆ
ในทีแรกแทโอไม่ยอมหลับ จนกระทั่งเขาบอกว่าจะนั่งเป็นฮีโร่อยู่ข้างนอกเพื่อรอจัดการหมีให้คุณจงอิน น้องถึงยอมนอนแต่โดยดี ก็นั่นแหละนะ... เด็กที่ถูกความกลัวเล่นงาน จะงอแงแค่ไหนแต่สุดท้ายก็แพ้ความง่วงอยู่ดี
แต่เด็กที่ถูกความตื่นเต้นเล่นงานอย่างเขานี่สิจะหลับลงอย่างไร เมื่อในหัวมีแต่คุณแบคฮยอนวิ่งวนอยู่ตลอดเวลา อยากเข้าไปถามว่าหนาวหรือเปล่า เอาผ้าห่มเพิ่มไหม แต่ก็ทำได้แค่นอนคิด เขากลัวคนตัวเล็กไม่สบายจริง ๆ นะ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นว่าหน้าดูซีดเซียวไป แถมยังจามอีกด้วย
ชานยอลดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ก่อนจะเห็นว่าคุณแบคฮยอนเดินออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่เล็กน้อย “ยังไม่นอนเหรอ?”
จากสีหน้าสุดอะเลิร์ทของเขาคงไม่สามารถตอบไปในทางอื่นได้ ชานยอลยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะลุกไปเปิดไฟ แล้วก็ได้เห็นสีหน้าอิดโรยของคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนของเขา
“เธอเข้าไปนอนกับแทโอได้ไหม ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ กลัวหลานติดน่ะ”
ชานยอลไม่ได้ตอบตกลง ขอโทษที่คำขอเมื่อครู่มันไม่สำคัญเท่ากับอาการของคุณแบคฮยอน ขายาวตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมมองด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“กินยาหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้”
“อืม รบกวนด้วยนะ ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเลย” คนตัวเล็กว่า และเด็กหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปในครัวเพื่อเอากระปุกยาในตู้และรินน้ำเปล่าให้ และพอกลับไปที่โซฟา ก็พบว่าตอนนี้คุณแบคฮยอนขึ้นไปนอนขดตัวอยู่บนนั้นแล้ว
“กินแล้วนอนเลยนะครับ”
“ขอโทษนะ ทำให้เธอต้องลำบากไปด้วยเลย”
“ถ้าลำบากต้องมาจากการฝืน แต่ถ้าทำด้วยความเต็มใจต้องไม่เรียกอย่างนั้นครับ” เด็กหนุ่มยิ้มพลางนั่งลงบนพื้น มองอีกฝ่ายลุกขึ้นมากินยาแล้วลงไปนอน และไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงช่วงไหล่
“เข้าไปนอนเถอะ ฉันไม่เป็นไร”
ชานยอลกระพริบตาอยู่ในที แล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินออกมาก่อนจะพิงหลังกับผนัง พลางหันไปมองอีกคนที่นอนหลับตาอยู่บนโซฟา สักพักเลยทีเดียวจนกระทั่งคนตัวเล็กหลับไป
ขอโทษที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ แทนที่จะเข้าไปนอนเพื่อตื่นไปโรงเรียนแต่เช้าเหมือนกับทุกวัน แต่ความเป็นห่วงยังคงตรึงขาเด็กหนุ่มไม่ให้ไปไหน ชานยอลก้มหน้าลงพลางถอนหายใจ ก่อนจะเข้าไปหยิบหมอนในห้องแล้วออกมาโดยไม่ปิดประตู หากแทโองอแงเขาจะได้เข้าไปหาน้องในทันที
เด็กตัวสูงนั่งลงบนพื้นพร้อมกอดหมอนไว้แนบอก เอนหลังพิงกับผนังพลางมองอีกคนที่หลับอยู่บนโซฟา คุณแบคฮยอนไม่ใช่คนเหล็กสักหน่อย ทำงานจนดึกเกือบทุกวันอีกทั้งยังพักผ่อนน้อย คงไม่แปลกที่จะป่วย
เด็กหนุ่มเสิร์ชหาเมนูสำหรับคนป่วย คิดว่าถ้าทำให้กินก่อนออกไปโรงเรียนคงดีกว่าปล่อยให้คุณแบคฮยอนดื่มกาแฟ เสียงหายใจติดขัดชวนให้เป็นกังวลเข้าไปอีก ชานยอลไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จะกี่โมงกี่ยาม และมีเวลาเหลือให้นอนก่อนตื่นไปเรียนอีกเท่าไหร่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้อง ค่อย ๆ ดึงลิ้นชักออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เด็กสามขวบตื่นขึ้นมางอแง ก่อนจะตรงเข้าไปในครัวเพื่อเปิดน้ำใส่ผ้าขนหนูผืนเล็กขนาดเหมาะมือ บิดพอหมาด ๆ แล้วกลับมาที่เดิม
เขาไม่ควรเช็ดตัวให้ มันมากเกินไปสำหรับเด็กอายุสิบเก้าที่ปากบอกว่าเคารพอีกฝ่าย และแม้จะเป็นห่วงแค่ไหน ชานยอลก็อยากให้คุณแบคฮยอนหลับยาวไปจนถึงเช้าแทนที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อถามว่าเขากำลังทำอะไร
เด็กหนุ่มค่อย ๆ ช้อนศีรษะทุยขึ้นอย่างเบามือ จัดหมอนให้อยู่สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เล็กน้อยเพื่อให้คนป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น ตอนนี้ยังถือว่าโชคดีที่คุณแบคฮยอนยังไม่ตื่น เขาจึงเอาผ้าขนหนูที่ชุบน้ำเย็นมาพับเป็นสามทบ ก่อนจะเกลี่ยปอยผมหน้าม้าขึ้นเล็กน้อยแล้ววางมันลงไป อย่างน้อยเขาก็อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายตัว
หัวใจเต้นแรงเพียงเพราะได้มองคนที่ชอบหลับ ชานยอลไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ และเขาก็ไม่อยากทำอย่างนั้น เด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ นั่งลง จ้องดวงหน้าขาวในระยะใกล้โดยไม่สนใจเข็มนาฬิกาที่ค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เหมือนความรู้สึกของเขา
ที่มีแต่จะเดินไปข้างหน้าเพราะชอบคุณแบคฮยอนมากขึ้น ซึ่งมันคงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดยั้งแล้ว
TBC
ความคิดเห็น